5

บทที่ 5

บทที่ 5

 

“แบ่งมาให้ฉันช่วยถือบ้างก็ได้” ฟ้าพราวบอกขณะเดินตามภูริดลที่ขนทั้งของใช้แมว อาหารสด อาหารแห้งนานาชนิดที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เกตเต็มสองมือมาที่รถ

                “เดินมาจนถึงรถแล้วค่อยขอช่วยเนี่ยนะ”

                “ก็คุณเดินเร็ว กว่าฉันจะเดินตามทัน...”

                “ขาสั้นก็งี้” 

                “ฉันตัวเล็กกว่าคุณตั้งเยอะ ก็ต้องขาสั้นกว่าอยู่แล้วปะ”

                “สูงถึงร้อยหกสิบมั้ยเนี่ย” เขากวาดตามองคนตัวเล็กตั้งแต่หัวจดเท้าเพื่อประเมินส่วนสูงของเธอ

                “อย่าดูถูก” เธอย่นจมูกใส่เขา “ฉันสูงร้อยหกสิบแปด จะดูบัตรประชาชนมั้ย”

“ไม่ต้องๆ ล้วงกุญแจรถแล้วเปิดท้ายรถให้หน่อย เร็วเข้า หนัก” ว่าแล้วก็แอ่นสะโพกด้านขวาให้ภรรยา

ฟ้าพราวสอดมือเล็กเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ไล้ผ่านต้นขาที่ตึงแน่น ผิวเนื้อที่เสียดสีกันผ่านผ้าเนื้อบางก่อให้เกิดความร้อนวาบแปลกประหลาด กระเป๋ากางเกงของเขาลึกมาก เธอต้องสอดมือเข้าไปจนมิดข้อมือ แล้วขยับมือยุกยิกควานหากุญแจรถ ปลายนิ้วปัดผ่านบางสิ่งที่เป็นท่อนลำใหญ่หนาแล้วกำแน่นโดยไม่ตั้งใจ

“คุณหญิง...นั่นไม่ใช่กุญแจรถ...” ชายหนุ่มกัดฟันบอกเสียงต่ำพร่า ให้ตายสิ เธอจะมาสะกิดอารมณ์เขากลางลานจอดรถในห้างแบบนี้ไม่ได้

“อร๊าย!!!” ฟ้าพราวรีบชักมือออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเขาพร้อมกับกำกุญแจรถออกมาด้วย แล้วรีบเดินหนีไปเปิดท้ายรถ สัมผัสนุ่มหนึบและร้อนผ่าวยังติดตรึงอยู่ที่กลางฝ่ามือ ทำเอาใบหน้าของเธอร้อนวาบตามไปด้วย

ภูริดลเอาของทั้งหมดมาวางใส่ท้ายรถแล้วโน้มตัวลงกระซิบที่ข้างหูคนตัวเล็ก 

“สะกิดผมแล้ว รับผิดชอบผมด้วยนะ”

“ถึงบ้านก่อนได้มั้ย กลางลานจอดรถฉันอาย” เธอต่อรองเสียงแผ่ว

คนที่กำลังมีอารมณ์วาบหวามกลั้นขำแทบไม่อยู่ เธอคิดว่าเขาจะหน้ามืดจับเธอกดตรงนี้เลยหรือไง 

“รู้เหรอว่าต้องรับผิดชอบยังไง”

                ฟ้าพราวยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงหวานของใครบางคนก็ดังขึ้น

                “พี่ดิน”

                “อ้าว...ไหม” ภูริดลหันไปทักทายหญิงสาวที่เดินเข้ามาหาอย่างคุ้นเคยกันดี

                “ไม่คิดเลยว่าจะเจอพี่ดินที่ห้างแบบนี้”

                “ทำไม ห้างนี้เขาห้ามชาวไร่มาซื้อของเหรอ” ชายหนุ่มถามด้วยรอยยิ้มล้อเล่น และเพราะมัวแต่จ้องหน้าคู่สนทนาอยู่จึงไม่เห็นว่าภรรยาที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหลัง มองเขาตาค้าง อ้าปากหวอ ที่เห็นเขายิ้มเป็นเหมือนคนอื่นด้วย

                “ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ” ม่านไหมรีบพูดแก้ “ก็ปกติพี่ดินไม่ชอบเข้าเมือง ไม่ชอบเดินห้าง แล้ววันนี้นึกยังไงถึงมาได้”

                “คุณดินพาฉันมาซื้อของค่ะ” ฟ้าพราวชิงตอบแล้วก้าวขึ้นมายืนคู่กับสามี

                “อ้อ...ขอโทษค่ะ ฉันไม่เห็นว่าพี่ดินมีเพื่อนมาด้วย”

