5

บทที่ 5


5

สวัสดิการพนักงาน

 

หลังจากผลงานแรกเป็นที่ประจักษ์ ชื่อเสียงของไอรีนก็แพร่ไปปากต่อปาก กลายเป็นที่รู้จักกันในกลุ่มของเรมิงตันมากขึ้น บางคนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาก็จินตนาการไปว่าเป็นหญิงสาวที่ถึกทนเหมือนรถถัง ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่เลือกเดินทางสายนี้ บางคนก็ว่าเธอน่าจะเหมือนสไนเปอร์ที่ซุ่มเงียบๆ แต่เก็บเรียบทุกเป้า

ช่างเปรียบเปรยได้สมกับเป็นกลุ่มคนที่ค้าขายอาวุธ

โชคดีมีคนที่เห็นหญิงสาวในวันที่เรมิงตันพามาแนะนำที่โกดังได้ยินบทสนทนา จึงแก้ไขความเข้าใจผิดให้ นั่นทำให้ไอรีนยิ่งเป็นที่โจษจันมากขึ้น

หญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้ม ดวงตาเรียวเฉี่ยว ผมสีเงินยาวเป็นลอนคลื่น ลักษณะของหญิงสาวที่ถูกกล่าวถึงและท่าทางการบรรยายเคลิ้มๆ ของคนพูด ทำให้คนฟังจินตนาการตามได้ไม่ยาก และพวกเขาก็พร้อมใจกันให้นิยามเพื่อนร่วมงานคนใหม่ว่า...

“เทพธิดาในดงอาวุธงั้นหรือ ไม่เลวนี่” เรมิงตันควงปากกาก่อนจรดเซ็นเอกสารแผ่นสุดท้าย

หลังจากส่งอาวุธครั้งสุดท้ายไปเมื่อสามวันก่อน ชายหนุ่มก็กลับมาใส่สูทนั่งโต๊ะทำงานเป็นผู้บริหารอีกครั้ง

ช่วงนี้เป็นช่วงที่แต่ละกลุ่มต่างจับตาดูการเคลื่อนไหวของกันและกัน ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านต่างนิ่งรอดูท่าที ใบสั่งอาวุธจึงยังไม่ถูกส่งออกมา ทำให้ช่วงนี้แม้จะมีออร์เดอร์เข้ามาบ้าง แต่ส่วนมากก็เป็นของพวกคนรวยที่อยากหาอาวุธไปประดับบ้านเสริมอำนาจ เขาจึงไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก

แต่ถึงเขาจะไม่ได้เข้าไปดูในส่วนของการค้าอาวุธในช่วงนี้ ข่าวสารภายในก็ถูกรายงานมาถึงอยู่ตลอด

“แบบนี้จะดีหรือครับ ผมเกรงว่าจะเป็นอันตราย” ชายหนุ่มที่ดูดุดัน แต่ลึกๆ แล้วค่อนข้างใส่ใจเพื่อนร่วมงานอย่างเอ็มมีสีหน้ากังวล

หากว่าลือกันในหมู่คนกันเองก็ไม่เป็นไรหรอก กลัวแต่จะหลุดออกไปข้างนอกเท่านั้น

“อืม...”

เรมิงตันเคาะปากกาในมืออย่างครุ่นคิด ดูท่าว่าเขาจะลืมเรื่องความปลอดภัยของหญิงสาวไปถนัดใจ จริงอยู่ว่าเขาให้เธออยู่ฉากหลัง แต่หากมีคนสืบหาขึ้นมาก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องยาก

โดยเฉพาะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผลประโยชน์...คนพวกนี้ไม่เลือกวิธีการ

และเพียงแค่นึกว่าหากเธอโดนจับตัวไป เขาก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างตะกุยข่วนก่อความไม่สงบในจิตใจ

“งั้นก็เพิ่มเขี้ยวเล็บให้สักหน่อยแล้วกัน”

เรมิงตันฉีกยิ้มกว้าง ในขณะที่สองคนสนิทเลิกคิ้วสบตากัน แม้จะยังนึกไม่ออกว่าคนเป็นนายจะใช้วิธีไหนในการเพิ่มเขี้ยวเล็บให้ไอรีน แต่จากรอยยิ้มแล้วบอกได้คำเดียวว่า...

...ชีวิตของหญิงสาวต่อจากนี้คงต้องทนปั่นป่วนไปสักพัก

 

แกร๊ก...

ไอรีนมีสีหน้าแปลกใจเมื่อเห็นเพื่อนร่วมห้องกลับมาเร็วกว่าที่คิด เธอยกเรมิงตันให้เป็นเพื่อนร่วมห้องแทนเจ้าของห้องไปเป็นที่เรียบร้อย เพราะถ้าหากนับตามชั่วโมงอาศัยแล้ว...เธอสิงอยู่ในห้องนี้ก็ว่าได้

แทบจะเรียกตัวเองว่าเป็นผีบ้านผีเรือนอยู่แล้ว

“ทำไมวันนี้กลับมาเร็วล่ะคะ” ไอรีนส่งแก้วน้ำเย็นให้คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ดับกระหายจากความร้อนด้านนอก

แม้จะรู้ว่าเขามาจากห้องแอร์ก็ตาม ทว่าสถานะบอสที่เรมิงตันสวมอยู่ทำให้เธอไม่รู้สึกว่าการเอาใจใส่ชายหนุ่มแบบนี้ผิดแปลกอะไร

ต่างจากชายหนุ่มสองคนที่เดินตามเข้ามาเงียบๆ...

