13

บทที่ 13


 

13

สถานการณ์ในห้องพักของบดินทร์ฉัตรไม่ดีเลยเพราะวันนี้เขามีแขกไม่ได้รับเชิญ ปาลิดาที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงหน้าคือปัญหาใหญ่ หล่อนเดินทางไกลมาพบสามีพร้อมหลักฐานชิ้นสำคัญที่เขายังยืนยันว่าไม่มีอะไร ผู้ร้ายปากแข็ง เลือกใช้ความเงียบกดดันความรู้สึกของปาลิดา

“หลักฐานมัดแน่นขนาดนี้ แต่พี่ฉัตรยังกล้าพูดว่าไม่มีอะไร เด็กคนนั้นคงเกิดจากกระบอกไม้ไผ่สินะคะ”

“อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ไหมปัน ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้ยกย่องผู้หญิงคนนั้นเหมือนคุณ และเรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว”

“ใช่ค่ะ! มันผ่านมานานแล้ว นานพอๆ กับอายุของเด็กคนนั้น แต่พี่ฉัตรยังไม่ยอมจบ ยังแอบไปหา ไปทำหน้าที่พ่อ”

ปาลิดาพูดต่อไม่ไหวเมื่อบดินทร์ฉัตรเมินหน้าหนีไปอีกทาง หล่อนหลับตาลงนานหลายนาที ปล่อยน้ำตาหลั่งให้สาแก่ใจ วันนี้เจ็บแล้วก็อยากให้จบ แต่สามีดูไม่ให้ความร่วมมือกับหล่อนเลย

“พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง ทำไมไม่ไว้หน้าปันกับลูกบ้าง ปันยอมไม่ได้หรอกนะ ถ้าผู้หญิงคนนั้นจะมาลักกินขโมยกินของของปันแบบนี้”

ปาลิดาเชื่อว่าไม่มีผู้หญิงคนใดเต็มใจใช้สามีร่วมกับคนอื่น สำหรับหล่อนแล้ว จะแค่สนุกชั่วพักชั่วครู่หรือหลบซ่อนมีไว้เป็นตัวเป็นตนก็ไม่ได้ทั้งนั้น สามีควรซื่อสัตย์ต่อภรรยา มิใช่ทิ่มแทงทำร้ายกันลับหลังเช่นที่บดินทร์ฉัตรกำลังทำ

“แล้วจะเอาอะไรอีก ทะเบียนสมรสใบเดียวมันน่าจะมากพอแล้วนะปัน ลืมไปแล้วรึไงว่าเราแต่งงานกันเพราะอะไร”

บดินทร์ฉัตรขึ้นเสียงใส่อย่างเหลืออด เขารับผิดชอบปาลิดามามากเกินพอ หล่อนได้ทุกสิ่งที่ควรจะได้ ชีวิตหล่อนกับลูกสุขสบายด้วยทรัพย์สมบัติมากมายของเขา หล่อนเป็นแค่ภรรยาในนาม ไม่มีสิทธิ์บงการหรือยึดครองชีวิตที่เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว

“หัวใจของพี่ฉัตรคือสิ่งเดียวที่ปันไม่เคยได้เลย ปันไม่ลืมหรอกค่ะว่าเราต้องแต่งงานกันเพราะอะไร ปันรู้ว่าพี่ไม่ได้รักปัน เพราะพี่ยังลืมผู้หญิงคนนั้นไม่ได้!”

“ไร้สาระ!”

สามีจ้องกลับมาตาแข็ง มันว่างเปล่าและไม่เคยมีเงาของปาลิดาอยู่ในนั้นสักนิด บดินทร์ฉัตรต้องทนอยู่กับหล่อนทุกวันนี้เพราะคำว่าหน้าที่และความรับผิดชอบ ทั้งที่ใจเขาไม่เคยแยแสภรรยาไร้ตัวตน ชีวิตหล่อนช่างน่าสมเพช นอนร้องไห้กอดกระดาษหนึ่งใบ แต่ผู้หญิงนอกทะเบียนกลับได้ทั้งตัวและใจของสามีหล่อนไปครอง

“หรือมันไม่จริงล่ะคะ พี่รักผู้หญิงคนนั้น แต่พี่ไม่เคยรักปันกับลูกเลย!”

