2

ค่าตอบแทน


 

ตอนที่ 2

ค่าตอบแทน

            แม้ฝนจะตกต่อเนื่องกันมาหลายชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มีเพียงทุเลาความรุนแรงจากพายุระดับที่ทำให้ร่มหักมาเป็นปล่อยซู่ซ่าเสียงดังน่าหนวกหู ซึ่งมันไม่ได้รบกวนจิตใจของเรนเลยสักนิด เมื่อเทียบกับประโยคก่อนหน้านี้ กับสัมผัสอุ่นข้างแก้มจากรุ่นพี่อีกคน

            เมื่อกี้เสียงฝนดังกลบจนหูเพี้ยนใช่มั้ยวะ

            เด็กหนุ่มยังพยายามปลอบใจตัวเอง ขณะกำร่มแน่นขึ้น ยืนห่างจากผู้ชายตัวโตที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงกระโปรงรถอย่างไม่แน่ใจ

            เมื่อครู่ พอพายุเอ่ยประโยคนั้นจบ อีกฝ่ายก็เอื้อมมือผ่านหน้าไปดึงฝากระโปรงให้เปิดออก จากนั้นก็ดูเครื่องยนต์ให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงเจ้าของรถที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก จะเถียงว่าไม่ได้อ่อย อีกฝ่ายก็ไม่รอฟัง รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พี่แกบอกให้ลุก เพราะจะลองสตาร์ทเครื่องดู

            คนที่ยืนยันว่าไม่ได้อ่อยเลยถูกไล่ลงมายืนนอกตัวรถ ทั้งที่ยังไม่ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา

            “ฟังผิดแน่” เรนพึมพำ

            ใช่ เขาฟังผิดแน่ๆ ในเมื่อพี่พายุคือคนเดียวกับเฮียบิ๊กไบค์แสนเท่ เป็นรุ่นพี่ที่ใครๆ ก็เคารพและนับถือ อีกฝ่ายจะพูดจาหมาๆ แบบนั้นได้ยังไง อาจจะว่าเขาอ่อนที่แค่นี้ก็ซ่อมเองไม่เป็นสินะ เออ อ่อนกับอ่อย อาจจะหูเพี้ยน

            เรนเริ่มยิ้มออก จังหวะเดียวกับที่รุ่นพี่หันมาสบตา แล้วก็บ้าชะมัดที่เขาหลุบตาหนีอีกครั้ง

            มึงจะหล่อไปไหน กูใจสั่นหมดแล้วเนี่ย

            “หม้อน้ำรั่ว แล้วฟังจากเสียง ไดร์สตาร์ทคงมีปัญหา วันนี้คงต้องจอดไว้นี่ ตอนนี้คงไม่มีอู่ไหนยอมฝ่าฝนมายกรถให้หรอก ต้องรอพรุ่งนี้เช้า...ถ้าน้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯ ละก็นะ”

            คนฟังใจหล่นไปที่ตาตุ่ม เผลอก้มลงมองพื้นลานจอดรถที่น้ำนอง ซึ่งถ้าฝนยังตกทั้งคืน ไม่ต้องให้เทพธิดาสำนักไหนมาฟันธงก็รู้ว่าไม่มีอู่ไหนยอมฝ่าน้ำท่วมมายกรถให้เขาหรอก ที่สำคัญ...เขาไม่รู้จักอู่สักแห่ง

            “งั้นพี่ไปแล้วนะ”

            หมับ!

            “เดี๋ยวพี่ อย่าทิ้งผมไว้งี้สิ!”

            พอสถานการณ์ฉุกเฉิน เรนก็ลืมไปหมดแล้วว่าเพิ่งฟังอะไรมา รีบพุ่งไปจับมืออีกฝ่ายเอาไว้แน่น เงยหน้ามองด้วยสายตาแบบลูกหมา

            ขณะที่พายุก็กดสายตามองมือที่ถูกจับเอาไว้ จนเรนรีบปล่อยมือ

            “พี่มีอู่ไหนแนะนำมั้ยครับ เอาแค่พอจะมายกรถให้ผมตอนนี้ก็ได้”

            รุ่นพี่รูปหล่อลูบปลายคางอย่างใช้ความคิด ซึ่งมันทำให้คนมองใจชื้นขึ้น เพราะเป็นนิมิตหมายอันดีว่าพี่แกต้องมีอู่สักที่ในใจแน่ๆ ไม่งั้นป่านนี้คงบอกปัดไปแล้ว

            “มีก็มีอยู่หรอก แต่ค่าใช้จ่ายแพงนะ จ่ายไหวมั้ยล่ะ”

            “ไหวครับ!”