...วินเชสเตอร์และเอ็มมองภาพตรงหน้าที่เจ้านายของพวกเขารับแก้วน้ำมาดื่มพร้อมส่งเสื้อสูทที่เพิ่งถอดออกให้หญิงสาว อากัปกิริยาที่ราวกับคู่สามีภรรยาทำเอาพวกเขารู้สึกเป็นส่วนเกินขึ้นมาตงิดๆ

“เอ่อ...ผมเอาของไปวางไว้ที่ห้องทำงานนะครับ” เอ็มยิ้มเก้อๆ เมื่อเอ่ยออกไปแล้วได้แววตาตอบกลับมาเป็นทำนองว่า ‘ก็ไปสิ’ เขาจึงหันไปลากคอเสื้อวินเชสเตอร์ที่กำลังมองความสนิทสนมที่ไม่รู้ตัวของคนทั้งคู่ตาวาวออกไป

ไอรีนมองสองคนที่ลากกันไปยังห้องทำงานทั้งๆ ที่ถือของพะรุงพะรัง กำลังจะก้าวตามไปช่วยก็ถูกสกัดด้วยแววตาห้ามปรามของเรมิงตัน ชายหนุ่มกวักมือให้เธอเดินตามไปนั่งโซฟา ไอรีนจึงต้องก้าวตามไปอย่างช่วยไม่ได้

“ยิงปืนเป็นไหม”

บทสนทนาที่เปิดขึ้นมาทำเอาไอรีนนั่งตัวตรงแด่ว เดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร แต่เธอก็ตอบอย่างตรงไปตรงมา

“ไม่ค่ะ”

อย่าว่าแต่ยิง...ปืนจริงยังไม่เคยแตะซะด้วยซ้ำ

อ้อ ถ้าไม่นับที่เผลอแอบลูบๆ คลำๆ ตอนไปโกดังคราวก่อนละก็นะ

“แล้วรู้จักปืนมากน้อยแค่ไหน”

คำถามที่สองพร้อมแววตาคาดหวังทำให้ไอรีนฉีกยิ้มพร้อมส่ายหน้าเบาๆ ให้อีกฝ่ายชื่นใจ แต่กลับได้รับท่าทางกุมหัว ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจมาแทน

เอาจริง...นอกจากรู้ว่าใช้ยิงแล้วเธอไม่รู้อะไรทั้งนั้น

แต่มันก็เป็นเรื่องปกติหรือไม่ใช่?

คนธรรมดาใช้ชีวิตธรรมดาจะเอาปืนไปทำอะไร ไปเดินถามเถอะ...แปดสิบเปอร์เซ็นต์รู้จักปืนแค่ไหน เคยยิงปืนรึเปล่ายังไม่รู้

ปืนอัดลมตามงานวัดไม่นับ

บีบีกันก็ไม่นับ

“ที่ขนมาเป็นข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธ ว่างๆ ไปอ่านหน่อยก็ดี” เรมิงตันพยักพเยิดไปทางห้องทำงาน ทำให้เธอรู้ว่าของพะรุงพะรังที่สองหนุ่มแบกเข้ามาคือของที่จะเอามาให้เธอนั่นเอง

ไอรีนพยักหน้าอย่างเข้าใจ อย่างน้อยการมาทำงานตรงนี้ เธอก็ควรรู้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ดูแล ถูกไหมล่ะ

“แล้ววันเสาร์นี้จะพาไปลองยิง”

“หืม?” ตาเรียวเฉี่ยวเบิกกว้าง ข้อมูลก็ส่วนข้อมูล เธออ่านทำความเข้าใจได้สบาย แต่ต้องยิงเป็นด้วยหรือ เขาคงไม่ได้กะจะใช้ให้เธอเป็นพีอาร์ภาคสนามออกงานจริงด้วยหรอกนะ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น...

ยิงนี่...หมายถึงยิงเป้าซ้อม ไม่ใช่คนจริงใช่ไหม

เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของหญิงสาวตรงหน้าแล้วเรมิงตันก็ได้แต่นึกขำในใจ เขาแค่บอกว่าจะพาไปยิงปืนแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะจินตนาการไปไกลโข สุดท้ายชายหนุ่มจึงได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ขยับปากเอ่ยบอก

“สวัสดิการพนักงานน่ะ”

 

“มึงว่านายจะรู้ตัวไหม”

หลังจากวางเอกสารข้อมูลอาวุธที่เรมิงตันให้พวกเขารวบรวมมาไว้ตรงมุมหนึ่งของโต๊ะทำงาน เสียงถามเจือแววสนุกสนานก็ดังขึ้น ทำให้เอ็มหันไปให้ความสนใจ ชายหนุ่มผิวแทนหันมองคนที่ยืนพิงโต๊ะถามเขาก่อนจะเลิกคิ้วถามกลับสั้นๆ

“มึงล่ะ?”

“ไม่...แต่คงคิดอะไรบ้าง กูไม่เคยเห็นนายดู...อ่อนโยน” วินเชสเตอร์นิ่งไปอย่างพยายามหาคำมาจำกัดความท่าทางของคนเป็นนายที่มีต่อหญิงสาวคนนั้น

ภายนอกเรมิงตันไม่ได้มีท่าทีแข็งกร้าวดุดันเหมือนมาเฟียทั่วไป แต่ใครจะรู้ว่าภายใต้ท่าทียิ้มแย้มนั่น เจ้านายเขาลั่นไกปลิดชีพคนได้ทั้งๆ ที่ยังยิ้มอยู่

แต่กับหญิงสาวคนนี้ นอกจากเจ้านายจะไม่กำจัดเจ้าหล่อนทิ้งหลังจากเหตุการณ์ในคืนวันนั้นแล้ว ยังพากลับมาในสถานะเพื่อนร่วมงาน ไม่พอ...ยังให้มาพักที่ชั้นเดียวกับตัวเองจนกลายเป็นเพื่อนร่วมห้อง

แบบนี้จะให้บอกว่าไม่คิดอะไร?

“หึ...”

เสียงหัวเราะในลำคอของเพื่อนกึ่งคู่หูดึงให้ชายหนุ่มหน้าหวานหันกลับมามองตาขุ่น เอ่ยถามเสียงห้วน “ขำอะไร?”

“กูหมายถึงว่ามึงล่ะรู้ตัวไหม...ว่าจะได้ไปนอนคุยกับไส้เดือนเร็วๆ นี้” น้ำเสียงทุ้มที่หยอกกลับทำให้ตาขุ่นเปลี่ยนเป็นเบิกกว้างขึ้น อ้าปากพะงาบๆ ด่าคนพูดในใจ เอ็มไม่ใช่คนขี้เล่น แต่อย่าให้เล่นขึ้นมา...

ไอ้ห่า

 

ไอรีนจ้องมองกอง ‘สวัสดิการพนักงาน’ ที่วางอยู่เบื้องหน้าตาปริบๆ หลังจากสองหนุ่มขนมาวางไว้ที่ห้องทำงานเสร็จ ทั้งคู่ก็กลับไปยังชั้นที่พักของตัวเอง ตอนนี้เธอเลยได้อภิสิทธิ์พิเศษ มีวีไอพีติวเตอร์มาสอนวิชา...

