5

บทที่ 5


5

 

“ถึงญี่ปุ่นแล้ว ยาฮู้!!! จะได้อาบน้ำร้อนแล้ว”

“น้ำร้อนเมืองไทยก็มีให้อาบ เก็บอาการหน่อยแก คนเขามองกันหมด เดี๋ยวก็ได้แจ้งเกิดหรอก” อริสาเอ็ดเพื่อนที่แหกปากตะโกนอย่างไม่อายชาวบ้าน

เมื่อเครื่องลงที่สนามบินญี่ปุ่นเรียบร้อย พวกเธอก็พาใบหน้าสะลึมสะลือเพราะยังไม่ตื่นดี ทยอยเดินกันไปตรวจพาสปอร์ตและรับกระเป๋า รอบนี้อริสาไม่พลาดที่จะเดินไปเอารถเข็นมาใช้ เผื่อว่าถ้าเกิดสาวหมวยจะทิ้งกระเป๋าเดินทางให้เธอรับผิดชอบเหมือนที่เมืองไทย เธอจะได้ไม่ต้องลำบากทุลักทุเลอย่างที่เป็นมา พอออกมาจนถึงปากทางออกอาคารผู้โดยสาร ได้เห็นคนหลากสัญชาติเดินไปเดินมาขวักไขว่ก็พลอยช่วยให้หายง่วงได้บ้าง

กัณฑิมาที่โดนเพื่อนบ่นตีหน้ายู่ก่อนจะหันมาตอบ “ฉันไม่สน แจ้งเกิดสิดี คนอื่นจะได้เห็นความสวยอันงดงามของฉัน....”

ผัวะ!

ยังไม่ทันจบประโยคดี หัวน้อยๆ ของกัณฑิมาก็คะมำไปด้านหน้าด้วยมือของใครบางคน จนแว่นตาเลื่อนหลุดลงไปกองอยู่ปลายจมูก และคงจะร่วงลงพื้นไปแล้วถ้าเธอยกมือมาจับไว้ไม่ทัน

“ไอ้ขวัญตบหัวฉันทำ...อ้าว ฝีมือแกเรอะ ไอ้ต้า!”

ชยุตร์ที่โผล่มาด้านหลังยิ้มร่า “สวยตายละยายลูกไก่ แล้วฉันน่ะอายุมากกว่านะ ทำไมไม่เรียก พี่ต้าคะ พี่ต้าขา...ทีกับไอ้บอลเธอยังเรียกมันว่า ‘พี่’ เลย”

“ก็ฉันเรียกตามคุณวุฒิ ไม่ใช่วัยวุฒิ อย่างแกน่ะ ทำตัวไม่น่าเคารพ ฝันไปเถอะว่าฉันจะเรียกพี่” กัณฑิมาจัดการผลักหัวอีกฝ่ายกลับอย่างแรง แล้วหลังจากนั้นก็กลายเป็นมหกรรมสลับกันผลักหัวอย่างไม่มีใครยอมใคร

อริสามองสองคนนี้เถียงกันแล้วก็เหนื่อยใจ เลยคิดว่าผละออกไปเข้าห้องน้ำตอนนี้คงจะดี “ฉันไปห้องน้ำแป๊บ เดี๋ยวมา”

“ยายลูกไก่ จะทำตัวดีๆ พูดจาเพราะๆ เหมือนผู้หญิงเขาหน่อยได้ไหมเนี่ย” ชยุตร์ยกมือขอสงบศึกการผลักหัวเพราะทรงผมที่เซตมาจากห้องน้ำบนเครื่องบินนั้นเริ่มจะยุ่งเหยิง

“ทำอย่างกับว่าแกทำตัวดีนักละ” กัณฑิมาเบ้ปาก

“ฉันทำตัวดีจะตาย ดีเลิศเลอเพอร์เฟกต์เหมือนไอ้อิน...” ชยุตร์เอามือปิดปากแทบไม่ทัน เมื่อรู้ว่าพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปเสียแล้ว “เอ่อ..ลูกไก่ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ...”

“ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ...แล้วดูพูดมาได้ อย่างแกน่ะไม่มีทางเทียบกับพี่อินของฉันได้หรอก” หญิงสาวเอ่ยถึง อินทรี หรืออิทธิพัฒน์ พี่ชายที่ล่วงลับไปแล้วของเธอด้วยน้ำเสียงภูมิใจ แต่แววตานั้นบดบังความเศร้าไม่มิด

“เฮ้ย แต่ฉันก็หล่อนะเว้ย” ชยุตร์เห็นแววตาที่เจือรอยเศร้าเข้าก็รีบเปลี่ยนเรื่อง ยกไม้ยกมือขึ้นมาเก๊กท่าเต็มที่ เพื่อให้อีกฝ่ายลืมเรื่องนั้นไป และก็ได้ผล เพราะกัณฑิมาหัวเราะลั่น

“น่าเอาไปหล่อใหม่น่ะสิ” กัณฑิมาพูดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปมองชายหนุ่มที่เป็นเพื่อนเก่าของพี่ชายอีกคน พบว่าอีกฝ่ายนั้นมองมาที่เธออยู่แล้วด้วยสีหน้าราบเรียบเสียจนค่อนไปทางเย็นชา ทำเอากัณฑิมาอดค่อนแคะอีกฝ่ายในใจไม่ได้

อีตาภูเขาน้ำแข็งเอ๊ย

 

“ทุกคนได้กระเป๋ากันครบเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ” เสียงไกด์หนุ่มดังขึ้น ทีมงานที่ยืนกระจัดกระจายกันอยู่บริเวณปากทางออกจึงเดินมารวมกลุ่ม ทริปนี้รวมแล้วมีด้วยกันทั้งหมดสิบเอ็ดชีวิต ทีมงานจากฟีลลิ่ง อิท สี่คน ทีมงานคอสตูมกับช่างหน้าช่างผมสามคน ทีมงานจากบริษัทไลล์ราสองคน และนางแบบนายแบบ

ไกด์คีย์กดโทรศัพท์เรียกรถบัสให้ขับมาจอดด้านหน้า แล้วเตรียมพาทุกคนเดินไปรอขึ้นรถ “เราเดินไปรอขึ้นรถด้านหน้ากันเลยนะครับ การเดินทางจะใช้เวลาราวๆ สามชั่วโมงก็ถึงโรงแรมครับ”

กัณฑิมารีบบอก “คุณคีย์คะ พอดียายขวัญไปเข้าห้องน้ำ ยังไม่กลับมาเลยค่ะ”

“อ้อ งั้นเดี๋ยวเรารอคุณขวัญก่อน แล้วค่อยไปพร้อมกันนะครับ” ไกด์คีย์พยักหน้ารับทราบ

