ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลาเที่ยงของวันรุ่งขึ้น ข้างนอกฝนยังคงตก แต่ในบ้านกลับอบอุ่นราวฤดูใบไม้ผลิ ร่างเปล่าเปลือยของทั้งสองอิงแอบแนบชิดกัน ดูสนิทสนมอ่อนหวานอย่างบอกไม่ถูก ซูอี่อันพลิกตัวไปมาอยู่ในอ้อมแขนของเขา พอขยับตัวก็ต้องงอร่างลงทันที เธอลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นนัยน์ตาสีอำพันจับจ้องอยู่
เขาส่งยิ้มบางให้เธอ ร่างของเธอสั่นสะท้านขึ้นทันที พอเห็นเขายื่นมือมาเธอก็หดตัวไปข้างหลังด้วยสัญชาตญาณ
“ขอร้องละ ไม่เอาแล้ว ฉันเหนื่อยมากจริงๆ”
รอยยิ้มของเขากว้างขึ้น ชี้มือไปที่หัวเตียง เธอมองตามปลายนิ้วของเขาไป เห็นตู้ที่เปิดอ้าอยู่จึงถามอย่างไม่เข้าใจ
“อะไรหรือ?”
“ต่อให้ฉันต้องการ แต่เครื่องป้องกันก็ใช้ไปหมดแล้ว”
ใช้...หมดแล้ว? ใบหน้าของเธอแดงฉานขึ้น ก่อนเขาจะไป เธอเพิ่งแกะกล่องใหม่เอง
“ผิดหวังมากหรือ? หืม” เขาสัมผัสร่างเธอเบาๆ ร่างกายบางส่วนเริ่มผิดปกติ “ฉันออกไปซื้อมาเพิ่มดีไหม”
เธอต้องตายเพราะเขาแน่ๆ...ซูอี่อันสูดลมหายใจด้วยความหนาวเหน็บ ใบหน้าซีดเผือดลงทันที
“เด็กโง่ ฉันล้อเธอเล่น” เขาก้มลงจูบหน้าผากเธอเบาๆ “ขืนมีต่อ เธอต้องบอบช้ำแน่” เขายื่นมือมาลูบไล้ท้องน้อยเธอ กดเบาๆ เป็นนัย “ฉันใส่ยาให้เธอแล้ว”
‘ใส่ยาให้เธอแล้ว’ ห้าคำนี้ดังก้องอยู่ในสมองเธอไม่หยุด เธอแทบไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ถอนใจอย่างอับจน “ตัวแสบกล้าเล่น แต่ไม่กล้าแบกรับ”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง...” หลายคำต่อจากนั้นของเธอเบาจนฟังไม่รู้เรื่อง
“เธอว่าอะไร”
เสียงของเขาฟังดึงดูดใจมาก ทำให้หัวใจของเธอสั่นสะท้านขึ้นมา
“ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าเธอจะป่าเถื่อนแบบนี้!” เธอโพล่งออกมาอย่างชัดเจน
“ป่าเถื่อน?” รอยยิ้มมุมปากของเขายิ่งชัดขึ้น “เป็นคำศัพท์ที่ดี” พูดพลางก็โอบเธอให้หมุนตัวมา กดเธอไว้กลางเตียง “ฉันยังป่าเถื่อนได้มากกว่านี้อีก เธอจะลองดูไหม”