                “ฉันไม่ใช่เพื่อนของคุณดินค่ะ ฉันชื่อฟ้าพราว เป็นภรรยาของคุณดิน” ฟ้าพราวย้ำคำว่า ‘ภรรยา’ เสียงหนักแล้วปรายตามองสามีที่ยืนคุยกับผู้หญิงอื่นโดยทำเหมือนเธอเป็นหัวหลักหัวตออย่างไม่พอใจ

                “ภรรยาเหรอคะ” ม่านไหมทวนคำอย่างไม่แน่ใจ แล้วมองสบตากับภูริดลเป็นเชิงถามว่า ที่ฟ้าพราวพูดเป็นความจริงหรือเปล่า

                ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอนิดหนึ่งแล้วโอบเอวเล็กของภรรยาเอาไว้หลวมๆ “ฟ้าเป็นเมียพี่จริงๆ เราเพิ่งแต่งงานกันเมื่อวานนี้”

                “พี่ดินแต่งงานแล้ว ทำไมไหมไม่เห็นรู้เรื่อง”

                “มันกะทันหันน่ะ นี่ก็ไม่มีใครรู้ นอกจากคนในครอบครัว”

                “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณไหม” ฟ้าพราวฉีกยิ้มทักทายม่านไหมตามมารยาท ปกติเธอไม่ใช่คนเสียมารยาทกับใครแบบนี้ แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้ ฟ้าพราวมองออกว่าเธอมี ‘ซัมติง’ กับภูริดล

                “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ ฉันทำรีสอร์ตอยู่ติดกับไร่ชาของพี่ดิน ถ้าว่าง เชิญคุณฟ้าไปเที่ยวที่รีสอร์ตนะคะ”

                “ถ้าว่างจะแวะไปค่ะ” ตอบรับเสียงราบเรียบ แล้วหันไปยิ้มหวานให้สามี จงใจวางมือทาบแผงอกของเขาอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ “ฉันหิวแล้ว เรารีบกลับบ้านไปทำอะไรกินกันดีกว่านะคะ”

                “ผมก็ ‘หิว’ เหมือนกัน หิวจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว” ภูริดลพูดคำว่าหิวด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่แบบที่ฟ้าพราวรู้ดีว่าเขาหมายความว่ายังไง “ถึงบ้านแล้วผมขอกินแบบจัดหนักเลยนะ”

                “ค่ะ...กินให้เต็มที่ไปเลยค่ะ” ฟ้าพราวยิ้มแหย เพิ่งรู้ตัวว่าเดินเกมผิด

                

ฟ้าพราวนั่งเงียบมาตลอดทางตั้งแต่ออกจากห้างสรรพสินค้า จนกระทั่งรถของภูริดลแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพักในไร่ 

                “เป็นอะไร นั่งหน้าหงิกมาตลอดทาง” ชายหนุ่มถามเสียงแข็งแบบรำคาญมากกว่าห่วงใยแล้วเดินลงไปเปิดท้ายรถเพื่อจะขนของเข้าบ้าน

                ฟ้าพราวเดินตามไปช่วย “คุณมีผู้หญิงทั้งหมดกี่คน”

                “ถามทำไม”

                “ฉันจะได้เคลียร์ถูก”

                “เคลียร์อะไร” ภูริดลหันมามองหน้าคนตัวเล็กอย่างงงๆ

                “ก็เคลียร์ผู้หญิงพวกนั้นออกจากชีวิตคุณน่ะสิ ฉันต้องทำให้คุณลืมหม่อมก้อยให้ได้ แล้วยังต้องคอยกันคุณไหมอะไรนั่นให้อยู่ห่างๆ คุณอีก แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว” หญิงสาวถอนหายใจพรืดแล้วเงยหน้าขึ้นมองสำรวจใบหน้าคมคล้ามที่เต็มไปด้วยหนวดเคราของสามี 

“หน้าตาก็ไม่เห็นจะหล่อเลย ทำไมผู้หญิงเยอะจัง”

                “หน้าตาไม่ดี แต่ลีลาเด็ดมาก” หนุ่มชาวไร่บอกด้วยแววตาวาววับแล้วก้มหน้าลงจุ๊บริมฝีปากภรรยาอย่างรวดเร็วครั้งหนึ่ง “รีบขนของเข้าบ้าน ผมหิว อยากกินเมียใจจะขาดอยู่แล้ว”

