7

หญิงสาวผู้ชื่นชอบของแปลก


อนินทิตาเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องชั้นบน ไม่ว่ารามจะเคาะประตูเรียกเธออย่างไร เธอก็ไม่ยอมเปิด ทั้งยังซุกหน้าลงกับหมอน ปิดกั้นโสตประสาทไม่ให้ได้ยินเสียงเรียกของเขา แต่ยิ่งหนีก็เหมือนยิ่งตอกย้ำว่าเธอแพ้แล้วจริงๆ

            จากที่เคยเป็นสาวมั่น ไม่แคร์โลก ไม่แคร์สายตาผู้ชายหน้าไหน ทำงานเก่งกว่าผู้ชายบางคน บ้าอำนาจกับเพื่อนร่วมงานในบางเรื่อง เอาแต่ใจบ้างเป็นบางโอกาส รู้ทันผู้ชายไปเสียหมด ปิดกั้นทุกคนที่เข้ามา แต่สุดท้ายก็มาแพ้ทางผู้ชายประหลาดที่เดาทางไม่ได้

เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครมาจากไหนกันแน่ แต่กลับยอมให้เขาอยู่ในบ้าน หาข้ออ้างปลอบใจตัวเองว่าแค่อยากจับผิดพฤติกรรมเขา แต่กลับทำตัวเหมือนเพื่อนสนิท และปล่อยให้เขามีอิทธิพลกับเธอมากเกินไป เพราะมั่นใจว่าไม่มีทางไปหลงรักผู้ชายแบบรามแน่ๆ ต่อให้หล่อล่ำมาดดีอย่างแม็กซ์หรืออย่างเพื่อนของแดเนียลก็เถอะ เธอยังไม่เคยสนใจ...แต่สุดท้ายเธอกลับมาหวั่นไหวให้คนอย่างราม คนที่เธอหาว่าเหมือนพวก ‘ขี้ยา’ นี่ละ

            ทั้งหมดนี้เพราะเธอประมาท ‘ใจ’ ตัวเองมากไป

            “อนิน ออกมาคุยกันให้รู้เรื่อง” เสียงรามดังมาจากทางหน้าห้อง เขาพยายามดันประตูเข้ามา แต่ทำไม่ได้เพราะเธอล็อกจากข้างใน

            นักจิตวิทยาสาวซุกหน้าลงกับหมอน พยายามนึกถึงทฤษฎีบำบัดจิตต่างๆ นานา แต่ใช้ไม่ได้ผลเลย เธอเอาแต่นอนนิ่งจนเหมือนคนตาย จนกระทั่งเสียงรามเงียบไปในที่สุด

            ‘คงไปแล้วมั้ง’ สาวเจ้าของบ้านถอนหายใจแล้วนอนแน่นิ่ง หลับตาลง พยายามตั้งสมาธิ ถามตัวเองซ้ำๆ ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ในเมื่อสงสัยราม ทำไมไม่จัดการเขาตั้งแต่แรก ปล่อยให้เขาปล่อยฟีโรโมนฟุ้งมอมเมาเธออย่างทุกวันนี้ได้ยังไง และที่สำคัญเธอควรทำอย่างไรต่อไปดี

            อนินทิตาจมอยู่กับความคิดของตัวเองเสียจนไม่ทันได้ยินว่า ประตูห้องที่คิดว่าปิดไว้แน่นหนาเวลานี้ถูกเปิดเข้ามาด้วยฝีมือของราม เขาก้าวเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ แรกทีเดียวดวงตาคมหวานฉายแววตกใจที่เห็นเธอนอนนิ่ง กลัวว่าเธอจะคิดสั้นเพราะแค่ถูกเขาจูบหรือไม่ ในเมื่อท่าทางเธอทั้งอึ้งทั้งช็อกจนแทบลืมหายใจถึงเพียงนั้น

            “ทีนี้เข้าใจแล้วใช่ไหมว่าเพราะอะไร” เขาก้มลงหาสาวร่างบอบบางที่กำลังนอนประสานมือไว้ที่หน้าท้อง แล้วหายใจเข้าออกอย่างคนต้องการรวบรวมสติ

            คนกำลังคิดอะไรเพลินๆ ถึงกับดีดตัวลุกพรวด หน้าผากโขกกันเสียงดังจนร้องโอดโอยไปด้วยกันทั้งคู่

            พลั่ก!

            “อูย...” อนินทิตาคลำศีรษะป้อยๆ แล้วหันไปทำตาดุใส่ตัวต้นเหตุ “คุณเข้ามาได้ยังไง”

            “แค่ปลดกลอนประตูเข้ามาน่ะไม่ใช่เรื่องยากหรอก” รามบอกเสียงเรียบ แต่ไม่ยอมขยับไปไหน ยังคงโน้มตัวอยู่เหนือเธอดังเดิม

            “เข้ามาทำไม”

            “เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง” เขายังทู่ซี้ สองแขนเท้าลงบนเตียงในลักษณะคร่อมร่างเธอไว้ กันไม่ให้เธอหันหน้าหนี

            อนินทิตาจ้องผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาดุๆ กลบเกลื่อนอาการใจเต้นไม่เป็นจังหวะของตัวเอง นึกโทษเขาที่เป็นต้นเหตุ คนเพิ่งตั้งสติได้แท้ๆ แต่กลับตามมาทำให้เธอขวัญกระเจิงอีกจนได้

