4

ตอนที่ 4 ไม่เลือกวิธี


ตอนที่ 4 ไม่เลือกวิธี

หอพักนักศึกษาของนภนท์รายล้อมไปด้วยหอพักอีกหลายแห่ง แถวนั้นจึงเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านเหล้า ร้านเกม ร้านอาหารที่มีตั้งแต่รถเข็นขายหมูปิ้งยันห้องอาหารติดเครื่องปรับอากาศเพื่ออำนวยความสะดวกนักศึกษาที่อาศัยอยู่แถบนี้ ซึ่งเป้าหมายเริ่มแรกเดิมทีของเด็กหนุ่มคือร้านตามสั่งหน้าปากซอย ไม่ใช่คาเฟ่บรรยากาศน่านั่งทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ

พอตั้งสติได้ สกายก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้อาบน้ำเลยนี่หว่า

เด็กหนุ่มไม่ใช่คนที่จะกังวลเรื่องรูปลักษณ์ของตัวเอง ไหนจะคุ้นชินกับเพื่อนฝูงรอบตัวที่ซกมกไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิง แต่การที่ต้องมานั่งจ้องหน้ากับหนุ่มหล่อผิวเข้ม หน้าตาคมคายที่ได้กลิ่นน้ำหอมแบบสปอร์ตแมนลอยมาจางๆ ก็ทำให้คนไม่ได้อาบน้ำชักไม่มั่นใจในตัวเอง

ส่วนทำไมถึงมานั่งดูดน้ำปั่นอยู่ตรงข้าม...ก็โดนลากมายังไงล่ะ!

ตอนที่สกายกำลังจะเลี้ยวเข้าร้านข้าว เขาก็ถูกฝ่ามืออบอุ่นฉวยต้นแขนแล้วลากเข้ามาในร้านนี้ ผลักไหล่ให้นั่งลง แถมยังถูกยัดเมนูใส่มือจนได้แต่เลยตามเลย พอจะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายพยายามป่วนให้เขาแกว่ง แล้วเมื่อใดที่โวยวายใส่ก็คงเห็นแค่รอยยิ้มกว้างกับตาวาวๆ อย่างพอใจเท่านั้นแหละ

เรื่องอะไรต้องให้อย่างที่ทางนั้นต้องการ

เวลานี้สกายจึงได้แต่เท้าคางมองออกไปนอกร้าน เลือกที่จะทำเหมือนพระพายเป็นอากาศธาตุ ทั้งที่...พยายามยกมือลูบหัวที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง

“...”

“...”

แต่ครั้งนี้แปลกออกไปหน่อยตรงที่คนช่างแหย่เองก็เงียบ ทั้งโต๊ะจึงปกคลุมไปด้วยความวังเวงเสียจนคนอารมณ์เย็นเองก็ร่ำร่ำจะทนไม่ไหว

เงียบอย่างเดียวไม่ว่าหรอกนะ แต่เงียบแล้วจ้องหน้านี่อะไรวะ!

ขวับ!

เด็กหนุ่มจึงหันกลับมามองคนตรงข้ามอย่างหงุดหงิด แล้วพบว่าผู้ชายตัวโตก็กำลังนั่งพิงพนัก กอดอกด้วยท่วงท่าสบายๆ แต่ตาคมจ้องเขาไม่ละสายตา ซึ่งพอดวงตาประสานกัน ริมฝีปากได้รูปก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มกว้างที่เสริมให้หน้าหล่อๆ ยิ่งน่าดูไปอีกหลายเท่าตัว

พวกเขายังจ้องกันอีกเกือบนาทีราวกับว่าใครพูดก่อนจะแพ้ ซึ่งสกายไม่เคยกลัวความพ่ายแพ้

“ผมไม่มีอะไรให้พี่มองหรอกนะ”

“ใครว่าไม่มีล่ะ มีให้มองเยอะแยะ” อีกฝ่ายตอบ ดวงตาสีสวยคู่นั้นก็เลื่อนมายังริมฝีปากสีสด แล้วพระพายก็ว่าต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง

“ตาก็สวย จมูกก็น่ารัก แก้มก็น่าจับ ไหนจะปากสวยๆ...” คนพูดโน้มหน้าเข้ามานิด ลดเสียงลงให้ได้ยินเพียงสองคน ดวงตาวาววับขึ้นมาราวกับนึกถึงเรื่องราวครั้งก่อน

“...ก็หวานจับใจ”

ดวงตาคู่นั้นมองมาอย่างมีความหมาย พอๆ กับปลายรองเท้าที่ยื่นมาสัมผัสกับเท้าของสกายใต้โต๊ะ จนเด็กหนุ่มชักเท้าหนี มองอีกฝ่ายเต็มตา ถามเสียงเรียบ

