9

บทที่ 9


 

9

สวนน้ำในรีสอร์ตขึ้นชื่อของจังหวัด เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่ สระน้ำเกลือขนาดใหญ่ตกแต่งได้กลมกลืนกับธรรมชาติ ถ้ำบ้าง น้ำตกบ้าง ให้สมกับชื่อ ‘กลางพงไพร’ ซึ่งเป็นรีสอร์ตและสวนอาหารในละแวกใกล้เคียงกัน ในสวนน้ำมีสไลเดอร์ที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างรอคิวใช้บริการ เด็กบางคนปีนป่าย บางคนกระโดดลงน้ำส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว

เอกวิญช์และกลุ่มเพื่อนนักกีฬาได้รับอนุญาตจากโคชประจำทีมให้หยุดซ้อม พักผ่อนคลายกล้ามเนื้อเพื่อลดทอนความเครียด ก่อนจะเข้าคอร์สเก็บตัวกันอย่างเข้มข้น

ชายหนุ่มนัดแนะกับกลุ่มเพื่อนในคณะที่สนิท ตัดสินใจจองห้องพักที่กลางพงไพรรีสอร์ต สองวันกับการพักผ่อนที่นี่เหมือนสมองปลอดโปร่ง ร่างกายได้รับการบำบัด เขานั่งแช่อยู่ในสระน้ำเกลือ มองความซุกซนตามวัยของเด็กชายหญิงด้วยความเอ็นดู รวมไปถึงสาวใสวัยรุ่นในชุดว่ายน้ำหลากสีสันที่ยกพลลงสระกันมาเป็นกลุ่ม ประสาชายวัยยี่สิบก็ต้องมองเป็นธรรมดา

เอกวิญช์คงจะอิ่มตาอิ่มใจได้มากกว่านี้ ถ้าไม่เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่รูปร่างหน้าตาคล้ายพี่เขยปรากฏตัวอยู่ที่นี่ด้วย เมื่อเพ่งมองจนแน่แล้วว่าใช่คนเดียวกันแน่ จึงรีบหลบเข้ามาในจุดลับตาที่คิดว่าบดินทร์ฉัตรจะมองไม่เห็น 

“มากับใครวะ”

เขาไม่ได้ถามใคร แต่ที่สงสัยเพราะบดินทร์ฉัตรไม่ได้มาคนเดียว เห็นพาเด็กผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ไว้ผมหน้าม้า มัดผมลอนเป็นแกละและสวมชุดว่ายน้ำลายดอกสีชมพูมาด้วยอีกคน สุดท้ายความอยากรู้ก็พาเอกวิญช์ขึ้นจากสระ คว้าผ้าเช็ดตัวพาดบ่า ก่อนจะเดินไปหยิบแว่นกันแดดทรงโตและหมวกของเพื่อนมาสวมอำพรางใบหน้าเอาไว้

“คุณพ่อขา น้องไลท์หิวน้ำค่ะ”

เอกวิญช์ใจสั่นเมื่อได้ยินสรรพนามที่หนูน้อยใช้เรียกพี่เขย เขาไม่กล้าชำเลืองมองมากนักเพราะกลัวถูกจับได้ จึงเดินผ่านบดินทร์ฉัตรไปยังมุมหนึ่งของสระน้ำแล้วแสร้งสนใจทัศนียภาพรายรอบ

 

บดินทร์ฉัตรเดินไปหยิบขวดน้ำหวานจากเป้สัมภาระซึ่งวางอยู่ไม่ไกลมายื่นให้ลูกสาว เกือบชั่วโมงแล้วที่หนูน้อยเล่นสนุกกับห่วงยางแพนกวินตัวโตในสระของเด็ก น้ำหวานพร่องลงไปเยอะ เลศยาจึงส่งขวดคืนแล้วกางแขนขอให้พ่ออุ้มขึ้นมานั่งพักบนขอบสระ

“วันที่ไปสวนสนุก มีใครไปบ้างเหรอลูก”

“มีน้องไลท์ แม่รัน แล้วก็ลุงภันค่ะ ซาหนุกมากๆ ค่ะ น้องไลท์ชอบพาเหรด รถไฟฉึกฉักก็มีค่ะ”

“แล้วแม่รันกับลุงภันนี่สนิทกันไหม พ่อหมายถึง เขาเป็นอะไรกัน”

                คำถามของบดินทร์ฉัตรทำให้เลศยาขมวดคิ้ว หนูน้อยเอียงหน้า กะพริบตาสองสามครั้งแล้วยกสองมือป้อมดึงผมแกละของตัวเอง

