4

บทที่ 4

บทที่ 4

 

       กลิ่นกาแฟเข้มๆ และเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกปลุกนับดาวจากฝัน เธอค่อยๆ ลืมตาตื่น ที่นอนที่ไม่คุ้นตา ผ้านวมบนร่างที่ไม่ใช่แบบที่ชอบห่ม ไหนจะอาการปวดตามตัวที่ทำให้เธอทำหน้านิ่ว พอขยับตัวถึงได้รู้ว่าร่างกายเปลือยเปล่า บนพื้นไม่เหลือเสื้อผ้าของเธอที่ถูกโยนทิ้งเกลื่อนแล้ว ข้างนอกห้องมีเสียงดังกุกกัก คิดว่าเจ้าของห้องคงกำลังวุ่นวายกับชีวิตประจำวันของตัวเองอยู่ 

นับดาวมองหาโทรศัพท์มือถือของตนรอบตัว ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองวางมันทิ้งไว้ที่โต๊ะรับแขกด้านนอก เธอตัดสินใจขยับตัวลุกจากเตียงนอน แต่ร่างกายที่ปวดหน่วงๆ ทำให้เธอจำต้องค่อยๆ เคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา อาการเมื่อยบริเวณสะโพกเป็นคำตอบอย่างดีว่าเมื่อคืนเธอกับชารัฐผ่านศึกรักมาอย่างโชกโชนแค่ไหน 

เธอยืนเปลือยเปล่าอยู่ข้างเตียง ไม่คิดจะเสียเวลาใช้ผ้านวมบนเตียงมาห่มตัวเองสักนิด นอกจากมันจะหนักและรุ่มร่ามแล้วยังทำให้เธอเดินลำบากอีก 

เมื่อคืนเธอไม่ทันได้มองห้องเขาเต็มตา เลยไม่รู้ว่าห้องนอนของเขามีตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำในตัว 

นับดาวถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้าของเขา ก่อนจะหยิบเสื้อยืดตัวใหญ่ของชารัฐขึ้นมา มืออีกข้างแกะเอาบ็อกเซอร์ที่อยู่ในแพ็กใหม่ออกมา แล้วถือของทั้งหมดเข้าไปในห้องน้ำ 

ไม่รู้ว่าเขาเตรียมของไว้ให้เธอหรือเปล่า นับดาวถึงเห็นแปรงสีฟันและผ้าขนหนูผืนใหม่วางเตรียมไว้ที่ข้างหน้าอ่างล้างหน้า 

หญิงสาวมองมันเล็กน้อยแล้วทำความเข้าใจง่ายๆ ในเมื่อเขาเตรียมไว้ให้เธอ เธอก็เต็มใจรับ 

ระหว่างอาบน้ำ หญิงสาวได้สำรวจร่างกายของตัวเอง ตามลำคอ หน้าอก และไหล่เต็มไปด้วยรอยแดงและรอยฟันตื้นๆ ส่วนท่อนล่างของเธอรู้สึกโหวงไปหมด มันแน่นๆ จุกๆ เวลาที่เคลื่อนไหวยังรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง เมื่อคืนหลังจากเสร็จกิจเธอก็เหนื่อย ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัว ร่างกายเปียกชื้นเพราะเหงื่อและน้ำรัก ยังดีที่ชารัฐเป็นสุภาพบุรุษมากพอ เขาช่วยประคองเธอดีๆ และใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาดร่างกายของเธอ 

ขนาดเธอเป็นแค่คู่นอนระยะหนึ่งของเขา เขายังดีแบบนี้ หากเป็นคนรักของชารัฐจริงๆ นับดาวจินตนาการได้เลยว่า แฟนสาวของเขาต้องเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากแน่ๆ 

ใช้เวลาไม่นานเธอก็ออกมาจากห้องน้ำ อาศัยสวมเสื้อยืดตัวใหญ่และกางเกงบ็อกเซอร์ตัวใหม่ของเขา