“จบแล้วใช่มั้ย”

พี่ราหูดูอึ้งไปหน่อย คงไม่คิดว่าคำชมพวกนี้จะไม่ทำให้เขาเขินเลยสักนิด แต่เพียงพักเดียว ทางนั้นก็หัวเราะขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

จากนั้นก็เรียกชื่อ “น้องสกาย”

“อะไรอีกครับ” ส่วนทางนี้ก็ถามกลับอย่างอ่อนใจ

“น้องสกาย”

คราวนี้คนฟังขมวดคิ้วมุ่น เพราะน้ำเสียงที่เรียกมันติดจะ...อ่อนหวาน

“น้องสกายครับ”

อีกครั้งที่น้ำเสียงนุ่มนวลดังจากปากของคนตัวโต ไม่เพียงแค่นั้น สองมือที่กอดอกก็เลื่อนมาสัมผัสมือสกายที่วางอยู่บนโต๊ะมั่น ปลายนิ้วคลึงหลังมือของเขาอย่างทะนุถนอม ตาคมดูอ่อนโยน แล้วพระพายก็เรียกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงรักใคร่

“น้องสกายรู้ตัวมั้ยว่าน่ารักจังเลยนะคะ”

ผู้ชายพูดคะขาฟังดูน่ารัก แต่คนฟังมองตานิ่ง แล้ว...

ฟึ่บ!

ชักมือหนีแม่ง!

ไม่ใช่ว่าพระพายไม่มีเสน่ห์ เพราะหากคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าไม่ใช่สกาย ก็คงมีคนเขินม้วนหน้าแดงไปแล้ว แต่กับคนใจแข็งอย่างเด็กหนุ่ม สิ่งที่เจ้าตัวทำคือการกลั้นอาการเบ้ปาก ดึงมือกลับไปวางที่หน้าตัก เบือนสายตาหันออกไปมองนอกร้าน

ใครจะเขินก็เขินไป แต่ต้องไม่ใช่ไอ้กาย!

“ว้า! ไม่เขินเหรอ” พระพายว่าด้วยน้ำเสียงเสียดาย

“ถ้าพี่อยากเห็นคนเขินก็ไปเล่นกับคนอื่นดีกว่า”

เขาไม่ใช่ไม่เขินอย่างเดียว แต่ไล่ให้ไปหาคนอื่นด้วย ทว่าคนฟังกลับหัวเราะ

“ไม่อะ พี่อยากเล่นกับน้องสกายคนเดียวนี่นา”

ใจจริงอยากจะบอกเหลือเกินว่าไม่ต้องมาเรียกเขาว่าน้องนำหน้า เพราะฟังดูตอแหลสิ้นดี ถ้ามันออกมาจากปากของผู้ชายนิ่งๆ อย่างพี่พายุก็คงมีแอบเขินกันบ้าง แต่กับคนเจ้าชู้ที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อลากคนขึ้นเตียง ต่อให้เรียกเขาว่าที่รักก็ไม่มีทางรู้สึกอะไรทั้งนั้น ไม่รวมกับที่ว่าสกายมีภูมิคุ้มกันผู้ชายสูงลิบลิ่วด้วยนะ

“ได้มั้ย” แม้จะทำตาปรอยๆ มองมาก็เถอะ

“เฮ้อ! ผมขอพูดตรงๆ นะ พี่ไม่จำเป็นต้องมากัดปากชมผมว่าน่ารัก ถ้าพี่อยากได้คนน่ารักจริงๆ ผมเชื่อว่าพี่หาได้ดีกว่าผมเยอะ อย่ามายุ่งกับผมเลย” สกายบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ยืนยันคำเดิมว่าเขาไม่ต้องการอะไรก็แล้วแต่ที่คนตัวโตหยิบยื่นให้

“งั้นพี่ก็พูดตรงๆ เหมือนกันว่าไม่เคยเจอใครน่ารักอย่างน้องสกายสักคน”

“ผมก็บอกแล้วไงว่าพี่ไม่ต้องมากัดฟัน...”