“แม่รันเป็นแม่รัน ลุงภันเป็นลุงภันค่ะ”

บดินทร์ฉัตรคิดว่าเขาควรเปลี่ยนคำถาม เขาอยากรู้ความสัมพันธ์ระหว่างลลนากับคัมภัน แต่เลศยายังเล็กเกินกว่าจะให้ข้อมูลที่เขาต้องการได้

“ลุงภันเคยไปนอนที่บ้านกับน้องไลท์ไหมคะ”

“ไม่ค่ะ แต่แม่รันมีห้องฉวยๆ เห็นแม่น้ำค่ะ ลุงภันกับน้องไลท์ไปนอนที่นั่นด้วยค่ะ”

บดินทร์ฉัตรหูอื้อ ลมหึงตีขึ้นหน้า เขากำหมัดจนข้อนิ้วเกร็ง เชื่อหมดใจแล้วว่าลลนากับคัมภันมีสัมพันธ์ลึกซึ้งเกินเลย

“คุณพ่อเป็นอะไรคะ”

บดินทร์ฉัตรส่ายหน้าเมื่อลูกสาวจับมือเขา ตาโตสวยถอดแบบลลนาไม่ผิดเพี้ยนจ้องมองมาแล้วลูกก็ฉีกยิ้มกว้าง ถ้าเขาลดทิฐิในใจตัวเองในวันที่ลลนายอมคุกเข่าขอโทษ วันนี้ครอบครัวเขาคงอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูก แต่จะมีประโยชน์หรือ ลลนาไม่ได้รักเขา เห็นจะมีแต่เขาที่บ้าบอกับคำรักหลอกลวงของผู้หญิงปลิ้นปล้อน

“วันนี้แม่รันไปทำงานกับใครคะ”

“ลุงนนท์ค่ะ ตอนเย็นแม่รันจะจัดวันเกิดน้องไลท์ คุณพ่อไปนะคะ ลุงภันก็ไปด้วยค่ะ”

มันขัดหูเมื่อลูกสาวยังเอ่ยถึงคัมภันอยู่ตลอดเวลา ทั้งสองดูสนิทสนมกัน และคงไม่ใช่แค่กับเลศยาเท่านั้น ลลนาเองก็คงถึงไหนต่อไหนกับคัมภันเรียบร้อยแล้ว ใจเขามันจี๊ด ก่อนความคิดหนึ่งจะสว่างในหัวทำให้ยิ้มออกมาได้ 

“เราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีไหมลูก พิซซาไหม ไก่เคเอฟซีก็ได้”

“ไปค่ะ แต่แม่รันบอกว่ากินบ่อยไม่ดี”

“ไม่บ่อยนี่ วันนี้เป็นวันเกิดของลูกไง อยากกินอะไร อยากได้อะไรพ่อพาไปซื้อ ดีไหม”

บดินทร์ฉัตรเอาใจลูกสาวเต็มที่ เพราะหวังกอบโกยคะแนนที่ถูกคัมภันแย่งไปครอง วันนี้เขาตั้งใจจะอยู่กับเลศยาทั้งวัน ก่อนจะพาไปส่งที่รีสอร์ตช่วงเย็นตามที่รับปากกับพัทนีเอาไว้

สองพ่อลูกตกลงกันได้แล้วจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกจากสวนน้ำ บดินทร์ฉัตรไม่มีโอกาสรู้ว่าเอกวิญช์ยังสะกดรอยตามเขากับลูก พร้อมทั้งเก็บภาพเอาไว้เพื่อส่งให้พี่สาวตนภายหลัง

 

เอกวิญช์แปลกใจนัก ถ้าบดินทร์ฉัตรมีผู้หญิงอีกคนจริง ควรใช้เวลาที่มีค่ากับหล่อนมากกว่าการเป็นพี่เลี้ยงเด็ก แต่เขายังไม่เห็นวี่แววของแม่เด็กเลย

“ใช่ลูกพี่ฉัตรจริงๆ รึเปล่า”

เขาสร้างความสงสัยให้ตัวเองหลายข้อแล้วเหยียบคันเร่งตามรถของบดินทร์ฉัตรไปห่างๆ ปล่อยให้รถคันอื่นบังหน้ารถเขาบ้างเพื่อไม่ให้เหยื่อสายตาผิดสังเกต

 

ลลนาปิดเสียงโทรศัพท์เมื่ออยู่ในห้องสัมมนา และหยิบโทรศัพท์ออกมาดูอีกครั้งช่วงเวลาพักบ่ายสามโมง เห็นเบอร์ไม่ได้รับสายของพัทนีค้างอยู่ที่หน้าจอจึงรีบติดต่อกลับ และข่าวที่ได้รับราวกระชากเรี่ยวแรงที่เหลือจนยืนต่อไม่ไหว หล่อนหน้าซีด มือเย็น