นับดาวเดินออกจากห้อง ภาพแรกที่เธอเห็นคือแผ่นหลังของชายหนุ่มที่กำลังวุ่นวายอยู่ในครัว เรือนผมสีดำยาวของเขาถูกรวบขึ้น เธอรู้สึกว่าปอยผมที่เคลียอยู่ที่ต้นคอชายหนุ่มดูเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก จากนั้นก็เหลือบเห็นรอยแดงและรอยฟันบนลำคอขาวๆ ของเขา...ดูท่าทางเมื่อคืนจะเป็นการพัวพันที่ดุเดือดไม่น้อย 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

ชารัฐเหลือบมองเธอพลางยิ้มมุมปาก จากนั้นก็หันกลับไปจัดกับมื้อเช้าต่อ

“นั่งก่อนครับ มื้อเช้าใกล้เสร็จแล้ว”

เธอทำตามอย่างว่าง่าย เดินไปนั่งลงที่โต๊ะกินข้าวใกล้ๆ เท้าคางมองแผ่นหลังแกร่งและการเคลื่อนไหวของเขา 

“Sleep with me free breakfast ด้วยเหรอคะ” 

เธอเริ่มกระเซ้าเขาอีกครั้ง ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนที่เขาจะหันมาพร้อมอาหารในมือสองจานแล้ววางลงบนโต๊ะตรงหน้าเธอ นับดาวมองไข่ดาว ไส้กรอก และขนมปังทาเนยที่ปิ้งเป็นสีเหลืองทองสวยงาม ตามด้วยกาแฟหอมกรุ่นที่วางตามมา 

กลิ่นหอมๆ ทำให้ท้องเธอเริ่มร้องขึ้นมา ชายหนุ่มนั่งลงตรงข้ามเธอ ก่อนจะเชื้อเชิญให้เธอลงมือจัดการอาหารตรงหน้า

“กินก่อนนะครับ กำลังร้อน” 

ถึงจะพูดแบบนั้น เขากลับไม่ลงมือกิน เอาแต่จ้องมองเธอ

“คุณมองฉันแบบนี้แล้วจะอิ่มไหมคะ”

“ไม่เรียกพี่แล้วเหรอครับ เมื่อคืนออกจะคล่องปากแท้ๆ”

นับดาวชะงักไปเล็กน้อย เธอตัดสินใจวางช้อนส้อมลง มือเรียวหันไปคว้าถ้วยกาแฟตรงหน้าขึ้นมาจิบแทน รสชาติขมปนหวานพลันแผ่ซ่านในโพรงปาก ปลุกสมองของเธอให้ตื่นเต็มตัว

“ก่อนหน้านี้ยังดูไม่ชอบใจอยู่เลยไม่ใช่เหรอคะ” 

เธอย้อนถามไปบ้าง แต่ชารัฐกลับมีท่าทางสบายๆ ต่างจากตัวตนของเขาก่อนหน้าลิบลับ 

แค่คืนเดียวก็เปลี่ยนคนไปได้แบบนี้เหรอ

นับดาวถือโอกาสสำรวจชายหนุ่มเต็มตาอีกครั้ง เมื่อคืนต่อให้มืดแค่ไหน เธอก็สามารถเห็นดวงตาที่เต็มไปดวงประกายไฟร้อนแรงคู่นั้นของเขา ร่างกายที่สมบูรณ์แบบ พละกำลังที่ปรนเปรอเธอไปถึงฝั่งฝันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง กลิ่นกายรัญจวนที่เกิดขึ้นเฉพาะเวลาร่วมรักยังลอยอบอวลอยู่ใต้จมูกของเธอ ราวกับกลิ่นกายของเธอและเขาผสานเข้าเป็นหนึ่ง เป็นกลิ่นที่น่าถวิลหา ชวนให้อยากสัมผัสเหมือนกาแฟถ้วยตรงหน้านี้ 

“ผมไม่เคยบอกว่าไม่ชอบนะ” 

คำตอบของชารัฐทำเอาเธอเผลอกระตุกมุมปากขึ้น เป็นรอยยิ้มร้ายๆ ที่เธอมักทำเวลาอยากประชดใครสักคน 

