8

บทที่ 8

บทที่ 8

 

            สิ้นเสียงของชารัฐ ชายหนุ่มก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ มือหนึ่งโอบประคองท้ายทอยหญิงสาวเอาไว้ ส่วนอีกข้างเลื่อนลงไปวางบนเอวคอดกิ่วของนับดาว โอบกอดเธอด้วยความอ่อนโยน เป็นดั่งกรงขังที่แสนหอมหวาน 

            ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบเข้าหากันครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งเหมือนกับกำลังดูดกลืนจิตวิญญาณของอีกฝ่ายอย่างกระหาย ลิ้นอุ่นพัวพันหยอกล้อไปมา ทั้งตวัดผ่านอย่างอ้อยอิ่ง บางจังหวะนับดาวก็โต้กลับด้วยการกัดริมฝีปากของชายหนุ่มช้าๆ กลิ่นอายรัญจวนระหว่างพวกเขาค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้นทุกระดับ 

            ร่างกายแนบชิดราวกับกำลังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ขณะที่อารมณ์ของทั้งคู่กำลังทะยานพุ่งถึงขีดสุด ชายหนุ่มก็ค่อยๆ ถอยริมฝีปากของตนกลับมา จดหน้าผากของตนแนบกับหน้าผากหญิงสาว ปล่อยให้ลมหายใจของทั้งคู่สงบ และคลอเคลียแนบใบหน้าอยู่กับนับดาว 

            “คุณยังไม่สบาย เล่นแค่นี้ก่อนนะ”

            การพิสูจน์ในเชิงปฏิบัติแทนคำพูดทำให้ทุกอย่างกระจ่าง รวมถึงสติของนับดาวที่เริ่มแจ่มชัดหลังจากมัวเมากับการต่อสู้ที่ผ่านมา เธอเม้มปากเบาๆ ในใจนึกอยากทำร้ายเขาสักทีข้อหาล่อลวงให้เธอเคลิ้มไปกับการท้าทายของเขา 

            “คนขี้อ่อย”

            นับดาวบ่นพึมพำขณะทิ้งน้ำหนักทั้งร่างพิงอกกว้างของชารัฐ พลางสูดกลิ่นอายแสนหอมหวานของชายหนุ่มเข้าปอดลึกๆ 

            เธอได้ยินเสียงหัวเราะขบขันเบาๆ ในลำคอของร่างสูง สักพักก็รู้สึกหมั่นไส้คนตรงหน้าเหลือเกิน เลยทำโทษเขาด้วยการคว้ามือของเขาขึ้นมาข้างหนึ่งและออกแรงดูด พร้อมกับขบกัดจนมันเป็นรอยแดงที่สันมือด้านนอก 

            “ดูเหมือนคุณจะชอบทิ้งรอยไว้บนตัวผมอีกแล้วนะ”

            นับดาวขยับตัวออกเล็กน้อยพลางมองร่องรอยที่เธอทิ้งไว้บนร่างกายชายหนุ่มทั้งของเก่าของใหม่อย่างพึงพอใจ นิ้วมือลากผ่านรอยจูบเหล่านั้นอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเผลอเอ่ยพูดออกมาอย่างลืมตัว 

            “ของของฉัน ก็ต้องแสดงออกหน่อยสิคะ อืม...จะว่าไปแบบนี้ก็ไม่เลวเลย” 

            ระหว่างที่มัวแต่สนใจรอยจูบที่ฝากไว้ทั่วร่างกายของชายหนุ่มโดยเฉพาะที่ลำคอ นับดาวไม่ทันสังเกตสายตาร้อนแรงของชารัฐที่จับจ้องใบหน้าเธอ กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อเขาโอบรัดให้ร่างกายของเธอแนบติดเข้ามาใกล้กันมากกว่าเดิมอีกครั้ง คราวนี้นับดาวถึงได้เงยหน้ามองเขาอย่างสงสัย แต่พอได้สบเข้ากับสายตาร้อนแรงตรงหน้าแล้ว ร่างกายเธอกลับนิ่งงันราวกับถูกสะกดไว้ 

            ใบหน้าของชายหนุ่มโน้มลงมาใกล้ แต่เขาไม่ได้ระดมจูบเธออย่างร้อนแรง เพียงค่อยๆ บรรจงจูบที่หน้าผาก ไล่ลงมาที่ขมับ เปลือกตา แก้ม ใบหู และข้างๆ ริมฝีปากของนับดาว เป็นการเคลื่อนไหวที่แสนเชื่องช้า ทว่ากลับทำให้นับดาวสะท้านทุกครั้งที่เขาประทับจูบลงมา 

            “ไม่เลวเลยจริงๆ”

            สุดท้ายชารัฐก็กระซิบข้างหูพลางโอบกอดเธอไว้อย่างอ้อยอิ่ง 

            ทั้งสองโอบกอดกันนิ่งๆ ซึมซับไออุ่นของกันและกัน ปล่อยให้เวลาและความเงียบครอบคลุมพวกเขาเอาไว้ทั้งอย่างนั้น 

            

