13

เรือเป็ด


ศศรัณย์ถีบเรือเป็ดคนเดียว... 

คนชอบบอกว่าแปลกที่ทำแบบนี้ แปลกตรงไหน ไม่เห็นจะแปลก คนที่ถีบเรือเป็ดคนเดียวไม่ได้ยังจะแปลกเสียกว่า 

ก่อนหน้านี้เมษโทร. มา บอกให้ออกมากินข้าวด้วยกัน ศศรัณย์ไปตามนัด เจอทิชาที่เพิ่งมาถึงร้าน ทั้งสามกินข้าวเที่ยงด้วยกัน เมาท์กระจายจนโต๊ะข้างๆ เหลือบมอง 

ธีร์มาถึงหลังจากนั้น มารับทิชาไปเดทกันต่อ เมษกับศศรัณย์มองตามด้วยความอิจฉา ศศรัณย์เลยชวนเมษไปเดทบ้าง 

“ไม่” เมษตอบแบบไม่ต้องคิด แต่สุดท้ายก็แพ้ลูกตื๊อของศศรัณย์แล้วยอมไปเดทด้วย 

“ดีใจอ้ะ ได้เดทกับหนุ่มหล่อ” ศศรัณย์แอ๊วเพื่อนเมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงสวนสาธารณะ เมษมองมาอย่างเซ็งๆ ปล่อยให้ศศรัณย์เดินกอดแขนเขาต่อไป 

“ให้วันนี้วันเดียวนะ พรุ่งนี้ห้ามเข้าใกล้เกินสองเมตร สึกหมดแล้ว” 

ศศรัณย์พาเมษมาที่สวนสาธารณะเดิมที่มาเป็นประจำ เดินเล่น เดินเมาท์กันอยู่ เมษบ่นเรื่องน้องคิมให้เธอฟัง บอกว่าเหมือนเขาจะรู้ตัวแล้วว่าเมษแอบชอบ ตั้งแต่นั้นมา คิมก็ไปยืนห่างๆ หันหน้าไปอีกทางตลอดเวลา เมษถอนหายใจเมื่อเล่าถึงตรงนี้ 

“น้องเขาอาจจะเขินก็ได้” ศศรัณย์ว่า เมษมองเธอแล้วส่ายหน้า 

“ไม่น่าจะใช่” 

“แต่ก็ยังขึ้นรถไฟฟ้าตู้เดียวกันนี่ ทุกวันเลยใช่ไหม น่าสงสัยนะเมษ” 

“สงสัยอะไร” 

“ถ้าเขาไม่ชอบ เขาน่าจะไปขึ้นตู้อื่นสิ แล้วทำไมขึ้นรถไฟฟ้าเวลานี้ทุกวัน เรียนเช้าทุกวันเลยเหรอ” เธอว่า มองเมษที่เลิกคิ้วฟัง  

“เขาอาจจะชอบแกก็ได้ หาเรื่องมาขึ้นรถพร้อมแกทุกวันไง” 

“บ้า” เมษรีบบอก หน้าแดงๆ ขึ้นมา ศศรัณย์เห็นแล้วยิ้ม เขย่าแขนเพื่อน 

“แกเขินแล้วน่ารักว่ะเมษ ไม่กลับใจจริงเหรอ เสียดายว่ะ” 

“ไอ้นี่...” เมษว่าแล้วแกะแขนเธอออก ศศรัณย์หัวเราะ ปล่อยเขาเป็นอิสระแล้วแค่เดินไปด้วยกันเงียบๆ 

“แกชอบใครบ้างหรือเปล่ารัน” เมษถามขึ้นมา ศศรัณย์เลิกคิ้วมองเขา 

“เฮ้ย ทำไมอยู่ๆ ถาม แกจะจีบฉันเหรอ” เธอว่าแล้วแจกยิ้มหวาน เมษก้าวหนีไปสามก้าว จนศศรัณย์ต้องดึงมายืนที่เดิม 

“แค่อยากรู้ ไม่เห็นแกพูดถึงใคร แกชอบใครอยู่หรือเปล่า เล่าได้นะ” 

“ไม่ล่ะ ไม่ได้ชอบใคร” 

