ในที่สุดก็ถึงสวนสาธารณะ ศศรัณย์รู้สึกว่าหนทางมันยาวไกลมาก ไกลกว่าเดิมประมาณห้าเท่า ไม่ใช่เพราะนะโมตัวหนัก แต่เพราะเขากวนประสาทเธอตลอดทางต่างหาก
นะโมบอกให้เธอแวะร้านขนม เขาซื้อขนมกับเครื่องดื่มใส่จนเต็มตะกร้า พอศศรัณย์ร้องปรามว่ามันเยอะเกินไป เขาก็แค่ยิ้มจนตาหยีแล้วบอก
“ปิกนิกกัน”
นะโมพาศศรัณย์ไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นเดิม ลงมือวาดรูประบายสีกันเงียบๆ ศศรัณย์ติดใจสีน้ำของเขาเลยขอละเลงเล่นด้วย นะโมก็ใจดีแบ่งให้ สอนศศรัณย์ผสมสีด้วย วันนี้ก็วาดรูปด้วยกันอีกแล้ว นะโมย้ายมานั่งข้างศศรัณย์ วางกระดาษขาวไว้ตรงหน้า หยิบพู่กันอีกอันออกมาแล้วค่อยๆ ช่วยกันละเลงสีลงกระดาษแผ่นนั้น วาดเล่นกันไปสักพักก็หยุด วางกระดาษทิ้งไว้รอให้สีแห้ง ระหว่างนั้นก็แกะขนมกิน
“ไปสนามเด็กเล่นกัน” นะโมชวน ศศรัณย์หัวเราะหึใส่เขา เด็กชะมัด
พอสีแห้งแล้ว นะโมก็เก็บภาพใส่กระเป๋า ของอื่นๆ ด้วย ถุงขนมโดนยัดใส่ตะกร้าหน้าของน้องอ่อนหวาน เขาขึ้นไปนั่งเบาะซ้อนท้ายแล้วเร่งศศรัณย์ให้พาเขาไปสนามเด็กเล่น
แต่สนามเด็กเล่นก็ไม่ได้แย่...
ตอนนี้เป็นเวลาบ่าย ไม่มีเด็กมาวุ่นวาย คงเพราะผู้ปกครองไม่อยากพาลูกมาสวนสาธารณะตอนแดดแรงแบบนี้ โชคยังดีที่มีต้นไม้ใหญ่เยอะ เลยได้ร่มเงา ไม่ร้อนเกินไป
นะโมลงจากน้องอ่อนหวาน พรวดพราดไปที่กระดานลื่นอันใหญ่แล้วปีนขึ้นไปอย่างไม่ลังเล เขาไถลตัวลงมา หัวเราะร่าแล้ววิ่งกลับขึ้นไปใหม่
เด็กจริงๆ ศศรัณย์หัวเราะแล้วส่ายหน้า จอดจักรยานไว้แถวนั้นแล้วก้าวตามไป
“พี่ยุ่น มาเร็ว” เขาเรียกให้เธอตามขึ้นไปกระดานลื่นอันใหญ่ แต่ศศรัณย์ส่ายหน้า
“ไม่เอา”
“เล่นคนเดียวไม่สนุก”
“ฉันไม่ได้อยากเล่นนี่ นะโมอยากมา ก็พามาแล้ว อยากเล่นก็เล่นไปคนเดียว”
“ที่อยากมาเล่นเพราะอยากให้เล่นด้วยกันต่างหาก เร็วเข้า” เขาบอก สไลด์ลงมาแล้ววิ่งเข้ามาหา ดึงแขนเธอให้ก้าวตามไปที่กระดานลื่นแล้วดันร่างเธอขึ้นไปก่อน
“เฮ้ย! บอกว่าไม่เล่น”
“โธ่ เป็นเด็กหนึ่งวัน นะ สนุกดี” เขาบอก ศศรัณย์มองเขาอย่างหนักใจ เขาพูดอีก
“แค่วันเดียว ปล่อยแก่ เร็วสิ” เขาบอกแล้วดันเธออีก ศศรัณย์ตัดสินใจ เอาวะ เธอปีนขึ้นไปบนบันไดแล้วนั่งที่ริมสไลด์ ยังไม่เตรียมพร้อมดีก็โดนนะโมผลักลงมา
“ไอ้นะโม!” ศศรัณย์ที่ลงมาถึงข้างล่างแล้วร้องแหว นะโมหัวเราะก๊าก สไลด์ลงตามมา
