3

บทที่ 3



 

เช้าวันทำงานวันที่สองของศศินา หญิงสาวยังคงตื่นเช้าและโทร. ข้ามทวีปคุยกับมารดาเหมือนอย่างทุกวัน ตอนนี้ที่นิวยอร์กคือเวลาเช้า ที่บ้านเกิดของเธอก็เป็นเวลาค่ำพอดี

            “เมื่อไหร่จะกลับบ้านเราล่ะลูก” แม่ของเธอมักพูดอย่างนี้ทุกครั้งที่คุยกัน แต่ก็เหมือนเดิม เธอยังไปไหนไม่ได้...ยังไม่ใช่ตอนนี้

            “อีกไม่นานหรอกแม่ หนูต้องไปทำงานแล้ว ไว้คุยกันใหม่พรุ่งนี้นะจ๊ะ” คนเป็นลูกวางสายจากแม่แล้วถอนหายใจ เมื่อก่อนเธอไม่เคยรับรู้ถึงความห่วงใยของแม่ เคยเถียงแม่ไปตามประสาเด็ก แต่ทันทีที่ใบหน้ากลมกับสองแก้มยุ้ยของเด็กชายอเล็กซานโดรกระจ่างชัดในห้วงคำนึง ความคิดเธอก็เปลี่ยนไป เพราะมีลูกทำให้เธอโตขึ้นเป็นคนเต็มคน ลูกเป็นส่วนเติมเต็ม ทำให้ตอนนี้เธอรู้และเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกรักและห่วงใครสักคนมากกว่าชีวิตของตัวเองเป็นเช่นไร

            หญิงสาวเดินทางออกจากที่พักในฝั่งบรุกลินและเดินไปขึ้นรถไฟใต้ดิน มุ่งหน้าสู่ย่านมิดทาวน์ในแมนฮัตตัน ชีวิตในชั่วโมงเร่งด่วนของมหานครนิวยอร์กทำให้เธอเบื่อหน่ายไม่น้อย แต่ก็ต้องอดทนจนถึงที่ทำงาน

            “หวัดดีเอส!” เมื่อมาถึง คนที่ทักทายศศินาเป็นคนแรกไม่ใช่เพื่อนร่วมแผนก แต่กลับเป็นสาวสวยสติแตกอย่าง อนินทิตา โรซาเลส

            “หวัดดีอนิน”

            “เช้านี้เธอดูไม่ดีเลย” คนอารมณ์ดีทักแล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างจับผิด

            “ไม่มีอะไรนี่คะ”

            “นอนไม่พอหรือ” อนินทิตายังกัดไม่ปล่อย จนศศินาได้แต่ถอนหายใจ บางทีก็อยากถามตรงๆ ไปเลยว่ามาติดใจอะไรคนอย่างเธอหนักหนา หรือว่าเป็นเลสเบียนกันแน่

            “ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ”  เธอยืนยันหนักแน่นแล้วถอนหายใจเสียงดังกว่าเดิม นาทีนี้เธอไม่สนใจเรื่องมารยาทแล้ว

            “ถ้ามีอะไรต้องบอกฉันนะคะ เราเพื่อนกันนะ”

            คราวนี้ศศินาขมวดคิ้ว รู้จักกันแค่ยี่สิบสี่ชั่วโมง อนินทิตานับคนรู้จักแบบผิวเผินว่า ‘เพื่อน’ ทั้งยังจะให้เธอระบายความในใจด้วยนี่นะ...ผู้หญิงคนนี้ประหลาดเกินไปแล้ว

            “ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวจำต้องพยักหน้าไปส่งๆ ขอแค่ให้อนินทิตาไปไกลๆ ก็พอ

            “เที่ยงไปกินข้าวด้วยกันนะ”

            “แต่...”

            “เอส ไปด้วยกันเถอะ”

            “ก็ได้ค่ะ” ศศินาจำต้องรับปากเพื่อจะให้สาวสวยสติแตกตรงหน้าไปห่างๆ เธอเสียที ก่อนที่เธอจะทนไม่ไหว ดีที่คราวนี้อนินทิตาฉีกยิ้มพอใจแล้วยอมเดินออกไป เธอจึงได้เริ่มงานเสียที

            “เอส”

            “คะ” เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียก เพราะจำได้ว่าเป็นเสียงของหัวหน้า

            “คุณเชสก์เรียกพบ”

คำสั่งนั้นทำเอาหัวใจของหญิงสาวกระตุกวูบ ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ไม่คิดว่าเขาจะ ‘รุก’ เร็วถึงเพียงนี้ ต้องถามซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

            “ว่ายังไงนะคะ”

            “คุณเชสก์เรียกพบ”

            “ฉันหรือ...”

