8

ตอนที่ 8


ฉู่เพ่ยกำลังอาบน้ำได้ครึ่งๆ กลางๆ ก็ต้องตกใจจนตะลึงงัน เพราะหญิงสาวกระชากประตูห้องน้ำให้เปิดออก เกิดมาจนโตป่านนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกทำให้ตกใจเช่นนี้ อีกทั้งคนที่ทำให้ตกใจยังเป็นเธอ

“อี่อัน?!”

เธอถลึงตาใส่เขา แววตาดูสับสนวุ่นวายและมุ่งมั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ฉันอยากจะทำเรื่องเมื่อกี้ที่ยังไม่เสร็จให้เสร็จสิ้น”

เขาสูดหายใจแรงๆ มองเธอด้วยสายตาที่เฉียบคมดุดัน กล้ามเนื้อส่วนหนึ่งบนใบหน้ากำลังกระตุก “ว่ายังไงนะ...ซูอี่อัน” เขาเรียกชื่อเธอด้วยเสียงเย็นยะเยียบ

เธอเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นอย่างท้าทายแล้วจ้องหน้าเขา

“เธอคิดว่าฉันไม่กล้าหรือ?” รอยยิ้มของเขาเยียบเย็นและไม่เสียเวลาไปกับการปิดบังร่างเปล่าเปลือยของตน “ฉันขอบอกเธอ ขอเพียงเธอกล้าให้ ฉันก็กล้ารับ”

ครั้งนี้เธอไม่ได้หวาดกลัวและไม่ได้ถอยหนี เหยียดแผ่นหลังขึ้นตรง “ฉู่เพ่ย ขอเพียงเธอกล้าที่จะขอ ฉันก็กล้าที่จะให้”

ดีมาก ครั้งนี้จะไม่ลังเลอีก!

หลังจากนั้นร่างสองร่างก็กอดก่ายพัวพันกันล้มลงบนเตียงกว้างในห้องนอนที่ปูด้วยผ้าปูเตียงสีน้ำเงินเข้ม ฝ่ายชายเปล่าเปลือยทั้งร่าง แสงไฟสลัวภายในห้องส่องกระทบหยดน้ำที่เกาะติดอยู่บนผิวกายกำยำล่ำสัน ทำให้ยิ่งดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจ ผมยาวดำขลับของหญิงสาวแผ่กระจายเต็มหมอน ดูเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต งดงามบาดตาบาดใจ

ระหว่างที่เนื้อตัวสัมผัสเสียดสีกัน เสื้อและกระโปรงของเธอก็เลื่อนหลุดลงจากร่างดุจสายน้ำไหล จนเธอไร้ผ้าพันกายเช่นเดียวกับเขา ทั้งสองกอดจูบเกลือกกลิ้งไปมาอยู่ด้วยกัน ครั้นแล้วจู่ๆ จูบที่ร้อนแรงก็หยุดชะงักลง

ฉู่เพ่ยหยัดร่างขึ้น จ้องมองร่างเปล่าเปลือยของหญิงสาวอย่างพินิจพิจารณา ผิวของเธอนวลเนียนเกลี้ยงเกลาประดุจพอร์ซเลนสีขาวชั้นยอด ดุจน้ำแข็งและหยก ในโลกนี้ยังจะมีอะไรงดงามไปกว่านี้อีก

เส้นผมเธอดำขลับ ผิวพรรณขาวละเอียดดุจหิมะ ประกายแวววาวในดวงตาดุจหมอกสีขาวเหนือผิวทะเลสาบยามเช้าดูเลือนราง ยิ่งขับเน้นริมฝีปากให้ดูสวยสดงดงาม ทั้งชุ่มฉ่ำและอวบอิ่มเพราะถูกเขาจูบ ริมฝีปากนั้นอ้าเผยอน้อยๆ เผยให้เห็นเรียวลิ้นและฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ...งามหยาดเยิ้มเป็นที่สุด