                “ผู้ชายบ้าอะไร หื่นได้ตลอดเวลา” ฟ้าพราวบ่นอุบอิบแล้วหันไปหยิบของออกจากท้ายรถ เธอเจอถุงใส่ของใบเล็กที่เธอไม่ได้เป็นคนซื้อมา จึงหยิบขึ้นมาเปิดดู เห็นว่าของข้างในเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กสีสันสดใสคล้ายกล่องขนมหลายกล่อง บางกล่องเป็นรสสตรอว์เบอร์รี บางกล่องเป็นรสช็อกโกแลต และมีอีกหลายรสชาติ รวมกันเป็นสิบกล่องได้

                “นี่ขนมอะไร คุณชอบกินขนมจุบจิบแบบนี้ด้วยเหรอ” 

                “ไม่เคยเห็นเหรอ” เขาถามแล้วจ้องหน้าหญิงสาวตรงหน้าคล้ายจับพิรุธ ถ้าไม่ไร้เดียงสาถึงขนาดไม่รู้จักถุงยางอนามัยจริงๆ เธอก็แอ๊บแบ๊วตีหน้าซื่อได้เนียนมาก

                “ไม่เคย แต่ดูน่ากินดีนะ” ฟ้าพราวหยิบกล่องที่เป็นรสช็อกโกแลตขึ้นมาดม

                “คืนนี้คุณได้กินแน่ จะให้กินครบทุกรสเลย” ว่าแล้วก็เลือกหิ้วของหนักๆ เดินนำเข้าไปในบ้าน ทิ้งของเบาๆ ไว้ให้ภรรยาขน “ตามมาให้ไวเลยคุณหญิง ผัวหิวจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว”

                ฟ้าพราวยังติดใจ ‘ขนม’ น่ากินที่อยู่ในมือจึงพลิกหลังกล่องดูเผื่อว่าจะมีคำอธิบายว่าเป็นขนมอะไร พอรู้ว่าไม่ใช่ขนม แต่เป็นถุงยางอนามัย หญิงสาวก็แทบจะร้องกรี๊ดด้วยความอับอาย ยิ่งคิดถึงคำพูดของเขาที่บอกว่าจะให้กินให้ครบทุกรส ก็ยิ่งอยากวิ่งหนีออกจากไร่ไปเลย

                กินครบทุกรสในคืนเดียวได้จุกตายกันพอดี!

 

ฟ้าพราวหาเรื่องถ่วงเวลา ‘กินขนม’ กับภูริดลด้วยการจัดห้องให้ที่รักนานเป็นชั่วโมง สามีของเธอยกห้องว่างที่อยู่ติดกับห้องนอนของเขาและเธอให้เจ้าแมวอ้วน เสร็จแล้วออกไปทำอาหารเย็นอย่างอ้อยอิ่ง

                “ถ่วงเวลาเก่งนักนะ!” 

เสียงเข้มที่ดังขึ้นบริเวณหน้าประตูห้องครัว ทำให้หญิงสาวที่ตอนนี้เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดสีฟ้าพาสเทลแบบพอดีตัวกับกางเกงผ้ายืดเนื้อนิ่มสะดุ้งเฮือก เผลอทำมะเขือยาวผลอวบใหญ่หลุดมือกลิ้งหลุนๆ ไปหยุดอยู่แทบเท้าของภูริดล

“คุณไปรอข้างนอกก่อน ทำกับข้าวเสร็จแล้วฉันจะไปตาม” เธอบอกโดยไม่หันไปมองหน้าเขา

ชายหนุ่มหลุบตาลงมองมะเขือยาวที่นอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้นนิดหนึ่งก่อนจะก้มลงเก็บมันขึ้นมา “มะเขือยาว เอามาทำอะไร”

“ฉันจะทำยำมะเขือเผา”

“ผมไม่ชอบ” เขาบอกเสียงห้วนแล้วถือมะเขือยาวเดินเข้าไปหาภรรยาที่ยืนหั่นผักอยู่ตรงโต๊ะสำหรับเตรียมอาหาร ร่างหนานาบเธอจากทางด้านหลังทั้งตัว บดเบียดสะโพกเข้ากับบั้นท้ายนุ่มอย่างอดใจไม่ไหว เนื่องจากอารมณ์ปรารถนายังคั่งค้างมาจากเหตุการณ์ที่ลานจอดรถในห้าง 

สาบานเลย วันนี้เขาจะไม่ปลดปล่อยความต้องการด้วยตัวเองอีกเด็ดขาด เขาจะต้องสุขสมด้วยฝีมือของภรรยาเนื้อนุ่มคนนี้เท่านั้น

“ยำมะเขือเผาสูตรชาววังเลยนะ แม่ครัวที่วังเป็นคนสอนฉัน รับรองว่าสูตรนี้คุณไม่เคยกินที่ไหนมาก่อนแน่นอน”

