11
งานวันเกิดเล็กๆ ของเลศยาถูกจัดขึ้นอีกครั้งในช่วงสาย คัมภันยังอยู่ในชุดเดิม เสื้อสีแดงลายมิกกี้เม้าส์เข้าคู่กับกางเกงสีเลือดหมูขาสั้นพอดีเข่า ช่างดูน่ารักอ่อนกว่าวัย แต่เขาไม่เคอะเขินเพราะลลนาก็สวมชุดเดรสกระโปรงสั้นสีแดงลายมินนี่เม้าส์ตามที่นัดแนะกันไว้ ซ้ำยังมีที่คาดผมติดโบแดงลายจุดเลียนแบบตัวการ์ตูนดัง หล่อนน่ารักสดใสผิดกับผู้หญิงอ่อนแอเมื่อคืนนี้ราวคนละคน
เลศยาถูกรัชชานนท์ผูกตาด้วยผ้าสีหวานแล้วจูงมือเดินมาหยุดที่ห้องโถงภายในบ้าน สถานที่จัดงานวันเกิด ที่สมาชิกในครอบครัวรออวยพรหนูน้อยกันอย่างพร้อมเพรียง
“พร้อมรึยังจ๊ะ”
“พร้อมมากๆ ค่ะ”
เลศยาตื่นเต้น ตอบคำถามรัชชานนท์รวดเร็ว และเมื่อผ้าผูกตาถูกปลดออก พลุกระดาษจากมือสองหนุ่มก็กระจายสร้างสีสันเรียกเสียงหัวเราะจากเลศยาได้ดังลั่น
ลลนาเดินเข้ามาพร้อมเค้กลายการ์ตูนที่จุดเทียนสีชมพูสว่างมากกว่าอายุของลูกสาว หล่อนเริ่มร้องเพลงอวยพรให้ผู้ใหญ่ทุกคนในงานได้เปล่งเสียงตาม และเมื่อเพลงจบลง หล่อนก็บอกให้เลศยาตั้งใจอธิษฐานก่อนเป่าเทียน
“ก่อนตัดเค้ก เราเปิดของขวัญกันก่อนดีไหม” รัชชานนท์เกริ่นขึ้นให้เลศยาตาโต
หนูน้อยหันไปมองรอบๆ แล้วทำหน้ามุ่ยเมื่อไม่เห็นของขวัญสักกล่อง “ลุงนนท์โกหก”
คัมภันใช้จังหวะนั้นออกไปยกของขวัญที่วางแอบเอาไว้ในห้องครัว และเมื่อเลศยาหันไปเห็นก็ร้องโอ้โหดังลั่น วิ่งเข้าไปหาคัมภันอย่างรวดเร็ว
“สุขสันต์วันเกิดครับน้องไลท์ กล่องนี้ของแม่รันกับลุงภันครับ”
“แม่ขอให้หนูเป็นเด็กดีตลอดไปนะคะ”
“หนูรักแม่รันค่ะ”
ลลนาย่อตัวลงรับกอดจากลูกสาวแล้วอดที่จะหอมแก้มนุ่มให้ชื่นใจไม่ได้ ก่อนจะชี้ชวนกันแกะของขวัญกล่องใหญ่โดยมีคัมภันร่วมเป็นลูกมือ
“ยิ้มอะไรครับป้าพัด”
รัชชานนท์กระซิบ แต่พัทนีไม่ได้ตอบ ปล่อยให้หนุ่มหน้าหวานเข้าใจไปตามจินตนาการ ที่ยิ้มเพราะภาพที่เห็นมันอิ่มหัวใจ คัมภันไม่เพียงสร้างความสุขให้เลศยา แต่เขากำลังสร้างบางสิ่งบางอย่างให้เกิดขึ้นกับลลนาอีกคน
“ฉะโนไวต์ ราพันเฉล”
เลศยาตาโตอีกรอบเมื่อเปิดกล่องของขวัญพบสิ่งถูกใจ ตุ๊กตาเจ้าหญิงแบรนด์ดังในกล่องเซตสวยงามถูกคว้ามากอดทีละกล่อง ลลนามองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม ลูกสาวกำลังมีความสุขกับของขวัญที่คัมภันและหล่อนเป็นคนเลือกให้ นอกจากกอดเจ้าหญิงกล่องโตแล้ว เลศยายังดึงมือคัมภันให้ช่วยแกะพลาสติกห่อหุ้มและตัวล็อกกล่องออกเพื่อปลดปล่อยเจ้าหญิงให้เป็นอิสระ แค่ได้เห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะของลูก แม่คนนี้ก็คลายกังวลลงได้มากแล้ว
