7

บทที่ 7


 

7

ปาลิดาอาการดีขึ้นและสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ตลอดสองวันนี้สามีคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง นับเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ปาลิดามิได้รู้สึกสุขใจมากนัก สาเหตุที่หล่อนล้มป่วยเป็นเพราะตรอมใจและเครียดกับข่าวโคมลอยในวงสนทนาของพนักงานที่หลุดมาเข้าหู

หล่อนไม่เคยรู้เลยว่าหลายปีก่อนนี้บดินทร์ฉัตรติดพันผู้หญิงคนหนึ่งที่ระยอง พนักงานของรีสอร์ตบางคนเคยเห็นหน้า ซ้ำยังเปรียบเทียบได้น่าเจ็บใจว่าสวยงามราวนางฟ้านางสวรรค์ แถมบดินทร์ฉัตรก็ดูจะหลงผู้หญิงคนนั้นถึงขั้นวางแผนแต่งงานและสร้างครอบครัวร่วมกัน

ทุกประโยคที่เล่าลือเปรียบดังหนามยอกทิ่มลึกอยู่ในอกตลอดเวลา ยิ่งได้เห็นท่าทางเมินเฉยของสามีก็ยิ่งทุกข์ เชื่อไปแล้วเกินครึ่งใจว่าข่าวโคมลอยนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ปาลิดาเลือกเก็บความสงสัยเอาไว้เงียบๆ หล่อนไม่กล้าเล่าให้ใครฟังนอกจากเอกวิญช์ น้องชายของหล่อน

เอกวิญช์แนะนำให้หล่อนทำไม่รู้ไม่ชี้ เพราะเรื่องที่พนักงานพูดนั้นไม่มีหลักฐาน เขาอยากให้พี่สาวสนใจแค่เรื่องลูก และดูแลสุขภาพตัวเอง ถ้าปาลิดาเป็นทุกข์ สุขภาพใจย่ำแย่ ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นจะส่งถึงลูกน้อยในครรภ์อย่างแน่นอน

“ฝากดูแลน้องด้วยนะพ่อฉัตร ยังไงวันนี้แม่กลับก่อนนะปัน อย่าลืมกินยาตามหมอสั่งให้ครบนะ วิตามินบำรุงด้วย ห้ามลืมเด็ดขาด หลานของแม่จะได้แข็งแรง”

แม่ตามมาส่งลูกสาวถึงเรือนหอ อีกทั้งยังไม่ลืมกำชับซ้ำๆ ก่อนจะกลับไปเพราะมีนัดกับเพื่อนช่วงบ่าย

บดินทร์ฉัตรช่วยประคองภรรยาเข้าบ้าน และเมื่อปาลิดานั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขกเรียบร้อย เขาก็เรียกหาคนรับใช้ สั่งให้คอยดูแลภรรยา

“พี่ฉัตรจะไปไหนเหรอคะ”

“เดี๋ยวผมจะไปดูงานที่รีสอร์ตสักพัก เย็นๆ คงกลับ”

“อยู่กับปันสักวันไม่ได้เหรอคะ”

ปาลิดาคว้าข้อมือสามีได้ทันก่อนที่เขาจะเดินจากไป แววตาที่มองมานั้นช่างว่างเปล่า หล่อนรู้ว่าเขาไม่ชอบให้ทำตัวน่ารำคาญ แต่สภาพจิตใจของหล่อนตอนนี้แย่นัก จะมากเกินไปหรือถ้าต้องการให้เขาเยียวยา

“ปันก็อาการดีขึ้นเยอะแล้ว ผมเองก็มีงานต้องเคลียร์ ไว้เจอกันตอนเย็นนะ”

เขาปลดมือหล่อนออกแล้วเดินจากไป ปาลิดาจะทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจให้ความไม่แยแสนั้น ควรทำใจให้ชินเสียที หล่อนไร้ความหมายในสายตาสามี ยิ่งคาดหวังยิ่งผิดหวัง หัวใจเขาคงมีเงาของหญิงอื่นอยู่จริง ส่วนเงาของหล่อนล่องลอย ไม่มีสิทธิ์ทะลุผ่านกำแพงใจเขาไปได้เลย

