3

บทที่ 3


3

 

สามอาทิตย์ก่อน...สำหรับอาคเนย์

มันเป็นแค่ปาร์ตี้เล็กๆ ภายในของบริษัทซึ่งเขายอมอนุญาตให้จัดขึ้นเป็นพิเศษที่ห้องพักส่วนตัวชั้นเพนเฮาส์บนยอดตึกระฟ้าของโครงการคอนโดและศูนย์สรรพสินค้าขนาดใหญ่ในทำเลไฮเอนด์ เพื่อฉลองยอดจองที่ถล่มทลายและความสำเร็จของการเปิดตัวห้างสุดอลังการที่สร้างกระแสจนโด่งดังไปทั่วโลก

ภายในงานเลี้ยงมีแต่พนักงานเข้าร่วมดื่มกินกันอย่างเต็มที่และดูเหมือนพวกนั้นจะสนุกสนานกันเลยเถิดไปไกลจนเกิดความวุ่นวายขึ้นจากการอาละวาดของแฟนสาวของพนักงานคนหนึ่ง

อาคเนย์มองความอึกทึกที่กลางห้องด้วยสายตาไร้ความรู้สึกก่อนถอนหายใจ ...ดูเหมือนสิ่งเดียวที่เงินมากมายเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้คือความสงบสุขในชีวิตนี่แหละ ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทแบล็คไทสุดเนี้ยบเดินไปที่ประตูกระจกซึ่งสามารถเปิดออกไปที่ระเบียงได้หมายจะหลบจากความวุ่นวายของค่ำคืนนี้ไปสู่ที่พักอย่างเงียบๆ แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งเอื้อมมากระชากคอเสื้อเขาไว้ด้วยเรี่ยวแรงที่ไม่เบานัก ชายหนุ่มมองไล่ไปตามเรียวแขนบอบบางที่มีผิวขาวนวลเนียนใสต้นแขนเปลือยเปล่าเปิดเปลือยหัวไหล่จรดแขนเสื้อเว้าลึกของชุดสีแดงสุดเซ็กซี่ผมดำยาวสยายล้อมกรอบดวงหน้าสวยหวานที่แต่งเอาไว้อย่างดี สบสายตากับดวงตาสีดำที่ฉ่ำเยิ้มน่าจะด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ดีกรีเข้มข้น

"บาร์เทนเดอร์" เสียงเมาๆ นั้นทักทายพร้อมเปิดรอยยิ้มฉ่ำหวานขณะยกอีกมือหนึ่งมาลูบไล้โบว์ไทที่ปกเสื้อเขาพร้อมเอนตัวเข้าหาอย่างทรงตัวไม่อยู่จนชายหนุ่มต้องยกแขนขึ้นมาช่วยประคองไว้พร้อมเหลียวมองไปรายรอบ เท่าที่กวาดตาดูเหมือนความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกลางห้องจะทำให้คนที่ประจำอยู่ตามจุดต่างๆ ทิ้งจุดไประงับเหตุกันหมด...ทำให้เขาถูกจู่โจมเข้าประชิดตัวได้โดย...ชายหนุ่มกวาดสายตามองคนตรงหน้าพบว่าเขาไม่เคยเจอเธอมาก่อนน่าจะไม่ใช่พนักงานในบริษัทแน่ๆ แต่ทำไมเธอถึงมาปรากฏตัวแบบเมาๆ ในงานเลี้ยงเป็นการภายในของเขาได้ ...สงสัยเขาต้องตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยใหม่...อาจต้องไล่ออกยกชุดโทษฐานที่ปล่อยให้มีแขกไม่ได้รับเชิญที่ไม่รู้ที่มาที่ไปเข้ามาประชิดตัวเขาได้อย่างนี้ ขณะที่กำลังคิดจะผลักเธอออกดวงหน้านั้นก็เงยขึ้นเปิดรอยยิ้มกว้างขวางดวงตาฉ่ำหวานแวววาวราวมีดวงดาวพริบพราวอยู่ในนั้น

"ขอเครื่องดื่มหน่อยสิ ไอ้ที่หวานๆ อร่อยๆ น่ะ"

"ผมไม่ใช่..." กำลังจะปฏิเสธก็ต้องชะงักเพราะสองแขนเรียวขาวยกขึ้นโอบรอบคอไว้ขณะเอนพิงมาทั้งตัว

"บาร์เทนเดอร์เขาจ้างกันยังไง ต้องจัดงานเลี้ยงเท่านั้นเหรอ? รับงานนอกไหมถ้าจะจ้างไปชงเหล้าให้กินที่บ้านอะ?" คำถามพร้อมเนื้อตัวนุ่มนิ่มที่เบียดแนบเข้าหานั้นทำให้ประสิทธิภาพในการปฏิเสธสิ่งมีชีวิตเจ้าเล่ห์ขยันอ่อยของชายหนุ่มขาดตอนลงชั่วคราว

อาคเนย์ก้มหน้าลงมองดวงหน้าขาวใสที่ช้อนตาฉ่ำเยิ้มขึ้นสบสายตาก่อนยิ้มให้

"บ้านคุณอยู่ที่ไหนล่ะ?" เขาถามขณะคิดในใจว่าคงต้องหาคนไปส่งเธอก่อนที่เจ้าตัวจะไปหาบาร์เทนเดอร์ได้จริงๆ หากสีหน้าหญิงสาวกลับเหมือนงุนงงขึ้นมาคิ้วขมวดนิดๆ