“พอสักทีได้ไหมปัน อย่าทำตัวงี่เง่าให้มากนัก มันน่ารำคาญ!”

บดินทร์ฉัตรทนรับความจริงไม่ได้ เขาเดินหนีออกไปที่ระเบียงห้องเพราะเบื่อน้ำตาร่วงกราวของคนด้านใน ทั้งที่ควรถนอมน้ำใจภรรยาให้มากสักนิด หล่อนกำลังท้องกำลังไส้ และหัวใจก็ใกล้จะขาดรอนๆ

ปาลิดาสะอื้นไห้น่าสงสาร เด็กในท้องดิ้นแรงราวรับรู้เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น หล่อนลูบท้องนูนแผ่วเบา พร่ำบอกทารกน้อยในครรภ์ว่ารักลูกอย่างสุดหัวใจ ในเมื่อบดินทร์ฉัตรไม่จัดการปัญหาที่เกิดขึ้น หล่อนจะเป็นฝ่ายจัดการให้สิ้นซากด้วยตัวของหล่อนเอง

 

เมฆฝนครึ้มไปทั่วทั้งฟ้า แต่เม็ดฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะโปรยลงมาง่ายๆ คัมภันนั่งระบายสีอยู่กับเลศยาที่โถงรับแขก ส่วนลลนาเร่งมือเก็บผ้าสองราวที่ตากเอาไว้กลางแจ้งเพราะเกรงว่าฝนจะตกหนัก รถรับจ้างคันหนึ่งตรงเข้ามาจอดที่หน้ารั้วบ้าน ดึงสายตาสงสัยของลลนาให้มองไป หญิงสาวอุ้มตะกร้าผ้าเข้าไปเก็บในบ้านแล้วออกมาต้อนรับผู้หญิงท้องโย้ที่เพิ่งลงจากรถคันนั้น

“มาติดต่อห้องพักรึเปล่าคะ เชิญติดต่อที่ออฟฟิศด้านหน้าได้เลยนะคะ”

“ฉันมาพบผู้หญิงที่ชื่อลลนา”

เจ้าของบ้านแปลกใจอย่างที่สุด หล่อนไม่เคยรู้จักผู้หญิงท้องโตคนนี้มาก่อน

“ฉันชื่อปาลิดา เป็นภรรยาของคุณบดินทร์ฉัตร”

ลลนามองเห็นความยุ่งยากทันทีเมื่อผู้หญิงหน้าบึ้งจัดแนะนำตัว หล่อนเชิญให้ปาลิดาเข้าบ้าน ต้อนรับขับสู้เฉกเช่นแขกคนอื่นๆ ลูกรักที่กำลังสนุกกับสมุดวาดรูปวางดินสอสีแล้วหันมามอง ลลนาจึงขอให้คัมภันพาขึ้นไปดูการ์ตูนเรื่องโปรดบนห้อง แต่คัมภันทำมากกว่าคำสั่งของลลนา เขาโทร. บอกพัทนีให้แจ้งข่าวไปยังบดินทร์ฉัตร และเชื่อว่าอีกไม่นานสามีของปาลิดาจะปรากฏตัว

ลลนาวางแก้วน้ำเย็นจัดและขนมของว่างลงเสิร์ฟให้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา แสร้งมองไม่เห็นสายตาจับผิดที่จับจ้องกันไม่วาง

“ไม่ต้องพิธีรีตองให้มากนักหรอก ฉันมีเรื่องที่ต้องเจรจากับคุณ”

ปาลิดาชักสีหน้าใส่ หล่อนมองศัตรูหัวใจตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า ปากคอเริ่มเราะรายหยามเกียรติลลนาเพราะไม่เห็นประโยชน์ที่จะญาติดีต่อกัน

“หน้าตาก็ดีนะ แต่ไม่น่ายุ่งกับสามีคนอื่นเลย”