รัชชานนท์ช่วยประคองหญิงสาวให้นั่งลงบนโซฟาตัวใกล้ๆ รอกระทั่งหล่อนวางโทรศัพท์แล้วหันมาส่งสายตายุ่งยากราวว่าเกิดปัญหาใหญ่

“เกิดอะไรขึ้นเหรอรัน”

“เขาพาลูกไปอีกแล้ว เขาโกหกป้าพัดว่าโทร. ขอรันแล้ว ป้าพัดถึงยอมให้ยายไลท์ไปกับเขา”

เสียงนั้นสั่น หัวใจคนเป็นแม่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว บดินทร์ฉัตรเจ้าเล่ห์นัก เขาเล่นละครให้พัทนีเชื่อสนิทใจว่าโทรศัพท์ขออนุญาตหล่อนแล้วจริงๆ

“เขาพาลูกไปที่ไหน ได้บอกรึเปล่า”

“สวนน้ำที่กลางพงไพร แต่เขารับปากว่าจะพาลูกกลับไปส่งก่อนรันกลับไป รันไม่เชื่อเขาหรอกนนท์ เขาโกหก ขนาดไม่ได้คุยกับรันเขายังบอกว่าคุย เขาไม่มีวันพายายไลท์ไปส่งคืนแน่ๆ”

น้ำตาคลอตา หล่อนบอกรัชชานนท์ว่าขอกลับก่อน การสัมมนาในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อจากนี้ขอฝากให้รัชชานนท์ช่วยสานต่อแทน เพราะกะจิตกะใจของหล่อนกลับไปที่รีสอร์ตแล้ว เป็นห่วงเลศยาเหลือเกิน

“ไม่ต้องห่วงนะรัน เดี๋ยวนนท์นั่งสองแถวไปลงที่รีสอร์ตได้ รันรีบไปเถอะ”

“ขอโทษนะนนท์ ที่ทำให้นนท์ต้องลำบาก”

“ไม่ต้องคิดมาก ขับรถดีๆ นะ ไปตามหลานนนท์กลับมาให้ได้”

รัชชานนท์ยื่นกุญแจรถให้ ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นใด ลลนาจะไม่ทิ้งความลำบากเอาไว้ให้เขาเช่นนี้เลย

 

ลลนาขับรถไปที่สวนน้ำ ไม่พบบดินทร์ฉัตรกับลูกสาวตามที่คาดเอาไว้ หล่อนขับรถได้น่าหวาดเสียวกลับไปที่รีสอร์ต  พลังห่วงหาลุกโชนอยู่ในอก ยิ่งพัทนีแจ้งว่าเลศยายังไม่กลับมา ลลนายิ่งแทบสติหลุด คนเป็นป้าดึงมือหลานสาวไว้ให้หยุดเดินไปมา พร้อมบอกให้หายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อสงบอารมณ์ฟุ้งซ่าน

“ค่อยๆ คิด ใจเย็นๆ นะรัน มันอาจไม่ได้เลวร้ายอย่างนั้นก็ได้ ป้ามีเบอร์เขา เดี๋ยวป้าจะลองโทร. หาเขาดู”

พัทนีรีบต่อสาย คุยกับบดินทร์ฉัตรไม่นานก็ยื่นโทรศัพท์ให้ลลนา

“เขาอยากคุยกับรัน”

 ใจคนเป็นแม่ร้อนเต็มทน หล่อนขึ้นเสียงใส่บดินทร์ฉัตรเพราะโมโห และสิ่งที่เขาตอบกลับมาช่างทำร้ายจิตใจหล่อนเหลือเกิน

“คิดว่าผมจะพาลูกกลับไปเหรอ”

“คุณฉัตร! คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ ถ้าคุณไม่พาลูกกลับมา ฉันจะแจ้งตำรวจ”

“ถ้าคุณอยากได้ลูกคืน ก็มารับแกด้วยตัวคุณเองสิ”

บดินทร์ฉัตรบอกชื่อสถานที่แล้วตัดสายทันที เขามัดมือชกให้หล่อนยอมรับข้อเสนอนั้นหากต้องการตัวเลศยาคืน

“รันจะไปพาลูกกลับมาค่ะป้า”

 