"บ้าน...เออ ใช่ ต้องย้ายออกนี่หว่า ...ยังไม่ได้หาบ้านใหม่เลย" เสียงพึมพำกับตัวเองนั้นเหมือนมีสติขึ้นมานิดหน่อยขณะขืนตัวเซๆ ออกจากอ้อมอกที่เผลอพิงตัวอยู่ตั้งนาน อาคเนย์หมุนตัวตามร่างบางที่เดินเซๆ ไปทางประตูกระจกก่อนหญิงสาวจะเอนตัวพิงเข้าที่ประตูระเบียงพลางโบกไม้โบกมือตาปรือ

"งั้นเอาไว้ก่อน ไว้หาบ้านได้ก่อนค่อยไปชงเหล้ากินกัน" คำตอบของคนเมานั้นทำให้เขาชักลังเล

"เดี๋ยวสิแล้วคืนนี้คุณจะอยู่ยังไง? มีบ้านญาติหรือคนรู้จักให้ไปส่งไหม?" นานๆ ทีหรอกนะเขาถึงจะแสดงความเป็นสุภาพบุรุษออกมาขนาดนี้...กับคนที่เมาจนแทบทรงตัวไม่อยู่

"ไม่มี ไม่มีใครคบ! คิกๆ" เสียงหัวเราะเมาๆ เหมือนขันตัวเองแต่จับได้ถึงกระแสความขมขื่นในนั้นก่อนหญิงสาวจะถอนใจ "เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปซื้อบ้านอยู่ละ เอาบ้านที่มีสระน้ำนะ...แล้วก็เอาประตู...อืม...ประตูแบบนี้ก็สวยดี" คนพูดลูบคลำบานประตูกระจกที่แบ่งเป็นช่องชั้นกั้นระเบียงทางออกสู่สระว่ายน้ำ ...สระว่ายน้ำที่เธอเพิ่งสังเกตเห็นทำให้ดวงตาดุจดวงดาวนั้นพรายประกายวาววับ

"นั่นสระว่ายน้ำนี่!" น้ำเสียงนั้นตื่นเต้นขณะเปิดประตูแล้วพุ่งตัวหัวซุนไปสู่สระว่ายน้ำราวเด็กๆ ที่เห็นทะเลเป็นครั้งแรก

อาคเนย์อ้าปากจะเอ่ยห้ามว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ส่วนตัวไม่ได้เปิดให้เข้าไปได้ หากก็รู้แหละว่าคำห้ามปรามคงไม่มีผลกับคนเมา ชายหนุ่มหันกลับไปมองภายในห้องโถงที่จัดงาน ดูเหมือนหลังจากมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นทำให้งานเลี้ยงต้องเลิกราไปโดยปริยาย เหลือแขกให้จัดการแค่ไม่กี่คนเท่านั้นซึ่งพวกบอดีการ์ดกำลังเดินสำรวจความเรียบร้อยอยู่แต่ไม่มีใครสบสายตาเขาเลยสักคนเพื่อที่จะได้สั่งให้มาดูแลคนเมาตรงนี้ด้วย

ชายหนุ่มถอนใจเมื่อปลอบตัวเองว่าเอาวะก็แค่ผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นเขาคนเดียวก็น่าจะลากตัวเธอออกมาส่งให้ใครสักคนดูแลจับใส่รถกลับไปได้

ชายหนุ่มคิดขณะเดินผ่านระเบียงตามไปทางที่ได้ยินเสียงเมาๆ ที่ดูจะตื่นเต้นกับสระว่ายน้ำเอามากๆ

หากพอเขาพ้นมุมออกมานี่สิสาวชุดแดงสุดเซ็กซี่ก็ไม่ได้สวมชุดเดรสแดงอีกต่อไปแล้ว มือขาวดึงชายกระโปรงยกขึ้นผ่านศีรษะเปิดเผยบิกินีสีแดงสดที่ตัดกับผิวขาวนุ่มเนียนที่ราวกับจะเปล่งประกายออกมาได้ใต้แสงจันทร์และไฟที่ตามไว้น้อยดวงอาคเนย์กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอขณะเหลียวมองไปดูรายรอบเพื่อพบว่าบริเวณนี้ค่อนข้างลับตาเป็นส่วนตัวพอสมควร...ไม่รู้ทำไมแต่เขาไม่อยากให้มีสายตาอยากรู้อยากเห็นคู่อื่นได้เห็นภาพตรงหน้า

ตูม!

ชายหนุ่มหลับตาถอนหายใจเมื่อพบว่าเขาตามมาห้ามไม่ทัน คนเมาในบิกินี่สีแดงพุ่งตัวลงน้ำไปแล้วเรียบร้อย

"คุณไม่ควรว่ายน้ำตอนเมานะ" เดินไปเตือนที่ริมสระ คิดในใจว่าถ้าไม่รีบเอาตัวเธอขึ้นมาสระว่ายน้ำของเขาอาจกลายเป็นตำนานบิกินี่แดงบนยอดตึกให้พวกรายการประเภทคนอวดผีบุกเข้ามาถ่ายทำรายการกันแน่ๆ

"ทำไมอะ? สระว่ายน้ำเอาไว้มีเซ็กซ์ได้อย่างเดียวงั้นเหรอ?" คนถามเริ่มคว่ำตัวว่ายอวดเอวเล็กคอดสะโพกผายกลมกลึงแขนขาเรียวยาวขาวจั๊วะแหวกผ่านความยาวของสระน้ำไปช้าๆ

"ผมไม่เคยมีเซ็กซ์ในสระน้ำ" ไม่รู้ทำไมเขาต้องเคลียร์ตัวเองกับคนเมาไม่รู้เรื่องที่กำลังบุกรุกสระน้ำนี้ด้วยหากอาคเนย์ก็ยังคงสาวเท้าก้าวเดินตามคนในสระไปอย่างเป็นห่วง