“ไม่เป็นไรครับคุณคีย์ พาทุกคนไปก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวผมพาคุณขวัญตามไปเอง คนอื่นจะได้ไม่ต้องเสียเวลายืนรอ คุณคีย์อธิบายทางไปที่จอดรถให้ผมก็พอครับ ผมอ่านภาษาญี่ปุ่นออก คงไม่หลง” เทวินทร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ไกด์คีย์เอ่ย “ผมกะจะไปล้างหน้าล้างตาพอดี จะได้รอเจอคุณขวัญหน้าห้องน้ำแล้วเดินไปที่รถพร้อมกันเลย”

ไกด์คีย์ตกลงกับเทวินทร์และอธิบายตำแหน่งที่จอดรถให้ ซึ่งไม่ยากนักที่จะเข้าใจ ลูกค้าเจ้าของโพรเจกต์นี้จึงผละจากกลุ่มทีมงาน เดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุดพลางมองซ้ายมองขวาหาอริสาด้วยกลัวว่าเธอจะเดินสวนกับเขาไปแล้วไม่ทันเห็น ทว่าเดินมาจนถึงห้องน้ำแล้ว แต่ก็ยังไม่พบวี่แววของสาวเจ้าเลย

หรือว่าจะยังอยู่ในห้องน้ำ หรือเธอไม่ได้เดินมาเข้าห้องน้ำด้านนี้

แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นสาวร่างบางที่เขากำลังมองหาอยู่นั้นกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติ จึงสาวเท้าเข้าไปหาทันทีพร้อมเอ่ยเรียก “คุณอริสาครับ”

“ว้าย!” อริสาสะดุ้งเฮือก ก่อนจะถอนหายใจ พึมพำเบาๆ “...ตกใจหมด”

เทวินทร์ขำน้อยกับอาการสะดุ้งของหญิงสาว “มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ”

“คือจะซื้อน้ำ แต่ว่ายังหาเหรียญในกระเป๋าได้ไม่ครบอะค่ะ” อริสาชี้ไปที่เหล่าเครื่องดื่มหลายยี่ห้อในตู้กด ซึ่งมีอยู่หลายแบบหลายสีสัน “ขวัญแลกมาแต่แบงก์ มีเหรียญติดมาด้วยแค่นิดเดียวเอง...”

เทวินทร์ถามต่อ “แล้วจะเอาอันไหนครับ เขามีกาแฟ ชาเขียว น้ำผลไม้ เครื่องดื่มเกลือแร่ โกโก้ น้ำอัด...”

“โกโก้ค่ะ” เธอตอบอย่างรวดเร็ว ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีที่ได้ยินชื่อเครื่องดื่มตัวโปรด ในตอนแรกเธอกะจะจิ้มสุ่มๆ เอาเพราะทุกอย่างเป็นภาษาญี่ปุ่นเสียหมด เธอแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นเครื่องดื่มอะไร ได้แต่อาศัยการเดาสุ่มจากรูปภาพบนกระป๋อง ก็พอบอกได้อยู่บ้าง พวกที่มีรูปองุ่นรูปส้ม ส่วนที่เหลือนั้นเธอไม่รู้จริงๆ

“เอาแบบร้อนหรือเย็นดีครับ” เขาหยิบกระเป๋าสตางค์ตัวเองออกจากกระเป๋ากางเกง หยิบเหรียญเยนมาหยอดให้จนครบตามจำนวนเงิน ก่อนจะถามอีกฝ่าย

“มีให้เลือกด้วยเหรอคะ งั้น...เอาโกโก้ร้อนค่ะ” อริสาเก็บเหรียญที่เธอนับอยู่นานลงกระเป๋า แล้วหยิบธนบัตรย่อยขึ้นมาแทน มองเทวินทร์กดเครื่องดื่มที่เธอต้องการ เรียบร้อยแล้วก็ก้มลงหยิบกระป๋องที่ร่วงลงมาในช่องส่งให้อริสา หลังจากรับกระป๋องโกโก้ร้อนมาหญิงสาวก็ส่งธนบัตรย่อยในมือคืนให้อีกฝ่าย

“ไม่เป็นไรครับ เล็กน้อย”

“ไม่ได้ค่ะ” หญิงสาวยังคงยืนยัน แต่เทวินทร์ก็ไม่ยอมรับไป ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่ยอม เธอจึงทำหน้ามุ่ย “คุณเทวินทร์ ถ้าไม่รับไป ขวัญคงรู้สึกไม่ดีไปตลอดทริปแน่ๆ รับไปเถอะนะคะ”

“ไม่เป็นไรจริงๆ นะครับคุณขวัญ”

“ดื้อชะมัด...” ริมฝีปากบางบ่นอุบอิบ ก่อนที่จะนึกอะไรได้ “ถ้าไม่เอาเงิน งั้นเอาเป็นเครื่องดื่มแทนละกัน คุณเทวินทร์บอกว่าติดกาแฟ งั้นขวัญซื้อกาแฟกระป๋องให้คุณเป็นการตอบแทนนะคะ”

หญิงสาวไม่รู้เลยว่าประโยคที่เอ่ยออกมานั้นทำให้เทวินทร์ลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าเธอจำในสิ่งที่เขาพูดที่สนามบินเมืองไทยได้ เขาพยักหน้าแล้วยอมรับธนบัตรย่อยใบนั้นมาแต่โดยดี จากนั้นก็เก็บใส่กระเป๋าสตางค์แล้วหยิบเหรียญมาหยอดเพื่อซื้อกาแฟกระป๋องให้ตัวเอง

อริสาก้มหยิบเครื่องดื่มที่หล่นลงมาในช่องส่งให้ชายหนุ่ม “ขอบคุณมากนะคะ”

“ขอบคุณเช่นกันครับ”

เทวินทร์ยิ้มพลางสบตาอีกฝ่าย ซึ่งอริสานั้นพอเห็นดวงตาคู่สวยของชายหนุ่มที่ดูแวววาวอย่างคนอารมณ์ดีแล้วก็อดใจเต้นแรงไม่ได้ จนต้องรีบก้มหน้าหลบแล้วทำเป็นสนใจเครื่องดื่มกระป๋องในมือตัวเองแทน เธอแพ้ทางตาสวยๆ คู่นี้จริงๆ

ให้ตายเถอะยายขวัญ...ท่องไว้นะยะ นั่นนายจ้าง นายจ้าง นายจ้าง...อย่าไปเผลอคิดอะไรด้วยเชียว!

