บทนำ
ตึก ตึก ตึก
เสียงรองเท้าดังสะท้อนในตรอกซอยแคบๆ ตามจังหวะการก้าวเดินที่ไม่เร่งรีบมากนัก เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ใช้เป็นประจำ เจ้าของร่างเพรียวบางบนส้นสูงสามนิ้วครึ่งจึงทอดน่องเดินอย่างสบายใจ ผมยาวเป็นลอนคลื่นกัดสีซิลเวอร์ปล่อยสยายปลิวไปตามแรงลมโดยที่เจ้าตัวไม่สนใจจะรวบเก็บ
ดวงตาเรียวเฉี่ยวราวกับตาแมวฉายแววเกียจคร้านยามก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ แถบเตือนข้อความที่เด้งขึ้นมาบอกให้รู้ว่ากำลังจะมีงานเข้าทำให้เธอกลอกตามองบนอย่างเซ็งๆ มือบางหย่อนโทรศัพท์ลงกระเป๋าอย่างไม่ใส่ใจจะกดเข้าไปดู
ว่างทั้งวันไม่สั่งงาน พอกลับบ้านบอกงานเร่ง...
รอพรุ่งนี้ก็แล้วกัน!
งานของเธอเรียกได้ว่าเป็นด่านหน้าของบริษัท ที่นอกจากต้องสื่อสารภาพลักษณ์ด้านบวกให้คนภายนอกรับรู้แล้ว ยังจำเป็นต้องมีความสามารถในการรับมือกับเรื่องยุ่งยากและแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี เพื่อให้ไม่กระทบกับชื่อเสียงที่สะสมมาอย่างยากลำบากของบริษัท หรือให้กระทบกับภาพลักษณ์น้อยที่สุด ซึ่งตามจริงแล้วมันคงไม่ยุ่งยากเท่าไรหากไม่ใช่งานที่พัวพันกับคน
น่าเสียดายที่ดันใช่...
...และคงไม่ต้องให้บอกว่ามนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่รับมือได้ยากที่สุด
ในฐานะพีอาร์ เธอต้องใส่หน้ากากยิ้มแย้มรับมือกับคนแต่ละประเภท ใช้เสียงสองสามสี่ตามแต่สถานการณ์จะพาไป หลังจบงานแต่ละวันจึงอยากจะเททุกสิ่งอย่างกลับมาเป็นร่างเดิมของตัวเอง แม้ว่ามันจะยากเพราะบางงานไม่อนุญาตให้เธอช้าแม้เพียงเสี้ยววิ แต่บางงานก็จำเป็นต้องรอช่วงจังหวะดีๆ จะรีบไม่ได้
และงานที่เด้งขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์เมื่อครู่ดูจะเป็นอย่างหลัง
ไอรีนปิดเปลือกตาแหงนหน้าขึ้นรับสายลมที่พัดมา ปล่อยสมองให้ว่างเปล่า สองขายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่กลัวว่าจะชนใครเข้าเพราะยามนี้ตรอกซอยที่เธอเดินอยู่ปราศจากผู้คน เธอใช้เส้นทางนี้เป็นทางลัดในการเดินกลับคอนโดนเป็นประจำ แทนที่จะเดินถนนสายหลักที่คนเยอะ และมลพิษเยอะกว่า
เสียงพูดคุยกันเบาๆ และเสียงร้อยโอดโอยดังขึ้นในซอยข้างๆ ทำให้เปลือกตาที่ปิดอยู่เมื่อครู่เปิดฉับ สองขาที่กำลังจะก้าวต่อหยุดชะงัก สัญชาตญาณในการระวังภัยทำให้ดวงตาเรียวกวาดมองรอบตัวอย่างระแวดระวัง
รอบด้านเธอตอนนี้ไม่มีใคร แต่เสียงที่ได้ยินก็ดังไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนี้ ดูท่าว่าจะออกมาจากด้านหน้าที่มีซอยแยกออกไปอย่างแน่นอน เพราะทางที่เธอเดินผ่านมานั้นร้างผู้คน
แม้สัญญาณเตือนภัยจะร้องเตือนในใจ ทว่าก็ไม่อาจห้ามความอยากรู้และสงสัยได้
ไอรีนย่างเท้าเบาที่สุดเข้าไปใกล้จุดเกิดเสียง เพราะเธอได้ยินเสียงร้องโอดโอยเหมือนมีคนเจ็บจึงอยากไปดูให้สบายใจสักนิด สัญญากับตัวเองในใจว่าถ้าเจอคนบาดเจ็บรอความช่วยเหลือจะเรียกรถพยาบาลให้ แต่ถ้าเป็นคนมีเรื่องกัน เธอจะทำตัวให้เงียบที่สุด
ไม่ได้ใจร้ายอะไร... แต่ขอปลอดภัยไว้ก่อน
เธอไม่ได้เป็นคนดี ไม่ได้เป็นวีรสตรีที่จะยอมเสี่ยงชีวิตน้อยๆ ของตัวเองเข้าไปช่วยเหลือคนแปลกหน้า
ยิ่งเข้าใกล้ซอยด้านหน้าเท่าไร เสียงที่ได้ยินก็เริ่มชัดขึ้นตามลำดับ เสียงที่ลอยมาไม่ใช่เสียงการทะเลาะวิวาทต่อยตีกัน ทำให้ไอรีนใจชื้นขึ้นมา อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้พาตัวเองเข้าไปกลางดงสหบาทาที่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าเธอจะต้องเสนอหน้าพรวดพราดเข้าไปให้พวกเขาตกใจ
ร่างบางย่องมาหยุดอยู่มุมซอย ใช้กำแพงบังตัวเอง โผล่แต่ใบหน้าเรียวเล็กออกไปสังเกตการณ์
ภายในซอยนั้นค่อนข้างมืดทำให้เธอเห็นใบหน้าแต่ละคนไม่ชัดเจน ทว่ารูปการณ์ตรงหน้าก็ทำให้หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก พยายามทำตัวให้กลืนไปกับอากาศรอบด้านมากที่สุด
ให้ได้ยินเสียงคนต่อสู้กันยังน่าดีใจกว่านี้!