"อือ...ฉันก็ไม่เคยมีเหมือนกัน" คนเมาว่ายไปจนสุดความยาวของสระหันมาส่งรอยยิ้มสดใสและทำให้อีกฝ่ายต้องสูดลมหายใจลึกยาวแบบสะกดใจเต็มที่เมื่อเธอหงายตัวเปลี่ยนท่ามาหงายตัวตีกรรเชียงอวดเรือนร่างขาวผ่องตัดกับชิ้นสามเหลี่ยมเล็กจิ๋วสีแดงที่เปียกน้ำแนบไปหมดแทบไม่ปกปิดอะไรได้เลย

"เฮ้!" และเพราะคอยจับตาดูอยู่จึงทำให้เห็นว่าดวงตาคู่สวยหรี่ปรือลงทุกทีก่อนแขนขาเรียวบางจะหยุดลงและร่างนั้นค่อยๆ จมดิ่งลงอย่างควบคุมไม่อยู่ อาคเนย์ก้มลงคว้าตัวเธอไว้ได้ เขาสบถเมื่อแขนในชุดเสื้อสูทเปียกปอนไปข้างหนึ่ง ขณะคนที่ทั้งเมา ทั้งจมน้ำ ทั้ง...เซ็กซี่อย่างวายร้าย สำลักกระอักกระไอและเหมือนสติจะค่อยคืนมาบ้างแล้ว

"นายจับฉันกดน้ำเหรอบาร์เทนเดอร์?" ตาหรี่ปรือลืมขึ้นมาก็กล่าวหากันซะงั้น

"คุณกดน้ำตัวเองต่างหาก แล้วผมก็ไม่ใช่บาร์เทนเดอร์" ไหนๆ ก็เปียกไปครึ่งตัวแล้วคนพูดตัดสินใจรวบรัดโดยรวบตัวเธอขึ้นมาจากสระน้ำและช้อนอุ้มร่างบอบบางนั้นเดินไปทางห้องด้านหลังที่เปิดไฟไว้สลัว

"เราจะไปไหนกัน?" เสียงคนเมาถามงัวเงียเหมือนไม่มีสติ

"หาห้องนอนให้คุณไง ไม่มีบ้านให้กลับไม่ใช่เรอะ?" เขาก้มลงถามผู้หญิงที่ทำให้ชุดเขาเปียกไปแล้วเกินครึ่งตัว ผิวผ่องใต้ชิ้นบิกินี่สีแดงที่ยิ่งตัดกันกับสูทแบล็คไทของเขาขาวบาดตาจนชายหนุ่มชักใจสั่น

"ขอบคุณนะ" แขนเรียวบางเอื้อมขึ้นมาคล้องคอเขาเปิดรอยยิ้มพรายพร้อมดวงตาพราวระยับขณะโน้มตัวขึ้นมาต่อสายตาปรือฉ่ำหวานจนใกล้ก่อนเอียงตัวไปกระซิบที่ริมหู

"น่ารักจัง" ลมหายใจแผ่วๆ ที่เป่ารดว่าร้ายแล้วยัยตัวดียังไม่หยุดแค่นั้นริมฝีปากนุ่มนิ่มที่เคลียใกล้ยังแย้มออกขบฟันขาวงับลงเบาๆ ที่ใบหูเขาอย่างขี้เล่นอีกต่างหาก!

นั่นทำให้ความอดทนสุดท้ายของเขาปลิวหายไปหมดสิ้นกับผิวนุ่มนิ่มราวมาร์ชเมลโลว์ที่แนบชิดกันเกินใกล้นั้น

อาคเนย์เปิดประตูกระจกอย่างทุลักทุเลเล็กน้อย ตัดสินใจแค่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่จะเดินผ่านเตียงกว้างไปที่ห้องน้ำเปิดห้องฝักบัวซึ่งเป็นประตูกระจกออกวางร่างระทวยในชุดบิกินี่แดงลง เอื้อมมือไปเปิดปรับอุณหภูมิน้ำให้หญิงสาว

"คุณอาบน้ำล้างตัวก่อน น้ำในสระมีคลอรีนเดี๋ยวผมเสียหมด ผมจะไปหาชุดมาให้เปลี่ยนแล้วเดี๋ยวให้คนขับรถพาไปส่งที่บ้าน" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบเป็นการเป็นงาน ขณะนับหนึ่งถึงพันในใจพยายามระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตัวเองอย่างเต็มที่

น้ำอุ่นพร่างพรมลงมาจากฝักบัวแบบเรนชาวเวอร์นั้นอุ่นสบายจนทำให้หญิงสาวตาหรี่ปรือลงทุกที จนคนที่ทำท่าจะผละไปต้องลังเล ก่อนอาคเนย์จะเผลอสบถออกมาเมื่อร่างโงนเงนนั้นทำท่าจะหงายหลังลงไปกองกับพื้น

ร่างสูงก้าวเข้ามาคว้าตัวเธอไว้ทันก่อนที่ร่างนั้นจะล้มกระแทกกับผนังหินอ่อนใต้ฝักบัวที่กำลังพรูสายน้ำกำลังแรงลงมาใส่ นั่นทำให้สูทของเขาพลอยเปียกน้ำไปด้วย ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกยาวบอกไม่ถูกว่าเพราะโมโหคนเมาหรือเพราะความรู้สึกแปลกๆ ที่เริ่มลุกลามจากร่างบอบบางนุ่มนิ่มที่เอนอิงแนบชิดกันเกินใกล้ใต้สายน้ำพร่างพรมนั้น