“เราไปกันดีกว่า ทุกคนเดินออกไปกันก่อนแล้วครับ เดี๋ยวเราไปที่รถบัสเลย” เทวินทร์บอกก่อนจะพาหญิงสาวเดินย้อนกลับทางเดิม มองหาป้ายตามที่ไกด์คีย์บอกไว้

“คุณเทวินทร์อ่านภาษาญี่ปุ่นออกด้วยเหรอคะ” อริสาถามเมื่อเห็นชายหนุ่มดูคล่องแคล่วเหลือเกิน ตั้งแต่ที่ตู้กดน้ำอัตโนมัติเมื่อครู่แล้ว นี่ถ้าไม่ได้เขา เธอก็คงจะพลาดเจ้าโกโก้กระป๋องแสนอร่อยนี่ไปแน่ๆ รสชาติของมันนั้นนุ่มละมุนลิ้นเป็นพิเศษ ไม่เหมือนกับเมืองไทยที่จะหนักไปทางรสโกโก้หรือช็อกโกแลต หรือไม่ก็หนักทางหวานไปเลย เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปกระป๋องเก็บเอาไว้ด้วยก่อนที่จะทิ้งมันลงถังขยะ เพื่อที่คราวหน้าถ้าเจอตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติอีก จะได้เปิดภาพดูและเลือกกระป๋องถูกอัน

ชายหนุ่มมองคนที่ดูถูกใจเจ้าเครื่องดื่มในมือเป็นพิเศษด้วยสายตาขบขัน “อ่านออกครับ และก็พูดได้นิดหน่อย”

“ดีจัง ขวัญเคยเรียนตอนมัธยมปลาย แต่พอสอบเสร็จปุ๊บก็คืนอาจารย์ไปหมดเลยทันที เหลือที่จำได้อยู่แค่ไม่กี่คำเองค่ะ”

บทสนทนาหยุดอยู่แค่นั้น เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงรถบัสที่จอดเทียบทางเท้าอยู่หน้าประตูสนามบิน อริสาจึงเอ่ยขอตัวไปหาเพื่อนสนิทที่เห็นว่ากำลังจะก้าวขึ้นรถ

 

ตอนนี้เป็นเวลาประมาณตีห้าเกือบๆ หกโมงเช้า อุณหภูมินั้นลดต่ำจนหลายๆ คนที่ไม่ได้สวมเสื้อกันหนาวขึ้นเครื่องต้องเปิดกระเป๋าเดินทางเพื่อหาเสื้อกันหนาวกับผ้าพันคอมาสวมทับ ก่อนที่จะเอากระเป๋าใส่ใต้ท้องรถบัส เมื่อกระเป๋าเดินทางและอุปกรณ์ทำงานทั้งหมดถูกจัดเก็บที่ใต้ท้องรถอย่างดีแล้ว ทุกคนก็เดินขึ้นรถเพื่อหาที่นั่ง เพราะว่าเป็นรถไมโครบัสขนาด 30 ที่นั่ง ทำให้มีที่นั่งว่างเหลือสบายๆ ไม่อึดอัด

อริสาเลือกที่นั่งริมหน้าต่างเกือบท้ายรถ ข้างๆ เป็นกระเป๋าเป้คู่กายของเธอกับกล้องถ่ายภาพที่หยิบออกจากกระเป๋ามาวางไว้เพื่อเตรียมถ่ายรูปวิวระหว่างทาง ส่วนกัณฑิมานั้นนั่งอยู่ด้านหลังเธออีกแถวหนึ่ง และใช้เก้าอี้ข้างตัวเป็นที่วางสัมภาระและกล้องเช่นกัน

ทริปนี้อริสาพกกล้องมาสองตัว ตัวหนึ่งสำหรับใช้ทำงาน ซึ่งเก็บอยู่ในกระเป๋ากล้องกันกระแทกอย่างดี พร้อมกับเลนส์อีกสามตัว และอุปกรณ์เสริมจำพวกแฟลชและสายต่อต่างๆ รวมอยู่กับสัมภาระที่ใต้ท้องรถ กับอีกตัวเป็นกล้องส่วนตัวที่เธอจะพกใส่ไว้ในเป้สะพายหลังตลอดเวลา โดยปราศจากการระมัดระวังใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้ตัวกล้องนั้นเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน ที่พอมีคนถามเธอก็จะยืดอกตอบอย่างภูมิใจว่า ‘แผลเป็นแห่งประสบการณ์’

เวลาผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก็เริ่มมีแสงเรืองรองที่ขอบฟ้า อริสาเตรียมยกกล้องขึ้นเก็บภาพ หลังจากกดชัตเตอร์รัวๆ ไปสี่ห้าที เธอก็กดเปิดรูปภาพดูว่ามีภาพไหนที่ถ่ายโดยไม่ติดรถคันอื่นบนท้องถนนไหม

“แก…”

“หือ?” อริสาเอี้ยวหน้าไปมองคนเรียก ก่อนจะได้ยินเสียงชัตเตอร์แบบโบราณดัง ‘แชะ’ สาวเจ้าขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวเรียกเธอเพื่อที่จะถ่ายรูป “มาถ่ายอะไรตอนนี้ยะ หน้าตาผมเผ้าไม่ทันได้ทำให้มันดีๆ เลย”

ไม่รู้ว่าเมื่อกี้เธอทำหน้ายังไงตอนหันไปอีกต่างหาก แล้วจะขอดูรูปก็ไม่ได้ เพราะเพื่อนเธอเป็นพวกชอบกล้องโบราณอย่างกล้องฟิล์มในมือตัวนี้ ทำให้กว่าจะได้เห็นรูปก็คงอีกหลายสัปดาห์

“ก็ candid photo1 ไงแก” กัณฑิมายักคิ้วให้เพื่อน “แล้วทำมาเป็นพูด ฉันน่ะก็เห็นแกสภาพนี้ตลอดเวลา จะแต่งหน้าหรือไม่แต่ง ทำผมหรือไม่ทำ ก็สภาพเหมือนลูกครึ่งซอมบีแบบนี้อยู่แล้ว”

“ก็คนมันไม่ค่อยได้นอนนี่หว่า” อาชีพอย่างเธอเนี่ย ได้นอนวันละสี่ชั่วโมงก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว อริสาหันหน้ากลับไปได้ไม่เท่าไร กัณฑิมาก็เรียกขึ้นอีก

“แก…”

“อะไร”

“คุณวินมองแกอยู่อะ”

“หือ?” ได้ยินแล้วอริสาจึงหันไปทางหน้ารถ แล้วก็พบว่าลูกค้าหนุ่มนั้นหันมองเธออยู่จริงๆ ซึ่งพอเธอสบตากับเขา เขาก็ยิ้มให้ ก่อนจะหันหน้ากลับไป เธอทำตาปริบๆ ก่อนจะหันไปหาสาวหมวย “...เขามองทำไมอะ”

“จะไปรู้เหรอ เดี๋ยวฉันเดินไปถามให้เอาไหมล่ะ”

“ไอ้บ้า ไม่ต้องเลย” อริสายื่นมือไปกดไหล่เพื่อนให้นั่งลงแทบไม่ทัน “เขาคงแค่หันมามองวิวผ่านกระจกหลังรถเฉยๆ มั้ง ไม่ได้มองฉันหรอก”

“ก็ฉันเห็นอยู่ว่าเขามองไปที่แก มองอยู่นานด้วย” กัณฑิมาสังเกตเห็นสายตาของชายหนุ่มตั้งแต่ก่อนที่เธอจะถ่ายรูปอริสาแล้ว แต่แรกๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร มาสงสัยตอนที่ชักรู้สึกว่าอีกฝ่ายมองเพื่อนสาวเธอไม่เลิกเสียทีนี่ละ สาวหมวยยื่นหน้าไประหว่างเบาะนั่งของเพื่อนก่อนจะเอ่ยกระซิบกระซาบ “นี่แกไปดีดน้ำมันพรายใส่เขามาใช่ปะวะ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้”

“น้ำมันพรายที่ฉันลนมาจากคางแกอะนะ”

“ยายบ้า ฉันยังไม่ได้ตายท้องกลม!”

