2

ผู้หญิงของคณิณ

2

ผู้หญิงของคณิณ

 

ไม่แน่ใจว่าเพราะอารมณ์ที่ถูกจุดขึ้นหรือเพราะคำสั่งน่าอายนั้นกันแน่ที่ทำให้คนฟังตัวแข็งค้าง คริมาร้อนวูบตั้งแต่ใบหน้าลามไปถึงท่อนขาด้านในที่ถูกเขาจับแยกกว้าง

“อ๊ะ!”

“หรือไม่อยากให้เอาออก”

คำถามนั้นทำให้เธอหยุดดิ้นแล้วยอมอยู่นิ่งๆ ให้คนตัวใหญ่ลูบฝ่ามือไปตามขาเรียว เปิดทางให้เขาจัดการพันธนาการบางอย่างที่กำลังจะถูกปลดปล่อย 

คริมาแทบไม่กล้าขยับเขยื้อนตอนปลายนิ้วแกร่งไล้ไปตามผิวเนื้ออ่อน ใบหน้าสวยหวานเห่อร้อนขึ้นตามความต้องการที่เพิ่มสูง แต่จนแล้วจนรอดปลายนิ้วซุกซนนั้นกลับยังวนเวียนลูบไล้แต่เพียงภายนอก ไม่ยอมเคลื่อนไปยังพันธนาการที่ยังซุกอยู่ในกายหวาน

เขาไม่ยอมปลดปล่อยพันธนาการที่แสนทรมานนี้ให้เธอ

“อื้อ”

เพียงไม่นานหญิงสาวต้องยกมือปิดริมฝีปาก กั้นเสียงร้องน่าอายไม่ให้เล็ดลอดออกมาเมื่อปลายนิ้วแกร่งสะกิดโดนส่วนอ่อนไหว คริมาตัวสั่นเทิ้ม ท่อนขาที่ถูกแยกกว้างค่อยๆ ขยับเข้าหากันเพราะความเสียวซ่าน ร้อนรุ่มไปทั้งกายเพียงเพราะไฟปรารถนาที่คนด้านหลังจุดให้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ตรงนี้ของเธอเยิ้มแล้ว”

คำพูดน่าอายนั้นทำเอาคนฟังกัดปากตัวเองแน่น คริมาไม่กล้าคัดค้าน ไม่กล้าโต้ตอบ เพราะไม่เพียงแค่พูด เจ้าตัวยังปาดนิ้วเอาหลักฐานอันเปียกชุ่ม ยกมันขึ้นมาให้เธอดูความฉ่ำเยิ้มและแวววาว เป็นความน่าอายที่ทำเอาคนถูกแกล้งต้องเสมองไปทางอื่นเพราะจำนนต่อหลักฐาน

คนตัวสูงได้แต่กระตุกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ ดวงตาคมกริบกวาดมองสำรวจก่อนกดปลายจมูกลงกับผิวแก้มแดงจัดอย่างอดไม่ได้ ผิวกายหอมกลิ่นครีมอาบน้ำอ่อนๆ ยังติดอยู่บนปลายจมูก กลิ่นที่แม้จะเคยลองเอามาใช้เองก็ไม่หอมเหมือนความรู้สึกตอนชิมมันจากเธอที่ทั้งหอมหวานและเย้ายวน เขาไม่แน่ใจนักว่านั่นเพราะครีมอาบน้ำหรือว่า ‘ครีม’ ที่อยู่ในอ้อมแขนนี้กันแน่

“จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วใช่ไหม” 

บทลงโทษย่อมไร้ความหมายหากคนผิดไม่รู้ถึงความผิดของตัวเอง คริมาคงไม่รู้ว่าภาพตอนที่เธอกำลังจะตกลงมาจากชั้นเอกสารนั้นทำเอาใจเขาร้อนรนแค่ไหน คณิณแทบไม่กล้าจินตนาการต่อเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขาไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น 

“มะ...ไม่ทำแล้วค่ะ”

“จะเชื่อฟังกันใช่ไหม”

“อื้อ...เชื่อ เชื่อค่ะ”

คนถูกกระซิบถามกัดริมฝีปากแน่นขึ้นเมื่อปลายนิ้วแข็งยังปัดป่ายไปมาอย่างยั่วเย้า ดวงตาคู่สวยฉ่ำชื้นด้วยหยดน้ำตาที่เอ่อคลอ หมดเรี่ยวแรงต่อต้านจนต้องทิ้งน้ำหนักตัวลงบนแผ่นอกแน่นของเขา เธอได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบามาจากด้านหลัง ทว่าไม่มีแม้แต่แรงจะต่อต้าน ปล่อยให้เจ้าของร่างสูงใช้ฝ่ามือและปลายนิ้วรังแกกันอยู่อย่างนั้น

แต่ยิ่งอารมณ์ของเธอถูกพัดพาขึ้นสูงเท่าไร ก็เหมือนเขาจะยิ่งทรมานและปั่นป่วนร่างกายเธอขึ้นเท่านั้น นั่นเพราะคณิณทำเพียงสัมผัสภายนอก ลูบไล้จนร่างกายเธอร้อนรุ่ม ทว่าไม่ยอมให้ความช่วยเหลือ

“ฮื้อ”

ลมหายใจของหญิงสาวถี่กระชั้นด้วยความขัดเคืองใจ ยิ่งรู้ว่าถูกอีกฝ่ายจงใจปลุกเร้า แต่ไม่ยอมให้ปลดปล่อยก็ยิ่งขุ่นเคืองหนักขึ้นไปอีก ในเมื่อเขาไม่ยอมหยุดแกล้งกัน ฝ่ามือเล็กจึงเตรียมจะขยับลงไปด้านล่างเพื่อปลดปล่อยความทรมานนี้ให้ตัวเอง 

เผียะ!