คอร์สเรียนอาวุธเบื้องต้น...แบบไพรเวตคลาสเสียด้วย

“ผมให้คุณดูของจริงเลย น่าจะเห็นภาพชัดกว่า”

วีไอพีติวเตอร์ของเธอก็ดันเป็นพวกคิดเร็วทำเร็วไปอีก ยังไม่ทันที่ไอรีนจะได้เตรียมตัวเตรียมใจ อาวุธปืนสั้นก็มาวางแหมะบนโต๊ะ และปากกระบอกปืนที่หันมาทางเธอชนิดตรงเป๊ะก็ทำเอาสะดุ้งโหยง

“หึ...ไม่ต้องกลัว คนละกระบอกกับวันนั้น และกระบอกนี้ไม่มีกระสุน”

เรมิงตันบอกด้วยน้ำเสียงกึ่งเย้าแหย่อย่างรู้ว่าหญิงสาวกำลังคิดอะไร ท่าทางแหยงๆ กับแววตาเธอมันบอกชัดเสียขนาดนั้น

คำตอบที่ได้ยินทำไอรีนถอนหายใจเฮือก ริมฝีปากบิดคว่ำมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างฝากรอยแค้น มือเรียวคว้าปืนสั้นด้ามพอลิเมอร์ขึ้นมาหันใส่อีกฝ่ายอย่างเอาคืน

ชายหนุ่มเห็นท่าทางแบบนั้นจึงเอ่ยย้ำน้ำเสียงขำขันอีกครั้ง “มันไม่มีกระสุน”

รู้แล้ว! คิดว่าถ้ามีกระสุน เธอจะกล้าหยิบขึ้นมาเล็งเขาหรืออย่างไร

“กระบอกนั้นไม่มี แต่อันนี้น่ะ... มี” เรมิงตันหยิบปืนอีกกระบอกในลิ้นชักออกมาวางตรงหน้า

ตาเขียวๆ ที่มองมาอย่างใจหายใจคว่ำของภูตน้อยตรงหน้าทำให้เรมิงตันแทบอยากหัวเราะก๊าก แต่นึกอีกทีเขายังไม่อยากเปิดวอร์หรือวิวาทกับเธอตอนนี้ เดี๋ยวพานจะไม่ได้เรียนเนื้อหาส่วนอื่นเอาพอดี

ชายหนุ่มจึงหันมาจริงจังหลังจากแหย่เล่นพอหอมปากหอมคอ

“มาใกล้ๆ นี่สิ” เรมิงตันเปลี่ยนจากโต๊ะทำงานมาเป็นชุดโซฟาที่ด้านหน้ามีโต๊ะกระจกแทนเพราะนั่งสบายกว่า แต่นักเรียนของเขาที่เดินตามมากลับนั่งซะสุดอีกด้าน เขาจึงต้องกวักมือเรียกให้ไอรีนขยับมาใกล้

เห็นท่าทางที่เริ่มจริงจังของติวเตอร์ ไอรีนก็รู้ว่าได้เวลาที่เธอต้องตั้งใจเช่นกัน หญิงสาวจึงขยับเข้าไปใกล้ ให้ความสนใจกับอาวุธตรงหน้า

“อันนี้เป็น Smith & Wesson...”

ไอรีนมองชายหนุ่มที่ตั้งใจอธิบายคุณสมบัติปืนกระบอกสั้นด้ามแรกที่เขาใช้แกล้งเธอ มันเป็นปืนลูกโม่ที่ดูสวยทีเดียว ตัวด้ามปืนและลูกโม่เป็นสีดำในขณะที่ด้ามจับเป็นสีเทา ทำให้มันดูไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ขนาดกะทัดรัด แถมน้ำหนักยังเบาแค่สี่ขีด

ขอไว้สักอันดีไหมน้า อย่างน้อยยิงไม่เป็น เอาไว้ปาหัวก็ยังดี

“ส่วนอันนี้เป็น Glock...”

ไอรีนดึงสติกลับมาเมื่อเรมิงตันเปลี่ยนมาอธิบายคุณสมบัติเจ้าปืนพกสีดำมะเมื่อมที่ทำเอาเธอใจหายใจคว่ำเมื่อครู่ หลังจากปลดแมกาซีนออกแล้วเธอค่อยวางใจในการหยิบจับมันขึ้นมาเล็กน้อย ปืนกระบอกนี้เธอเห็นบ่อยในละครบู๊แอกชันมันแตกต่างจากกระบอกที่แล้วตรงที่เป็นกึ่งอัตโนมัติ มีแมกาซีนบรรจุกระสุนได้สิบห้านัด แต่น้ำหนักเบาเหมือนกัน

ถ้าไม่ได้เห็นเขาถอดกระสุนออกมาต่อหน้าต่อตา...วางไว้เฉยๆ เธอคงคิดว่าเป็นปืนของเล่น

“คุ้นๆ ไหม” เรมิงตันคว้าปืนกลับไปหมุนควง เลิกคิ้วหนึ่งข้าง เอ่ยถามน้ำเสียงขี้เล่น

คุ้น? ไอรีนเพ่งมองปืนตรงหน้าดีๆ อีกครั้งเมื่อได้ยินคำถาม และยิ่งแน่ชัดไปอีกเมื่อภาพในวันนี้ซ้อนทับกับภาพวันนั้นราวกับจับวาง

อ่า...ทำไมเธอจะไม่คุ้นล่ะ

มันเป็นปืนที่บอสที่เคารพเอาจ่อหัวเธอเมื่อครั้งแรกที่เจอกันยังไงล่ะ!

“เอาออกไปเลย” ไอรีนถลึงตามองใบหน้าที่ฉีกยิ้มกว้างของคนตรงหน้า เธอปัดด้ามปืนที่อีกฝ่ายจ่อมาตรงหน้าออกไปอย่างฉุนๆ

ถึงจะไม่มีกระสุนก็เถอะ แต่มันหลอนนะ โอเคไหม

ท่าทางกับเสียงขุ่นๆ ของหญิงสาวเป็นคำตอบได้ดี และยังบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวยังขุ่นเคืองไม่หาย เรมิงตันจึงหาของมาล่อ

“เอาสีชมพูไหม เดี๋ยวจะสั่งทำให้สักกระบอกนึง”

ไอรีนกลอกตามองบนเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายจะสั่งทำปืนเป็นสีชมพูให้

เห็นเธอเป็นบาร์บี้หรือไง พกปืนสีชมพู?

“เอา!”