คราวนี้ศศรัณย์ดันเขาขึ้นไปก่อน ตั้งใจจะผลักเขาล้างแค้น นะโมก็เหมือนจะรู้แต่ไม่ได้หนี เขาปีนขึ้นไปถึงยอดก่อนเธอด้วยซ้ำ แต่ก็นั่งรอชิลๆ อยู่บนนั้น หันมามองหน่อยหนึ่งด้วย
“ผลักผมสิ” มีการบอกอีก ศศรัณย์นึกอยากจะใช้เท้าแทนมือตะหงิดๆ แต่ก็ควรทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่ดี ใช้มือผลักเขาลงไป
นะโมลื่นลงไปตามกระดาน ชูสองมือแล้วร้องวู้! ศศรัณย์หัวเราะขำแล้วลื่นตามลงไป พอถึงพื้นก็เดินไปที่ชิงช้า นะโมไม่ได้ตื๊อให้ตามขึ้นกระดานลื่นอีก เขาไถลตัวลงมาแล้วเดินไปที่ชิงช้าของศศรัณย์ จับเธอเหวี่ยง
“นะโม!” ศศรัณย์ร้องลั่นเมื่อนะโมเหวี่ยงแรงเกินไป เธอกลัวว่าจะตก จับสายโซ่ทั้งสองเอาไว้แน่น
“ไม่ตกหรอก ทำตัวสบายๆ ขึ้นไปสูงๆ แล้วสบายดีนะ” เขาว่า ศศรัณย์ยังคงกลัวว่านะโมจะแกล้งทำให้เธอตก เธอใช้เท้าทั้งสองต้านแรงเหวี่ยง แล้วชิงช้าก็หยุดในที่สุด
“น่ากลัว”
“ไม่น่ากลัว ไม่ได้สูงขนาดนั้นซะหน่อย เอาใหม่ เดี๋ยวผมเหวี่ยงให้ พี่ยุ่นนั่งดีๆ”
แต่ศศรัณย์ไม่ยอม เธอไม่ไว้ใจเขา นะโมไม่ฝืน เขาเดินไปยังชิงช้าตัวข้างๆ แล้วเหวี่ยงตัวเอง ศศรัณย์อยากแกล้งเขาเลยลุกไปช่วยเหวี่ยง นะโมไม่กลัวเลย เขายิ้มชอบใจด้วยซ้ำ ศศรัณย์เห็นเขามีความสุขดีเลยเลิกเหวี่ยง เดินหงุดหงิดกลับไปนั่งบนชิงช้าของตัวเองมองเขา
มันดูน่าสนุกมาก พอเห็นผมสั้นสีดำของนะโมพลิ้วตามแรงลมแบบนั้น เขายิ้มกว้างสดใส ดวงตาเรียวเป็นประกายนั้นหยีลง เขาโล้ตัวไปมา ยิ่งทำให้ตัวเองโดนเหวี่ยงขึ้นสูงไปอีก
“พี่ยุ่น ลองไหม” เขาถาม ศศรัณย์ชักอยากลอง มองแบบนี้ก็ไม่เห็นว่าจะเหวี่ยงสูงสักเท่าไร ตกลงมาไม่น่าจะตาย เพราะแบบนั้นเลยพยักหน้า แล้วเริ่มโล้ตัวเองบนชิงช้าบ้าง
นะโมหยุดชิงช้าของตัวเองด้วยขายาวๆ ของเขา เขาลุกมาหาศศรัณย์ พอเธอเห็นเขาเดินเข้ามาก็หยุด มองเขาอย่างหวาดระแวง
“ดูมองสิ ไม่แกล้งหรอกน่า เห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย”
“พวกชอบแกล้งไง” ศศรัณย์ว่า นะโมยิ้มแล้วส่ายหน้า
“ไม่เชื่อใจกันเลยใช่ไหม มา นั่งดีๆ” เขาว่า จับตัวเธอให้นั่งเข้าที่ ตัวเขาเดินไปยืนที่ด้านหลัง ศศรัณย์หันมองตามไปอย่างไม่ไว้ใจ