“สบายใจขึ้นแล้วนะครับ”
คัมภันย่อตัวลงนั่งข้างลลนา หล่อนคลี่ยิ้มได้ แม้ตายังดูเศร้าสร้อย แต่คัมภันเชื่อเหลือเกินว่าเปลือกเข้มแข็งที่ลลนาสวมเอาไว้และกำลังใจจากทุกคนจะพาหล่อนพ้นช่วงเวลาเลวร้ายไปได้อย่างสวยงาม และเขาเต็มใจเหลือเกินที่จะอยู่เคียงข้าง คอยปกป้อง สวมเกราะคุ้มครองให้หล่อนกับลูกปลอดภัยจากผู้ชายเจ้าเล่ห์ แม้บดินทร์ฉัตรจะนั่งตำแหน่งพ่อของเลศยา แต่เป็นพ่อที่ลลนาไม่ต้องการให้เป็น เช่นเดียวกับตำแหน่งสามีที่ลลนาไม่คิดจะยกให้บดินทร์ฉัตรครอบครอง
“เหมือนพ่อแม่ลูกเลยนะครับ ป้าว่าไหม”
รัชชานนท์กระซิบตรงใจพัทนี เมื่อเลศยาโผเข้ากอดและหอมแก้มซ้ายขวาของคัมภันแทนคำขอบคุณ ในตาคมของคัมภันฟ้องความรู้สึกของเขาเสมอ ทุกการกระทำจึงมองออกได้ไม่ยากว่าเขามีใจ เพียงแต่ลลนาจะมองเห็นหรือไม่ นั่นคือสิ่งที่พัทนีไม่กล้าคิดแทน
“พ่อภันก็เป็นคนดีนะ แต่ป้ากลัวว่ายายรันจะปิดกั้นหัวใจตัวเองจนมองข้ามไป”
“ต้องดูกันต่อไปฮะ แต่ผมเชื่อว่าอีกไม่นานหรอก กามเทพตัวน้อยก็เต็มใจซะขนาดนั้น”
รัชชานนท์บุ้ยใบ้ให้พัทนีมองกามเทพตัวเล็ก ที่กำลังคะยั้นคะยอให้คัมภันกับลลนาช่วยกันแบ่งเค้กออกเป็นชิ้นๆ ด้วยมีดพลาสติกเล่มเดียวกัน มือของคัมภันจึงต้องกุมมือลลนาเอาไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้
“ดูๆ ไปก็เหมาะสมกันดีนะ”
พัทนีหัวเราะเบาๆ ในใจทุกคนยังไม่ลืมพายุอารมณ์ในช่วงเช้า แต่เพื่อเยียวยาจิตใจบอบช้ำของเลศยา จึงต้องรักษาบรรยากาศให้ดำเนินไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
บดินทร์ฉัตรนั่งไม่ลงเพราะมีเรื่องรบกวนจิตใจ เขาแวะไปที่บ้านสีขาวรีสอร์ตแอนด์สปาแต่เช้าเพราะอยากพบลลนา แต่ภาพที่เห็นมันช่างทิ่มตากระแทกใจ ผู้ชายที่ควรได้วิ่งไล่จับหล่อนกับลูกที่ชายหาดควรเป็นเขา ไม่ใช่เศษสวะที่นิยมความรุนแรงอย่างคัมภัน มันช่างกล้าดี แตะต้องผู้หญิงของเขา ซ้ำยังตีสนิทกับลูกสาวเขาอย่างออกหน้า วันนี้เลศยาไม่วิ่งมาหาพ่อ แม้แต่หางตาก็ไม่ชายมาแล ถ้าลลนาไม่บงการคัมภันก็คงเป่าหู แต่ใจบดินทร์ฉัตรเชื่อว่าเป็นอย่างหลังเพราะอคติกับคัมภันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“แกได้เห็นดีกับฉันแน่ ไอ้สวะ!”