“แกเคยมีความรักบ้างไหมเนี่ยรัน” 

“เคยสิ แก่ป่านนี้แล้ว” ว่าพลางหัวเราะ เมษหัวเราะตามไปด้วย 

“มีความรักแล้วดีเนอะ อารมณ์มันมุ้งมิ้งดี ชอบเวลาตอนที่เจอเขาแล้วใจมันเต้นน่ะ พอมีโอกาสได้อยู่ใกล้ๆ แล้วรู้สึกดี ชอบฟีลนั้น สวยงาม” เมษบอก 

“เสร็จแล้วพอคบกัน ก็ต้องมานั่งระแวงว่าเขาจะนอกใจไหมน่ะเหรอ ไม่เห็นจะสวยงามตรงไหน” เธอว่า เมษยิ้ม ยกมือขึ้นโอบไหล่แล้วรั้งเธอเข้าหา 

“แกโดนนอกใจมาใช่ไหม” เขาว่าอย่างรู้ทัน ศศรัณย์ถอนหายใจใส่ ไม่ตอบอะไร 

“แกต้องมองความรักให้ดีกว่านี้นะรัน แกอาจจะเคยเจอคนแย่ๆ มา แถมพ่อกับพี่ชายแกก็เป็นแบบนั้น แต่แกต้องไม่ปิดใจ คนที่รักกันจริงๆ เขาไม่ทำแกเจ็บหรอก ถ้าแกเจ็บ แปลว่ามันไม่ใช่ ก็แค่ถอยออกมา ความรักไม่ทำใครเจ็บหรอกรัน ความคาดหวังกับความไม่ซื่อสัตย์ต่างหากที่ทำให้เจ็บ” เมษบอกเธอ 

“แล้วนะโมล่ะ” อยู่ๆ เมษก็ถาม ศศรัณย์เลิกคิ้วมองเขา 

“นะโมทำไมเหรอ” 

“แกกับนะโม ถามจริงๆ มีอะไรกันหรือเปล่าวะ” 

“มีอะไรคืออะไร”  

“แบบ กิ๊กกันอยู่ หรืออะไรแบบนั้น” 

“เฮ้ย ไม่มี ไอ้บ้า” ศศรัณย์ว่า เมษมองเธออย่างไม่แน่ใจ 

“จริงเหรอ ฉันว่าแกกับนะโมดูเคมีเข้ากันดีนะ” 

“ไม่เข้ากันหรอก กวนประสาทอย่างกับอะไรดี เอาแต่ใจก็เท่านั้น ดื้อก็ดื้อ อยากทำอะไรก็ทำ ไม่เห็นหัวใคร รับมือยากขนาดนั้น ไม่เห็นน่ารักตรงไหน” 

“บ่นอย่างกับบ่นแฟนเลยว่ะรัน” เมษว่า หัวเราะชอบใจ ศศรัณย์ย่นคิ้ว 

“ผิดที่สุด ไม่ได้ใกล้เคียงความจริงเลยสักนิด” 

“แต่ก็สนิทกันดีใช่ไหม” 

“ไม่นะ ไม่สนิท” 

“แน่ใจ...?” เมษเลิกคิ้วถาม และพอศศรัณย์พยักหน้าแรงๆ ว่าเธอแน่ใจ เขาก็พูดต่อ 

“ได้เจอกันนอกออฟฟิศบ้างไหม” 

“ก็เจอนะ” 

“ตอนไหนวะ ไม่เห็นเล่าให้ฟัง” 

“ชอบโผล่มาที่คอนโดฯ ตอนแรกมาซ่อมคอมฯ ใช่ไหม อันนั้นไม่นับ เพราะผู้จัดการเขาให้มา ต่อมาก็มาลากฉันไปซื้อของ ล่าสุดนี่มาหาแต่เช้าเลย” 

“เฮ้ย!” เมษร้อง ทำตาโตแล้วหัวเราะชอบใจ เขาถามอีก 

“ไปหาแกถึงคอนโดฯ แต่เช้าเลยเหรอ ไปทำไม” 