แต่หญิงสาวก็สะดุ้งเมื่อข้อมือนั้นถูกปัดออกจนได้ยินเสียง แม้ไม่รุนแรงนัก แต่ผิวขาวจัดก็ปรากฏเป็นรอยแดงให้เห็น

“...ครีมเจ็บ”

น้ำตาเม็ดกลมของคนถูกลงโทษร่วงเผาะทันทีเมื่อข้อมือทั้งสองข้างถูกรวบไว้ด้วยมือใหญ่เพียงข้างเดียวของเขา เธอเจ็บ แต่ไม่ใช่ความเจ็บทางร่างกาย เป็นความเจ็บใจเพราะต่อกรกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้ต่างหาก 

“เพราะเธอดื้อ”

คณิณกระซิบบอก คำพูดเจือด้วยความเอ็นดูกึ่งขบขัน ชายหนุ่มก้มมองใบหน้าบูดบึ้งของคนในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ดวงตาคู่สวยของเธอยังฉ่ำชื้นด้วยหยาดน้ำตาเพราะถูกเขาขัดใจ แถมเมื่อครู่ยังคิดจะช่วยตัวเองต่อหน้าเขาอีก 

ทั้งที่เจ้าตัวเพิ่งบอกว่าจะเชื่อฟัง แต่การกระทำนั้นกลับตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง

ข้อมือเล็กของเด็กดื้อถูกรวบไว้แล้วดึงมาชิดอก คณิณสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของหญิงสาวที่พิงซบอยู่บนนั้น มันร้อนและบ่งบอกถึงความต้องการที่มากล้น ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังใจร้ายที่ไม่มอบมันให้เธอ

ฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มลูบรอยแดงจางๆ อย่างปลอบโยน โน้มใบหน้าลงไปแนบชิดคนที่ยังส่งเสียงสะอื้นแผ่วเบาในอ้อมแขน จูบซับไปตามผิวแก้มนุ่ม ไล่จูบไปตามลำคอระหงที่เปลือยเปล่าอวดสวยตา ก่อนจะกดริมฝีปากชิมความหอมและฝากร่องรอยสีกุหลาบไว้บนนั้นเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของ 

ถูกใจ

หลงใหล

และเสพติด

คณิณรู้ดีว่ากำลังถลำลึกกับหญิงสาวตรงหน้ามากแค่ไหน เป็นความรู้สึกรุนแรงที่แม้แต่ตัวเขายังคาดเดาถึงจุดสิ้นสุดไม่ได้ ในเมื่อทุกสัมผัสจากเธอล้วนเป็นสิ่งที่เขาพอใจและปรารถนา 

คณิณยอมรับว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ดีพร้อม เขาเป็นนักธุรกิจที่ในหัวเต็มไปด้วยค่าตอบแทนและผลประโยชน์ เรื่องพวกนั้นเหมือนอยู่ในสายเลือด เขาถูกสอนมาให้แข็งแกร่งและเด็ดขาด เพราะหากไม่ทำอย่างนั้นก็คงไม่มีวันคุมธุรกิจในมือให้เติบโตต่อไปได้ แต่เรื่องทุกเรื่องย่อมมีข้อยกเว้นเสมอ ข้อยกเว้นที่ไม่อยากยอมรับ แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธได้

ผู้ชายที่คิดแต่เรื่องผลกำไรอย่างเขามีเรื่องอื่นให้คิดถึงตั้งแต่เปิดรับใครบางคนเข้ามาในชีวิต และคนคนนั้นก็กำลังสั่นเทาอยู่ในอ้อมแขนของเขาในตอนนี้

“เสียวเหรอ”

คำถามแสนยั่วเย้าถูกเอ่ยขึ้นเมื่อเนื้อตัวสั่นๆ ของหญิงสาวขยับเข้ามาหาพร้อมปลายนิ้วที่จิกเกร็งลงบนท่อนแขนของเขาเพื่อระบายอารมณ์บางอย่าง คณิณระบายยิ้มจาง ไม่โกรธเคืองการกระทำนั้น ตรงกันข้ามเขาก้มลงกระซิบถามย้ำเอาคำตอบ

“ว่าไง เสียวหรือเปล่า”

เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังทรมาน ถึงอย่างนั้นก็ยังใจร้ายมากพอที่จะกดปลายนิ้วลงกับความอ่อนไหว ทั้งที่กายเล็กนั้นกำลังร้อนรุ่ม

“อ๊ะ...อื้อ”

เสียงครางหวามของคนในอ้อมแขนลอดออกมาให้ได้ยินแทนคำตอบ ในขณะที่สะโพกกลับถอยหนีปลายนิ้วของเขาที่ลากไปตามขาเรียว 

มันเสียว...

เธอเสียวแทบขาดใจ แต่กลับไม่ยอมเอ่ยคำพูดนั้นออกไปให้คนแกล้งได้ยิน

คริมาช้อนตามองคนใจร้ายที่ยังรังแกกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือของเธอพยายามจะแตะต้องส่วนอ่อนไหว แต่ก็ถูกหยุดไว้พร้อมทั้งได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วคล้ายจะยั่วเย้า ทว่าสายตาที่ใช้มองกันกลับทำให้ร่างกายเธอสะท้านเพราะความหวามไหว

“ทนไม่ไหวแล้วเหรอ” 

ยอมรับว่าเธอไม่สามารถต้านทานสายตาของเขาได้เลยสักครั้ง สายตาร้อนแรงที่พร้อมจะแผดเผาเธอด้วยความปรารถนา คริมาจึงเลือกมองไปอีกทาง ทว่าการกระทำนั้นกลับทำให้เจ้าตัวต้องหวีดร้องเมื่อของเล่นชิ้นเล็กถูกดึงออกแล้วแทนที่ด้วยข้อนิ้วแข็งแกร่ง

“อึก!”

เปล่งเสียงครางได้เพียงครึ่งคำก็ถูกคนด้านหลังจับใบหน้าไปรับจูบร้อนแรงและหนักหน่วง ปลายลิ้นร้อนของคณิณแตะชิมแผ่วเบาก่อนจะกดแทรกเข้ามาในโพรงปาก หยอกเย้าคนในอ้อมแขนให้มัวเมาไปกับสัมผัสนั้นขณะเดียวกันปลายนิ้วแข็งก็ขยับถี่เร็วบนกลีบเนื้อนุ่มจนร่างเล็กดิ้นเร่า หญิงสาวพยายามขยับสะโพกหนีเพื่อลดความเสียวที่จู่โจมหนักหน่วง แต่แน่นอนว่าคณิณไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น 

เขาตรึงฝ่ามือใหญ่บนสะโพกแล้วบีบลงน้ำหนัก ไม่ต่างจากมืออีกข้างที่ยังขยับถี่ก่อนจะกดแทรกนิ้วร้อนผ่าวลงไปในความอ่อนไหวจนสัมผัสได้ถึงโพรงร้อนที่ตอดรัด 

คนตัวสูงคำรามในลำคอ แรงตอดถี่ทำเอากายท่อนล่างของเขาปวดหนึบจนแทบทนไม่ไหว กลีบปากอวบอิ่มของเธอถูกบดขยี้อีกครั้ง หลังจากนั้นเสียงคำรามทุ้มพร่าของชายหนุ่มก็ดังสลับกับเสียงครางกระเส่าของคนในอ้อมแขนที่หยัดเกร็งขึ้นยามฝ่ามือของเขาแตะต้องสัมผัส 

“อื้อ!” คริมาเกร็งตัวเมื่อปลายนิ้วสอดลึกเข้ามาถึงจุดกระสัน เธอถึงกับฝังคมเขี้ยวลงบนท่อนแขนของอีกฝ่ายเพื่อระบายความเสียดเสียวที่ไปรวมอยู่ตรงจุดนั้น 