            “ผมคิดว่าคุณคิดมากเรื่องจูบนั้นจนคิดฆ่าตัวตายเสียอีก”

            “ตลกละ” อนินทิตาหลุดหัวเราะออกมาจนได้ “ใครจะคิดสั้นเพราะแค่จูบกับคุณ”

            “ก็เห็นคุณนอนนิ่งเหมือนคนตาย”

            หญิงสาวค้อนขวับเมื่อได้ยินน้ำเสียงล้อเลียนของเขา “ฉันไม่ตายเพราะเรื่องแค่นี้หรอก ใครจะตายเพราะจูบกัน”

            “งั้นจูบต่อได้ใช่ไหม” รามถามยิ้มๆ ดวงตาเป็นประกายแพรวพราว

            “คุณจะจูบฉันไม่ได้” อนินทิตาใจหายวูบ สายตาเจ้าเล่ห์และรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของเขาทำเอาสติเธอแทบล่องลอย ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ...เธอหวั่นไหวกับผู้ชายบ้าๆ แบบนี้จริงๆ

            “ต้องได้สิถ้าผมอยากจูบ” พูดจบเขาก็ทำท่าจะก้มลงมาหาจริงๆ จนอนินทิตาต้องยกมือปิดปากเขาไว้ แล้วดันออกไปสุดแรง

            “พอแล้ว!” เจ้าของเสียงหวานร้องห้าม

            “น่านะอนิน นิดเดียวเอง”

            “ฉันไม่ตลกด้วยนะ”

            “แต่หน้าคุณตลกมากนะรู้ไหม”

            “ไม่รู้ ไม่อยากรู้ด้วย” เธอผลักเขาสุดแรงจนรามผงะ เกือบพลัดตกเตียง ดีที่ตั้งหลักได้ทัน

            “คุณแรงเยอะมาก”

            “ฉันแบกผู้ชายตัวใหญ่กว่าคุณไหวก็แล้วกัน” สาวเจ้าของบ้านลุกพรวด แล้วเดินหนีสมรภูมิอันตรายให้ไวที่สุด เธอเดินลงชั้นล่าง แต่รามก็ตามไปติดๆ

            หนุ่มมาดเข้มตามมารั้งแขนไว้ได้ทัน แล้วลากเธอเข้ามาในห้องเพลย์รูมกลางบ้าน กดร่างเล็กให้นั่งลงบนเดย์เบดตัวดิเมที่กลายเป็นที่นอนของเธอตลอดหลายวันที่อยู่ด้วยกัน

            “ปล่อย”

            “อนิน เราต้องคุยกัน คุณจะหนีแบบนี้ไม่ได้”

            “ฉันไม่ได้หนี” เธอถอนใจเล็กน้อย แต่ก็ยอมมองหน้าเขาแต่โดยดี แล้วพรั่งพรูสิ่งที่อยู่ในใจออกมาอย่างสิ้นสุดความอดทน “ฉันไม่ได้หนี ฉันไม่ใช่คนหนีปัญหา แต่ฉันแค่อยากตั้งหลัก จนป่านนี้คุณยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าเพราะอะไร...เพราะฉันไม่รู้จักคุณเลย!”

            “ผมก็...”

            “อย่าตอบเชียวนะว่าชื่อราม นามสกุลรามิเรซ” อนินทิตาชี้หน้าดักคอ ดวงตากลมโตวาววับเอาเรื่อง

            แทนที่รามจะสำนักสักนิดหรือก็ไม่ สายตาของเธอไม่ระคายความหนาของใบหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย นอกจากไม่กลัว ไม่รู้สึก ไม่สำนึก แล้วยังหัวเราะอีกด้วย

            “อะไร” กลายเป็นอนินทิตาเสียเองที่เริ่มงงกับคนประหลาดอย่างเขา

            “คุณระแวงไม่ยอมจูบผมดีๆ เพราะเรื่องแค่นี้เองหรือ”

            “คุณบ้าหรือปัญญาอ่อนกันแน่ราม” ถามพลางเท้าสะเอว ใบหน้าหวานเชิดขึ้นเล็กน้อย เธอมองเขาด้วยสายตาคาดคั้นอย่างที่เคยได้ผลกับหลายๆ คน แต่ไม่เคยได้ผลกับรามเลยสักครั้ง แล้วพูดต่อ “เรื่องจูบนั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญกว่าคือฉันไม่รู้จักตัวตนของคุณด้วยซ้ำ คุณเห็นเจฟฟ์ใช่ไหม ผู้ชายสวมแว่นที่มาทักฉันหน้าซูเปอร์มาร์เกตน่ะ”

            รามพยักหน้าแทนคำตอบ

            “เจฟฟ์ทำงานเก่งมาก เขายังช่วยฉันไม่ได้เลยว่าคุณเป็นใคร คุณจะให้ฉันไว้ใจคุณหรือ แค่ให้อยู่ร่วมบ้านมาเป็นสัปดาห์นี่ก็บ้ามากพอแล้ว”

            “บางทีเราสองคนอาจจะเป็นคนบ้าด้วยกันทั้งคู่” หนุ่มร่างสูงก้าวเข้าหา แต่สาวเจ้าก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวเช่นกัน

            “ตอนนี้ฉันหายแล้ว คุณออกจากบ้านฉันไปได้แล้ว” อนินทิตาหันหลังทันที แต่รามคว้าแขนเธอไว้อีกครั้ง