“ผมจำได้ว่ารายการอาหารที่ผมชอบและบอกคุณหญิงไปไม่มีเมนูนี้” เขาเท้าแขนทั้งสองข้างลงบนโต๊ะ คร่อมร่างเล็กเอาไว้ แล้วโน้มใบหน้าลงพูดเสียงขุ่นที่ข้างหูเธอ “ไม่ใส่ใจผัวเลยใช่มั้ย บอกอะไรไปถึงจำไม่ได้”

“ฉันจำได้ เมนูที่คุณชอบไม่มียำมะเขือเผา แต่ฉันก็อยากทำให้กินไง ไม่ได้เหรอ”

“เปลี่ยนเมนูเถอะ เมนูนี้มันโคตรจะไม่มงคลเลย” เขาฟาดมะเขือยาวผลอวบใหญ่ลงบนโต๊ะเสียงดังปัง

ร่างเล็กสะดุ้งเบาๆ แล้วเอียงหน้ามองสบตาเขาด้วยความไม่เข้าใจ “อะไรของคุณเนี่ย แค่นี้ทำไมต้องหงุดหงิดด้วย”

“ถามจริง ถ้าของของผัวคุณหญิงเหี่ยวเป็นมะเขือเผา คุณหญิงจะโอเคมั้ย”

“อะไรเหี่ยว” เธอถามหน้าซื่อตาใส

“งูดินมั้ง” เขากระแทกเสียงอย่างรำคาญความใสซื่อของเธอเต็มทน เรื่องอื่นทำเป็นดุเก่ง แต่พอเรื่องนี้ทำเป็นอินโนเซนส์

เธอพลิกตัวหันมามองหน้าเขาด้วยแววตาไม่เข้าใจแบบสุดๆ “เป็นอะไร ดูหงุดหงิดงุ่นง่านเหลือเกิน ถ้าหิวมากก็ถอยไปห่างๆ เลย ฉันจะรีบทำกับข้าวให้กิน”

“อย่าตีเนียน คุณหญิงรู้ว่าผมไม่ได้หิวข้าว แต่ผมหิวคุณหญิง จะต้องให้พูดตรงๆ มั้ยว่าคุณหญิงทำให้ผมอารมณ์ค้างมาตั้งแต่เมื่อคืน ตื่นเช้าก็มาเดินแก้ผ้ายั่วผม ไปห้างก็มาบีบ ‘งูดิน’ ของผมจนตอนนี้มันกลายพันธุ์เป็น ‘อนาคอนดา’ ไปแล้ว” เขาว่าแล้วปลดหัวเข็มขัดหนังออกก่อนจับมือเล็กสอดเข้าไปในขอบเอวกางเกง ให้เธอชื่นชมผลงานตัวเองว่ามันยอดเยี่ยมขนาดไหน

“อะ...อะ...อนาคอน...ดา” ฟ้าพราวเปล่งเสียงตะกุกตะกัก ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีด ตอนจับที่ลานจอดรถในห้างมันยังไม่ใหญ่ขนาดนี้เลย แล้วทำไมตอนนี้มันถึงได้ทั้งยาว ทั้งใหญ่ล้นมือ จนกำแทบไม่รอบอย่างนี้

หญิงสาวจะดึงมือออก แต่ถูกเขาโต้ด้วยการยัดมือเธอใส่เข้าไปในขอบกางเกงชั้นใน

ฟ้าพราวหลับตาปี๋ แทบอยากร้องกรี๊ด เมื่อกี้จับผ่านเนื้อผ้าของกางเกงชั้นในก็ว่าสยิวมากแล้ว แต่ตอนนี้เนื้อแนบเนื้อ ทำเอาขนลุกซู่ไปทั้งตัวเลยทีเดียว

“คุณหญิงถ่วงเวลามาหลายชั่วโมงแล้ว ผมจะไม่ทนอีกแม้แต่วินาทีเดียว”

“จะทำจริงเหรอ” เธอถามเสียงแผ่ว หน้าแหย มือเล็กที่ถูกกดแนบอยู่กับท่อนเนื้อใหญ่หนาและร้อนผ่าวเริ่มชื้นเหงื่อด้วยความหวั่นวิตก ยิ่งเธอขยับมือยุกยิก มันก็ยิ่งแข็งขึงมากขึ้น

“ไหนบอกว่าเตรียมใจมาเป็นเมียผมแล้วไง” ภูริดลกล่อมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพลางจับมือเล็กให้ขยับขึ้นลงตามความยาวอย่างเชื่องช้าและใจเย็น “อย่าป๊อดสิ”