 

แสงอาทิตย์อ่อนลงแล้ว ลลนาจูงลูกข้ามถนนลงไปที่ชายหาดอย่างทุกวัน หล่อนแวะทักทายป้าแป๊ดที่ร้านขายส้มตำ ซึ่งวันนี้มีนายเปี๊ยกแวะมาเป็นลูกมือ ส้มตำของป้าแป๊ดอร่อย รสชาติจัดจ้าน สั่งได้ตามต้องการ แรกรู้จักหล่อนเข้าใจว่าเปี๊ยกคือลูกชายของป้าแป๊ด แต่แท้จริงแล้วเขาคือเด็กกำพร้าที่พ่อแม่เอาไปทิ้งไว้ที่วัด เปี๊ยกเติบโตด้วยข้าวก้นบาตร ป้าแป๊ดไปวัดนั้นบ่อยจึงมีโอกาสได้รู้จักและอุปการะให้เขาได้เรียนหนังสือ ป้าแป๊ดตัวคนเดียวไม่มีภาระ แต่รายได้ไม่มากนัก จึงส่งให้เปี๊ยกเรียนสูงไม่ไหว ส่วนเปี๊ยกต้องการทำงานช่วยป้าแป๊ดมากกว่าเรียนหนังสือ การศึกษาจึงจบได้แค่ชั้นประถมหกเท่านั้น

“วันนี้ปิดร้านเร็วจัง ขายไม่ค่อยดีเหรอจ๊ะป้า”

“วันธรรมดาก็แบบนี้ละคุณรัน พอขายได้บ้าง”

“วันนี้เปี๊ยกไม่ได้ทำงานที่เกาะเหรอจ๊ะ ถึงมาช่วยป้าได้”

“ที่ร้านหยุดครับ เลยลงมาช่วยป้าสักสองสามวัน”

เปี๊ยกขยัน ป้าแป๊ดมักชมให้ฟังอยู่บ่อยๆ ถึงแม้จะขาดทั้งพ่อและแม่ แต่เขาไม่เคยทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนให้ป้าแป๊ดและสังคม

“ลุงภันค่ะแม่รัน”

ลูกสาวปล่อยมือลลนาทันทีแล้ววิ่งไปที่ชายหาด คนเสียงใสตะโกนเรียก ‘ลุงภัน’ ที่เพิ่งลงจากเรือ คนเป็นแม่จึงต้องยุติบทสนทนากับเปี๊ยกแล้วรีบเดินตามไป

“สวัสดีครับคุณรัน”

ลลนาไม่เข้าใจว่าทำไมหัวใจจึงเต้นแรงเพียงแค่คัมภันชายตาขึ้นมองและเอ่ยทักทาย เขาหายหน้าหายตาไปห้าวันแล้ว เลศยาบ่นว่าคิดถึงเขา และทุกครั้งที่ลูกสาวถามถึง หล่อนก็อดที่จะนึกถึงเขาด้วยไม่ได้

“ได้เยอะเลยนะคะ”

หญิงสาวยิ้มให้แล้วแสร้งสนใจหมึกในถังที่ลูกสาวหล่อนยังตื่นเต้นกับหนวดยุ่บยั่บไม่หาย เขาคุยกับหล่อนและลูกอีกสองสามประโยค ก่อนจะขอตัวเอาหมึกสดที่หาได้ไปส่งยังร้านอาหาร แต่ดูเหมือนเลศยาจะไม่ยอม หนูน้อยอ้อนวอนแม่รันขอเดินไปกับคัมภัน แต่ลลนาลำบากใจจะอนุญาต และคัมภันคงเข้าใจความรู้สึกของหล่อนดี

“ลุงต้องไปทำงานค่ะ อีกแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว น้องไลท์รอลุงอยู่ที่นี่ได้ไหม เดี๋ยวลุงรีบกลับมา แล้วเราจะไปกู้โลกกัน”