            “ทำไมไม่คิดบ้างล่ะว่าที่คุณยืนยันตัวผมไม่ได้...บางทีอาจเป็นเหตุผลเดียวกับคุณก็ได้นะ”

            อนินทิตาชะงักแล้วหันกลับมาหารามทันที “หมายความว่ายังไง ฉันเป็นแค่นักจิตวิทยา”

            “ถ้าอย่างนั้นผมก็เป็นแค่ ‘คนตกงาน’ เหมือนกัน” เขาเน้นคำว่า ‘คนตกงาน’ เสียงเข้ม รามยิ้มเล็กน้อย ทว่าดวงตาไม่ยิ้มไปด้วย ทั้งยังทอประกายมุ่งมั่นจริงจังอย่างที่ไม่เคยพบเห็นจากคนอย่างรามแน่นอน

            นักจิตวิทยาอาชญากรสาวเข้าใจความนัยที่เขาต้องการสื่อออกมาทันที เธอนึกไปถึงวันแรกๆ ที่อยู่ด้วยกัน เขาทำเป็นไม่สนใจ แต่พูดถึง เชสก์ อะลอนโซ และคดีเดอะดาร์กแฟนทอมด้วยน้ำเสียงกึ่งเยาะ สายตาแพรวพราว เธอว่าแล้วว่าเขาเป็นคนแปลกๆ รู้ทันเธอทุกอย่าง ที่แท้...

            “ทีนี้ไว้ใจผมได้หรือยัง” หนุ่มมาดเข้มก้าวเข้ามาหา สองมือหนากร้านประคองใบหน้านวลไว้แล้วบังคับให้เธอสบตาเขา

            “คุณมาที่นี่ทำไม แล้วพวกที่ตามคุณ...”

            “ผมยังไม่แน่ใจว่าพวกไหน” รามตอบเสียก่อนที่เธอจะพูดจบ “ผมมาทำงานของผม”

            “แล้วทำไมไม่ไปไหนสักที”

            “ยังรอคำสั่งน่ะ” เขาตอบยิ้มๆ ตาจับจ้องไปยังริมฝีปากเล็กที่กำลังเม้มแน่น

            เห็นสายตาสื่อความนัยของเขา หัวใจของเธอก็เต้นไม่เป็นจังหวะทันที...ให้ตายเถอะ เขาปล่อยฟีโรโมนเพศผู้ออกมาเล่นงานเธออีกแล้วเรอะ!

            “เดี๋ยว!” เสียงหวานห้ามทันก่อนที่เขาจะหาเรื่องจูบเธออีก

            “ฉันยังไม่เชื่อ”

            “จะดูบัตรพนักงานไหม”

            “ของปลอมพวกนั้นใครๆ ก็ทำขึ้นมาได้” แค่จ้างแก๊งอาชญากรข้างถนนก็ทำได้ในราคาไม่เท่าไรด้วยซ้ำ เธอจะเชื่อเขาได้อย่างไร

            รามยิ้มมุมปาก ส่งผลให้ใบหน้าคมเข้มยิ่งดูเจ้าเล่ห์คบไม่ได้ เขาดึงสาวร่างเล็กเข้ามาแนบชิด แล้วก้มลงกระซิบชิดริมหูทั้งที่ก็อยู่ในบ้านกันแค่สองคน “ช่วงนี้มีเรื่องแปลกๆ กับภาคีในคุกใช่ไหมล่ะ เรื่องแปลกๆ ที่ยกตัวอย่างเช่น...ลอบฆ่า”

            “คุณ!” อนินทิตาใจหายวูบ เรื่องที่สตีเวนและพรรคพวกถูกลอบทำร้ายเป็นเรื่องที่ทีมเจ้าหน้าที่สืบสวนกลางของแม็กซ์เท่านั้นที่รู้ หรือว่าราม...

            “เอาเถอะ” รามถอยหลังไปหนึ่งก้าวพร้อมกับยิ้มแบบผู้ชนะ “คุณทำงานของคุณไป ผมก็ทำงานของผม เราจะไม่ก้าวก่ายกัน”

            “คุณไม่ควรอยู่ที่นี่”

            “ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อเราทำงาน ‘เหมือนกัน’ ไม่ใช่หรือ”

            “ฉันไม่คิดยุ่งกับเพื่อนร่วมงาน” สาวเจ้าของบ้านส่ายหน้า เธอเดินหนีรามทันที แล้วเอาแต่เดินวนไปวนมาด้วยความว้าวุ่น นึกไปถึงภาพลักษณ์ที่สั่งสมมาตลอดการทำงาน เธอไม่เคยสนใจเพื่อนร่วมงานสักคน ตั้งปณิธานไว้แล้วว่าจะไม่ขอยุ่งกับพวกทำงานเสี่ยงตายกับอาชญากรเด็ดขาด ต่อให้หล่อล่ำปานพระเอกหนังแอกชันแถวหน้าของฮอลลีวูดอย่างแม็กซ์เธอยังไม่สน

            แต่มาตกหลุมคนประหลาดอย่างรามเนี่ยนะ...ตอนนี้เธอไม่แน่ใจแล้วว่าระหว่างเขากับเธอ ใครบ้ากว่ากัน

            นักจิตวิทยาอาชญากรสาวยกมือขึ้นกัดเล็บอย่างลืมตัวว่ารามอยู่ในห้อง เฝ้าครุ่นคิดทบทวนตัวเอง แน่ละ...เธอหวั่นไหว แต่จะห้ามใจตัวเองได้ยังไง ในเมื่อนับวันปฏิกิริยาเคมีระหว่างเขากับเธอชักจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียแล้ว

            “แค่จูบกับผมต้องคิดมากขนาดนั้นเลยหรือ” รามถามยิ้มๆ ทว่าสายตาเป็นประกายพราวระยับบ่งบอกถึงความถูกใจอย่างถึงที่สุด

            “ก็...”