สบถวาจามาดร้ายก่อนบดินทร์ฉัตรจะต่อสายถึงคนของตน สั่งการบางอย่างด้วยอารมณ์แค้นเคือง คัมภันไม่เพียงทิ้งรอยแผลเอาไว้บนใบหน้า แต่ยังทิ่มแทงลงไปถึงหัวใจเขา ถึงเวลาแล้วที่ต้องทวงคืน สั่งสอนบทเรียนครั้งนี้ให้สาแก่ใจ
คัมภันกลับบ้านช้ากว่าทุกวันเพราะเจ๊จุกยอมจ่ายค่าจ้างให้ไปร้องเพลงที่ร้าน ในงานสังสรรค์ของกลุ่มลูกค้าวีไอพี เขาชอบเสียงเพลง เสียงดนตรี หัดเล่นหัดร้องมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มฮอตขวัญใจสาวๆ ค่อนโรงเรียนก็ว่าได้ คัมภันอมยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต ก่อนที่ใจจะกระหวัดถึงบทเพลงหนึ่งที่ร้องให้ลลนาฟังเมื่อคืนก่อน เขาร้องเพลงเดิมเคล้าเสียงคลื่นลมที่พัดผ่านทักทาย ทะเลยามค่ำคือทะเลสีดำ แต่ทะเลในใจเขายังเป็นสีหวานอยู่ร่ำไป
ดึกสงัดชายหาดไม่มีใครนอกจากคัมภันเดินผิวปากฮัมเพลงไปอย่างสบายอารมณ์ คืนนี้ดวงจันทร์อับแสงเพราะหมอกเมฆบัง สุนัขหางดาบสีน้ำตาลเข้มก็ไม่รู้ไปวิ่งเล่นอยู่ที่ใด โดยปกติมันมักวิ่งตามคัมภันกลับบ้าน ไปรอรับเศษอาหารเหลือๆ ที่เขามีน้ำใจแบ่งให้ แต่เพราะมันไม่อยู่ช่วยระวังภัย ผู้ชายชุดดำสามคนจึงเข้าตะลุมบอนคัมภันได้ง่ายดายเหลือเกิน
หนึ่งกายแข็งแกร่งหรือจะสู้สามแรงสมัครสมาน หมาหมู่ฟาดท้ายทอยคัมภันด้วยไม้ท่อนหนา เมื่อเขาเซเสียหลักพวกมันก็ถีบเข้ากลางหลังจนล้มกลิ้ง หมัดเข่าผลัดกันประเคนใส่คนไร้ทางสู้ที่ทำได้แค่ยกมือขึ้นป้องหน้าตัวเองเอาไว้ คัมภันไม่มีสิทธิ์ได้ตะโกนขอความช่วยเหลือ เพราะชายฉกรรจ์ทั้งสามไม่เปิดโอกาสให้เขาได้หลุดเสียงใด ชายโครงถูกเตะเสียจนจุก ร้าวระบมปวดกลางลำตัว
เขานอนคว่ำหน้านิ่งให้พวกมันเข้าใจไปเองว่าสิ้นสติแล้ว พวกมันหยุดยืนดูผลงานแล้วคุยกันว่าควรจะพอหรือไปต่อให้สุด สองในหนึ่งเสียงเห็นพ้องกันว่าควรยุติ แต่ก่อนจะถอยทัพหมาหมู่ คัมภันก็ถูกเตะถูกฟาดอีกสองสามครั้ง ก่อนพวกมันจะทิ้งไม้แล้วแยกย้ายกันไป
เหยื่อหนุ่มหมดแรงจะลุกขึ้นได้ ใบหน้าเปื้อนทราย ยังแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น บนศีรษะคงมีบาดแผลฉกรรจ์เพราะเลือดไหลหยดลงตรงหน้า ย้อมทรายขาวสะอาดให้แดงฉานน่ากลัว คัมภันพยายามขยับแต่ศีรษะมันหนักเกินจะผงกขึ้นได้ ดึกดื่นเที่ยงคืนแล้ว คงต้องนอนหนาวรอความเป็นความตายกระทั่งรุ่งสางถึงจะมีใครสักคนผ่านมาเห็น
“พี่ภัน!”