เลศยารับคำอย่างว่าง่าย แม้ลลนาจะไม่เข้าใจว่า ‘กู้โลก’ ของทั้งสองคืออะไร แต่สิ่งที่ชัดเจนแล้วตอนนี้คือ ลูกสาวหล่อนเชื่อฟังคัมภันเหลือเกิน

“แม่รันไปกู้โลกด้วยกันนะคะ”

 

ลลนาได้เข้าใจความหมายของคำว่า ‘กู้โลก’ เมื่อคัมภันเสร็จสิ้นภารกิจของเขาแล้วกลับมาหาเลศยาพร้อมถุงดำใบใหญ่ เขาชวนหล่อนเข้าร่วมภารกิจ ส่งถุงดำให้หล่อนถือไว้ ส่วนเขากับเลศยาช่วยกันเดินเก็บเศษขยะที่ถูกคลื่นซัดมาเกยหาด รวมถึงขยะที่เกิดจากความมักง่ายของมนุษย์

“ถ้าน้องไลท์เจอขวดแตกต้องทำยังไงคะ”

“เรียกลุงภันค่ะ”

ภารกิจกู้โลกของคัมภันไม่เพียงสร้างความเพลิดเพลินแก่เลศยา แต่เขายังสอนเด็กสี่ขวบเรื่องการดูแลรักษาชายหาดให้เข้าใจง่าย สอนเรื่องขยะรีไซเคิล อีกทั้งยังไม่ลืมห่วงความปลอดภัย บอกและย้ำให้เลศยาจำเอาไว้ว่า เมื่อพบเศษแก้วหรือขวดแตก รวมไปถึงวัตถุแปลกประหลาดที่เลศยาไม่เคยเห็นมาก่อน ให้บอกผู้ใหญ่ ห้ามเข้าใกล้หรือหยิบจับด้วยตัวเอง

“เก่งมาก แล้วทำไมถึงห้ามทิ้งขยะลงทะเล”

“ปลาคิดว่าเป็นอาหารค่ะ กินแล้วก็ตายเลย นั่นไงคะลุงภัน ปลากินถุงแน่ๆ”

เลศยาทำเสียงตกใจ วิ่งไปดูซากปลาตัวหนึ่งที่ลอยมาเกยหาด มันคงตายนานแล้ว เพราะเนื้อหลุดลุ่ย มีกลิ่นไม่พึงประสงค์โชยอบอวล เด็กหญิงย่นจมูกแล้วถอยออกห่าง ปล่อยให้คัมภันจัดการห่อมันด้วยถุงพลาสติกแล้วซ้อนด้วยถุงอีกใบที่มัดปากไว้แน่น ก่อนทิ้งรวมกับขยะที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ในถุงดำที่ลลนาถือไว้

“นั่นก็มีค่ะ เยอะไปหมดเลย”

รอยยิ้มของคัมภันหายไป ปลาตายเกลื่อนหาดนับสิบตัวคงสร้างความเครียดให้เขาไม่น้อย เขาหันมาขอถุงดำจากลลนา และเดินไปสำรวจซากพวกมันด้วยตัวเอง

“ทำไมปลาตายเยอะจังคะ”

ลลนาตามไปสมทบ หล่อนให้เลศยายืนรออยู่ห่างๆ เพราะหนูน้อยไม่ชอบกลิ่นอันไม่พึงประสงค์

“น่าจะมีใครลักลอบเอาของเสียมาทิ้ง หรือไม่ก็ปล่อยให้น้ำมันรั่วไหลลงทะเล”

คัมภันใช้ถุงพลาสติกสวมแทนถุงมือ เขาพลิกซากปลาสำรวจ มีคราบน้ำมันสีดำตามครีบและหาง อีกทั้งชายหาดบริเวณนั้นก็มิได้ขาวสะอาดอย่างเคย

“แบบนี้พวกสัตว์น้ำก็แย่สิคะ”

“คนก็แย่ด้วยครับ เพราะไม่รู้ว่าสัตว์น้ำที่บริโภคเข้าไปมีสารอะไรเจือปนอยู่บ้าง ยิ่งมีโรงงานผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ธรรมชาติของเราก็ยิ่งถูกทำลาย ทะเลเคยสวยก็ไม่เหมือนก่อน ชายหาดพวกนี้ก็ด้วย”