            “ที่คุณไม่เคยเดตกับเพื่อนร่วมงาน เพราะอุดมการณ์หรือเพราะไม่เจอคนที่ทำให้คุณใจเต้นได้เท่าผมล่ะ” คนหลงตัวเองถามเสียงโอ่ ทั้งยังยิ้มมั่นใจในหน้าตาของตัวเองมาก ทั้งที่ไม่ได้ครึ่งหนึ่งของแม็กซ์ด้วยซ้ำ ถ้าเปรียบแม็กซ์เป็นพระเอกหนังแอกชันฮอลลีวูด รามนี่ยังไม่ได้เป็นเงาของเขาด้วยซ้ำ!

            ต่อให้เขาจะพูดจี้ใจดำอย่างไรก็เถอะ แต่มีหรือที่อนินทิตาจะยอมรับง่ายๆ เธอแสร้งมองเขาด้วยสายตาแกมสมเพชเล็กน้อย แล้วถามกวนๆ “ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน”

            “ผมมั่นใจว่า ‘เด็ด’ กว่าหมอนั่นเยอะ อยากลองตรวจสอบสินค้าก่อนไหมล่ะ” คนเจ้าเล่ห์ถามยิ้มๆ ไล่ต้อนเหยื่อสาวไปจนชิดเดย์เบดที่อยู่ด้านหลัง

            สารพัดลูกล่อลูกชนของเขาทำเอาอนินทิตาเปลี่ยนอารมณ์ไม่ทัน เธอยืนนิ่ง ไม่ก้าวหนีท่าทีคุกคามของเขา เพราะถ้ายังถอยไปคงล้มลงบนเดย์เบด เข้าทางเขาอีกเช่นกัน เธอเงยหน้าขึ้นตั้งใจจะสวนกลับแรงๆ ให้เขาหมดความมั่นใจไปเสียเลย ทว่าเมื่อเจอกับตาเป็นประกายแพรวพราว ไหนจะรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขา ทำเอาสาวคนเก่งถึงกับไปไม่เป็น

            เธอเลียริมฝีปากอย่างลืมตัว และนั่นก็เปรียบดังตัวเร่งปฏิกิริยาเคมีระหว่างเขากับเธอ ดวงตาคมหวานของชายหนุ่มนิ่งขึงไปทันที รามก้าวเข้าไปหาแล้วแนบริมฝีปากลงไปอย่างรวดเร็ว และคงจะยาวนานกว่านี้ถ้าไม่ได้ยินเสียงสัญญาณที่ประตู

            “ราม...มีคนมา” เธอเตือนเขาอย่างยากลำบาก เพราะรามไม่ยอมปล่อยเธอเสียที พูดไม่เป็นคำอยู่นานกว่าจะฟังกันรู้เรื่อง แต่เขาก็เหมือนจิตหลุดไปแล้วเรียบร้อย จนอนินทิตาต้องเอ่ยกระตุ้น

            “อาจจะเป็นเมก็ได้นะ” คราวนี้ไม่ใช่ขู่เล่นๆ เพราะเสียงสัญญาณดังระรัวแบบไม่เกรงใจคนข้างบ้านแบบนี้ก็มีแค่เมลิสสาคนเดียวที่ทำ

            ชายหนุ่มจำต้องปล่อยหญิงสาวในอ้อมกอดแล้วจ้องมองริมฝีปากเล็กบางแต่หวานหอมชวนติดใจอย่างแสนเสียดาย แต่เอาเถอะ...เขายังมีเวลาอีกมาก

            “คราวหน้าผมจะทำมากกว่าจูบ และจะไม่มีใครขัดเราได้อีก” รามกระซิบ ฉวยโอกาสหอมแก้มนุ่มแรงๆ ก่อนจะยอมปล่อยเธอในที่สุด

            อนินทิตาเดินหนีไปตั้งหลักแล้วรีบไปเปิดประตูทันทีที่ตั้งสติได้ คิดว่าเป็นเมลิสสาเต็มที่ แต่ที่ไหนได้ ผู้มาเยือนกลับเป็น...

            “เจฟฟ์!” นักจิตวิทยาอาชญากรสาวทำตาโต ไม่คิดว่าหนุ่มรุ่นน้องจะตามมาถึงบ้าน “มาได้ไง”

            “ที่คุณขอให้ผมหาเบาะแสของนายรามนั่นไง พอดีว่าผมได้เบาะแสเพิ่มเติมน่ะสิ” หนุ่มแว่นมีท่าทีกระตือรือร้น ฉวยโอกาสตอนอนินทิตากำลังตะลึงจนตาค้างเดินเข้าบ้านเธอทันที “ผมได้เบาะแสของนายนั่นแล้วนะ”

            เจฟฟ์ยังพล่ามต่อไปไม่หยุด ทั้งยังบอกให้อนินทิตาปิดบ้านแล้วรีบมาดูข้อมูลที่เขาหาได้ แต่แล้วหนุ่มแว่นก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรามเดินออกมาจากห้องครัวแล้วจ้องอนินทิตาด้วยสีหน้าถมึงทึง

            “เมื่อกี้คุณว่าอนินให้คุณหาเบาะแสใครนะ...ผมหรือ!”