คัมภันไม่ต้องรอถึงเช้าเพราะฟ้าเห็นใจส่งเปี๊ยกมาช่วยเหลือได้ทันเวลา ร่างใหญ่ถูกประคองขึ้นจากพื้นทราย เปี๊ยกหันรีหันขวาง ทำอะไรไม่ถูก เขาร้องลั่นขอความช่วยเหลือ แต่ดึกสงัดคงยากที่ใครจะได้ยิน สภาพของคัมภันไม่ดีเลย ศีรษะแตกเลือดไหลอาบ ใบหน้าคมคายเต็มไปด้วยบาดแผล ภายในคงได้รับความกระทบกระเทือนไม่น้อย เพราะเขาโอดครวญยามที่ต้องขยับตัว
“พวกมันเป็นใครพี่ มันทำพี่ทำไม”
“พี่ไม่รู้”
คัมภันไม่รู้อะไรเลย เขาใช้ชีวิตอย่างเจียมตัวมาโดยตลอด กับคนในพื้นที่ ความอ่อนน้อมถ่อมตนที่เขามีไม่น่าจะขวางหูขวางตาหรือขัดแข้งขัดขาใครได้ เว้นแต่พักหลังมานี้ที่บดินทร์ฉัตรดูจะไม่กินเส้นกับเขานัก
“พาพี่กลับบ้านทีเปี๊ยก”
คัมภันยังพอมีเสียง เปี๊ยกยังตกใจ ยิ่งเห็นเลือดชายหนุ่มไหลยิ่งลนลาน คนเป็นพี่อยากกลับบ้าน แต่เปี๊ยกดูอาการแล้วคิดว่าควรไปโรงพยาบาลมากกว่า
“เดี๋ยวผมโทร. เรียกกู้ภัย เราไปโรงพยาบาลกันเถอะพี่”
“พี่ยังไหว พาพี่กลับบ้านก่อนนะเปี๊ยก”
เปี๊ยกไม่ขัดคำสั่ง พยุงคัมภันกลับมาถึงบ้านอย่างทุลักทุเล และด้วยความเป็นห่วง เขาจึงขี่มอเตอร์ไซค์ไปปลุกป้าแป๊ดกลางดึก พาซ้อนท้ายมาช่วยพยาบาลคนเจ็บ เพราะตัวเปี๊ยกเองไม่ประสีประสาซ้ำมือยังหนัก เกรงว่าอาการของคัมภันจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ ถึงป้าแป๊ดจะไม่ได้เรียนวิชาแพทย์ แต่ยังพอถูไถปฐมพยาบาลให้คนเจ็บได้ แผลที่ศีรษะของคัมภันกว้างพอควร ที่ต้องทำตอนนี้คือห้ามเลือดและใช้ผ้าก๊อซปิดทับบาดแผลเอาไว้ให้แน่น
“ทนหน่อยนะพ่อภัน ยังไงพรุ่งนี้เช้าก็ควรจะไปโรงพยาบาล”
“ขอบคุณครับป้าแป๊ด แต่ผมไม่เป็นไรมากหรอกครับ”
คัมภันกินยาแก้ปวดแก้อักเสบเรียบร้อยก็พนมมือไหว้ป้าแป๊ดที่เสียเวลามาช่วยดูแล
“ไม่ได้นะพี่ แผลที่หัวพี่น่าจะต้องเย็บนะ แล้วนี่ช้ำในบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้ ผมว่าไปให้หมอเช็กให้ละเอียดดีกว่า”
“เอาไว้ค่อยว่ากันนะเปี๊ยก นี่ก็ดึกมากแล้ว เปี๊ยกพาป้าแป๊ดกลับบ้านเถอะ”
“ส่งป้าแป๊ดแล้ว ผมกลับมาอยู่เป็นเพื่อนพี่นะ ผมเป็นห่วง”
คัมภันไม่ปฏิเสธน้ำใจของเด็กหนุ่มที่นับถือกันเหมือนพี่น้อง เพราะไม่มั่นใจในสภาพร่างกายของตัวเองนัก จึงเป็นการดีที่คืนนี้เขาไม่ต้องนอนเจ็บอยู่เพียงลำพัง
อีกสองชั่วโมงจะเช้า คัมภันไข้ขึ้นสูงและหนาวสั่น เปี๊ยกรื้อผ้าห่มสามผืนในตู้เสื้อผ้ามาห่มให้และเช็ดตัวด้วยหวังให้ไข้ลดลง คนไม่ประสีประสาร้อนใจเต็มทน ยิ่งเห็นหน้าคนเจ็บซีดเซียวก็ยิ่งกังวล เปี๊ยกเขย่าปลุกแต่คัมภันไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาโดยง่าย เขาตัวงอเป็นกุ้ง กอดตัวเองเอาไว้แน่น บ่นว่าหนาวและเพ้อหาลลนาอยู่ร่ำไป ความเป็นห่วงมันคับอกจนเปี๊ยกทนไม่ไหว เกรงว่าคัมภันจะเป็นอันตรายหรือช็อกหมดสติไปเพราะมีไข้สูง