ลลนาสัมผัสได้ถึงจิตใจที่อ่อนโยนของเขา คัมภันนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน และการกระทำของเขาก็จุดประกายให้ผู้อื่นได้ริเริ่มทำในสิ่งอันควร หันหลังกลับไปดูลลนาก็เห็นว่าพ่อค้าแม่ค้าริมหาดกำลังช่วยกันจัดการกับขยะของร้านตน รวมไปถึงขยะที่นักท่องเที่ยวฝากไว้ให้ดูต่างหน้า

“ระยองเป็นเมืองอุตสาหกรรมนี่คะ พวกเราก็ช่วยเท่าที่เราจะช่วยได้”

ลลนาไม่เคยสนใจเรื่องอื่นนอกจากเรื่องของตัวเอง การได้รู้จักคัมภันทำให้หล่อนมองเห็นโลก มองเห็นธรรมชาติ รวมถึงสิ่งต่างๆ รอบตัวชัดเจนและสวยงามมากขึ้น เขาไม่ได้สอนแค่เลศยาเท่านั้น แต่ยังสอนผู้หญิงไม่เอาไหนอย่างหล่อนอีกคน

ภารกิจกู้โลกจบลงใกล้เวลาอาหารเย็นของครอบครัว คัมภันปฏิเสธเมื่อลลนาเอ่ยชวนร่วมโต๊ะอาหาร เขาเพียงแค่เดินมาส่งหล่อนกับลูก อีกทั้งยังสัญญากับเลศยาว่าพรุ่งนี้จะแวะมาแต่เช้า ไม่ใช่แค่หนูน้อยที่ร้องลั่นยินดี หัวใจของลลนาก็เช่นกัน มันลิงโลดเริงร่าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลย ผู้หญิงมีอดีตไม่ดีนักพยายามหักห้ามความรู้สึกของตัวเอง คัมภันเป็นคนดี และผู้ชายดีๆ อย่างเขาควรพบผู้หญิงสักคนที่ดีพอ

 

พัทนีนั่งมองบัตรผ่านประตูสวนสนุกชื่อดังที่รัชชานนท์จัดหาเอาไว้ให้ หลายวันก่อนเลศยาเคยขอให้ลลนาพาไป เพราะเห็นขบวนพาเหรดของตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบผ่านรายการโทรทัศน์ ช่วงนี้บดินทร์ฉัตรไม่ได้เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของลลนาและลูก จึงเป็นโอกาสดีที่หลานสาวจะได้หลีกหนีไปให้ไกลจากความกังวลใจ พัทนีรู้ดีว่าลลนาเป็นทุกข์ นับแต่บดินทร์ฉัตรกลับเข้ามาในชีวิต ลลนาไม่มีความสุข ซ้ำยังบอกป้าว่าไม่ต้องการให้เขาแวะมาหาเลศยาอีกเลย

“ป้าพัดก็ไปกับรันด้วยสิครับ ผมรู้ว่าป้ายังไม่เคยเที่ยวสวนสนุกหรอก”

รัชชานนท์ชอบหยอกคนแก่ตามนิสัย แต่นับว่าเป็นข้อดี เพราะมีเขาอยู่ พัทนีจึงไม่เหงาหูเหงาปาก

“ให้หนุ่มๆ สาวๆ เขาไปเที่ยวกันตามประสาเถอะ ไอ้เราแก่แล้วก็อยู่ส่วนแก่”

“ใครครับ นี่ป้าพัดกำลังวางแผนอะไรอยู่ อย่าบอกนะว่าจะให้คุณฉัตรพารันกับน้องไลท์ไปสวนสนุกแทนผม”

รัชชานนท์รีบนั่งลงข้างๆ พัทนี ทำหน้าตื่นตาโตน่าเขกกะโหลกเสียจริงๆ เพราะเขาติดรับรองกลุ่มเพื่อนซึ่งจะเดินทางมาพักที่รีสอร์ตช่วงวันหยุดนี้ จึงรับหน้าที่ตามความตั้งใจของพัทนีไม่ได้