“อ้าว ไม่ต้องตายก็ได้ เอาตอนเป็นๆ นี่ละ ท้องแกก็กลมอยู่”

“ไอ้ขวัญ! ยายคนปากเสีย”

“แกเริ่มก่อนนะ เชอะ”

กัณฑิมาตีหน้ายู่ใส่เพื่อนก่อนที่จะเอนหลังนั่งพิงเบาะของเธอตามเดิม แล้วก็พบว่าชายหนุ่มคนเดิมที่นั่งอยู่ข้างหน้าเธอไปสี่ห้าแถวนั้นหันมามองเพื่อนเธออีกแล้ว

หรือว่าเขาจะ...

เออ ช่างเถอะ...ตอนนี้ความง่วงเข้าโจมตี ขอนอนเอาแรงก่อน แล้วค่อยตื่นมาคิดต่อแล้วกัน

อริสาเองเมื่อต่อล้อต่อเถียงกับเพื่อนซี้เสร็จก็นั่งหลับตาเอาหัวพิงกระจก ตั้งใจจะไปเข้าเฝ้าเทพความฝันเสียหน่อย เธอจำเป็นที่จะต้องตุนพลังงานเอาไว้ให้มากๆ เพราะพอไปถึงโรงแรม คนอื่นอาจจะได้พักผ่อนหนึ่งวันก่อนเริ่มงานพรุ่งนี้ แต่เธอจะต้องไปเดินดูสถานที่ที่จะใช้ถ่ายแบบ ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นความคิดที่ดีที่จะรีบนอนตุนเอาไว้ ก่อนที่จะไม่ได้นอนเต็มอิ่มอีกหลายวัน

 

หญิงสาวรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็ตอนที่รถบัสค่อยๆ ชะลอช้าลง ก่อนจะจอดสนิทหน้าโรงแรม ดวงตากลมโตกะพริบถี่ๆ ไล่ความง่วง มองดูตัวโรงแรมผ่านกระจกรถ

โรงแรมนั้นดูเหมือนบ้านญี่ปุ่นทั่วไปแต่ขนาดใหญ่กว่าคำว่า ‘บ้าน’ อยู่หลายเท่าทีเดียว ตัวโรงแรมเป็นอาคารสองชั้น ทำด้วยไม้ทั้งหมด หลังคาเป็นกระเบื้องหินสีดำ ภายในโรงแรมนั้นตกแต่งอย่างเรียบง่ายไม่หรูหรา มีระเบียงทางเดินเคียงคู่ไปกับสวนหิน สถานที่แห่งนี้ดูกลมกลืนกับธรรมชาติรอบด้านเป็นอย่างดี ให้ความรู้สึกถึงความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมมากจริงๆ

กัณฑิมาเป็นคนบอกให้บริษัททัวร์เลือกโรงแรมนี้เป็นที่พัก เพราะเป็นโรงแรมแบบเรียวกังแท้ที่ราคาพอเหมาะและอยู่ห่างออกมาจากตัวเมืองไม่มากเท่าไร และใกล้ๆ กันก็มีตลาดชาวบ้าน ที่อริสาเลือกให้เป็นโลเกชันถ่ายแบบที่แรกของทริปนี้

และที่แน่นอนที่สุดคือ...ที่นี่มีออนเซ็นแบบญี่ปุ่นแท้ ซึ่งเธออยากไปลองแช่มากกก...

เหล่าแมกไม้นานาชนิดขึ้นรายรอบให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ต้นเมเปิลที่ใบเริ่มเปลี่ยนสีแล้วเพิ่มสีสันให้แก่สถานที่ได้เป็นอย่างดี อากาศค่อนข้างเย็นแต่ไม่ถึงกับหนาวจัด ซึ่งถือว่าโชคดี ไม่เช่นนั้นเหล่านางแบบนายแบบได้ไข้จับระหว่างการถ่ายแบบแน่ เพราะชุดที่เตรียมมานั้นค่อนข้างจะโชว์เนื้อหนัง เนื่องจากอริสาวางคอนเซปต์ว่า ‘ความเย้ายวนที่หอมหวาน’ อันตรงกับชื่อคอลเล็กชันนาฬิกาที่ว่า ‘Douce romance’

ทีมงานค่อยๆ ทยอยลงจากรถ อริสาลงมาเป็นคนสุดท้ายตามหลังกัณฑิมา สองสาวสูดอากาศเย็นเข้าไปจนเต็มปอด พร้อมรอยยิ้มระบายเต็มใบหน้า

“เอาของขึ้นห้องกันเหอะ ฉันอยากไปออนเซ็นจะแย่อยู่แล้ว วันนี้มีเวลาว่างเต็มวันอยู่วันเดียวด้วย” สาวหมวยหันไปเขย่าแขนเพื่อนด้วยกิริยาท่าทางราวกับเป็นเด็กน้อยอยากได้ของเล่น เพียงแต่ว่าแรงเขย่านั้นมากกว่าเด็กอยู่เสียหน่อยเพราะทำเอาอริสาหัวสั่นหัวคลอนกันเลยทีเดียว

“ปล่อยแขนฉันเดี๋ยวนี้ยายหมวยยย...” เสียงของอริสาสั่นตามแรงเขย่า พอร่างกายเธอเป็นอิสระ เธอก็ตรงไปยังประตูใต้ท้องรถเพื่อรอเอาอุปกรณ์การทำงานและกระเป๋าเดินทางร่วมกับชยุตร์และอิทฤทธิ์ที่ยืนรออยู่แล้ว เธอและสองหนุ่มห่วงสวัสดิภาพของอุปกรณ์แสนรักเหล่านี้มาก ดังนั้นจึงไม่ยอมให้คนอื่นยกให้ ลงมือจัดการเองทุกขั้นตอนเพื่อความสบายใจ

หลังจากตรวจว่ากล้องและข้าวของในกระเป๋ายังอยู่ดีไม่บุบสลาย อริสาก็ยกให้สองหนุ่มทำหน้าที่ดูแลต่อ ส่วนตัวเองก็รอกระเป๋าเดินทางที่กำลังทยอยขนลงจากรถ