“เพิ่งรู้เหมือนกันนะคะ ว่าผู้ชายอย่างคุณก็มีมุมหน้าไม่อายแบบนี้ด้วย” 

“พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะครับ”

“ยังไงคะ”

นับดาวเลิกคิ้วขึ้นพลางนึกย้อนเรื่องราวของคนตรงหน้าเท่าที่เธอรู้ให้มากที่สุด 

            เขาเป็นบาริสตา เป็นเจ้าของร้านกาแฟที่อยู่ชั้นล่างของตึก เป็นเพื่อนบ้านของเธอ และตอนนี้ก็กลายเป็นเซ็กซ์เฟรนด์ของเธอ ส่วนเรื่องนิสัย...ชารัฐเป็นผู้ชายจริงจัง ไม่ใช่ผู้ชายที่เอ้อระเหยลอยชายไปวันๆ ดูเป็นคนโลกส่วนตัวสูง แต่กลับทำงานเข้ากับคนอื่นได้ง่ายมาก ดูเหมือนจะเป็นคนเงียบขรึม เย็นชา แต่จริงๆ เป็นผู้ชายที่รอยยิ้มสวยและอบอุ่นที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็น (ในชีวิตจริง) 

ข้อมูลทั้งหมดมาจากการสำรวจผ่านสายตาและเป็นการประเมินจากที่เธอเคยพูดคุยกับเขา จะให้เธอพูดเต็มปากว่ารู้จักชายหนุ่มดีก็ไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น นับดาวคาดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเห็นมุมแบบนี้ของชายหนุ่ม

“คุณยังไม่รู้จักผมดี นับดาว ดังนั้นคุณตัดสินผมทันทีเลยไม่ได้หรอกนะครับ” พูดจบชารัฐก็โปรยยิ้มสวยๆ ของเขา แล้วชักชวนเธอจัดการอาหารเช้าตรงหน้าต่อ “รีบกินเถอะ ผมว่าคุณน่าจะต้องการพลังงานไม่น้อยเลย”

ชายหนุ่มยิ้มมุมปากอย่างมั่นใจ นับดาวจึงรู้สึกเสียการควบคุมตัวเองขึ้นมา

เขาต้องรู้แล้วแน่ๆ ว่าเมื่อคืน เธอคือ ‘มือใหม่’ อย่างแท้จริง 

“วันนี้ฉันไม่มีงานค่ะ ยังไงก็พักได้เต็มที่ แต่คุณไม่ต้องเปิดร้านเหรอคะ” 

หญิงสาวพยายามปรับท่าทีของตนให้เป็นปกติ สองมือหยิบช้อนส้อมมาจัดการมื้อเช้าตรงหน้าต่อ ปากพูดเรื่องอื่นทั่วๆ ไปเพื่อดึงความสนใจของคนตรงหน้า 

“เปิด ผมลงไปจัดการร้านแล้ว ตอนนี้อชิดูร้านอยู่” 

ชารัฐหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบบ้าง แล้วลงมือกินอาหารเช้าตรงหน้าตาม 

“อืม ไม่เลวเลยนะคะ” 

เพราะไข่ดาวและไส้กรอก รวมถึงขนมปังปิ้งในจานทุกอย่างสุกและกรอบกำลังดีอย่างที่เธอชอบ ถึงเป็นอาหารพื้นๆ ง่ายๆ แต่นับดาวก็ยังเอ่ยปากชมคนตรงหน้า 

“หมายถึงมื้อเช้าหรือเรื่องเมื่อคืนครับ” 

โชคดีที่เธอกลืนอาหารลงไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคงมีหวังได้สำลักออกมาเป็นภาพน่าเกลียดอีก 

“อยากได้คะแนนประเมินอันไหนล่ะคะ” 

นับดาวเห็นประกายหยอกเย้าจากดวงตาของเขา แค่นี้ก็รู้แล้วว่าชารัฐกำลังพยายามเอาคืนเธออยู่ 

“ชอบอันไหนมากกว่า ก็ให้คะแนนอันนั้นสิครับ”