“จับแน่นๆ” นะโมบอก กุมมือเธอทั้งสองข้างให้จับลงบนโซ่ชิงช้า ศศรัณย์หน้าร้อนวาบขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นจากเขา เธอรีบหันหน้าหนี ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นเป็นจังหวะแปลกๆ
“พร้อมยัง” เขาโน้มตัวลงมาถามเบาๆ น้ำเสียงและสายตานั้นอ่อนโยนกว่าทุกที ยิ่งทำให้รู้สึกวูบไหว พอเธอพยักหน้าเขาก็เริ่มดันตัวเธอ ชิงช้าเริ่มเหวี่ยงขึ้นตามแรงที่เขาผลัก
“อย่าเกร็งสิพี่ยุ่น ผ่อนคลายๆ เกร็งขนาดนี้เดี๋ยวตะคริวกินพอดี” ศศรัณย์หัวเราะพรวดเมื่อได้ยินอย่างนั้น นะโมก็ขำด้วย เขาผลักเธอแรงขึ้นอีก ศศรัณย์โดนเหวี่ยงสูงขึ้น... สูงขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจของเธอผ่อนยาวขึ้นเมื่อได้รับลมเย็นสบาย สักพักก็แหงนหน้า หลับตาพริ้ม
ศศรัณย์เริ่มโล้ตัวเองได้แล้ว แรงเหวี่ยงเลยไม่ตก พอนะโมเห็นอย่างนั้นเลยกลับไปที่ชิงช้าของเขา เริ่มต้นเหวี่ยงตัวเองขึ้นอีกครั้ง แป๊บเดียวเขาก็ขึ้นไปสูงกว่าศศรัณย์เสียอีก
ไม่มีใครพูดอะไร ศศรัณย์รับรู้ถึงสัมผัสอ่อนโยนของสายลม ผสมกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดของชิงช้า พอชิงช้าโล้ขึ้นสูงจนสายตามองพ้นเขตกิ่งก้านเขียวๆ ของต้นไม้ เธอก็เห็นท้องฟ้าสดใส เธอสูดลมหายใจเข้าลึกและยาว สบายใจจัง ชอบความรู้สึกแบบนี้จริงๆ
ศศรัณย์หันมองนะโม และเห็นว่าเขาก็มองมา เขายิ้มมาให้ ยิ้มที่ทำให้เธอรู้สึกอุ่นๆ ในหัวใจ ดวงตาสีดำวิบวับดูสวยกว่าทุกที ช่วยไม่ได้เลยที่เธอจะยิ้มตอบกลับไป
พอโล้ชิงช้าจนหนำใจแล้วก็หยุด นะโมก็หยุดด้วย เขาเดินไปหยิบถุงขนมที่ตะกร้าหน้าของน้องอ่อนหวาน เดินไปนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ ตรงนั้นไม่มีโต๊ะ ไม่มีเก้าอี้ นะโมแค่นั่งลงบนพื้นหญ้า กวักมือเรียกเธอหยอยๆ ให้เดินตามไป ศศรัณย์เดินเข้าไปหาเขา หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ นะโมหยิบขวดน้ำออกมา ทำท่าจะเปิดฝา ศศรัณย์รีบร้องห้าม ควานหากระดาษเปียกแล้วยื่นให้เขาใช้เช็ดมือ
พอเช็ดมือเสร็จนะโมก็เปิดขวดน้ำ ยื่นมันให้ศศรัณย์ที่รับไปดื่ม จากนั้นเขาก็แกะขนมออกกิน แบ่งให้เธอกินด้วย
“ไม่หิวข้าวเหรอ” ศศรัณย์ถาม นะโมส่ายหน้า
“ยังไม่หิว พี่ยุ่นหิวเหรอ”
“ยัง” เธอว่า หยิบบิสกิตแท่งยาวเคลือบรสสตรอเบอร์รี่ขึ้นกิน
“พี่ยุ่นป้อนหน่อยสิ” นะโมเริ่มแอ๊ว เพยิดหน้าไปยังขนมในมือของศศรัณย์ เธอแค่ยื่นมันไปให้เขาทั้งกล่อง