“ให้ผมช่วยยกไหมครับ”

เสียงของเทวินทร์ดังขึ้นเมื่ออริสากำลังจะดึงกระเป๋าเดินทางของตัวเองออกจากช่องเก็บของใต้ท้องรถ หญิงสาวส่ายหน้าพรืด มือก็จับยึดกระเป๋าตัวเองไว้แน่นราวกับกลัวจะโดนแย่ง

“ไม่เป็นไรค่ะ แค่คุณเทวินทร์ยกให้เมื่อตอนอยู่สนามบินเมืองไทยก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว”

“รู้สึกผิดเรื่องอะไรครับ”

“ก็คุณเป็นเจ้านายนี่คะ ขวัญปล่อยให้เจ้านายยกของให้เฉยเลย ก็ต้องรู้สึกไม่ดีน่ะสิ”

“ง่ายมาก ก็ไม่ต้องมองผมเป็นเจ้านายสิครับ” เทวินทร์ยิ้มหวาน ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาราวกับจะพึมพำกับตัวเอง “ผมไม่ได้อยากให้คุณขวัญมองผมเป็นเจ้านายอยู่แล้วด้วย อยากให้มองในฐานะอื่นมากกว่า...”

“คะ?”

“ไม่มีอะไรครับ... มาเถอะ เดี๋ยวผมช่วย” ไม่พูดเปล่า เทวินทร์ยื่นมือมาช่วยยกกระเป๋าเดินทาง และเพราะที่จับกระเป๋าไม่ได้ยาวอะไร ทำให้มือของเขาใกล้กับมือของเธอที่จับอยู่ก่อนหน้าอย่างช่วยไม่ได้ รวมถึงร่างกายของอีกฝ่ายที่ขยับมายืนใกล้ตัวเธอจนเหลือช่องว่างห่างกันแค่ไม่กี่นิ้ว ไอร้อนแล่นวูบผ่านร่างกายทันทีอย่างไม่มีสาเหตุ ส่งผลให้พอกระเป๋าเดินทางของเธอลงมาวางกับพื้นเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็รีบปล่อยมือตัวเองออกจากที่จับกระเป๋าทันที

“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยโดยไม่ได้เงยหน้ามองอีกฝ่าย เพราะยังควบคุมความร้อนผ่าวที่แล่นอยู่ทั่วใบหน้าไม่ได้

“แล้วของคุณไก่ก็สองใบนี้ใช่ไหมครับ” เขาชี้ไปยังกระเป๋าสีเหลืองกับส้มที่ยังคงวางอยู่ในช่องใต้ท้องรถ

แต่ก่อนที่จะก้มตัวไปดึงกระเป๋าออกมา กัณฑิมาที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่เงียบๆ ก็รีบปราดเข้ามาขวางไว้ทันที “คุณวินไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ เดี๋ยวไก่จัดการเอง” แม้ปากจะบอกว่าจะจัดการเอง แต่ก็ส่งสายตากึ่งขอร้องกึ่งบังคับให้แก่ชยุตร์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลออกไปนัก ซึ่งรายนั้นก็เข้ามาช่วยแต่โดยดี

“ยังไม่มีโอกาสได้แนะนำตัวเลย ผมชื่อต้าครับ” ชยุตร์เอ่ยกับเทวินทร์หลังจากลากกระเป๋าเดินทางสีสดใสทั้งสองใบของกัณฑิมาลงมาวางบนพื้นเรียบร้อย ก่อนจะชี้ไปยังอิทฤทธิ์ที่ยืนหลับในด้านหลัง “นั่นบอลครับ ถ้าคุณเทวินทร์มีเรื่องอะไรหรือไม่พอใจงานตรงไหน บอกพวกเราได้เลยนะครับ”

“เรียกผมว่าวินก็พอครับ ไม่ต้องเรียกชื่อเต็มหรอก” เขารับไหว้สองหนุ่ม “แล้วก็ไม่ต้องไหว้ผมนะครับ ทำเอาผมรู้สึกแก่ยังไงก็ไม่รู้สิ” คำพูดของเขาเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้ทันที

อริสาสะกิดเรียกกัณฑิมาเพื่อที่จะหลบฉากออกไปจากวงสนทนา ปล่อยให้หนุ่มๆ ยืนคุยกันต่อ พวกเธอลากกระเป๋าเดินทางเตรียมจะมุ่งหน้าไปยังล็อบบีโรงแรม ทว่ายังไม่ทันจะเดินถึงประตู เทวินทร์ก็เดินมาเรียกไว้

“คุณขวัญครับ” เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาหญิงสาว อริสาจึงพยักหน้าเป็นการส่งสัญญาณให้สาวหมวยเข้าไปทำเรื่องเช็กอินกับไกด์คีย์ก่อน จากนั้นก็ยืนรอชายหนุ่มเดินมาหา

“คะ คุณเทวินทร์”

“นี่ก็อีกคน ไม่ต้องเรียกชื่อเต็มผมก็ได้นะครับ” เขาเอ่ยก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องบางของตัวเองออกมา “ผมขอเบอร์คุณขวัญไว้หน่อยได้ไหมครับ เผื่อมีเรื่องงานอยากจะถามน่ะครับ”

อริสาเองพอได้ยินว่าอีกฝ่ายต้องการเบอร์ติดต่อไว้คุยงาน ก็ไม่คิดอะไรมาก เธอบอกเบอร์ไป ซึ่งชายหนุ่มก็จัดการบันทึกเข้าเครื่องทันที พร้อมกับกดโทร. ออกเพื่อให้เบอร์ของเขาไปขึ้นที่เครื่องของหญิงสาวด้วย

“คุณวินเรียกขวัญไว้...มีเรื่องอะไรอีกไหมคะ” เธอถามเมื่อเห็นว่าพอได้เบอร์เธอไปแล้ว เขาก็ไม่พูดอะไรอีก นอกจากยืนนิ่งๆ มองหน้าเธอ

“ไม่มีแล้วครับ แค่จะขอเบอร์เฉยๆ” เขายิ้ม ก่อนจะโค้งหัวให้เธอเล็กน้อยแล้วเดินวนกลับไปยังรถไมโครบัส

อริสาจึงเดินเข้าไปในล็อบบีโรงแรมเพื่อไปสมทบกับเพื่อนซี้ที่ยืนรอเธออยู่

กัณฑิมาถามทันทีที่เพื่อนเดินมาถึง “มีอะไรหรือเปล่าแก”

“เปล่า เขามาขอเบอร์ไว้เฉยๆ เผื่อมีคำถามเรื่องงาน” อริสาตอบ ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อเห็นสายตาที่ดูราวกับกำลังเล่นเกมจับผิดอยู่

สาวหมวยนั้นมองหน้าเพื่อน แล้วก็หันไปมองลูกค้าหนุ่มตรงรถไมโครบัสผ่านประตูโรงแรม แล้วก็หันกลับมามองหน้าเพื่อนอีกครั้ง จนเพื่อนต้องเอ่ยถาม