นับดาวแอบเข่นเขี้ยวนึกอยากโวยวายขึ้นมาในใจ แต่สุดท้ายเธอก็ส่งรอยยิ้มตามฉบับตัวเองกลับไปพร้อมคำตอบ

“มื้อเช้าอร่อยค่ะ ส่วนของหวานมื้อดึก...ก็ไม่ผิดหวัง แต่ไม่รู้จะอร่อยกว่านี้ได้อีกหรือเปล่า” 

 

คนฟังเลิกคิ้วเล็กน้อยพลางยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน ชารัฐมองหญิงสาวด้วยความขบขันเล็กน้อย ยิ่งเห็นท่าทางเหมือนลูกแมวที่พยายามพองขนขู่สู้แบบนี้แล้ว เขาก็ยิ่งอารมณ์ดี

“อาทิตย์นี้ยังเหลือเวลาอีกสองคืนให้พิสูจน์ถ้ายังไม่มั่นใจ แต่เท่าที่ผมจำได้ เมื่อคืนคุณก็พอใจอยู่นะครับ”

ชารัฐนึกย้อนไปยังคำพูดของเธอที่เอ่ยขึ้นหลังจากกินเขาเสร็จไปหนึ่งรอบ 

‘พี่นี่มันเด็ดจริงๆ’ 

คิดแล้วชารัฐก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา ใช่ว่าเขาเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาเยอะ แต่แค่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนพูดจาตรงไปตรงมากับเขาแบบนี้อย่างที่นับดาวเคยทำเลยสักครั้ง 

นับดาว...

ในความคิดเขาตอนแรกที่รู้จักเธอ ชารัฐคิดว่าอีกฝ่ายเหมือนกับแมว เป็นแมวจอมเจ้าเล่ห์ ไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรียบ หญิงสาวมีความมั่นใจในตัวเองสูงจนเขานึกสงสัยขึ้นมาในบางครั้งว่าอะไรจะมาทำลายภาพลักษณ์ของเธอแบบนี้ลงได้ พอได้คุยกับนับดาวแล้ว เขาก็ค้นพบอีกว่าหญิงสาวคือจอมกวนเบอร์หนึ่ง หากเธอจับสังเกตอะไรก็ตามจากเขาได้ นับดาวจะใช้มันมาล้อเลียนเขา หรือไม่เธอก็จะพยายามไล่ต้อนให้เขาจนมุม ราวกับว่าเรื่องพวกนี้เป็นชัยชนะที่เธอโปรดปรานเป็นที่สุด 

ทว่าภายใต้ท่าทางแข็งแรง สดใสร่าเริงของนับดาว ชารัฐกลับรู้สึกว่าหญิงสาวมีอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่ บางครั้งแววตาของเธอก็ทำให้เขาเผลอนึกถึงอดีตที่ผ่านมานานแล้ว

ยังไม่ทันจะได้นึกย้อนว่าใบหน้าของคนที่คุ้นเคยคนนั้นเป็นอย่างไร เสียงของนับดาวก็ดึงเขาออกจากห้วงความคิด 

“คุณคงไม่ได้คิดจะดีกับฉันเพราะพวกเรามีอะไรกันใช่ไหมคะ”

สีหน้าของนับดาวตอนถามดูจริงจังกว่าที่เขาคาดไว้ สายตาของเธอที่ไม่มีแววของความรู้สึกล้อเล่นอยู่เลยทำให้ชารัฐกลับมานึกทบทวนจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์เขากับเธอ ดังนั้นเขาจึงตอบเธอกลับไปตามตรง

“ไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้นหรอกนะครับ ผมไม่คิดอะไรฉาบฉวยแบบนั้นหรอก” 

ที่เขาพูดเป็นความจริงทุกคำ ที่เขาดีกับเธอไม่ใช่เพราะว่าเธอคือคนที่เขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วย แต่เพราะเขายินดีทำ ในเมื่อเขาเต็มใจมอบบางสิ่งให้คนที่เขาต้องการ มันก็คือความต้องการของเขาเอง เขาจะไม่ยัดเยียดให้อีกฝ่ายต้องตอบแทน ชารัฐไม่เคยต้องการอย่างนั้น เขาแค่พอใจที่จะทำให้ก็เท่านั้นเอง