สมองของเธอขาวโพลนไปหมด เพราะสัมผัสหนักหน่วงที่ปลุกเร้าเล่นเอาทั้งร่างกระตุกสั่น ริมฝีปากที่เพิ่งได้รับอิสระอ้าค้าง กินอากาศเข้าปอด แล้วในเสี้ยววินาทีถัดมาเสียงหวีดหวานก็ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อส่วนอ่อนไหวถูกปลายนิ้วแกร่งแทรกเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งนิ้ว

“อื้อ คะ...คุณคณิณ”

ลมหายใจของคนถูกรุกรานถี่กระชั้นพร้อมกับที่ความอ่อนนุ่มบีบรัดนิ้วของเขาไม่หยุด เธอพยายามหนีบท่อนขาเข้าหากันเพราะความทรมานที่โจมตีเข้ามา ทว่าคนตัวสูงกลับขัดขวางโดยขยับนิ้วถี่จนเธอแทบจะเสร็จสม คริมาพร่ำเรียกชื่อคนตัวสูงด้วยเสียงสั่นกระเส่า ยั่วยวนจนเจ้าของชื่อแทบจะดึงปลายนิ้วออกแล้วกดแทรกส่วนใหญ่โตที่เหยียดขยายจนปวดร้าวนี้เข้าไปแทน 

คณิณก้มลงสูดดมความหอมหวานของผิวกายเนียนละเอียด ซุกไซ้ใบหน้าและปลายจมูกอยู่กับคอขาวแล้วกดคลึงอย่างต้องการระบายอารมณ์พลุ่งพล่าน หนักเข้าก็ดูดดึงเบาๆ ปลุกเร้าสติคนตัวเล็กกว่าให้กระเจิดกระเจิง เขาจับใบหน้าเรียวให้เงยขึ้นรับจูบร้อนแรงอีกครั้ง ในขณะที่ฝ่ามือก็เพิ่มความเร็วจนเธอต้องเกาะแขนเขาแน่น 

เสียงสูดปากร้องครางของหญิงสาวดังขึ้นเมื่อถูกรังแกอย่างหนักทั้งด้านบนและด้านล่าง ร่างกายขยับดิ้นเพราะข้อนิ้วใหญ่หนาที่ขยับเข้าออกไม่เว้นจังหวะให้หายใจ เธอเสียวจนน้ำตาปริ่มไหล ยิ่งถูกอีกคนคว้านนิ้วบนจุดกระสัน สะโพกกลมกลึงก็แทบลอยไม่ติดพื้น 

อยากร้องไห้ออกมาด้วยความทรมานเพราะถูกรังแก ทว่าร่างกายกลับแอ่นเข้าหาสัมผัสร้ายกาจของเขาซ้ำๆ 

คริมายังพยายามเบียดท่อนขาเข้าหากัน แต่ก็ถูกเขาปัดออก คณิณกดขาเธอลงด้วยมือที่ว่างก่อนจะขยับมืออีกข้างอย่างจงใจแกล้งกัน แล้วยังท่อนเนื้อร้อนที่เสียดสีอยู่ด้านหลังนี่อีก เธอรู้สึกว่ามันเหยียดขยายกว่าตอนใช้ริมฝีปากครอบครองเสียอีก อีกทั้งยังร้อนจัดจนสัมผัสได้ถึงความปรารถนาที่รุนแรงของเจ้าตัว

“ครีมไม่ไหวอะ...อ๊า”

หญิงสาวหลุดเสียงร้องลั่น ร่างกายกระตุกสั่นซ้ำๆ เมื่อความทรมานกำลังจะถูกปลดปล่อย ดวงตาของเธอเบลอเพราะความเสียวกระสันที่โจมตีอย่างหนัก ร่างกายร้อนจัด แล้วก็ต้องขยุ้มผ้าปูที่นอนเสียยับย่นเมื่อรู้สึกได้ถึงความคับแน่นของผนังด้านในที่ตอดรัดถี่เร็ว ดูดดึงข้อนิ้วแข็งไม่ให้ไปไหนจนได้ยินเสียงคำรามทุ้มต่ำจากคนด้านหลัง 

ปลายเท้าเรียวของเธอปัดไปมาตามผ้าปูที่นอนเมื่อเขาดันข้อนิ้วเข้าอีกจนสุดความลึกแล้วขยับถี่เร็ว หญิงสาวดิ้นพราด ร่างกายกระเด้งแทบไม่ติดพื้น น้ำหวานเหนียวใสไหลเยิ้มจนได้ยินเสียงเฉอะแฉะตามจังหวะที่เขาขยับนิ้วเข้าออก 

“อ๊ะ! ไม่ไหว ครีมไม่ไหว”

นั่นยิ่งเปิดทางให้เขาทำรุนแรงกับเธอมากขึ้น ในจังหวะสุดท้ายหญิงสาวก็หวีดร้องสุดเสียงเมื่ออารมณ์ถูกดึงขึ้นสูงจนสมองขาวโพลน ปลดปล่อยน้ำหวานออกมาเปรอะเปื้อนตามข้อนิ้วของเขา คริมาหายใจอ่อนแรงเพราะความรู้สึกที่แตกซ่าน แต่ยังไม่ทันได้หยุดพัก ชายหนุ่มก็จับร่างเธอให้คว่ำลงในท่าคุกเข่า หันหลังให้เขาในขณะที่เจ้าตัวกดแทรกความร้อนผ่าวเข้ามาลึกสุดในคราเดียว

“อึ้ก!”

ใบหน้าสวยหวานของคนเด็กกว่าซบลงกับหมอนแล้วส่ายไปมาอย่างหมดเรี่ยวแรง ปล่อยให้อีกฝ่ายตักตวงรีดเค้นความหอมหวานจากตัวเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า กายเล็กโยกคลอนเพราะจังหวะดุดันจากคนด้านหลัง 

คณิณเคล้นคลึงสะโพกจนเกิดรอยแดงเพราะความมันเขี้ยว เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้แต่ทุกสัดส่วนของเธอดันปลุกเร้าอารมณ์ดิบของเขาได้ดีสุดๆ 

อย่างที่บอกร่างกายของเขาและคริมาเข้ากันได้ดีจนจินตนาการไม่ออกเลยว่า เขาจะหาผู้หญิงคนไหนมาแทนที่เธอได้และแน่นอนว่ามันไม่อยู่ในแผนตั้งแต่แรก

“ขยับให้ฉันหน่อย”