“พี่ก็ไม่ได้กัดฟันชม” ก่อนที่สกายจะพูดจบ ร่างสูงก็แทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล คราวนี้ขยับเข้ามาเท้าคาง แล้วมองหน้าเขาด้วยรอยยิ้มเอ็นดู

“พี่ชอบผมยุ่งๆ แบบเพิ่งตื่นของน้องสกายนะ”

คนที่ลืมตัวไปชั่วครู่ว่าอยู่ในสภาพยังไงชะงัก แล้วเผลอยกมือแตะปลายผม

“ตาง่วงๆ นี่ก็น่ารัก ปากเบ้ๆ ก็น่ามอง แม้แต่ตอนที่ใส่เสื้อยืดย้วยๆ ก็น่ารักสุดๆ ไปเลย” ดวงตาคู่นั้นเลื่อนลงมายังเสื้อนอนเปื่อยแทบขาดของสกาย จนผิวแก้มคนฟังเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ

แล้วมันก็ร้อนผ่าวเมื่อพระพายว่าต่อจนจบ

“พี่เพิ่งเคยเดทกับคนที่ทำตัวเป็นธรรมชาติสุดๆ ขนาดนี้”

เด็กหนุ่มสาบานได้ว่าเขาอายไม่ใช่เขิน!

ไม่ใช่เพราะคำว่าเดทที่ทำให้พวงแก้มขึ้นสีระเรื่อจนแดงปลั่ง แต่เพราะพระพายกำลังพูดความจริงต่างหากว่าเขาออกมากินข้าวกับผู้ชายที่เคยนอนด้วย ด้วยสภาพทุเรศทุรังขนาดนี้ จนคนใจเย็นเองก็ก้มหน้างุด นึกอยากจะกลับหอไปอาบน้ำแล้วค่อยออกมาสู้รบใหม่

“ไม่ต้องกังวล แต่งตัวแบบนี้พี่ก็ชอบ...บางดีจัง”

สกายต้องใช้ความสามารถทั้งหมดห้ามมือไม่ให้ยกขึ้นกอดอก เพราะแม้จะไม่เงยหน้าขึ้นมอง เขาก็สัมผัสได้ว่าดวงตาคู่นั้นมาหยุดอยู่ตรงไหน...กลางแผ่นอก

โชคดีที่จังหวะนั้นพนักงานก็ยกอาหารที่สั่งไปมาเสิร์ฟพอดี เด็กหนุ่มจึงพยายามดึงความสนใจมาที่กระเพาะที่ร้องโครกคราก ปัดไล่ความคิดที่อยากจะกลับห้องเปลี่ยนเสื้อ เพราะยังไงก็ผู้ชาย หัวนมตั้งสักหน่อยก็ช่างมันสิ แต่ลืมนึกไปไงว่าคนตรงหน้าเป็นประเภทกัดไม่ปล่อย เพราะ...

“นมน้องกายน่ารักจัง”

ปึ้ก!

นภนท์ไม่ใช่คนที่จะโกรธใครง่ายๆ แต่ครั้งนี้เขาเตะหน้าแข้งอีกฝ่ายเต็มแรง ทั้งยังถลึงตามองอย่างโกรธๆ แต่คนที่แกล้งร้องโอดโอยเกินความเป็นจริงกลับยิ้มกว้างกว่าเดิม บอกด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ แต่จริงใจกว่าครั้งไหนๆ

“เนี่ยแหละ สีหน้าที่พี่อยากเห็น”

“โรคจิต!”

“อื้อ พี่โรคจิตก็ได้ แต่เวลาน้องสกายโกรธก็น่ารักจริงๆ นี่นา”

คนฟังเม้มปาก แล้วก็คว้าช้อนมาตักข้าวผัดกุ้งเข้าปากด้วยท่าทางโกรธๆ ดูไม่สบอารมณ์ที่ต้องมากินข้าวกับผู้ชายคนนี้ แต่ใครจะรู้ล่ะว่ามันก็แค่ปกปิดอะไรบางอย่าง

ความเขินอายที่เข้าจู่โจมทันทีที่มีคนบอกว่าท่าทางเป็นธรรมชาติของเขาน่ามอง

“หูแดงแจ๋เลย”

ทว่าผู้ชายบ้าๆ บางคนที่สังเกตเห็นก็ยังแหย่ จนสกายตวัดสายตาไปมอง แล้วพบกับดวงตาพราววิบวับอย่างคนอารมณ์ดี แต่แว่บเดียวก็ต้องรีบหลบตา

“น่ารักจริงๆ น้า~”

สกายว่าเขาเผลอนอนกับคนบ้าสุดกู่เข้าแล้ว คนบ้าที่ทำให้คนใจแข็งอย่างเขาหน้าร้อนผ่าว

 