“ไม่รอแล้วโว้ย”
พระอาทิตย์ยังไม่ทันได้ขึ้นจากน้ำ เด็กหนุ่มก็รีบขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่าตรงไปที่บ้านสีขาวรีสอร์ตแอนด์สปาเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้หญิงที่คัมภันเพ้อหาตลอดคืน เปี๊ยกตะโกนเรียกลลนาอยู่หน้ารั้วบ้าน และไม่นานนักลลนาก็ออกมาต้อนรับเขา
“มีอะไรด่วนรึเปล่าเปี๊ยก”
“ช่วยพี่ภันด้วยครับคุณรัน ช่วยด้วยครับ”
“ภันเป็นอะไรเหรอเปี๊ยก เกิดอะไรขึ้น”
ลลนาใจหาย ตกใจเมื่อได้ยินน้ำเสียงและเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเปี๊ยก หล่อนรับฟังเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นกับคัมภันแล้วหน้ายิ่งซีด หัวใจสั่นระรัวเพราะห่วงแสนห่วง หล่อนต้องรีบพาคัมภันไปโรงพยาบาล จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากรัชชานนท์อีกแรง อย่างน้อยเขาก็คุ้นเคยกับเส้นทางในตัวเมืองมากกว่าหล่อน
สภาพของคัมภันไม่ดีเลย เปี๊ยกกับรัชชานนท์ช่วยกันพยุงคัมภันมาขึ้นรถ เขายังหนาวสั่น ตัวร้อนจนน่ากลัวว่าจะช็อกเสียก่อนถึงโรงพยาบาล
“ให้เขานอนตรงนี้ละเปี๊ยก”
หญิงสาวเต็มใจอุทิศตักตนให้คัมภันหนุนนอน เปี๊ยกจึงห่มผ้าให้คนเจ็บ ก่อนจะขึ้นไปนั่งคู่กับรัชชานนท์ที่ด้านหน้า
“ตัวยังร้อนจี๋อยู่เลย เขาจะช็อกรึเปล่านะนนท์”
ลลนาแตะแก้มแตะหน้าผากคัมภันเพื่อวัดไข้ ใจหล่อนร้อนรุ่มไม่แพ้ตัวเขา ไม่คิดเลยว่าคนดีๆ จะเคราะห์ร้ายได้ถึงเพียงนี้
“เขาไม่เป็นไรหรอกรัน อีกเดี๋ยวก็จะถึงมือหมอแล้ว”
“ใครกันนะเปี๊ยก พี่เราเขาไปมีเรื่องกับใคร ทำไมถึงทำกันได้ขนาดนี้”
“ผมก็ไม่รู้ครับคุณรัน พี่ภันเองก็ไม่รู้ว่าใคร พวกมันมากันสามคน ใส่ชุดดำปิดหน้าปิดตากันหมดครับ”
“พวกปล้นชิงทรัพย์รึเปล่าเปี๊ยก”
รัชชานนท์ออกความเห็นบ้าง แต่เปี๊ยกยืนยันว่าทรัพย์สินของคัมภันอยู่ครบ จึงตัดประเด็นจี้ปล้นทิ้งไปได้โดยไม่ต้องสงสัย และก่อนที่ใครจะออกความคิดเห็นใด เสียงของคนเจ็บก็แทรกขึ้นให้หัวใจลลนาเต้นแรง
“เพ้อแบบนี้ทั้งคืนเลยครับ เรียกหาแต่คุณรันตลอดเลย”
“เรื่องปกติน่ะเปี๊ยก คนเราน่ะนะ เวลาเจ็บป่วยก็เพ้อถึงคนที่ตัวเองรักทั้งนั้นละ”
“พูดบ้าๆ น่ะนนท์”
ลลนาว่าเพื่อนบ้า แต่สองแก้มแดงเรื่อ ไม่อาจซ่อนความอายเอาไว้ได้มิด หล่อนยอมให้คัมภันคว้ามือไปซุกข้างแก้ม ไม่อยากคิดมากให้หัวใจวุ่นวาย เขาคงเพ้อไปเพราะพิษไข้เท่านั้นเอง
คัมภันถึงมือหมออย่างปลอดภัยแล้ว ลลนายินดีรับผิดชอบในฐานะเจ้าของไข้และนายจ้าง ร่างกายเขาบอบช้ำหลายแห่ง แผลบนศีรษะที่ถูกฟาดด้วยของแข็งจนแตกต้องเย็บถึงสิบเข็ม หมอยังไม่อนุญาตให้คัมภันกลับบ้านจนกว่าจะมั่นใจได้ว่าอาการปลอดภัยแล้วจริงๆ