ลลนาบอกให้ป้ารู้ว่าบดินทร์ฉัตรนัดหมายหล่อนที่ใด ก่อนจะรีบร้อนขับรถออกไป พัทนีมองเห็นความยุ่งยาก หนักใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะตนก็มีส่วนผิดที่หลงเชื่อบดินทร์ฉัตร ไม่คิดว่าเขาจะเจ้าเล่ห์ ซ้ำยังใช้เด็กที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เป็นเครื่องมือ สงสารก็แต่ลลนา เพิ่งมีความสุขได้ไม่กี่วัน กลับต้องระทมทุกข์เพราะคนในอดีตที่ยังจองล้างจองผลาญไม่จบไม่สิ้น

“คุณรันรีบออกไปไหนเหรอครับคุณพัด”

ห้าโมงตามนัด คัมภันมาถึงตรงเวลา วันนี้เขาสวมเสื้อสีแดงลายการ์ตูนมิกกี้เม้าส์ เอาใจเลศยา มาพร้อมปูม้านึ่งตัวโตตามที่ลลนาสั่งเอาไว้

“ไปตามลูกกลับบ้านน่ะ พ่อเขาพาไปแต่เช้า แต่ไม่ยอมพากลับมาส่ง”

“ไปตามที่ไหนครับคุณพัด”

เมื่อพัทนีบอกที่นัดหมาย คัมภันก็หน้าขรึมขึ้นทันที เขาวางกล่องพลาสติกหลายกล่องลงบนโต๊ะ และขอตัวจากไปอย่างรีบร้อน พัทนีเดาได้ไม่ยาก คัมภันต้องตามลลนาไป เขารักและเอ็นดูเลศยาไม่ต่างจากลูกสาว ซ้ำยังเป็นปรปักษ์กับบดินทร์ฉัตรอยู่แล้วตั้งแต่ต้น พัทนีได้แต่ภาวนาขออย่าได้เกิดเรื่องร้ายขึ้นอีกเลย ลลนาเจอเรื่องหนักหนาในชีวิตมาเกินพอแล้ว ถึงเวลาที่ชีวิตของหญิงสาวและลูกจะพบเจอกับความสุขเสียที

 

บดินทร์ฉัตรสั่งให้คนของเขาพาตัวเลศยาไปส่งคืนที่บ้านสีขาวรีสอร์ตแอนด์สปาตั้งแต่วางสายโทรศัพท์จากลลนา มั่นใจว่าหล่อนต้องมาที่นี่ เขาไม่ประสงค์ให้เลศยาได้รู้เห็นเรื่องของผู้ใหญ่ เพราะคืนนี้เขามีเรื่องสำคัญต้องเคลียร์กับลลนาอีกยาว อาจจะถึงเช้าเลยก็เป็นได้

“ให้ผมจัดโต๊ะอาหารให้เลยไหมครับ”

พนักงานของต้นรักรีสอร์ตเดินเข้ามาสอบถาม เพราะบดินทร์ฉัตรแจ้งเอาไว้ตั้งแต่ตอนเข้าพักว่าขอให้จัดดินเนอร์สำหรับเขากับภรรยา ที่ขาดไม่ได้คืออาหารทะเลเลิศรสเมนูที่ลลนาชื่นชอบ และไวน์ขาวชั้นดีสำหรับคืนนี้ที่จะเป็นอีกคืนที่แสนวิเศษสำหรับเรา

“ก็ดีนะ ภรรยาผมคงใกล้จะมาถึงแล้ว”

 

บดินทร์ฉัตรเดาได้ถูกเผง เพราะโต๊ะอาหารไม่ทันเรียบร้อย รถของลลนาก็เลี้ยวเข้ามาที่ลานจอดของรีสอร์ต หล่อนลงจากรถอย่างรวดเร็ว แวะถามข้อมูลที่ส่วนประชาสัมพันธ์แล้วตรงไปพบบดินทร์ฉัตรที่บ้านพักหลังโตในสวนท่ามกลางบรรยากาศที่แสนร่มรื่น ถ้าอารมณ์เย็นกว่านี้หน่อย หล่อนคงเดินชมทัศนียภาพรอบรีสอร์ตบ้าง

“ลูกฉันอยู่ที่ไหน!”