“ใจเย็นก่อนนะคะ เรื่องนี้ฉันอธิบายได้”

“อธิบายให้เข้าใจว่าทำไมคุณต้องเป็นเมียน้อยพี่ฉัตรน่ะเหรอ คุณกลัวลูกคุณไม่มีพ่อ แต่ลูกฉันก็ต้องการพ่อเหมือนกัน”

ลลนาเข้าใจความเจ็บปวดของปาลิดาเป็นอย่างดี แต่อยากให้ว่าที่คุณแม่ใจเย็นและฟังให้มากกว่าใส่อารมณ์เดือดดาล ห่วงว่าสภาพจิตใจแปรปรวนจะกระทบกับทารกในครรภ์

“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น”

“เลิกยุ่งกับเขาซะ! ฉันเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย คุณเป็นได้แค่เมียน้อย ลูกคุณไม่มีวันมีพ่อคนเดียวกับลูกของฉัน!”

“ลูกฉันไม่จำเป็นต้องมีพ่อ! ฉันเลี้ยงแกมาคนเดียวตั้งแต่เกิด และฉันไม่เคยต้องการสามีคุณ”

“โกหก! เมียน้อยนี่หน้าด้านเหมือนกันหมด ดูซะ! ถ้าคุณไม่ต้องการสามีฉัน แล้วในรูปนั่นใคร ผู้หญิงแพศยาที่ไหนเหรอ”

ภาพถ่ายหลายใบที่ปาลิดาฟาดลงบนโต๊ะคือหลักฐานชั้นเยี่ยม มัดการกระทำที่ลลนาย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจว่าในบ้านหลังนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง แม้ไม่ได้เป็นอย่างที่ปาลิดาคิด แต่หล่อนก็ถือว่าเป็นคนผิด ยอมนั่งหน้าซีดให้ปาลิดาตราหน้าว่าชอบแย่งสามีคนอื่น ซ้ำยังด่าทอด้วยถ้อยผรุสวาทอีกหลายคำซึ่งไม่น่าฟังเท่าไร

 

คัมภันแอบฟังผู้หญิงสองคนถกเถียงกันอยู่ตั้งแต่ต้น และดูเหมือนลลนาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะหล่อนเลือกนิ่งเงียบ ไม่ตอบโต้อารมณ์ร้ายกาจของปาลิดา ซึ่งดูเหมือนว่าผู้หญิงท้องโตจะยิ่งหยาบคาย เขาสั่งใจให้นิ่งเฉยไม่ได้เสียแล้ว ไฟอารมณ์เท่าหัวไม้ขีดกำลังลุกไหม้เพราะเชื้อเพลิงที่ปาลิดาขุดคุ้ยเพื่อผลาญใจของหล่อนเอง

“คุณรันไม่ใช่เมียน้อยของใครทั้งนั้น คุณกำลังเข้าใจผิด”

เสียงนั้นดังก้อง หยุดประโยคก้าวร้าวของปาลิดาลงได้ ผู้หญิงสองคนหันไปมองแขกไม่ได้รับเชิญที่เดินกะเผลกเข้ามาใกล้

“คุณเป็นใคร มายุ่งอะไรด้วยไม่ทราบ”

นัยน์ตาพิจารณาซ้ำไร้ไมตรีตวัดมอง คัมภันไม่ตอบคำถาม เขาเดินไปยืนข้างลลนาแล้วโอบไหล่หล่อนไว้อย่างสนิทสนม

“ผมเป็นสามีคุณรัน”

ลลนาสะดุ้ง หล่อนขืนตัวห่างเขาเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาอ่อนโยน คัมภันยิ้มอบอุ่นพลางลูบหัวไหล่หล่อนเบาๆ ให้หล่อนเข้าใจว่ายอมโกหกเพื่อช่วยเหลือ เพราะสถานการณ์ตรงหน้าแย่เกินกว่าที่ลลนาจะแก้ให้พ้นไปได้

“คุณรันไม่ใช่เมียน้อยของใคร มีแต่สามีคุณที่ไม่ยอมเลิกยุ่งกับภรรยาผม”