 

หลังจากให้เธอได้ลองศึกษาของจริงแล้ว เรมิงตันก็ชี้ไปที่กอง ‘สวัสดิการพนักงาน’ ที่เหลือให้ไปอ่านต่อเอาเองจากนั้นก็เดินกลับไป วันนี้ไอรีนจึงได้ฤกษ์ยกเอกสารทั้งหมดออกมานั่งอ่านริมสระว่ายน้ำด้านนอก

มือเรียวเปิดหน้ากระดาษทีละแผ่นๆ

หากจะให้อธิบายถึงสิ่งที่อยู่ในมือ เธอคงเรียกมันว่า...รายงาน

รายงานที่ด้านบนบอกแค่ชนิดปืน รุ่น และรายละเอียดทางเทคนิคที่เธอพยายามจะอ่านให้เข้าใจ แต่ไม่เข้าใจ

รายงานที่มีแต่เนื้อหาเน้นๆ ไม่มีรูปสักนิด

ไอรีนถอนหายใจเฮือก ให้เธออ่านข้อมูลพวกนี้มันก็ได้อยู่หรอก แต่อ่านแล้วยังไง? มีแต่ข้อมูล ส่วนรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรไม่รู้ สุดท้ายก็ลำบากให้ต้องแบกแลปทอปมานั่งหารูปจากอากู๋

“โอ้ ตั้งใจดีนี่นา”

น้ำเสียงยียวนที่ดังขึ้นทำให้ไอรีนหันมองอย่างแปลกใจ แต่เมื่อเหลือบมองนาฬิกาที่มุมจอก็พบว่าใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว

นี่เธอนั่งคุยกับอากู๋สลับกับดูรายงานในมือได้นานขนาดนี้เชียว?

“มีหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วย ผมต้องมอบโล่พนักงานดีเด่นให้ไหม” เรมิงตันทักขึ้นน้ำเสียงปิดความแปลกใจไม่มิด เมื่อเห็นว่าหน้าจอแลปทอปค้างอยู่ที่เซิร์ชเอนจินชื่อดัง

ไอรีนแทบจะแยกเขี้ยวใส่ชายหนุ่มตรงหน้า ได้แต่ท่องยุบหนอพองหนอในใจ เลือกที่จะถามอีกฝ่ายแทน

“คุณว่าถ้าไออ่านหมดนั่นจนจำได้ ไอเก่งไหม”

“แน่นอน”

“อ่านหมดแล้ว คุณสุ่มถามได้เลย”

“แน่ใจ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างไม่เชื่อถือนัก แม้ว่าข้อมูลอาวุธที่เขาให้ผู้ช่วยสองคนหามาจะไม่ครบทุกชนิด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่น้อยๆ

จำได้หมดแล้ว?

“แต่ถ้าคุณเอาสักกระบอกในนั้นมาวางตรงหน้า...ไอไม่รู้หรอก”

เรมิงตันเริ่มเข้าใจสิ่งที่หญิงสาวต้องการสื่อ เขากับคนอื่นๆ อยู่ในวงการนี้ คุ้นชินจนเพียงแค่บอกชื่อก็นึกภาพออก แต่กลับลืมนึกไปว่าคนที่ไม่แม้แต่จะเคยยิงปืน จะไปรู้จักหน้าค่าตาบรรดาอาวุธทั้งหลายในนั้นได้อย่างไร

“ขอโทษที ผมไม่ทันนึกน่ะ”

ไอรีนอมยิ้มขันท่าทางเกาหัวเก้อๆ ของบอสใหญ่ เธอไม่แปลกใจการเอ่ยขอโทษง่ายๆ ของเรมิงตัน เพราะจากการที่ได้อยู่ด้วยกันมา เธอพบว่าเขาเป็นคนที่เด็ดขาด แต่หากรู้ว่าตัวผิดก็ไม่หวงคำขอโทษ นั่นอาจเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ชายหนุ่มคุมได้ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง

และก็พบว่าความขุ่นเคืองที่สะสมมาทั้งวันปลิวหายไปไหนก็ไม่รู้

“แต่ไหนๆ ก็จำข้อมูลได้ขนาดนี้แล้ว...มาช่วยขายไหมล่ะ” ถึงจะเป็นอย่างนั้น เรมิงตันก็คือเรมิงตัน เขาก็ยังคงเป็นบอสที่กวนประสาทเหมือนเดิม

คิดจะให้เธอเปลี่ยนจากพีอาร์เป็นเซลส์หรือไง

เซลส์ที่อื่นอาจจะชีวิตดี...แต่สำหรับที่นี่น่าจะชีวิตสั้น

เพราะงั้น...ฝันไปเถอะ!

“บอส ถ้ามีข้อมูลพร้อมขนาดนี้แล้วทำไมไม่เพิ่มรูปลงไปแล้วทำเป็นแค็ตตาล็อกสินค้าล่ะคะ” ถึงจะบอกตัวเองว่าไม่ช่วยขาย แต่ความเป็นพีอาร์ที่อยู่ในตัวทำให้อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก

มีรายละเอียด มีรูป เปิดดูง่าย ซื้อสบาย ขายคล่อง!

มุมปากชายหนุ่มกดยิ้มลึก ดวงตาสีเทาอมฟ้าทอประกายขำขัน ดูท่าว่าองค์พีอาร์ของเธอจะลง

“ผมเอาของจริงให้ดูเลย คนพวกนี้ต้องการเห็นสินค้าจริงเท่านั้น” เขาก็ไม่อยากขัดท่าทางกระตือรือร้นของเธอนัก แต่อาวุธพวกนี้คนส่วนมากต่างต้องการเห็น ลองหยิบจับทดสอบ มากกว่าจะเปิดเล่มแล้วจิ้มนิ้วเลือก

“แหม ถ้าขายรถถังรุ่นไหน ต้องขับไปให้ดูด้วยรึเปล่า” ไอรีนเบ้ปาก

“ใช่”

“...”

คำตอบที่ได้ยินทำเอาอึ้ง แต่เธอยังไม่ยอมแพ้

“บอส ยอดขายมันเพิ่มได้ง่ายๆ นะ อิมพัลส์บายอิงน่ะรู้จักไหม บางทีไม่ได้คิดจะซื้อหรอก แต่เห็นแล้วเออ...เอามาหน่อยก็ได้”

ดูท่าเขาจะดูถูกสกิลในการโน้มน้าวของเธอไม่ได้เลย เพราะเมื่อคิดตามก็ถูกอย่างที่เธอว่า เรมิงตันเป็นผู้บริหาร รายละเอียดการตลาดเล็กๆ น้อยๆ บางทีเขาก็ไม่ได้ใส่ใจ ไม่อย่างนั้นจะจ้างมาร์เกตติงไว้ทำไม

ถ้าไม่ได้ดึงเธอมาทำที่นี่ละก็ เรมิงตันคิดว่าเขาต้องให้ตำแหน่งเธอในบริษัทอื่นแน่นอน

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...เขาว่าเธอเหมาะกับที่นี่ที่สุดแล้ว

“ความคิดดี...ซื้อ!”