หน้าอกอวบอิ่ม เอวคอดบาง หน้าท้องแบนราบและช่วงขาเรียวยาว ทุกสัดส่วนทุกตารางนิ้วล้วนชวนหลงใหล ฝ่ามือของเขาปวดแปลบและสั่นสะท้านน้อยๆ ด้วยความตื่นเต้น ทว่าสายตาของเขาคงจะแหลมคมเกินไป ทำให้เมื่อถูกจ้อง อีกฝ่ายคิดว่าเขาดูน่ากลัวราวกับจะจับเธอกลืนลงท้องทั้งเป็น

เมื่อเปลือยร่างอยู่ต่อหน้าเขาและถูกเขาจับจ้องเช่นนี้ เธอก็รู้เริ่มสึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ซูอี่อันบิดร่างไปมาด้วยความอึดอัดขวยเขิน คิดจะหลบไปให้พ้นจากสายตาที่ร้อนเป็นไฟนั่น

ทรวงอกที่กระเพื่อมไหวทำให้คนเห็นเริ่มหายใจติดขัด การเคลื่อนไหวเล็กน้อยของเธอไม่ต่างอะไรกับประกายไฟที่จุดดินระเบิด ฉู่เพ่ยโน้มตัวลงขบย้ำลำคอขาวผ่องของเธอ ซุกไซ้ไปตามซอกคอขาวสะอาดอย่างเพลิดเพลิน หลงรักความนุ่มลื่นเกลี้ยงเกลาดุจผ้าแพร ฝ่ามือกอบกุมทรวงอกอวบอัดของเธอ เขารู้ว่าเธอชอบให้ทำเช่นไร แต่กลับไม่ทำตามความต้องการของเธอ ปลายนิ้วสัมผัสปลายถันอย่างไม่ทะนุถนอม

“เจ็บ...” เธอดิ้นรนอย่างไม่ยินยอม หัวคิ้วขมวด

“เจ็บหรือ?” เขาพึมพำถามแล้วหัวเราะเสียงต่ำ พูดจบริมฝีปากก็ไล่ระจากลำคอลงไปแล้วดูดดื่มส่วนที่พราวเสน่ห์ของเธอ

เธอสั่นระริกขึ้นมาภายใต้ริมฝีปากของเขา ริมฝีปากและฟันของเขาเปรียบกับมือของเขาแล้วยังร้ายกาจยิ่งกว่า ทำเอาเธอหอบหายใจแรงและบิดตัวไปมา แต่เขากลับยังเล่นสนุกไม่พอ ฝ่ามือค่อยๆ เลื่อนลงไปจับขาที่แนบชิดกันอยู่ของเธอให้แยกออกแล้วแตะลงไป

“อื้อ...” เธอหยัดร่าง ความรู้สึกแปลกประหลาดในตอนอยู่ที่ชายหาดกลับมาอีกครั้ง เธอส่งเสียงครางหนักๆ อยู่ในลำคอ ส่วนที่ถูกเขาแตะต้องรู้สึกอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง ทรมานจนสุดจะทานทนไหว ลมหายใจของเธอถี่กระชั้นขึ้นเมื่อถูกอารมณ์ที่ทั้งสุขสมทั้งขวยอายจู่โจมเข้ามา เธอทนไม่ไหว เอื้อมมือไปผลักศีรษะของเขา

“อา...อย่า...เล่น...”

เขาเงยหน้าขึ้นจากอกของเธอ จ้องมองเธอนิ่ง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นช้าๆ “ฉันไม่ได้เล่น ฉันเอาจริง”

“อา!” เธอส่งเสียงครางออกมา แอ่นร่างขึ้นราวกับถูกไฟฟ้าช็อต แล้วกัดนิ้วของเขาเต็มแรง รู้สึกว่าร่างกายช่วงล่างไม่ปกติ

“สบายมั้ย” เขาสังเกตสีหน้าของเธอ ไม่ปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกของเธอรอดพ้นสายตาไปแม้แต่น้อย คล้ายกำลังทำการศึกษาวิจัยเช่นนั้น ปลายนิ้วสัมผัสลูบไล้ไปทุกอณูกาย เขาลูบไล้ไปทั่วส่วนปกปิดที่ยากแก่การเอ่ยถึงและน่าขวยอายของเธอ

ซูอี่อันยกมือขึ้นปิดหน้า คิดจะปกปิดความอายเอาไว้ ใครบางคนก็ไม่ฝืนใจเธอ กระถดตัวลงไป ใช้ข้อพับกดหน้าขาของเธอต่ำลงเพื่อให้เธอเปิดเผยร่างกายจนหมดสิ้น แล้วก็จูบลงไป