            ศศินาคิดไปต่างๆ นานาว่าเชสก์มีแผนการอะไรกันแน่ เขาอยากพบเธอไปทำไม ในเมื่อเธอก็เป็นแค่พนักงานเล็กๆ ในสำนักงานของเขาเท่านั้น

            “เอส...ได้ยินหรือเปล่า”

            “ดะ...ได้ยินค่ะ”

            “ถ้าอย่างนั้นก็รีบไป อย่าให้คุณเชสก์รอนาน”

            “ค่ะหัวหน้า”

            “ชั้นยี่สิบนะ”

            “ค่ะ” หญิงสาวรับคำอย่างว่าง่าย รอจนหัวหน้าเดินไปแล้วจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วจัดเสื้อผ้าชุดทำงานให้เข้าที่ จากนั้นจึงเดินออกจากแผนกตรงไปที่ลิฟต์ แม้จะรู้สึกว่าแต่ละย่างก้าวช่างไม่มั่นคงเอาเสียเลย

            ...

            ‘ชั้นยี่สิบ กรุณาแจ้งชื่อด้วยค่ะ’ เมื่อมาถึงชั้นผู้บริหารของ เชสก์ อะลอนโซ เสียงไร้ตัวตนของระบบปฏิบัติการนานาก็ดังขึ้น

ผู้มาเยือนยิ่งหายใจไม่ทั่วท้อง เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วบอกชื่อ ‘ล่าสุด’ ของตัวเอง

            “ศศินา สไนเดอร์” พูดออกไปแล้วก็พบว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรงจนแทบหายใจไม่ทัน เธอกลัวการเผชิญหน้ากับเจ้านายหนุ่ม เกลียดสายตาที่แสดงถึงความ ‘รู้ทัน’ ของเขา กลัวว่าถ้าเขารู้ว่าเธอเป็นใครและต้องการอะไร เธอและอเล็กซานโดรคงไม่พ้นมือเขาแน่

            ‘เชิญค่ะ’ ประตูลิฟต์เปิดออกทันทีที่สิ้นเสียงระบบปฏิบัติการนานา

            หญิงสาวก้าวออกไปอย่างช้าๆ ประวิงเวลาไว้ให้นานที่สุด แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะแค่ก้าวออกมาเธอก็เจอบอดีการ์ดหน้าเข้มที่ชื่อเดรโกรอท่าอยู่แล้ว

            “เชิญครับคุณสไนเดอร์” เขาเดินนำเธอไปที่หน้าประตูห้องทำงานโดยไม่แสดงสีหน้าอะไรเลย แววตาท่าทางเขาเฉยมาก จนศศินาได้แต่ขมวดคิ้ว สงสัยว่าเขาจำเธอได้หรือไม่

            “ขอบคุณค่ะ” สาวร่างเล็กกล่าวขอบคุณแล้วก้าวเข้าไปในห้องทำงานของเชสก์ที่เป็นดังลานประหารสำหรับเธอ

            แค่ก้าวแรกที่เดินเข้ามาในห้องทำงานกว้างใหญ่กินเนื้อที่เกือบทั้งชั้น ศศินาก็รู้สึกได้ถึงความกดดันบางอย่าง โดยเฉพาะยามที่สบตาวาววับดุจเสือที่จ้องตะครุบเหยื่อของคนที่นั่งเด่นเป็นสง่าตรงโต๊ะทำงานใหญ่ที่อีกฝั่งห้อง

            “คุณนั่นเอง...ที่แท้ก็อยู่ใกล้แค่นี้เอง” คิ้วเข้มเหนือดวงตาคมดุเลิกขึ้นเล็กน้อย เขายิ้มมุมปาก ทำท่าว่าแปลกใจเสียเต็มประดา แต่ศศินาก็มองเห็นประกายความเสแสร้งในดวงตาของเขา

            เขาจำเธอได้ แต่ทำเป็นจำไม่ได้...เพื่ออะไรกัน

            ศศินาได้แต่คิดอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ดีแล้ว ในเมื่อเขาต้องการแบบนี้ เธอก็จะสวมบทพนักงานต่อไปเช่นกัน “หัวหน้าบอกว่าคุณต้องการพบดิฉัน”

            “ใช่”

            “มีอะไรหรือคะ”

            “คอมพิวเตอร์ของผมดับ” เชสก์บอกด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยราวกับว่านี่คือเรื่องปกติ

            หญิงสาวขมวดคิ้วทันที จะเป็นไปได้อย่างไร เจ้าพ่อบริษัทด้านอิเล็กทรอนิกส์และไอทีอย่าง เชสก์ อะลอนโซ นี่น่ะหรือจะซ่อมคอมพิวเตอร์เองไม่เป็น ศศินาได้แต่ส่ายหน้า เป็นไปไม่ได้แน่