ปาลิดาเชิดหน้าขึ้นสู้ แล้วชี้ให้คัมภันมองรูปที่กระจายอยู่บนโต๊ะตรงหน้า

“ดูรูปพวกนั้นซะ จะได้ตาสว่าง”

“ผมเห็นมากกว่าในรูปด้วยซ้ำ เพราะผมเป็นคนพาคุณรันไปพบสามีคุณเพื่อทวงลูกสาวของเราคืน”

“หมายความว่ายังไง”

“สามีคุณหลอกใช้ลูกเป็นเครื่องมือ บีบให้ภรรยาผมออกไปพบ และคุณรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากรูปพวกนั้น”

ปาลิดาก้มลงมองรูปที่สามีโอบกอดลลนา เชื่อว่าหล่อนคงจินตนาการต่อไปในแง่ร้าย และคัมภันไม่ต้องการให้ว่าที่คุณแม่เข้าใจไปเองเช่นนั้น แม้มันจะเป็นความจริงก็ตาม

“ผมอัดหมอนั่นซะเละ กล้าดียังไงมาทำรุ่มร่ามกับภรรยาผม หลักฐานบนหน้ามันคงพอเหลือให้คุณเห็นอยู่บ้าง”

คัมภันใส่อารมณ์ได้สมบทบาท นั่นคือสิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุด มันเจ็บที่ต้องถอยฉากออกมาจากบทเข้าพระเข้านาง ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะพังประตูเข้าไปพาตัวลลนาออกมากับเขา แล้วตะบันหน้าบดินทร์ฉัตรให้ยับคามือ

“ที่สามีฉันพูดคือความจริงค่ะ ตอนนี้ครอบครัวของเรามีความสุขดีแล้ว ขอให้คุณสบายใจเถอะนะคะ ว่าฉันจะไม่แย่งสามีของคุณเด็ดขาด”

ลลนาช่วยเสริมละครของคัมภันให้แนบเนียนยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าปาลิดาอึ้งไป อารมณ์ร้อนของว่าที่คุณแม่มอดลงแล้ว แต่สายตาที่มองมายังแสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นมิตร ปัญหามือที่สามยากที่ผู้หญิงสองคนจะจบกันได้ด้วยดี แม้ลลนาไม่ต้องการครอบครองบดินทร์ฉัตร แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเคยมีสัมพันธ์เกินเลย เพราะเลศยาคือหลักฐานที่มัดการกระทำ และนั่นคือสิ่งที่ปาลิดารับไม่ได้

“สามีคุณคือตัวปัญหา ถ้าคุณอยากจะแก้ ก็ต้องไปแก้ที่ตัวต้นเหตุ ไม่ใช่ภรรยาผม”

ปาลิดากังวลกับทางแก้ที่คัมภันเสนอให้ เพราะหัวใจของบดินทร์ฉัตรแก้ยากกว่าสิ่งใด สามีหล่อนยังอาลัยอาวรณ์และปรารถนาครอบครองผู้หญิงสวยมีเสน่ห์อย่างลลนา น่าอิจฉาเหลือเกินที่มีแต่คนรุมรัก ปาลิดาน้อยเนื้อต่ำใจกับรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้หญิงจืดชืดไร้สีสันไม่ใช่สเปกของบดินทร์ฉัตรเลย

 

“มาทำอะไรที่นี่ กลับเดี๋ยวนี้!”

บดินทร์ฉัตรปรากฏตัวพร้อมห่าฝนที่เทกระหน่ำ เขาตวาดปาลิดาจนหน้าเสียแล้วเร่งเร้าดึงหล่อนให้ลุกขึ้นจากโซฟา คนท้องโตอุ้ยอ้ายไม่ทันใจ บดินทร์ฉัตรก็กระชาก ลากภรรยาออกจากบ้านไปอย่างเร่งรีบ