“เธอทำไม่ลงหรอก” ครั้งนี้เธอไม่ได้ตกใจ แม้จะรู้ว่าอยู่บนเตียงเขาจะดุดัน แต่ก็จะทะนุถนอมร่างกายเธอที่สุดด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางทำอะไรเธอในเวลานี้แน่
ความจริงแล้วเมื่อคืนเธอก็เป็นฝ่ายยั่วยุเขาเอง ถึงทำให้เขาไม่ยอมปล่อยเธอง่ายๆ ถ้าจะว่าอย่างถึงที่สุดแล้ว คนบางคนก็หาเรื่องใส่ตัวเอง ไม่อาจโทษคนอื่น
“ใช่ ทำไม่ลง” เขายอมรับตามตรง ยื่นมือไปจัดเส้นผมให้เธอ
เธอหลับตาลง รับรู้ได้ว่าแม้จะปวดเมื่อย ไม่มีแรงไปทั้งตัว แต่ร่างกายก็ยังคงสดชื่น ดูเหมือนเมื่อคืนใครบางคนหลังจากทรมานเธอแล้ว ยังไม่ลืมที่จะอุ้มเธอไปอาบน้ำ แม้เธอจะไม่มีสติรับรู้ไปแล้ว เขาดีต่อเธอเช่นนี้มาโดยตลอด ดีจนหัวใจเธอคล้ายแช่อยู่ในสระน้ำ ที่ในน้ำนั้นมีทั้งรสเปรี้ยว รสหวาน และเปลี่ยนรสไปได้เรื่อยๆ หัวใจของเธอเป็นเหมือนน้ำในสระ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนซับซ้อนยุ่งเหยิง แม้แต่ตัวเองก็ยังสับสน
“ฉู่เพ่ย...เพราะอะไรต้องดีต่อฉันถึงเพียงนี้”
“เด็กโง่” เขาจูบริมฝีปากของเธอเบาๆ “ดีก็คือดี ไม่มีเพราะอะไร”
“งั้นเธอก็บอกฉันสิ เพราะอะไรเธอถึงชอบฉัน” เธอรู้จักตัวเองดี รูปร่างหน้าตาเธอสวยก็จริง แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นสวยจนน่าตื่นตะลึง นิสัยของเธอบางครั้งก็อ่อนหวานนุ่มนวล แต่นั่นสำหรับคนอื่น เวลาอยู่ต่อหน้าเขา เธอชอบร้องไห้ ชอบโวยวาย กระทั่งยังชอบใช้อารมณ์ เธอเองก็ไม่ได้ดีต่อเขาเป็นพิเศษ ทั้งทำงานบ้านก็ไม่เป็น ทำอาหารไม่เป็น ที่แท้แล้วเพราะอะไรเขาถึงได้ยอมรับเธอ?
“ยังจะมีเพราะอะไรมากมายแบบนี้อีก” เขากอดเธอ ปัดเส้นผมที่ข้างแก้มเธอออก มองเธอด้วยสีหน้าจริงจัง “ความรักจำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรือ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาบอกรักเธอ ได้ยินแล้วกลับไม่น่ากลัวเหมือนที่คิดไว้ เธอซาบซึ้งใจจนอยากจะหลั่งน้ำตา “ความรัก?”