            อนินทิตาถึงกับตาค้าง มองรามที่เดินออกมายืนเท้าสะเอวตรงหน้า ท่าทางเขาโกรธจัดเหมือนคนเพิ่งรู้ความจริง ทั้งที่เขาก็รู้ตัวว่าถูกเธอจับผิดมาตลอด

            ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหน แต่ที่แน่ๆ...เล่นใหญ่มาก!

            เธอย่นจมูกอย่างหมั่นไส้บทบาทของเขา ที่แม้แต่เจ้าของรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยังต้องยอมแพ้ แต่พอหันไปทางเจฟฟ์ก็เห็นหนุ่มรุ่นน้องกำลังตกใจจนอ้าปากค้าง

            “ว่าไงอนิน คุณให้เขาหาประวัติผมหรือ” รามถามอนินก็จริง แต่ตาคมดุกลับจ้องไปที่เจฟฟ์เสียจนหนุ่มแว่นตัวสั่น

            อนินทิตามองแล้วก็เริ่มรู้สึกสงสารหนุ่มรุ่นน้องขึ้นมาจับใจ เจฟฟ์คงไม่เคยเจอแบบราม แต่เธอน่ะชินแล้ว จึงได้แต่ถอนหายใจแล้วหันไปส่งสายตาปรามราม

            “เขาเป็นอะไรกับคุณกันแน่ ทำไมมาอยู่บ้านคุณได้ล่ะอนิน” เจฟฟ์ทำใจกล้า ขยับเข้ามาใกล้อนินทิตาแล้วกระซิบถาม ไม่สนใจท่าทางเหมือนพร้อมจะเป็นฆาตกรของรามเลย

            “ผมเป็นแฟนอนิน” รามตอบหน้าตาย แต่เจฟฟ์ช็อกไปแล้ว

            “คุณให้ผมหาประวัติแฟนตัวเองเนี่ยนะ” หนุ่มแว่นหันมองสาวรุ่นพี่ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

            “ฉัน...”

            “คุณโกรธอะไรผมก็พูดมาตรงๆ สิ ไม่ต้องให้ใครมาสืบประวัติผมหรอก” ตอนพูดประโยคสุดท้ายรามหันไปมองเจฟฟ์ด้วยสายตาสื่อความนัยได้ว่า ‘นายมันส่วนเกิน’

            คนขี้กลัวได้แต่ลอบกลืนน้ำลายหวาดๆ มองหนุ่มสาวสลับกันไปมา ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าผู้หญิงบ้าอำนาจเอาแต่ใจอย่างอนินทิตาจะจนมุมได้ง่ายๆ นี่ใช่คนเดียวกับที่เคยใช้งานเขาเยี่ยงทาสโดยไม่สนใจเรื่องความถูกต้องของข้อกำหนดกฎหมายใดๆ จริงหรือ แค่เรื่องทะเลาะกับแฟนแค่นี้น่ะหรือ

            จะประหลาดเกินไปแล้ว...

            เจฟฟ์ทำหน้าเหมือนกินยาขม มองหนุ่มสาวที่ยังจ้องกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วค่อยๆ ถอยไปทีละก้าว ขยับหนีคู่รักพิลึกพิลั่นคู่นี้ไปเล่นกับแมวที่มุมห้อง ปล่อยให้พวกเขาเคลียร์กันเองน่าจะดีกว่า

 

            “คุณเล่นอะไรของคุณ” อนินทิตาเท้าสะเอวเปิดฉากถามทันทีหลังจากที่เจฟฟ์เดินเลี่ยงออกไปแล้ว

            รามเหลือบมองหนุ่มแว่นท่าทางขี้ระแวงคนนั้นด้วยสายตาดุๆ และเจฟฟ์สะดุ้งทันทีก่อนจะก้มลงไปเล่นกับแพนดอร่า ทำเป็นไม่สนใจทั้งสอง รามจึงหันกลับมายิ้มกับอนินทิตา

            “คุณต้องช่วยปิดความลับผมไปก่อน ไหนๆ คุณก็บอกพี่สาวคุณว่าเราคบกันแล้วนี่ ก็ให้สมจริงไปเลยสิ”

            “ไม่เห็นเข้าท่าเลยสักอย่าง” เจ้าของเสียงหวานบ่น แล้วเบนสายตาไปทางอื่นหลบสายตาพราวระยับของราม

            “งั้นทำให้เป็นจริงไหม” อยู่ๆ เขาก็ยื่นหน้าเข้ามาหาจนปลายจมูกชนกัน แต่เธอก็ผงะหนีไปตามสัญชาตญาณได้ทันท่วงที

            “ตลกละ” เธอย่นจมูกแล้วทำตาขวางใส่ กลบเกลื่อนหัวใจที่กำลังเต้นไม่เป็นจังหวะของตัวเอง “ถามจริงนะ คุณไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยหรือตอนที่ฉันชูนิ้วกลางใส่คุณ” อนินทิตาตั้งข้อสังเกต ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นคงเสียหน้า แค้นฝังหุ่น ไล่ตามฆ่าเธอไปนานแล้ว แต่นี่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดเลยหรือ

            “ก็...” รามยักไหล่ ไม่แยแสต่อสิ่งใดทั้งสิ้น แล้วตอบหน้าตาย “โดนบ่อยแล้ว ไม่ระคายผมหรอก ออกจะประทับใจด้วยซ้ำ ปกติมีแต่ผู้หญิงยกนิ้วโป้งให้เพราะผมเนี่ย ‘เด็ด’ มากเลยนะ”

            อนินทิตามองแล้วย่นจมูกอย่างหมั่นไส้คนหลงตัวเอง

            “คุณคนแรกที่ยกนิ้วกลางให้ผมแทน ผมเลยประทับใจจนลืมไม่ลง”

            “บ้า” เจอเหตุผลประหลาดแกมหลงตัวเองอย่างนี้เข้าไป อนินทิตาก็ได้แต่ถอนหายใจ เธอจะเดินไปหาเจฟฟ์ แต่รามรั้งไว้เสียก่อน

            “ตกลงตามนี้ เลิกให้หมอนั่นขุดประวัติผมได้แล้ว”

            “รู้แล้วน่ะ” เธอบอกตัดรำคาญ สองมือยกขึ้นดันหลังรามแรงๆ ให้เขาเข้าไปทำมื้อเย็นได้แล้ว เพราะตอนนี้เธอหิวไส้จะขาด

 

            อนินทิตาเดินกลับมาหาเจฟฟ์ที่เอาแต่นั่งเล่นกับแพนดอร่าไปพลาง เหลือบตามองเธอกับรามไปพลาง หนุ่มรุ่นน้องมีสายตาระแวงสงสัย ทำปากพะงาบๆ อยู่หลายครั้งคล้ายจะถามไม่ถามอยู่นาน จนอนินทิตาทนไม่ไหว

            “พูดมาเลยเจฟฟ์ อยากถามอะไรก็ถาม ทำปากพะงาบๆ อยู่ได้” นักจิตวิทยาอาชญากรสาวคนเก่งถามอย่างสิ้นสุดความอดทน แล้วจองหน้าชายหนุ่มตรงๆ

            “ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณจะคบกับคนท่าทางแบบนี้”

            “ทำไมหรือ”

            “ให้ตายเถอะอนิน” เจฟฟ์ทำหน้าเสียดาย มองอนินทิตาด้วยสายตาปลงสังเวช “คุณไม่รู้ตัวเลยหรือว่าคุณสวยแค่ไหน ไอ้พวกแผนกผมอยากเดตกับคุณใจจะขาด แต่ไม่มีใครกล้า แต่...” หนุ่มแว่นทำท่าสยดสยองเมื่อนึกถึงราม

            ท่าทางตลกๆ ของเขาทำเอาอนินทิตากลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เธอระเบิดเสียงออกมาดังมากเสียจนแพนดอร่าร้องลั่นแล้ววิ่งหนีเจฟฟ์ไปเล่นกับปิกัสโซ่แทน

            “เขาก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่”...แต่แย่มาก เธอต่อในใจ แต่ไม่บอกเจฟฟ์

            “ทำอาหารได้ด้วยหรือ” กลิ่นหอมที่ลอยออกมาจากในครัวทำเอาหนุ่มแว่นลืมเรื่องความประหลาดของรามไปในทันที “งั้นก็เหมาะกับคุณแล้วละอนิน มีเขาไว้อย่างน้อยก็มีอะไรกินไปตลอดทั้งชาติ”

            “นี่คิดแค่เรื่องของกินใช่ไหม”

            “ประมาณนั้น” เจฟฟ์ถอดแว่นตาออกมาเช็ดแล้วสวมกลับเข้าไปอย่างเก่า ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคิดอะไรได้

            “อะไร!”

            “ลืมไปเลยว่าเอาเอกสารประวัติแฟนคุณมาให้น่ะสิ แต่...ไม่ต้องการแล้วมั้ง”

            “เอามาเถอะ”

            “คุณสองคนคบกันไม่ใช่หรือ”

            “เอาไว้เล่นงานเขาเวลาเขาจะนอกใจฉันไง” อนินทิตาตอบหน้าตาเฉย ไหนๆ รามก็โกหกไปเสียขนาดนี้แล้ว เธอจะฉกฉวยโอกาสใช้เรื่องลวงโลกนี้หาหลักฐานเก็บไว้เป็นหลักประกันบ้างก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่

            “ที่สุดแห่งความรอบคอบ” เจฟฟ์ดีดนิ้ว มองอนินทิตาด้วยสายตาชื่นชมอยู่พักใหญ่ ก่อนจะนึกได้แล้วรีบเดินไปหยิบเอกสารที่พรินต์ไว้มาส่งให้อนินทิตา

            “ปึกหนาขนาดนี้เชียว!” หนาพอกับแฟ้มรายงานแบบประเมินคนไข้ในหนึ่งสัปดาห์ของเธอทีเดียว

            “ก็บอกแล้วว่าเขาไม่ธรรมดา”

            “ในทางที่ดีใช่ไหม”