ลลนาตกใจและวิ่งตามออกไป ฝนกำลังตกหนัก แต่บดินทร์ฉัตรมิได้แยแสสุขภาพของภรรยากับลูกเลย เขาพาปาลิดาฝ่าฝนออกไปขึ้นรถ แล้วกระแทกประตูปิดเสียงดังก่อนหันมาจ้องหน้าหล่อนด้วยแววตาโกรธแค้น

“เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ดูเขาทำกับภรรยาเขาสิ”

ลลนาเดินกลับเข้ามาในบ้าน หัวเสียเมื่อเห็นนิสัยแสนแย่ของบดินทร์ฉัตร ถ้าเขาเป็นลูกผู้ชายได้สักครึ่งของคัมภันก็คงจะดี เสียใจที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้เรื่องมันบานปลายมาได้มากขนาดนี้ คัมภันเจ็บตัวเพราะหล่อนไม่พอ ปาลิดายังเป็นทุกข์เพราะหล่อนอีกคน

“ฉันเป็นห่วงเธอจังค่ะ”

“เธอกำลังท้อง เขาคงไม่กล้ารุนแรงหรอกครับ”

“บอกตามตรงนะคะ ตอนนี้ฉันไม่ไว้ใจอารมณ์ผู้ชายคนนั้นเลย”

 

ฝนกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา วิสัยทัศน์บนท้องถนนไม่ดีนัก แต่รถของบดินทร์ฉัตรยังพุ่งทะยานฝ่าไป เขาต้องเพ่งสายตาสู้ฝ้าบางๆ บนกระจกบานหน้า เปลี่ยนโหมดเครื่องปรับอากาศให้อุณหภูมิทั้งภายในและภายนอกรถสมดุลกัน

“หุบปากสักทีได้ไหม! ไม่เห็นรึไงว่ากำลังขับรถอยู่”

บดินทร์ฉัตรหันไปตวาดลั่นเมื่อปาลิดายังพร่ำเพ้อน่ารำคาญ ความอดทนที่มีกำลังจะขาดสะบั้น ภาพคัมภันกับลลนารวมทั้งสรรพนามที่ทั้งสองเรียกขานกันยังทิ่มหัวใจ สามี ภรรยา ลลนายกย่องไอ้กระจอกคนนั้นให้เหนือกว่าเขา

“ก็รับปากกับปันสิว่าพี่จะไม่ไปหาเขาอีก ผู้หญิงเขาไม่ได้รักพี่ เขารักสามีเขา เลิกยุ่งกับเขาสักทีเถอะ!”

“ฉันบอกให้หุบปาก!”

ไม่มีผู้ชายใดได้สิทธิ์ความเป็นสามีในตัวลลนานอกจากเขา บดินทร์ฉัตรไม่เหลือความอดทนแล้ว มือขวาประคองพวงมาลัยรถ ส่วนมือซ้ายคว้าคอขาวของภรรยาแล้วบีบแน่น กรงเล็บแข็งแกร่งทรงพลังจนหญิงสาวร้องไม่ออก ตาเขาแข็งกร้าว หน้าเหี้ยมอย่างที่ปาลิดาไม่เคยพบมาก่อน หล่อนน้ำตาไหล ดันสองมือสู้แรงโหดร้ายให้ตัวเองได้เป็นอิสระ แต่เรี่ยวแรงน้อยนิดไม่อาจสู้ความขาดสติของสามีได้

รถยนต์ห้าประตูสีขาวมุกยังแล่นเร็วบนถนนริมหาด บางคราวตัวรถปัดเป๋ไม่ตรงเส้นทาง เพราะสมาธิของคนขับถูกรบกวน เมฆฝนครึ้มบดบังแสงของดวงอาทิตย์ ต้นสนริมถนนเลียบชายทะเลโอนเอนตามลมพายุกระหน่ำ พลันสายฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงเสียงกัมปนาท ตัดสนริมหาดขาดเป็นท่อนล้มลงกีดขวางโดยที่ไม่มีใครคาดฝัน