แม้ว่าพระพายจะทำให้คนใจแข็งหน้าแดงได้ครั้งหนึ่ง แต่ตลอดมื้ออาหารหลังจากนั้น เด็กน้อยก็ไม่ปริปากสักคำ พอกินเสร็จก็วางเงินไว้ให้บนโต๊ะ จากนั้นก้าวออกนอกร้าน จนพระพายเองก็เกือบตามไม่ทัน เรียกได้ว่าถูกเมินอย่างสมบูรณ์แบบ หากมีเหรอที่ชายหนุ่มจะถอย ตรงกันข้าม ยิ่งถูกใจสิไม่ว่า

ยิ่งท้าทายก็ยิ่งมีคุณค่า

ความปรารถนาที่อยากเอาชนะใจยิ่งทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ

“น้องสกาย น้องสกายครับ วู้ววว! น้องสกายหูหนวกเหรอครับ”

ในเมื่อเมินกันได้ก็เมินกันไป เขาก็กวนของเขาไปเรื่อยๆ แบบนี้แหละ

กระทั่งพวกเขากลับมาใต้หออีกครั้ง คนที่เดินนำหน้ามาตลอดก็หมุนตัวกลับมาจนได้ ซึ่งดวงตาสีเข้มที่ฉายแววแน่วแน่ก็ทำให้คนอารมณ์ดีชะงักไปอึดใจ รู้ได้ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเปิดปากพูดเสียอีกว่ากำลังจะคุยเรื่องอะไรกัน

“พี่อย่ามาเสียเวลากับผมเลยครับ”

“พี่ก็ไม่ได้มองว่าเป็นการเสียเวลาสักหน่อย” พระพายพูดจริงๆ มันอาจจะจริงที่เขาเสียวันหยุดทั้งวันกับแค่การมาดักเจอเด็กน้อยคนนี้ แถมใช้ความพยายามตั้งมากก็ทำให้อีกฝ่ายหน้าแดงได้แค่รอบเดียว แต่ชายหนุ่มไม่ได้มองว่าเป็นการเสียเปล่า ตราบใดที่เขายังรู้สึกสนุกกับการเย้าแหย่แบบนี้ ทว่าอีกฝ่ายไม่คิดแบบนั้น

เด็กน้อยที่กำลังยกมือกอดอก แล้วบอกด้วยเสียงราบเรียบ

“ผมไม่รู้ว่าพี่มาติดใจอะไรผม แต่ถ้าอยากหาเซ็กซ์เฟรนด์ พี่ก็มาผิดที่แล้ว”

จริงอยู่ที่เขาติดใจลีลาบนเตียงของเด็กตรงหน้า นี่ผ่านมาหลายเดือนแล้ว พระพายยังจำสีหน้าเย้ายวนของคนที่ครางกระเส่าใต้ร่างของเขาได้อยู่เลย จนคิดแล้วชักร้อนๆ ข้างล่าง และมันคงแสดงออกทางสีหน้ามากไปหน่อย สกายจึงบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

“คืนนั้นผมนอนกับพี่ก็เพราะจำเป็น และผมไม่คิดจะนอนกับพี่ซ้ำสอง”

“เป็นเด็กไม่ดีนะเรา ได้แล้วทิ้งเหรอเนี่ย” แม้จะเห็นว่ากำลังจริงจัง แต่พระพายก็อดแหย่ไม่ได้ แต่ดูเหมือนคนจริงจังก็ไม่สนใจ

“ไม่ว่าพี่จะมากวนผมมากแค่ไหน ผมก็ยืนยันคำเดิม ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้นไปเถอะครับ ผมรู้ว่าอย่างพี่หาดีกว่าผมได้เยอะแยะ อย่ามาเสียเวลากับผมเลย” ชายหนุ่มก็ไม่ปฏิเสธว่าเขาหาคนที่น่ารักกว่านี้ได้ นิสัยออดอ้อนเอาใจได้มากกว่านี้ไม่รู้กี่เท่าตัว แต่พระพายกลับติดใจคำพูดของอีกฝ่ายอย่างบอกไม่ถูก ที่สำคัญคือเขา...ไม่ได้อยากหาสักหน่อย

ถ้าอยากหาคนอื่น เขาคงไม่เหี่ยวมาหลายเดือนหรอก

คนน่ารักน่ะมีถมเถไป รอบตัวเขาก็มีแต่คนหน้าตาดี แต่คนที่ ‘ถูกใจ’ ไม่ใช่ว่าจะเจอได้ทุกวัน

“แล้วถ้าพี่บอกว่าอยากได้น้องสกายล่ะ” ชายหนุ่มลองหยั่งเชิง ซึ่งได้สายตาเย็นชามาเป็นของตอบแทน

“พี่ก็จะไม่ได้ ไม่มีทาง”