            เด็กหนุ่มมั่นใจในอำนาจบัตรเครดิตของปะป๊ามากว่าช่วยแก้ปัญหานี้ได้ จนยิ้มแฉ่ง ไม่ทันสังเกตว่าคนยื่นข้อเสนอกระตุกมุมปากอย่างพออกพอใจ จากนั้นก็ล้วงมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสาย เดาว่าคงเป็นอู่ที่ว่า ใช้เวลาเพียงพักเดียว ทางนั้นก็หันมาอีกครั้ง

            “คนที่อู่กำลังมา”

            นี่เป็นข่าวดีที่สุดที่ได้ฟังเลย ไม่สิ ข่าวดีที่สุดน่าจะเป็นเรื่องที่เขาดันหูเพี้ยน เข้าใจผิดไปแวบหนึ่งว่าพี่พายุปากหมา นิสัยทราม ใส่ความว่าเขาเอาตัวไปอ่อย เพราะความจริงพี่พายุออกจะหล่อ เท่ นิสัยดี มีน้ำใจ ช่วยไอ้เรนตัวน้อยๆ คนนี้เหมือนครั้งก่อน

            ในเมื่อพี่พายุเป็นเฮียบิ๊กไบค์ งั้นจะลืมๆ เรื่องที่เปิ้ลปลื้มพี่ออกนอกหน้าไปก่อนก็ได้

            เด็กหนุ่มคิดอย่างใจกว้าง (?) ยิ้มหวาน ฮัมเพลงด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นโข หารู้ไม่ว่าคนใจดีข้างๆ ก็กำลังยิ้มเช่นกัน

            หากเป็นรอยยิ้ม...หมายมาด

 

            แม้ว่าฝนยังคงโปรยปรายไม่ขาดสาย แต่ใช้เวลาไม่นาน รถยกคันใหญ่ก็แล่นเข้ามายังลานจอดรถ จนคนที่นั่งเล่นเกมโทรศัพท์รออยู่ในรถถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วยิ่งหายใจหายคอคล่องขึ้น เมื่อพี่พายุเดินลงมาจากรถเจ็ดที่นั่งคันใหญ่ แล้วตรงไปหาคนขับรถยก

            ก่อนหน้านี้เรนกังวลใจว่ารุ่นพี่จะกลับเลยหรือเปล่า แล้วก็แทบจะยกภูเขาออกจากอก เมื่อพี่พายุว่าง่ายๆ

            ‘พี่ขอไปคุยงานที่รถก่อน เดี๋ยวรถยกมาถึงแล้วจะมาเรียก’

            ในเมื่อไม่ต้องมานั่งเกร็งอยู่ในรถคันเดียวกัน แต่มีคนรอเป็นเพื่อน แถมจัดการธุระให้ พี่พายุแม่งโคตรเจ๋งอะ

            “ลงมาสิ ช่างเขาจะได้จัดการต่อ” ร่างสูงเดินมาบอก ซึ่งคนฟังก็รีบคว้ากระเป๋าพร้อมร่มลงจากรถแต่โดยดี

            “แล้วผมต้องทำอะไรมั้ย อืม ผมว่าผมอยู่เฉยๆ ดีกว่า”

            สายตาที่หันมามองราวกับถามว่า ทำอะไรเป็นบ้าง จนเด็กหนุ่มยิ้มแห้ง ถอยหลังอีกก้าว มองคนขับรถยกที่เข้ามาจัดการรถของเขาอย่างคล่องแคล่ว โดยมีพายุคอยช่วยอีกแรง ได้แต่มองตาปริบๆ ชักรู้สึกผิดที่เป็นธุระให้อีกฝ่ายจนจะเลยเที่ยงคืนอยู่แล้ว

            “พี่พายุๆ” รถของเรนถูกยกขึ้นไปอยู่บนรถยกแล้ว แต่เจ้าของรถเพิ่งนึกขึ้นได้

            “แล้วผมจะติดต่อช่างเขายังไงล่ะ”

            เบอร์ก็ไม่รู้ หน้าก็ไม่รู้จัก ถึงรถจะอายุสี่ปีกว่าแล้ว แต่ก็แพงเอาเรื่องเลยนะ

            “ต้องไปที่อู่ด้วยกัน ไปจัดการเอกสารให้เรียบร้อย”

            “ตอนนี้เนี่ยนะ!” คนฟังก้มลงมองนาฬิกา ซึ่งพอเงยหน้าขึ้น...

            “เอ่อ ตอนนี้ก็ตอนนี้ครับพี่” สายตาที่ถามว่า แล้วมีปัญหาอะไร ทำให้คนที่จะโวยเปลี่ยนคำพูดทันควัน ปลอบใจตัวเองว่าพี่เขาเป็นธุระให้ยังไม่บ่น แล้วรถกูเองจะบ่นทำแป๊ะอะไร

            “แต่ผมจะไปยังไงอะ”

            “นั่นไง”