บดินทร์ฉัตรคุมสติไม่ทัน เขาร้องลั่นพร้อมหักพวงมาลัยหลบสิ่งกีดขวางอย่างรวดเร็ว แต่การเหยียบเบรกกะทันหันไม่ส่งผลดี ล้อทั้งสี่เสียการควบคุมเพราะพื้นถนนลื่น แรงหมุนสะบัด กระชากเสียงกรี๊ดสนั่นของปาลิดา ตัวรถเสียหลักพุ่งลงข้างทาง หน้ารถชนอัดท่อระบายน้ำซีเมนส์จนยับยู่ กระจกบานหน้าแตกกระจาย ถุงลมนิรภัยฝั่งผู้โดยสารไม่ทำงาน ศีรษะปาลิดากระแทกคอนโซลหน้ารถเต็มแรง ซ้ำยังถูกเศษกระจกทิ่มแทงทำร้าย หล่อนฟุบหน้าแน่นิ่ง หมดสติไปทันที 

“ปัน ปัน!”

ชายหนุ่มเขย่าร่างภรรยา สุดตกใจเพราะปาลิดาไม่รู้สึกตัว บนใบหน้าและแขนทั้งสองของเขาพบแผลจากเศษกระจกบาดหลายแห่งแต่ไม่มากนัก เขารีบปลดเข็มขัดนิรภัยของตนกับภรรยา ตาลีตาเหลือกลงจากรถแล้ววิ่งกลับไปที่ถนนเพื่อขอน้ำใจจากผู้สัญจรไปมา ปาลิดาได้รับบาดเจ็บ และลูกอาจเป็นอันตราย หล่อนต้องถึงมือหมอโดยเร็วที่สุด

เม็ดฝนซาลงแล้ว รถกู้ภัยในพื้นที่มาถึงโดยใช้เวลาไม่นานนัก ปาลิดาได้รับการปฐมพยาบาลจากผู้เชี่ยวชาญอย่างว่องไว และส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลที่ใกล้เคียงที่สุดโดยเร็ว

บดินทร์ฉัตรลืมไปสิ้นว่าผิดใจกับปาลิดาเรื่องใดก่อนหน้า สำคัญที่สุดตอนนี้คือความปลอดภัยของหล่อนกับลูก เขานั่งกุมมือภรรยาไปตลอดทาง มันคือความผิดของเขาที่ประมาท ถ้าปาลิดากับลูกเป็นอะไรไป เขาจะไม่ให้อภัยตัวเองไปทั้งชีวิต

 

“หมอต้องผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิตเด็กก่อน ส่วนอาการของภรรยาคุณ หมอจะให้คำตอบได้หลังการผ่าตัดครับ” หมอบอกให้บดินทร์ฉัตรรับรู้แค่นั้น แล้วกลับเข้าไปทำภารกิจของตนอย่างเร่งรีบ

หน้าห้องผ่าตัด บดินทร์ฉัตรผุดลุกผุดนั่ง ชะเง้อมองหน้าประตูกระจกที่รูดม่านปิดมิดชิด รู้ทั้งรู้ว่าเปล่าประโยชน์ แต่ความอาทรที่มีต่อภรรยากับลูกมันแน่นทรวง เขาไม่สนอาการเคล็ดขัดยอกรวมทั้งรอยแผลเล็กน้อยของตัวเอง แม้ความปวดทีร้าวไปทั้งสันหลังกำลังเล่นงาน

“ภรรยาและลูกผมเป็นยังไงบ้างครับ ปลอดภัยดีรึยัง”

เห็นเจ้าหน้าที่คนใดออกมาจากห้องผ่าตัด บดินทร์ฉัตรเป็นต้องรี่เข้าไปสอบถาม คำตอบเหมือนเดิมคือต้องรอต่อไปอย่างไม่รู้อะไรเลย สามชั่วโมงเต็มที่หัวใจบดินทร์ฉัตรไม่หยุดกระสับกระส่าย กระทั่งปาลิดาถูกเคลื่อนย้ายจากห้องผ่าตัดไปเฝ้าดูอาการต่อในห้องไอซียู เขามองสายระโยงระยางบนตัวภรรยาแล้วใจคอไม่ดีเลย สัญญาณชีพบนจอเครื่องมือแพทย์ยังเป็นปกติ แต่ความดันโลหิตต่ำจึงต้องให้เลือดเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