ลลนาเฝ้าอยู่ข้างเตียงคนไข้ มองหน้าที่เคยหล่อเหลาแต่บัดนี้เต็มไปด้วยบาดแผล ตาอบอุ่นคู่นั้นยังปิดสนิท ไข้เขาลดลงแล้ว หวังว่าเขาจะฟื้นตัวได้เร็ววัน ลลนาอยากนั่งอยู่ข้างเขาต่อ อยากให้เขาได้เห็นหน้าหล่อนเป็นคนแรกยามที่ลืมตาตื่น แต่เพราะมีสายเรียกเข้าจากเบอร์ไม่คุ้น จึงต้องลุกออกไปสนทนานอกห้องเพื่อไม่เป็นการรบกวนคนไข้
“เป็นห่วงเป็นใยมันเหลือเกินนะ”
ลลนารู้ได้ทันทีว่าปลายสายคือบดินทร์ฉัตร หล่อนไม่อยากเสวนากับเขาให้เสียความรู้สึก ถ้าสิ่งที่เขาพูดไม่เกี่ยวข้องกับคนที่กำลังเจ็บอยู่
“มันต้องเจ็บตัวก็เพราะคุณ ถ้าคุณยังไม่เลิกยุ่งกับมันอีก มันอาจจะเป็นหนักกว่านี้ ไม่ก็ตายไปเลยก็ได้นะ”
“ฝีมือคุณจริงๆ” ลลนาสงสัยอยู่ลึกๆ เพราะคัมภันเป็นที่รักของคนในพื้นที่ เขาไม่เคยมีศัตรู เว้นแต่กับผู้ชายที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อความต้องการของตัวเอง
“แล้วไงล่ะ แจ้งตำรวจจับผมเลยก็ได้นะ คนรู้เห็นก็ไม่มี พยานก็ไม่มี อยากรู้จริงๆ ว่าใครหน้าไหนมันจะทำอะไรผมได้”
ลลนาเกลียดเสียงท้าทายนั่น เจ็บใจเมื่อคนเลวอย่างบดินทร์ฉัตรลอยนวลเพราะหลักฐานไร้น้ำหนักจนไม่สามารถดำเนินคดีได้ แม้หล่อนเคยเหยียบย่ำใจเขามาก่อน แต่เขาไม่มีสิทธิ์ทำร้ายใครได้ตามอำเภอใจ
“ยิ่งคุณร้ายกับเขา ฉันก็ยิ่งสงสารเขา และอาจพัฒนาเป็นความรู้สึกอื่น จะบอกอะไรให้นะคุณฉัตร ผู้หญิงอย่างฉันนอนกับผู้ชายมาหลายคนเพราะเซ็กซ์ แต่ฉันไม่เคยรักใคร ไม่แน่นะ ผู้ชายคนแรกที่ฉันรักอาจเป็นคัมภันก็ได้”
ลลนาตัดสายทันทีเมื่อสิ้นประโยคนั้น หล่อนกำหมัดเพื่อคุมอารมณ์เดือดที่กำลังปะทุ ขอบตามันร้อนผ่าว โกรธจนเลือดขึ้นหน้าคงเป็นเช่นนี้ บดินทร์ฉัตรร้ายกับหล่อนยังพอทนได้ และความอดทนของหล่อนสิ้นแล้วเมื่อเขาทำร้ายชายผู้แสนดีที่ไม่ควรต้องเจ็บปางตาย
หญิงสาวกลับมายืนข้างเตียงคัมภันอีกครั้ง ทอดตาอ่อนโยนมองเปลือกตาที่ยังปิดสนิท ไล่เรื่อยมาถึงริมฝีปากแห้งที่มักมีรอยยิ้มอบอุ่นให้หล่อนอยู่เสมอ มือที่วางลงบนหลังมือร้อนของคัมภันถ้ากลายเป็นยาวิเศษได้คงจะดี นับแต่วันแรกที่รู้จักกัน เขาเสียสละและคอยช่วยเหลือหล่อนมาตลอด แล้วหล่อนเล่า เคยทำอะไรเพื่อเขาบ้าง
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะดูแลคุณเอง”
เพื่อชดใช้ให้แก่สิ่งที่บดินทร์ฉัตรทำเอาไว้ ลลนายินดีดูแลคัมภันจนกว่าอาการของเขาจะดีขึ้นและสามารถกลับมาทำงานได้เป็นปกติ หล่อนเต็มใจช่วยเหลือเยียวยา เขาทำเพื่อหล่อนกับลูกไม่ใช่น้อย ถึงเวลาตอบแทนความดีของเขาบ้าง