“สายตาแบบนี้คืออะไรวะแก”

กัณฑิมาหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วก็ส่ายหน้า “ไม่มีอะไร…”

“แล้วนี่ได้กุญแจห้องมาแล้วใช่ไหม งั้นก็ไปห้องพักกันเหอะ แกจะรีบไปออนเซ็นไม่ใช่เรอะ” อริสาเอ่ย

ทันทีที่กัณฑิมาได้ยินคำว่าออนเซ็น ดวงตาก็เป็นประกายทันที เลิกสนใจอย่างอื่นไปจนหมดสิ้น

“ใช่ๆ ไปเร็วๆ” แล้วกัณฑิมาก็เป็นฝ่ายลากเพื่อนสาวเดินทะลุผ่านล็อบบีไปยังระเบียงทางเดินด้านหลังที่มีสวนญี่ปุ่นกับบ่อปลาขนาดเล็กอยู่ด้านข้าง ผ่านระเบียงทางเดินไปก็เจอตึกสองชั้นที่เต็มไปด้วยห้องพัก กัณฑิมาเอ่ยบอกเบอร์ห้องตามที่ไกด์คีย์แจ้ง พร้อมกับบอกว่ามันอยู่ชั้นหนึ่ง ดังนั้นทั้งคู่เจอเดินไล่นับเบอร์ห้องไปเรื่อยๆ ด้วยไม่มีป้ายบอกว่าห้องเบอร์อะไรอยู่ส่วนไหน

หลังจากเดินตัดผ่านห้องพักอื่นๆ หลายต่อหลายห้องก็ทำให้รู้ว่าโรงแรมนี้กว้างกว่าที่เห็นตอนแรกอีก ใช้เวลาครู่หนึ่งในที่สุดก็ถึงห้องพักของทั้งคู่ เปิดประตูห้องเข้ามาก็เจอห้องขนาดหกเสื่อทาทามิ2 ตกแต่งอย่างญี่ปุ่นแท้ด้วยเสื่อสีน้ำตาลอ่อน ผนังวอลล์เปเปอร์สีครีมมีลายใบไผ่สีขาว ตรงกลางห้องมีฉากกั้นตั้งบังที่นอนสองเตียงบนพื้นซึ่งจัดเป็นระเบียบและกินพื้นที่ห้องไปเกินครึ่ง แจกันดอกไม้ทรงสูงวางอยู่บนพื้นตรงมุมห้อง ข้างๆ นั้นมีโต๊ะเตี้ยขนาดเล็กอยู่กับเก้าอี้นั่งพื้นสองตัว ผนังห้องฝั่งหนึ่งเป็นประตูกระดาษซึ่งเปิดเชื่อมไปยังระเบียงที่จะมองเห็นสวนด้านนอกได้

อริสาวางข้าวของของตนเองไว้กับพื้น ถอดเสื้อกันหนาวผ้ายืดสีดำของตัวเองออก ก่อนจะเดินตามสาวหมวยที่ตอนนี้เลื่อนเปิดประตูกระดาษออกไปนั่งหน้าแฉล้มที่ระเบียงเรียบร้อย

“วิวดีเนอะ ตัวโรงแรมก็กว้างมากด้วย แถมราคาก็น่ารัก” กัณฑิมาหันมาหาเพื่อนสาวที่เพิ่งทรุดตัวลงนั่งบนพื้นข้างๆ ก่อนที่จะมองหน้าเพื่อนแล้วเอ่ยสิ่งที่คิดในใจ “แก ฉันกำลังคิดว่า...คุณวินดูสนใจแกเป็นพิเศษว่ะ สนใจแบบ ชอบ อะ”

“ชอบ?...จะบ้าเหรอ เพิ่งจะเจอกันไม่ถึงวันนะยะ!” อริสาเสียงสูงขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว

“มันก็ไม่แน่นะ...”

“คิดอะไรเพ้อเจ้อ” อริสาส่ายหน้ากับความคิดเพื่อน...

เขาเนี่ยนะจะมาชอบเธอ ถ้าบอกว่าเธอชอบเขายังดูจะเป็นไปได้มากกว่าอีก... ก็ตั้งแต่เจอหน้า ดวงตาคู่สวยสีเทาราวกับสายหมอกนั่นก็ประทับแน่นในห้วงความคิดเธอไม่ยอมหายไปไหนเลย...

เธอเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “แล้วนี่จะไปออนเซ็นไหม ไม่งั้นก็ไปเดินตลาดด้วยกัน”

แน่นอนว่าระหว่างแช่ออนเซ็นให้สบายตัวกับไปเดินดูโลเกชันสำหรับถ่ายแบบวันพรุ่งนี้ที่ตลาด กัณฑิมาเลือกอย่างแรกโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่นิด สองสาวจึงพากันกลับเข้าห้องไปหยิบกระเป๋าสะพาย ก่อนจะออกจากห้องไปโดยอริสาหยิบเสื้อกันหนาวที่ถอดทิ้งไว้ในตอนแรกมาผูกไว้ที่เอวด้วย เผื่อที่ตลาดอากาศเย็น เธอจะได้มีเสื้อกันหนาวไว้ใส่

 

บรรยากาศรอบๆ โรงแรมนั้นเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง ต้นเมเปิลแผ่กิ่งก้านปกคลุมไปทั่ว ยังมีต้นไม้อื่นๆ อีกหลายชนิดที่เธอไม่รู้จัก เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังมาจากกลุ่มสาวๆ ญี่ปุ่นที่เดินคุยผ่านเธอและกัณฑิมาไปนั้นดึงความสนใจไปพักหนึ่ง อริสาเดินทอดน่องตามทางเดินมาเรื่อยๆ กับกัณฑิมา กะเวลาดูแล้วยังพอมีเวลาให้เดินเล่นดูความสวยงามของโรงแรมด้วยกันสักพักก่อนที่จะแยกย้าย ทั้งคู่จึงหยุดลงเมื่อเดินมาถึงทางเดินที่ขนานกับบ่อปลา สองสาวนั่งลงบนพื้น มองวิวตรงหน้าอย่างสบายอารมณ์

“อากาศหนาวดีเนอะ เออ...ชักหิวอะ ข้าวปั้นที่คุณคีย์แจกบนรถมันไม่พอท้องแน่เลย” กัณฑิมาล้มตัวนอนลงบนระเบียง กลิ้งไปกลิ้งมาอย่างไม่กลัวเลอะเพราะพื้นไม้นั้นดูเงาวับปราศจากฝุ่น ส่วนอริสาเอนตัวพิงกับเสา

“แกได้กินข้าวปั้นด้วยเหรอ ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง” อริสาบ่น