ไม่ใช่ประโยคขอร้อง แต่เป็นประโยคคำสั่ง เพราะทันทีที่ว่าจบเจ้าของสะโพกแน่นตึงก็หยุดการกระทำลงเสียดื้อๆ คณิณขบกรามแน่น ฝืนปล่อยให้ความอ่อนนุ่มบีบรัดท่อนเนื้อจนปวดร้าว แต่ก็ไม่ยอมเคลื่อนขยับ ร่างกายเขาต้องการมากกว่านี้ และเขาอยากให้เธอเป็นฝ่ายทำ

“...อืม”

ทันทีที่ร่างนวลค่อยๆ ขยับสะโพกเข้าหา เสียงคำรามทุ้มต่ำของชายหนุ่มก็ดังขึ้นด้วยความพอใจ เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจไม่คิดห้าม คริมาทิ้งตัวลงกับผ้าปูที่นอนในขณะที่สะโพกยกลอยเด่นชัด หญิงสาวเผลอกลืนน้ำลายเมื่อเห็นขนาดที่เหยียดขยายเต็มขั้น และเมื่อคิดว่าส่วนนั้นกำลังจะทำให้เธอเสร็จสมอีกครั้งความอ่อนนุ่มกลางกายก็บีบรัดจนแข้งขาสั่น

“อะ”

เพียงแค่ขยับแผ่วเบา ความแข็งแกร่งที่แทรกลึกอยู่ในกายก็ทำเอาเธอจุกแน่นไปหมด มันทั้งร้อนและใหญ่โต ยิ่งยามที่ส่วนปลายหยักครูดกับผนังด้านใน ท่อนขาที่ใช้พยุงร่างกายไว้ก็สั่นจนแทบจะทรุดลงเสียดื้อๆ คริมาหอบกระเส่า แทบไม่มีแรงขยับเพราะความคับแน่นที่จู่โจมอย่างหนัก มันทั้งจุกแน่นและเต็มล้น แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ต้องยอมรับว่าพอใจกับทุกสัมผัสของเขา

“อย่ายั่วฉัน”

หญิงสาวคงไม่รู้ว่าการกระทำนั้นกำลังจะทำให้คนมองเป็นบ้า คณิณแทบคลั่งตอนได้เห็นเรือนร่างสมส่วนค่อยๆ กลืนกินร่างกายของเขา เธอขยับแผ่วเบาดูยั่วยวน ใบหน้าแดงจัดที่เหมือนจะร้องไห้เพราะความต้องการก็ทำเอาเขาไม่อยากอดทน คณิณอยากกระแทกท่อนกายร้อนผ่าวเข้าออกในกายเธอซ้ำๆ 

“ครีม...อึก”

“เธอทำไม” คณิณหัวเราะในลำคอกับแววตาซุกซนปนตื่นตระหนก ก่อนจะวาดท่อนแขนลงกับเอวคอดเล็กแล้วกระชากเข้าหาแก่นกายร้อนจัดของตัวเองอย่างต้องการกลั่นแกล้ง

“ตอบฉันหน่อยเด็กดี”

กายแกร่งโน้มลงไปใกล้ กระซิบเสียงทุ้มพร่าชิดลำคอขาวก่อนจะขบเม้มดูดดุน ฝ่ามือก็ยังลูบไล้อยู่กับสะโพกกลมแล้วเคล้นขย้ำ เขาแกล้งควงสะโพกไปมาแล้วก็ได้ยินเสียงหวีดหวานจากคนใต้ร่างแทบจะทันที ชายหนุ่มยกยิ้มพอใจ ยิ่งถูกบีบรัดแน่นมากเท่าไร เสียงคำรามทุ้มต่ำก็ยิ่งดังขึ้น 

ถึงอย่างนั้นก็ยังกลั่นแกล้งอีกฝ่ายโดยถอนตัวตนออกจนเกือบสุดแล้วเบียดกระแทกลงไปสุดแรง

“อ๊า!”

คริมาส่ายหน้าลงกับหมอน เสียงร้องแหบแห้งเพราะอีกคนไม่ออมแรงให้กันแม้แต่น้อย ถึงอย่างนั้นร่างกายของเธอกลับตอบสนองทุกสัมผัสร้อนแรงอย่างถือดี ความหวามไหวรุนแรงแทรกซึมทุกอณูเนื้อ ผิวกายขาวจัดของเธอเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อทั้งจากความร้อนของไฟปรารถนาและสัมผัสของฝ่ามือที่บีบเคล้นหนักหน่วง ก่อนจะต้องหวีดร้องเสียงดังอีกหนเมื่อคนตัวสูงโน้มกายเข้าทาบทับ 

ความร้อนแรงส่งผลให้คนตัวเล็กดิ้นเร่าเมื่อร่างหนาคร่อมทับแล้วโถมกายเข้าใส่เป็นจังหวะหนักหน่วง สะโพกหนาของชายหนุ่มกระแทกเข้าออกถี่เร็วไม่เว้นช่วง ยิ่งอยู่ในท่านี้เธอยิ่งรับรู้ถึงสัมผัสล้ำลึกและแนบแน่น สอดลึกยิ่งกว่าทุกครั้งแต่คนด้านหลังกลับไม่ผ่อนปรนให้กันแม้แต่น้อย

คณิณยังเร่งจังหวะพร้อมทั้งหยัดกายเข้าลึก ท่อนแขนแข็งแรงโอบเอวคอดเพื่อยึดไว้ก่อนจะโถมแรงเข้าใส่ทั้งวาบหวามและดุดันจนได้ยินเสียงคราง

ร่างกายของคนทั้งคู่สอดประสานกัน หลอมรวมทุกความปรารถนาเข้าด้วยกันเป็นสัมผัสร้อนแรง คณิณปรนเปรออีกฝ่ายด้วยจังหวะดุดันอย่างที่เจ้าตัวชอบ ก่อนเขาจะหยัดกายเข้าใส่หนักๆ อีกสองสามครั้งแล้วปลดปล่อยของเหลวเหนียวข้นให้ฉีดพ่นลงบนแผ่นหลังขาวเนียน 

“อา!”