ใช่แล้ว...เขาแค่รู้สึกพอใจที่ทำอะไรหลายๆ อย่างนี้ให้เธอ ไม่มีข้อแม้ ไม่มีหลักเกณฑ์ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความพอใจของเขาเท่านั้น 

 

น้ำเสียงของชารัฐทั้งหนักแน่นและมั่นคง เมื่อเขายืนยันแบบนี้แล้ว นับดาวก็ถอนหายใจ แต่แทนที่เธอจะรู้สึกสบายใจ นับดาวกลับรู้สึกว่าในอกของตัวเองมันบีบรัดแปลกๆ คล้ายกับมีเข็มแหลมๆ ทิ่มแทงหัวใจของตัวเอง 

“แบบนี้ก็ดีค่ะ เพราะฉันคิดว่าในระหว่างที่เราอยู่ในสัญญา ไม่ควรมีเรื่องความรู้สึกมาเกี่ยวข้อง จริงไหมคะ” 

เธอยิ้ม เมื่อเห็นว่าชารัฐพยักหน้าตกลงเช่นกัน เธอก็หลุบตามองอาหารตรงหน้าพร้อมบอกตัวเองในใจ

มันไม่ใช่ความรัก...

เธอยืนยันกับตัวเองอีกครั้ง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเธออยากได้เขา เธอสนใจแค่ร่างกายของเขา อยากสัมผัส อยากใกล้ชิดอย่างลึกซึ้ง...ก็เท่านั้น 

ไม่ต้องใช้เวลานานเธอก็สงบจิตใจของตัวเองให้กลับมาคงที่ได้ดังเดิม จากนั้นก็ลงมือจัดการมื้อเช้าง่ายๆ ตรงหน้าให้เรียบร้อยพลางถามเขาด้วยสีหน้าที่เป็นปกติ

“คุณชอบคุณเดียร์ตรงไหนคะ” 

จู่ๆ นับดาวก็อยากรู้ขึ้นมาว่า อะไรในตัวบรรณาธิการสาวของเธอกันแน่ที่ทำให้ชายหนุ่มเกิดอาการหวั่นไหวจนกลายเป็นความรู้สึกของการแอบรักข้างเดียว เพราะเอาเข้าจริง เธอไม่เคยเห็นทั้งสองคนคุยกันสักประโยค 

ชารัฐชะงัก เขาครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก่อนตอบ 

“ถ้าจะให้ผมอธิบาย เราทุกคนต่างมีความชอบที่เป็นความรู้สึกพิเศษอยู่ในใจ เขาค่อนข้างใกล้เคียงกับความรู้สึกนั้นครับ”

แบบนี้นี่เอง...ความรู้สึกแบบนี้ ทำไมเธอจะไม่เข้าใจ ที่จริงแล้วการที่เธอรู้สึกอยากเข้าหาเขาก็เป็นเพราะเหตุผลเดียวกัน เพราะชารัฐคือภาพทับซ้อนกับความทรงจำที่เธอเคยเฝ้ามองหา ดังนั้นพอยิ่งได้พบเขา เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวตนของเงานั้นในความทรงจำยิ่งเด่นชัดขึ้น 

“ฟังดูโรแมนติกดีนะคะ ทำไมคุณไม่เข้าไปจีบเธอตรงๆ ล่ะคะ” 

คราวนี้ชารัฐนิ่งไปครู่หนึ่ง เขามองหน้าเธอเล็กน้อยแล้วตอบ

“ผมยังไม่แน่ใจตัวเอง ผมชอบก็จริง แต่ถ้ามันไม่เหมือนกับความชอบของผมที่คิดไว้ แบบนั้นก็คงไม่ดีกับอีกฝ่าย ดังนั้นผมเลยต้องการเวลาอีก เวลาที่จะบอกว่าผมชอบเขามากพอที่จะกล้าเดินเข้าไป”

“หืม คุณเป็นคนละเอียดอ่อนกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะคะ”