“ฉะ...ฉัน...ฉันมีประจำเดือน” ฟ้าพราวพูดโพล่งออกมาและหวังว่าจะถ่วงเวลาการขึ้นเตียงกับเขาไปได้สักสี่หรือห้าวัน

“มุกเก่ามากคุณหญิง” ชายหนุ่มหัวเราะเสียงต่ำในลำคอแล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งที่ว่างอยู่สอดเข้าไปในขอบกางเกงเอวยางยืด ไปยังขอบกางเกงชั้นในอีกที มือใหญ่กอบกุมเนินเนื้อนุ่มใต้เนื้อผ้านั้น หมุนปลายนิ้วบนจุดอ่อนไหว “ไหนประจำเดือน แห้งสนิทเชียว แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะทำให้คุณเปียกเอง” 

“คนป่าเถื่อน หยาบคายที่สุด” ฟ้าพราวต่อว่าใบหน้าแดงก่ำแล้วใช้มือที่ว่างอยู่เพียงข้างเดียวดึงมือเขาออก แต่ไม่เป็นผล เขาออกแรงขืนข้อมือไว้ก่อนขยับปลายนิ้วอย่างพลิ้วไหว ในขณะที่มืออีกข้างก็บังคับมือเธอให้รูดขึ้นลงตามความยาวของ ‘อนาคอนดา’ ที่ตอนนี้พองตัวขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า

ร่างสูงใหญ่ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้น แล้วรูดกางเกงขาสั้นของภรรยาลงพร้อมกับกางเกงชั้นใน เปิดเปลือยเนินเนื้ออวบอูมที่เมื่อคืนนี้เขาเห็นไม่ถนัดนัก กลีบเนื้อของเธอเนียนแน่นปิดสนิท คล้ายไม่เคยถูกคลี่แย้มมาก่อนเลยสักครั้ง

                ‘จะเป็นไปได้ยังไง!?’

                ภูริดลค้านตัวเองอยู่ในใจ เขาไม่อยากเชื่อ ว่าผู้หญิงที่ยอมแต่งงานกับชาวไร่อย่างเขาเพื่อเงิน อีกทั้งยังจุดติดง่ายและยอมให้เขาจับ ยอมให้เขาจูบ ยอมให้เขาทำอะไรต่อมิอะไรอย่างง่ายดาย จะไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน

                แต่กระนั้นกลิ่นหอมสะอาดเย้ายวนใจก็ดึงดูดให้เขาต้องฝังหน้าลงไปสูดดมอย่างลุ่มหลง แล้วปาดลิ้นขึ้นลงตามรอยแยกก่อนจะกดลิ้นแทรกเข้าไปตวัดวนบนปุ่มเนื้ออ่อนไหว

                ฟ้าพราวกัดริมฝีปากล่างไว้แน่นแต่ก็ไม่อาจปิดกั้นเสียงครางแผ่วหวิวเอาไว้ได้ สองขาของเธอสั่นระริกจนแทบยืนไม่อยู่ ต้องใช้สองมือเท้าโต๊ะที่อยู่ด้านหลังประคองตัวเองเอาไว้ 

สะโพกหญิงสาวบิด...ส่ายไปมาเมื่อเขาแทรกปลายลิ้นเข้าไปในช่องทางคับแคบแล้วควานลึกเข้าสู่ภายใน เขาหมุนวน ไล้เลีย แล้วดื่มกินหยาดหยดหอมหวานอย่างหิวกระหาย 

เธอได้ยินเสียงคำรามทุ้มต่ำด้วยความพึงพอใจจากคนที่ซุกใบหน้าอยู่กับหว่างขาเธอ หนวดเครารุงรังของเขาเสียดสีกับต้นขาด้านในจนซ่านสยิวไปทั้งเนื้อตัว ฟ้าพราวจิกขอบโต๊ะจนเล็บยาวที่ตัดแต่งไว้อย่างสวยงามแทบหัก ผิวกายร้อนผ่าวและชื้นเหงื่อของเธอกระทบกับแสงอาทิตย์ยามตะวันตกดิน ที่สาดเข้ามาทางหน้าต่างห้องครัวจนเกิดประกายระยิบระยับ

“อื้อ...ฉันไม่ไหวแล้ว” เธอบอกเสียงกระเส่า ลมหายใจลึกและขาดเป็นห้วง กล้ามเนื้อภายในส่วนที่ลึกลับที่สุดเต้นตุบตับอย่างรวดร้าว 