คณิณรีดเค้นมันออกมาทุกหยาดหยด ก่อนร่างใหญ่หนาของชายหนุ่มจะซวนซบลงบนร่างเล็กๆ แล้วรั้งเธอเข้าไว้ในอ้อมแขน โอบกอดร่างกายของเธอเอาไว้ด้วยสัมผัสของเขาตลอดทั้งคืน

 

เช้าวันศุกร์กับการจราจรติดขัดดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับประเทศนี้ ไม่สิ...ไม่ใช่แค่วันนี้แต่เป็นทุกวันที่ผู้คนล้วนต้องเสียเวลาไปหลายชั่วโมงบนท้องถนน ซึ่งผู้คนที่ว่านั้นก็รวมสามชีวิตที่ติดแหง็กอยู่ในรถตอนนี้ด้วย 

“วันนี้บอสมีประชุมตอนสิบโมงถึงสิบเอ็ดโมงนะคะ แล้วก็เที่ยงครึ่งมีนัดเซ็นสัญญากับคุณอนันต์ ครีมจองร้านอาหารไว้ให้แล้วค่ะ”

เจ้าของเสียงเรียบเรื่อยน่าฟังเอ่ยขึ้น ถือเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วที่คริมาจะใช้เวลาในช่วงนี้ย้ำตารางงานประจำวันให้เจ้านายฟังอีกครั้ง นอกเหนือจากที่เธอแจ้งไว้ผ่านอีเมลในทุกต้นสัปดาห์ ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันความผิดพลาดรวมถึงอัปเดตตารางต่างๆ ของเขาให้เป็นปัจจุบันที่สุด

“แล้วตอนเย็นล่ะ”

“ตอนเย็นว่างค่ะ ไม่ได้มีนัดที่ไหน”

“อืม”

บทสนทนาระหว่างกันจบลงเพียงสั้นๆ ก่อนเจ้านายหนุ่มจะหันกลับไปมองชาร์จในไอแพดเครื่องเดิมต่อ ส่วนหญิงสาวก็ขยับห่างออกมาเล็กน้อยเมื่อเสร็จสิ้นหน้าที่ของเลขานุการ 

คริมาขยับนั่งตัวตรงพลางกระชับคอเสื้อที่สวมอยู่ให้เข้าที่เข้าทาง กลัวว่าร่องรอยที่อีกฝ่ายทำไว้เมื่อคืนจะมีใครสังเกตเห็นเข้า มันคงไม่เหมาะสมนัก และเธอรู้ดีว่าควรระวังตัว 

นอกจากความคลุมเครือของสถานะระหว่างกันแล้ว แน่นอน เรื่องราวของเธอและท่านประธานหนุ่มก็ไม่ใช่เรื่องเปิดเผยในบริษัท มีเพียงผู้ช่วยและเพื่อนสนิทอย่างมนภาสหรือมาร์คเท่านั้นที่รับรู้ทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น คริมาคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เธอไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจอะไรเพราะรู้สถานะของตัวเองดี และไม่คิดเรียกร้องสิ่งที่ไม่มีวันได้เป็นเจ้าของ

ทุกวันนี้สิ่งที่เธอได้รับจากเขาก็มากพอแล้ว ทั้งเงินเดือนจากการทำงานประจำ แล้วยังค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่เขามอบให้ด้วยความพิศวาส มันมากพอให้เธอใช้ชีวิตได้อย่างไม่เดือดร้อน 

นอกจากนั้นคณิณยังสอนเรื่องการลงทุนต่างๆ ให้เธอด้วย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้นหรือการซื้อขายกองทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า การใช้เงินต่อเงิน ให้เงินทำเงิน วิถีเหล่านั้นเธอก็เรียนรู้มาจากเขา แน่นอนว่าได้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า

มากมายจนคิดว่าต่อให้ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว เธอก็ใช้ชีวิตต่อได้อย่างไม่ลำบาก ถ้าวันไหนที่หน้าที่ของเธอจบลง การเดินออกจากชีวิตของเขาคงไม่มีผลในเรื่องนี้ จะมีก็แต่กับหัวใจของเธอเท่านั้นที่คงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุด 

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเศร้าอะไรหรอก บอกตามตรงว่าเธอใช้ชีวิตอย่างเตรียมพร้อมมาโดยตลอด ถ้าวันนั้นมาถึง เธอก็ได้หวังว่าตัวเองจะสามารถใช้ชีวิตต่อไปอย่างไม่เจ็บปวดนัก หวังว่าจะมีความสุข แม้ว่าจะไม่มีเขาข้างกายแล้วก็ตาม

“ครีม! ได้ยินที่ฉันพูดไหม”

“อะ! เมื่อกี้บอสว่าอะไรนะคะ”

คริมาสะดุ้ง เสียงเข้มของเจ้านายปลุกคนที่อยู่ในภวังค์อย่างเธอให้รีบหันไปมอง และเห็นว่าเขาเองก็มองเธออยู่ก่อนแล้ว 

“เมื่อเช้าเธอไม่ได้ทานข้าว”

“คะ?”

“หิวหรือเปล่า”

คำถามนั้นไม่เพียงเฉลยให้คนฟังเข้าใจ แต่ยังทำให้สารถีหนุ่มด้านหน้ายกยิ้มขำอีกด้วย แต่ไม่นานผู้ช่วยคนสนิทก็ถูกสายตาดุดันของเจ้านายตวัดมองเป็นเชิงว่า ‘เงียบปากไป’ มนภาสจึงทำเพียงยิ้มบางแล้วหันไปสนใจขับรถต่อ ถึงอย่างนั้นก็ยังอดคิดในใจไม่ได้ว่า

‘คนปากแข็งนี่เอาอะไรมางัดก็ไม่ออกจริงๆ’ 

คริมาย่นหัวคิ้วเล็กน้อยเพราะไม่เข้าใจสายตาฟาดฟันของทั้งคู่ ก่อนหญิงสาวจะรีบหันมาตอบคำถามเจ้านายอย่างเป็นปกติ 

“ยังไม่หิวค่ะ เดี๋ยวไปถึงบริษัทครีมค่อยแวะซื้อในคาเฟ่ก็ได้” มีบ้างในบางวันที่เธอไม่ได้รับประทานอาหารมาจากบ้านใหญ่ เพราะยังเช้าเกินไปจึงไม่รู้สึกหิว อาศัยมาซื้อของกินเล่นที่นี่ และบางทีก็ถือโอกาสซื้อกาแฟแก้วโปรดสำหรับเจ้านายด้วย

“ตามใจ”

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนด้านหน้า เธอจึงส่งยิ้มไปให้ แม้จะไม่รู้ความหมายของเสียงหัวเราะนั้นก็ตาม 

วันนี้มนภาสอาสามาเป็นสารถีขับรถให้เนื่องจากพวกเขาต้องเข้าบริษัทพร้อมกันแต่เช้า เจ้าตัวให้เหตุผลว่าไม่อยากเปลืองน้ำมันรถตัวเอง แต่เธอคิดว่าเขาคงแกล้งกวนโมโหคนเป็นเจ้านายไปอย่างนั้น 

“แวะซื้อกาแฟให้ฉันด้วยแล้วกัน”

“ได้ค่ะ” หญิงสาวรับคำ ในขณะครุ่นคิดถึงบริษัทที่พวกเธอกำลังจะไปถึง

เคเอกรุ๊ปเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่นอกจากเงินเดือนสูงลิ่วแล้ว สวัสดิการต่างๆ ยังครบครันและเป็นเลิศ นอกจากนั้นยังมีสิทธิพิเศษอีกหลายอย่างสำหรับพนักงาน คริมาคิดว่าเธอโชคดีมากที่ได้เข้าทำงานที่นี่ 