การได้พูดคุยกับชายหนุ่มแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองได้รู้จักมุมมองบางอย่างที่ต่างออกไปของเขา มุมที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จัก 

“แล้วคุณล่ะนับดาว คุณแต่งนิยายรัก ถึงจะมันเป็นเรตสิบแปดบวก แต่ผมคิดว่าคุณต้องรู้จักมันเหมือนกัน” 

นับดาวเลิกคิ้ว มองชารัฐที่ยิ้มมองเธออย่างใคร่รู้ 

“อืม...จริงๆ ก็พูดยากค่ะ เพราะฉันไม่ได้มีประสบการณ์ความรักมากขนาดนั้น แค่เป็นเรื่องที่พบเห็นมาก็เท่านั้น” เธอไหวไหล่พลางยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบ ความรู้สึกขมที่เจือด้วยรสหวานทำให้เธอนึกย้อนไปยังวันวาน นึกถึงเรื่องราวความรักที่ไม่สวยงามของตัวเอง “แต่ก็ใช่ว่าไม่เคยรู้สึกกับเรื่องแบบนี้ มันแค่ต่างจากตอนจบในนิยายของฉัน ที่ทุกอย่างไม่ได้ลงเอยด้วยคำว่าแฮปปีเอนดิงค่ะ” 

พอเห็นชายหนุ่มเริ่มขมวดคิ้ว เธอก็ยิ้มชิงพูดตัดหน้าก่อนที่เขาจะคิดไปไกลกว่านี้ 

“ไม่ต้องขมวดคิ้วหรอกค่ะ ฉันยังไม่คิดมากเลย คุณจะคิดมากทำไมคะ เรื่องรักๆ เลิกๆ มันก็เป็นปกติของคนเรานี่คะ จริงไหม” 

สุดท้ายเธอยกกาแฟดื่มจนหมดแก้วพลางเก็บจานข้าวเช้าตรงหน้า

“ขอบคุณสำหรับมื้อเช้าค่ะ เดี๋ยวฉันล้างเอง อีกอย่างคุณพอเห็นเสื้อผ้าฉันไหมคะ”

“ไม่ต้องล้างหรอกครับ ผมจัดการเอง ชุดของคุณผมซักอยู่ หลังจากปั่นแห้งแล้วคุณค่อยเอาไปใส่ก็ได้”

“ไม่ค่ะ ฉันล้างเอง” 

นับดาวไม่ชอบติดค้างใครแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่ล้างจานล้างแก้วไม่กี่ใบมันจะอะไรกันนักเชียว เธอทำเมินไม่สนใจสายตาค้านของเจ้าของห้อง สองมือรีบเก็บจานและแก้วที่ใช้แล้ว จากนั้นก็ลงมือทำความสะอาด 

หลังจากที่เธอจัดการเรียบร้อยแล้ว ชารัฐก็เอ่ยปากให้เธอนั่งรอเสื้อผ้าจนกว่ามันจะเรียบร้อยดี บรรยากาศเงียบๆ ในห้องทำให้นับดาวอดเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ ไม่ได้

“คุณใจดีกับคนอื่นแบบนี้ตลอดเลยหรือเปล่าคะ” ยิ่งกับเธอที่ขู่แบล็กเมล์เขาแล้ว จริงๆ ชารัฐไม่จำเป็นต้องตามใจหรือดีกับเธอขนาดนี้ก็ได้ หรือว่าทั้งหมดเป็นเพราะเขากังวลเรื่องที่เธอจะหลุดปากบอกไปรยากัน 

“ก็แล้วแต่กรณีครับ”

“หืม แล้วอย่างฉันนี่เป็นกรณีไหนคะ” นับดาวรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เห็นเขานิ่งไปอึดใจแล้วก็นึกอยากแกล้งชายหนุ่ม เธอรีบดีดตัวเองจากที่นั่ง ในพริบตาก็ยกตัวมานั่งคร่อมตักของชายหนุ่ม มือทั้งสองวางพาดบนไหล่กว้าง จงใจเล่นหูเล่นตาใส่ นึกอยากเห็นปฏิกิริยาตลกๆ บนหน้าของเขา 