“อา...ไม่!” เธอตกใจ แอ่นตัวขึ้นตรง เรื่องแบบนี้ออกจะเลยเถิดไปแล้ว เกินขอบเขตที่เธอจะรับได้ เธอลนลานทำอะไรไม่ถูก แต่การดิ้นรนของเธอกลับทำให้ตนเองแนบชิดกับริมฝีปากเขามากขึ้น

ความสุขสมแล่นผ่านจากเรียวลิ้นของเขาพุ่งตรงเข้าสู่ตัวเธอราวกับไฟฟ้าช็อต หัวใจคล้ายด้านชาหมดความรู้สึก ความสุขสมรุนแรงมหาศาลไหลท่วมมิดศีรษะของเธอในวินาทีนั้น เธอยกมือขึ้นมาปิดตาแล้วร้องไห้ออกมา

เขาหัวเราะเบาๆ พลางดึงมือเธอออก แต่ทำอย่างไรเธอก็ไม่ยอมเอามือออก เรี่ยวแรงของเธอย่อมสู้เขาไม่ได้ สุดท้ายก็ถูกเขาดึงมือออก เธอเห็นเขายิ้มที่มุมปาก

เธอทั้งอาย ทั้งโมโห และทั้งเขิน แก้มนวลเนียนของเธอแดงปลั่งแวววาวดูน่ารักเป็นพิเศษ

เขาก้มลงจูบเธอ ฉวยจังหวะที่เธอถูกจูบจนเคลิ้มไปอีกครั้งแล้วเกาะกุมแรงปรารถนาของตนเองรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ ความรู้สึกอึดอัดที่เกิดขึ้นทำให้สมองของเธอสว่างวาบ ได้สติขึ้นมาทันที ความรู้สึกเจ็บแปลบพวยพุ่งขึ้นมา กระทั่งจะหายใจยังลำบาก

ดวงตาลึกล้ำของเขาจ้องมองเธอนิ่ง มองอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดของเธอทะลุไปถึงความรู้สึกในส่วนลึกจากดวงตาเธอ แต่เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย ยังคงยืนหยัดรุกล้ำเข้ามาเรื่อยๆ

หัวใจของเธอเจ็บอย่างรุนแรง เธอร้องไห้ออกมาทันที ขณะอยู่ในช่วงสุขสมและถูกเขารุกล้ำเข้ามา เพราะอะไรถึงได้รู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้ จะร้องก็ร้องไม่ออก ได้แต่แค่นเสียงหนักและกัดริมฝีปากเขา กอดรัดเขาไว้แน่นทั้งแขนและขา คล้ายว่าเจ็บปวดจนไม่อาจระงับไว้ได้ แล้วน้ำตาก็ไหลพรากออกมา

เขาไม่ได้เปิดปากพูด เพียงก้มลงจูบเธออย่างหนักหน่วงคล้ายจะกัดกินเธอแล้วเคี้ยวกลืนลงท้องดุจเสือดุจหมาป่า เคลื่อนไหวร่างกายช่วงล่างโดยไม่ทะนุถนอมใดๆ

เลือดค่อยๆ ไหลซึมออกมาเปียกผ้าปูที่นอนสีน้ำเงินเข้มเป็นด่างดวง และแผ่ขยายวงไปตามเนื้อผ้าที่ยับยู่

เธอขดตัวอยู่ใต้ร่างของเขา ปากยังถูกเขาปิดไว้ เธอร้องไห้กระซิก เปลือกตามีรอยแดงช้ำจางๆ น้ำตาที่คล้ายจะหยุดก็หยุดไม่ได้ไหลเปียกชุ่มไปทั้งหน้า เส้นผมดำเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อและน้ำตาจนแนบติดกับใบหน้าและลำตัว ดูกระเซอะกระเซิงเป็นที่สุด

เขาถอนริมฝีปากออก สีหน้าขรึม แต่การเคลื่อนไหวช่วงล่างยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องและนิ่งเงียบ ดวงตาสีอำพันมีประกายคล้ายอยากกินคน เขามองเธอนิ่งอย่างกำลังตั้งอกตั้งใจสานต่อเรื่องที่ทำอย่างจริงจัง...จริงจังจนถึงขั้นน่ากลัว