เธอเรียนจบด้านภาษาซึ่งการทำหน้าที่เลขานุการนั้นค่อนข้างใช้ทักษะด้านนี้ก็จริง แต่ทักษะด้านอื่นของเธอเรียกได้ว่าแทบจะเป็นศูนย์ เธอต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด ต้องทำงานละเอียดและรอบคอบ ใช้เซนส์ในบางครั้ง ต้องรู้รอบแม้กระทั่งเรื่องร้านอาหาร การเลือกของขวัญสำหรับคู่ค้า รวมถึงรายละเอียดยิบย่อยอีกหลายอย่างที่สำคัญไม่แพ้กัน ที่ผ่านมาเธอพยายามอย่างหนักเพื่อเรียนรู้และทำหน้าที่ตรงนี้อย่างเต็มที่ กระทั่งได้รับการยอมรับในที่สุด เพราะขนาดผู้ช่วยคนเก่งยังชมจนเธอปลาบปลื้มไปหลายวัน

“เอาละครับ ในที่สุดก็ถึงสักที” ผู้ช่วยทุกตำแหน่งเอ่ยอย่างอารมณ์ดี มนภาสชำเลืองมองกระจกมองหลังเล็กน้อย ทำทีเป็นไม่สนใจดวงตาดุเข้มของเพื่อนที่มองมาแทบถลน 

มันจะอะไรนักกับการที่เขาแค่หันไปยิ้มกับ ‘คน’ ของมัน

เบื่อคนขี้หวง!

หลังจากติดแหง็กบนท้องถนนมานาน ในที่สุดรถยนต์คันหรูก็เลี้ยวเข้าสู่เขตอาคารที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่น พอมาถึงบริษัทคริมาก็รีบขออนุญาตเจ้านายเข้าไปซื้อชุดอาหารเช้าง่ายๆ ในคาเฟ่ที่มีไว้บริการพนักงาน 

“คุณมาร์คเอาอะไรไหมคะ ครีมเลี้ยงเอง”

เธอหันไปถามผู้ช่วยคนสนิทของเจ้านายซึ่งได้รับหน้าที่ให้มาช่วยถือของ แม้เธอจะยืนยันไปแล้วว่าไม่อยากรบกวนและถือขึ้นไปเองได้ มันไม่ได้มากมายเลยสักนิด แต่สายตาดุๆ ของคนเป็นนายก็มองอย่างกดดัน สุดท้ายเธอจึงต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ”

“เป็นอเมริกาโนเย็นแล้วกันเนอะ”

เพราะรู้ว่าเขาจะปฏิเสธ คนเอ่ยถามจึงมัดมือชกสั่งเครื่องดื่มแก้วโปรดให้โดยไม่ถามความเห็นเป็นครั้งที่สอง ส่วนคนถูกมัดมือชกก็ได้แต่อมยิ้มขำด้วยความจำยอม เขาไม่แปลกใจเท่าไรที่เจ้านายจะ ‘หลง’ หญิงสาวคนนี้มากขึ้นทุกวัน

มนภาสทำงานเป็นผู้ช่วยของคณิณมาหลายปีและที่สนิทชิดเชื้อเช่นนี้เพราะเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่าล้มกลิ้งมาด้วยกันตั้งแต่เกิด แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ เขาเองก็ไม่ใช่คนชอบป่าวประกาศอะไร เวลาอยู่ในบริษัทจึงรับหน้าที่เป็นเพียงผู้ช่วยคนสนิท หรือเรียกง่ายๆ ว่า ‘เจเนอรัลเบ๊’ ของคณิณนั่นแหละ

และที่จริงแม้เขาไม่ใช่คนชอบพูดไปเรื่อย แต่ถ้าจะให้เล่าถึงความเปลี่ยนแปลงของเจ้านาย ว่าหลังจากเปิดรับ ‘ใครบางคน’ เข้ามาในชีวิตแล้วเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างนั้น เขานั่งเล่าได้เป็นวันๆ เลยทีเดียว

“มาครับผมช่วย” มนภาสปรี่เข้าไปหาหญิงสาวหลังเจ้าตัวพยายามหอบหิ้วข้าวของจนเต็มไม้เต็มมือ 

“ส่งมาเถอะครับ ถ้าบอสมาเห็นเดี๋ยวผมถูกเตะโด่งออกจากบริษัทพอดี” เขาว่ายิ้มๆ มองหญิงสาวที่ยื่นบางส่วนมาให้ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่เธอถือไว้เอง เขาส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะฉวยเอามาถือไว้ทั้งหมด เพราะขืนเจ้านายคนดุมาเห็นว่าเขาละเลยหน้าที่มีหวังโดนสายตาฟาดฟันไม่หยุดแน่นอน

“ใครจะไปไล่คนเก่งแบบคุณมาร์คออกได้ล่ะคะ ไม่มีทางหรอกน่า”

ถ้าเป็นเรื่องอื่นมนภาสคงไม่เถียง แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้เขาไม่มั่นใจเท่าไร

“ถ้าเป็นเรื่องคุณ หมอนั่นน่ะไม่ปล่อยผมแน่” ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่คงดังไปหน่อย

“คุณมาร์คว่าอะไรนะคะ”

“อ้อ เปล่าครับ ผมบอกว่ารีบขึ้นไปดีกว่า เดี๋ยวบอสจะรอนาน” 

ว่าแล้วก็เป็นฝ่ายเดินนำไปยังลิฟต์ คริมามองตามคนตัวสูงอย่างไม่เข้าใจนัก แต่สุดท้ายก็หลุดยิ้มเมื่อเห็นเจ้าตัวกวักมือเรียก

ลิฟต์ส่วนตัวของผู้บริหารขึ้นมาหยุดบนชั้นยี่สิบสามซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของตึก เป็นพื้นที่สำหรับท่านประธานและผู้บริหารระดับสูงโดยเฉพาะ ส่วนเลขานุการอย่างเธอมีโต๊ะทำงานตั้งอยู่ในห้องของท่านประธานอีกที 

“ขอบคุณนะคะ”

คริมาเอ่ยขอบคุณเบาๆ หลังช่วยเปิดประตูให้คุณผู้ช่วยเพราะเจ้าตัวถือข้าวของของเธอไว้เต็มสองมือ ทว่ายังไม่ทันได้ช่วยเอาไปวางบนโต๊ะ ผู้เป็นเจ้านายที่มองลอดมาจากกระจกใสก็เปิดประตูออกมาจากห้องแล้วเดินตรงเข้ามาหา

“วางเสร็จก็ออกไปได้แล้ว มีงานต้องทำไม่ใช่หรือไง”