“ก็แกหลับ ใครเขาจะกล้าปลุก” กัณฑิมาตอบ “แล้วเดี๋ยวแกจะไปหาอะไรกินไหมล่ะ”

“เดี๋ยวไปหาซื้ออะไรทานที่ตลาดละกัน”

“ให้ไอ้ต้าและพี่บอลไปด้วยไหม”

“ไม่เป็นไร ให้คนอื่นพักตามสบายเถอะ ปั่นงานกันมาแทบไม่ได้นอน เดี๋ยวจะหมดแรงกันหมด” อริสานึกถึงช่วงก่อนหน้าที่จะออกเดินทาง เรียกได้ว่าไม่มีใครได้นอนเกินสองชั่วโมงต่อวัน ยิ่งสองหนุ่มในทีมที่ต้องขับรถตระเวนซื้อของนั้นเหนื่อยกว่าใครเพื่อน “เดี๋ยวฉันไปดูสถานที่แล้วก็จะส่งโลเกชันไปในกลุ่ม ที่เหลือก็แค่นัดตารางเวลากับบรีฟงานอีกนิด ไว้คุยสรุปงานตอนกินข้าวเย็นก็ได้ เมื่อกี้ถามทางคุณคีย์ไว้แล้ว ระยะทางไม่ไกลมาก เดินไปประมาณสิบนาทีก็ถึง”

“โอเค ข้าวเย็นเขานัดกันหกโมงที่ห้องอาหารโรงแรม อยู่ชั้นหนึ่งนี่ละ ตรงข้างหลังล็อบบีมั้ง ไปถึงบอกชื่อบริษัทกับพนักงานได้เลย” สาวแว่นบอกเพราะอริสาที่หลับบนรถคงจะไม่รู้เรื่องนี้แน่ “ฉันไปออนเซ็นดีกว่า แกก็เดินตลาดให้สนุกนะ ซื้อโมจิมาฝากด้วย”

“จ้า...จะซื้อมาถวายพุงกลมๆ ของเธอแน่นอน”

“เขาไม่เรียกพุง เขาเรียกมีน้ำมีนวลย่ะ” กัณฑิมาทำปากยื่น เธอก็แค่มีเนื้อมีหนังเฉยๆ ใครจะไปผอมแห้งอย่างอริสาล่ะ ยายนั่นเหมือนมีพยาธิในกระเพาะ กินจุแค่ไหนก็ไม่เห็นน้ำหนักจะกระเตื้องขึ้นแม้แต่นิด

“ค่ะเพื่อน มีน้ำมีนวล” อริสาเลียนแบบเสียงสาวหมวยก่อนจะหัวเราะ

กัณฑิมาทำท่าจะเดินไปออนเซ็น แต่แล้วก็ย้อนกลับมาหาหญิงสาวที่ยังคงนั่งพิงเสาอยู่ที่พื้น “ส่วนเรื่องคุณวิน ฉันว่าเขาสนใจแกจริงๆ นะ ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร จนกระทั่งเขามาขอเบอร์แกนั่นละ”

“ก็เขาบอกแล้วว่าเอาไว้ติดต่อเรื่องงาน” เธอโบกไล่เพื่อนสาวที่ดูจะมาสงสัยเรื่องระหว่างเธอกับลูกค้าหนุ่มเจ้าของโพรเจกต์เสียเหลือเกิน พอดีกับเสียงข้อความเข้าดังขึ้น เธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู

Taywin has added you as a friend.

...พอพูดถึงก็โผล่มาเลย

อริสาปลดล็อกหน้าจอ ก่อนจะกดเข้าไปดูและเพิ่มอีกฝ่ายเป็นเพื่อนเช่นกัน ตามด้วยบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของอีกฝ่ายที่โทร. มามิสคอลไว้ ทว่าพิมพ์ชื่อยังไม่ทันเสร็จ ชายหนุ่มเจ้าของเบอร์ก็ส่งข้อความทักมาหาเธอ

Taywin : คุณขวัญไปตลาดหรือยังครับ

เมื่อกดอ่านแล้วอริสาก็ชะงัก ว่าอีกฝ่ายรู้ได้อย่างไร แต่ข้อความถัดมาก็คลายข้อสงสัยให้เธอ

Taywin : เห็นคุณคีย์บอกว่า คุณขวัญจะไปเดินดูโลเกชันของวันพรุ่งนี้

Arisa : ยังไม่ได้ไปค่ะ

Taywin : จะไปกี่โมงครับ

Arisa : ตอนนี้อยู่หน้าห้องพัก กำลังจะออกไปแล้วค่ะ

หลังจากประโยคนั้น เขาอ่านแต่ไม่ได้ตอบอะไรมาอีก เธอจึงปิดโปรแกรมแชตแล้วเปิดเช็กอีเมลแทน เนื่องจากเห็นสัญลักษณ์แจ้งเตือนว่ามีอีเมลค้างอยู่ในกล่องขาเข้าอยู่สองสามฉบับ หนึ่งในนั้นมาจากเพื่อนที่ทำงานเป็นครีเอทีฟสปอตโฆษณา เธอจึงกดเข้าไปดู ในอีเมลนั้นแนบวิดีโอมาให้เธอพร้อมข้อความว่า

สปอตโฆษณาตัวใหม่ ดูแล้วคอมเมนต์งานให้หน่อย

หญิงสาวเอามือล้วงไปในกระเป๋าสะพายเพื่อหยิบหูฟังขึ้นมาใส่ พอดีกับวิดีโอที่โหลดเสร็จ ภาพบนจอโทรศัพท์นั้นเป็นใบหน้าครึ่งล่างของหญิงสาวที่ส่งเสียงครวญครางน่าอาย สลับกับใบหน้าผู้ชายที่หอบหายใจหนักหน่วง เธอนึกดีใจที่ใส่หูฟังตั้งแต่แรก ไม่งั้นถ้าคนอื่นได้ยินเสียงจากวิดีโอนี้คงไม่พ้นคิดว่าเธอเป็นพวกวิตถารนั่งดูวิดีโอโป๊ตอนกลางวันแสกๆ แน่

ภาพชวนให้คิดมากนั้นดำเนินต่อไปได้สิบวินาที ตัวผู้หญิงในวิดีโอก็อ้าปากร้อง พร้อมกับกล้องที่ซูมออกให้เห็นเต็มทั้งใบหน้า รวมถึงเห็นสิวเม็ดเป้งบนหน้าผากที่เพิ่งได้รับการบีบมาสดๆ ร้อนๆ จนเป็นแผล ตามด้วยการป้ายยาสีใสๆ ลงไป แล้วแผลจากสิวนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นตามด้วยการตัดภาพมายังผู้ชายที่ตอนนี้ยืนถือหลอดยาสีเขียวในมือ พร้อมบอกสรรพคุณของยาแต้มสิวและรักษารอยแผลเป็น