หากเป็นคนอื่นคงถอดใจไปแล้วกับแววตาชัดเจนแบบนี้ แต่ไม่ใช่กับผู้ชายคนนี้

คนใจแข็งนี่มีเสน่ห์ชะมัด

“แล้วถ้าพี่คิดว่าผมแปลกที่ปฏิเสธพี่ ผมก็เชื่อว่ามีคนที่คิดเล่นตัวให้พี่อยากปราบอีกเยอะ ไปหาคนอื่นเถอะ อย่ามายุ่งกับผมเลย ผมไม่มีเวลาเล่นกับพี่หรอก” แถมยังเป็นคนใจแข็งที่รู้ทันอีกแน่ะ

ใจหนึ่งพระพายก็คิดนะว่าเด็กคนนี้เล่นตัวเพื่อให้เขาสนใจ แต่พอมองแววตาที่ไม่มีวี่แววของการล้อเล่น แถมยังตั้งการ์ดแข็งราวกับไม่ยอมให้อะไรกล้ำกรายเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัว ชายหนุ่มก็เริ่มแน่ใจแล้วว่าเด็กคนนี้ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความสนใจต่อตัวเขาเลย

ใช่ ก็มีบ้างที่เสียหน้า แต่สนใจมากกว่า

ดังนั้น พ่อพวงมาลัยที่เล่นสนุกกับใครไปทั่วจึงถามคำนี้

“แล้วถ้าพี่เอาจริงล่ะ”

“...”

พระพายมองตา แล้วย้ำให้ชัดกว่าเดิม

“ถ้าพี่ไม่อยากได้แค่เซ็กซ์เฟรนด์ล่ะ”

ใจจริงเขาเองก็ไม่แน่ใจเรื่องนี้เหมือนกัน ก็แค่อยากทำตามใจตัวเองอย่างทุกครั้ง เขาเลยถามออกไป แต่แทนที่คนฟังจะหน้าแดงใส่ ช้อนตาขึ้นมอง หรือกัดปากขัดเขิน กลับมีเพียงสายตาเย็นชาที่มองตอบกลับมา พร้อมกับน้ำเสียงที่ไม่ใจอ่อนลงเลยสักนิด

“ไม่หรอกครับ”

สกายเงียบไปอึดใจ แล้วบอกราวกับมานั่งอยู่กลางใจของพระพาย

“ผู้ชายอย่างพี่ไม่คิดจริงจังกับใครหรอกครับ พี่แค่สนุกที่ผมไม่เล่นด้วย ก็แค่นั้น”

กึก!

อีกครั้งที่พระพายนิ่งไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่เพราะว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเอาความเลวของเขามาตีแผ่ เพราะชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยจริงจังกับใครจริงๆ นั่นแหละ แต่สีหน้าที่ฉายแววเจ็บปวดที่แล่นผ่านชั่วแว่บหนึ่งต่างหากที่ทำให้เขาติดใจอย่างบอกไม่ถูก

สกายไม่ได้เจ็บปวดที่เขาไม่จริงจังด้วยหรอก แต่น่าจะเป็นคำว่า...เล่นด้วย

พอมาคิดดูดีๆ เด็กคนนี้พูดทำนองว่าเขามาเล่นๆ ไปกี่ครั้งแล้วนะ

จู่ๆ ร่างสูงก็เกิดคิดว่าแล้วถ้าเขาไม่เล่นแล้วละ

“งั้นถ้าพี่บอกว่า...” แต่ก่อนที่พระพายจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นที่จ้องมาอย่างหวาดระแวงก็ทำให้เขากลืนทุกอย่างลงไปในลำคอ เห็นได้ชัดว่าเด็กน้อยคนนี้ไม่อยากฟังคำพูดของเขา ดังนั้นคนตัวโตจึงเปลี่ยนอารมณ์

“แน่ะ! รู้ใจพี่แบบนี้อยากลองมานั่งในใจพี่ดูสักทีมั้ย”

พระพายว่าขำๆ จงใจเปลี่ยนบรรยากาศจริงจังให้กลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง นั่นทำให้คนฟังดูโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางหวาดระแวงดูผ่อนลงนิด ตามมาด้วยสายตาอ่อนอกอ่อนใจของเด็กที่คิดว่าผู้ใหญ่อย่างเขาพูดไม่รู้เรื่อง

“ผมว่าแทนที่จะให้ผมไปนั่งอยู่ในใจ ผมว่าพี่ควรไปหาหมอนะ พูดกี่ทีก็ไม่เข้าหัวสักที”