ชายหนุ่มนั่งรออยู่แล้วที่ศาลาไม้ทรงแปดเหลี่ยมหลังเล็ก ข้างกันมีต้นเล็บมือนางกอใหญ่ ลำต้นเลื้อยขึ้นปกคลุมหลังคาศาลาไว้ ออกดอกเล็กสีแดงเป็นพุ่มส่งกลิ่นหอมระรื่นเคล้าอากาศเย็นย่ำ

“ใจร้อนจัง ไม่ต้องห่วงหรอก ลูกสบายดี”

“นี่คุณฉัตร ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นนะ ยายไลท์อยู่ที่ไหน ฉันจะพาลูกกลับบ้าน”

ลลนาหน้าตึง ซ้ำเสียงก็แข็ง ไม่น่าฟังเอาเสียเลย เขาไม่คิดจะพาลูกไปต้มยำทำแกงที่ไหน หล่อนกระฟัดกระเฟียดใส่เขาเช่นนี้ คงลืมไปกระมังว่าเคยทำร้ายจิตใจเขาอย่างไรบ้าง แม้จะผ่านมานานหลายปี แต่บดินทร์ฉัตรไม่มีวันลืม

“ผมนัดคุณมาที่นี่ เพราะมีเรื่องสำคัญต้องตกลงกัน อย่าใจร้อนสิ ผมไม่ใช่พ่อใจร้ายที่จะอำมหิตกับลูกตัวเองได้ลงคอหรอกนะ”

“หึ แต่คุณก็จับแกเป็นตัวประกัน”

“ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ คุณก็คงไม่มา ใช่มั้ยล่ะ”

บดินทร์ฉัตรเดินลงจากศาลา ลลนาขยับหนีเขาอย่างระวังตัว วันนี้หล่อนสวมเดรสกระโปรงสีชมพูอ่อนตัดกับสูทตัวสั้นทรงทันสมัยสีนวล หล่อนยังสวยตรึงตาเมื่อเครื่องหน้าและทรงผมจัดแต่งไว้เรียบร้อย ริมฝีปากเผยอน้อยๆ ที่เคลือบลิปสติกสีแดงสดนั้นชวนให้จินตนาการไปไกล เสน่ห์ของหล่อนยังต้องตาตรึงใจเขาไม่คลาย 

“ยายไลท์อยู่ไหน”

“อยู่ข้างใน เห็นกำลังหลับสบาย ผมเลยไม่กล้าปลุก”

ลลนาไม่รอฟังคำเขาให้จบประโยค หล่อนก้าวพรวดไปเปิดประตู ร้องหาเลศยาดังลั่น

บดินทร์ฉัตรยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเดินล้วงกระเป๋าตามหลังหล่อนไปอย่างสบายอารมณ์ พัทนีคุยฟุ้งว่าหลานสาวเปลี่ยนไปราวคนละคน แต่สิ่งที่เขาสัมผัสได้คือความใจร้อนของหล่อนยังไม่เปลี่ยนเลย

“ยายไลท์ไม่ได้อยู่ที่นี่ คุณพาแกไปไว้ที่ไหน บอกมานะ”

ลลนาชักสีหน้าใส่ทันทีเมื่อบดินทร์ฉัตรยืนขวางประตูเอาไว้ หล่อนวิ่งหาลูกจนทั่วแล้วจึงรู้ว่าถูกเขาหลอก เลศยาไม่ได้อยู่ในบ้าน เขาจงใจใช้ลูกเป็นเครื่องมือเพื่อล่อให้หล่อนออกมาพบ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดตอนนี้ไม่สำคัญอีกต่อไป ลลนาห่วงเพียงแก้วตาดวงใจของหล่อนเท่านั้น

“บอกมานะ คุณพาลูกไปไว้ที่ไหน”

“ผมจะบอก ถ้าคุณยอมคุยดีๆ และตามใจผม”

ลลนาผละหนีเมื่อมือใหญ่นั้นหมายแตะต้อง นึกไม่ชอบรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กับแววตากรุ้มกริ่ม เพราะมันคือสัญญาณอันตราย เมื่อบดินทร์ฉัตรจงใจเข้าใกล้ สองมือหล่อนก็ยิ่งผลักไสเขาเต็มแรง ลลนาวิ่งออกจากบ้านมาได้ แต่อิสรภาพของหล่อนยังถูกเขาตามมารั้ง

บดินทร์ฉัตรกอดเอวบางของคนเคยคุ้น กลิ่นกายของหล่อนยังฟุ้งชินจมูก ดึงภาพแห่งวันเวลาที่เคยมีกันให้ย้อนกลับมาย้ำให้ยิ่งคิดถึง

“ถ้าอยากรู้ว่าลูกอยู่ที่ไหนก็หยุดดิ้นแล้วฟังผม”

ลลนาปิดสวิตช์ขัดขืนลงโดยพลัน บดินทร์ฉัตรจึงคลายกอดไว้หลวมๆ แล้วมองหน้าหล่อน เขาช่วยปัดปอยผมที่ยุ่งลงปรกหน้าหญิงสาว แต่ไม่อาจเชยคางสวยได้ตามใจปรารถนาเพราะหล่อนสะบัดหน้าหนี