“หล่อนปลอดภัยแล้วใช่ไหมครับหมอ แล้วลูกผมล่ะครับ”

“การผ่าตัดเรียบร้อยดี แต่ลูกคุณยังไม่พ้นขีดอันตรายครับ ตอนนี้ต้องดูอาการอย่างใกล้ชิดที่ห้องไอซียูเด็กอ่อน ส่วนภรรยาคุณ พรุ่งนี้คงอาการดีขึ้น”

หมออธิบายเพิ่มว่าปาลิดายังไม่รู้สึกตัวเพราะฤทธิ์ของยา แต่อาการโดยรวมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเท่าลูกชายของเขาที่ต้องผ่าคลอดก่อนกำหนด อายุครรภ์ยี่สิบเก้าสัปดาห์อยู่ในเกณฑ์ที่ทารกจะใช้ชีวิตนอกครรภ์มารดาได้อย่างปลอดภัยถ้าได้รับการดูแลจากหมออย่างใกล้ชิด แต่ลูกชายเขาได้รับแรงกระแทกจากอุบัติเหตุ และหมอไม่อาจให้คำตอบที่แน่ชัดได้

“ผมเข้าไปเยี่ยมลูกได้ไหมครับ”

“แค่ห้านาทีนะครับ” หมอลังเลก่อนจะอนุญาต และบอกให้พยาบาลช่วยพาบดินทร์ฉัตรไปพบลูกของเขา

วินาทีที่ได้เห็นหน้าทารกตัวแดงในตู้อบพิเศษที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยอุปกรณ์การแพทย์ระโยงระยาง น้ำตาบดินทร์ฉัตรก็ไหลเป็นทาง สายเลือดเขาตัวเล็กนัก น้ำหนักแรกคลอดยังไม่ถึงสองกิโลกรัมดีเพราะต้องผ่าคลอดก่อนกำหนดเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้

ลูกคงเจ็บมาก คิดแล้วสะเทือนใจยิ่ง บดินทร์ฉัตรมีเวลาได้เห็นหน้าลูกแค่เพียงไม่นาน เขาออกมานั่งพักที่ด้านนอกเพราะหูอื้อตาพร่า ถามตัวเองซ้ำๆ ว่าทำอะไรลงไป เขาผูกหัวใจเอาไว้กับลลนา กี่ปีแล้วที่ต้องทรมานกับพันธนาการที่หลุดได้ยาก หล่อนไม่เคยรักเขา ไม่เคยต้องการเขา แล้วทำไมยังรั้งหล่อนไว้ในหัวใจ ปล่อยหล่อนไปไม่ได้หรือ ดึงหล่อนกลับเข้ามาในชีวิตแล้วมีอะไรดีขึ้นบ้าง

บดินทร์ฉัตรกุมขมับแล้วร้องไห้ หัวใจร้าวราน ความรักโง่เง่าไม่เพียงทำร้ายตัวเขา แต่ยังทำร้ายลูกกับภรรยา เขาบ้าคลั่งกับผู้หญิงหลอกลวงคนนั้นมาพอหรือยัง รักหล่อนพอหรือยัง เจ็บมากพอแล้วหรือยัง ต้องให้เกิดการสูญเสียมากเพียงใดถึงจะหยุดหัวใจตัวเองได้สักที

ร้องไห้จนหนำใจแล้วก็เดินอย่างอ่อนแรงกลับมายืนกุมมือปาลิดา ภรรยาที่เขาไม่เคยเห็นค่า ทั้งที่รับรู้ตลอดมาว่าหล่อนรักเขามากเพียงใด บดินทร์ฉัตรลูบเรือนผมนุ่ม เป็นครั้งแรกที่ใช้หัวใจสัมผัสผู้หญิงที่ต้องทนทุกข์เพราะเขามาแรมปี ที่ผ่านมาเขาเห็นแก่ตัว ทึกทักเอาเองว่าปาลิดาจะทดแทนความรู้สึกที่มีต่อลลนาได้ แต่เขาคิดผิด และทำผิดต่อปาลิดามากมาย พันธนาการหัวใจหล่อนเอาไว้แต่กลับทิ้งขว้าง