            ชีวิตประจำวันของนับดาวในช่วงนี้จะว่าเปลี่ยนไปก็คงใช่ ทุกเช้าถ้าไม่ใช่ชารัฐให้เธอลงไปหา ก็จะเป็นเขาที่หิ้วอาหารเช้าขึ้นมาให้ ช่วงกลางวันเขาอยู่ร้านกาแฟ เธอนั่งทำงานอยู่ที่ห้อง อาจมีบ้างที่เธออยากดื่มกาแฟก็จะลงไปที่ร้าน พูดคุยกับอชิและปรินทร์เล็กๆ น้อย หรือบางครั้งก็แอบดึงชารัฐไปหลังร้าน แกล้งเขาสักนิดหน่อยตอนที่ไม่มีใครเห็น ทว่าส่วนมากกลับเป็นเธอที่โดนเขาพลิกเกมกลับจนหลังๆ เธอขยาด ไม่กล้าหาเรื่องเขาอีกแล้ว เพราะยังจำได้ชัดเลยว่าเขากลั่นแกล้งพลิกเกมของเธออย่างไร 

            มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ลับหลังสายตาของเด็กหนุ่มทั้งสองคน เธอแอบแกล้งดึงชารัฐไปหลังร้าน เพราะจำได้ว่ามีห้องเก็บของอยู่ ตอนแรกตั้งใจจะจูบเขาให้อายสักครั้ง แต่กลายเป็นว่าชารัฐกลับดันเธอไว้ด้านใน ฝ่ามือที่ทั้งอุ่นและด้านที่ปลายนิ้วเล็กน้อยนั้นค่อยๆ ไล่ลูบที่ต้นขาของเธอก่อนผลุบเข้าไปใต้กระโปรงของเธอ

            ‘คุณเฌอ! ทำอะไร’ นับดาวกระซิบบอกเขาด้วยท่าทางดุดัน แต่คนตรงหน้าไม่ยอมหยุด แถมยังยิ้มมุมปากราวกับว่าพวกเขาสองคนไม่ได้อยู่ในร้านหรือไม่กังวลเลยว่าหนึ่งในเด็กพาร์ตไทม์จะเปิดประตูเข้ามา 

            สุดท้ายนิ้วมือของเขาก็ลูบไล้ผ่านผ้าชั้นในลูกไม้ของเธอ สัมผัสเสียวซ่านทำให้เธอเกร็ง พยายามหุบต้นขาเข้าหากันเพื่อไม่ให้เขารุกหนักไปมากกว่านี้ 

            ‘พอแล้วค่ะ! ฉันขอโทษ ฉันจะไม่แกล้งคุณแบบนี้แล้ว ปล่อยฉันนะคะ’

            ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว พยายามปรับน้ำเสียงให้อ่อนนุ่มแกมร้องขอ แต่ชารัฐกลับไม่หยุดนิ่ง เขาค่อยๆ ขยับมือ จนสุดท้ายนิ้วมือของเขาก็สัมผัสจุดอ่อนไหวของเธออีกครั้ง คราวนี้มันลูบไล้เสียดสีไปมาจนเธอเผลอหลุดเสียงร้องออกมา 

            ‘ชู่ว...เบาๆ สิครับ เดี๋ยวอชิหรือตังจะได้ยินเอานะ’

            เธอถลึงตาใส่เขาพลางกัดริมฝีปากอย่างขัดใจ ดวงตาคลอหน่วยด้วยหยาดน้ำตาที่ซึมออกมา แต่ชารัฐก็ยังคงยิ้มอย่างอบอุ่น ทว่าสายตาของเขายามหรี่มองเธอมันร้อนแรงและมากพอที่นับดาวจะเข้าใจความปรารถนาของเขาได้อย่างดี 

            เขาทำให้ร่างกายของเธอเสียวซ่านจนเกือบถึงฝั่งฝัน แต่สุดท้ายก็ใจร้ายหยุดกลางคันเสียดื้อๆ นับดาวยังจำสีหน้าแสนเย้ายวนของเขาตอนนั้นได้ดี เขาขยับตัวออกห่างจากเธอพลางเลื่อนมือออกจากใต้กระโปรง 

            ‘คืนนี้ไปดื่มกาแฟ ดูเน็ตฟลิกซ์ห้องผมกันนะครับ’

            จบคำพูดของเขา ชารัฐก็ปล่อยให้เธอเป็นอิสระ หลังจากนั้นห้านาทีนับดาวถึงได้เดินออกไป เธอพยายามไม่สนใจ แล้วรีบออกจากร้านทั้งๆ ที่มีสายตาร้อนแรงของชายหนุ่มไล่ตามหลัง

            แล้วคืนนั้นก็เป็นอย่างที่ชารัฐว่าไว้ ถึงเธอไม่ยอมลงไปห้องเขาดีๆ เขาก็เข้ามา ‘ดูเน็ตฟลิกซ์’ ที่ห้องเธอถึงเช้า พลอยทำให้เธอหมดแรง ต้องนอนเกือบทั้งวัน ส่วนอีกฝ่ายน่ะเหรอ ดูสดใสเต็มไปด้วยพลังงานจนเธอหมั่นไส้! 