            “แหม...” เจฟฟ์เกาคาง ทำหน้าปั้นยาก “บอกไม่ถูกแฮะ คือที่ผมเจอมาเนี่ยมันเป็นแฟ้มลับที่ส่วนมากเป็นงานลับ ผลมันก็ต้องออกมาดีสิ ใครจะเขียนรายงานว่าตัวเองทำงานแย่หรือออกนอกลู่นอกทางกันล่ะ...ใช่ไหม”

            “ก็จริง”

            “แต่ผมว่าเขาแปลกๆ” คนพูดมองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวัง

            อนินทิตาพยักหน้าเห็นด้วย นึกไปถึงดวงตาคู่สีดำล้ำลึกของรามที่มักทอประกายแพรวพราวเป็นนิตย์ เหมือนจะไม่มีอะไร แต่...เธอรู้สึกแปลกๆ บอกไม่ได้เลยว่าสิ่งที่รามแสดงออกมานั้นคือเรื่องจริงหรือหลอกกันแน่

            “ผมคิดว่ารสนิยมผู้ชายของคุณจะดีกว่านี้เสียอีก”

            “เขาแย่ตรงไหน”

            “ทุกอย่าง” เมื่อเธอถามตรงๆ เจฟฟ์ก็ตอบตรงๆ เช่นกัน

            อนินทิตาตีบทแตกด้วยการชักสีหน้าขึงตาใส่เจฟฟ์ ทั้งที่ในใจก็เห็นด้วย ความจริงแล้วเธอมีรสนิยมที่ดีกว่านี้ ไม่ว่าจะบรรดาคู่เดตนัดบอดนัดดูตัวจากบริษัทหาคู่ที่เมลิสสาเจ้ากี้เจ้าการหาให้ หรือแม้แต่เพื่อนๆ ของแดเนียลเองก็เถอะ ที่ผ่านมาล้วนหน้าตาดี หน้าที่การงานดี แต่ที่เธอไม่เลือกเลยสักคนก็เพราะความเพอร์เฟกต์ของแต่ละคนทำให้คนเหล่านั้นหลงตัวเองขั้นสุด บางคนทำเอาเธอคิดว่าเป็นนาร์ซิสซัสกลับชาติมาเกิด บางคนก็มากด้วยไอคิว แต่อีคิวติดลบ บางคนก็อยู่ในอาการหลงผิดขั้นสุดจนเธออยากจับมาทำแบบทดสอบเสียจริงว่าเข้าข่ายอาการทางจิตเวชหรือไม่

            แล้วดูรามสิ...หนักยิ่งกว่าคนพวกนั้นมัดรวมกันเป็นสิบเท่า!

            คิดแล้วอนินทิตาก็ได้แต่ลอบถอนหายใจ แล้วยอมรับกับตัวเองว่าลึกๆ แล้วรามมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้เธอตัดใจไล่ไปไหนไม่ได้สักที

            “แต่ก็แล้วแต่คุณนะอนิน แต่อย่าลืมอ่านข้อมูลที่ผมเอามาให้ล่ะ แล้วก็ตัดสินใจเอาว่าจะยังคบกับเขาต่อไปอีกไหม” หนุ่มรุ่นน้องบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าทุกครั้ง แม้ว่ามือจะยังเล่นกับแพนดอร่าก็จริง แต่ตากลับลอบมองไปยังประตูห้องครัวเป็นระยะๆ

            “ไหนทีแรกว่าโชคดีของฉันไงที่คบกับเขา”

            “ก็ตอนนั้นเขายืนอยู่ต่อหน้านี่ จะให้พูดอย่างอื่นได้หรือ” เจฟฟ์ตอบเบาๆ แล้วมองไปยังห้องครัวอีกครั้งด้วยสายตาหวาดระแวง

            “ฉลาดเหมือนกันนี่” นักจิตวิทยาอาชญากรสาวแขวะเข้าให้

            “แน่ละ ผมไม่หาเรื่องใส่ตัวหรอก” บอกพลางเก็บของใส่กระเป๋าแล้วลุกขึ้นทันที

            “จะกลับแล้วหรือ”

            “ช่าย” หนุ่มแว่นพยักหน้า “ผมยังไม่ได้กินมื้อเย็นเลย กลับไปก็รีบทำงานให้คุณ พอได้เรื่องก็แล่นมาหาถึงนี่นี่แหละ”

            “กินด้วยกันก่อนไหม”

            “ไม่!” ตอบโดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ ต่อให้หิวแค่ไหนก็เถอะ เขายอมขับรถออกไปสามสี่ถนนก็เจอร้านฟาสต์ฟูดส์ง่ายๆ ดีกว่ากินฝีมือผู้ชายแปลกคนนั้น

            “ตามใจ” อนินทิตาลุกขึ้นไปส่งเจฟฟ์ที่หน้าประตู โดยมีแพนดอร่าวิ่งตามไปติดๆ จนเธอต้องไล่ต้อนแมวเด็กแสบให้เข้าบ้านก่อนที่มันจะหายไป ถ้าเป็นอย่างนั้นละก็...เธอถูกเมลิสสาฆ่าแน่

 

            เสียงประตูบ้านเปิดและปิดหลายต่อหลายครั้ง ทำให้คนที่กำลังขะมักเขม้นกับการเตรียมมื้อค่ำชะงักเล็กน้อย แรกทีเดียวรามคิดว่าผู้ชายสวมแว่นท่าทางขลาดๆ คนนั้นจะอยู่กินมื้อเย็นด้วยกัน จึงเตรียมเผื่อไว้ด้วย ซึ่งมื้อค่ำเร่งด่วนก็ไม่มีอะไรไปมากกว่าพาสตากับสลัดผักของโปรดของอนินทิตา เนื้ออบ และสตู ทำให้กินกันตายไปก่อน เหลือก็ไว้กินต่อตอนเช้าได้

