บทที่ 7
กลิ่นหอมสดชื่นของผลไม้เป็นสิ่งแรกที่นับดาวสัมผัสได้ทันทีที่ตื่น เมื่อกวาดตาไปยังข้างเตียงนอนก็เห็นแต่ความว่างเปล่า ไม่มีฟูกนอนปูอยู่ที่พื้นแล้ว รวมถึงร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มด้วย หากคาดไม่ผิดแขกหนุ่มคนนี้พับฟูกนอนพร้อมเก็บเข้าตู้อย่างดีไปแล้ว นับดาวนั่งเรียกสติตัวเองในตอนเช้าครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ และแต่งตัวให้เรียบร้อย
พอออกมาข้างนอกถึงพบว่าบนโต๊ะกินข้าวของเธอมีอาหารและน้ำเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ส่วนคนเตรียมมื้อเช้าก็หันมามองเธอพร้อมอวดรอยยิ้มอบอุ่น
“คุณมาพอดี มีการอาการเวียนหัวหรือคลื่นไส้บ้างไหมครับ”
นับดาวส่ายหน้า จากนั้นก็ขยับตัวนั่งลงบนเก้าอี้
“ดีครับ กินข้าวก่อนแล้วกินยาต่ออีกสักชุด วันนี้ผมจะลงไปที่ร้าน คุณจะอยู่ที่ห้องใช่ไหม”
“ค่ะ คงนั่งทำงานข้างบน มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่ครับ ถ้ามีอะไรคุณก็โทร. มานะครับ”
“ค่ะ”
นับดาวพยักหน้าพลางตักอาหารหอมกรุ่นตรงหน้ามากินเงียบๆ นอกจากรสชาติที่อร่อยสบายท้องแล้ว เธอยังรู้สึกว่าความใส่ใจที่ได้รับในเช้าวันนี้ทำให้หัวใจของเธอพลันอบอุ่นขึ้นมาด้วย
“ขอบคุณนะคะ ลำบากคุณเลยแบบนี้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมทำให้คุณเข้าโรงพยาบาล ดีที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก เรื่องแค่นี้สบายมากครับ”
ชารัฐทำเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ และการที่เขาแสดงความรับผิดชอบออกมาเช่นนี้ นับดาวซาบซึ้งเป็นอย่างมาก ทว่าในใจลึกๆ เธอก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมา
พอรู้ว่าตัวเองเริ่มมีอาการง้องอนเหมือนสาวน้อยหัดมีรัก นับดาวก็ชะงัก รีบเตือนตัวเองในทันที
‘จะบ้าหรือไง แค่นี้ก็รบกวนคนอื่นไปหมดแล้ว จะงอแงทำไมก็ไม่รู้! ท่องเอาไว้ เขาคือเป้าหมาย เขาคือเป้าหมาย เลิกฟุ้งซ่าน!’
“คืนนี้คุณคงไม่คิดจะค้างที่นี่แล้วใช่ไหมคะ”
เธอเงยหน้าจากอาหาร สบตาชายหนุ่มเข้าอย่างจัง รอคอยคำตอบที่จะออกมาจากปากของเขา
“ถ้าอาการของคุณไม่น่าเป็นห่วงผมก็กลับห้อง หรือว่า...”ชารัฐเงียบไปอึดใจก่อนจะพูดต่อ “อยากได้คนนอนเป็นเพื่อนเหรอครับ”