            “เข้ามาดูสิ” เขาสั่งสำทับแล้วก้มหน้าอ่านเอกสารในแฟ้มต่อ

            ศศินาถอนหายใจ เขาเป็นเจ้านาย สั่งอะไรเธอก็ต้องทำตามอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ สุดท้ายเธอก็ต้องเดินเข้าไปหาแล้วเริ่มสำรวจคอมพิวเตอร์ของเขา ซึ่งเปิดไม่ติดจริงๆ อย่างที่เชสก์บอก ทั้งยังไม่มีไฟสัญญาณใดๆ เลย

            “คุณตั้งค่าไฮเบอร์เน็ตเครื่องไว้หรือเปล่าคะ”

            “ไม่นี่” เชสก์ยิ้มมุมปาก ดวงตาพราวระยับเป็นประกาย

            “แต่เครื่องคุณไม่เป็นอะไรเสียหน่อย ก็ยังทำงานตามปกติ” เจ้าของเสียงหวานกัดฟันบอก เพิ่งรู้ตัวว่าถูกเขาแกล้งก็ตอนนี้เอง เธอเชื่อว่าเขารู้แน่ว่าคอมพิวเตอร์ไม่ได้เป็นอะไร เพราะสังเกตเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขา

            คนกะล่อน!

            “อย่างนั้นหรือ” ซีอีโอหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วกล่าวอย่างขอไปที “ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อน เชิญกลับไปทำงานได้แล้ว”

            “ค่ะ” หญิงสาวกัดฟันตอบ แล้วรีบเดินออกจากห้องไปทันทีราวกับวิ่งหนีซาตานก็ไม่ปาน แต่ก่อนออกไปเธอมั่นใจว่าได้ยินเสียงหัวเราะของเขาด้วย

            ...

            ศศินากลับมาที่แผนกด้วยอาการหัวเสีย แต่ต้องพยายามข่มไว้เพราะทันทีที่มาถึงก็พบว่าสายตาทุกคู่กำลังจ้องมาที่เธอเขม็ง แม้แต่หัวหน้าสาวใหญ่ท่าทางเงียบขรึมก็ยังเงยหน้าขึ้นมองเธอตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าทีเดียว

            “เรียบร้อยดีใช่ไหม”

            “ค่ะหัวหน้า”

            “อย่างนั้นก็ดี” หัวหน้าสาวใหญ่พยักหน้าเบาๆ แล้วพูดต่อไปว่า “บ่ายนี้มีประชุมทีมวางระบบโปรแกรมนะ”

            “ค่ะหัวหน้า” หญิงสาวรับปากแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน อ่านแผนงานคร่าวๆ ได้ความว่าหลังจากอะลอนโซ เอ็นเตอร์ไพรส์ถูกเจาะระบบครั้งล่าสุด ทำให้ต้องรีบูตระบบปฏิบัติการนานาที่ใช้รักษาข้อมูลและพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์และโปรแกรมทั้งหมดในสำนักงานใหม่อีกครั้ง ถือว่าเป็นงานหนัก แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีเช่นกัน

            ดวงตากลมโตของศศินาเต็มไปด้วยประกายมุ่งมั่น หญิงสาวลุกขึ้นแล้วเดินเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำเพื่อโทรศัพท์หา ‘คนสั่งการ’ ทันที

            “ว่ายังไง” ปลายสายยังมีน้ำเสียงไม่พอใจเช่นเคย ทั้งยังฟังดูรีบร้อนผิดปกติ

            “บ่ายนี้ฉันต้องเข้าประชุมแผนที่แผนก” ศศินาไม่สนใจอารมณ์โกรธของอับราฮัม เธอรีบเข้าเรื่องทันทีเพราะอยาก ‘ทำงาน’ ให้มันจบๆ ไปเพื่อจะได้ออกไปจากที่นี่เสียที

            “งั้นหรือ” เขายังไม่ทุกข์ร้อน ผิดกับเธอที่ร้อนใจแทบบ้า กลัวว่าเชสก์จะจับได้ในสักวัน

            “คุณจะเอายังไง ฉันจะทำได้เมื่อไหร่”

            “รอไปก่อน”

            “ฉันรอไม่ไหวแล้ว” หญิงสาวบอกอย่างร้อนรน แต่คนฟังกลับไม่สนใจเลยสักนิด

            “แต่เธอต้องรอ ถึงเวลาเมื่อไหร่ฉันจะโทร. หาเธอเอง” แล้วเขาก็ตัดสายไปทันทีโดยไม่ฟังสักนิดว่าเธอจะว่าอย่างไร

            ศศินาเม้มปากกลัดกลุ้ม แต่ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน อ่านแผนงานคร่าวๆ ระหว่างรอเวลาไปประชุม แต่แล้วหัวหน้าก็เรียกอีกจนได้

            “เอส”

            “คะหัวหน้า” ดวงตากลมโตละจากเอกสารตรงหน้า แล้วหันไปหาหัวหน้าสาวใหญ่

            “คุณเชสก์เรียกพบ”

            อีกแล้วหรือ!