            นั่นไงของพี่พายุคือการชี้นิ้วโป้งข้ามไหล่ไปยังรถเจ็ดที่นั่ง จนเรนอ้าปากค้าง

            “เฮ้ย! พี่จะไปส่งผมเหรอ ไม่ได้ๆ ผมรบกวนพี่แบบนั้นไม่ได้หรอก นี่ก็เสียเวลาพี่มามากพอแล้ว ผมเกรงใจ” ป๊าม้าสอนมาดีนะ ว่าให้รู้จักเกรงใจคนอื่น

            “เสียมากกว่านี้ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก”

            อูย เจ็บฉิบ

            เรนหันหน้าหนีทันทีที่พายุก้มลงมองนาฬิกา ได้แต่เกาแก้มแก้เก้อ แล้วก็ดันไปป๊ะเข้ากับคนขับรถยก

            ยิ้มให้กูทำไมวะ

            หากยิ้มให้ธรรมดา วาเรนก็คงยิ้มกลับ แต่แววตากรุ้มกริ่มแพรวพราวที่มองตรงมา ทำให้ขนลุกแปลกๆ จนแอบเขยิบเข้าหาพายุอีกสองก้าว

            ท่าทางที่พายุก็ก้มลงมอง แล้วหันไปมองคนของอู่

            “ยังไงก็มีทางเลือกสองทาง หนึ่ง ไปรถพี่ หรือสอง...” เรนที่หลบสายตาจากคนขับรถยกเงยหน้าขึ้นมาสบตา แล้วน่าแปลกที่ตาขวาเขากระตุกยิกๆ อย่างไม่น่าให้อภัย

            “ไปกับคนของอู่”

            แฉ่ง!

            เหี้ย! กูกลัว!

            สิ้นคำของพายุ เรนก็หันไปมองคนของอู่ที่ว่า ซึ่งกำลังยิ้มกว้างจนเห็นฟันหลอสองซี่ ซึ่งเขาไม่ใช่คนที่ดูถูกคนหรอกนะ แต่สภาพเสื้อผ้ามอมแมม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง แถมมีกลิ่นตุๆ งานนี้ต่อให้โดนด่าก็ยอมละวะ เขาว่าคนรู้จักเอาตัวรอดเป็นยอดคน!

            เดี๋ยวเป็นข่าวในไลน์ที่หม่าม้าชอบอ่านแล้วจะยุ่ง

            “ผมเลือกทางที่สาม” แต่ร่างเล็กก็ยังมีสติมากพอที่จะเพิ่มอีกตัวเลือก

            “ผมจะไปแท็กซี่” เรนประกาศอย่างภูมิใจมันสมองตัวเอง แต่...

            “หึๆ”

            “หัวเราะอะไรพี่พายุ”

            “เปล๊า! แต่ฝนตกแบบนี้ แถมเที่ยงคืนกว่า จะมีแท็กซี่สักกี่คันยังวิ่งอยู่ และถึงมี ถ้ารออยู่ตรงนี้คนเดียวก็ไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง แถวนี้ตอนกลางคืนนั้นเปลี่ยวน่าดู ร้านก็ปิดไฟหมดแล้ว เออ เห็นข่าวไม่กี่วันก่อนด้วยนะ ว่ามีคนเจอศพนักศึกษาถูกฆ่าข่มขืนอยู่ซอยถัดไป หั่นแยกชิ้นส่วนจนเลือดสาดกระจายไปทั่ว...”

            หมับ!

            ไม่ต้องรอให้พายุสาธยายจบ ก็มีมือขาวๆ ผวามาเกาะแขนเสื้อมั่น พร้อมกับดวงตากลมโตฉ่ำน้ำที่ช้อนขึ้นมอง ปากเบะออก แล้วว่าเสียงเครือ

            “พี่พายุ เรนขอร้อง ไปส่งเรนหน่อยนะ ไหว้ละ”

            จากนั้นก็มีเด็กตัวน้อยเดินเกาะแขนตามต้อยๆ ขึ้นรถของพายุไปแต่โดยดี

            งานนี้เต็มใจ๊เต็มใจ ไม่ได้ถูกล่อลวงเลยจริงๆ

 

            “นี่อู่บ้านพี่!!!”

            “ใช่ ไม่ได้บอกเหรอ”

            “ไม่มีสักคำเหอะ โอ๊ย! ก็ใจหายใจคว่ำตั้งนาน นี่ถ้ารู้ว่าเป็นของบ้านพี่ ผมไม่เล่นตัวหรอก กระโดดขึ้นรถนานแล้ว” เรนว่าอย่างโล่งอก ขณะมองอู่รถขนาดใหญ่ที่กินอาณาเขตกว้างขวาง แถมยังมีรถสปอร์ตหลากหลายรุ่นจอดเรียงเป็นตับ ไม่นับรวมบิ๊กไบค์ ซูเปอร์ไบค์แสนเท่ที่กำลังรออัพเครื่องอยู่ในโรงจอดด้านใน

            นี่ถ้าคนขับรถยกไม่มายกมือไหว้ลาพี่พายุ เขาคงไม่รู้อีกนานว่านี่ลูกเจ้าของอู่ แม้ก่อนจากไปจะมองเขาด้วยแววตาแปลกๆ ก็ตาม ไหนจะ...