ข้าวของใกล้มือถูกกวาดหล่นลงพื้นจนกระจัดกระจาย บดินทร์ฉัตรปาโทรศัพท์ทิ้งทันทีเพราะประโยคแสลงหูของลลนา เขารัวหมัดอัดใส่ผนังจนเลือดซิบ เจ็บกายไม่เท่าเจ็บใจ ลลนาไม่ได้รักเขา ซ้ำยังกล้าพูดว่าอาจจะรักพนักงานกระจอกที่ฐานะเทียบเขาไม่ติดเลย
“ฉันไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นแน่”
บดินทร์ฉัตรตาขวางเมื่อหน้าของคัมภันเยาะเย้ยอยู่ในความคิด เขาอาจเหนือกว่าเพราะได้ตัวลลนาและมีเลศยาเป็นเลือดเนื้อ แต่หัวใจของลลนาคือสิ่งเดียวที่ไม่อาจคว้ามาได้ และถ้าเขาไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าคัมภันจะได้มันไปครอง
บดินทร์ฉัตรมัวแต่ทุกข์อยู่กับเรื่องของตน เขาไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าปาลิดากำลังจะขาดใจ สาวท้องโตกินไม่ได้นอนไม่หลับ ภาพในโทรศัพท์ที่เอกวิญช์ส่งมาให้ถูกเปิดขึ้นตอกย้ำใจนับครั้งไม่ถ้วน ปาลิดาร้องไห้จนตาบวม สองวันแล้วที่ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง และเมื่อร้องเสียจนหนำใจ เช้านี้ก็ไม่มีเหลือหยดน้ำตาแล้ว ถึงเวลาลุกขึ้นสู้เพื่อทวงสิทธิ์ของหล่อนกับลูกเสียที
ที่ปรึกษาเดียวของปาลิดาคือน้องชาย เขายอมทิ้งวันพักผ่อนกลับมาอยู่เคียงข้างพี่สาวในวันที่อ่อนแอ ปาลิดายื่นคำขาดว่าหล่อนจะเดินทางไปพบสามีที่ระยอง เพื่อจบสิ้นปัญหาคาราคาซังและจัดการกับผู้หญิงหน้าไม่อายคนนั้น หล่อนมาทีหลัง แต่ทะเบียนสมรสชี้ชัดว่าหล่อนมีสิทธิ์ในตัวบดินทร์ฉัตรตามกฎหมาย ไม่นิยมใช้สามีร่วมกับใคร ทรัพย์สินที่ต้องเป็นของหล่อนกับลูกก็ไม่ควรเผื่อแผ่ให้ใครเช่นกัน
“ท้องพี่โตแบบนี้จะขึ้นเครื่องได้เหรอครับ”
เอกวิญช์เป็นห่วง ไม่ต้องการให้ปาลิดาเดินทางไกล อดใจรอให้บดินทร์ฉัตรกลับมาแล้วค่อยสะสางก็ยังไม่สาย เพราะหลักฐานที่มีมัดตัวคนทำผิดได้แน่นหนา
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ให้คุณหมอออกใบรับรองแพทย์ให้ บินในประเทศแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง”
อายุครรภ์ของปาลิดายี่สิบเก้าสัปดาห์ ยังสามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย หล่อนอดใจรอให้สามีกลับบ้านไม่ไหว ไปให้เห็นคาตาจะได้หายคาใจว่าเขาซ่อนใครอีกคนเอาไว้จริง
“ดูพี่ไม่มีความสุขเลยตั้งแต่แต่งงาน สมัยนี้ซิงเกิลมัมเยอะแยะ วินว่ามันก็เป็นทางเลือกที่ดีนะพี่ปัน”
“ลูกพี่ต้องมีพ่อ พี่ไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนั้นได้ในสิ่งที่พี่ควรจะได้”
“แต่เรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้นะพี่ปัน”
“อย่าพูดแบบนั้นนะวิน วินไม่เป็นพี่ วินไม่เข้าใจความรู้สึกของพี่หรอก!”