“ผมขอโทษ”

ไม่มีคำพูดใดแทนความรู้สึกของเขาได้ดีไปกว่านี้แล้ว บดินทร์ฉัตรมองหน้าซีดของภรรยาที่ยังไม่ได้สติ หล่อนเปลี่ยนไปมาก ความน่ารักสดใสของหล่อนหายไปเมื่อใดกัน วันแรกที่พบหน้า รอยยิ้มหวานจนสองแก้มบุ๋มกับตาโตคู่นั้นทำให้เขาจดจำได้ หล่อนเป็นผู้หญิงแก้มป่องน่าหยิก ไม่ผอมบางแต่มีน้ำมีนวล และเมื่อตั้งครรภ์ รูปร่างของหล่อนก็เปลี่ยนไปมาก

ก่อนหน้านี้บดินทร์ฉัตรเคยขัดใจเมื่อต้องพาภรรยาอุ้ยอ้ายออกงาน เขาชอบผู้หญิงสวย รูปร่างดี แต่คงลืมไปเสียสนิทว่าเพราะอะไรร่างกายของภรรยาจึงเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ หล่อนยอมเสียสละใหญ่หลวงเพื่อลูกของเรา แล้วเขาล่ะ เขาเสียสละสิ่งใดบ้างเพื่อครอบครัวที่เพิ่งจะพังมันลงด้วยตัวเขาเอง

 

พัทนีถอนหายใจเมื่อต่อสายถึงใครสักคนไม่สำเร็จ เพราะได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับบดินทร์ฉัตรและภรรยาแต่เช้า จึงไม่อาจนิ่งนอนใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ เย็นวานนี้บดินทร์ฉัตรขับรถพาภรรยาออกจากรีสอร์ตไป ไม่คิดเลยว่าความโชคร้ายจะรอพวกเขาอยู่ที่กลางทาง

“ป้าว่าไปที่โรงพยาบาลเลยดีกว่า รันรอฟังข่าวอยู่ที่นี่นะ”

“แต่รัน...”

“อย่าเพิ่งไปเลย เดี๋ยวยังไงป้าจะส่งข่าวมา”

พัทนีไม่อยากตอกย้ำให้หลานยิ่งคิดมาก เพราะลลนารู้ดีอยู่แก่ใจและโทษตัวเองอยู่แล้วว่าตนมีส่วนในอุบัติเหตุครั้งนี้

“รันขอให้พวกเขาปลอดภัยค่ะ”

มือของลลนาเย็นเฉียบเมื่อพัทนีสัมผัส แววตาเศร้าสร้อยชวนให้ใจหดหู่

“ทำใจให้สบายนะรัน รันเคยเจอเรื่องที่แย่กว่านี้มานักต่อนัก ป้าเชื่อว่ารันต้องผ่านมันไปได้”

นึกย้อนไปสามสิบปีก่อน ชีวิตในสเปนของลลนามิได้อยู่สุขสบาย ถูกแม่แท้ๆ เสี้ยมสอนในทางที่ผิดมาตั้งแต่เด็ก ซ้ำยังถูกพ่อเลี้ยงสารเลวรังแกล่วงละเมิด กว่าลลนาจะเติบโตรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกามาได้ ชีวิตก็จวนจะพินาศอย่างไม่เป็นท่า บัวใต้โคลนตม กว่าจะโผล่ขึ้นพ้นน้ำและบานชูช่อสวยได้อย่างทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“รันห่วงลูกในท้องของเธอค่ะ ไม่อยากให้ใครต้องสูญเสียเพราะรันอีกแล้ว”

พัทนีเช็ดน้ำตาออกจากแก้มเนียน อ้อยอิ่งปลอบหลานอยู่สักพัก กระทั่งรัชชานนท์ถอยรถออกมารอรับที่ถนนด้านหน้า 

“ป้าไปก่อนนะ แล้วยังไงจะรีบส่งข่าว”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น