“เข้าไปคุยกันในบ้านเถอะ ค่ำแล้ว ข้างนอกยุงเยอะ” น้ำเสียงเขาอ่อนลงพอๆ กับสองตาคมที่มองมา

“แค่บอกว่าลูกอยู่ที่ไหน ทำไมถึงยากเย็นนัก คุณต้องการแก้แค้นฉัน อยากเห็นฉันเป็นบ้าเป็นบอแบบนั้นใช่ไหมถึงจะสาแก่ใจคุณ”

ลลนาอัดอั้นเหลือเกิน ในทรวงร้อน หล่อนรู้ตัวดีว่าทำร้ายจิตใจบดินทร์ฉัตรเอาไว้มาก แต่เลศยาไม่ใช่เครื่องมือชำระแค้น ถ้าเขารักเลศยามากกว่าตัวเองสักนิด เขาจะไม่ทำเช่นนี้เลย

“เห็นผมเป็นคนใจร้ายตั้งแต่เมื่อไหร่ ตลอดเวลาที่เคยอยู่ด้วยกัน คุณก็รู้ว่าผมเป็นคนยังไง”

บดินทร์ฉัตรเน้นคำว่า ‘เคย’ ย้ำว่าเรื่องของเรามันจบไปตั้งนานแล้ว แต่ทำไมเขายังไม่จบ เหมือนว่าเขากลับมาสานเกมต่อ และเกมใหม่ของเขาคงจบลงเมื่อหล่อนได้ชดใช้ให้อย่างสาสม 

“เรื่องระหว่างฉันกับคุณ ขอร้องนะคะคุณฉัตร อย่าดึงยายไลท์เข้าไปเกี่ยวด้วยเลย ฉันสงสารลูก”

“งั้นก็เข้าบ้านไปคุยกัน ผมสั่งเมนูที่คุณชอบไว้เยอะเลยละ กินคนเดียวคงไม่หมด”

ลลนาแปลกใจ บดินทร์ฉัตรคิดการใดอยู่ เขาต้องการเจรจากับหล่อนจริงเพื่อจบปัญหา หรือมีแผนอื่นที่หล่อนไม่อาจรู้ได้

“ถ้าไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งไปกว่านี้ก็ทำตามที่ผมบอก”

ลลนาปฏิเสธความต้องการของเขาไม่ได้เพราะห่วงความปลอดภัยของลูกสาว หล่อนยังไม่รู้ว่าเขาพาลูกไปซ่อนไว้ที่ใด ถ้าหล่อนแข็งขืนก็กลัวจะไม่ได้เห็นหน้าเลศยาอีกเลยทั้งชีวิต

 

ภาพชายหญิงที่โอบกอดกันเข้าบ้านพักหลังงามสะกดสายตาและเร่งจังหวะหัวใจให้เต้นผิดปกติ คัมภันหยุดเท้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปหาลลนาพลัน ทำเพียงแค่แอบมองหล่อนกับอดีตสามีที่ข้างพุ่มไม้ห่างจากตัวบ้านมาพอสมควร เขาไม่ได้ยินว่าทั้งคู่สนทนาอะไรกัน แต่ภาพที่เห็นนั้นทั้งบาดตาและหัวใจเหลือเกิน บดินทร์ฉัตรคืออดีตสามีของลลนา และมีสิทธิ์ในตัวหล่อนมากกว่าผู้ชายคนนี้ที่ทำได้แค่เพียงแอบมอง

หัวใจคัมภันหวิวไหวเต็มกลืน เขาเดินหมดแรงกลับมาที่รถ ทอดสายตาอาลัยทิ้งไว้บนทางเดินที่ปูยาวด้วยอิฐสีสวยเรียงรายเป็นกลีบดอกไม้ ลึกเข้าไปคือบ้านพักหลังนั้น ที่ลลนายินยอมให้บดินทร์ฉัตรโอบกอดและพากันเข้าไปด้านใน

ชายหนุ่มถามตัวเองว่าไยจึงเจ็บปวด เขามีสิทธิ์หึงหวงลลนาหรือ คนในอดีตของหล่อนถือสิทธิ์เหนือกว่าชายใด ในบ้านหลังนั้นกับบรรยากาศยามค่ำที่แสนโรแมนติก...จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะลึกซึ้งอย่างไรบ้าง

คัมภันหยุดความคิดเพ้อเจ้อของตนไว้เพราะหมดแรงใจจะคิดต่อ เขาปิดเปลือกตาและพ่นลมหายใจแรงก่อนจะเอนพิงพนักเก้าอี้ ทิ้งสมองหนักให้ลืมภาพบาดตา แต่ความพยายามของเขาต้องล้มเหลว เมื่อภาพในมโนกลับฟุ้งซ่านเสียจนข่มตาให้หลับลงไม่ได้