เรมิงตันดีดนิ้วเปาะอย่างชอบใจความคิดของสาวร่างบาง ต่างจากอีกคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ไอรีนแทบจะยกมือก่ายหน้าผากตัวเอง ค่าที่อยู่ดีๆ ก็ไปสร้างทางเพิ่มยอดขายให้เขา พึมพำสารภาพบาปในใจ

คุณพระคุณเจ้า ไอรีนไม่ได้ตั้งใจนะคะ

สวัสดิการพนักงานที่นี่ดูถูกไม่ได้จริงๆ ข้อมูลหนาเตอะนอกจากจะทำให้เธอลืมตัวเผลอสร้างยอดขายให้แล้ว หวังว่าการฝึกซ้อมกับสนามจริงคงไม่ได้จะทำให้ลืมตัววิ่งไปดูหน้างานจริงด้วยหรอกนะ

สงสัยคงต้องหาเวลาไปทำบุญบริจาคโลงศพเพิ่มอีกสักโลงสองโลง

ไอรีนโอดครวญในใจ ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วทำกรรมอะไรไว้ถึงต้องโคจรมาเจอกับคนอย่างเรมิงตัน...

หรือจะเป็นกรรม-มะ-ถัน?

 

 

สนามซ้อมยิงปืนของเรมิงตันอยู่ลึกไปทางด้านหลังตัวบ้าน คราวก่อนที่มา ไอรีนสนใจแต่สวนด้านหน้า แถมยังช็อกเบาๆ ไปกับสต๊อกระเบิดและรูปปั้นเทพธิดาถือไรเฟิล เธอจึงลืมโซนหลังบ้านไปสนิทใจ

คราวนี้เมื่อได้มาเดินจึงถือโอกาสสำรวจให้ทั่ว ทว่านอกจากสนามยิงปืนและลานกว้างที่เหมือนเป็นลานซ้อมการต่อสู้แล้ว ด้านหลังนี้ก็ไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆ อีก

แล้วระเบิดคราวก่อนไปเก็บไว้ที่ไหน?

แม้จะนึกสงสัย แต่เธอยังยึดคติเดิมคือเรื่องบางเรื่องไม่รู้จะดีกว่า ในเมื่อเขาบอกว่าเก็บมันไว้ที่นี่ แสดงว่ามันต้อง มีที่ให้เก็บ...รู้แค่นั้นก็พอ

เมื่อเห็นว่าเรมิงตันจัดเตรียมอาวุธและอุปกรณ์เสร็จพร้อมกวักมือเรียก ไอรีนก็เดินเข้าไปอย่างรู้งาน

เรมิงตันมองหญิงสาวที่มาหยุดยิ้มแฉ่งตรงหน้า ผมสีเงินของเจ้าตัวสะท้อนกับแสงแดดเป็นประกาย และติดจะยุ่งเหยิงเล็กน้อยจากการเดินกึ่งวิ่งเข้ามาเมื่อครู่

“พร้อมรึยัง” เขาถามพร้อมยื่นมือไปปัดปอยผมที่ปรกหน้าออกให้

ไอรีนชะงักไปชั่วอึดใจ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายปัดผมเสร็จก็หันไปหยิบจับอาวุธบนโต๊ะต่อ เธอก็ไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

นี่ก็สวัสดิการพนักงานเหรอ

นึกภาพที่เขาปัดผมออกให้วินเชสเตอร์กับเอ็มไม่ออกเลยจริงๆ

ความคิดซุกซนทำให้ร่างบางเผลอหัวเราะคิก และเสียงนั้นก็ไม่พ้นไปจากการได้ยินของคนข้างๆ

“ขำอะไร”

“เอ่อ...”

ไอรีนไม่ทันตั้งตัวว่าอีกฝ่ายจะหันมาถาม ถึงกับเอ่ออ่า เบนสายตาหนีแทบไม่ทัน

“อ้อ...ขำกระสุนปืนค่ะ” เมื่อสายตาดันไปหยุดที่กระสุนปืน ริมฝีปากบางจึงขยับไปโดยอัตโนมัติ ตอบไปแล้วก็อยากจะตีปากตัวเองขึ้นมา จะหัวเราะตบท้าย แต่ดูอีกฝ่ายจะไม่ขำด้วย

เรมิงตันหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อถือนัก เขาไม่รู้ว่าในหัวสวยๆ นั่นจินตนาการอะไร แต่ในเมื่ออยากจะเล่น เล่นด้วยก็ได้

“ระวังจะขำกว่านี้ตอนมันเข้าไปฝังอยู่ในร่าง”

เฮือก...ทำไมต้องโหด!

ไอรีนยิ้มแหย ถึงบอสจะตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มๆ เหมือนยามปกติราวกับตบมุกเล่น เสียงก็นุ่มทุ้มชวนฟัง แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงไขสันหลังนะ

หน้าตากับคำพูดช่วยให้มันไปทางเดียวกันหน่อยได้ไหม

“ผมล้อเล่น...หน้าซีดเชียว” เรมิงตันพยายามเก็บอาการวางท่านิ่งทั้งๆ ที่อยากหัวเราะลั่นเมื่อเห็นท่าทางของเธอ

“อย่าไปเล่นแบบนี้ที่ไหนนะคะ” ไอรีนมองอีกฝ่ายขึ้นๆ ลงๆ ตั้งแต่หัวจดเท้า ใบหน้าที่ซีดๆจนแทบจะกลืนไปกับสีหัวส่ายน้อยๆ อย่างทอดถอนใจ ตาเรียวมองสบมากึ่งขอร้อง

ท่าทางสุดท้ายของหญิงสาวทำเอาเรมิงตันกลั้นหัวเราะต่อไปไม่ไหว เสียงหัวเราะฮ่าๆ จึงดังก้องสนามยิงปืน ท่ามกลางอาการยกมือกุมหัวอย่างปลงๆ ของหญิงสาว

บอสของเธอเป็นคนตลก

 

กว่าจะกลับมาเริ่มจริงจังกันได้ ไอรีนก็แทบจะหมดพลังงานไปกับการกวนประสาทของเรมิงตัน

“บอกก่อนนะคะว่าที่เรียนนี่เพราะไว้เผื่อมีเหตุฉุกเฉินเฉยๆ”

ไอรีนบอกเรมิงตันสีหน้าจริงจัง เธอถือคติว่าชีวิตใคร คนคนนั้นก็ต้องรับผิดชอบเอาเอง ในเมื่อเธอมาอยู่ในจุดที่มีความเสี่ยง เธอก็ต้องพร้อมรับมือกับภัยที่อาจจะมาเยือนได้ทุกเมื่อเช่นกัน

จะรอความช่วยเหลือก็ได้อยู่หรอก กลัวแต่มันจะมาไม่ทันเวลานี่สิ!