“พ่อนนท์ไปไม่ได้ ป้าก็ต้องให้พ่อภันรับหน้าที่แทน ถ้าเป็นรายนั้นยายไลท์คงจะชอบใจเชียวละ เห็นทำตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋”

พัทนีเชื่อว่าคัมภันจะช่วยดูแลหลานสาวได้ จึงไม่มีอะไรให้ห่วง เว้นก็เสียแต่ว่าเรื่องนี้นางยังไม่ได้เอ่ยปากกับลลนาและคัมภันด้วยตัวเองเลย

“แล้วนี่มีเบอร์พ่อภันไหม เดี๋ยวป้าจะโทร. ไปคุยกับเขาดูก่อน ไม่รู้ว่าจะสะดวกรึเปล่า”

รัชชานนท์ต่อสายถึงคัมภันแล้วยื่นโทรศัพท์ให้พัทนี ถือสายรออยู่ไม่นานคัมภันก็ตอบรับกลับมาด้วยน้ำเสียงสุภาพเหมือนเช่นทุกครั้ง

 

มีข่าวประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาว่าท้องทะเลจะมีคลื่นสูง และลมกระโชกแรงจากพายุฤดูร้อนที่พัดผ่านทะเลฝั่งอ่าวไทย คัมภันจึงต้องหยุดออกเรือสักสัปดาห์ และกลับไปเข้างานที่รีสอร์ต วันนี้เขามาทำงานแต่เช้าตามสัญญาที่ให้ไว้แก่เลศยา และมีขนมครกกับน้ำเต้าหู้ติดไม้ติดมือมาฝากอีกด้วย

“ลุงภันมาแล้ว”

เลศยาในชุดกางเกงลายมิกกี้เม้าส์สีแดงดำทักทายเสียงดังแล้ววิ่งมาหา กระโดดเหยงๆ บอกว่าคิดถึง คัมภันยิ้มกว้าง หัวใจพองโต นานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้ยินคำนี้

“ลุงซื้อขนมครกมาฝาก”

“ครกกินได้เหรอคะ”

คัมภันหัวเราะแล้วย่อตัวลงนั่ง เขายื่นขนมครกในกระทงใบตองให้เลศยาลองชิม พร้อมทั้งอธิบายให้หนูน้อยเข้าใจอย่างเป็นเรื่องเป็นราวว่าขนมครกคืออะไร ทำจากอะไร และต่างจากครกที่เลศยาเคยเห็นป้าแป๊ดใช้ตำส้มตำอย่างไร

ลลนาเดินตามมาสมทบ คัมภันจึงเอ่ยชวนร่วมวงขนมครกเจ้าอร่อย วันนี้เขาได้เห็นรอยยิ้มของลลนาแต่เช้า หล่อนเล่าให้ฟังว่าครอบครัวเป็ดที่เคยไปเลือกซื้อกันวันก่อนได้อยู่ในสวนสวยเรียบร้อยแล้ว

“สวนเป็ดลุงภันค่ะ” เลศยาช่วยเสริม อวดอย่างภาคภูมิใจว่าเป็นคนตั้งชื่อสวนสวยนั้นด้วยตัวเอง

“ชักอยากเห็นแล้วสิ พาลุงไปดูได้ไหมจ๊ะ”

 

ลลนาเดินตามหลัง มองภาพอบอุ่นของผู้ชายตัวโตจูงมือน้อยของลูกสาวหล่อนแล้วอมยิ้ม เช้านี้เลศยาตื่นได้เองโดยที่แม่รันไม่ต้องปลุก หนูน้อยรีบอาบน้ำแต่งตัว และบอกอย่างตื่นเต้นว่าลุงภันสัญญาจะมาแต่เช้า ดีที่เขารักษาสัญญา เลศยาจึงไม่ผิดหวัง แต่ลลนาอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าวันใดวันหนึ่งคัมภันมีครอบครัว และต้องห่างหายไปจากชีวิตของหล่อนกับลูก สภาพจิตใจของเลศยาจะเป็นเช่นไร รวมถึงหล่อน...ความรู้สึกที่เป็นอยู่ในใจตอนนี้จะเป็นอย่างไร