“บ้าจริง!” เขาด่าความคิดเลอะเทอะแล้วลงจากรถ เดินเร็วๆ ไปที่ร้านอาหารของรีสอร์ต เชื่อว่าลลนาต้องอยู่ในบ้านหลังนั้นอีกนาน คิดให้ใจปวดร้าวอีกหน่อยก็อาจถึงเช้า และเขาไม่ควรนั่งจมอยู่กับความฟุ้งซ่าน ท้องเขากำลังร้อง สมองกำลังรวน ควรเติมพลังงานให้ตัวเอง และฆ่าเวลาด้วยการชมฟุตบอลแมตช์สำคัญระหว่างทีมชาติไทยกับประเทศไต้หวัน ซึ่งขณะนี้นักฟุตบอลฝีเท้าดีของไทยตีไข่แตก ทำคะแนนนำไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เอกวิญช์ที่ยืนหลบอยู่ข้างรั้วบ้านอีกหลังยังช็อกกับสิ่งที่เห็น บดินทร์ฉัตรมีผู้หญิงอีกคนจริง และภาพของทั้งคู่ถูกบันทึกลงโทรศัพท์ของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อคิดว่าได้ข้อมูลเพียงพอต่อการเปิดโปงความเลวของพี่เขยจึงรีบออกจากรีสอร์ต เขาผิดหวังกับการกระทำของบดินทร์ฉัตร และปาลิดาที่เป็นภรรยาคงทุกข์ทรมานกับความมักมากของสามีเป็นเท่าทวี

 

พัทนีถอนหายใจอีกครั้งเพราะลลนาไม่ยอมรับโทรศัพท์ คนของบดินทร์ฉัตรพาเลศยามาส่งที่รีสอร์ต และแจ้งให้ทราบว่าลลนาต้องอยู่เจรจาข้อตกลงกับบดินทร์ฉัตรตามลำพังอีกสักพัก พัทนีนึกห่วงหลานสาว ตอบคำถามเลศยาเสียจนอ่อนใจ สามทุ่มแล้วหนูน้อยยังชะเง้อคอรอพ่อแม่ด้วยหวังว่าทั้งสองจะมาร่วมงานวันเกิด ซึ่งตอนนี้กร่อยเสียจนรัชชานนท์หมดทุกมุกเอาใจเด็กหญิงหน้าเศร้าที่กำลังจะร้องไห้

“คุณพ่อกับแม่รันจะไม่มาเหรอคะ ลุงภันก็ไม่มาเหรอคะลุงนนท์”

คำถามของเลศยาเหมือนเดิม แต่คำตอบรักษาน้ำใจเดิมๆ จากรัชชานนท์ว่าอีกเดี๋ยวคงจะมานั้นกลับใช้ไม่ได้ผล

“ทำไมหลายเดี๋ยวจังคะ”

“เอางี้ดีกว่า น้องไลท์เป่าเค้กเลยเนอะ เดี๋ยวแม่รันกลับมาค่อยเป่าอีกรอบ”

“ไม่ค่ะ น้องไลท์จะรอแม่รัน”

เลศยาพูดจบก็เดินเข้าบ้าน ทิ้งสายตาเศร้าเอาไว้ให้พัทนีกับรัชชานนท์สะเทือนหัวใจเล่น ถ้าคืนนี้ไม่มีใครกลับมาร่วมงานวันเกิด คนที่ผิดหวังมากที่สุดก็คือเลศยา

“รันไม่รับเหรอครับป้าพัด แล้วภันล่ะ ป้าโทร. หาเขารึยัง”

“ทั้งสองคน รายนั้นก็ไม่รับ สงสัยจะทิ้งโทรศัพท์เอาไว้บนรถทั้งคู่”

“หรือจะให้ผมตามไปดูครับ”

“เห็นคนของคุณฉัตรบอกว่าคงอีกสักพักหนึ่ง ป้าว่าเรารออยู่ทางนี้ดีกว่า พ่อภันตามรันไปแล้ว ถ้ามีเรื่องด่วนอะไรเขาคงติดต่อกลับมา คนทางนี้ก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน”

