8
สิ่งแรกที่ลลนาเลือกให้ลูกสาวคือรถไฟดรีมเวิลด์ ต่อด้วยเจ้าหนูลมกรด และพักเหนื่อยหลบร้อนด้วยการเข้าบ้านยักษ์ ที่ใหญ่ยักษ์สมชื่อและถูกใจเลศยา หนูน้อยตื่นเต้นกับข้าวของเครื่องใช้อลังการ กรงนกที่สามารถเข้าไปยืนได้หมดทั้งสามคน โต๊ะอาหารและเก้าอี้ที่สูงจนนั่งไม่ถึง ลลนาปล่อยให้คัมภันดูแลลูกสาวของหล่อน เพราะตั้งใจเป็นตากล้องเก็บภาพอันน่าประทับใจเหล่านี้เอาไว้
ไม่ใช่แค่ภาพของลูกสาวเท่านั้น แต่ยังมีภาพความทะเล้นของคัมภันที่เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากสองแม่ลูกได้เป็นอย่างดี ดูเอาเถอะ ไข่สีทองใบโตกองใหญ่เขาก็ลงไปนอนกกเลียนแบบแม่ไก่ให้เลศยาร้องทำตาม ที่โกยขยะวางอยู่เฉยๆ เขาก็ลงไปนั่งแล้วทำหน้าเศร้าราวว่าตนคือขยะที่พร้อมถูกตักทิ้ง ปกติแล้วเลศยาไม่ชอบถ่ายรูป แต่เมื่อมีคัมภันช่วยจัดท่าให้ลองหัดโพส ทุกอย่างมันก็ง่ายขึ้น หนูน้อยสู้กล้องได้เป็นธรรมชาติ จนลลนาสามารถเก็บภาพน่ารักได้อีกหลายมุม
“คุณรันอยากเล่นเหรอครับ”
ออกจากบ้านยักษ์เดินผ่านเครื่องเล่นที่มีชื่อว่าเฮอร์ริเคน ลลนาหยุดมองผู้เล่นที่กรีดร้องกันอยู่บนเครื่อง เพียงแค่ยืนอยู่ด้านล่าง หล่อนยังรู้สึกเวียนศีรษะกับแรงเหวี่ยงและหมุนควงพร้อมทั้งตีลังกากลับหน้ากลับหลังของเครื่องเล่นตรงหน้า
“ไม่ไหวหรอกค่ะ แค่มองก็ขมคอแล้ว คุณล่ะไม่สนบ้างเหรอ”
“ไม่เอาดีกว่าครับ เดี๋ยวไม่มีแรงขับรถ หน้าตาอย่างผมนี่เหมาะกับการไปนั่งดูโชว์สัตว์แสนรู้มากกว่า ดีไหมคะน้องไลท์ ไปดูสัตว์ที่ฟาร์มลุงทอมกัน”
ทั้งสองเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะทันทีที่เลศยาตอบตกลง คัมภันก็ยกลูกสาวหล่อนขึ้นขี่คอแล้วเดินนำหน้าไปลิ่วๆ ลลนาถ่ายภาพทั้งสองจากด้านหลังแล้วส่งถึงรัชชานนท์ผ่านโปรแกรมไลน์ในโทรศัพท์ รวมถึงรูปน่ารักอีกหลากหลายมุมของเลศยา รัชชานนท์ได้อ่านข้อความของหล่อนแล้วพิมพ์ตอบมาเพียงสั้นๆ แต่ช่างตรงกับความคิดหล่อนเสียเหลือเกิน…
เหมือนพ่อกับลูกเลย
“บ้า” ลลนาพิมพ์ตอบไปตามที่พูดแล้วรีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเป้ เพราะลูกสาวหันกลับมากวักมือหย็อยๆ
การแสดงของสัตว์แสนรู้เป็นที่ชอบใจของบรรดาหนูน้อยทั้งหลาย เลศยาตื่นเต้นเพราะไม่เคยเห็นลิงคิดเลข แพะลอดห่วง สุนัขเดินสองขา กระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง และที่ชวนลุ้นแบบห้ามกะพริบตาคือ การกระโดดข้ามห่วงไฟของบรรดาสุนัขแสนรู้