“กินเองสิจ๊ะ ให้พี่ป้อนเดี๋ยวสำลักความสุขพอดี” เธอว่า ได้ยินเสียง ชิ จากนะโม เขามองเธอ ศศรัณย์สะดุ้งเมื่อเห็นสายตาแบบนั้น เริ่มรู้สึกว่าเขาต้องมีแผนอะไรแน่
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะพี่ยุ่น” นะโมว่า คิ้วเข้มๆ ขมวดมุ่น
“ก็ดูมองสิ ไม่น่าระแวงหรือไง”
“พี่ยุ่นนี่ไม่ไว้ใจผมเลยน้า” นะโมบอก เอนหลังพิงต้นไม้ เขาเหลือบมองด้านบนหน่อยหนึ่งแล้วละสายตา ก่อนจะเงยหน้าขวับขึ้นไปมองด้านบนอีกครั้งราวกับเพิ่งสังเกตเห็นอะไร
ศศรัณย์ที่เพิ่งคาบขนมไว้ที่ปากเงยมองบ้างเมื่อเห็นท่าทางของเขา เห็นตัวอะไรน่ากลัวหรือเปล่า แล้วอยู่ๆ เธอก็รู้สึกถึงเงาอะไรบางอย่างทาบเข้ามา ศศรัณย์ละสายตาจากกิ่งก้านของต้นไม้มามองตรงหน้า แล้วก็เห็นว่าเงานั้นคือนะโมนั่นเอง เขาเลิกสนใจกิ่งไม้ด้านบนแล้ว และตอนนี้ก็กำลังยื่นหน้าเข้ามาใกล้
แล้วเขาก็งับขนมแท่งที่เธอคาบอยู่ กัดจากตรงปลายแท่งขึ้นมา เสียงดังกรุบ กรุบ กรุบ
ศศรัณย์เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เห็นดวงตาสีดำวิบวับที่จ้องกลับมา ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้แค่นี้ เธอผลักเขาออกแรงๆ อย่างได้สติ ขนมแท่งนั้นเกือบจะกุดอยู่แล้ว เธอรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นถี่จนแทบจะถลนออกมานอกอก ใบหน้าร้อนวาบ ส่วนตัวต้นเหตุยังนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น เคี้ยวขนมมองเธอ
“อร่อยดีนะ”
“ทำบ้าอะไร!” ศศรัณย์เฉ่งแล้วตบต้นแขนเขาดังอั้ก นะโมทำหน้าเหยเกแล้วร้องโอดโอย
“เจ็บนะพี่ยุ่น! ตีผมสองรอบแล้วนะวันนี้”
“สมควรโดนไหม”
“ไม่!”
เขาเถียง ศศรัณย์ชูกำปั้นให้ นะโมทำหน้ายุ่งมองเธอ หยิบขนมบิสกิตแท่งขึ้นมาคาบไว้ ยื่นส่วนปลายให้เธอแล้วบอกเสียงอู้อี้
“อ้ะ ให้เอาคืน”
“ใครเขาอยากเอาคืนยะ! โอ๊ย นะโมนี่นะ” เธอว่าอย่างหงุดหงิด ยกน้ำขึ้นจิบ เผื่อว่าหน้าตัวเองจะร้อนน้อยลงกว่านี้ นะโมมองเธอ ส่งยิ้มยียวนกลับมาให้ ยกนิ้วขึ้นชี้เธอ
“แน่ะๆ คิดนะน่ะ” ศศรัณย์สำลักน้ำที่ดื่มอยู่ นะโมหัวเราะ
“อย่าเล่นแบบนี้อีกนะ” เธอดุ นะโมแค่ยิ้มกวนๆ
“ทำไม ผมทำคุณศศรัณย์ผู้กลัวความรักหวั่นไหวเหรอ”
ศศรัณย์หน้าแดงวาบ รีบหันหน้าหนีไปอีกทางแล้วสบถในใจ
บ้าเอ๊ย!
ความคิดเห็น |
---|