            ‘ขอให้คืนนี้สนุกนะครับ’

            สนุกบ้านป้าพี่สิ รถเสีย ตัวเปียก ไม่รู้จะกลับบ้านยังไง

            แต่เรนก็ปัดเรื่องรำคาญใจออกจากหัวอย่างรวดเร็ว หันมาสนใจเจ้าของอู่ที่ส่งเอกสารมาให้เขากรอก

            “ใส่แค่ชื่อ เบอร์โทร. กับที่อยู่ก็พอ”

            “ครับผม” คนฟังรับเอกสารมากรอกอย่างว่าง่าย พอเรียบร้อยก็ส่งคืน

            กูคิดไปเองหรือเปล่าว่าพี่พายุยิ้มแบบพอใจ

            “ถ้ารถซ่อมเสร็จเมื่อไหร่จะโทร.ไปแจ้งก็แล้วกัน”

            “แล้วถ้าผมจะโทร.มาถาม ต้องโทร.เบอร์ไหนอะ” พายุเดินไปหยิบนามบัตรมาส่งให้ ซึ่งเรนพบว่าเป็นนามบัตรของอู่ ไม่ใช่ของรุ่นพี่รูปหล่อ จึงแอบเสียดายนิดๆ

            อ้าว! ตอนนี้รู้แล้วไงว่าพี่พายุน่ะเจ๋ง ได้รู้จักคนดังของมหาวิทยาลัยก็เท่ไม่หยอกนะ

            “งั้นผมกลับ...”

            “ตามมาสิ”

            “ไปไหนพี่”

            เรนที่กำลังจะลากลับรีบลุกตาม เมื่อเจ้าของอู่ก้าวยาวๆ นำเข้าไปในออฟฟิศด้านใน คิดในแง่ดีว่าคงยังจัดการเอกสารไม่เสร็จ สองขาก็เลยรีบวิ่งตามอย่างนึกอนาถความยาวขาตัวเอง

            สัส! พี่พายุแค่เดิน แต่กูต้องวิ่งตาม

            คนข้างหน้าก็ไม่หยุดรอ เดินนำขึ้นชั้นสองไปอย่างรวดเร็ว เรนก็ยิ่งจ้ำอ้าว

            “โอ๊ย!”

            พอพายุหยุด เรนจึงเบรกไม่ทัน กระแทกเข้าเต็มแผ่นหลังกว้าง

            “พี่หยุดทำไมเนี่ย”

            “ไม่หยุดจะไขกุญแจยังไง เข้ามาสิ” เด็กหนุ่มลูบจมูกป้อยๆ แต่พอลืมตาอีกที เขาก็เห็นห้องขนาดไม่ใหญ่นัก มีเตียงนอนตั้งอยู่ติดผนังด้านหนึ่ง กลางห้องมีผู้ชายตัวโตที่กำลังถอดนาฬิกาออกวางที่โต๊ะด้วยท่าทางง่ายๆ แต่เท่ฉิบหาย

            เคยเห็นนายแบบนาฬิกาบนปกนิตยสารมั้ย เออ แม่งใช่!

            “ที่นี่...”

            “ห้องพี่เวลามาค้างที่อู่” พี่พายุตอบ เดินไปยังตู้เสื้อผ้า คว้าผ้าขนหนูกับเสื้อผ้ามาส่งให้

            “ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวจะไม่สบาย” คนพูดชี้ไปยังประตูห้องน้ำ

            “แต่ผมเกรงใจ”

            “เสร็จแล้วจะได้มาคุยเรื่องค่าใช้จ่ายกัน”

            “งั้นผมจะรีบอาบ”

            เรนยอมรับว่าตั้งแต่ฟังเรื่องฆ่าหั่นศพ เลือดกระจายเข้าไป เขาก็เย็นสันหลังแปลกๆ เกรงว่าจะมีวิญญาณสาวนักศึกษาตามติดมาด้วย ซึ่งถ้าให้กลับบ้านคนเดียว แถมทั้งบ้านไม่มีใครอยู่ มันก็แอบกลัวอยู่ลึกๆ ไม่สิ โคตรพ่อโคตรแม่กลัวเลยครับ ดังนั้นพอพี่พายุทำท่าจะเสนอที่พักให้ก็อยากตกปากรับคำ ติดที่เพิ่งเจอกันครั้งที่สอง แต่หากมันมีเหตุผลมารองรับก็อีกเรื่องนึง

            พี่พายุบอกแล้วว่าจะเก็บแพง ไอ้ที่พักนี่ก็คงเหมาจ่ายไปแล้ว

            พอคิดแบบนั้น คนต้องเสียเงินก็เดินเข้าห้องน้ำอย่างสบายใจ หารู้ไม่ว่าค่าใช้จ่ายสำหรับคืนนี้...แพงกว่าที่คิด