กลุ่มชายสามคนยืนเบื้องหน้าชายร่างเล็กที่นอนส่งเสียงครางอยู่บนพื้น ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำหนึ่งคนยืนนิ่ง เธอไม่เห็นว่าหน้าตาหรือแววตาของเขาเป็นอย่างไรเพราะเขายืนอยู่ในความมืด แต่จากออร่าที่แผ่ออกมา ท่าทีนบนอบของชายชุดดำอีกสองคน และท่าทางลนลานร้องขอชีวิตด้วยเสียงแหบเครือของชายที่อยู่บนพื้น ก็พอทำให้เดาได้ว่าคนคนนี้คงไม่พ้นเป็นเจ้านาย
ชายชุดดำสองคนยืนห่างจากคนเป็นนายมาเล็กน้อยอยู่ตรงที่ไฟตกพอดี ทำให้เธอเห็นว่าทั้งคู่ถือปืนเล็งไปยังชายบนพื้นที่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นคุกเข่า สองมือยกขึ้นท่วมหัววอนขอชีวิต ใบหน้าของคนที่คุกเข่าอยู่ฟกช้ำ มีรอยเลือดที่มุมปาก และจากท่านั่งที่ไม่ปกติ มือกุมท้อง หน้าตาซีดเซียว ก็ไม่รู้ว่าภายในบอบช้ำขนาดไหน
ไอรีนกัดริมฝีปากอย่างใช้ความคิดกับสถานการณ์ตรงหน้า
อ่า...
ถึงเธอจะอยากมีน้ำใจพาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่สถานการณ์ช่างไม่เอื้ออำนวย นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีต่อสวัสดิภาพความปลอดภัยแม้แต่น้อย
ไม่ดีๆ...รีบไปให้พ้นจากที่นี่ก่อนงานเข้าดีที่สุด!
ขอโทษนะพี่ชาย...แล้วไอรีนคนนี้จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แน่นอน
หญิงสาวขอโทษขอโพยชายหนุ่มโชคร้ายในใจ เตรียมจะหมุนตัวกลับ ทว่าความคิดกับการกระทำช้าไปเสี้ยววินาที
ไม่ทันให้ใครได้เตรียมตัวเตรียมใจ ทันทีที่ชายหนุ่มชุดสูทพยักหน้าน้อยๆ มัจจุราชสีดำก็ลั่นขึ้น กระสุนวิ่งตรงเข้าใส่ชายร่างเล็ก ส่งผลให้เขาล้มฟุบลงทันที เลือดซึมออกมาเป็นวงกว้าง กลิ่นคาวเลือดโชยอ่อนๆ มาตามลม
เฮือก...
ไอรีนที่กำลังจะชักเท้ากลับไปยังทางเดิมแล้วสะกดจิตตัวเองทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเหตุการณ์เบื้องหน้าสะดุ้งเฮือก สองตาก็เบิกกว้าง รีบยกมือตะครุบปากตัวเองกลั้นเสียงร้องเอาไว้ เหงื่อเย็นๆ ซึมตามกรอบหน้า
ภาพที่เกิดตรงหน้าทำเอาแข้งขาเธอจะหมดแรง
“นั่นใคร!”
หายนะ!
ไอรีนไม่คิดแนะนำตัวเองในสถานการณ์เช่นนี้ ทันทีที่เสียงตะโกนถามดังขึ้น หัวใจเธอก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม และยิ่งเมื่อเผลอสบตาเข้ากับตาคมกริบที่ตวัดมอง แม้จะเป็นเพียงชั่วครู่ แต่ทำเอาก็ขนท้ายทอยลุกพึ่บพั่บ กริ่งเตือนภัยในสมองดังวิ้งๆ
ยังไม่ทันจะได้รู้ตัวว่าทำอะไรพลาดไป สมองก็สั่งให้หันหลังสับขาวิ่งออกไปจากตรงนี้อย่างเร็วจี๋
“ไปตามจับมา!”
เสียงเข้มส่อแววอันตรายที่ดังไล่หลังมาทำให้ร่างบางเพิ่มสปีดความเร็วมากขึ้น ส้นสูงสามนิ้วครึ่งถูกมือเรียวกระชากออกอย่างไม่ไยดี ขาสองข้างสับอย่างรวดเร็วราวกับนักกีฬาทีมชาติลงแข่งโอลิมปิก
วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเป็นอย่างไร เพิ่งเข้าใจถ่องแท้ก็วันนี้!
ความคิดเห็น |
---|