“คุณรันถ่ายรูปเก่งจังครับ”
คัมภันหมายถึงภาพที่ค้างอยู่บนจอกล้อง หล่อนสามารถจับภาพสุนัขที่กำลังจะข้ามห่วงไฟได้อย่างสวยงาม ภาพสื่ออารมณ์ สีหน้า แววตาของสุนัข และเปลวไฟรอบห่วงได้ชัดเจน
“เพิ่งได้มาหัดถ่ายตอนที่มีลูกนี่ละค่ะ”
ลลนาชะงักนิดหนึ่งเพราะคัมภันชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ เขากำลังสนใจดูภาพในกล้องที่หล่อนถือไว้ รอยยิ้มหวานนั่น แกว่งหัวใจหล่อนเล่นจนวางสีหน้าไม่ถูกเลย
“แม่รันขา น้องไลท์หิวข้าว”
เลศยาชะโงกหน้าเข้ามาขัดจังหวะ คัมภันจึงได้ผละออกห่าง และเมื่อการแสดงโชว์จบสิ้น เป้าหมายของทั้งสามก็จบลงที่ฟูดสเตชันเพราะความหิวของเลศยา
มื้ออาหารควรจะผ่านไปได้แบบปกติ แต่ที่ไม่ปกติเพราะเลศยาคะยั้นคะยอให้คัมภันตักอาหารใส่จานแม่รัน มากกว่านั้นคือป้อนให้แม่รันบ้าง คัมภันเองก็บ้าจี้ทำตาม ซ้ำยังคะยั้นคะยอให้ลลนาไหลตามน้ำไปด้วยอีกคน
“เอาน่าคุณ น้องไลท์มองอยู่นะ”
คัมภันกระซิบ ถือช้อนค้างอยู่สักพัก แต่ลลนาไม่ยอมอ้าปาก ส่วนเลศยานั่งลุ้นอยู่ข้างๆ ตาโตใสแจ๋ว
สุดท้ายลลนาก็ต้องยอมตามใจลูกสาว ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเขินคัมภันเพราะอะไร ถ้าย้อนไปสมัยที่ยังไม่มีลูก หล่อนเรียกตัวเองว่าผู้หญิงกร้านโลก มีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามาในชีวิต และสานสัมพันธ์กันง่าย เพียงแค่จ้องตาเท่านั้น คงเพราะจุดมุ่งหมายในชีวิตของหล่อนเปลี่ยนไป ทุกวันนี้หล่อนสนใจแต่เรื่องของลูก ส่วนเรื่องหนุ่มๆ เรียกได้ว่าอ่อนหัดเสียจนไม่เหลือเขี้ยวเล็บเลย
ขับรถออกจากสวนสนุกมาได้สักพัก แต่เลศยายังไม่เลิกพูดถึงความสวยงามของขบวนพาเหรดที่แสนประทับใจ อีกทั้งยังให้แม่รันช่วยต่อสายถึงยายพัด เพื่อบอกเล่าสารพัดความสนุกในสวนสนุกอย่างออกรส
“กว่าจะถึงโรงแรมคงมืดพอดี เราแวะทานมื้อเย็นกันก่อนดีไหมคะ”
ลลนาหันมาถามคัมภัน หล่อนจองโรงแรมหรูริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเอาไว้สำหรับการพักผ่อนค่ำคืนนี้ แต่วันหยุดสุดสัปดาห์เป็นธรรมดาที่รถติด ลลนากลัวว่าลูกสาวจะผิดเวลามื้อเย็นไปมากจึงเสนออีกทางเลือกหนึ่ง
“อีกสักพักจะผ่านตลาดใหญ่ ถ้าผมจำไม่ผิด ลองแวะไปดูดีไหมครับ หรือคุณรันมีร้านในใจรึเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันเพิ่งเคยมาแถวนี้ครั้งแรก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีร้านอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง แล้วแต่คุณเถอะ”