 

            ถ้ากูเป็นเปิ้ลก็อยากได้คนแบบนี้เป็นผัวละวะ

            คนที่ก้าวออกมาจากห้องน้ำแอบคิด ทั้งยังเผลอกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ มองตรงไปยังเจ้าของห้องที่ไปอาบน้ำมาจากไหนไม่รู้ ถึงสวมเพียงแค่กางเกงขาสั้นพอดีเข่ากับเสื้อกล้ามสีดำสนิท เผยให้เห็นช่วงบ่ากว้าง ท่อนแขนแข็งแรงที่มีกล้ามน่ามอง ผิดกับเนื้อตัวแห้งๆ ของเขา ยิ่งเรือนผมสีเข้มที่ชื้นหมาดๆ ตกลงมาปรกเสี้ยวหน้าคมคายที่กำลังเล่นโทรศัพท์มือถือ ก็ยิ่งทำให้ผู้ชายคนนี้เซ็กซี่อย่างน่าประหลาด...

            เซ็กซี่จนใจสั่น

            เรนรู้สึกถึงออร่าของผู้ชายอีกคนจนตัวหดเล็กลีบลง

            “ขอบคุณที่ให้ใช้ห้องน้ำครับ”

            เจ้าของห้องเงยหน้าสบตา แล้วยันกายขึ้นมานั่งบนเตียง มือใหญ่ตบลงที่เบาะข้างตัว

            “มานั่งนี่สิ”

            แม้จะถามว่าเรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวอะไรกับการขึ้นไปนั่งบนเตียง แต่เด็กหนุ่มก็เดินขยี้ผมขึ้นไปอย่างว่าง่าย

            หมับ!

            “เช็ดผมให้แห้ง เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”

            งื้อ อ่อนโยนสุดๆ เลยว่ะ

            ร่างเล็กงี้ตัวแข็งทื่อ เมื่ออีกฝ่ายยื่นมือมาดึงผ้าขนหนูไปเช็ดผมให้ แล้วมันใกล้ไปมั้ยที่จะมานั่งซ้อนหลังกันแบบนี้ แล้วพี่ตัวอุ่นไปมั้ย ไอร้อนถึงแผ่มาถึงแผ่นหลังจนวูบวาบไปหมด

            เรนไม่ได้ชอบผู้ชาย เขาชอบผู้หญิงมาตลอดชีวิต แต่ไหงเป็นงี้ก็ไม่รู้

            “แรงไปก็บอก”

            เฮือก!

            พอเสียงทุ้มกระซิบข้างกกหู คนฟังก็ขนลุกซู่ทั้งตัว ได้แต่นั่งตัวแข็ง มองตรงไปยังผนังอีกฝั่ง ปล่อยให้รุ่นพี่ที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดีเช็ดผมให้อย่างนุ่มนวล แต่วิธีเช็ดกลับทำให้ร้อนๆ หนาวๆ ไหนจะท่อนแขนแข็งแรงที่วางศอกข้างหนึ่งบนบ่าเขาอีก

            กลิ่นสบู่หอมสะอาดลอยเข้าเต็มจมูก

            “กะ...ใกล้ไปนะพี่”

            “ก็ไม่นะ” เสียงทุ้มยังคงดังชิดหู ชวนให้สยิวในท้อง

            “หนะ...ไหนพี่พายุบอกว่าจะคุยเรื่องค่าใช้จ่าย”

            บ้าฉิบ เสียงสั่น!

            “คุยแน่ แต่เดี๋ยวขอเช็ดให้แห้งก่อน”

            ลมหายใจอุ่นๆ รินรดต้นคอ ขณะที่พายุวางมือข้างหนึ่งบนต้นคอขาวจัด อีกมือเช็ดผมอย่างเบามือ จนเรนได้แต่กำสองมือเอาไว้ที่ชายกางเกงแน่น ผิวแก้มยิ่งร้อนจัด

            ยืนยันอีกที กูไม่ได้ชอบผู้ชายนะ

            เฮือก!

            ใช่ เขาไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่ทำไมพอพี่พายุลากปลายนิ้วผ่านต้นคอแผ่วๆ เขาถึงเสียววูบจนหน้าแดงก่ำ สะดุ้งสุดตัว

            “ผะ...ผมว่าผมเช็ดเองดีกว่า”

            อีกฝ่ายไม่ตอบ แค่เพิ่มแรงขยี้มากขึ้น พร้อมทั้งขยับตัวเข้ามาจนแผ่นอกแนบชิดกับแผ่นหลัง ใบหน้าคมก็โน้มลงไปที่ซอกคอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

            “แน่ใจเหรอว่าจะอยากเช็ดเอง”

            จุ๊บ!

            “พะ...พี่ทำอะไร!” ปากอุ่นแนบลงบนต้นคอจนต้องถามเสียงดังลั่น

            พลั่ก!

            “เฮ้ยยย!”