“ครับๆ คุณเจ้านาย ผมมีงานต้องทำอีกเยอะเลย”

คนหนึ่งออกคำสั่งเสียงเรียบ ส่วนอีกคนก็รับคำสั่งด้วยน้ำเสียงกวนประสาท ภาพที่ทั้งสองฟาดฟันกันด้วยสายตานี้ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับคนมองอย่างเธอไปแล้ว คริมาส่ายหน้าช้าๆ ไม่รู้ทำไมเจ้านายของเธอถึงเขม่นอีกคนนัก เห็นเวลาทำงานด้วยกันสองคนก็ปกติดี แต่พอมีเธออยู่ด้วยทำไมบรรยากาศเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้ 

หลังผู้ช่วยคนสนิทออกไปแล้ว ห้องทั้งห้องก็กลับสู่ความเงียบอีกครั้ง ทว่าไม่นานคนเป็นเจ้านายก็เอ่ยขึ้น

“รีบกินซะสิ”

เลขานุการสาวรับคำสั่งแล้วนั่งลงบนโซฟาในห้องอย่างไม่อิดออดเพราะเริ่มหิวแล้ว เธอหยิบแซนด์วิชที่ซื้อออกมากัดเต็มคำ อีกมือประคองแก้วโกโก้ร้อนขึ้นมาจิบ โดยไม่รู้ว่าท่าทางเอร็ดอร่อยของตัวเองนั้นตกอยู่ในสายตาใครบางคนมาตั้งแต่ต้น 

“เกือบลืม นี่กาแฟร้อนของบอสค่ะ”

กว่าเธอจะนึกได้ก็ตอนที่กัดแซนด์วิชไปเกือบครึ่งชิ้น คณิณกดยิ้มมุมปาก แต่ไม่นานสีหน้าก็กลับมาราบเรียบเช่นเดิม เขารับแก้วกาแฟจากมือเล็กของเธอที่ยื่นให้ กลิ่นของมันหอมฟุ้งไปทั่วห้อง และน่าแปลกที่คนเป็นเจ้านายอย่างเขากลับเลือกทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คนที่เอร็ดอร่อยกับอาหารเช้า แทนที่จะกลับเข้าไปในห้องอย่างเช่นทุกวัน

‘เอ้า! ทำไมมานั่งตรงนี้ล่ะ’

แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงเสียงในความคิด เพราะความจริงแล้วคือเธอนั่งเงียบกริบ 

คริมากลับมานั่งยืดตัวตรง ถือแซนด์วิชที่กัดไปอีกครึ่งคำค้างไว้ในมือ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลางานเธอจึงตั้งใจจะทำตัวเอ้อระเหยสักพัก แต่ก็กระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อยเมื่อร่างสูงใหญ่เบียดเข้ามาใกล้จากด้านข้าง 

บอกก่อนว่าถึงเธอและเจ้านายหนุ่มจะมีความสัมพันธ์ที่มากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง แต่เวลาทำงานนั้นคณิณทั้งจริงจังและเคร่งขรึม นอกจากครั้งนั้นที่ถูกเขาลงโทษจนเกือบเสียงาน เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เธอจะไม่มีทางให้เกิดขึ้นอีก เพราะเมื่อก่อนเวลาเธอทำผิดเขาก็ตักเตือนและให้คำแนะนำ แต่พอทำดีก็จะชื่นชมและมีให้รางวัลเสมอ นั่นถือเป็นเรื่องดีมาก เพราะเธอเองก็ต้องการเรียนรู้และใช้ความสามารถในการทำงานอย่างเต็มที่เช่นกัน 

“บอสทานแซนด์วิชไหมคะ”

บรรยากาศของความเงียบที่ชวนให้อึดอัดทำเอาคนพยายามทำตัวลีบเล็กต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามเพื่อเริ่มต้นบทสนทนา ก็เจ้านายเล่นจ้องเธอเคี้ยวแซนด์วิชไม่วางตาขนาดนี้ ต่อให้หิวจนไส้บิดเธอก็กลืนมันลงคอไม่ได้อยู่ดี

“อืม”

พอได้ยินเสียงตอบรับ คนเป็นเลขานุการก็กุลีกุจอควานหาแซนด์วิชที่ซื้อมาเผื่อหลายชิ้นแล้วยื่นให้ ทว่าความจริงนั้นคนขอไม่ได้อยากกินของในมือ แต่เป็นแซนด์วิชชิ้นน่าอร่อยที่อยู่ในปากของเธอต่างหาก

“ขอชิมหน่อย”

“อ๊ะ”

ร่างเล็กจ้อยของเลขานุการสาวถูกรวบไว้ ก่อนริมฝีปากร้อนจัดของเจ้านายหนุ่มจะทาบลงมาปิดด้วยความร้อนแรง คณิณกวาดลิ้นไปตามกลีบปากที่มีรสชาติหวานมันของครีมซอสติดอยู่ ดูดชิมแผ่วเบาตรงนั้นก่อนจะแทรกลิ้นเข้าไปในโพรงปาก 

เสียงครางอู้อี้รวมถึงฝ่ามือเล็กๆ ที่ขยุ้มอยู่บนเสื้อไม่ได้ทำให้คนตัวสูงหยุดการกระทำแต่อย่างใด คริมาดิ้นขลุกขลัก ทว่าก็ไม่ได้รับอนุญาตให้หลบหนีเมื่อเอวคอดถูกดึงเข้าหาแผงอกแน่นของเขา ริมฝีปากถูกบดเบียดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว เจ้านายหนุ่มดูดกลืนราวกับว่ามันอร่อยจนต้องวนเวียนฉกชิมซ้ำๆ และกว่าแซนด์วิชชิ้นนั้นจะหมด คนในอ้อมแขนก็ถูกกินจนปากบวมแดงไปหมดเนื่องจากแรงขบกัดของคนตัวสูง 

“อืมอร่อย”

ไม่เพียงแค่พูด เจ้าของเสียงยังวกมาตวัดลิ้นมาเลียกลีบปากของเธอซ้ำเพื่อชิมทุกอย่างอีกหลายครั้ง ดูดย้ำหนักๆ ราวกับไม่สามารถอดทนกับความอ่อนหวานนี้ กว่าจะได้รับอิสระและกลับเข้าไปทำงานได้ หญิงสาวก็ใช้เวลารวบรวมสติที่แตกกระเจิงอยู่หลายนาที 

คณิณเคร่งขรึมเรื่องงานก็จริง แต่เรื่องขยันรังแกเธอเขาก็จริงจังไม่น้อยไปกว่าเรื่องอื่นเลย!