“ผมก็ไม่เคยแวะตลาดแถวนี้ซะด้วย เคยแต่ผ่าน คงจะมีร้านอาหารตามสั่งหรือไม่ก็พวกก๋วยเตี๋ยวอยู่บ้าง”
“น้องไลท์อยากกินเส้นใหญ่กับลูกชิ้นโตๆ ค่ะ”
คัมภันหันมายิ้มกับลลนา นอกจากโม้ให้พัทนีฟังแล้ว หนูน้อยยังรู้เสียอีกว่าเขากับหล่อนกำลังสนทนากันเรื่องอะไร
เลศยาได้หม่ำลูกชิ้นลูกโตสมใจอยาก เพราะเหนื่อยกับกิจกรรมที่สวนสนุกมาตลอดทั้งวัน ก๋วยเตี๋ยวน้ำใสเส้นใหญ่ในชามจึงพร่องไปเกือบหมด
ลลนาแวะซื้อผลไม้และของกินเล่นอีกนิดหน่อยก่อนทั้งสามจะเดินทางถึงโรงแรม หญิงสาวเลือกจองห้องพักแบบห้องสูทที่แยกเป็นสัดส่วน มีสองห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่น
คัมภันคือผู้ร่วมทริปที่ต้องเหนื่อยจากการขับรถและเป็นเพื่อนเล่นของลูกสาวหล่อนมาตลอดทั้งวัน เขาควรได้นอนพักให้สบาย เพื่อการเดินทางอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น
“ถ้าน้องไลท์ยังไม่ง่วง แม่รันเปิดการ์ตูนให้ดูที่ห้องนั่งเล่นนะคะ อีกครึ่งชั่วโมง แม่รันอาบน้ำก่อน เดี๋ยวเราค่อยเข้านอนพร้อมกัน”
“ได้ค่ะ”
ลูกสาววิ่งปรู๊ดออกจากห้องไปแล้ว ลลนาจึงรีบจัดการธุระส่วนตัว เรียบร้อยดีก็เดินออกไปตามลูกสาวที่ห้องนั่งเล่น แต่ภาพที่เห็นช่างสะดุดใจ
เลศยานอนหลับสบายเคียงข้างคัมภันบนโซฟาตัวใหญ่ มือข้างหนึ่งกอดเอวคัมภันไว้ เช่นเดียวกับมือใหญ่ของคัมภันก็โอบกอดหนูน้อยกันไม่ให้หล่นจากโซฟา ถ้าลูกสาวอายุมากกว่านี้สักสิบปี หล่อนคงต้องเรียกมาอบรมเรื่องมารยาทหญิงไทยและสอนให้รักนวลสงวนตัว นอนกอดแถมหลับสบายกับชายอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวเช่นนี้ มันน่าตีให้ก้นลายจริงๆ เชียว
“นี่คุณ” ลลนาสะกิดเรียกคัมภัน แต่เขาคงเพลียและหลับลึก หล่อนต้องเขย่าแขนเขาให้แรงขึ้นกว่าเขาจะปรือตาขึ้นมามองได้
“อ้าว...คุณรัน นี่ผมหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
“คุณคงเหนื่อยมาก ดูยายไลท์สิ หลับปุ๋ยเชียว”
“เดี๋ยวผมอุ้มแกไปส่งที่ห้องให้นะครับ”
ลลนาอนุญาต มองคัมภันค่อยๆ ประคองเลศยาขึ้นอุ้ม หนูน้อยสิ้นฤทธิ์ไม่รู้เรื่องรู้ราว ละเมอเรียกลุงภันจ๋า แต่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง เมื่อวางเลศยาลงบนที่นอนแล้ว คัมภันยังมีน้ำใจดึงผ้าขึ้นห่มให้ เขาลูบศีรษะหนูน้อยแล้วกล่าวราตรีสวัสดิ์ก่อนจะหันมาบอกหล่อนอีกคน
“ราตรีสวัสดิ์ครับคุณรัน”