“ผมไม่ให้ไปบุกป่าฝ่าดงที่ไหนหรอกน่า” เรมิงตันบอกให้หญิงสาวสบายใจ เมื่อเจ้าตัวออกท่าทางระแวดระวังอย่างชัดเจน

“สามข้อที่ผมอยากให้คุณจำใส่ใจไว้” ชายหนุ่มชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว มองเข้าไปในดวงตาเรียวของร่างบางราวกับจะสะกดจิต

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก...

ดวงตาคมเข้มที่สะท้อนเป็นภาพเธออยู่ข้างในทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ไอรีนพยายามวางสีหน้านิ่ง โฟกัสสิ่งที่เรมิงตันกำลังจะบอก ปัดความรู้สึกที่เต้นรัวในอกข้างซ้ายทิ้งไป

หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ รับปาก

“เช็กปืนทุกครั้งที่จับ” เขาเอ่ยเสียงทุ้มหนักแน่น

“ปืนทุกกระบอกมีกระสุน”

“ถ้ายังไม่ยิงอย่าเอานิ้วพาดไก”

จำนวนนิ้วที่ลดลงตามข้อบอกให้รู้ว่าสามประโยคก่อนหน้าคือสามข้อที่เขาต้องการให้เธอจำ

คิ้วไอรีนเริ่มขมวดเป็นปม

“จำได้ใช่ไหม/ขออีกรอบได้ไหม”

เสียงพูดดังขึ้นมาพร้อมกัน แต่ความหมายไปคนละทิศทาง ทำให้คนสองคนหันมองหน้ากัน เรมิงตันนึกอยากกุมขมับเพราะอาการฉีกยิ้มหน้าแป้นแล้นของหญิงสาว ส่วนไอรีนเห็นท่าทางของชายหนุ่มก็รีบเก็บอาการขำไหล่สั่นของตัวเองไว้

สาบานว่าเธอไม่ได้กวนเขา

ใครใช้ให้บอสขายอ้อยก่อนสอนกันเล่า สมองเธอก็วนไปสิ สามข้อน่ะ...

เชื่อกู รักกู หลงกู!

มือหนาคว้าคอหญิงสาวเข้ามาใกล้ ก่อนกำปั้นหนักๆ จะทุบลงบนกลุ่มผมสีเงินแล้วเปลี่ยนเป็นออกแรงยีอย่างมันเขี้ยว ไอรีนดิ้นหนีหลุดจากวงแขนมาได้ก็ยืนจัดผมถลึงตาใส่อีกฝ่าย แต่ก็ต้องเป็นฝ่ายคอตกเมื่อเจอสายตาคาดโทษจากเรมิงตัน

“ตั้งใจเรียนหน่อย”

น้ำเสียงดุๆ ส่งมาเตือนให้ไอรีนต้องรีบเปลี่ยนโหมด เธอสูดลมหายใจเข้าลึกสะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป ท่าทางสงบนิ่งอยู่ในโหมดพร้อมเรียนรู้

สายตาที่เปลี่ยนไปของหญิงสาวทำให้เรมิงตันพยักหน้าอย่างพอใจ ภูตตัวน้อยของเขาพร้อมเรียนแล้วจริงๆ

เห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงเริ่มใหม่อีกรอบ เขาตั้งใจย้ำถึงความสำคัญของการมีอาวุธในครอบครอง ความระมัดระวังในการใช้งาน อันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นหากขาดความระมัดระวัง ก่อนจะเริ่มสอนการใช้งานจริง

เรมิงตันยกยิ้มอย่างพอใจที่หญิงสาวเรียนรู้เร็ว เขาปรับท่าทางไม่กี่ครั้ง เธอก็เข้าท่ายืนที่ถูกต้อง ลมหายใจนิ่ง น้ำหนักในการจับปืนดี เห็นได้จากการเดินไกที่ค่อนข้างไหลลื่น อาจจะต้องไปฝึกกล้ามเนื้อแขนเพิ่มอีกนิด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา

ที่สำคัญ...เขาพบว่าภูตตัวน้อยนี้ยิงปืนแม่นราวกับจับวาง!

แม้จะเป็นการยิงครั้งแรก แต่กระสุนของเธอก็เข้ากึ่งกลางเป้ามากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าได้ฝึกอีกหน่อย เรมิงตันคิดว่าเธอเป็นมือสไนเปอร์ซุ่มเก็บเป้าหมายได้สบายๆ

เสียดายที่ชิงออกตัวมาก่อนแล้วว่าเรียนไว้ป้องกันตัวเฉยๆ

เมื่อได้ฝึกอาวุธจริง ไอรีนก็เริ่มรู้สึกสนุก และยิ่งกระสุนเข้ากลางเป้ามากเท่าไร หญิงสาวก็ยิ่งคึก จากตอนแรกที่เล็งแค่กลางเป้า เธอเริ่มเปลี่ยนไปเล็งตามจุดสำคัญต่างๆ ของร่างกายอย่าง แม้จะเริ่มรู้สึกว่าแขนขาล้า แต่เมื่อเห็นกระสุนเหลืออยู่อีกไม่กี่นัด เธอจึงตัดสินใจเก็บให้หมด

เมื่อกระสุนนัดสุดท้ายพุ่งตรงเข้าสู่เป้าหมาย พลังงานของเธอก็ขึ้นขีดแดงโดยสมบูรณ์

ไอรีนปลดแมกาซีนแยกส่วนออกมาวางแหมะพร้อมกับปืนลงบนโต๊ะ แล้วไถลตัวลงไปนั่งแปะกับพื้นอย่างไม่ห่วงภาพลักษณ์