“งั้นลองมากระซิบข้างหูสิ เผื่อจะฟังเข้าใจมากกว่านี้” พระพายว่า เอียงแก้มเข้าหาด้วยดวงตาพราวๆ แต่ได้รับสายตาเย็นชาเป็นคำตอบ

“ผมถือว่าผมพูดไปหมดแล้ว ผมเองก็ไม่มีเวลาให้พี่แหย่เล่นด้วย” ว่าจบ เด็กน้อยก็หมุนตัว แล้วเดินกลับเข้าหอไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยหนุ่มหล่อที่ไม่คิดตามไปอย่างทุกทีเอาไว้ตรงนั้น แล้วไม่ใช่ว่าเพราะพระพายถอดใจอย่างที่อีกฝ่ายหวัง ตรงกันข้ามต่างหากล่ะ

เขายิ่งติดใจอาการต่อต้านของทางนั้นมากยิ่งขึ้นไปอีก

ตอนแรกที่มาจีบก็คิดอยู่แล้วละว่าน่าจะยาก แต่ยังไงก็เคยนอนด้วยกันมาแล้ว แถมลีลาของทางนั้นก็บอกชัดเจนว่าผ่านมาไม่น้อย ส่วนเขาเองก็มั่นใจว่าคืนนั้นทำให้สกายเต็มอิ่ม แต่หลายวันที่ผ่านมากำลังบอกพระพายว่าอีกฝ่ายไม่แยแสในตัวเขาเลยสักนิด แล้วไม่น่าจะแค่กับเขาคนเดียวหรอก ท่าทางแบบนั้นเหมือนบอกว่าไม่เอาใครทั้งนั้น

ไม่สนใจคนหล่อๆ แถมลีลาก็ไม่ด้อยไปกว่าใครอย่างเขา มันก็น่าคิดนะ

ทว่าคนเสียเซลฟ์ก็ไม่คิดถอยทัพเลยสักนิด

ครั้งนี้ข้อมูลน้อยไปหน่อย ดังนั้นสิ่งที่ร่างสูงทำคือการเดินไปเอาหมวกกันน็อกที่ฝากไว้ในห้องพี่จอย แล้วต่อสายหาเพื่อนสนิท

“ไอ้พายุ เรนอยู่กับมึงมั้ย”

[ทำไม]

พอฟังน้ำเสียงเข้มจัดที่ดูหงุดหงิดก็รู้เลย

“โอเค งั้นเดี๋ยวกูเข้าไป” พระพายตัดสายทิ้งทันที ไม่สนใจว่ามันจะบอกปัดไม่ให้เยี่ยมบ้าน จากนั้นก็วาดขาขึ้นคร่อมบิ๊กไบค์คู่ใจ เร่งเครื่องทะยานไปยังจุดหมายปลายทาง

น้องสกายไม่บอกเรนเรื่องระหว่างเรา แต่ใช่ว่าห้ามเขาพูดนี่

พระพายบอกแล้วว่าคนอย่างเขาไม่เลือกวิธีการ แล้วตอนนี้ชายหนุ่มก็นึกอยากจะพิชิตใจสกายจริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง

เขาไม่ได้ตื่นเต้นขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ อาจจะตั้งแต่วันที่ได้ลองขี่บิ๊กไบค์ครั้งแรก นี่น้องสกายอยู่ระดับเดียวกับเจ้าลูกรักเขาเชียวนะ!

 

หลังจากสกายบอกปัดพระพายอย่างไร้เยื่อใย เขาก็ปัดเรื่องอีกฝ่ายกระเด็น แล้วทุ่มเทเวลาให้แก่งานที่ได้รับมอบหมายมาจากอาจารย์ ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงงุนงงเต็มที่เมื่อเพื่อนสนิทจ้องเขม็งตลอดเวลาที่เรียนคาบเช้า และเป็นอย่างนั้นกระทั่งอาจารย์ปล่อยคลาส กระทั่งจะออกนอกห้อง มันถึงเดินมาดักหน้า เปิดประเด็นถามตรงๆ

“ทำไมมึงไม่บอกกูว่าพี่พายจีบมึงวะ”

คนฟังนิ่วหน้า ไม่สงสัยว่ามันรู้เรื่องนี้มาจากใคร แต่ไม่ใช่ว่าเขาแสดงออกชัดเจนแล้วเหรอว่าไม่อยากบอกไอ้เรน แต่ไอ้พี่ราหูก็เอาจนได้

“ก็มึงไม่เคยถาม”

“ไม่ใช่ว่ามึงไม่อยากบอกกูเหรอวะ”

ปกติไอ้เรนก็เป็นคนอยากรู้ต้องรู้ให้ได้อยู่แล้ว พอมันกัดไม่ปล่อย คนทางนี้เองก็ได้แต่ถอนหายใจ