 

วันนั้นทั้งวันคริมาตามติดเจ้านายพร้อมทั้งคอยทำหน้าที่เลขานุการอย่างดีเยี่ยม กระทั่งช่วงเที่ยงที่เขาต้องออกไปพบคุณอนันต์ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่คุ้นเคยและทำธุรกิจร่วมกันมานาน และเพราะทั้งคู่สนิทสนมกันเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วเธอจึงไม่ต้องตามไปด้วย

เที่ยงนั้นคริมาจึงสั่งดิลิเวอรีมารับประทานแทนการลงไปศูนย์อาหารด้านล่าง ส่วนหนึ่งก็เพราะต้องการเคลียร์งานที่ยังค้างอยู่ด้วย 

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงที่เลขานุการคนเก่งจดจ่ออยู่กับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เธออ่านและตอบอีเมลซึ่งส่งมาวันละหลายสิบฉบับ รวมถึงจดบันทึกตารางงานเพิ่มเติมสำหรับเดือนหน้าที่เธอต้องวางแผนและทำเอาไว้ล่วงหน้า 

พอเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองจ่อมจมอยู่กับมันนานพอสมควร ตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายสามแล้ว แต่ภายในห้องยังคงเงียบสงบเนื่องจากเจ้านายยังไม่กลับเข้ามา ทว่าดูเหมือนคนที่เธอนึกถึงจะอายุยืนไม่น้อย เพราะทันทีที่ความคิดนั้นจบลง ประตูห้องทำงานก็เปิดออก 

“กลับมาแล้วเหรอคะ”

เลขานุการสาวปรี่เข้าไปหาคนตัวสูงพร้อมทำหน้าที่ เธอรับสูทตัวนอกที่เขาถอดออกมาถือไว้ ไม่แน่ใจว่าเป็นอากาศร้อนจัดจากภายนอกหรือว่าอะไรที่ทำให้คนตรงหน้าปลดกระดุมเชิ้ตที่สวมอยู่ออก แม้จะแค่สองเม็ด แต่คนมองก็เห็นแผงอกแน่นตึง 

คริมาหันมองไปทางอื่น หัวใจเต้นตึ้กตั้กขึ้นมากะทันหัน ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะจากคนด้านหลัง หญิงสาวก็ถึงกับรีบก้มหน้า เธอเคยบอกหรือยังว่าคณิณเป็นผู้ชายที่ใส่สูทแล้วดูดีมาก ทุกอย่างดูชวนมองไปหมด ด้วยสัดส่วนความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบปลายๆ ยิ่งทำให้ร่างกายของเจ้าตัวดูโดดเด่น ยิ่งพอมาอยู่ในชุดทำงานแบบนี้ เขาก็ยิ่งเหมาะกับคำนิยามของคำว่า ‘Daddy’ ตามนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ที่เธอชอบอ่าน

แล้วเธอก็เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอมองเจ้านายนานเกินไปตอนที่เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ใกล้จนเธอต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว ในหัวนึกประมวลหาทางรอด แล้วเธอก็เลือกถามคำถามเพื่อดึงความสนใจ

“เอ่อ บอสจะรับชากับของว่างไหมคะ”

ทว่าเจ้านายหนุ่มกลับส่ายหน้า 

“ทะ...ทุกอย่างราบรื่นดีใช่ไหมคะ” 

คนเป็นเลขานุการยังไม่ยอมแพ้ แต่เสียงของเธอก็ติดขัดเล็กน้อยตอนที่อีกฝ่ายยิ่งก้มลงมาใกล้ราวกับรู้ว่าเธอกำลังหลบเลี่ยง เธออยากกลั้นหายใจ แต่ไปๆ มาๆ กลับสูดกลิ่นหอมเจือจางที่ลอยอยู่ใกล้นั้นแทนอย่างเผลอไผล ส่วนคนตัวโตกว่านั้นหลุดเสียงหัวเราะแผ่วเบา ก่อนจะตอบคำถามคนช่างซักโดยก้มลงไปกระซิบข้างหู

“อืม ราบรื่น”

คณิณตอบคำถาม แต่ดวงตากลับไม่ละไปจากใบหน้าเนียนใสของคนตัวเล็กกว่าแม้แต่นิด ระยะห่างที่น้อยอยู่แล้วก็พลันน้อยลงอีกเมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ ฝ่ามือใหญ่ของเจ้านายหนุ่มวางบนแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีแดงจัดแล้วลูบไล้เบาๆ อย่างหยอกล้อ แต่ที่ทำเอาคนฟังถึงกับหน้าร้อนและหายใจสะดุดก็คงเป็นเสียงกระซิบว่า...

“รอยบนคอเธอสวยดี ฉันชอบ”

คนบอกชอบทำท่าว่าจะก้มลงมาดูรอยนั้นใกล้ๆ คริมารู้ทันจึงขยับห่างออกมา เธอรู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่ทำแค่มองแน่ๆ แต่ก็ยังหลบเกือบไม่พ้น ริมฝีปากหยักของเจ้านายหนุ่มเกือบแตะลงบนร่องรอยสีกุหลาบเพื่อย้ำเตือนความทรงจำได้สำเร็จ โชคดีที่โทรศัพท์มือถือของเขาส่งเสียงขัดขึ้นเสียก่อน

“ระ...รับโทรศัพท์เถอะค่ะ”

ใบหน้าคนถูกขัดเข้มขึ้นเล็กน้อย แต่พอเจ้าตัวหยิบเครื่องมือสื่อสารนั้นขึ้นมา ชื่อที่ปรากฏบนจอก็ทำให้เขาเปลี่ยนมาออกคำสั่งกับเธอแทน

“วันนี้เธอกลับพร้อมมาร์คก็แล้วกัน ตอนเย็นฉันมีนัด” 

‘อีกแล้ว...’

“แล้วบอส เอ่อ จะกลับไปทานข้าวที่บ้านไหมคะ”

“ไม่กลับ ไม่ต้องรอ”

คริมาพยักหน้ารับรู้ เธอไม่ถามอะไรต่อเพราะรู้ดีว่านัดที่ไม่ได้ลงแผนในตารางถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่เลขานุการอย่างเธอไม่ควรรู้ 

หญิงสาวเผลอถอนหายใจเมื่อคนตัวโตผละออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอก เธอก้มมองเสื้อสูทตัวใหญ่ที่ยังถือค้างอยู่ในมือ กลิ่นน้ำหอมจางๆ ยังติดอยู่บนนั้น ทว่าผู้เป็นเจ้าของกลับค่อยๆ ห่างออกไปทีละนิด รอยยิ้มบนใบหน้าระบายขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่าง ความรู้สึกที่เธอรู้ดีว่าไม่ควรเกิดขึ้น 

‘ทำตัวให้ชินไว้ครีม เพราะในวันที่ตัวจริงของเขาก้าวเข้ามาจะได้ไม่เจ็บมากนัก’

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น