            ทว่าความสัมพันธ์เช่นนี้นับดาวกลับไม่รู้สึกรังเกียจสักนิด กลายเป็นเธอค่อยๆ เริ่มเห็นตัวตนของเขาที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ขณะเดียวกันประตูที่ปิดตายไปแล้วก็ถูกเขาแง้มให้เปิดออกช้าๆ เหมือนกับว่าพวกเขาสองคนในตอนนี้ไม่ต่างจากคนรักเลยสักนิด 

            เพราะความคิดเช่นนี้ นับดาวจึงหวั่นกลัวขึ้นมาว่าเธอจะเผลอมีใจให้เขาไปแล้วจริงๆ 

            ติ๊ง! 

            เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือทำให้นับดาวตั้งสติ เธอมองข้อความแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นบนหน้าจอก่อนจะถอนหายใจช้าๆ พร้อมลุกขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อย แล้วเดินไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น หมุนตัวดูสภาพตัวเองหน้ากระจกรอบสองรอบ พอเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วถึงได้คว้าเอาแท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าเงิน และกุญแจห้องลงไปข้างล่าง 

            ทันทีที่เดินเข้าไปในร้านกาแฟของชารัฐ นอกจากชายหนุ่มเจ้าของร้านที่ปรากฏเด่นชัดในสายตาของเธอแล้ว ยังมีหญิงสาวร่างเล็กคนหนึ่งที่นับดาวเห็นได้อย่างชัดเจน เพียงแต่ครั้งนี้บรรณาธิการสาวของเธอไม่ได้นั่งรออยู่ตรงที่นั่งเดิม 

ไปรยานั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ด้านหน้า ใบหน้าหวานประดับรอยยิ้มน่ารัก ดวงตากลมสุกใสเอาแต่จดจ้องชายที่อยู่ตรงหน้า และดูเหมือนว่าชายหนุ่มที่เธอมองอยู่นั้นกำลังอธิบายอะไรบางอย่างด้วยความตั้งอกตั้งใจ 

            นับดาวคงจะไม่รู้สึกอะไรเลยหากผู้ชายคนนั้นเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่ชารัฐ ภาพของคนทั้งคู่ทำให้จังหวะที่เธอก้าวเดินเข้ามาในร้านสะดุดลงเล็กน้อย แต่พริบตานับดาวก็ตั้งสติใหม่อีกครั้ง แล้วเดินเข้าไปหาบรรณาธิการสาว

            “คุณนับดาว!”

            ไปรยาทักเธออย่างสดใสร่าเริง ทว่าวันนี้นับดาวรู้สึกขัดหูขัดตากับท่าทางของบรรณาธิการสาวเป็นที่สุด เธอยิ้มมุมปากเล็กน้อยพลางนั่งลงที่เก้าอี้สูงข้างๆ แล้ววางของในมือลงบนเคาน์เตอร์ 

            “สวัสดีค่ะคุณเดียร์”

            “สวัสดีค่ะคุณนับดาว พอดีเดียร์สนใจเรื่องกาแฟขึ้นมา พอลองสอบถามคุณเฌอเขาก็ช่วยอธิบายให้ ไม่รู้มาก่อนเลยนะคะว่าคุณเฌอคุยสนุกมากขนาดนี้”   

            “อ๋อ เหรอคะ” นับดาวยิ้มเล็กน้อยพลางชายตามองชารัฐที่ยืนอยู่ข้างๆ “วันนี้ขอลาเต้ที่นึงนะคะ”

            “ครับ” ชารัฐมองเธอเล็กน้อย จากนั้นก็ขยับไปที่เครื่องชงกาแฟ แล้วค่อยๆ บรรจงรังสรรค์กาแฟหอมกรุ่น

            “คุณนับดาวคะ วันนี้นอกจากเดียร์จะมาขอรีเช็กเรื่องความคืบหน้าของต้นฉบับเรื่องใหม่แล้ว ทางเดียร์มีเรื่องจะมาปรึกษาด้วยค่ะ”

            “ถ้าอย่างนั้นเรามาดูเค้าโครงต้นฉบับก่อนละกันค่ะ” นับดาวพูดแล้วหยิบแท็บเล็ตตัวเองขึ้นมา เธอเปิดเค้าโครงเรื่องโดยย่อ พร้อมทั้งแผนผัง และกำหนดแผนงานของต้นฉบับเล่มใหม่ให้บรรณาธิการสาวที่อยู่ข้างๆ ดู พลางอธิบายคอนเซปต์ แนวคิดของเรื่อง จุดเด่น จุดขายให้อีกฝ่ายเสร็จสรรพ 

            นัยน์ตาของไปรยาวาววับราวกับกำลังตื่นเต้นและยินดีกับแผนงานนิยายเรื่องใหม่ของเธออย่างมาก 

            “ลาเต้ครับ” 

กาแฟหอมกรุ่นวางลงตรงหน้าเธอ นับดาวเงยหน้ามองชารัฐ จากนั้นถึงรู้ตัวว่าก่อนหน้านี้ที่เธอคุยงานกับไปรยา เขาคงได้ยินเกือบทั้งหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นนัยน์ตาของเขาคงไม่วาววับ มองเธอด้วยความรู้สึกยินดีและภูมิใจแบบนี้หรอก