            หญิงสาวถอนหายใจ ใกล้จะถึงเวลาพักแล้วแท้ๆ แต่วันนี้เธอไม่ได้งานอะไรเลย เพิ่งจะกลับออกมาจากห้องทำงานของเขา นี่ต้องกลับไปอีกแล้วหรือ

            “ได้ยินไหม” สาวใหญ่ถามสำทับ

            “ค่ะหัวหน้า ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”

            ครั้งแรกที่ไปก็ถูกเขากลั่นแกล้งให้ไปแก้ปัญหาปัญญาอ่อนแบบที่เด็กไฮสกูลยังทำได้ ไม่รู้ว่าคราวนี้เขาจะหาเรื่องแกล้งอะไรเธออีก ศศินาคิดอย่างท้อใจ แต่ก็กลับขึ้นไปบนห้องทำงานของเชสก์แต่โดยดี

            เพราะเพิ่งขึ้นมาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ทำให้การผ่านด่านระบบปฏิบัติการนานาง่ายขึ้น แค่แจ้งชื่อก็ขึ้นไปชั้นผู้บริหารได้โดยไม่ต้องรอให้นานารายงานเจ้านายเหมือนครั้งแรก รวมทั้งเดรโกเองก็ไม่เข้มงวดกับเธอเช่นกัน เขามองผ่านราวกับศศินาไม่มีตัวตนด้วยซ้ำ

            “หัวหน้าบอกว่าคุณเรียกพบดิฉัน” ศศินาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นทางการมากที่สุด เห็นแววตาเต็มไปด้วยประกายสนุกสนานของเขาแล้วก็ไม่ไว้ใจเอาเสียเลย จึงต้องพยายามวางมาดผู้ใหญ่เข้าไว้ แม้ว่าความจริงเธออายุน้อยกว่าเขาถึงสิบห้าปีก็ตาม

            “ใช่” เจ้านายหนุ่มพยักหน้าตอบ มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาคมกริบ ทำเอาศศินาร้อนๆ หนาวๆ เพราะเดาไม่ออกว่าเขาต้องการอะไรกันแน่

            “มีอะไรให้ดิฉันรับใช้คะ”

            “แน่นอน ต้องมีสิ”

            “คราวนี้คอมพิวเตอร์ดับอีกหรือเปล่าคะ”

            “ไม่ใช่หรอก” ชายหนุ่มในชุดสูทสุดเนี้ยบสบตากับสาวตรงหน้าพร้อมทั้งยิ้มเจ้าเล่ห์ “ผมมีเรื่องสงสัยเกี่ยวกับประวัติของคุณ”

            “มะ...หมายความว่ายังไงคะ” สาวคนฟังใจหายวูบ ทั้งที่อากาศในนิวยอร์กก็เย็นพอสมควร แต่เธอกลับร้อนจนฝ่ามือชื้นเหงื่อไปหมดแล้ว

            “ตามประวัติของคุณ...คุณอายุยี่สิบสามใช่ไหม”

            “ค่ะ”

            “นั่งก่อนสิ” เชสก์พยักพเยิดไปที่เก้าอี้ตรงหน้า แล้วหันไปสนใจหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังแสดงประวัติของศศินา รอจนหญิงสาวเดินมานั่งตรงหน้าแล้วจึงพูดต่อไปว่า “เรียนไม่จบด้วยอย่างนั้นหรือ”

            “ฉันออกจากมหาวิทยาลัยค่ะ”

            “มีเหตุผลไหม ดูแล้วประวัติการเรียนคุณก็ไม่ได้แย่นี่”

            “ขอให้เป็นเรื่องส่วนตัวได้ไหมคะ” เธอตอบเสียงแข็ง เริ่มไม่พอใจเสียแล้วว่าเขาจะมาสนใจเธอทำไม และอีกอย่าง ถ้าเธอตอบ เขาต้องรู้เรื่องของอเล็กซานโดรแน่นอน

            “ในประวัติบอกว่าหย่าร้าง และมีลูกชายหนึ่งคนอย่างนั้นหรือ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย แต่ประกายในดวงตาบอกว่าไม่เลย เขากำลังสนใจมาก ศศินารู้ และนั่นทำให้เธอร้อนใจเป็นที่สุด “ค่ะ”