            วาเรนรับรู้ถึงอันตรายที่ประชิดตัวช้าเกินไป เพราะตอนที่เขารู้สึกทะแม่งๆ ร่างเล็กก็ถูกดันลงนอนราบกับเตียงนุ่มอย่างรวดเร็ว จนผ้าขนหนูที่อยู่บนหัวร่วงลงพื้น แต่นั่นไม่ใช่ที่สุดของความตกใจ เพราะสิ่งที่ช็อกยิ่งกว่าคือ...ร่างสูงที่ตามมาคร่อมทับเหนือร่าง!

            “พี่พายุจะทำอะไร ปล่อยผมนะเว้ย!” เรนโวยวายเสียงสั่น พยายามดันอกอีกฝ่ายออก แต่กำแพงมนุษย์ไม่ขยับเลยสักนิด

            หมับ!

            “ก็เรากำลังจะคุยเรื่องค่าใช้จ่ายกันไง”

            “ค่าใช้...จ่าย...เฮ้ย!!!”

            คนที่เพิ่งเข้าใจความหมายอย่างครบถ้วนกระบวนความเบิกตากว้าง

            พี่พายุไม่ได้เรียกร้องเป็นเงิน แต่เป็น...ร่างกาย

            “นี่พี่เป็นเกย์?!” เขาถามเสียงสั่น หวังสุดใจว่าเป็นการหยอกเล่นเฉยๆ

            “ว่ากันตามตรงต้องบอกว่าไบ” พายุก็ตอบพลางยักไหล่ ไม่มีท่าทีล้อเล่นเลยสักนิด จากนั้นก็โน้มหน้าลงมาหาคนที่ช็อกตาค้างจนลืมดิ้นหนี

            “และเรนก็เป็นคนเสนอพี่เอง”

            “มะ...”

            “จู่ๆ หม้อน้ำรั่ว รถสตาร์ทไม่ติด แถมยังมองพี่ตลอดงาน” พอรุ่นพี่แจงทีละข้อ เรนพูดไม่ออก

            เรื่องมองตลอดงานน่ะใช่ แต่เรื่องหม้อน้ำรั่วกับรถสตาร์ทไม่ติดนี่ เหตุสุดวิสัยนะ!

            “ผม...”

                “แบบนี้ใครๆ ก็รู้ว่าทอดสะพานให้”

            ก่อนที่เรนจะแก้ตัว เสียงทุ้มก็ดังชิดริมหู จนเด็กหนุ่มเบิกตากว้าง

            ฟึ่บ!

            สิ้นคำ ใบหน้าคมก็ซุกเข้าที่ซอกคออย่างรวดเร็ว ปากอุ่นแนบผิวขาว ไรหนวดถูครูดกับผิวเนียนจนวาเรนสะดุ้งโหยง แล้วก็ต้องตาค้าง เมื่อฝ่ามือใหญ่กำลังสอดลึกเข้ามาใต้เสื้อนอนเนื้อบาง บ้าฉิบ! มือใหญ่ๆ สากๆ เย็นๆ ที่พอถูกับแผ่นท้องก็ทำให้เสียววูบจนหน้าแดงซ่าน

            “ปล่อยผมนะ พี่กำลังเข้าใจผิด” เขาพยายามแก้ตัว พยายามดันไหล่กว้าง แต่เรี่ยวแรงมันหายไปพร้อมกับริมฝีปากอุ่นที่กำลังพรมจูบช่วงไหล่

            มึงอย่าเคลิ้มสิไอ้เรน อย่าเคลิ้มสิวะ!

            “แน่ใจเหรอว่าพี่เข้าใจผิด”

            หมับ!

            ผู้ชายเขาว่าอย่าโจมตีที่อาวุธคู่กาย!

            วาเรนสะดุ้งอีกครั้ง กัดปากแน่นจนซีดขาว เมื่อมือใหญ่เลื่อนมาวางแหมะลงบนกึ่งกลางลำตัว บ้าชะมัด! เพราะแค่พี่พายุลูบๆ คลึงๆ ลูกชายเขาก็ดันมีอาการ จนได้แต่ยกมือปิดปาก ส่ายหน้าแรงๆ แทนคำปฏิเสธ

            “พี่...หยุด...”

            คนพูดยังรู้เลยว่าเสียงเบาหวิว แต่ทำไงได้ คนมันไม่เคย พอมีคนมาจับเข้าให้ก็สั่นไปทั้งตัว ไหนจะริมฝีปากอุ่นที่กำลังประทับเข้ากับพวงแก้ม กดหนักๆ ไล่มาที่ปลายคาง ลิ้นชื้นก็เลียบนผิวขาว อย่างที่เรนสะท้าน ร้องอื้ออึง พยายามเบี่ยงหลบไปทางอื่น แต่ก็ไม่พ้น

            เด็กหนุ่มไม่มีคำตอบหรอกว่าทำไมเขาถึงนอนตัวเปลี้ยอยู่บนเตียงของอีกฝ่าย อาจเพราะแรงช็อก แรงตกใจ หรืออาจเพราะในส่วนลึกนึกชื่นชมอีกฝ่ายตั้งแต่ครั้งมาช่วยเปลี่ยนยางล้อรถให้ แต่ด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้ชายที่เหลือติดกาย...