ลลนาใจเต้นแรงเมื่อเห็นรอยยิ้มและแววตาของคัมภัน มันช่างอบอุ่นอ่อนโยน นานแล้วที่ไม่ได้ยินคำนี้ และนานแล้วที่ไม่เคยเปิดโอกาสให้ผู้ชายคนใดได้อยู่ใกล้ชิด
หญิงสาวตอบกลับไปตามมารยาท พยายามปิดประตูกั้นใจตัวเองให้แน่นหนา หล่อนกำลังอ่อนไหวกับความเป็นสุภาพบุรุษของคัมภัน หลายสิ่งในตัวเขาน่าประทับใจ ยิ่งได้รู้จักกันมากขึ้น ภาพชายในอุดมคติที่เคยวาดฝันเอาไว้ก็ยิ่งค่อยๆ ชัดเจน กับชายหลายคนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต ความสุขทางกายเท่านั้นคือสิ่งที่หล่อนปรารถนา หัวใจหล่อนด้านชาดังคำบดินทร์ฉัตรด่าว่าไร้หัวใจ ไม่เคยมีผู้ชายคนใดสอนให้หล่อนเข้าใจความหมายของคำว่ารัก ความรักเดียวที่หล่อนซาบซึ้งอยู่เต็มอกขณะนี้คือความรักระหว่างแม่กับลูก และความรักความผูกพันกันในครอบครัว
หล่อนยังหวังว่าสักวันหนึ่งจะมีโอกาสได้ซาบซึ้งกับความรักของชายหญิงบ้าง แต่ผู้ชายดีๆ ที่ไหนกัน จะสนผู้หญิงมีอดีตเหลวแหลกเช่นนี้
“ฉันโทร. หาแกแต่เช้า นี่แกหายหัวไปไหน”
ปาลิดาเห็นสามีหงุดหงิดแต่เช้าเพราะคนที่ต้องการโทร. หาไม่ยอมรับสาย หล่อนเฝ้าจับตามอง แอบเดินตามมาไม่ให้เขาเห็น กระทั่งบดินทร์ฉัตรได้สนทนากับใครคนนั้นสมใจ
“พอๆ ไม่ต้องมาแก้ตัว ขี้เกียจฟัง ได้เรื่องยังไงก็ว่ามา”
หญิงสาวยังจับต้นชนปลายไม่ถูกนัก บดินทร์ฉัตรสนใจใคร่รู้เรื่องใดกัน เพราะเขากระวนกระวายเหลือเกินตั้งแต่เมื่อวานที่ปั้นปึ่งใส่หล่อนแล้ว
“อะไรนะ หายไปกับไอ้สวะนั่นทั้งคืน ป่านนี้ยังไม่กลับมาอีกเหรอ”
ฟังเสียงดูก็รู้ว่าเขาหงุดหงิดเหลือเกิน สามีกำลังตามติดชีวิตของใครอยู่ ใครกันมีอิทธิพลต่ออารมณ์ความรู้สึกของบดินทร์ฉัตรได้มากมายเพียงนี้
“มันกล้าดียังไงถึงมายุ่งกับผู้หญิงของฉัน!”
ปาลิดาไม่อยากผูกเรื่องไปถึงผู้หญิงอีกคน แต่คำของบดินทร์ฉัตรทำให้หล่อนหน้าชา หัวใจสะเทือนราวว่าถูกแรงกระแทกมหาศาลอัดเข้าใส่ แข้งขาอ่อนแรงจนต้องพิงตัวกับผนังเพราะกลัวจะล้มลง
‘ผู้หญิงของฉัน’ มันชัดเจนพอแล้วว่าเขามีใครอีกคนนอกจากหล่อน หญิงสาวหูอื้อตาพร่า เดินกลับมาที่ห้องตัวเองเกือบไม่ไหว เมื่อครู่ถ้าเท้าก้าวพลาดตกบันไดไปเสีย บดินทร์ฉัตรจะห่วงใยเหมือนที่กระตือรือร้นอยากรู้เรื่องของผู้หญิงคนนั้นหรือไม่
ปาลิดาสะอื้นเงียบๆ อยู่ในห้องตามลำพัง หรือนี่จะเป็นเหตุผลที่แท้จริง สามีไม่เคยรักหล่อนเลยเพราะใจเขามีเงาของใครอีกคนซ่อนอยู่ เขารับผิดชอบหล่อนกับลูกตามความต้องการของผู้ใหญ่ หล่อนได้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาสมใจแล้ว แต่หล่อนไม่มีสิทธิ์ได้เป็นผู้หญิงที่เขารักเลย