            “นั่นทำให้คุณเรียนไม่จบหรือเปล่า”

            “คุณอะลอนโซคะ” หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ แล้วมองเขาตรงๆ “ดิฉันว่าเรื่องนี้ควรเป็นเรื่องส่วนตัวของพนักงานอย่างดิฉัน ซึ่งดิฉันคิดว่าผู้บริหารระดับสูงคงไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้หรอกนะคะ”

            “สนใจสิ” ไม่มีประกายความขี้เล่นอีกต่อไปแล้ว ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก ดวงตาวาววับส่งถึงสัญญาณอันตราย ทำเอาศศินาลุกพรวดขึ้นทันทีก่อนที่เขาจะพูดอะไรมากกว่านี้

            “ถ้าเรียกมาเพราะเรื่องแค่นี้ ดิฉันขอตัวค่ะ”

            “ที่ฉันสนใจก็เพราะว่าเรื่องฐานเงินเดือนของเธอต่างหาก” น้ำเสียงเรียบเรื่อยของเขาทำให้หญิงสาวชะงัก แต่ก็ยังไม่ยอมหันกลับไปมอง ไม่อยากเห็นดวงตาคู่คมเข้มล้ำลึกของเขา แล้วยืนฟังนิ่งๆ ว่าเขาจะพูดอะไรต่อ

            “เธอยังอายุน้อยและมีลูกติดอีกต่างหาก ไหนจะค่าใช้จ่ายที่นี่ พักบรุกลินไฮต์ใช่ไหม ราคาอะพาร์ตเมนต์ใช่ย่อยนะ”

            “ของอดีตสามีฉันค่ะ”

            “งั้นหรือ” เชสก์ทำเสียงคล้ายไม่พอใจ และนั่นยิ่งทำให้ศศินาไม่กล้าหันกลับไปมอง

            “ถ้าหมดธุระแล้ว ดิฉันขอตัวลงไปพักก่อน”

            “ได้เวลามื้อกลางวันพอดี กินกับฉันที่นี่สิ”

            “ไม่ดีกว่าค่ะ ดิฉันขอตัว” สาวร่างเล็กเดินออกไปทันทีเมื่อรู้ว่าการมาพบเขาครั้งนี้ก็ไม่ต่างจากคราวก่อน ที่นอกจากไม่ได้ประโยชน์อะไรแล้ว ยังต้องมาหัวเสียเพราะท่าทางของเขาอีก เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียวแล้ว

ท่าทางของศศินาอยู่ภายใต้สายตาคู่คมดุของเชสก์ตลอดเวลานับตั้งแต่เธอเข้าในห้อง แม้ว่าเธอจะปฏิเสธว่าไม่รู้จักเขา ทำให้เขาไม่แน่ใจไปบ้าง แต่เมื่อเห็นเธอใกล้ๆ ใบหน้าอ่อนหวานแบบผู้หญิงเต็มตัวยังคงมีเค้าของเด็กสาวจอมแสบคนนั้นรางๆ กลิ่นกายที่คุ้นเคย น้ำเสียง แววตา และท่าทางการเดิน ดูอย่างไรเขาก็ว่าเธอคือคนเดียวกับที่เขาเฝ้าตามหามานานแน่นอน

            หลังจากศศินาออกไปแล้ว เชสก์จึงเปิดโปรแกรมงานสุดท้ายที่สั่งให้มยุรฉัตร อดีตอาชญากรสาวทำไว้ ทั้งที่รู้ว่าสิ่งที่ทำนั้น ‘ผิด’ แต่เขาก็ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยที่จะ ‘สอดแนม’ ประวัติทั้งหมดของ ศศินา สไนเดอร์

            ‘สายจากคุณรามค่ะคุณอะลอนโซ’ ระบบปฏิบัตินานารายงานเข้ามา

            “บอกว่าฉันติดประชุม” ซีอีโอหนุ่มบอกปัด ตอนนี้เขาไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น

            ‘รับทราบค่ะคุณอะลอนโซ’ ระบบปฏิบัติการนานาเงียบไปแล้วบอกต่อ ‘คุณรามแจ้งว่าตอนนี้เที่ยง เจ้านายไม่ควรประชุม ควรคุยกับคุณรามดีๆ ก่อนที่คุณรามจะแฉค่ะ’

            “ต่อสายเข้ามา” หนุ่มสแปนิชถอนหายใจอย่างรำคาญ เพราะรามมาทีไรก็มักจะคาบเรื่องร้ายๆ มาด้วย และอีกอย่างตอนนี้เขาก็เพิ่งจะเปิดโปรแกรม ‘ต้องห้าม’ ขึ้นมาด้วย