            “หยุด! ผมไม่ตลกด้วยนะพี่พายุ!” เขาดันอกกว้างเต็มแรง ร้องออกมาสุดเสียง ซึ่งคนฟังก็ยันกายขึ้น

            กึก!

            ทันใดนั้น เรนก็เย็นวาบไปทั้งตัว เมื่อดวงตาร้อนแรงเปลี่ยนเป็น...เย็นชา

                “เลิกเล่นตัวได้แล้ว มากเกินไปก็น่ารำคาญ”

            “!!!”

            เด็กน้อยเผยอริมฝีปากอย่างตกใจ ดวงตากลมโตฉ่ำไปด้วยหยดน้ำใส แต่เปล่าเลย ไม่ได้หวาดกลัว หากแต่เป็น...เจ็บใจ

            ขณะที่คนตัวโตก็ดูจะพอใจที่คนใต้ร่างเลิกดิ้นสักที ใบหน้าคมจึงโน้มเข้าไปหมายจะกดจูบปากสีสด แต่...

            โครม!!!

            วินาทีนั้น เรนคว้าหมอนใบใหญ่มาฟาดหัวของพายุเต็มแรง จนเจ้าของห้องมึนงงไปหลายวินาที เป็นโอกาสให้เด็กหนุ่มยันกายสุดความสามารถ ดิ้นจนกลิ้งลงมาจากเตียง หายใจหอบรุนแรง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ชี้หน้าด่า

            “ไปตายซะ! ไอ้เหี้ย!!!”

            ความจริงกระแทกหน้า แท้จริงแล้วเขาโดนหาว่า ‘อ่อย’ ไม่ใช่ ‘อ่อน’ จริงๆ ด้วย และนั่นก็ทำให้เด็กหนุ่มรีบปาดน้ำใสออกจากแก้ม

            ความชื่นชมที่มีมาตลอดอาทิตย์ หายวับไปเพราะการกระทำต่ำทรามของคนตรงหน้า!

            “สัสเอ๊ย! กูไม่ได้อ่อยมึง ไม่เคยคิดเลยด้วย หน้าตาก็ดี แต่นิสัยเหี้ยฉิบหาย กูบอกเลยนะว่า ต่อให้มึงเอาเงินมากองตรงหน้า กูก็ไม่ยอมอ้าขาให้มึง!!!” เรนตะโกนเต็มเสียง ดึงเสื้อมาปิดบังร่างกายด้วยความผิดหวัง เจ็บใจจนน้ำตาไหล

            พอว่าจบ คนพูดก็จะพุ่งตัวไปทางประตู หมายจะไปให้พ้นๆ หน้าไอ้พี่พายุคนดัง แต่...

            “กระเป๋ากูอยู่ไหน”

            เขาหันขวับกลับมาถามคนที่ยังนอนลูบปลายจมูกอยู่บนเตียง

            “จะไปไหน”

            “กลับบ้านสิวะ ใครจะอยากอยู่กับไอ้โรคจิตอย่างมึง!”

            “อยู่ในตู้เสื้อผ้า”

เรนพุ่งไปเปิดตู้เสื้อผ้า พอเห็นกระเป๋าก็รีบคว้ามากอด เหลือบมองอีกฝ่ายอย่างหวาดระแวง แต่พายุไม่มีท่าทีจะตามมาคุกคาม แค่นอนตะแคงข้างมองมาทางนี้

            “อ้อ ขอเตือนด้วยความหวังดีว่าเสียงตะโกนเมื่อกี้คงทำให้ช่างตื่นมาทั้งอู่ แล้วจากสภาพแบบนี้...ออกไปก็ไม่น่ารอดเกินสามก้าว”

            พายุมองหน้าแดงซ่าน แล้วกดสายตามองเป้ากางเกงที่ตุงขึ้น จนเรนก็รีบยกมือบัง หน้ายิ่งแดงก่ำ แต่เปล่าเขิน ตอนนี้โกรธ

            “มองอะไรวะ ไอ้โรคจิต!”

            “เฮ้อ หมดอารมณ์ฉิบ” เจ้าของห้องลุกขึ้นมาขยี้หัวอย่างเบื่อหน่าย ไม่สนใจท่าแยกเขี้ยวของอีกคน

            “แบบนี้ไงถึงเบื่อพวกเด็กๆ”

            “ใครเด็กวะ!” เรนเถียง แยกเขี้ยวขู่ฟ่อ แต่พอเขาเดินมาก็ถอยกรูดไปชิดประตูห้อง ไม่กล้าออกไปหรอก บอกเลยว่าคำขู่ได้ผล

            ตุบ!