“ใช่ ฉันรักเธอ” เขาลูบไล้หัวไหล่เธอเบาๆ “เพราะรัก ดังนั้นจึงรักอย่างสุดหัวใจ”
ในดวงตาของเขามีแต่เธอ “เพราะรักเธอ ฉันถึงดีต่อเธอเท่าที่ฉันสามารถทำได้ คนที่ฉันจะรักไม่จำเป็นต้องสวยที่สุด และไม่ต้องอ่อนหวานที่สุด ขอเพียงเป็นคนที่ฉันรัก ฉันก็ยินดีมอบสิ่งที่ดีที่สุดทั้งหมดในโลกให้ และเธอ...อี่อัน เธอบังเอิญเป็นคนคนนั้นก็เท่านั้นเอง”
ถ้ารัก...ก็ต้องรักให้สุดหัวใจ เป็นเหตุผลที่เรียบง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องอรรถาธิบาย ความคิดของเขา ความรู้สึกของเขา แต่ไรมาก็เปิดเผยตรงไปตรงมา เขาพูดออกมาอย่างชัดเจนแล้ว ไม่ใช่เพราะเธอเป็นอย่างไร คู่ควรหรือไม่คู่ควร ทั้งหมดนี้เพียงเพราะเขาอยากจะดีต่อเธอเท่านั้น
เขาทำให้เธอร้องไห้อีกแล้ว ใบหน้าของเธอแนบติดอยู่กับอกของเขา สองแก้มเปียกชุ่ม ความรักที่เขามีให้เธอ มีหรือเธอจะไม่เข้าใจ เขาดีเกินไป และทำให้เธอดูแย่เกินไปอย่างเห็นได้ชัด
“ฉู่เพ่ย”
“หืม”
“ขอบคุณมาก”
“ฉันไม่ชอบฟังคำขอโทษ และก็ไม่ชอบฟังคำขอบคุณเช่นเดียวกัน”
“ได้ ต่อไปฉันจะไม่พูดอีก”
เขายิ้ม กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น
เธอพลิกตัวขึ้นมานอนคว่ำอยู่บนอกเขา “เธอเปิดตู้หัวเตียงด้านที่ฉันนอนที”
เขาเอี้ยวตัวแล้วเอื้อมมือไปเปิดตู้ออกมา
“ในช่องที่สาม มีกล่องอยู่กล่องหนึ่ง ช่วยหยิบออกมาหน่อย”
เขาจำกล่องใบนั้นได้ แววตาหม่นขรึมลง แต่ยังคงหยิบออกมายื่นให้เธอ”
ซูอี่อันใช้ผ้าห่มห่อตัว ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ค่อยๆ เปิดฝากล่องออก วัตถุสีเขียววางนิ่งอยู่กลางกล่อง เธอวางกล่องลงบนมือของเขา “ช่วยใส่ให้ฉันที”
เขาเหลือบตามองเธอ
เธอยิ้มน้อยๆ ให้เขาแล้วบอกอย่างจริงจัง “นับแต่วันนี้ไป ฉันจะใส่ติดตัวไว้ เพราะมันคือใบไม้นำโชคของฉัน มันมอบความรักที่ดีงามที่สุดให้ฉัน”
เขาเริ่มยิ้มออก หยิบจี้สีเขียวมรกตขึ้นมาลูบไล้เบาๆ ก่อนถาม “เธอแน่ใจ?”
“แน่ใจ”
“ครั้งนี้ใส่แล้วห้ามถอดอีก”
“อืม...ไม่ถอดอีก”
สร้อยสีเงินยวงโอบไปรอบลำคอขาวผ่องงดงาม ใบไม้สีเขียวอ่อนดูสงบนิ่งโดดเด่น ใบโคลเวอร์สี่แฉก ตัวแทนของความสุขและความโชคดีห้อยติดอยู่บนหน้าอกของเธออย่างสวยงาม เธอลูบไล้ไปบนใบไม้ที่เกลี้ยงเกลาแวววาว พลางส่งยิ้มหวานให้เขา “สวยมั้ย”
“สวย” ประกายในดวงตาของเขาเป็นประกายแห่งความดีอกดีใจอย่างแท้จริง เขารู้ดี การที่เธอสวมสร้อยคอที่เขาให้แฝงความหมายอย่างไร...เธอยอมรับเขาอย่างแท้จริงแล้ว และสำหรับเขาแล้ว นี่เป็นความสุขอย่างที่สุด
เธอโน้มตัวไปข้างหน้า จุมพิตริมฝีปากเขาเบาๆ ทีหนึ่ง “ฉู่เพ่ย ฉันมีความสุขมาก มีความสุขมากจริงๆ”
เขากอดเธอไว้ ไม่ให้เธอผละออก จูบตอบเธออย่างหนักหน่วง “มีความสุขก็ดีแล้ว”
สิ่งที่คิดถึง สิ่งที่ต้องการ เขาเพียงหวังให้เธออยู่กับเขาแล้วมีความสุข ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว
ความคิดเห็น |
---|