พรำพรรษปรือตาขึ้นมองผ่านม่านน้ำ พบว่าสายน้ำอุ่นราดรดจนชุดสูทสุดเนี้ยบของคนที่ประคองเธออยู่พลอยเปียกปอนไปด้วย หญิงสาวไล่สายตาขึ้นจากอกเสื้อสูทสู่แนวกรามบึกบึนของผู้ชายตัวสูงริมฝีปากสีสดที่หยักโค้งได้รูปทรงงดงามจมูกโด่งเป็นสันขนตายาวที่หรี่ลงปิดซ่อนประกายอันตรายบางอย่างเอาไว้ แต่เพราะความเมามายทำให้อะไรๆ ดูน่าขันไปหมด มือขาวบอบบางเอื้อมขึ้นไปเสยเส้นผมที่เปียกน้ำให้เขาก่อนลูบไล้สำรวจดวงหน้านั้นอย่างเผลอไผล ผู้ชายคนนี้มีรูปหน้าที่สมบูรณ์แบบไปหมดทั้งหน้าผากคิ้วเข้มจมูกโด่งและริมฝีปากที่...ที่เคลื่อนใกล้เข้ามาจนทุกอย่างพร่าเบลอไปหมดยกเว้นไว้แต่สัมผัสอุ่นร้อนที่แตะต้องกลีบปากบอบบาง ทีแรกแค่เพียงแผ่วบดคลึงเชื่องช้าราวกับจะจิบชิมให้รู้รสก่อนทวีความดื่มด่ำหิวกระหายขึ้นทุกทีร่างบางถูกรวบเข้าหาร่างสูงใหญ่ที่เบียดบดรัดรึงจนร่างนั้นแทบจะจมหายเข้าไปในอ้อมกอดของเขา

บทสนทนาไร้ภาษาดำเนินไปอย่างเร่าร้อนใต้สายน้ำพร่างพรม น้ำอุ่นร้อนขณะที่ผนังหินอ่อนเย็นเยียบที่สัมผัสตรึงแนบแผ่นหลังที่ถูกดันติดตรึงไว้ หญิงสาวรู้สึกถึงความกระด้างของแผ่นหินอ่อนเพียงแวบเดียวก่อนเลือนหายเพราะกำลังถูกดึงดูดความสนใจด้วยสัมผัสจากมืออุ่นร้อนที่กอบกุมรั้งสะโพกเธอขึ้นเพื่อให้ได้ระดับที่จะเบียดบดเนื้อตัวชุ่มโชกผ่าวร้อนของผู้ชายเข้าแนบชิดกับบิกินีตัวน้อยชิ้นล่างที่เปียกแนบแทบละลายกลายเป็นเนื้อเดียวกับเจ้าของ ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยกางกั้นแล้วแผ่นผ้าเปียกน้ำเหมือนยิ่งเน้นย้ำสัมผัสให้ยิ่งรู้สึกถึงการรุกรานของมือผ่าวที่ลวกร้อนทะลุผิวผ้ายามเขาแตะต้องสำรวจไปในทุกส่วนที่ถูกปิดบังไว้

หญิงสาวหอบหายใจแทบเป็นสะอื้นเมื่อเขาคลายจุมพิตจากริมฝีปาก เคลื่อนรสสัมผัสอันเร่าร้อนนั้นให้แผ่ขยายไปทั่วร่างด้วยการกดจุมพิตเน้นหนักไปตามผิวเนื้อนวลเนียนนุ่มราวมาร์ชเมลโลว์

เสียงคำรามอย่างขัดใจเมื่อสำรวจไปพบพื้นที่ช่วงบนที่ถูกปิดกั้นไว้ด้วยผืนผ้าสามเหลี่ยมเล็กๆ ซึ่งถูกปัดออกอย่างรวดเร็วด้วยริมฝีปากแรงร้อนที่เข้าถือสิทธิ์ครอบครองพื้นที่ซึ่งเคยถูกซ่อนเอาไว้ใต้ชิ้นผ้าเล็กจิ๋วนั้น

ขณะที่ริมฝีปากเขาทำงานหนักหน่วงบนผิวนุ่มละมุนคู่นั้น มือร้อนๆ ก็ไม่หยุดที่จะสำรวจไปทั่วเนื้อตัวละเอียดเนียนส่วนที่เหลือ เมื่อลูบต่ำลงจนพบกับเส้นเชือกบางๆ สีแดงที่ยังเกาะเกี่ยวสะโพกไว้อย่างหมิ่นเหม่ก็กระตุกออกอย่างรำคาญที่มันมากั้นขวางไม่ให้เขาสัมผัสกับร่างน้อยในอ้อมแขนได้อย่างเต็มที่ สายน้ำอุ่นไหลแรงเหมือนช่วยชะเอาชิ้นผ้าสีแดงเล็กๆ ให้คลี่ตัวออกรูดผ่านลงไปตามเรียวขาเปล่าเปลือยของร่างบอบบางที่กำลังถูกสำรวจตรวจตราราวจับจองเป็นเจ้าของ