เขาไม่พูดอะไร แต่เร่งจังหวะการเคลื่อนไหวของปลายลิ้นให้ถี่กระชั้นและรุนแรงขึ้นพร้อมกับบดขยี้ปุ่มเนื้อที่อยู่ภายนอกเพื่อเร่งส่งเธอให้ทะยานขึ้นไปแตะจุดสูงสุด 

“อร๊าย!” ฟ้าพราวกรีดร้องเสียงแผ่วหวานพร้อมกับร่างกายที่กระตุกเฮือกอย่างรุนแรงสองถึงสามครั้งแล้วยืนนิ่งตัวสั่นเทิ้ม จากนั้นก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสจากปลายลิ้นสากที่ไล้เลีย ปาดเอาความชุ่มฉ่ำที่อุ่นวาบอยู่กึ่งกลางกายไปจากเธอจนหมดสิ้น

ภูริดลยืดตัวขึ้นมามองสบตาเธอด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาอันเร่าร้อน ใบหน้าของเขาแดงก่ำและชื้นเหงื่อ ลมหายใจถี่กระชั้น เขาไล้ปลายลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองแล้วพูดเสียงต่ำพร่า 

“หวานมาก...เมียจ๋า” 

ฟ้าพราวอายจนไม่กล้าสู้หน้าเขา เธอจะเดินหนี ทว่าถูกเขาจับเอวทั้งสองข้าง ล็อกเอาไว้ แล้วยกตัวเธอขึ้นนั่งบนโต๊ะ เขาปัดถุงอาหารสดและอาหารแห้งที่เตรียมไว้สำหรับทำอาหารเย็นที่อยู่ด้านหลังหญิงสาวทิ้งระเนระนาด จากนั้นกดไหล่เธอให้นอนราบลง ดันขาเรียวงามทั้งสองข้างที่ตั้งชันให้แยกกว้าง แล้วแทรกตัวเข้าไปตรงกลาง

“จะ...ทำอะไร” ฟ้าพราวถามเสียงแผ่วด้วยแววตาตื่นตระหนก ถึงแม้จะเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้ว แต่ก็อดกลัวไม่ได้ และไม่คิดว่า ‘ครั้งแรก’ ระหว่างเขากับเธอจะเกิดขึ้นในห้องครัวอย่างดิบเถื่อนแบบนี้

                “ทำเรื่องที่เราควรทำกับตั้งแต่เมื่อคืนนี้ไง” เขาบอกด้วยเสียงแหบพร่าพลางดึงกางเกงและกางเกงชั้นในลงจนพ้นสะโพก ปลดปล่อย ‘อนาคอนดา’ ให้โผผงาดอย่างเป็นอิสระ แล้วสวมเครื่องป้องกันกลิ่นช็อกโกแลตให้ตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นโน้มกายลงไปทาบทับร่างเล็กที่นอนชันขาอยู่บนโต๊ะ ถูไถความเป็นชายแข็งขึงเข้ากับกลีบเนื้อนุ่มชุ่มชื้น

                ฟ้าพราวรู้ดีว่าคงต้านทานความปรารถนาของของสามีจอมเถื่อนคนนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว จึงยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ปล่อยให้เขาจูบซุกไซ้ไปทั่วซอกคอ สองแขนเรียวเล็กโอบกอดเขาเอาไว้แล้วกระซิบถามเสียงแผ่วด้วยความหวาดวิตก 

“จะเจ็บมากมั้ย”

                ภูริดลเลื่อนใบหน้าจากซอกคอขึ้นมามองสบตากับเธออย่างเคลือบแคลง สงสัยว่าทำไมเธอถึงได้ทำท่าหวาดกลัวราวกับเป็นครั้งแรกแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะคิดว่าคงเป็นแอกติงเพื่อเพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง เขากดหน้าผากลงบนหน้าผากชื้นเหงื่อ แตะปลายจมูกบนปลายจมูกเล็กน่ารักและน่างับ แล้วบอกอย่างภูมิใจนักหนา 

“อาจจะเจ็บบ้าง เพราะของผมใหญ่มาก”

                “ทำเบาๆ นะ” เธอบอกเสียงสั่นอย่างหวาดหวั่น

                “ทำไมต้องกลัว หรือว่าเคยโดนแต่ของเล็กๆ” เขายิ้มเยาะแล้วจดส่วนปลายโค้งมนเข้ากับปากทางอ่อนนุ่ม ก่อนจะกดเข้าไปรวดเดียวจนสุดความยาวอย่างไม่ออมแรง แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อหญิงสาวใต้ร่างกรีดร้องอย่างน่าสงสาร