            “ขอบคุณค่ะ” เธอยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบเล็กน้อย หวังให้ความหอมกรุ่นของมันทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้น จากนั้นถึงเบนสายตาไปหาบรรณาธิการสาวอีกครั้ง “ว่าแต่คุณเดียร์มีเรื่องอะไรจะปรึกษาเหรอคะ”

            “อ๋อ! ทางสำนักพิมพ์จะจัดมีตติงค่ะ เป็นการเปิดบ้านสำนักพิมพ์ เดียร์บอกตามตรงเลยนะคะ หลังจากสำนักพิมพ์อื่นๆ จัดกิจกรรมแบบนี้ขึ้นมา กระแสและการตอบรับจากแฟนนิยายหรือแฟนสำนักพิมพ์ค่อนข้างดีเลยค่ะ ทางพี่ปุ้ยเลยคิดว่าถ้าเราจัดกิจกรรมแบบนี้บ้างจะต้องได้การตอบรับที่ดีจากแฟนๆ มากแน่นอนค่ะ

            “อีกหนึ่งข่าวดีที่สำคัญ หลังจากที่ผลงานเล่มล่าสุดของคุณนับดาววางจำหน่าย ตอนนี้ยอดขายก็ติดอันดับขายดีทั้งหน้าร้านและออนไลน์เลยนะคะ พี่ปุ้ยเลยคิดว่าอยากจะเปิดตัวหรือจัดกิจกรรมแจกลายเซ็นให้แฟนคลับมิสกาเฟอีนค่ะ” 

            นับดาวนิ่งไป เธอสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย วางถ้วยกาแฟในมือลง ก่อนจะยิ้มบางๆ และเสนอความเห็นตัวเองบ้าง

            “เรื่องยอดขาย จะบอกว่าไม่ยินดีก็ไม่ถูกค่ะ ขอบคุณพี่ปุ้ย คุณเดียร์ และทีมงานทุกคนที่ทำงานกันเต็มที่ ส่วนเรื่องมีตติงและงานแจกลายเซ็น คงต้องขอปฏิเสธค่ะ ฉันไม่สะดวกที่จะออกงาน หวังว่าคุณเดียร์จะเข้าใจนะคะ”

            “เอ๊ะ! คุณนับดาวติดปัญหาตรงไหนหรือเปล่าคะ ทางเดียร์จะลองปรึกษากับพี่ปุ้ยเพื่อหาทางแก้ไขให้นะคะ”

            “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่สะดวกที่จะเปิดเผยตัวตนค่ะ”

            “แต่ว่านี่เป็นโอกาสดีมากๆ เลยนะคะที่จะโพรโมตนิยายของคุณนับดาวต่อ อีกอย่างนอกจากผลงานของมิสกาเฟอีนที่ออกกับสำนักพิมพ์แล้ว แฟนๆ ไม่มีช่องทางในการติดตามคุณนับดาวเลยนะคะ”

            เรื่องนี้ไปรยาพูดไม่ผิด เพราะนับดาวไม่สนใจการทำโซเชียลมีเดียใดๆ ของมิสกาเฟอีนเลย เธออยากให้แฟนๆ ผลงานติดตามที่ผลงานของเธอและต้องการพื้นที่ส่วนตัว ดังนั้นจึงไม่มีแฟนนักอ่านคนไหนรู้จักเธอเป็นการส่วนตัวเลยสักคน

            “ขอบคุณมากค่ะ แต่ว่าฉันคงขอยืนยันไปตามนี้ก่อนนะคะ”

            พอเห็นเธอยืนยันอย่างหนักแน่นเช่นนี้แล้ว ไปรยาจึงได้แต่พยักหน้ารับและไม่เอ่ยเรื่องนี้อีก จนกระทั่งนับดาวสังเกตว่าบริเวณนี้ไม่มีใครอื่นนอกจากเธอและบรรณาธิการสาวแล้ว อีกฝ่ายถึงอ้อมแอ้มพูดขึ้นอย่างขัดเขิน

            “เอ่อ...คุณนับดาวคะ ฉันขอยืนยันอีกเรื่องจะได้ไหมคะ”

            นับดาวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพลางพยักหน้า 

            “คุณนับดาวกับคุณเฌอมีความสัมพันธ์กันแบบไหนเหรอคะ”

            เธอจดจ้องใบหน้าของบรรณาธิการสาว แววตาและสีหน้าของอีกฝ่ายไม่มีร่องรอยของความรู้สึกประหม่า นับดาวเห็นเพียงสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของไปรยาเท่านั้น 

            นับดาวยิ้ม เธอยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบพลางเอียงศีรษะถามอีกฝ่ายคล้ายหยอกล้อ 

            “หืม ความสัมพันธ์ของฉันกับคุณเฌอจะเป็นยังไง มันมีผลต่องานด้วยเหรอคะ” 

            บรรณาธิการสาวชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพยายามส่งยิ้มให้อีกครั้ง

            “ไม่ได้รบกวนเรื่องงานหรอกค่ะ แล้วจริงๆ เราก็ไม่มีกฎห้ามเรื่องความสัมพันธ์ของนักเขียนหรอกค่ะ แต่เรื่องนี้มันเป็นความต้องการส่วนตัวของฉันน่ะค่ะ”