            รามนึกไปถึงตอนที่เจฟฟ์เห็นหน้าเขา สายตาเต็มไปด้วยความตระหนกของหนุ่มแว่นทำให้รามรู้ได้ทันทีว่าเจฟฟ์ไม่ใช่แค่พนักงานไอทีธรรมดาแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ประวัติการทำงานของเขา และถ้าเจฟฟ์รู้ อนินทิตาก็จะรู้และลดความระแวงไปได้ส่วนหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดที่จะกำจัดหลักฐานพวกนั้นทิ้ง แต่มันจะยิ่งทำให้เขา ‘เข้าถึง’ สิ่งที่ต้องการมากขึ้นไปอีก

            อดีตนักวิเคราะห์ข้อมูลหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ กำลังจะเดินออกไปตามอนินทิตา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีสัญญาณโทร. เข้าจาก ‘ใครบางคน’

            “ครับ” เขารับคำด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ ไร้ความกระตือรือร้นใดๆ

            “งานถึงไหนแล้ว”

            “ใกล้เป้าหมายแล้วครับ และยืนยันว่า ‘ข่าวจริง’”

            “ถ้าอย่างนั้นก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว”

            “ครับ ผมรู้”

            “ผมจะรอรายงานจากคุณ”

            “ครับ” เขากดตัดสายได้ทันก่อนอนินทิตาจะเดินเข้ามาในครัวเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น และเธอก็มองเขาด้วยสายตาจับผิดทันที

            “คุยกับใคร” สาวสวยยกมือกอดอกแล้วมองเขาด้วยสายตาพิจารณา

            รามยิ้มเจ้าเล่ห์ ถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเดินไปหาหญิงสาวที่ยืนพิงกรอบประตู ไล่ต้อนเธอไปเรื่อยๆ จนกระทั่งอดใจไม่ไหว ใช้วงแขนกว้างกระหวัดร่างเล็กไว้แล้วดึงเข้ามาประชิดตัว

            “มีอะไรแลกคำตอบไหม” เขาถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า แล้วก็ได้ผลทันที

            อนินทิตาตัวแข็งทื่อเป็นหุ่น แต่เพราะแนบชิดกันมาก เขาจึงรับรู้ถึงอาการหัวใจเต้นแรงของสาวในอ้อมแขน ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อ สองแก้มแดงปลั่งเช่นเดียวกับแววตาไหววูบของเธอ

            “ฉันไม่อยากรู้ก็ได้” สาวคนเก่งเชิดหน้าตอบ

            รามมองสาวในอ้อมกอดที่ทำเป็นโกรธกลบเกลื่อนแล้วก็มันเขี้ยว โดยเฉพาะริมฝีปากบางที่เชิดขึ้นเหมือนจะท้าทายเขาอย่างนั้น และให้ตาย...เขาอยากจูบเธอเหลือเกิน จูบที่มาจากความต้องการจริงๆ ไม่ใช่ ‘เล่ห์กล’ เพื่อให้เธอไว้ใจและเข้าถึง ‘บางสิ่ง’ ตามแผนการ

            “ปล่อยได้แล้ว” เธอทำเสียงดุแล้วผลักเขาแรงๆ เขาจึงยอมปล่อยเธอทั้งที่เสียดายสุดแสน

            “ผมคุยกับเจ้านายผมน่ะ ไม่ใช่สาวที่ไหนหรอก”

            “ฉันก็ไม่คิดว่าคุณจะคุยกับสาวที่ไหนเสียหน่อย”

            “คิดว่าผมประหลาดจนไม่มีใครสนใจเลยหรือไง” หนุ่มมาดเข้มยิ้มยั่วเย้า ยิ่งเห็นสองแก้มเธอแดงจัดก็ยิ่งได้ใจ “ขนาดคุณยังหลงผมเลยนะอนิน”

            “ยี้!” สาวเจ้าของบ้านถอยห่างทันที “ใครบอกว่าฉันหลงคุณ”

            “แล้วใครที่ถึงกับต้องทำสมาธิเพราะแค่จูบกับผมล่ะ” รามยิ้มอย่างผู้ชนะ

            ทั้งรอยยิ้มและตาเป็นประกายของเขาทำเอาอนินทิตาหน้าร้อนวาบ ไหนจะคำพูดจี้ใจดำของเธอนี่ก็อีก สุดท้ายอนินทิตาก็ต้องยกมือยอมแพ้

            “จ้ะ...โอเค ฉันแพ้ ตอนนี้รีบกินเถอะ ฉันหิวจะตายแล้ว ค่อยมาเถียงกันทีหลังว่าใครกันแน่ที่หลงใคร” พูดจบสาวคนเก่งก็เชิดหน้า สะบัดผมใส่แล้วเดินผ่านหน้ารามไปทันทีอย่างไม่สนใจเลยสักนิดว่าเขาจะตามมาหรือไม่

            รามหัวเราะลงคอ มองตามสาวแสบแล้วคาดโทษไว้ในใจ...นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น ของจริงเธอจะเจอมากกว่านี้อีกร้อยเท่าทีเดียว!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น