เธอทั้งเจ็บทั้งเสียใจ เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าตนเองไม่มีที่ให้หลบซ่อนตัวจากสายตาเขาได้เลย แม้แต่พื้นที่ส่วนตัวก็ถูกเขารุกล้ำไปตามใจชอบ เธอร้องไห้จนแทบหายใจหายคอไม่ทัน จุกแน่นหน้าอกจนรู้สึกเจ็บ

แต่เพราะอะไร เมื่ออยู่ภายใต้สายตาของเขา หัวใจของเธอถึงได้สั่นไหวขึ้นมา ทั้งยังสั่นไหวแบบจะเป็นจะตายเช่นนั้น เธอทนไม่ไหว ดันตัวขึ้นไปจะจูบเขา แต่ถูกเขากดตัวไว้แล้วกระแทกกระทั้นอย่างบ้าคลั่งต่อไป ความรู้สึกสุขสมอันรุนแรงพวยพุ่งจากส่วนลึกในร่างกายของเธอขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มือเท้าทั้งสี่และกระดูกทุกส่วน ไม่มีส่วนไหนไม่อ่อนเปลี้ย

เธอยกศีรษะขึ้นไปจะจูบเขาอีกครั้ง แต่ก็ถูกเขากดตัวไว้อีก

เขาไม่จูบเธอ ไม่กอดเธอ เพียงครอบครองเธออย่างรุนแรง หลังจากพยายามอยู่สามครั้งสามครา...ทั้งที่เธอกำลังเสียใจ กำลังเจ็บปวดใจและรู้สึกน้อยใจเพียงนั้น

“ฉู่...ฉู่เพ่ย” เธอเรียกชื่อเขา ทั้งร้อนใจและอ่อนไหว เสียงหอบหายใจ เสียงครวญครางและเสียงร้องไห้จนลำคอแหบแห้ง รวมกันแล้วกลับน่าฟังอย่างประหลาด

เขาจ้องเธอด้วยสีหน้าจริงจัง กระทั่งดูดุดัน

“ฉู่เพ่ย...” เธอร้องไห้ออกมาอีกครั้ง น้ำตาหยาดหยดลง สะอึกสะอื้นจนพูดไม่ออก แม้จะถูกแขนทรงพลังกดตัวไว้ แต่เธอยังคงดิ้นรนจะขึ้นไปกอดและจูบเขา ดิ้นรนจนใบหน้าแดงก่ำ บิดตัวครั้งแล้วครั้งเล่า จู่ๆ เธอก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวว่าจะสูญเสียขึ้นมา

แววตาของเขาอ่อนละมุนลง โอนอ่อนตามความต้องการของเธอ ก้มหน้าลงมาจูบเธอ จึงได้ลิ้มรสเค็ม ฝาด และขมจากข้างแก้มของเธอ

เด็กสาวที่ดื้อรั้น...ทำไมถึงได้ดื้อรั้นแบบนี้ แต่เพราะอะไรเขาถึงไม่อาจใจร้ายกับเธอได้ ไม่มีทางทำได้เลย!

เธอร้องไห้ออกมาเบาๆ ระหว่างที่เขาจูบเธอ น้ำตาเช่นนั้นเขาไม่อยากเห็น เขาจับเธอพลิกร่างขึ้นมาแล้วกุมเอวเธอไว้ ก่อนจะรุกล้ำเข้าไป

ความรู้สึกสุขสมอันทรงพลังคล้ายระลอกคลื่นขนาดใหญ่ ชั่วพริบตาเดียวก็พัดม้วนเธอเอาไว้ เธอกรีดร้องเสียงแหลม พยายามหลบเลี่ยงอย่างไม่ยินยอม แต่ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่อาจหนีพ้นฝ่ามือที่ตรึงแน่นของเขาไปได้