“แม่จะทำยังไงดีลูก”
หล่อนถามอีกหนึ่งชีวิตที่พูดไม่ได้ แต่ความเจ็บปวดคงสื่อสารกันผ่านสายใยแม่ลูก ทารกในครรภ์ขยับตัว ถีบท้องแม่แรงกว่าทุกครั้งจนปาลิดาต้องหยุดสะอื้น มันคือความเจ็บที่เต็มไปด้วยความสุข เพราะเวลาที่ไม่เหลือใครเลย อย่างน้อยๆ ก็ยังมีแก้วตาดวงใจอยู่อีกทั้งดวง
บดินทร์ฉัตรหุนหันกลับเข้ามาในห้องนอนด้วยอารมณ์หงุดหงิด เขามีงานที่ต้องสะสางอีกมาก ไหนจะลูกค้าวีไอพีที่ต้องอยู่รับรองด้วยตัวเองในอีกสองวันนี้ เขายังปลีกตัวกลับไปหาลลนากับลูกไม่ได้ แม้ข่าวล่าสุดจะสะเทือนหัวใจ ‘หมาหวงก้าง’ เหลือเกินก็ตาม
“มีเรื่องเครียดเหรอคะ หน้ายุ่งเชียว”
ชายหนุ่มไม่ทันได้ทำลายข้าวของใกล้มือเพราะเสียงภรรยา เขารีบปรับสีหน้า ตกใจเมื่อพบปาลิดาเพิ่งเดินออกจากห้องน้ำ ไม่คิดว่าหล่อนจะอยู่ในห้องนอน เพราะถ้ารู้ก่อนเขาก็คงไม่ขึ้นมา
“เรื่องงานน่ะ คุณขึ้นมานอนพักเหรอ”
บดินทร์ฉัตรไม่ได้สนใจจมูก แก้ม และตาแดงๆ ของภรรยาสักนิด ปาลิดาไม่ใช่ผู้หญิงมีเสน่ห์ เข้าใกล้หล่อนคราใดก็พานให้เบื่อหน่าย ก่อนหน้านี้เขายังพิศวาสต้องการหล่อนอยู่บ้าง แต่เมื่อหล่อนตั้งท้อง สรีระก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป ไม่มีสิ่งใดเย้ายวนตา มีเพียงท้องที่ป่องขึ้น
“ใช่ค่ะ ปันปวดหลัง ตาหนูก็ดิ้นแร้งแรง พี่ฉัตรลองจับดูสิคะ”
“งั้นก็นอนพักเถอะ เดี๋ยวผมจะลงไปข้างล่าง”
บดินทร์ฉัตรไม่สนข้อเสนอแม้ปาลิดาจะขยับเข้ามาใกล้ เขาเมื่อยหน้าที่ปั้นเอาไว้เต็มทน อารมณ์กำลังคุใช่ว่าจะสงบลงได้ง่าย เขาไม่ต้องการให้ปาลิดาเห็นพิรุธ คนกำลังท้องกำลังไส้ หล่อนควรสนใจเรื่องดูแลลูกมากกว่าเป็นทุกข์เรื่องผู้หญิงอีกคนของเขา
“มีเรื่องทุกข์ใจอะไรเล่าให้ปันฟังบ้างก็ได้นะคะ ถ้าเป็นเรื่องงาน ปันพอจะช่วยพี่ได้”
“อย่าปวดหัวไปเลย ดูแลลูกให้ดีก็พอ”
ปาลิดาถอนหายใจเมื่อสามีเดินออกจากห้องไป ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะง้างปากให้เขายอมพูดเรื่องผู้หญิงอีกคน และคงไม่ใช่การดีนักถ้าต้องแหวกหญ้าให้งูตื่น ผู้ชายส่วนใหญ่จะไม่ยอมรับความผิดของตนจนกว่าจะจำนนต่อหลักฐาน ปาลิดาคิดได้ว่าควรเงียบเอาไว้ คอยจับตาดูพฤติกรรมของสามีอยู่ห่างๆ และหวังว่าโอกาสเหมาะจะถูกหยิบยื่นมาให้หล่อนได้รู้ความจริงในสักวันหนึ่ง