            นับได้ว่าเป็นการเดิมเกมที่มาเหนือความคาดหมายของเธอไม่น้อย นับดาวแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าไปรยาจะเดิมเกมรุกไวขนาดนี้ แต่จะว่าไปตั้งแต่ครั้งที่แล้วอีกฝ่ายก็แสดงออกว่าสนใจชารัฐแล้วเหมือนกัน นับดาวพยายามข่มความรู้สึกตื่นตระหนกและความไม่ชอบใจเอาไว้ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้ม เธอวางถ้วยกาแฟลงอีกครั้ง ประสานมือไว้ด้วยกัน ก่อนจะตอบคำถามของบรรณาธิการสาว 

            “ความหมายของคุณเดียร์ก็คือ ต้องการรีเช็กให้แน่ใจเรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับคุณเฌอใช่ไหมคะ”

            “ค่ะ”

            “ถ้าฉันบอกว่าเราอยู่ในสถานะพิเศษที่ใครก็แทรกเข้ามาไม่ได้ล่ะคะ”

            คำตอบของเธอคือการหยั่งเชิง ถึงอย่างนั้นสีหน้าของบรรณาธิการสาวก็เปลี่ยนไปคล้ายจะไม่เชื่อ เห็นความรู้สึกบางอย่างไหววูบอยู่ในดวงตาคู่สวยตรงหน้า 

            “แบบนี้คุณจะยังสนใจอีกหรือเปล่าคะ” เธอย้ำและจดจ้อง พยายามเก็บทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของไปรยา

            “ความสัมพันธ์พิเศษนั้นหมายถึงคนรักหรือเปล่าคะ ถ้าไม่ใช่แบบนั้นฉันก็ยังมีโอกาสไม่ใช่เหรอคะ”

            ตอนนี้นับดาวรู้สึกนับถือความมุ่งมั่นของอีกฝ่ายไม่น้อยเลย ถึงจะไม่ชอบใจแค่ไหน แต่เธอไม่สามารถโกหกเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเองกับชารัฐได้ ถ้าไปรยาถามชายหนุ่มเอง เขาก็ต้องรู้ว่าเธอโกหก ถึงตอนนั้นแล้วนับดาวไม่รู้เลยว่าจะยกเหตุผลไหนมาอ้างกับเขา

            “ความสัมพันธ์ของฉันกับคุณเฌอ...เราไม่ใช่คนรักกันค่ะ”

            พอเธอพูดไปแล้ว สีหน้าของไปรยาก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่จากนั้นก็เจื่อนลงเล็กน้อยเพราะคำพูดของเธออีก

            “ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะถอยให้หรอกนะคะ”

            “…”

            “ถ้าคุณเดียร์คิดว่าทำได้ ก็ตามสบายเลยนะคะ”

 

            นับดาวเดินวนไปวนมาในห้องของตัวเองเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เธอถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้ หน้าจอเปิดค้างที่หน้าบทสนทนาในโปรแกรมแชต เธอพิมพ์ๆ ลบๆ อยู่หลายครั้ง ความกระวนกระวายที่เกิดขึ้นทำให้นับดาวไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก ไม่อยากยอมรับเลยว่าคำพูดของไปรยาทำให้ตัวเองอยู่ไม่สุข 

เธอรู้อยู่แล้วว่าชารัฐมีใจให้ไปรยา ถ้าบรรณาธิการสาวมีใจให้ชายหนุ่ม ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่พวกเขาสองคนจะพัฒนาความสัมพันธ์กัน 

ความจริงข้อนี้ทำให้เธอรู้สึกปวดหนึบที่อกข้างซ้าย ถึงไม่อยากยอมรับ แต่ก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่าตัวเองกำลังมีใจให้ชารัฐ ความสัมพันธ์ที่เธอเป็นคนขีดเส้นไว้ สุดท้ายกลับเป็นเธอเองที่กำลังจะก้าวเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามนี้เอง 

หลังจากลังเลอยู่นาน สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจส่งข้อความไป 

            ‘คุณอยากมากินมื้อเย็นที่ห้องฉันไหมคะ ฉันทำเกินมาที่หนึ่ง เผื่อคุณสนใจก็เชิญนะคะ’/

            หลังจากส่งข้อความไปแล้ว นับดาวก็อยากจะยกเลิกข้อความทันที ทว่าก็ไม่ทันเพราะอีกฝ่ายกดอ่านไปแล้ว แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ตอบกลับมา มันกลับนิ่งเงียบไปเฉยๆ 

            นับดาวรอแล้วก็ยังไม่เห็นข้อความจากอีกฝ่าย สุดท้ายเธอก็โยนโทรศัพท์ลงบนเตียง ยอมไม่เห็นแจ้งเตือนดีกว่า จากนั้นก็ทิ้งตัวนอน

            “บ้าจริง ทำบ้าอะไรอยู่!”

            ระหว่างที่กำลังหลับตาจินตนาการถึงความเป็นไปได้ของความสัมพันธ์ของชารัฐกับไปรยา นับดาวก็ยิ่งรู้สึกแย่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

            ก๊อก! ก๊อก! 

            เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้นับดาวเด้งตัวขึ้นจากเตียงทันที เธอเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว ที่อยู่ตรงหน้าเธอคือคนที่นับดาวไม่คิดว่าจะปรากฏตัว 

            “ฝากท้องมื้อนี้ด้วยนะครับ”

            ก้อนหินที่กดทับหัวใจของเธอพลันค่อยๆ สลายไป นับดาวเอื้อมมือไปดึงเขาเข้ามาในห้อง ทันทีที่ประตูปิดลง แผ่นหลังกว้างของชารัฐก็ถูกดันให้แนบชิดกับประตู ตามด้วยสัมผัสรุกเร้าจากหญิงสาว นับดาวเขย่งตัวขึ้นไปจูบปลายคางของร่างสูง สองมือโอบคอคนตรงหน้าออกแรงให้เขาโน้มตัวลงมา ริมฝีปากของเธอเคลื่อนไปที่ริมฝีปากบางของชายหนุ่ม ละเลียดชิมกลิ่นอายของเขาทีละน้อย ลิ้นร้อนเลาะง้างให้เขาเปิดปาก กวาดทุกพื้นที่สัมผัสที่จะทำให้คนตรงหน้ารู้สึกดี จากนั้นชารัฐก็เริ่มมีปฏิกิริยา จากที่เป็นฝ่ายตั้งรับ ชายหนุ่มก็เริ่มตอบรับสัมผัสของเธอบ้าง

            ยามที่ได้ยินเสียงครางทุ้มต่ำของเขา ในใจของหญิงสาวก็พุ่งทะยานไปบนฟ้า นับดาวค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิ่ง สองมือยังคงคล้องคอชายหนุ่มเอาไว้ ร่างกายร้อนรุ่มแนบชิดจนเธอสัมผัสได้ถึงจังหวะหัวใจของชารัฐที่เต้นระรัว พอเงยหน้าสบตาของเขา เธอถึงพบแววตาสงสัยพร้อมกับประกายไฟในดวงตาคู่นั้น 

            ชารัฐหัวเราะในลำคอ ถุงกระดาษที่ถือมาตกไปอยู่ข้างตัวตั้งแต่เมื่อไหร่เขาก็ไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้สองมือของเขาวางอยู่บนเอวและสะโพกของหญิงสาว รั้งตัวเธอเข้ามาใกล้ชิดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“เราจะข้ามไปกินของหวานก่อนเหรอครับ”

เขาสบตานับดาว นึกแปลกใจที่เห็นเธอเป็นฝ่ายกระตือรือร้นเริ่มก่อน แต่พอเห็นนัยน์ตาที่เปล่งประกายและเต็มไปด้วยห้วงอารมณ์ซับซ้อนหลากหลายของเธอแล้ว ชารัฐก็ชะงัก เพราะหนึ่งในนั้นเขาเห็นความปรารถนาหนึ่งได้อย่างชัดเจน 

“คุณติดกับฉันแล้ว” เสียงของหญิงสาวแหบพร่า 

เขายินยอมปล่อยให้เธอชักนำไปยังรังรักของเธอ เขาเข้ามาในห้องนอนของเธออีกครั้ง สองมือค่อยๆ ลูบไล้เข้าไปใต้ร่มผ้า ขณะเดียวกันก็ออกแรงบีบเคล้นผิวเนียนละเอียดของเธอ ทุกการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างเรียบง่าย ทั้งสองต่างเคลื่อนมือสำรวจร่างกายของอีกฝ่ายด้วยอารมณ์เสน่หาที่ไม่อาจหยุดยั้งได้อีก เขาถอดเสื้อผ้าของหญิงสาวออกอย่างเชื่องช้า สองตาสำรวจร่างกายที่แสนเย้ายวน 

จนนับดาวเหลือเพียงชั้นในติดกายและเขาเหลือเพียงกางเกงที่ยังสวมอยู่ ชารัฐก็โน้มลงไปจูบเธออีกครั้ง กลืนกินริมฝีปากอิ่มของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ผลัดเปลี่ยนขยับไปขบกัดใบหูเล็กๆ ละเลียดพรมจูบตามลำคอระหง ทิ้งรอยแดงไว้บนผิวเนียนละเอียด คล้ายจะตีตราหมายจองว่าพื้นที่แสนหวานเหล่านี้ล้วนเป็นเขาที่ได้ครองครอบ สองมือประคองดอกไม้งามที่บานสะพรั่งจนล้นจากการเกาะกุมของเขา 

เสียงครางอย่างสุขสมของเธอทำเอาหัวใจของเขาคันยุบยิบ ชารัฐค่อยๆ ประคองให้นับดาวนอนลงบนเตียงช้าๆ เขาปลดชุดชั้นในของเธอออกไป ดวงตาเป็นประกายแรงกล้าเมื่อเห็นยอดเกสรที่ชูชันรอให้ผึ้งอย่างเขาเข้าไปเชยชิม 