นับดาวถลึงตาใส่คนตรงหน้า นึกหมั่นไส้อยากทิ้งรอยข่วนไว้บนหน้าหล่อๆ ของเขาสักรอย
“ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ กินเสร็จแล้ววางไว้เลยนะคะ ฉันล้างเอง”
“ไม่ต้องหรอก ผมล้างเอง”
ไม่พูดเปล่า ชารัฐยกจานของตัวเองไปยกที่อ่างล้างจานพร้อมลงมือทำจริงอย่างที่ว่า นับดาวได้แต่ถอนหายใจเพราะตัวเองยังกินไม่เสร็จ พอหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบ เธอก็พบว่ามันไม่ใช่กาแฟเย็นอย่างที่เข้าใจ
“วันนี้ไม่มีกาแฟเหรอคะ”
“ผมทำน้ำพันช์ไว้น่ะครับ เช้าๆ แบบนี้จะได้สดชื่น”
นับดาวอดแปลกใจไม่ได้ ที่แท้กลิ่นผลไม้หอมๆ ที่เธอได้กลิ่นตอนตื่นคงเป็นตอนที่เขากำลังคั้นน้ำผลไม้เพื่อทำพันช์แก้วนี้แน่ๆ ถึงจะไม่ใช่เครื่องดื่มอย่างกาแฟที่ต้องดื่มเป็นประจำทุกเช้า พอเปลี่ยนมาเป็นน้ำผลไม้หวานๆ กำลังดีแบบนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นไปอีกแบบ
“อร่อยดีนะคะ”
“มีในตู้เย็นอยู่นะครับ ผมทำเผื่อไว้”
คนที่กำลังล้างจานหันมาบอกยิ้มๆ เธออดจ้องแผ่นหลังของเขาให้นานขึ้นไม่ได้ จากนั้นก็ตัดสินใจถือแก้วน้ำพันช์เดินตรงไปหาเขา
“คนทำได้ลองชิมหรือยังคะ”
“ครับ”
“อย่างนั้นเหรอ” เธอหยุดยืนพิงเคาน์เตอร์ครัวข้างๆ ชายหนุ่ม ขณะที่อีกฝ่ายปิดน้ำ คว่ำจานและแก้ว จากนั้นถึงหันมองเธอด้วยความสงสัย
จากระยะใกล้ชิดระหว่างเธอกับเขาแบบนี้ นับดาวฉวยโอกาสพินิจใบหน้าของชายหนุ่มอีกครั้ง...ไม่ว่าจะมุมไหนๆ เขาก็หล่อเหลามากในสายตาเธอ แบบนี้หรือเปล่านะที่ทำให้สาวๆ หลายคนมองเขาตาเป็นมัน โดยเฉพาะบรรณาธิการสาวของเธอคนนั้น
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
เขาถามเธออย่างนึกสงสัย แต่นับดาวไม่ตอบ เธอเพียงยกมือข้างที่ว่างขึ้นพลางกระดิกนิ้วชี้เรียกให้เขาโน้มตัวลงมา ซึ่งชายหนุ่มก็ทำตามอย่างว่าง่ายและไม่นึกสงสัยอะไรด้วยซ้ำ
จังหวะนั้นเองที่นับดาวเขย่งตัวขึ้นจูบเขาที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบา ช้าๆ ค่อยๆ ละเลียดชิมริมฝีปากเรียวบางของชายหนุ่ม ก่อนจะผละออกมาอย่างไม่รีบร้อน
“แบบนี้ได้รสพันช์บ้างไหมคะ”
เธอเม้มปาก กลืนน้ำลายอย่างเชื่องช้า ตลอดเวลาเธอไม่ได้หลบเลี่ยงสายตาของชารัฐแม้สักวินาที
“อืม”
“หวานไหมคะ”
“ยังไม่ชัดเท่าไหร่ครับ”
“อย่างนั้นเหรอคะ ถ้างั้น...”