            “เอ้า นอนซะ ไม่มีอารมณ์จะทำต่อแล้ว”

            “ใครจะเชื่อ”

            เชื่อก็ควายแล้ว!

            เรนมองหมอนอีกใบที่ถูกดึงจากตู้เสื้อผ้า แล้วพายุก็โยนไปยังโซฟาตัวยาว บอกง่ายๆ เหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ใครจะเชื่อลง ได้แต่กอดกระเป๋าด้วยความระแวงสุดขีด เจ้าของห้องแค่ยักไหล่ไม่ใส่ใจ เดินไปปิดไฟจนทั้งห้องมืดสนิท

            “อย่าเข้ามานะ!”

            เด็กหนุ่มหนีไปสุดมุมห้อง มองเงาตะคุ่มๆ ของพายุที่กลับขึ้นเตียง แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมถึงไหล่เหมือนเขาไม่มีตัวตน

            “ทำบ้าอะไรวะ...”

            “อ้อ ถ้าจะอยู่ต่อก็เงียบๆ ด้วยล่ะ พี่จะนอน”

            “หะ!” เรนงี้อ้าปากค้าง มองเงาดำที่พลิกตัวหันเข้าหากำแพงอย่างไม่แคร์เขาเลยสักนิด

            ตอนแรกก็ยังยืนนิ่งอย่างไม่ไว้ใจ แต่ห้านาทีก็แล้ว สิบนาทีก็แล้ว พอครึ่งชั่วโมงผ่านไป เรนก็จำใจเดินมาหย่อนก้นนั่งที่โซฟา แต่ดวงตากลมโตที่วาวไปด้วยหยดน้ำยังคงมองตรงไปยังคนบนเตียง ยิ่งได้ยินเสียงกรนเบาๆ เขาก็ยิ่งเจ็บใจจนอยากร้องไห้

            เอาความรู้สึกดีๆ ของกูคืนมานะ!

            เด็กหนุ่มบอกตัวเองว่าพอเช้าเมื่อไหร่ เขาจะชิ่งทันที ที่ต้องทำก็แค่นั่งรอนิ่งๆ อยู่อีกสี่ชั่วโมงเท่านั้น

            แต่ความเหนื่อยล้าที่เจอมาตลอดทั้งวัน บวกกับอุณหภูมิเย็นๆ ของเครื่องปรับอากาศ และเสียงสายฝนที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ก็ทำให้ร่างเล็กเอนลงแนบกับโซฟามากขึ้นทุกที...ทุกที...

            สิ่งสุดท้ายที่เรนจำได้ก่อนจะหลับผล็อยไปก็คือ รอยยิ้มของคนที่เขาขอตั้งตัวเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง!

            ไม่ต้องมายิ้มเอ็นดูเลย กูโกรธมึงจริงๆ ด้วย

 

            ยามดึกสงัดที่มีเพียงเสียงสายฝนกับสายลมพัดกระแทกหน้าต่าง พายุกำลังยันกายขึ้นมาช้าๆ มองตรงไปยังร่างเล็กๆ ที่ขดตัวเป็นก้อนอยู่บนโซฟา ทั้งดูน่าสงสารและน่ารักในเวลาเดียวกัน

            น่ารักสิ ตาวาวๆ ที่ฉ่ำไปด้วยน้ำ กับปากแดงๆ ที่เบะออกจะร้องไห้

            ความคิดของคนที่กลั้นขำสุดความสามารถ เดินตรงไปหาคนที่ควรจะระแวงเขาจนหลับไม่ลง แต่ตอนนี้ ต่อให้ไฟไหม้ก็คงไม่ตื่น

            “ถูกใจแล้วสิ” พายุเปรย

            จากนั้นร่างสูงก็จัดการช้อนร่างรุ่นน้องร่วมสายรหัสขึ้นมาอุ้มอย่างเบามือ ก้าวยาวๆ ตรงไปที่เตียงนอนนุ่ม วางลง แล้วขยับขึ้นไปนอนเคียงข้างกัน ซึ่งถ้าเรนตื่นอยู่คงด่าว่าหน้าไม่อาย เมื่อสองมือไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะสอดรอบเอวเล็ก ดึงเข้ามาในอ้อมกอด

            “อื้อออ” ชายหนุ่มฟังเสียงครางอื้ออึงของเด็กที่เอาเรื่องน่าดู แต่พักเดียวก็กลายเป็นฝ่ายซบหน้าลงกับอกเขา จนริมฝีปาก...แสยะยิ้มชั่วร้าย

            ถูกใจตุ๊กตาตัวนี้แล้วสิ

            ความคิดที่หากน้องชายฝาแฝดมาได้ยิน ก็คงขอไว้อาลัยแด่ตุ๊กตาตัวที่ว่าด้วยความสงสารอย่างสุดซึ้ง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น