สำนึกเลือนรางของพรำพรรษบอกตัวเองว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่ความเมามายกลืนกินความคิดนั้นไปและแทนที่ด้วยความรู้สึกจากสัมผัสอันไม่คุ้ยเคยซึ่งเจ้าตัวไม่รู้จะรับมืออย่างไรนอกจากปล่อยตัวปล่อยใจไปกับคลื่นอารมณ์ที่ไม่รู้จักซึ่งไหลบ่าโหมซัดเข้าหาอย่างบ้าคลั่งจากสัมผัสนั้น รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเยลลี่เหลวๆ ปวกเปียกไปหมดจนต้องโอบแขนรอบคอเขาไว้เพื่อพยุงตัวไม่ให้ทรุดลงไปกองกับพื้น หญิงสาวจิกเล็บกับไหล่กว้างสัมผัสถึงเนื้อแท้ของผู้ชายที่เรียบตึงแน่นด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ และเปล่าเปลือยจากเสื้อสูทและเชิร์ตที่หายไปจากตัวเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แค่ต้องไขว่คว้าตัวเขาไว้ก่อนที่ตัวเองจะขาดใจด้วยความทรมานอันแสนหวานที่ซ่านซึมเข้าไปในทุกตารางนิ้ว ร่างกายสั่นเทาจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ยามหยัดกายเบียดร่างเข้าหาสัมผัสจากร่างกายของอีกฝ่าย ไม่ขัดขืนแม้การแตะต้องสัมผัสนั้นจะลุกลามไปทั่ว ทีแรกอย่างแผ่วเบาทะนุถนอมก่อนค่อยทวีความดุเดือดขึ้นทุกทีจนพรำพรรษตัวสั่นด้วยแรงอารมณ์ที่เขาพาพุ่งสูงขึ้นพร้อมๆ กับความรู้สึกอัดอั้นทรมานที่ไร้ทางออกจนต้องจิกเล็บกับต้นแขนเต็มแน่นด้วยมัดกล้ามนั้นเต็มแรงอย่างอยากให้เขา... เขา...

ความไร้ประสบการณ์ทำให้หญิงสาวไม่รู้หนทางไปต่อรู้แค่ว่าเขาเท่านั้นที่เป็นผู้บำบัดความทรมานอันแสนหวานนี้ได้

อาคเนย์ประกบจูบลึกซึ้งดูดดื่มกลืนกินรสชาติของความปรารถนาอันร้อนเร่าแม้ริมฝีปากแสนเซ็กซี่ที่กำลังครอบครองจะให้รสสัมผัสเหมือนคนจูบไม่เป็นก็ตามแต่เขาไม่สนใจแล้ว ชายหนุ่มพุ่งตรงเข้าสู่ความต้องการซึ่งปลุกอารมณ์ดิบให้ลุกโหมแรงร้อนเกินกว่าประสบการณ์ครั้งไหนๆ

อารมณ์ที่เหมือนมีเพียงร่างละมุนในอ้อมแขนเท่านั้นที่จะบรรเทาได้

ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้เขาพลุ่งพล่านลืมตัวลืมทุกสิ่งทุกอย่างขนาดนี้มาก่อน ห้ามตัวเองไว้ไม่อยู่ขนาดนี้มาก่อน

ช่างหัวความยับยั้งชั่งใจมันสิ!

นาทีนี้ไม่ว่าอะไรก็หยุดเขาไว้ไม่ได้อีกแล้ว

ยกเว้น...

...ไว้แต่...

อาคเนย์ตัวแข็งชะงักค้างตื่นตะลึงปนทรมานด้วยความรุ่มร้อนต้องการที่แผดเผาเต้นเร่าอยู่ในกันและกัน สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความรึงเร้าที่รัดแน่นเค้นบังคับอย่างรุนแรงจนเขาแทบแตกระเบิดอยู่ในอ้อมแขนบอบบางของหญิงสาวตรงหน้า ที่พยายามยกมืออันอ่อนแรงขึ้นดันไหล่เขาพร้อมบอกเสียงสั่น

"เจ็บ...ไม่... ไม่เอาแล้ว หยุดที" เสียงห้ามแผ่วหวิวราวเสียงลูกแมวกับดวงหน้าสวยหวานที่ช้อนสายตาฉ่ำน้ำแวววาวขึ้นร้องขอด้วยสีหน้าเหยเกจากความเจ็บปวดอันไม่คุ้นเคยของการถูกบุกรุกเข้าปล้นชิงประสบการณ์ครั้งแรกด้วยผู้ชายตัวใหญ่ขนาดเขา ริมฝีปากเห่อช้ำที่เขายังจำรสจูบได้เป็นอย่างดีตะกุกตะกักห้ามปราม ซึ่งมันให้ผลตรงกันข้ามอย่างที่สุด

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย" เขาปลอบเธอเสียงสั่นทรมานพอกัน หากเป็นความทรมานที่ต่างกันสุดขั้วเพราะกำลังอดกลั้นไว้ไม่ให้ลืมตัวรุกโรมโถมแรงปลดปล่อยความป่าเถื่อนใส่ร่างเธออย่างใจอยาก ความรู้สึกหลากหลายกำลังจู่โจม ความปรารถนาร้อนแรงเกินระงับนั่นอย่างหนึ่ง อีกอย่างคือ...ความรู้สึกที่เหมือนมีอารมณ์บางอย่างแผ่ขยายออกจากกึ่งกลางทรวงอกเบ่งบานออกครอบคลุมไปทั่วร่าง ขณะพรมจูบแผ่วเบาปลอบประโลมอย่างอ่อนหวาน มืออุ่นร้อนนั้นก็ไม่หยุดนิ่งที่จะเร่งปลุกเร้าสัมผัสให้ร่างน้อยในอ้อมแขนผ่อนคลายและพร้อมจะไปด้วยกันกับเขาอีกครั้ง

เสียงห้ามปรามและกิริยาต่อต้านถูกละลายไปด้วยสัมผัสอันแสนทะนุถนอม เขาจูบเธอซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างจับจองเป็นเจ้าของ อย่างหวงแหน อย่างจะดูดกลืนกินรสอารมณ์ของสาวไร้ประสบการณ์ที่ถูกเขากระตุ้นเร้าให้ตื่นขึ้นรับสัมผัสจากผู้ชายเป็นครั้งแรก