                “อร๊าย! เจ็บ...” ใบหน้าสวยหวานแดงก่ำเหยเก หยาดน้ำตาเม็ดเล็กไหลพลิ้วออกมาทางหางตา เธอกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้จนขึ้นสีแดงเพื่อข่มความเจ็บแปลบที่เสียดลึกอยู่กลางร่างกาย ความเป็นชายที่ร้อนระอุของเขาฝังลึกอยู่ในกายเธออย่างแนบแน่น ความใหญ่โตของมันทำให้เธออึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก

                ‘เขาไม่ได้โกหก...มันใหญ่มากจริงๆ’

            ภูริดลมองสบตากับหญิงสาวใต้ร่างที่ตัวสั่นเทาด้วยความตกใจ เธอยังบริสุทธิ์อยู่ ยืนยันได้จากการที่เขาเพิ่งทะลวงผ่านเยื่อพรหมจรรย์เข้าไปอย่างไม่ทะนุถนอมเลยสักนิด

                “เชี่ยเอ๊ย!” เขาสบถเสียงแหบห้าวในลำคอ แต่จะให้เขาหยุดตอนนี้ก็ทำไม่ได้ เขามาไกลเกินกว่าจะถอยหลังกลับแล้ว

                “ฉันอึดอัด ฉันเจ็บ ฮือ...” ฟ้าพราวบอกเสียงแผ่วพลางดันไหล่กว้างให้ถอยห่างอย่างน่าสงสาร เพราะขนาดตัวที่แตกต่างกันมาก เธอจึงเจ็บมากเป็นธรรมดา

                “อดทนหน่อยนะ อีกสักพักคุณหญิงจะรู้สึกดีขึ้น” ภูริดลเกลี้ยกล่อมเสียงหอบกระเส่า พยายามอดทนกับความต้องการที่เต้นเร่าของตัวเองอันเกิดจากการถูกบีบรัดอย่างรุนแรง

                ภูริดลมอบจูบอ่อนหวานเป็นการปลุกปลอบและเบี่ยงเบนความสนใจของเธอจากความเจ็บแปลบเบื้องล่าง มือข้างหนึ่งสอดเข้าไปใต้ชายเสื้อยืด ปลดตะขอบราเซียร์ออกแล้วดันมันขึ้นไปไว้บนเนินอก เขาทาบฝ่ามือร้อนผ่าวลงบนก้อนเนื้อนุ่มหยุ่น หมุนคลึงเป็นวงอย่างอ่อนโยน ปลายยอดสีหวานหดเกร็งพลิกพลิ้วอยู่ใต้ฝ่ามือของเขา

                “อื้อ...” ฟ้าพราวส่งเสียงครางแผ่วหวิวด้วยความรัญจวนใจ ความเจ็บแปลบเริ่มคลายลง และดูเหมือนว่าร่างกายเธอจะปรับเข้ากับเขาได้บ้างแล้ว เธอเริ่มขยับสะโพกเบาๆ อย่างเร่งเร้าอยู่ในที ส่งผลให้ชายหนุ่มที่แช่ค้างอยู่ในกายเธอส่งเสียงครางกระหึ่ม

                “คุณหญิงโอเคแล้วใช่มั้ย” เขากระซิบถามข้างหู ลมหายใจหนักหน่วงหอบลึก

                ฟ้าพราวพยักหน้ารับช้าๆ ในแววตาฉายแววความประหม่าอย่างปิดไม่มิด เธอหลับตาลงพร้อมกับจิกปลายเล็บลงบนแผ่นหลังของเขาเมื่อเขาเริ่มขยับตัวออกไปอย่างเชื่องช้า แล้วผลักดันกลับเข้ามาอย่างนุ่มนวล

                “อ๊ะ...” เธอส่งเสียงร้องเบาๆ

                “เจ็บเหรอ”

                “เจ็บ...แต่ทนได้”

                คำตอบของเธอทำให้คนเป็นสามีโล่งอก เขาก้มลงจูบเธออย่างดูดดื่มแล้วเริ่มขยับตัวอีกครั้ง คราวนี้จังหวะการเคลื่อนไหวของเขาถี่กระชั้นและรุนแรงขึ้น ยิ่งเธอขยับสะโพกสอดประสานกับเขาเป็นจังหวะเดียวกันได้อย่างลงตัว เขาก็ยิ่งกระแทกกระทั้นโหมจังหวะ 