“ตอนแรกฉันก็งง อยู่ๆ มาเคาะประตูห้อง ขึ้นมาจากชั้นล่างมาถึงห้องเลยนะ บอกว่ามีคนเปิดประตูหลักให้ เลยขึ้นมาหา ซื้อโจ๊กมาให้ ไล่ฉันไปล้างหน้า ตัวเองจัดอาหารใส่ถ้วยซะเรียบร้อย พอกินเสร็จก็ลากฉันมาสวนเนี่ย มาวาดรูป” 

“เดทนี่หว่า ไอ้นะโมนี่ใช้ได้” เมษหัวเราะชอบใจ แต่ศศรัณย์ไม่เห็นด้วย 

“ไม่ใช่เดทหรอก บอกแล้วว่าเด็กคนนี้มันประหลาด รับมือยาก อยากทำอะไรก็ทำ ไม่เห็นหัวใคร” 

“นะโมแอดเฟรนด์แกในเฟสบุ๊คด้วยนี่ ฉันเห็นนะโมเอาลูกอมมาวางบนโต๊ะแกทุกวัน ลงมาหาแกที่โต๊ะทุกวัน ถ้ามีเรื่องให้เดินผ่านก็เห็นมันมองแกทุกที นะโมชอบแกหรือเปล่า” 

“เฮ้ย บ้า ไม่ได้ชอบ” 

“แกไปตอบแทนนะโมได้ไง นะโมอาจจะชอบแกก็ได้” เมษแย้ง 

“อย่าชง ขอร้อง ไม่ได้ชอบหรอก นะโมคงไม่มีเพื่อนเล่นมั้ง เลยลงมาหา” 

“แกมั่นใจได้ไง” 

“ฉันว่านะโมมีคนที่ชอบอยู่แล้ว” ศศรัณย์บอกเขา นึกถึงดอกไม้สีส้มในรูปของนะโม ณิชา และผู้หญิงที่ชื่อพลอยจันทร์ เธอบอกเมษอีก 

“มีหลายคนด้วย” 

“เจ้าชู้เหรอ ไม่น่าใช่มั้ง” 

“แกจะไปรู้ได้ไง เมษ” 

“ยังไงฉันก็เป็นผู้ชายนะ ถึงจะเป็นแบบนี้ก็เถอะ ฉันดูออกว่าใครเจ้าชู้ ใครไม่ใช่” 

“แต่ที่ฉันรู้ มันไม่ใช่แบบที่แกคิดว่ะ” ศศรัณย์ว่า เมษขมวดคิ้ว มองเธออย่างไม่แน่ใจ 

“อาจจะเป็นคนคุยเก่ง สนิทกับคนง่าย เลยมีเพื่อนเยอะหรือเปล่า” เมษถาม ศศรัณย์แค่ยักไหล่ 

“ช่างมันเถอะ ทำไมอยู่ๆ พูดถึงเจ้านั่นได้เนี่ย”

                เมษทิ้งเธอนาทีสุดท้าย เขารับโทรศัพท์ คุยอะไรล่กๆ แล้ววางสาย บอกศศรัณย์ว่ามีธุระด่วนที่บ้าน ต้องรีบไป ศศรัณย์ยังไม่ได้เอ่ยลาเมษก็วิ่งจู๊ดไปไกลแล้ว 

                สุดท้ายก็โดนทิ้งไว้คนเดียว และเพราะไม่มีอะไรทำ เลยมาถีบเรือเป็ดดีกว่า ถีบคนเดียวก็ได้ ไม่เห็นยาก ปกติก็ถีบเรือเป็ดคนเดียวอยู่บ่อยๆ เวลามาปั่นพี่คมเข้ม บางทีปั่นเสร็จแล้วเบื่อๆ ก็มาถีบเรือ

                ศศรัณย์ยึดพื้นที่น้อยๆ ภายในเรือเป็ดเป็นของตัวเอง มองน้ำมองฟ้า ลมเย็นสบายดี ค่อยๆ ถีบไปเรื่อยๆ สบายใจ ถ้าไม่นับที่เรือมันเอียงไปหน่อย แล้วก็แอบเหงานิดๆ น่ะนะ