เสียงครวญสะอื้นถูกดูดกลืนด้วยจุมพิตแผดเผากลืนกินวิญญาณ ร่างบอบบางถูกกระตุ้นเร้าจนรู้สึกถึงการแตกระเบิดของอารมณ์ประหลาดล้ำแสนหวานที่ไม่เคยรู้ว่ามีอยู่จริง ความสวยงามพร่างพรายที่โอบล้อมสวมกอดสอดประหวัดรัดรึงและพาพุ่งโผนขึ้นสู่สุดยอดคลื่นของความรู้สึกนั้นอีกครั้งตามการรุกโรมโถมรักหนักหน่วงของคนที่เร่งจังหวะตามเธอไปสู่การปลดปล่อยที่เปี่ยมล้นไปด้วยอารมณ์อันซับซ้อนเข้มข้นและแสนหวาน

นานช้ากว่าพายุอารมณ์จะค่อยสงบลงใต้สายน้ำอุ่นหญิงสาวในอ้อมแขนพริ้มตาลงดูเหมือนหลับไปแล้วใต้สายน้ำอุ่นสบาย... ทั้งจากความเมามายทั้งจากการ...ถูกรุกรักอย่างหนักหน่วง

เป็นคนเมาที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ที่เซ็กซี่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาจริงๆ

ชายหนุ่มปิดน้ำ ประคองร่างบอบบางที่ยังมีหยดน้ำเกาะพราวบนเนื้อตัวเปล่าเปลือยนั้นออกจากห้องฝักบัว รีบหาชุดคลุมอาบน้ำมาสวมให้ก่อนที่จะตบะแตกอีกรอบ

เขาเช็ดตัวเธอจนแห้งหมดจด เช็ดผมยาวสลวยให้จนหมาดแล้วอุ้มร่างบอบบางเบาหวิวนั้นมาในห้องแต่งตัวคนเมาไม่ได้สติก็ยังไม่ตื่น

...เธอน่ะ เมาไม่มีสติ แต่เขานี่สิ ...สติครบถ้วนแท้ๆ แต่ยั้งตัวเองไม่อยู่ปลุกปล้ำคนเมาที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ไม่พอ ...แถมยัง...

ทำลงไปโดยไม่ได้ป้องกันอีกต่างหาก!

ก็ใครใช้ให้เธอเซ็กซี่ เย้ายวน และอ่อนประสบการณ์ขนาดนี้

ไม่น่าเชื่อว่าทั้งหมดนั้นจะรวมอยู่ในหญิงสาวที่เมามายในสถานที่อโคจรซึ่งทำท่าก๋ากั่นจนเขาคิดว่าเธอน่าจะป้องกันตัวเองได้ ซึ่งเขาพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วว่าไม่...

อาคเนย์เขี่ยปลายนิ้วไปบนแก้มใสไล้รอบกรอบดวงหน้าเล็กรูปไข่ที่ให้ความรู้สึกนุ่มละมุนละไมมากกว่าสัมผัสที่มือรู้สึก

"...คุณเป็นใครกัน?" ชายหนุ่มถามเสียงพร่ากับเจ้าของผิวเนื้อนวลนุ่มละมุนมือ ไม่อาจยั้งตัวเองไม่ให้สัมผัสเธอได้ มืออุ่นลูบไล้แตะแผ่วที่ริมฝีปากสีสดที่ถูกย่ำยีจนเห่อช้ำนั้น

"คุณมาจากไหน? ชื่ออะไรหือ?" คนถามเคลื่อนเข้าใกล้เป่าลมหายใจรดผิวใสอ่อนบางที่ส่งกลิ่นหอมจางๆ รวยรินเหมือนกลิ่นดอกไม้จนอดใจไม่ไหวต้องเข้าไปดอมดมจนใกล้ จมูกโด่งแตะแผ่วพร้อมรอยจูบแผ่วเบาราวปีกผีเสื้อโบยบินไปบนดวงตาที่ปิดสนิททั้งสองข้าง ปลายจมูก แก้ม คิ้ว คาง

"ตอบผมมาว่าคุณเป็นใคร มาจากไหนกัน..." อาคเนย์กระซิบถามชิดริมฝีปากคนที่ยังหลับใหลก่อนเผยรอยยิ้มยั่วเย้าให้คนที่ยังคงไม่รู้สึกตัว

"ถ้าไม่ตอบ...ผมจูบแล้วนะ"

...หลังจากคาดคั้นเอากับคนที่หลับใหลไม่รู้เรื่องไปเสียหลายรอบในห้องแต่งตัวบนเก้าอี้นวมตัวยาวซึ่งมีเพียงเบาะที่เล็กแคบจนแค่วางร่างเล็กบางนั้นลงก็เต็มแล้วไม่เหลือที่ให้เขาเบียดตัวลงไปทำอะไรมากกว่านั้นได้ อาคเนย์จึงช้อนอุ้มร่างนุ่มนิ่มปวกเปียกราวไร้กระดูกนั้นออกไปที่เตียงกว้างในห้องนอนใหญ่ บรรจงวางร่างนั้นลงบนผ้าปูไหมเนื้อละเอียดที่เนียนไม่ถึงครึ่งความเนียนละมุนของผิวกายของเจ้าร่างน้อยของเขา

ชายหนุ่มกวาดสายตาซึมซับภาพเรือนร่างบอบบางที่ทอดตัวอ่อนระทวยอยู่บนเตียงของเขาเอาไว้ด้วยสายตาพึงพอใจอย่างไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกแปลกๆ จู่โจมเข้ามา ความคิดที่อยากให้จากนี้ไปเตียงที่เขานอนต้องมีคนคนนี้อยู่...เป็นของประดับเตียงที่น่าลิ้มลองและอ่อนหวานจนอดใจไว้ไม่ไหวต้องพรมจูบลงไปให้ทั่วถ้วนในทุกตารางนิ้วนั้น

 

ฝันของพรำพรรษ...