พัทนีมองเด็กหญิงหน้าเศร้าที่นอนกอดตุ๊กตาอยู่บนโซฟา รัชชานนท์จึงหันไปมองตาม ปกติเวลานี้เลศยาต้องเข้านอน แต่เพราะเป็นวันเกิด ลลนาสัญญากับลูกว่าจะจัดงานวันเกิดเล็กๆ กันในครอบครัว เลศยาร้องขอเค้กลายการ์ตูนน่ารัก และเทียนวันเกิดสีชมพู หนูน้อยคงคาดหวังว่าจะได้เป่าเทียนบนเค้กฉลองวันเกิดตอนสองทุ่มตามเวลาที่ลลนากำหนดไว้ แต่ตอนนี้แผนกลับผิดเพี้ยนไปเสียหมด พัทนีตัดสินใจเดินไปนั่งกับหลานคนเล็ก นางลูบศีรษะเลศยาเบาๆ ได้ยินเสียงสะอื้นของคนน้อยใจที่ยังกอดพี่หมีตัวใหญ่เอาไว้แน่น

“แม่รันไม่ได้ลืมวันเกิดของน้องไลท์ เค้กลายการ์ตูนที่หนูอยากได้ แม่รันก็เตรียมเอาไว้ให้แล้ว คุณพ่อก็พาน้องไลท์ไปเที่ยว ซื้อของเล่นให้ตั้งมากมาย แต่ตอนนี้ติดธุระ เลยมาร่วมงานวันเกิดของหนูไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่อยากมานะ แต่ไม่รู้หรอกว่าธุระจะเสร็จเมื่อไหร่ อย่าร้องไห้ไปเลยนะเด็กดี”

“ลุงภันก็ติดธุระเหรอคะ”

“ลุงภันเอาปูนึ่งเยอะแยะมาฝากน้องไลท์ แล้วก็ไปทำธุระกับแม่รันไงคะ”

“ธุระเสร็จดึกๆ เหรอคะ”

“จ้ะ หนูไปนอนรอที่ห้องดีกว่านะ ถ้าแม่รันกลับมาแล้ว ยายพัดจะไปปลุก”

เลศยายอมลุกขึ้นนั่ง ตาที่ปรือคงเพราะง่วงเต็มทน พัทนีพาหลานเดินกลับขึ้นไปบนห้อง เมื่อถึงเตียงนุ่ม ยายพัดยังอ่านนิทานได้ไม่ถึงสามหน้า เลศยาก็หลับปุ๋ยไปอย่างง่ายดาย

ส่งหลานเข้านอนเรียบร้อยพัทนีก็ลงมาจัดเก็บอาหารบนโต๊ะเข้าตู้เย็น รัชชานนท์นั่งอยู่ที่โถงรับแขก มือยังระวิงกับการสูบลูกโป่งหลากสี เขาบอกพัทนีว่าลูกโป่งที่ตกแต่งเอาไว้ตั้งแต่ช่วงเย็นแตกไปเสียหลายใบ ถ้าคืนนี้งานวันเกิดต้องล่ม พรุ่งนี้เช้าเขาจะชุบชีวิตให้งานวันเกิดของเลศยาอีกครั้ง

เก็บล้างจานชามเรียบร้อยโทรศัพท์ของพัทนีก็ดังขึ้น นางรีบกดรับเพราะปลายสายคือคัมภัน คำถามแรกคือลลนาเป็นอย่างไรบ้าง เกิดเรื่องร้ายหรือติดขัดประการใด สี่ทุ่มกว่าแล้วยังไม่มีใครกลับมาเลย

“อย่างนั้นรึ”

สีหน้าของพัทนีไม่ดีนักเมื่อได้ยินข่าวที่คัมภันรายงาน เขาติดต่อกลับมาช้าเพราะทิ้งโทรศัพท์เอาไว้ในรถ และคาดว่าลลนาที่รีบร้อนคงไม่สนใจจะหยิบสิ่งใดติดตัวไปด้วยเช่นกัน

“ยายไลท์หลับไปแล้วละ ร้องหาแต่แม่รัน คงผิดหวังที่ไม่มีใครมาร่วมวันเกิด”

คัมภันกล่าวขอโทษทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของเขาเลย ฟังน้ำเสียงก็รู้ว่าเขาห่วงเลศยามากพอกับห่วงลลนา และตอนนี้ คนที่น่าห่วงยิ่งกว่าคือผู้หญิงที่อยู่ในห้องกับบดินทร์ฉัตรตามลำพัง พัทนีไม่กล้าออกความคิดเห็นใด ไม่กล้าขอให้คัมภันไปเคาะประตู ในเมื่อหลานสาวไม่ได้ถูกบดินทร์ฉัตรบังคับฉุดกระชาก คนนอกก็ต้องเคารพการตัดสินใจเช่นนั้น นางเองก็เช่นกัน ต่อให้ห่วงแสนห่วงก็ทำได้แค่มองดูและรับรู้อยู่ห่างๆ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น