            ‘คุณรามมาถึงแล้วค่ะ’ นานารายงานอีกครั้ง ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดเข้ามาโดยฝีมือของหนุ่มมาดเข้มท่าทางกวนประสาทที่ชื่อ ราม รามิเรซ

            หนุ่มลูกครึ่งอเมริกัน-อินเดียเดินเข้ามาในห้องทำงานของซีอีโอบริษัทข้ามชาติรายใหญ่ที่สุดในนิวยอร์กด้วยท่าทีสบายๆ แม้จะสวมสูทผูกไทเรียบร้อย แต่ผมยาวถูกมัดรวบไว้เป็นจุกกลางศีรษะ ใบหน้าคมเข้มยังเต็มไปด้วยหนวดเคราราวกับโยคี สีหน้าแววตายังกวนประสาทเช่นเดิม

            “ไหนนานาบอกว่านายโทร. มา” หนุ่มเจ้าถิ่นหรี่ตามองเพื่อน ที่แม้จะแปลกตาไปหน่อย แต่การมาเยือนของรามจะต้องพา ‘หายนะ’ มาแน่

            “ก็โทร. มาบอกก่อนว่าจะเข้ามาหาไงจ๊ะที่รัก” รามยิ้มกวนประสาทแล้วถือวิสาสะ นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเชสก์  สายตาคู่คมเข้มหลังเลนส์แว่นแสดงถึงความสนใจโปรแกรมที่ปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเชสก์ จนเจ้าถิ่นต้องรีบปิดหน้าจอ

            “มีธุระอะไรถึงมาตอนนี้” ปกติแล้วรามไม่เคยปรากฏตัวกับ ‘พวกเขา’ ในตอนกลางวันเลยสักครั้ง ไม่ต้องพูดถึงในมหานครนิวยอร์กในอเมริกา ประเทศที่เต็มไปด้วยการสอดแนมอย่างนี้หรอก

            “เรื่อง เวส สไนเดอร์”

            เชสก์พยักหน้า เชื่อแล้วว่าเรื่องนี้ใหญ่จริง เวส สไนเดอร์ คืออดีตตำรวจสากลที่ตามคดีของเดอะดาร์กแฟนทอมมาตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นลูกน้องของ เคอติส โรดิเกรส อดีตตำรวจสากลผู้ล่วงลับด้วยฝีมือของ อัลเบอร์โต อะลอนโซ พี่ชายของเขา

            จนกระทั่งหลังจากหัวหน้าทีมอย่างเคอติสตาย เวสก็ขึ้นมาทำงานเต็มตัวด้วยวิธีนอกกฎหมายกว่าเคอติส แต่สุดท้ายกลับถูกพวกเขาตลบหลังจนหมดอนาคต จากผู้ล่าต้องกลายเป็นหนีหัวซุกหัวซุน แต่ก็ไม่แน่...มันอาจจะมารวมตัวกับพวกเดอะชาโดว์ หรือพวกเงาที่ตามล่าอัลเลอร์โตมาตั้งแต่ต้นก็ได้ ในเมื่อตอนนี้มันก็เริ่ม ‘จับทาง’ พวกเขาได้แล้ว

            พวกเงารู้ว่าอัลเบอร์โตเคยซื้อขายอาวุธกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจริง และเงินทั้งหมดก็ผ่านเข้าไปในธนาคารใหญ่แห่งหนึ่งในเคย์แมนที่เป็นของ วูล์ฟ ยัง เจ้าพ่อกาสิโนรายใหญ่ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทของเขา

            คราวนี้มันตามกลิ่นมาได้แน่!

            “ฉันรู้ว่ามันเข้ามาในอเมริกาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน” รามบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยไม่ทุกข์ร้อน ทั้งที่ถ้าเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปเมื่อไร มันนั่นแหละจะตายคนแรก

            “นายรู้ได้ยังไงว่ามันมาที่นี่แล้ว”

            “แล้วฉันทำงานอะไรล่ะ” เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลซีไอเอย้อนถามกลับพร้อมกับยิ้มชั่วร้าย “ประเทศนี้มันสอดแนมสิ่งมีชีวิตทุกชนิด แม้กระทั่งมดที่กำลังเดินข้ามถนนนั่นแหละ”

            “แล้วทำไมไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน”

            “ก็ถ้ามันอยู่ใต้ ‘เงา’ แล้วเราจะเจอมันหรือ”

            เชสก์พยักหน้าเข้าใจทันที เพราะอย่างนี้กระมังรามจึงจะออกไปจัดการ ‘เก็บกวาด’ อีกครั้ง แต่ปกติเวลาไปไหนมาไหนรามก็ไม่เคยบอกเลยสักครั้ง นึกอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป

            “ฉันแค่จะมาบอกให้นายระวังตัว มันมาอยู่ที่นี่แล้ว ฉันไม่คิดว่ามันอยู่เฉยๆ แน่...ไม่แน่ว่าเรื่องที่ระบบนายถูกแฮ็กอาจเกี่ยวกับมันด้วย”

            “นายรู้เรื่องของฉันได้ยังไง” หนุ่มลูกครึ่งสเปนขมวดคิ้ว เขาไม่เคยบอกเรื่องภายในสำนักงานกับใครเลย แม้แต่กับ อัลเบอร์โต อะลอนโซ พี่ชายแท้ๆ ของตัวเอง

            รามไม่ตอบคำถามนั้นทันที หนุ่มจอมกะล่อนเงยหน้าหัวเราะลั่นห้อง ทำราวกับว่าขบขันเสียเต็มประสา ทว่าเมื่อก้มหน้าสบตากับเชสก์ ดวงตาสีดำคมเข้มล้ำลึกกลับเต็มไปด้วยประกายฉลาดเฉลียว “ต้องให้บอกอีกรอบไหมว่าฉันทำงานอะไร”

            “ฉันไม่ควรถูก ‘สอดแนม’ ไม่ใช่หรือ” หนุ่มเจ้าถิ่นเลิกคิ้วขึ้นข้างเดียวเป็นเชิงถาม ใบหน้าคมคายประดับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่แพ้กัน จนรามต้องยอมถอยก่อน

            “ก็จริงของนาย” เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลยักไหล่แล้วพิงพนักพิงเก้าอี้ด้วยอิริยาบถสบายๆ

            “นายกำลังตามเรื่องของสไนเดอร์ใช่ไหม”

            “ใช่”

            “ถ้าอย่างนั้นช่วยหน่อย” เชสก์ลดเสียงลงเล็กน้อย แม้จะอยู่ในห้องทำงานของตัวเองที่มีระบบรักษาความปลอดภัยทั้งทางด้านกายภาพและทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ก็ตาม แล้วพูดต่อไปว่า “ฉันต้องการข้อมูลทั้งหมดของผู้หญิงที่ชื่อ ศศินา สไนเดอร์”

            “นายก็ทำได้ไม่ใช่หรือ”

            “แต่ก็ได้ไม่ดีเท่าเจ้าหน้าที่ข่าวกรองอย่างนาย” ซีอีโอหนุ่มลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมโต๊ะทำงานมาตบบ่าเพื่อนเบาๆ บ่งบอกว่ารู้ดีทุกอย่างในสิ่งที่พวกซีไอเออย่างราม ‘แอบทำ’

            “เอางั้นก็ได้” หนุ่มร่างสูงผอมลุกขึ้นบ้าง แล้วขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่ ทั้งยังปัดเสื้อบริเวณบ่าที่เพิ่งถูกเชสก์ตบไปหมาดๆ ราวกับรังเกียจเพื่อนก็ไม่ปาน

            “ไปได้แล้ว”

            “ไล่หรือวะไอ้เชสก์”

            “นายอยู่ที่ไหนก็ซวยที่นั่น ดังนั้นไปให้ไกลฉัน เอามาแต่ข้อมูลพอ”

            “ก็ไม่นานหรอกเพื่อน เราได้เจอกันอีกแน่” รามหัวเราะลงคอด้วยน้ำเสียงไม่น่าไว้วางใจ หลิ่วตาให้เชสก์อีกครั้งจากนั้นจึงเดินออกจากห้องทำงานไป

            ซีอีโอหนุ่มถอนหายใจแล้วส่ายหน้า สิ่งที่สงสัยเป็นจริงทุกอย่าง เขากำลังถูกสอดแนมทั้งจากศัตรูและจาก ‘นายจ้าง’ ของตัวเอง ทั้งที่เขาก็ ‘ส่งงาน’ แล้วแท้ๆ

            ถ้าอย่างนั้นก็คิดไม่ผิดที่ให้มยุรฉัตรจัดการ ‘หาของ’ มาให้ เขาไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะเปิดมันขึ้นมาตรวจสอบความเรียบร้อยสำหรับใช้ในสำนักงาน ทั้งที่รู้ว่ามันคือสิ่งผิดกฎหมายก็ตาม!