พ้นช่วงวันหยุดที่แสนวิเศษ ผู้ร่วมเดินทางทั้งสามมีความทรงจำงดงามแตกต่างกัน แต่ในใจของคัมภันและลลนา กลับมีบางสิ่งเกิดขึ้นคล้ายๆ กัน และค่อยๆ เติมเต็มให้กันอย่างไม่รู้ตัว
กลางสัปดาห์ คัมภันไม่ได้มาเข้างานเพราะป้าแป๊ดขอแรงไปช่วยงานบุญผ้าป่าที่วัด ลลนากับรัชชานนท์ต้องเข้าร่วมงานสัมมนาที่โรงแรมชื่อดังในตัวจังหวัด หลักสูตรที่จัดขึ้นน่าสนใจ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งและบทบาทของภาคธุรกิจ มีเสวนาเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นกับระบบนิเวศน์ทางทะเล การบุกรุกพื้นที่ชายหาด รวมทั้งข้อกำหนดและกฎหมาย
“สัมมนาน่าจะเลิกไม่เกินสี่โมงเย็น เดี๋ยวรันแวะรับเค้กกับลูกโป่งที่สั่งเอาไว้แล้วจะรีบกลับค่ะ”
วันนี้เป็นวันเกิดของเลศยา ลลนาคุยกับลูกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าหล่อนมีงาน ไม่สามารถอยู่กับเลศยาได้ตลอดทั้งวัน แต่จะมีปาร์ตีเล็กๆ ที่หล่อนแอบนัดแนะกับคัมภันเอาไว้แล้วว่าจะมีเซอร์ไพรส์
“ไม่ต้องห่วงหรอก รีบไปกันเถอะลูก”
“วันนี้มีบทเรียนภาษาอังกฤษด้วยนะคะ รันใส่แผ่นเอาไว้ให้แล้ว สักเก้าโมงได้เวลาเรียน ป้าเปิดเครื่องเล่นได้เลย”
“รันเคยสอนป้า ป้าจำได้”
เลศยาอายุได้เกณฑ์แล้ว แต่ลลนายังตัดสินใจเลือกโรงเรียนให้ลูกไม่ได้ หล่อนคิดเยอะ กังวลในหลายๆ สิ่ง และยังหาข้อมูลได้ไม่มากพอ จึงเปิด Home School สอนลูกควบคู่กันไปกระทั่งเลศยาจะได้เข้าโรงเรียน
ลลนากับรัชชานนท์ออกจากรีสอร์ตไปไม่ถึงสองชั่วโมง รถของบดินทร์ฉัตรก็เลี้ยวเข้ามาจอดใต้ต้นจามจุรีใกล้บ้านลลนาอย่างว่องไว ชายหนุ่มหิ้วขนมของฝากจากแดนใต้ติดมือลงจากรถ ยกมือไหว้พัทนีที่เดินออกมาต้อนรับ สาวใหญ่แปลกใจเพราะบดินทร์ฉัตรหายไปนานเกือบสองสัปดาห์ และคงจะดีถ้าเขาหายไปให้นานกว่านี้
“น้องไลท์อยู่ไหนครับคุณพัด คิดถึงจะแย่”
พัทนีรับของฝากจากบดินทร์ฉัตรแล้วบอกเขาว่าเลศยาอยู่ที่ห้องอาหาร ชายหนุ่มยิ้มร่า รีบเดินเข้าไปในบ้าน ไม่นานนักหนูน้อยก็ร้องลั่นด้วยความยินดี พัทนีเดินตามเข้าไปสมทบ วางของฝากลงบนโต๊ะแล้วแยกของคาวกับขนมจัดวางในที่ของมัน
“คุณพ่อไม่อยู่ แม่รันพาน้องไลท์ไปฉวนชาหนุกด้วยค่ะ”
“ว้าว ดีจัง แล้วน้องไลท์อยากไปอีกไหม”
“ไปค่ะ อยากไป คุณพ่อพาไปไหมคะ”
“แน่นอนสิ พ่อต้องพาลูกสาวพ่อไปอยู่แล้ว”
บดินทร์ฉัตรอุ้มเลศยาขึ้นมาหอมแก้มซ้ายขวา แล้วยื่นข้อเสนอกับลูกว่าวันนี้เขามีโปรแกรมเที่ยวอะไรที่น่าสนใจบ้าง