ปาลิดาขึ้นเสียงใส่เพราะทนไม่ไหว ก้อนเนื้ออ่อนในอกข้างซ้ายไม่เคยอยู่ใต้บงการของใคร ลงว่าปักใจรักใครสักคนเข้าแล้วก็ถอนคืนกลับมาได้ยาก หล่อนรักบดินทร์ฉัตร และเอกวิญช์ไม่มีสิทธิ์สั่งให้เลิกรัก ครอบครัวสมบูรณ์แบบคือสิ่งที่เฝ้ารอคอยมาทั้งชีวิต และเมื่อวันหนึ่งหล่อนคว้าสิ่งนั้นได้ตามใจหวัง หล่อนก็จะไม่ยอมให้ใครหรือสิ่งใดมาพังมันลงง่ายๆ สามีของหล่อน เขาต้องเป็นของหล่อนแต่เพียงผู้เดียว
“แต่ช่วงนี้ไฟลต์เต็ม ถ้าพี่จะลงไปหาพี่ฉัตรจริง คงต้องรออีกสองสามวัน”
เอกวิญช์หยุดทำร้ายใจพี่สาวเพราะเปล่าประโยชน์ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือช่วยเหลือปาลิดาให้สมปรารถนา
“งั้นวินจัดการจองไฟลต์เร็วที่สุดให้พี่ที ส่วนเรื่องอื่นพี่จัดการเอง”
“ให้ผมลาโคชอีกสามสี่วันแล้วไปกับพี่ก็ได้นะ ผมเป็นห่วง”
“อย่าเลย วินเสียเวลามามากแล้ว ให้พี่จัดการเรื่องนี้เองดีกว่า”
“แต่...”
ตาแข็งของพี่สาวที่จ้องกลับมาสะกดให้เอกวิญช์หุบปาก เขาพับทุกความห่วงใยซ่อนไว้ในกระเป๋า ต้องสั่งใจให้เชื่อว่าปาลิดาจัดการปัญหาใหญ่หลวงนี้ได้ แม้เขาจะไม่มั่นใจเลยก็ตาม
“เรื่องนี้จะมีแค่เราที่รู้นะวิน”
“พี่ปันไม่ต้องห่วงหรอก วินไม่ใช่คนปากโป้ง แต่พี่จะบอกพ่อแม่ยังไงเรื่องเดินทาง”
“เรื่องนั้นพี่จัดการเอง วินไม่ต้องห่วงหรอกนะ”
แค่โกหกว่าบดินทร์ฉัตรจองห้องพักหรูไว้ที่ใดสักแห่งเพื่อภรรยาของเขาในวันพักผ่อน แม่จะรีบจัดกระเป๋าและพาไปส่งให้ถึงสนามบิน บดินทร์ฉัตรคือเขยคนโปรด สิ่งใดคือประสงค์ของเขา แม่มักเห็นดีเห็นงาม สิ่งที่ควรกังวลที่สุดตอนนี้คือ ถ้าบดินทร์ฉัตรไม่เลิกยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นและลูก หล่อนจะทำอย่างไร
ความคิดเห็น |
---|