 ยิ่งนานเข้าชีวิตการทำงานของศศินาก็ยิ่งทำให้เธอใกล้จะเป็นบ้ามากขึ้นทุกที เธอมีเจ้านายโรคจิตที่ชอบเรียกขึ้นไปใช้งานแบบไม่มีเหตุผล มีสาวสวยท่าทางประหลาดอย่างอนินทิตาคอยตามติดชีวิตจนทำเธอเริ่มหลอนเสียแล้ว ทางเดียวที่จะทำได้คือแสร้งหลบเข้าห้องน้ำแล้วออกอีกทางไปเสีย วันนี้เธอจึงได้ออกไปกินอาหารกลางวันตามลำพังอย่างที่ต้องการ

            หญิงสาวกลับมาอีกครั้งพร้อมกาแฟอเมริกาโนในมือ อีกครึ่งชั่วโมงจะหมดเวลาพัก เธอจึงหยิบแฟ้มเอกสารโครงการที่จะเข้าประชุมแผนกขึ้นมาดูโครงสร้างโปรแกรม เพราะเข้ามาทำงานในแผนกคอมพิวเตอร์ที่ดูแลระบบซอฟต์แวร์ เธอจึงมีโอกาสได้เห็นโครงสร้างโปรแกรมของระบบรักษาความปลอดภัยของอะลอนโซ เอ็นเตอร์ไพรส์ด้วย

            ดวงตากลมโตวาววับเมื่อเห็นโครงสร้างผังงานคร่าวๆ จึงเลือกที่จะจดโครงสร้างใส่กระดาษ เพราะไม่มั่นใจว่าถ้าแอบถ่ายหรือคัดลอกลงในยูสเซอร์ส่วนตัว จะถูกระบบปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยนานาเล่นงานหรือไม่ ทางที่ดีไม่เหลืออะไรให้สาวมาถึงตัวเธอได้จะดีที่สุด

            หญิงสาวใช้เวลาพักทั้งหมดนั่งจดโครงสร้างและคีย์หลักการวางระบบแบบเก่าไว้ พอดีกับที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แม้ไม่มองว่าใครโทร. มา แต่เธอก็รู้ได้ทันทีว่าจะต้องเป็นนายจ้างของเธอแน่ หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างยินดีที่จะหลุดพ้นจากที่นี่เสียที ศศินาไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะกดรับสาย

            “ฉันกำลังจะโทร. ไปหาคุณพอดี”

            “ฉันรู้แล้ว” ปลายสายบอกเสียงเครียดแล้วสั่งการต่อทันที “ลงมือได้เลย แค่เชื่อมต่อไดรฟ์ทิ้งไว้และเธอก็รีบออกมา ออกมานอกสำนักงาน เลี้ยวซ้าย เดินไปตามเมดิสัน อเวนิว จะมีคามาโรสีดำรอรับเธอ รีบขึ้นไปได้เลย มีเวลาแค่สิบนาทีเท่านั้น”

            “ค่ะ” ศศินาวางสายหลังจากได้ยินป้ายทะเบียนรถเป้าหมายแล้ว

            หญิงสาวมองซ้ายมองขวา ยังไม่มีใครกลับมาที่แผนก เธอจึงเปิดคอมพิวเตอร์ แม้ว่าจะต้องใส่ยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ดสำหรับพนักงาน แต่เธอไม่สน เพราะหลังจากเชื่อมต่อแฟลชไดรฟ์นั้นได้เมื่อไรก็หมดหน้าที่ของเธอแล้ว

            ใบหน้าอ่อนใสปรากฏรอยยิ้มแห่งความยินดี เธอเชื่อมต่องานของเธอสำเร็จแล้ว จึงเก็บของและลุกขึ้นเดินออกไปทันที ทว่า...

            เสียงสัญญาณเตือนภัยดังลั่นไปทั้งตึกจนหญิงสาวใจหายวาบ หรือว่าพวกเขาจะรู้ตัวแล้ว!

            ไม่มีเวลาให้คิดวิเคราะห์อะไรแล้ว สาวร่างเล็กบางรีบสาวเท้าออกไปทางบันไดหนีไฟ แต่ก็ยังอดเหลียวมองด้านหลังไม่ได้ว่ามีใครตามเธอมาหรือไม่

            เดรโก!

            ศศินาใจหายวูบ ไม่คิดว่าเขาจะรู้ตัวเร็วขนาดนี้ ในเมื่อเวลาเพิ่งผ่านไปไม่ถึงห้านาที ทำให้หญิงสาวต้องรีบวิ่ง อีกแค่สองชั้นเธอก็จะถึงชั้นล่างสุดของอาคารแล้ว อีกแค่นิดเดียว แต่...

            ผลัวะ!

            ประตูทางหนีไฟชั้นสุดท้ายถูกเปิดเข้ามาเสียก่อนโดยมีฝีมือของคนที่เธออยากหนีไปให้ไกลที่สุด ร่างสูงใหญ่ยังอยู่ในชุดสูทแสนสุภาพ ทว่าตาคมกริบจนพานให้ขนลุกขนชันของเขาต่างหากที่ทำให้เธอหวาดกลัว

            “จะรีบไปไหนล่ะ ศศินา สไนเดอร์”
 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น