“แม่รันคะ”

เลศยาหยุดเดินแล้วหันมากวักมือเรียก ส่วนคัมภันก็หันมายิ้มและมองหล่อนด้วยสายตาที่ชวนให้ใจสั่น ลลนาแสร้งมองไม่เห็นตากรุ้มกริ่มของคัมภัน หล่อนเดินไปจับมือลูกสาวที่ยื่นมารอ และเดินเคียงข้างไปด้วยกันสามคน แม่เป็ด ลูกเป็ด และ...พี่เลี้ยงลูกเป็ด

 

เลศยาคุยให้คัมภันฟังไม่หยุดว่าตนมีหน้าที่ใดในการสร้างสวนเป็ดลุงภันบ้าง ลูกสาวมีความสุขจนลืมไปเสียแล้วว่ายังมีแม่รันอีกคนนั่งมองอยู่ห่างๆ จะมีก็แต่สายตาของคัมภันที่เหลือบมองเป็นครั้งคราว เขาเหมือนมีบางอย่างจะพูดกับหล่อน แต่ถูกเลศยาแย่งซีนจนไม่มีโอกาสเลย กระทั่งพัทนีเดินออกมาจากบ้าน ป้าเอ่ยทักทายหลานตัวน้อย รับไหว้คัมภัน แล้วเดินมานั่งข้างลลนาบนม้านั่งตัวเดียวกัน

“วันหยุดนี้พายายไลท์ไปเที่ยวสวนสนุกสิรัน ป้ามีบัตรอยู่สามใบ ถ้าไม่ไปก็น่าเสียดายนะ”

ลลนามองหน้าพัทนี แปลกใจเพราะอายุของป้าก็มากแล้ว ทำไมจึงมีบัตรผ่านประตูสวนสนุกได้

“ป้าเอามาจากไหนคะ”

“นนท์ช่วยจัดการให้ ถือเป็นของขวัญให้หลานก็แล้วกันนะ”

สัปดาห์หน้าคือวันเกิดครบสี่ขวบของเลศยา ลลนาจึงคล้อยตามความคิดของพัทนีโดยง่าย เพราะวันก่อนเพิ่งถูกลูกสาวรบเร้าให้พาไปเที่ยวสวนสนุก แต่หล่อนยังเครียดเรื่องบดินทร์ฉัตรจึงผัดผ่อนออกไป

“นนท์ไปด้วยใช่ไหมคะ เพราะรันไม่รู้เส้นทางเลย”

“นนท์ไม่ว่างจ้ะ แต่ป้าคุยกับพ่อภันให้แล้ว รันไม่ต้องห่วงนะ วันนี้ถ้ามีเวลาก็เตรียมตัวไว้ พรุ่งนี้จะได้ออกเดินทางแต่เช้า แต่อย่าเพิ่งบอกยายไลท์นะว่าจะพาไปไหน จะได้เซอร์ไพรส์”

ลลนาหันกลับไปมองลูกสาวที่กำลังหัวเราะกับคัมภัน เลศยาคงดีใจถ้าได้รู้ว่าพรุ่งนี้เราจะไปสวนสนุก

“เขารู้เส้นทางใช่ไหมคะ”

“เห็นเขาว่างั้นนะ แต่รันช่วยดูจีพีเอสด้วยก็ดี ถนนหนทางสมัยนี้มันเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน”

ลลนาไม่ได้ซักอะไรต่อ เพราะความสุขของลูกสาวคือสิ่งแรกที่หล่อนต้องนึกถึง เทคโนโลยีเดี๋ยวนี้ทันสมัย การเดินทางไปในสถานที่ไม่คุ้นสักแห่งไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ยิ่งผู้ร่วมเดินทางคือคัมภัน ลลนายิ่งเชื่อมั่นว่าเขาจะพาหล่อนกับลูกไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย

 

บดินทร์ฉัตรแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเพราะหงุดหงิดกับข่าวใหม่ที่ได้รับ ถึงตัวเขาจะอยู่ที่เกาะพงัน แต่ใจยังผูกอยู่กับลลนาและลูกสาวที่ระยอง เขาสั่งให้ลูกน้องเฝ้าสังเกตและคอยรายงานสถานการณ์อยู่เป็นระยะ วันนี้คัมภันพาลูกสาวกับอดีตภรรยาของเขาออกจากรีสอร์ตไปตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่งไม่รู้ว่าไปที่ใด

ชายหนุ่มด่าลูกน้องที่ไม่เอาไหน อีกทั้งยังกลุ้มใจเพราะสมองมันวิ่งพล่านไปในทางที่ไม่ควร เขาเชื่อว่าลลนากับคัมภันมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน เขายังหวงเรือนร่างงดงามของอดีตภรรยา ที่บัดนี้ตนไม่มีสิทธิ์แตะต้องเหมือนเคย

“พี่ฉัตรไม่ทานมื้อเช้าก่อนเหรอคะ”

ปาลิดารั้งไว้ก่อนที่เขาจะออกจากบ้าน แต่เพราะอารมณ์ยังฟุ้งจึงพลั้งเผลอเอ่ยถ้อยคำทำร้ายใจภรรยา

“ผมจะกินหรือไม่กินมันก็เรื่องของผม”

ปาลิดาหน้าถอดสี ยืนมองสามีหุนหันจากไป หล่อนไม่เข้าใจอารมณ์ขึ้นลงของบดินทร์ฉัตร ตั้งแต่กลับจากระยอง เขาหงุดหงิดบ่อยครั้ง และขึ้นเสียงใส่หล่อนอย่างไม่มีเหตุผล เขายังเห็นหล่อนเป็นภรรยา หรือไม่เคยมีหล่อนอยู่ในสายตาของเขาสักน้อย

“พี่ฉัตรไม่กินข้าวเหรอพี่ปัน รีบไปไหนแต่เช้า”

น้องชายเพิ่งลงมาจากชั้นบน ทันได้เห็นบดินทร์ฉัตรรีบร้อนออกไป ปกติเอกวิญช์ไม่ค่อยได้กลับบ้านเพราะติดซ้อมกีฬา แต่เพราะพี่สาวไม่สบาย อีกทั้งยังมีเรื่องหนักใจ เขาจึงขออนุญาตโคชกลับบ้านสักสองสามวัน

“งานมีปัญหาน่ะ เราไปกินข้าวกันเถอะวิน พี่หิวแล้ว”

ปาลิดาปั้นหน้ายิ้มให้เป็นปกติ พรุ่งนี้เอกวิญช์ต้องกลับไปมหาวิทยาลัยแล้ว หล่อนไม่อยากให้น้องต้องทุกข์กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

“เดี๋ยวสายๆ ผมจะไปบ้านแม่ พี่ปันไปด้วยกันนะครับ กินมื้อเที่ยงกับพ่อแม่ก่อน แล้วผมค่อยไปขึ้นเครื่อง”

“ได้สิ”

มื้อเช้าครื้นเครงเพราะความช่างคุยของเอกวิญช์ทำให้ปาลิดาพอมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้บ้าง เขาเล่าเรื่องที่มหาวิทยาลัยรวมถึงเรื่องขำขันของพ่อแม่สับเปลี่ยนกันไป ตั้งแต่เรียนจบ แต่งงาน ปาลิดาก็ห่างหายจากกลุ่มเพื่อน จากเดิมมีเพื่อนน้อยอยู่แล้วก็แทบไม่เหลือให้ติดต่อกัน หล่อนจึงสนิทกับน้องชาย และเรื่องระหว่างหล่อนกับบดินทร์ฉัตร เอกวิญช์ก็ได้รู้มากกว่าพ่อแม่ของหล่อนเสียอีก

 