เธอยังคงสบตาชายหนุ่มพลางวางแก้วในมือลงบนเคาน์เตอร์อ่างล้างจาน ยกมือขึ้นมาจับปกเสื้อของเขา ออกแรงดึงให้ชารัฐโน้มตัวลงมา ริมฝีปากของนับดาวจดลงบนริมฝีปากของชายหนุ่มอีกครั้ง แม้เป็นเพียงสัมผัสอ่อนหวานเบาๆ แต่สัมผัสนุ่มนวลนี้กลับเนิ่นนานราวกับชั่วนิรันดร์
“จะนิ่งอีกนานไหมนั่น”
ชารัฐมีอันต้องสะดุ้งเพราะเสียงของอชิจนถ้วยชาเกือบจะร่วงหลุดจากมือ แต่พอหันกลับไปมองถึงเห็นว่าที่รุ่นน้องพูดอยู่นั้นไม่ได้หมายถึงตน แต่เป็นกับปรินทร์ เพื่อนของอชิที่เขาเพิ่งรับมาทำงาน
เริ่มต้นมาจากปรินทร์กำลังมองหางานพาร์ตไทม์และเขาเองก็คิดจะเพิ่มพนักงานในร้านเหมือนกัน อชิจึงพาเด็กหนุ่มคนนี้มาแนะนำตัวกับเขาแทบจะในทันที
หลังจากที่อชิพามาแนะนำให้รู้จัก เขาถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายชื่อปรินทร์หรือข้าวตัง แม้จะดูแปลกไปเล็กน้อยสำหรับผู้ชาย แต่ชารัฐก็คิดว่าดูมีเอกลักษณ์ไม่น้อย แถมยังเข้ากับใบหน้าของตัวเองอีกต่างหาก เขาเคยเห็นเด็กนักเรียนนักศึกษาหน้าตาดีมาเยอะ แต่พอเห็นข้าวตังแล้วคนอื่นๆ เทียบไม่ติดเลย เพราะเจ้าตัวนอกจากใบหน้าที่โดดเด่น มองบางมุมเขาก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายคือผู้ชายหน้าสวยดีๆ คนหนึ่ง ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดจะวิจารณ์อะไรออกไป เพียงแค่รับไหว้และแนะนำตัวเองไปบ้างสองสามประโยค จากนั้นเจ้าตัวถึงได้หยิบยกเรื่องชื่อเล่นของตัวเองขึ้นมาเล่าด้วยท่าทีสบายๆ
‘ผมมีฝาแฝด พอรวมพี่สาวอีกคนด้วย พ่อกับแม่เลยตั้งชื่อให้คล้องกัน ข้าวเจ้า ข้าวตัง ข้าวหอม พี่เฌอเรียกผมว่าตังเฉยๆ ก็ได้ครับ’
ชารัฐพยักหน้ารับรู้พลางสอบถามคนตรงหน้าต่อ
‘แล้วตังเคยทำงานที่ร้านกาแฟมาก่อนหรือเปล่า หรือมีประสบการณ์ทำงานพาร์ตไทม์บ้างไหม’
‘เคยครับ’
เขาถามคำถามที่จำเป็นต่อการสัมภาษณ์งานเล็กน้อยอีกสามสี่คำถาม ดูหน่วยก้านและจากที่อชิรับรองอย่างหนักแน่นว่าเพื่อนคนนี้ไว้ใจได้ เขาจึงตกลงจ้างปรินทร์ให้มาช่วยดูแลร้าน หากอีกฝ่ายทำงานดีเขาอาจจะพิจารณาให้ข้าวตังทำงานต่อถ้าเด็กหนุ่มต้องการ
“ตอนนี้ไม่ยุ่ง ไม่เป็นไรหรอกอชิ”
เขาหันไปมองอชิเล็กน้อย อีกฝ่ายกำลังสอนงานเพื่อนอย่างจริงจังจนเขาอดยิ้มไม่ได้
“หมอนี่อยู่ในช่วงทดลองงาน ถ้าไม่เรียกสติป่านนี้ผมว่ามันคงใจลอยออกไปแล้วครับ”
คนใจลอยอีกคนถึงกับสะดุ้งในใจ เมื่อครู่เขามัวแต่นึกถึงนับดาวและจูบหวานๆ เมื่อเช้า เพราะดันเผลอตัวไปกับรสจูบที่เธอฝากไว้ ถ้าไม่มีเสียงของอชิเขาคงยังอยู่ในภวังค์นั้นอีกพักใหญ่
“โอ๊ะ พี่นับดาว สวัสดีครับ”