“กูไม่บอกเพราะกูไม่ได้ชอบพี่เขา แล้วกูจะพูดทำไม” สกายยอมรับ

“รวมทั้งเรื่องที่มึงชอบผู้ชายมาตั้งแต่ต้นด้วยเหรอ”

ครั้งนี้นภนท์นิ่งไปอย่างเห็นได้ชัด เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่เขาไม่เคยเปิดเผยเรื่องรสนิยมทางเพศของตัวเองกับเพื่อน

“แล้วมันสำคัญด้วยเหรอ” เขาย้อนถาม ทำเอาเพื่อนตัวเล็กชะงัก ท่าทางหาเรื่องในตอนแรกอ่อนลงทันที แต่มันก็ไม่วายแย้ง

“ก็ไม่ใช่ว่าสำคัญ แต่มึงไม่เคยบอกกู กูเป็นเพื่อนมึงมาปีกว่าแล้วนะเว้ย อย่างน้อยตอนที่กูบอกมึงว่าคบกับพี่พายุ มึงก็น่าจะบอกกูบ้างว่ามึงเองก็เป็นอย่างนั้น กูกังวลแทบตาย” ไอ้เรนว่าด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ จนคนฟังส่ายหัว

“จะแบบนั้นหรือแบบไหนกูก็เป็นเพื่อนมึง กูเคยบอกมึงแล้วว่ากูไม่ใช่แม่มึง มึงจะคบกับใครกูก็รับได้ทั้งนั้น ส่วนที่กูไม่เคยบอกมึงก็เพราะกูไม่เห็นว่าเรื่องนี้สำคัญยังไง เอาน่า กูไม่ยุ่งกับพี่พายุของมึงหรอก” สกายสำทับตอนหลังด้วยรอยยิ้มบาง ทำเอาคนฟังโวยขึ้นมาทันที

“กูไม่คิดว่ามึงจะแทงข้างหลังกูหรอก กูรู้ว่ามึงเป็นคนยังไง ก็แค่...มึงไม่บอกกูอะ” ท่าทางไอ้เรนจะงอแงเต็มที่จนโยกหัวมันไปที

“ถ้ากูคบกับใครอยู่กูก็บอกมึงไปแล้ว แต่กูไม่มีนี่หว่า จะให้กูเดินมาหามึงแล้วบอกว่าไอ้เรนๆ กูเป็นเกย์ว่ะ...งี้เหรอ มึงคงงงฉิบหาย” ไอ้เรนหรี่ตามองราวกับชั่งใจว่าจะเชื่อดีมั้ย สักพักมันก็พยักหน้าอย่างรับฟังเหตุผล จากนั้นก็กระโดดมานั่งข้างๆ

“ถามจริง แล้วมึงไม่สนใจพี่พายเหรอวะ พี่เขาใจดีนะเว้ย ตลกด้วย ถึงจะหล่อเท่าพี่พายุของกูไม่ได้ก็เหอะ” ไม่วายที่มันจะอวยผัวให้ได้ยิน แต่คนฟังก็ยักไหล่ ลุกขึ้น ยกกระเป๋าขึ้นพาดบ่า บอกคำเดียว

“ไม่!”

“ไร้เยื่อใยสัสๆ พี่พายชอบมึงนะ อื้อหือ! พี่พายกับน้องกาย ชื่อยังโคตรเข้าคู่” ไม่รู้ว่าไอ้เรนได้สินบนมาเท่าไหร่ แต่มันดูกระตือรือร้นที่จะจับคู่เขากับเพื่อนแฟนมันเหลือเกิน นั่นทำให้กายย้อนกลับไปประโยคหนึ่ง

“ถ้ามึงจะเล่นงี้ งั้นพี่พายุของมึงไม่เป็นคู่แท้ของพี่พายเลยเหรอวะ ความหมายก็เหมือนกัน แถมชื่อยังคล้ายกันอีก ไม่เหลือที่ให้ไอ้เรนอย่างมึงแล้วมั้ง” พอเขาย้อน มันก็อึ้ง สงสัยนึกภาพสองคนนั้นคบกัน แล้วก็ให้ตายเถอะ! ขนาดเขาคิดภาพยังสยอง ไอ้เรนที่รู้จักแฟนมันดีไม่ขนลุกยิ่งกว่าเหรอ

“แบบนั้นใครจะอยู่บนวะ โว้ย! มึงไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง พี่พายุเป็นของกู”

“มึงเล่นกูก่อน แล้วถ้าพี่พายฝากมาหลอกถามอะไรกู บอกไปเลยว่ากูไม่สน” กายว่าชัดเจน ขณะที่เดินหลบเพื่อนสนิทเพื่อก้าวออกจากห้อง แต่...