เมื่อดูถึงตอนนี้ หญิงสาวก็ส่งอีเมลกลับหาเจ้าของงานวิดีโอที่เธอดูอยู่

สปอตโฆษณายาทาสิวตัวใหม่ของเธองั้นเหรอ นึกว่าหนังโป๊

ราวกับว่าอีกฝ่ายนั้นนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์และกำลังเช็กอีเมลพอดี เพราะตอบเธอกลับมาอย่างรวดเร็ว

มันก็ดึงความสนใจคนดูได้ใช่ไหมล่ะ ฮิๆ

อริสากลอกตา ไม่อยากจะคิดถึงเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่พอได้เห็นตัวอย่างนี้แล้วจะทำหน้าอย่างไร หญิงสาวยันตัวลุกขึ้นยืน เพราะถึงเวลาที่เธอควรจะเดินไปตลาดนัดได้แล้ว วิดีโอในโทรศัพท์นั้นถูกกดให้เล่นซ้ำเนื่องจากมือของเธอไปจิ้มโดนไฟล์วิดีโอเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เสียงครวญครางนั่นเริ่มใหม่อีกรอบ

ร่างบางก้มหน้าเตรียมจะกดหน้าจอโทรศัพท์เพื่อที่จะหยุดวิดีโอ ทำให้ไม่ได้มองว่ามีคนยืนอยู่ข้างหลัง เธอไม่ทันระวังจึงหมุนตัวชนเข้ากับร่างนั้นไปเต็มๆ

ตกใจที่ชนคนอื่น ยังไม่ตกใจเท่ากับการที่โทรศัพท์กระเด็นหลุดออกจากมือ สายหูฟังที่เสียบอยู่ก็ถูกแรงกระชากจนหลุดออก ส่งผลให้เสียงซี้ดซ้าดชวนคิดลึกที่เธอฟังอยู่เมื่อครู่ดังลั่นออกมาจากลำโพงโทรศัพท์ที่ร่วงไปอยู่บนพื้นทันที

และด้วยความสงบเงียบของโรงแรมนี้ แม้เธอจะเปิดระดับเสียงเบาแค่ไหน แต่มันก็ดังพอให้คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้ยินอย่างชัดเจน

‘อา...เจ็บนะ...อ๊า...’

‘อือ...อีกนิดก็ไม่เจ็บแล้วนะ...’

‘อ๊า อือ...’

‘จะเสร็จแล้ว...’

“It’s not what you think it is!” อริสารีบเอ่ยเป็นภาษาสากลกับคนที่เธอชนเข้า กระวีกระวาดก้มลงไปเก็บโทรศัพท์แล้วกดปิดเสียงรัวๆ จากนั้นก็ปิดวิดีโอ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เธอชนเข้า ก็พบกับดวงตาคู่สวยของเทวินทร์ที่มองเธออยู่พร้อมแววตาประหลาดๆ ราวกับตกใจกับเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่ สีหน้าอีกฝ่ายในตอนนี้ทำเอาเธอแทบอยากจะมุดพื้นหนีเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป

จบกัน! เขาคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว!

“คือ...เรื่องเมื่อครู่มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ ขวัญไม่ได้กำลังดู...หนังโป๊...คือมันเป็นสปอตโฆษณายาทาสิวตัวใหม่น่ะค่ะ คนทำเขาตั้งใจทำให้ออกมาดูน่าคิดลึก...ขวัญไม่ได้...ไม่ได้ดูหนังโป๊จริงๆ นะคะ”

โอ๊ย ถ้าไม่ติดว่าเธอต้องรักษาความลับงานของเพื่อนไว้ เธอคงจะเปิดคลิปเจ้าปัญหานี่ให้อีกฝ่ายดูเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองไปแล้ว

“ผมยังไม่ทันคิดว่าคุณดูหนังโป๊สักหน่อยครับ” ชายหนุ่มมองใบหน้าแดงก่ำของหญิงสาวที่รีบร้อนอธิบาย ก็ทำเอาอดขำไม่ได้ สีหน้ากระอักกระอ่วนของหญิงสาวนั้นดูๆ แล้วก็น่ารักไปอีกแบบหนึ่ง

“หน้าคุณบ่งบอกซะขนาดนั้นว่าคิด” อริสายกมือปิดหน้า “น่าอายจริงๆ เลย...”

เทวินทร์ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องเพื่อที่คนตรงหน้าจะได้ไม่ต้องอายไปมากกว่านี้ “คุณขวัญพร้อมหรือยัง เราไปกันเลยไหมครับ”

“ไป...ไปไหนเหรอคะ”

“อ้าว ก็ไปดูโลเกชันที่จะใช้ถ่ายแบบพรุ่งนี้ไงครับ” เขาตอบ แต่อริสาทำหน้างุนงงจนเขาต้องเอ่ยเสริม “ผมก็จะไปด้วยไงล่ะครับ”

“อ๋อ ค่ะๆ” หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ ในหัวพานคิดไปถึงคำพูดของเพื่อนสาวก่อนแยกจากกันไม่ได้

เห็นไหม...ยายลูกไก่น่ะคิดเพ้อเจ้อไปเอง ที่เขามาคุยกับเธอหรือที่ขอเบอร์ติดต่อ ก็เพราะเรื่องงานทั้งนั้น

“แต่มันต้องเดินไกลนะคะ จริงๆ คุณวินไม่น่าลำบาก ถ้าอยากเห็นสถานที่ เดี๋ยวขวัญถ่ายรูปส่งให้ดูก็ได้ค่ะ”

“ผมไม่ได้อยากเห็นสถานที่ ผมแค่อยากจะไปเดินตลาดกับคุณขวัญ”

ประโยคนี้ของชายหนุ่มทำเอาความคิดที่ว่าเพื่อนสาวเพ้อเจ้อปลิวหายไปทันที

อยากไปเดินตลาดกับเธอ ทำไมเขาถึงอยากจะไปเดินตลาดกับเธอ

‘แก ฉันกำลังคิดว่า...คุณวินน่ะดูสนใจแกเป็นพิเศษว่ะ’

โอ๊ย เป็นไปไม่ได้หรอกน่ะ เป็นไปไม่ได้ๆๆ

อริสาที่มัวแต่ตีกับความคิดตัวเองในหัวยืนนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา จนเทวินทร์นึกว่าเธอคงไม่ได้อยากให้เขาไปด้วย “ถ้าเกิดว่าคุณขวัญไม่อยากให้ไปด้วยก็บอกได้นะครับ”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ” เสียงชายหนุ่มดึงให้เธอหลุดออกจากภวังค์ ตาหวานๆ นั่นพอเป็นบทเศร้าแล้วทำเอาเธอใจหล่นวูบ...หญิงสาวพยักหน้าให้แก่หนุ่มร่างสูงที่ยิ้มกว้างทันทีที่เธอตอบตกลง “งั้นก็ไปกันเถอะค่ะ”


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น