บ้าไปแล้ว! คลั่งไปแล้ว! พละกำลังที่มาจากข้างหลังแรงขึ้นทุกที แข็งกร้าวขึ้นทุกที ความรู้สึกเจ็บปวดจนไม่อาจหายใจพวยพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง ในที่สุดก็มาถึงขีดสุดของเธอ เธอตัวสั่นสะท้านอย่างแรง ร่างกระตุกไหว ขยุ้มผ้าปูเตียงแน่นแล้วร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร เขารุกล้ำเข้าไปอย่างหนักหน่วงแล้วปลดปล่อยความสุขสมออกมา

เธอร้องไห้จนหายใจหายคอไม่ทัน ฟุบร่างอ่อนระทวยอยู่บนเตียง เขากดทับอยู่ที่แผ่นหลังของเธอ เธอรู้สึกว่าแม้แต่อากาศก็เกือบจะถูกเขากดทับไปหมด แล้วเขาก็จับเธอพลิกตัวขึ้นมา มองเธอเงียบๆ อย่างสังเกต

ดวงตาที่บวมแดง ปลายจมูกที่แดง ริมฝีปากบวมเจ่อและมีเลือดซึม ท่าทางเธอน่าสงสารน่าเวทนา เขาทอดถอนใจเบาๆ สุดท้ายก็ใจไม่แข็งพอ ก่อนจะยื่นหน้าไปจูบเธอ

เธอสะอึกสะอื้น โถมตัวเข้าสู่อ้อมกอดของเขา กอดเขาแล้วร้องไห้ออกมาเต็มเสียง น้ำตาร่วงเผาะลงมาไม่ขาดสายจนเปียกชุ่มหน้าอกของเขา

เขากอดเธอไว้แน่น ลูบแผ่นหลังเธอช้าๆ คล้ายกำลังปลอบขวัญและปลอบประโลมเอาใจ ปล่อยให้เธอร้องไห้และระบายความอัดอั้นตันใจออกมาจนพอใจ ในที่สุดหลังจากเธอร้องไห้จนเหนื่อยก็ค่อยๆ ผล็อยหลับไป แต่มือของเธอยังกอดเอวเขาไว้แน่น

เขาขยับตัว จัดท่าจัดทางให้เธออย่างเบามือ เธอกลับนิ่วหน้าอย่างไม่สบายตัว เพราะร้องไห้นานเกินไปจึงทำให้เสียงของเธอยังติดสะอื้นขณะพึมพำออกมา

“อื้อ...ฉู่เพ่ย อย่ากวน”

เพียงเท่านี้ พยับเมฆในใจของเขาก็คลี่คลายสลายไปหมด เหลือแต่ความปลอดโปร่ง

 

วันเวลาต่อจากนั้น ท้องฟ้าก็ปลอดโปร่งแจ่มใสไร้ลมฝน ชีวิตความเป็นอยู่ของทั้งสองคนยังคงเรียบง่ายและมีความสุข เธออยู่ข้างกายเขาอย่างน่ารักน่าเอ็นดู ทั้งสองเหมือนคู่รักทั่วๆ ไป ทำในทุกเรื่องที่คู่รักทุกคู่ทำ กินข้าวด้วยกัน เดินเล่นด้วยกัน จับจูงมือกัน กอดจูบกันด้วยความรัก หลับนอนกันอย่างเร่าร้อน ความรู้สึกของหนุ่มสาวแต่ไรมาล้วนร้อนแรงดุจเปลวไฟ

ทุกครั้งที่ลุงชิงกับป้าชิงเห็นทั้งสองจับจูงกันไปซื้อกับข้าวและเดินเล่นก็จะหยอกล้อพวกเขา และทุกครั้งเธอก็จะหน้าแดง หลบซุกอยู่ข้างกายเขา ส่วนเขาก็จะยิ้มมุมปากอย่างเบิกบานใจ

วันเวลาเช่นนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลาหนึ่งเดือนเพียงชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไป เธอต้องกลับบ้านที่ไทจง ช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนสองเดือน หากเธอจะเตร็ดเตร่อยู่นอกบ้านก็ดูไม่มีเหตุผลอันสมควร

ครั้นแล้วทั้งสองก็จำต้องแยกจากกันด้วยความอาลัยอาวรณ์ เพราะเขายังต้องอยู่ทางใต้เพื่อถ่ายภาพต่อ ด้วยเหตุนี้เธอจึงต้องกลับบ้านตามลำพัง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น