แต่ใครจะคิดว่าอีกฝ่ายกลับยิ้ม เขาโยนหนังสือในมือลงบนโซฟาแล้วใช้สองมือโอบเอวของเธอไว้ 

“แล้วคุณอยากให้เป็นกรณีแบบไหนล่ะ หืม”

 

ชารัฐจงใจยกปลายเสียงให้สูงขึ้นเล็กน้อยพร้อมเฝ้ามองคนเสียอาการอย่างนึกสนุก ดวงตาของเธอเบิกกว้าง พวงแก้มเริ่มซับสีระเรื่อ จากนั้นเธอก็ถลึงตาใส่เขา เม้มริมฝีปากอิ่ม 

“คุณมันหมาป่าหุ้มหนังแกะจริงๆ ด้วย!”

ท่าทีของคนตรงหน้าทำให้เขายิ้มพลางกระชับวงแขนแน่นขึ้น ร่างบอบบางที่อยู่บนตักก็ไม่มีทีท่าขัดขืน แต่เห็นได้ชัดว่าแววตาของเธอดูขัดเขินอย่างชัดเจน 

“คนหนึ่งหมาป่าหุ้มหนังแกะ อีกคนเป็นแกะที่แกล้งทำเป็นหมาป่า แบบนี้ก็แฟร์ดีออก”

นับดาวเลิกคิ้วมองเขาอย่างคาดโทษ ไม่กี่เสี้ยววินาทีเธอก็เชิดหน้าขึ้นราวกับจะไม่ยอมรับในความพ่ายแพ้ของตัวเอง จากนั้นเขาก็เห็นนัยน์ตาคู่สวยของเธอวาววับเป็นประกายเจ้าเล่ห์ วินาทีต่อมาฝ่ามือเนียนนุ่มของหญิงสาวก็จับประคองแก้มของเขาทั้งสองข้าง นับดาวโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ไม่ถึงอึดใจเธอก็บรรจงประทับริมฝีปากลงมาอย่างอ้อยอิ่ง 

ลิ้นเล็กร้อนพยายามลัดเลาะเข้ามาในโพรงปากของเขา จากนั้นก็ตวัดพันเกี่ยวแลกเปลี่ยนไออุ่นและความรู้สึกผ่านสัมผัสวาบหวาม ไม่น่าเชื่อว่านับดาวจะมีพรสวรรค์เรื่องจูบแบบนี้ ไม่รู้เพราะว่าเธอสามารถจินตนาการเขียนงานและวาดรูปแนวนี้ออกมาได้เยอะหรือเปล่า หญิงสาวถึงสามารถพลิกแพลงลองผิดลองถูกจนเจอจุดที่เหมาะสมได้เร็ว

ริมฝีปากและลิ้นเล็กๆ ของหญิงสาวกวาดยึดครองริมฝีปากของเขา ชารัฐเลื่อนมือขึ้นโอบแผ่นหลังและเอวคอดของนับดาวเอาไว้ ฝ่ามือของเธอเคลื่อนประคองศีรษะของเขาให้เบนทิศทาง เคลื่อนปรับองศาให้การจุมพิตล้ำลึกขึ้นเรื่อยๆ 

จังหวะสุดท้ายก่อนที่เธอจะผละริมฝีปากออก ลิ้นร้อนของเธอตวัดหลอกล่ออย่างอ้อยอิ่ง ฟันของนับดาวขบกัดริมฝีปากล่างของเขาและออกแรงดึงมันเบาๆ ราวกับว่าเธอกำลังกัดขนมหวานที่อ่อนนุ่ม ถึงจะรู้สึกเจ็บเหมือนมดกัด แต่นอกเหนือจากนั้นคือความปรารถนาที่พุ่งทะยานเกือบถึงขีดสุด

นับดาวถอยตัวออกมา เธอขยับเอวให้ท่อนล่างที่อ่อนไหวและอ่อนหวานเสียดสีกับแก่นกายที่เรียกร้องของเขา พลางส่งเสียงกระซิบร้องถามชัยชนะของตน

“ใครกันแน่ที่เป็นแกะ”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น