“หรือมึงยังลืมแฟนเก่าไม่ได้วะ”

กึก!

คนที่กำลังจะออกจากห้องชะงักเท้า หยุดเดินเสียเฉยๆ โชคดีที่เขาหันหลังให้ไอ้เรน มันถึงไม่เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที

สกายเคยพูดถึงแฟนเก่าให้เพื่อนฟังแค่ครั้งเดียวคือตอนที่เขาหาว่าพี่พายุไปแข่งรถที่ไหนให้มัน แต่เพื่อนก็ยังจำขึ้นใจ จนได้แต่เหยียดยิ้มออก ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้พอๆ กับอยากลบมันให้หายออกไปจากสมอง แต่ไอ้เรนยังไม่รู้ มันถึงว่าต่อแจ้วๆ

“งั้นแฟนเก่ามึงก็ผู้ชายสินะ แถมยังเป็นสมาชิกสนามแข่งนั่นด้วย พี่พายุรู้จักมั้ย”

คนสูงกว่าหันมามองเพื่อนตัวเล็กที่ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น แต่วาเรนก็ต้องชะงัก

“ถ้ามึงยังเป็นเพื่อนกูก็อย่าพูดถึงไอ้เหี้ยนั่นอีก” เขาว่าตาวาว

“เอ่อ...”

“เข้าใจมั้ย”

หงึกๆๆ

สกายไม่เคยเอาอารมณ์ไปลงกับเพื่อน แต่ครั้งนี้เขาว่าเสียงเข้ม จ้องหน้าคนที่รีบพยักหน้า ดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาไม่มีอารมณ์ปลอบ แค่ก้าวยาวๆ นำไปทางโรงอาหาร ไม่สนใจว่าเพื่อนจะเดินตามมาหรือไม่ หรือมันจะโทร.ไปรายงานใคร ตอนนี้เขาไม่อยากได้ยินแม้แต่คำว่าแฟนเก่าด้วยซ้ำ

ห่าเอ๊ย! จะให้กูนึกถึงเรื่องเก่าๆ ทำไมวะ!

คืนนั้น เพราะมีเรื่องของไอ้พี่ราหูเข้ามา เขาถึงลืมเรื่องแฟนเก่าไปสนิทใจ แต่พอเพื่อนพูดถึง ความทรงจำครั้งเก่าก็แล่นวาบเข้ามาในหัวจนอดจะโกรธไม่ได้

ความโกรธที่เผื่อแผ่ไปยังผู้ชายอีกคนที่เอาเรื่องนี้ไปถามเพื่อน

นี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่สกายเลือกจะไม่บอกเรื่องที่ชอบผู้ชายกับเพื่อนสนิท เพราะไอ้เรนต้องถามอย่างอยากรู้แน่ว่าแล้วความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของเขาเป็นยังไง ต่างกับมันที่เพิ่งเคยมีประสบการณ์คบกับผู้ชายคนแรกหรือเปล่า ซึ่งถ้าเขาเล่าให้มันฟัง ไม่เพียงแต่รื้อฟื้นสิ่งที่พยายามลืมไปแล้วขึ้นมา ยังอาจจะทำให้ไอ้เรนเข็ดขยาดไปด้วยก็ได้

ดังนั้น พอสกายกลับมาที่ห้องตอนดึก แล้วพบว่ามีถุงอาหารจากร้านชื่อดังแขวนอยู่หน้าห้อง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทางนั้นซื้อใจพี่จอยไปเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มจึงไม่ลังเลที่จะคว้ามันไปโยนทิ้งลงถังขยะ

“มึงไม่ต้องมาเสี้ยม กูก็ไม่มีทางชอบเพื่อนแฟนมึงหรอกไอ้เรน”

สกายพูดกับถุงอาหารอย่างเย็นชา เท่านั้นไม่พอ คนที่ปล่อยให้ข้อความบนโทรศัพท์เด้งเตือนทุกวันก็จัดการบล็อกเบอร์ รวมทั้งไลน์ของพระพายอย่างไม่ไยดี

ถ้ามีเรื่องไหนที่วาเรนช่วยเขาให้คิดออก ก็คงเป็นความทรงจำเลวร้ายที่ทำให้สกายยืนยันว่าจะไม่รักใคร!

และคืนนั้นเขาก็ฝันร้ายถึงเรื่องเก่าๆ อีกจนได้

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น