หัวใจของชารัฐแกว่งเมื่อได้ยินชื่อนี้ เสียงของอชิทำให้เขาต้องเอี้ยวตัวหันไปมองประตูร้าน ก่อนเห็นหญิงสาวในชุดอยู่บ้านสบายๆ กำลังเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มสดใส แต่พอเพ่งมองชุดที่เธอสวมอยู่เขาก็ขมวดคิ้ว
นับดาวเป็นคนรูปร่างสมส่วน ร่างกายโค้งเว้าได้รูปสวย ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่งและได้สัมผัสเธออย่างใกล้ชิด ชารัฐไม่โกหกเลยว่าหุ่นของเธอเป็นที่ดึงดูดสายตาแค่ไหน
“สวัสดีค่ะน้องอชิ พี่ขอเอสเปรสโซโรมาโนนะคะ พี่เอากระติกน้ำมาด้วย ฝากใส่ในนี้แทนนะคะ”
“ได้ครับ”
นับดาวยื่นกระติกน้ำเก็บความร้อนสีหวานให้อชิ รอยยิ้มของหญิงสาวทำเอาใบหน้าของเด็กหนุ่มใสซื่ออย่างอชิแดงเรื่อขึ้นจางๆ ส่วนชารัฐผละออกจากชั้นแล้วตรงมาหาเธอ
“อาการดีขึ้นแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ”
เขาไล่สำรวจสีหน้าของหญิงสาวเล็กน้อย ในใจก็ยังนึกไม่ชอบใจกับชุดบนร่างของเธอ
“ทำไมใส่ชุดบางๆ แบบนี้ครับ คุณไม่สบายนะ”
“หืม ไม่บางนะคะ ผ้ามันสบายดีออก ฉันนั่งทำงานแล้วสบายตัวมากๆ เลย”
ในสายตาของชารัฐ เสื้อผ้าฝ้ายสีอ่อนที่นับดาวสวมอยู่คงโปร่งสบายมากก็จริง แต่ว่าความบางของมันนี่สิ เมื่อครู่ตอนที่เธอเข้ามาในร้าน แสงไฟจากในร้านหรือแม้กระทั่งข้างนอกที่ส่องตัวเธอแทบจะทำให้เห็นชั้นในสีชมพูและเงาเรือนร่างของเธอรางๆ ไหนจะกางเกงอยู่บ้านขาสั้นที่เผยผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียดอีก
“บางไปครับ ที่จริงจะสั่งกาแฟคุณโทร. มาก็ได้”
นับดาวหันมองเขา เธอขยับตัวขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ สายตาจับจ้องเขาไม่วางตา เอียงศีรษะตัวเองเล็กน้อยก่อนจะถาม
“ที่ร้านมีบริการส่งกาแฟตั้งแต่เมื่อไหร่คะ อีกอย่างก่อนหน้านี้ฉันก็ใส่เสื้อแบบนี้ลงมาซื้อกาแฟตั้งหลายครั้งแล้วนะคะ”
คำถามนี้ทำให้เขานิ่งไปอึดใจ พอเห็นประกายซุกซนจากแววตาของเธอเขาก็นึกอยากลงโทษปนรังแกคนขี้แกล้งขึ้นมา ติดอยู่ที่ว่าตรงนี้ไม่ได้มีแค่เขากับเธอ ชารัฐจึงถอดผ้ากันเปื้อนของตัวเองออก ไม่รอให้นับดาวตั้งตัว เขาก็คล้องมันผ่านศีรษะของเธอ จัดการผูกเชือกข้างหลังให้เสร็จสรรพ
“คุณเฌอ!”
นับดาวถลึงตาใส่เขา มือเรียวอ้อมไปข้างหลังหวังจะคลายปมเชือก แต่เขาก็ไวพอที่จะคว้ามือของเธอเอาไว้ โดยไม่สนใจค้อนวงใหญ่ที่เธอมอบให้หรือแม้แต่ท่าทางขัดขืนของเธอ
“อย่าดื้อครับ นับดาว เสื้อคุณบาง สวมเอาไว้”
“ซื้อแป๊บเดียวก็ขึ้นข้างบนแล้ว จะสวมทับทำไมคะ ปล่อยมือนะคุณเฌอ”
นับดาวยังคงไม่ยอมแพ้ มือเล็กๆ พยายามจะสลัดให้พ้นจากการเกาะกุมของเขา ชารัฐสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะโน้มตัวไปใกล้หญิงสาว เอ่ยเสียงแผ่วเบาพอให้ได้ยินแค่สองคน
“นับดาว”
“อะไรคะ”
“ผมหวง”