มันเป็นความฝันประหลาดที่เหมือนจริงซะจนหญิงสาวนึกอยากให้มันไม่ได้เป็นเพียงแค่ความฝัน

ในความฝันนั้นมีดวงตาคู่หนึ่งที่มองมาด้วยสายตาเป็นประกายแวววาวราวมีดวงดาวพริบพราวอยู่ในนั้น ดวงตาของเขายิ้มได้ก่อนที่ริมฝีปากจะเปิดรอยยิ้มตามมา...เป็นรอยยิ้มที่ละลายหัวใจให้อ่อนละลายเป็นวุ้นเหลวๆ หญิงสาวไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อน

...โชคดีชะมัดที่มันเป็นแค่ความฝัน

หากเมื่อจ้องมองอย่างจะให้ภาพคล้ายความฝันตรงหน้าชัดเจนขึ้น ดวงตากลับพร่าเลือนเพราะดวงหน้านั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ ...เกินใกล้

ฝันแหงๆ เพราะในโลกความเป็นจริงคงไม่มีใครมอบจูบที่แสนหวานเย้ายวนใจให้เธอขนาดนี้แน่

...ในเมื่อมันเป็นความฝันดังนั้นคงไม่ผิดบาปอะไรถ้าเธอจะไขว่คว้าเขาเอาไว้ แขนบอบบางไขว่คว้าหาไหล่กว้างเต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นๆ ตึงมือ ที่ไร้อาภรณ์ปิดกั้นพร้อมคิดในใจ

อืม...เป็นความฝันที่เพียบพร้อมดีแท้ ผู้ชายในฝันของเธอเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดีโดยไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าเลยสักชิ้นเดียว...

ขนาดคิดว่าตัวเองฝันแท้ๆ ยังอดหน้าแดงไม่ได้เมื่อสัมผัสรับรู้ได้ถึงความว่างเปล่าของร่างกายสองร่างที่แนบกระชับแน่นชิดกันไปทุกสัดส่วน ร่างหนาหนักเบียดบดเข้าหาขณะฝังจูบดุเดือดรุกรานด้วยปลายลิ้นร้อนที่เรียกร้องการตอบสนอง จนคนตัวเล็กที่นึกว่าตัวเองยังไม่ตื่นจากฝันเผลอตัวตามเขาไปอย่างมึนงงลืมตัวไปกับสัมผัสระอุเดือดของริมฝีปากและมืออุ่นร้อนที่แตะต้องไปทั่ว

อาคเนย์ประคองศีรษะของหญิงสาวไว้ด้วยสองมือใหญ่สอดไซ้ปลายนิ้วเข้าไปสางเล่นในกลุ่มผมยาวสลวย ดวงหน้าเล็กๆ ของหญิงสาวในอ้อมแขนปรือตาฉ่ำเบลอมองมาเหมือนยังไม่ตื่นดี

...แต่กลับกระตุ้นให้เขาตื่นได้เป็นอย่างดี...

ชายหนุ่มยิ้มใส่ดวงตาหรี่ปรือคู่นั่นก่อนพรมจูบแผ่วๆ กดข่มอารมณ์แรงร้อนเอาไว้ก่อนเพราะมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องสะสางกับคนตรงหน้า

"คุณชื่ออะไร?" คำถามนั้นเรียกสีหน้างุนงงจากหญิงสาวดวงตาคู่สวยใต้แพขนตาหนากะพริบปริบๆ

พรำพรรษสงสัย...ว่าทำไมความฝันต้องถามชื่อเธอด้วย

ผู้ชายในฝันไม่รู้จักชื่อเธองั้นหรือ?

ก็...ในเมื่อเป็นความฝันงั้น...ทำไมเธอถึงต้องตอบ

ปล่อยให้ดวงหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขมวดคิ้วขัดใจก็...น่ารักดีออก คนคิดขำขันจนเผลอปล่อยหัวเราะคิกออกมา รอยยิ้มที่ทำให้ตาคู่นั้นหรี่ลงประกายขี้เล่นพราวออกมาปนกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ยังคงฉ่ำหวานแวววาว จนคนมองชักใจสั่นขณะที่มือเล็กเรียวบางยกขึ้นประคองใบหน้าเขาดึงเข้าหาตัวอย่างที่คนถูกกระทำไม่อาจขัดขืนได้ จูบแรกจากริมฝีปากบอบบางนั้นเพียงแผ่วอย่างคนไม่ชำนาญก่อนที่จะกลายเป็นฝ่ายถูกรุกกลับคืนด้วยลีลาร้อนร้ายของผู้ชายที่เหมือนมีประสบการณ์ทางด้านนี้มาทั้งชีวิต

มันต้องเป็นความฝันแน่ๆ พรำพรรษบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อโอบกอดไปรอบไหล่กว้างจิกเล็บไปบนเนื้อตัวแกร่งแน่นแข็งแรงของผู้ชายอย่างลืมตัวลืมอายหยัดกายรับตอบสนองต่อการรุกรานของเรือนกายแกร่งที่ใหญ่โตและทรงพลังนั้นอย่างเต็มที่

ไม่มีทางที่เซ็กซ์ในความเป็นจริงจะเร่าร้อนอ่อนหวานและเปี่ยมไปด้วยความทรมานอันหฤหรรษ์ขนาดนี้ได้แน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้หญิงที่มีความฝังใจจำที่เลวร้ายเกี่ยวกับเรื่องนี้แบบเธอ