                ฟ้าพราวกอดเขาไว้แน่น รับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นหัวใจของเขาที่ถี่รัวจากอกที่แนบชิดกันจนแทบเป็นหนึ่งเดียว ภายในห้องครัวเล็กๆ ที่เงียบเชียบ เสียงเนื้อกระทบเนื้อจึงดังก้องกว่าปกติ ขาโต๊ะตัวเล็กที่เขาและเธอใช้ต่างเตียงนอนดังเอี๊ยดอ๊าดจนน่ากลัวว่าจะพังครืนลงมา แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ไม่ผ่อนแรงลงเลยแม้แต่น้อย มีแต่จะโหมกระแทกใส่เธอรุนแรงมากขึ้น...และมากขึ้นทุกขณะ

                ความเครียดครัดขมวดเกลียวในช่องท้องของหญิงสาว ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นกับเธอมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อตอนกลางวัน ทว่าตอนนี้มันรุนแรงกว่า ความเป็นชายที่แข็งแกร่งของเขาเติมเต็มเธอได้มากกว่าปลายนิ้วหลายเท่า ร่างเล็กเริ่มบิดเกร็งและสั่นระริก ในขณะที่เขาก็ยังคงขับควบไม่หยุดยั้ง

                “ไปให้ถึงนะคุณหญิง ไปให้ถึง...แล้วคุณจะรู้สึกดี” 

                ถ้อยคำที่กระซิบบอกอย่างไม่หายใจหายคอซึ่งมาพร้อมกับจังหวะรุกล้ำที่ถี่รัวและรุนแรงของเขา กระตุ้นเร้าให้ฟ้าพราวปลดปล่อยตัวเองออกมาอย่างอิสระพร้อมกับเสียงกรีดร้องหวานล้ำที่บาดลึกเข้าไปถึงหัวใจคนที่โน้มตัวอยู่เหนือร่างเธอ ไม่นานเขาก็ระเบิดตัวเองตามเธอไปติดๆ พร้อมกับเสียงคำรามทุ้มต่ำในลำคอด้วยความสุขซ่าน

                เขาหยุดทุกการเคลื่อนไหวแล้วทิ้งตัวลงซุกซบร่างเล็กอย่างหมดเรี่ยวแรงโดยยังไม่ยอมถอดถอน...เนิ่นนานจนลมหายใจของทั้งคู่กลับมาเป็นปกติจึงยกศีรษะขึ้นมามองสบตากับเธอ

                “คุณหญิงโอเคมั้ย” เขาถามด้วยความคาดหวัง

                ฟ้าพราวส่ายหน้า ทำให้คนถามแทบหมดความมั่นใจ

                “ทำไม?”

                “ครั้งแรกของฉันมันไม่ควรเกิดขึ้นในห้องครัวปะ” ใบหน้าเธอแดงจัด ทั้งโกรธทั้งอาย “ป่าเถื่อนที่สุด”

                ภูริดลหัวเราะเบาๆ แล้วช้อนร่างเล็กขึ้นมาอุ้มโดยที่กึ่งกลางกายยังสอดประสานกันอยู่ ฟ้าพราวเกี่ยวขาทั้งสองข้างรัดรอบเอวสอบ สองแขนโอบรอบคอของเขาไว้แน่นเพราะกลัวตก

                “งั้นไปทำต่อในห้องนอนบนเตียงนุ่มๆ อีกรอบนะ”

                “ไม่เอาแล้ว” เธอส่ายหน้าอย่างแรงจนเส้นผมที่ยาวถึงกลางหลังปลิวกระจาย

                “เอาเถอะ ผมยังไม่หายอยากเลย” เขาจูบหนักหน่วงที่แก้มเธออย่างมันเขี้ยวเพื่อยืนยันความต้องการ

                “เหนื่อย เจ็บด้วย ไม่เอาแล้ว” ภรรยาที่เด็กกว่าหลายปีออกอาการงอแงอย่างน่ารัก

                “รอบนี้จะทำเบาๆ สัญญา” เขาว่าพลางเริ่มวนสะโพกเป็นวงเชื่องช้าอย่างยั่วเย้า แล้วอุ้มร่างเล็กเดินออกไปจากห้องครัว มือทั้งสองข้างที่ประคองบั้นท้ายของเธออยู่ก็ขยุ้มขยำไปด้วย

                “อื้อ...” ฟ้าพราวครางแผ่วหวิว เมื่อจุดเชื่อมต่อถูกกระตุ้น ความเสียวซ่านก็ก่อตัวขึ้น ณ ที่ตรงนั้นอีกครั้ง เธอซุกหน้ากับซอกคอชื้นเหงื่อ โอบทั้งแขนและขากอดรัดเขาไว้แน่น ถึงแม้ปากจะบอกว่า ‘ไม่’ แต่กล้ามเนื้อภายในส่วนที่โอบล้อมความเป็นชายอันแข็งขึงกลับบีบรัดและเร่งเร้าอย่างหน้าไม่อาย

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น