แค่คำพูดสั้นๆ ของเขาทำหญิงสาวชะงักในทันที เธอเงยหน้าขึ้นขวับ นัยน์ตาที่จดจ้องประสานมานั้นทั้งสั่นไหวและเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย เขาสังเกตเห็นพวงแก้มของนับดาวที่เป็นสีแดงระเรื่อรวมถึงใบหูของเธอที่แดงเข้มอย่างเห็นได้ชัด การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ นี้ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจอย่างมาก
“สวมทับไว้นะครับ...ผมหวง”
“ไอ้ตัง นายว่าฉันควรเข้าไปตอนนี้ดีไหมวะ” อชิยืนมองชายหนุ่มผู้เป็นทั้งรุ่นพี่และเจ้านายด้วยความไม่แน่ใจ ขณะที่สายตาเลื่อนไปมองลูกค้าสาว ถึงแม้ก่อนหน้านี้เจ้านายหนุ่มสุดหล่อของเขาคนนี้จะไม่พูดอะไรยืนยันออกมา แต่เขามั่นใจแน่ๆ ว่าทั้งคู่ต้องมีซัมติงกันแน่นอน ไหนจะเมื่อวานที่ชารัฐรีบร้อนพาหญิงสาวไปโรงพยาบาลอีก
ระหว่างที่มองเพลินๆ จู่ๆ ชารัฐก็ถอดผ้ากันเปื้อนของตัวเองออกแล้วสวมทับลงบนร่างของอีกฝ่าย ฝ่ายหญิงแสดงท่าทางขัดขืน แต่พอเจ้านายหนุ่มของเขาโน้มตัวเข้าไปพูดบางอย่าง นับดาวก็นิ่ง อชิมั่นใจว่าเป็นเพราะชารัฐต้องพูดอะไรแปลกๆ หรือไม่ก็พูดจาหวานๆ ใส่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นสาวเจ้าคงไม่หน้าแดงแบบนั้น
เขาถอนหายใจพลางมองกระติกน้ำร้อนในมือ แล้วยัดส่งให้ปรินทร์แทนราวกับมันเป็นเผือกร้อน
“ฝากนายเอาไปใส่ที เห็นแบบนี้แล้วช้ำใจ คนมีคู่มันน่าหมั่นไส้เหมือนกันนะเนี่ย”
ปรินทร์มองกระติกน้ำร้อนสีหวานในมือพลางยิ้มบางๆ ก่อนจะใช้มืออีกข้างตบบ่าเพื่อนเบาๆ
“รับรองว่านายได้ทนกินอาหารหมาบ่อยแน่ๆ”
หลังจากที่ข้าวตังนำกาแฟที่นับดาวสั่งมาเสิร์ฟ เธอก็เบี่ยงตัวลงจากเก้าอี้ รีบวางเงินค่ากาแฟไว้ ก่อนจะกลับยังไม่ลืมเชิดหน้าถลึงตาใส่
ชารัฐยืดหลังตรง พลางยิ้มมองหญิงสาวที่สับเท้าออกไปจากร้านอย่างเร่งรีบทั้งที่ใบหน้ายังแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย พอหันหน้ากลับมา เขาถึงได้เห็นสายตาล้อเลียนจากอชิและสายตานิ่งๆ กึ่งยิ้มจากเด็กใหม่อย่างปรินทร์
“แฟนพี่เฌอสวยดีนะครับ”
เขากระแอมในลำคอก่อนจะแสร้งทำหน้านิ่งออกคำสั่ง
“ไปดูลูกค้า”
“ครับ”
ถึงจะปั้นหน้านิ่งแค่ไหน แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มทั้งสองก็ยังส่งสายตาล้อเลียนมาอยู่ดี พอเขาตีหน้าขรึม ทั้งสองถึงได้รีบแผ่นแน่บไปดูแลลูกค้าในร้านตามคำสั่ง ชารัฐมองตามแผ่นหลังคู่หูจอมแสบทั้งสองพลางถอนหายใจเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจลบรอยยิ้มออกไปจากใบหน้าได้เลย
เพราะเป็นห่วงสภาพร่างกายของนับดาว หลังจากปิดร้านแล้วชารัฐจึงรีบไปจัดการตัวเองและทำอาหารเพิ่มอีกที่ หวังมาฝากคนป่วย เขามาหยุดอยู่หน้าห้องของหญิงสาว เคาะประตูเรียกคนข้างในไม่นาน ประตูก็เปิด
“คุณเฌอ?”