แถมการที่ต้องมาทนดูบรรดาภาพหลุด ไลน์ลับและอีกสารพัดการบันทึกเรื่องอย่างว่าที่ภาสกรก่อเรื่องไว้และถูกนำมาแบล็คเมล์อยู่เนืองๆ นั้นยิ่งตอกย้ำความเลวร้ายเข้าไปใหญ่ ภาพความชิดใกล้กันเกินใกล้ของชายหญิงเหล่านั้นมันไม่ได้สร้างความรู้สึกที่ดีให้เธอเลยมีแต่ความรู้สึกที่พอดูจบอยากล้างตาให้ภาพอุจาดตาน่าขนลุกพวกนั้นมันหลุดหายไป จนพรำพรรษเคยคิดว่าตัวเองเป็นพวกกามตายด้านเสียด้วยซ้ำไป

แต่ความฝันในคืนนี้นั้นบอกกับเธอว่ามันตรงกันข้าม ความเร่าร้อนอ่อนหวานรัญจวนใจที่ฝังอยู่ในสัญชาตญาณของการสืบทอดเผ่าพันธุ์มนุษยชาติไม่ได้หนีหายจากเธอไปไหน เพียงแต่เธอยังไม่เจอคนที่ทำให้มันเกิดขึ้นมาก็เท่านั้น

และเธอคิดว่าคงไม่มีทางหาคนคนนี้เจอได้ในชีวิตจริง ซึ่งเธอก็คงไม่ไปเที่ยวตามหาหรือไล่ล่าเขาหรอก ...ปล่อยให้เขาเป็นความฝันต่อไป

อาจเป็นเงื่อนไขทางจิตวิทยาจากความอัดอั้นอะไรบางอย่างก็ได้ที่ทำให้เธอฝันประหลาดขนาดนี้ซึ่งมันคงมีทฤษฎีทางจิตวิทยาอะไรสักอย่างที่อธิบายได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ในตอนที่เขาพาเธอไปแตะขอบฟ้าพราวพร่างแตกระเบิดออกเป็นชิ้นๆ รู้สึกเหมือนชิ้นส่วนเล็กๆ เหล่านั้นหลอมรวมกลับคืนมาโดยมีอณูของอีกฝ่ายแทรกซึมอยู่ในกันและกันอย่างลึกซึ้งเข้มข้น

นานช้ากว่าความมึนเบลอและความอิ่มเอมสุขสมที่ครอบคลุมร่างกายและอารมณ์อยู่จะคลายลงเปิดทางให้ความปวดร้าวของร่างกายประท้วงขึ้นมาได้

"เจ็บ..." เสียงแผ่วพึมพำทั้งมึนงงทั้งสงสัยกับตัวเองว่าทำไมความฝันมันถึงได้เจ็บขนาดนี้

"ขอโทษ..." เสียงห้าวๆ พึมพำชิดหน้าผากก่อนพรมจูบแผ่วเบาปลอบขวัญไปทั่วหน้า...โดยไม่ยอมถอยออกห่างแถมยังดึงมือบอบบางที่พยายามยกขึ้นผลักไสมาจูบไล่ไปตามปลายนิ้วก่อนประทับจุมพิตตรึงที่กลางฝ่ามือนุ่ม ...ซึ่งมันให้ความรู้สึกราวกับถูกไฟฟ้าสถิตดูดตรึงไว้

"ฮื้อ..." หญิงสาวครางประท้วงเมื่อรอยจูบนั้นแพร่สัมผัสไปทั่วริมฝีปากร้อนๆ แตะแผ่วไปถึงทรวงอกนุ่มก่อนกลืนกินความหวานละมุนนั้นด้วยจุมพิตแผ่วหวาน ด้วยปลายลิ้นร้อนที่กระตุ้นเร้าจนร่างน้อยตัวสั่นหวั่นไหวไปกับสัมผัสที่จู่โจมเรียกร้องเอาอย่างไร้ปรานีจนไม่อาจปฏิเสธไหวเมื่อจุมพิตพรมแผ่วข้างแก้มพร้อมเสียงกระซิบที่ริมหู

"ขออีกทีนะ ...นะ" เสียงหอบๆ แผ่วพร่าลมหายใจอุ่นร้อนที่เคลียแก้มและสัมผัสอันยังแน่นแนบชิดกันอยู่นั้น ทำให้แก้มใสซึ่งซับสีเรื่อจากความเมามายอยู่แล้วยิ่งก่ำแดงจัดขึ้นทุกทีเมื่อสัมผัสรู้ถึงร่างกายอีกฝ่ายที่...ที่... ทั้งๆ ที่เหมือนเขาเพิ่ง... เพิ่ง... ไปเมื่อกี้นี้เองไม่ใช่เหรอ?!

มันเป็นความฝันแบบที่ควบคุมไม่ได้ เอาแต่ใจและเรียกร้องไม่สิ้นสุด แต่ในเมื่อมันเป็นฝันและคงไม่ได้มีแบบนี้บ่อยๆ หญิงสาวจึงละวางทุกสิ่ง ทิ้งทุกความยับยั้งชั่งใจแล้วปล่อยตัวปล่อยใจเตลิดไปกับร่างกายที่เติมเต็มเรียกร้องเหมือนไม่ยอมอิ่มพอนั้นตามแต่เขาจะพาไป

ยังดีที่เมื่อตื่นจากฝันความเจ็บร้าวระบมไปหมดทั้งตัวนี้มันคงจะไม่ตื่นตามไป...

...ใช่ไหมนะ?

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น