ณ จุดนี้...ภาพลักษณ์ของเธอในสายตาเรมิงตันไม่น่าจะมีดีอยู่แล้วละ

“ต้องหมดแรงขนาดนั้น?” คิ้วหนาเลิกขึ้นเมื่อเห็นท่าทางหมดสภาพของหญิงสาวตรงหน้า

“...” แล้วก็ต้องยิ้มขำเมื่อไม่มีเสียงตอบรับ นอกจากตาที่เหลือบมองขึ้นมา ก่อนคนที่นั่งอยู่ที่พื้นตรงหน้าจะเริ่มเหยียดขา สะบัดข้อมือ ไถลตัวลงไปอีกจนกลายเป็นกึ่งนั่งกึ่งนอน

“หึๆ... ให้ผมลากกลับไหม”

ไอรีนค้อนขวับเมื่อนึกว่าอีกฝ่ายคงจะเข้ามาลากคอเสื้อเธอไถไปตามพื้น แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร ตอนนี้หมดแรงจะต่อกร ปล่อยให้บอสเล่นสักหน่อยถือเป็นค่าจ้างสอนก็แล้วกัน

“อือ”

คำตอบสั้นๆ ที่มาพร้อมกับการดึงคอเสื้อด้านหลังขึ้นราวกับจะให้เขาลากทำให้เรมิงตันกะพริบตาปริบๆ เขาแค่พูดเล่น ไม่คิดว่าเธอจะเอาจริง

ลากก็ลากวะ...

ไอรีนปิดเปลือกตาลงรอให้อีกฝ่ายลากไปตามทาง หญิงสาวไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับการถูกลากเพราะใส่กางเกงยีน ที่สำคัญพอพ้นจากสนามซ้อมยิงปืนไปก็เป็นสนามหญ้า เธอเตรียมใจจะสัมผัสดินสูดกลิ่นหญ้าให้ช่ำปอดอยู่แล้ว

ทว่า...

นิยามคำว่า ‘ลาก’ ของเธอกับบอสดูจะมาจากพจนานุกรมคนละเล่ม

‘ลาก’ ของเรมิงตันคือการสอดมือหนึ่งเข้าที่ข้อพับขา อีกมือเข้ามาทางช่วงลำตัว ก่อนจะออกแรงยกให้ลอยขึ้นสูง

ไอรีนไม่ได้หวีดร้องเหมือนนางเอกในนิยาย แต่กำลังตะลึงจนอ้าปากค้าง ตาเบิกกว้างให้ชายหนุ่มสัพยอกกลับเล่นๆ

“แมลงวันเข้าไปวางไข่แล้ว”

“...”

เธอหุบปากฉับ ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายอุ้มเดินไป ใบหน้าที่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบทำให้ไอรีนพิจารณาเสี้ยวหน้าด้านข้างของชายหนุ่มได้ชัดเจน ขนตายาวงอนขนาดเธอเป็นผู้หญิงยังอิจฉา จมูกโด่งเป็นสันทำให้วงหน้าดูมีมิติ ริมฝีปาก...

ยังไม่ทันจะได้คิด ริมฝีปากที่เธอกำลังมองอยู่ก็ขยับ เสียงทุ้มติดจะพร่านิดๆ ดังขึ้น

“อย่ามองแบบนั้น...”

ไอรีนฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายตั้งหน้าตั้งตาเดินกดมุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ มือเรียวยกคล้องคอคนอุ้มหลวมๆ ช้อนสายตาขึ้นมอง กัดริมฝีปากเล็กน้อย ถามน้ำเสียงเซ็กซี่

“ใจสั่น?”

“เดี๋ยวเห็นตีนกา”

“...”

เป็นอีกครั้งที่ไอรีนหมดคำจะพูด บอกแล้วว่าบอสของเธอเป็นคนตลก

 

เงาร่างของคนที่เดินเข้ามายังห้องรับแขกทำให้คนที่รออยู่หันมองสบตากันอย่างแปลกใจ ความคิดแรกคือเกิดอะไรขึ้นเจ้านายของเขาถึงได้อุ้มหญิงสาวกลับเข้ามาแบบนั้น ทว่าเมื่อทั้งคู่เข้ามาใกล้ ประเด็นอุบัติเหตุก็มีอันตกไป

สีหน้ายิ้มแย้มของเจ้านายช่างตรงกันข้ามกับแววตาขุ่นๆ ของคนในอ้อมแขน หากจะมีอุบัติเหตุละก็ พวกเขาว่าน่าจะเป็นหลังจากนี้มากกว่า

โบราณว่ารู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง

วินเชสเตอร์กับเอ็มมองหน้ากันก่อนจะปลีกตัวไป ก่อนที่อุบัติเหตุจะเกิดขึ้นกับตัวเอง

เรมิงตันอุ้มร่างบางในอ้อมแขนมายังโซฟายาวในห้องรับแขก ก่อนจะค่อยๆ วางหญิงสาวลงอย่างนุ่มนวล

ความอ่อนโยนที่ชายหนุ่มมอบให้ไม่ได้ทำให้แววตาขุ่นๆ ของไอรีนจางลงไปสักนิด และยิ่งเมื่อเห็นประกายตาขำขันที่ปิดไม่มิด อาการหายใจฟืดฟาดจึงตามมา

หลอกลวง...ภาพตรงหน้านี่มันหลอกลวงชัดๆ!

ไอรีนหลับตานับหนึ่งถึงสิบ นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าสาเหตุของอารมณ์กรุ่นๆ ของเธอ

‘ปล่อยเลยค่ะบอส’

หลังจากแหย่ไม่สำเร็จ ไอรีนก็หมดอารมณ์จะเล่นต่อ ลมเย็นๆ ที่พัดมาก็ทำให้เริ่มหายเหนื่อยแล้ว เธอจึงบอกให้อีกฝ่ายปล่อยให้ลงเดิน

พลั่ก...

ถึงจะเป็นคนบอกให้ปล่อย แต่เธอก็ไม่ได้เตรียมใจว่าเรมิงตันจะปล่อยทันทีแบบไม่ทันตั้งตัว แถมเป็นการปล่อยแบบทิ้งดิ่งอีกต่างหาก ร่างของเธอเลยถูกแรงดึงดูดของโลกดูดติดพื้นดังพลั่ก

ไอ้...