ชารัฐโน้มตัวลงไปใกล้ จูบลงที่แอ่งชีพจรของหญิงสาว ลิ้นร้อนของเขาลากผ่านยอดเกสรสีอ่อน ตวัดอมมันไว้ในปาก ทั้งดูดเคล้าสลับกับใช้ปลายนิ้วขยี้ปลายยอดคู่นี้จนหญิงสาวร้องครางออกมา 

เขามองใบหน้าหยาดเยิ้มที่เต็มไปด้วยความต้องการของนับดาวแล้วเลือดในการก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน 

            นับดาวหอบหายใจเสียงดัง เธอขยับตัวขึ้นมาจากที่นอน สองมือรีบปลดเข็มขัดของเขาออกจากกางเกง ไม่นานเขาก็ขยับตัวตามที่หญิงสาวต้องการ กางเกงของเขาถูกถอดทิ้งไว้ที่ปลายเตียง นับดาวดันให้เขานั่งลง ร่างบางสมส่วนของเธอเคลื่อนตัวมาคร่อมเขาไว้ 

            มือเล็กๆ ลูบไล้แก่นกายร้อนของเขาเบาๆ จากนั้นเธอก็จับมันไว้ ไม่นานร่างเพรียวบางก็ขยับตัวลงมา ค่อยๆ สอดใส่แก่นกายของเขาเข้าไปในร่างกายของตัวเอง

            “อืม...”

            เธอส่งเสียงครางออกมาด้วยความพอใจ สองมือวางบนไหล่ของเขา ขณะที่ร่างเล็กของเธอค่อยๆ ขยับตัวอย่างเชื่องช้า ปล่อยให้เขาทรมานเพราะการเคลื่อนไหวของเธอ 

            มือของเขาข้างหนึ่งวางลงที่สะโพกของเธอ อีกข้างก็เล่นสนุกอยู่กับยอดเกสรที่ชูชันเสียดสีแผ่นอกของเขาไปมา เวลาที่เขาโน้มใบหน้าไปกัดหรือดูดดึง ร่างกายของหญิงสาวจะสั่นสะท้าน 

ชารัฐปล่อยให้นับดาวเคลื่อนไหวตามที่ต้องการ ให้เธอเพลิดเพลินไปกับสัมผัสที่แสนใกล้ชิดนี้ เมื่อถึงจุดปลดปล่อย เธอก็ครางออกมาเต็มเสียง ร่างกายเพรียวบางกระตุกเบาๆ ส่วนอ่อนนุ่มที่สุดของเธอบีบรัดเขาไว้แน่น ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังขยับสะโพกบิดขยี้ไปมาจนเขาทรมานไม่แพ้กัน 

            “ฮ่า...”

            เขามองหญิงสาวที่ถอนหายใจออกมาอย่างพึงพอใจ ร่างกายของพวกเขาชื้นเหงื่อ เขาเห็นเม็ดเหงื่อที่เกาะพราวล้อมใบหน้าของเธอ ส่วนนับดาวซึ่งมองเขาอยู่เหมือนกันก็โน้มลงมาจูบเขาอย่างกระหาย 

            ร่างกายของเขายังคงตื่นตัวและเต็มไปด้วยขุมพลังปรารถนาที่ต้องการปลดปล่อย เขาดันตัวเธอให้นอนไปกับเตียง สัมผัสลึกสุดที่สอดประสานร่างกายของพวกเขาไว้ค่อยๆ เบียดบดร่างกายของนับดาวอีกครั้ง จนเธอต้องหลุดเสียงครางแสนหวานออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

            “เมื่อกี้มันแค่รองท้อง จริงไหม”

            นอกจากเสียงตอบรับในลำคอของหญิงสาวแล้ว ชารัฐยังเห็นว่าเธอวางฝ่ามือของตนลงบนแก้มของเขา สีแดงอาบย้อมพวงแก้มบนใบหน้าสะเทิ้นอาย เห็นการตอบสนองเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่อาจอดกลั้นอารมณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป สะโพกสอบขยับอย่างรวดเร็ว เป็นจังหวะที่รุนแรงจนเขาได้ยินเสียงเตียงไม้เตี้ยๆ ของหญิงสาวขยับดังเอี๊ยดอ๊าด 

            ร่างกายของนับดาวรวมถึงเอวคอดกิ่วของเธอขยับตามจังหวะของเขาอย่างพอดี ยามที่ได้ยินเสียงครางเหมือนลูกแมวออกจากริมฝีปากของหญิงสาว เขาก็อดไม่ได้ที่จะโน้มใบหน้าลงไปจูบเธอไว้ ตัวตนของเธออุ่นจนเกือบจะร้อนจัด แถมโอบรัดเขาไว้แน่นราวกับต้องการกลืนกินเขาไปทั้งอย่างนั้น  

“พะ...พี่เฌอ เข้ามาอีกนิด อีกนิดค่ะ”

เสียงของเธอไม่ต่างจากมนตร์สะกด เขาโอนอ่อนขยับตัวด้วยแรงปรารถนา สุดท้ายร่างกายของเขาก็ถึงจุดสูงสุด พร้อมกับร่างกายของนับดาวที่สะท้านสั่นระริก ทั้งเธอและเขาต่างไปถึงขอบฝันอย่างพึงพอใจ 