สีหน้าของนับดาวคล้ายจะแปลกใจเล็กน้อย แต่เธอก็ยังเชิญเขาเข้าไปในห้อง
“ผมว่าคุณต้องไม่มีเวลาทำกับข้าวแน่ๆ เลยทำมาเผื่อ”
“อ๋อ ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวเหลือบมองกล่องเก็บความร้อนในมือของเขาเล็กน้อย แล้วก็ยกน้ำมาให้ตามมารยาทเจ้าบ้านที่ดี
“ขอบคุณครับ”
“เล็กน้อยค่ะ ยังไงก็ต้องขอบคุณเรื่องมื้อเย็นด้วยค่ะ ไหนๆ คุณมาพอดี ฉันขอคืนนี่ด้วยแล้วกันค่ะ” ว่าแล้วเธอก็หยิบผ้ากันเปื้อนที่เขาบังคับเธอสวมไว้แล้วยื่นมันมาตรงหน้าเขา
ชารัฐมองผ้ากันเปื้อนตรงหน้านิ่งๆ ไม่มีทีท่าจะขยับตัวหรือเอื้อมมือไปรับมันไว้เลยแม้แต่น้อย เพราะอย่างนั้นคนตัวเล็กถึงได้มีสีหน้าเหยเก เขาเห็นนับดาวกัดริมฝีปาก คิ้วโก่งขมวดเข้าหากันช้าๆ จากนั้นเธอถึงเปิดปาก
“รับไปสิคะ แล้วก็เมื่อกลางวันคุณตั้งใจทำอะไรกันแน่คะ”
เห็นสีหน้าของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายแล้ว ชารัฐรู้ก็สึกคุ้นเคยและอบอุ่นใจขึ้นมา เขาเท้าศอกลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เอียงศีรษะเอนพิงมือของตน สายตามองนับดาวที่กำลังพูด
“อืม...นั่นสิ ผมตั้งใจจะทำอะไรกันนะ”
คงเพราะคำพูดของเขานับดาวถึงชะงักไปเล็กน้อย แววตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจคล้ายกำลังพบเจอกับโจทย์ปัญหาที่ตอบไม่ถูก
“คุณเฌอ!”
“ครับ มาครับ”
นับดาวถลึงตาใส่ชายหนุ่มตรงหน้า ไม่รู้ว่าวันนี้เธอแจกค้อนเขาไปกี่วงแล้ว ตั้งแต่ตอนกลางวันที่เขามาทำให้เธอปั่นป่วน สมองถึงกับว่างเปล่า เสียอาการติดๆ กันแบบนี้นับดาวก็เริ่มรู้สึกถึงอันตรายแล้ว
“อย่าเล่นลิ้นค่ะ รับผ้ากันเปื้อนไปสิคะ”
เธอพยายามไม่สนใจนัยน์ตาวาววับของเขาที่จับจ้องตัวเอง เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่มีทีท่าจะขยับตัวมารับผ้ากันเปื้อนไป เธอจึงตั้งใจเป็นคนขยับแทน
หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้เขา พยายามจะยัดผ้ากันเปื้อนในมือให้เขา แต่สุดท้ายโลกของเธอกลับเหวี่ยงหมุนเปลี่ยนทิศทาง กลายเป็นชารัฐที่ดึงเธอเข้าไปใกล้ ลำตัวท่อนบนของทั้งสองแนบติดกันจนไร้ช่องว่างให้ลอดผ่าน
“รู้หรือเปล่าว่าเล่นลิ้นจริงๆ เขาเล่นยังไง”
เสียงนุ่มทุ้มและลมหายใจอุ่นร้อนที่กระทบข้างหูทำเอานับดาวนิ่งไปชั่วครู่ แต่พอนึกได้ว่าเธอต้องเสียท่าเพราะผู้ชายคนนี้หลายต่อหลายครั้งแล้ว ขุมพลังหนึ่งในใจก็พลุ่งพล่านขึ้นมา ดวงตาทั้งสองคู่ประสานเข้ากันโดยไม่กะพริบเลยแม้แต่น้อย
“หึ แล้วคุณเฌอรู้จริงๆ หรือเปล่าว่าเล่นลิ้นจริงๆ มันเป็นยังไง ถึงมาถามคนอื่นแบบนี้”
พูดจบแล้วนับดาวก็แสร้งปรายตามองใบหน้าเขา ขณะเดียวกันก็ถอนหายใจสั้นๆ เป็นเสียง ‘หึ’ อยู่ในลำคอ ราวกับขบขันท่าทางอวดเก่งของชายหนุ่มเสียเต็มประดา
“รู้สิ”
ความคิดเห็น |
---|