สารพัดคำต่อท้ายเด้งรัวๆ ขึ้นมาในใจ แต่ที่แสดงออกไปกลับทำได้แค่ตวัดตาเขียวปั้ดมองคนที่ยืนมองกลับมาหน้าซื่อตาใส ‘ก็บอกให้ปล่อยเอง’

ไอรีนกัดฟันกรอดมองท่าทางใสซื่อของเขา จดลงบัญชีแค้นเอาไว้ แต่ในขณะที่จะลุกขึ้นยืน...

‘ซี้ด’ เสียงสูดปากดังขึ้นเมื่ออาการเสียวแปลบแล่นวาบขึ้นมาจากข้อเท้า ไอรีนลองขยับอีกครั้งให้แน่ใจก็พบว่าใช่... ข้อเท้าเธอแพลง

ตอนทิ้งดิ่งเมื่อครู่เธอคงเผลอเหยียบพื้นเพื่อทรงตัว แต่มันลงผิดท่ามาตั้งแต่ต้นแล้ว เลยนอกจากจะไม่ช่วยทรงตัวให้ยืนได้ ยังกลายเป็นลงผิดท่าให้เจ็บหนักกว่าเดิม

เป็นไงล่ะ ได้อุ้มของจริงเลยทีนี้

และสิ่งที่ทำให้ตาขุ่นขวางก็คือ นอกจากไม่เห็นแววตาสำนึกผิดแล้วยังมีหน้ามายิ้มกรุ้มกริ่มโยนความผิดให้เธออีก

‘ก็บอกให้ปล่อยเอง’

“นั่งตรงนี้ดีๆ ล่ะ เดี๋ยวผมไปเอายามานวดให้”

เสียงทุ้มที่เอ่ยแกมสั่งดึงให้ไอรีนหลุดจากภวังค์ ตาเรียวมองตามร่างสูงที่เดินหายลับไปอีกด้านของห้องรับแขก ไม่นานก็เดินกลับมาพร้อมหลอดยา

เรมิงตันไม่ได้นั่งคุกเข่าเบื้องหน้าแล้วทายาให้เหมือนพระเอกทั่วไป แต่ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆ ก่อนคว้าขาเธอขึ้นมาพาดบนตัก เลิกคิ้วให้น้อยๆ เมื่อเห็นแววตาฉงนของเธอราวกับจะถามว่า ‘มีปัญหาหรือไง’

ไอรีนกลอกตามองบน นึกอยากถามกลับว่าใครจะไปกล้ามีปัญหากับคนอย่างเขากัน ขนาดไม่มีปัญหา ชายหนุ่มยังสร้างความปั่นป่วนให้ชีวิตเธอขนาดนี้ ถ้ามีปัญหาขึ้นมาจริง ไม่รู้พ่อค้าอาวุธคนนี้จะสร้างความหายนะขนาดไหน

เรมิงตันไม่สนใจการกลอกตามองบนของเธอ เขาแค่ยกยิ้มมุมปากแล้วกลับไปสนใจกับข้อเท้าต่อ มือหนาค่อยๆ พับขากางเกงขึ้น หยิบหลอดยาขึ้นมาบีบ แล้วบรรจงนวดลงไป สัมผัสเย็นจากเจลที่ค่อยๆ ซึมลงบนผิวทำให้ไอรีนรู้สึกดี

สีหน้าจริงจังกับท่าทางตั้งอกตั้งใจของคนนวดทำให้หัวใจเต้นแปลกๆ

มุมอ่อนโยนที่ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนักทำให้ความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาในใจ ไอรีนนึกลังเล แต่ถึงอย่างไรเธอคิดว่าเรื่องนี้ก็คงต้องบอก

“บอสคะ...”

“อื้อ...อย่าเพิ่ง” เรมิงตันกำลังตั้งใจนวด เขาจึงบอกปัดเสียงอ่อยๆ ของหญิงสาวออกไป

“บอส...” ไอรีนเรียกอีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้

“อะไรเล่า เดี๋ยวก็ไม่นวดต่อให้เลยนี่” คราวนี้ได้ผล เรมิงตันเงยหน้าขึ้นมองคนเรียก แต่มือก็ยังคงนวดวนบริเวณข้อเท้าไม่หยุด และเมื่อเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของร่างบาง เสียงทุ้มจึงอ่อนลง

“เป็นอะไร เจ็บเหรอ”

ไอรีนได้ยินประโยคที่แสดงถึงความเป็นห่วงก็กัดริมฝีปากลังเล แต่สุดท้ายก็จำใจบอกออกไปเสียงเบาหวิว

“ผิดข้างค่ะ”

“...”

เสียงอ่อยๆ ที่ดังขึ้นทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก ไอรีนมองชายหนุ่มที่กัดฟันกรอดเปลี่ยนจากนั่งมาเป็นยืนจังก้า ยกนิ้วชี้หน้าเธออย่างให้รู้สึกผิด ข้อเท้าเธอแพลงที่ด้านขวา ทว่าอีกฝ่ายกลับตั้งหน้าตั้งตาทายาแล้วนวดให้ที่ข้างซ้าย

ชายหนุ่มยืนคร่อมหัวทำให้เธอต้องเงยหน้าสบตาวาววับที่มองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ หญิงสาวย่นคอหนีเมื่อเขาก้มลงมาถลึงตาใส่

“ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้!”

ขอโทษค่ะบอส

ไอรีนผิดเองที่เคลิ้มไป กว่าจะนึกได้ก็สายเสียแล้ว

หญิงสาวก้มหน้าลงอย่างยอมรับผิด เก็บปากเก็บคำไม่กล้าเถียง กลัวจะโดนยักษ์บีบคอ แต่แล้วเธอก็ต้องแปลกใจเมื่อหลังจากประโยคโวยวายนั่นก็ไม่มีคำอะไรต่อท้ายมาให้เจ็บๆ คันๆ อย่างที่คิด

ที่ผิดคาดมากไปกว่านั้นก็คือ นอกจากเสียงฮึดฮัดที่ดังขึ้นเบาๆ เรมิงตันก็แค่ทิ้งตัวนั่งลงอีกฝั่ง คว้าข้อเท้าของเธอขึ้นมาก่อนจะบรรจงพับขากางเกงแล้วเริ่มนวดให้อีกครั้ง

ไอรีนไม่รู้ว่าเธอกำลังมองชายหนุ่มด้วยสายตาแบบไหน แต่เธอรู้ดีว่าริมฝีปากกำลังยิ้มกว้างอย่างอดใจไม่ไหว

ทำไมบอสชักจะน่ารักขึ้นทุกวันๆ...

...หรือนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสวัสดิการพนักงาน

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น