ของเหลวอุ่นร้อนไหลทะลักออกจากช่องทางรัก อาบกลีบดอกไม้ที่แสนหวานของหญิงสาวจนหยาดเยิ้มชุ่มฉ่ำ ชารัฐมองนับดาวที่หอบครางต่ำ ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ แววตาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ 

“อีกครั้งนะคะ”

คำขอแสนหวานทำให้ร่างกายของชายหนุ่มฮึกเหิม เขายิ้มอย่างอารมณ์ดี กองไฟที่ร้อนระอุพลันลุกโชนขึ้นมากกว่าครั้งไหนๆ 

ชารัฐขยับเคลื่อนสอดประสานเข้าไปยังส่วนที่หอมหวานที่สุดของนับดาวอีกครั้ง ปล่อยให้สัญชาตญาณและความต้องการนำทาง แผดเผาร่างกายที่เสียดสีกันของพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ลมหายใจของนับดาวกระชั้นถี่ขึ้น มือทั้งสองข้างจิกหมอนใบใหญ่ เอวของเธอเด้งสอดรับจังหวะการรุกล้ำของเขา

“อื้อ! พี่เฌอ อ้า! ชะ...ช้าลงหน่อย” 

ชารัฐทำตามคำขอของเธออย่างไม่อิดออด ทว่าทุกครั้งที่แก่นกายหนาครูดสัมผัสกับดอกไม้ที่เปียกชื้น ความรู้สึกเสียวซ่านก็แผ่กระจายไปตั้งแต่หัวจดเท้าจนนับดาวต้องแอ่นตัวขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ มีแต่ความอ่อนไหวและความหลงใหลในห้วงเสน่หาที่หลอกล่อเธอไว้ 

แต่แล้วชารัฐก็ขยับเปลี่ยนจังหวะอีกครั้ง คราวนี้เขากระแทกเอวถี่รัว กดตัวตนลงลึกจนสุดทาง หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของสิ่งนั้นได้อย่างชัดเจน เขาทำให้เธอพอใจถึงขีดสุดจนหลุดครางออกมาเสียงดัง

“อ๊า...ดีจัง”

คำพูดของเธอกระตุ้นให้ชายหนุ่มตื่นตัว จวบจนเขานำทางเธอไปสู่ฝั่งฝันที่สวยงามหลายรอบแล้ว เจ้าสิ่งนั้นของชารัฐก็ยังไม่ยอมนิ่งสงบเสียที แม้เขาจะถอนตัวตนออกจากร่างกายเธอแล้ว แต่แก่นกายร้อนๆ ยังคงแนบชิดติดเธอและเอาแต่คลอเคลียใกล้ปากทางจนเธอเสียวซ่านขึ้นมาอีกครั้ง 

จนสุดท้ายทั้งเธอและชารัฐก็ปล่อยให้สนามรักครั้งนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ 

ร่างกายของนับดาวอ่อนปวกเปียก ปล่อยให้เขาเป็นคนพาเธอไปสู่แดนฝันครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่เสร็จสม ความพอใจของชายหนุ่มก็เหมือนจะไม่ได้หยุดแค่ตรงนั้น เขาเอาแต่พร่ำกระซิบช้างหู อ้อนวอนร้องขอเธอด้วยน้ำเสียงแหบพร่าที่น่าลุ่มหลง 

“นับดาว พี่ขออีกครั้งนะ”

ตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเธอแทบไร้เรี่ยวแรงจนแทบจะพยุงตัวเองไม่ไหว เธอได้แต่ทิ้งตัวพิงอกแกร่งของชายหนุ่มที่ช้อนตัวอยู่ด้านหลังและโอบกอดร่างเพรียวบางของเธอไว้ 

“พี่พูดประโยคนี้มาห้าครั้งแล้วนะ”

“ครั้งสุดท้ายนะ”

ริมฝีปากของชารัฐชิดอยู่ข้างหูของเธอ เห็นเขาออดอ้อนเช่นนี้เธอก็เผลอปล่อยกายปล่อยใจให้เขาอีกครั้ง แต่ก่อนที่เธอจะหลงละเลิงกับบทรักของเขา นับดาวก็หันไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม พยายามบังคับสีหน้าและน้ำเสียงให้จริงจังที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ครั้งสุดท้ายแล้วนะคะ ไม่ไหวแล้วค่ะ”

นับดาวได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำข้างหู ตามด้วยจูบอุ่นๆ ของชารัฐที่ประทับลงที่คอของเธอ

“ครับ สุดท้ายแล้ว” 

จากนั้นชารัฐก็ป้อนความรักทั้งหมดของเขาให้เธอครั้งแล้วครั้งเล่า เคี่ยวกรำร่างกายของเธอไปเรื่อยๆ จนเธอเกือบจะสลบหมดแรงไปจริงๆ แต่ความสุขที่เร่าร้อนเช่นนี้กลับดึงให้เธอตื่นตัวตลอดเวลา ท้ายที่สุดจนร่างกายของเธอและเขากระตุกสุขสมและล้มลงนอนหอบหายใจบนเตียง นับดาวถึงได้รู้ความจริงข้อหนึ่ง

ครั้งสุดท้ายของเขามันไม่มีอยู่จริง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น