สวนสนุกดรีมเวิลด์มากมายด้วยเครื่องเล่นและการแสดงนานาชนิด รวมถึงสวนน้ำที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อไม่นานมานี้ ดรีมเวิลด์เป็นที่พักผ่อนของครอบครัว เปรียบดังสนามเด็กเล่นยักษ์ใหญ่ของเด็กๆ วัยซน เลศยายังตื่นเต้นกับเซอร์ไพรส์ที่แม่รันและป้าพัทนีมอบให้ไม่หาย

หนูน้อยจำป้ายยักษ์ใหญ่ทางเข้าสวนสนุกได้ติดตาจากรายการโทรทัศน์ ประสาเด็กได้รับสิ่งถูกใจหนูน้อยจึงตบไม้ตบมือ ร่างป้อมวิ่งไปทั่วจนลลนาวิ่งตามเกือบไม่ทัน แม่รันจึงต้องสร้างเงื่อนไข และขู่นิดๆ ว่าหากลูกสาวไม่ฟังคำสั่งจะให้คัมภันพากลับบ้านทันที แค่ได้ยินว่าจะพากลับบ้าน เลศยาก็หยุดวิ่งซน และยอมอยู่ในโอวาทของแม่รันอีกครั้ง

“คุณรันใส่เสื้อคลุมด้วยดีกว่านะครับ แดดค่อนข้างแรง”

คัมภันยื่นเสื้อยีนของเขาให้เมื่อลลนาสวมเสื้อแขนยาวและหมวกสีหวานให้ลูกสาวเรียบร้อย หล่อนมองหน้าเขาและขมวดคิ้วราวกับว่าลังเล

“ฉันไม่ร้อนเท่าไหร่ค่ะ แบบนี้คล่องตัวกว่า คุณใส่เอาไว้เถอะ”

“ไม่ดีกว่าครับ อยู่กลางทะเลร้อนมากกว่านี้อีก”

คัมภันเก็บเสื้อคลุมของเขาไว้ในรถ สวมแค่หมวกแบบเดียวกันกับลลนาและลูก ซึ่งไม่ใช่แค่หมวกเท่านั้น เสื้อยืดสีกรมท่าลายสมอเรือจิ๋วที่ทั้งสามคนสวมก็เป็นแบบเดียวกัน ต่างกันแค่ขนาดเท่านั้นเอง เป็นครั้งแรกที่คัมภันยอมสวมชุดครอบครัว เขาอมยิ้มและคิดไปไกลอยู่ตามลำพัง แม้ลลนาจะให้เหตุผลว่าเป็นความต้องการของเลศยาก็ตาม เขามีความสุข และอิ่มเอมในหัวใจอย่างอธิบายไม่ถูกเลย

“คุณแน่ใจนะคะว่าจะสะพายเป้นี้”

ลลนาหันมามองเมื่อเขารับอาสาสะพายเป้สัมภาระสีหวานลายน่ารัก มันคงไม่เหมาะกับผู้ชายบึกบึนนัก แต่คัมภันไม่ได้สนสายตาของใครนอกจากความสะดวกสบายของลลนา

“ครับ คุณรันจะได้ดูแลน้องไลท์ได้สะดวก”

“ขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกได้ไหมคะ”

คัมภันเสยผมแก้เก้อเมื่อลลนาหัวเราะ ก่อนจะอุ้มเลศยาขึ้นมาฉีกยิ้มถ่ายรูปกับป้ายขนาดใหญ่หน้าประตูทางเข้าที่พลุกพล่านทั้งเด็กและผู้ใหญ่

‘สวนสนุก’

ความสุขได้เกิดขึ้นในหัวใจทั้งสามดวงแล้ว คัมภันกับลลนาช่วยกันดูแผนที่และอ่านกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจในแต่ละจุด รวมทั้งเลือกเครื่องเล่นที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับเลศยา ความใกล้ชิดเพิ่มความสนิทให้เกิดขึ้นได้ไม่ยาก วันนี้ลลนาหัวเราะและยิ้มได้กว้างกว่าทุกวัน คงเพราะลูกสาวมีความสุข คนเป็นแม่จึงสุขได้เสียยิ่งกว่า

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น