“น้องไลท์อยากไปฉวนน้ำค่ะ วันนี้วันเกิดน้องไลท์ค่ะคุณพ่อ”
“ว้าว! วิเศษไปเลย ถ้างั้นเราเตรียมตัวไปสวนน้ำกัน น้องไลท์มีชุดว่ายน้ำรึเปล่า ถ้าไม่มี เดี๋ยวพ่อซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด”
“ไม่ดีมั้งคะคุณฉัตร รอถามยายรันก่อนดีกว่า ฉันกลัวว่าจะเกิดเรื่องกันอีกน่ะค่ะ”
พัทนีขัดขึ้นก่อน เพราะเลศยาอยู่ในความดูแลของตน แม้บดินทร์ฉัตรจะมีสิทธิ์พาลูกเที่ยวได้ในฐานะพ่อก็ตาม
“แล้วนี่รันอยู่ไหนล่ะครับ เดี๋ยวผมคุยกับเขาเองก็ได้”
“รันมีสัมมนาค่ะ เย็นๆ ถึงจะกลับ”
“ผมรับปากว่าจะพาน้องไลท์กลับมาถึงก่อนแม่เขาแน่นอน นะครับคุณพัด วันเกิดลูกทั้งที ผมอยากเห็นแกมีความสุข”
พัทนีตัดสินใจลำบาก หลานตัวน้อยมากอดขาแล้วยิ้มหวาน ยายพัดคนนี้ไม่ได้ใจร้าย พ่อพาลูกสาวไปเที่ยวอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับครอบครัวอื่น แต่กับลลนา ทุกเรื่องของลูกนับเป็นเรื่องใหญ่เสมอ
“ฉันตัดสินใจไม่ได้หรอกค่ะ ทางที่ดีคุณควรโทร. คุยกับรันเอง”
“ถ้างั้นผมขอเบอร์รันได้ไหมครับ”
พัทนีไม่สะดวกใจจะให้เบอร์ลลนา จึงกดโทรศัพท์ของตัวเองต่อสายถึงหลานสาวแล้วยื่นให้บดินทร์ฉัตรสนทนาแทน ครั้นเขารับโทรศัพท์ไปแล้วคงรอสัญญาณสักพัก และลลนาคงรับสายเพราะเขาพูดกับเครื่องมือสื่อสารนั่นหลายประโยคทีเดียว
“วันนี้วันเกิดลูก ผมแค่อยากเห็นลูกมีความสุข ผมขอวันเดียวนะรัน ผมสัญญาว่าจะไม่พาลูกหนีคุณไปไหน”
พัทนีไม่มีโอกาสได้ยินว่าหลานสาวตอบบดินทร์ฉัตรว่าอย่างไรบ้าง แต่คาดเดาเอาจากคิ้วที่ขมวดของเขาแล้วลลนาคงไม่อนุญาต
“ครับ ผมรับปาก จะดูแลลูกให้ดีสมกับที่คุณยอมเชื่อใจผม”
พัทนีถึงกับขมวดคิ้วเพราะคาดไม่ถึงว่าลลนาจะยอมอนุญาต บางทีหลานสาวอาจเห็นว่าเป็นวันพิเศษของเลศยา จึงยอมโอนอ่อนผ่อนตาม เพราะหากดึงดันขัดขวาง คงเกรงว่าบดินทร์ฉัตรจะพาตัวเลศยาไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย
“ยายรันวางสายไปแล้วเหรอคะ”
“ครับ แอบออกมาคุยข้างนอกห้องประชุม คงไม่อยากจะคุยนาน แต่รันอนุญาตแล้วนะครับ รบกวนคุณพัดช่วยจัดของให้น้องไลท์ที”
พัทนีรับโทรศัพท์ของตนคืนอย่างคลายกังวล ก่อนจะหันไปชวนเลศยาขึ้นไปเตรียมกระเป๋าด้วยกันบนห้อง ส่วนบดินทร์ฉัตร เห็นเขาเดินยิ้มกริ่มไปที่โถงรับแขก ถ้าเขาทำได้จริงอย่างที่รับปากกับลลนาไว้ สถานการณ์ต่อจากนี้คงค่อยๆเป็นไปในทางที่ดีขึ้น
ความคิดเห็น |
---|