ศศรัณย์เห็นต้นไม้ต้นนั้น ที่เธอเคยมานั่งวาดรูปกับนะโม มองจากตรงนี้แล้วสวยดี เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ แล้วอดไม่ได้ที่จะแชร์ลงเฟสบุ๊ค ศศรัณย์ถีบเรือไปด้วยพิมพ์ข้อความไปด้วย 

‘ต้นไม้ต้นเดิม เพิ่มเติมคือถีบเรือเป็ดคนเดียว #ไม่แปลก #ไม่เชื่อมาลอง’ 

จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์มือถือ ดื่มด่ำกับความเงียบสงบภายในเรือถีบ กลับเข้าไปในโลกส่วนตัวที่มีความเงียบงันเป็นเพื่อน ศศรัณย์ฮัมเพลงเบาๆ คลอไปด้วยตอนที่เรือเคลื่อนไปข้างหน้า ไม่สนใจสายตาของพวกคู่รักที่ถีบเรืออยู่ใกล้ๆ  

"พี่ยุ่น!!!"  

เสียงตะโกนดังก้องทำให้ศศรัณย์หันขวับ เห็นนะโมโบกมือหยอยๆ อยู่ที่ฝั่ง ศศรัณย์เลิกคิ้วมอง  

มาได้ไงวะ?! 

เขาเรียกอีกสองสามครั้งจนเธอต้องโบกมือกลับไปให้ว่าเธอเห็นเขาแล้ว จะได้เลิกตะโกนสักที น่าอายชะมัด นะโมนี่โผล่มาได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นคนที่พร้อมทำลายความสงบของเธอจริงๆ 

เขายังคงโบกมือหยอยๆ เรียกให้เธอเข้าไปหา ศศรัณย์ถอนหายใจเฮือก ถีบเรือเป็ดไปที่ท่า แบบนี้คงไม่สงบสุขอีกต่อไป เลิกถีบดีกว่า พอคิดได้แบบนั้นเลยเอาเรือไปคืนที่ นะโมก้าวไปยืนรอเธออยู่ตรงนั้นแล้ว ไม่ได้สนใจป้ายที่บอกว่าท่าเรือนี้เข้าได้เฉพาะคนที่จ่ายค่าเช่าเรือเท่านั้น แถมยังหันไปยิ้มหน้าเป็นให้พนักงานที่ท่าเรือถีบอีกต่างหาก พอเรือของศศรัณย์มาเทียบ เขาก็ยื่นมือให้ ศศรัณย์มองมือนั้นอย่างไม่แน่ใจ 

“มาสิ เดี๋ยวช่วยดึงขึ้น” นะโมบอก ศศรัณย์ยังคงมองอยู่อย่างนั้น 

“อะไร ไม่ไว้ใจผมเหรอ บอกแล้วไง เชื่อใจกันหน่อยสิ ไม่ผลักตกน้ำหรอก” 

“ตอนแรกก็จะเชื่ออยู่หรอก แต่ไอ้ประโยคสุดท้ายนี่น่าระแวงมากเลยว่ะ” ศศรัณย์บอก ทำท่าจะออกจากเรือด้วยตัวเอง แต่นะโมไม่ยอม ยื่นมืออยู่อย่างนั้น ศศรัณย์ถอนหายใจ เอาวะ สุดท้ายเธอก็จับมือเขา นะโมบีบมือเธอแน่นแล้วออกแรงฉุดเธอขึ้นจากเรือ 

“บอกแล้วไง ไม่แกล้งหรอก” นะโมว่า ส่งยิ้มซุกซนมาให้แล้วถามอีก 

“เปลี่ยวขนาดไหนถึงมาถีบเรือเป็ดคนเดียวเนี่ย”  

“ไม่ได้เปลี่ยวอะไรสักหน่อย แค่เบื่อๆ อยากอยู่คนเดียว” 

“อ้อ ลืมไปว่าเป็นพี่ยุ่น” 

“หมายความว่าไง” 

“ก็พี่ยุ่นชอบอยู่คนเดียวนี่ จริงๆ อยู่คนเดียวก็ดีนะ เงียบๆ มีเวลาให้คิดอะไรเยอะดี แต่อยู่คนเดียวมากเกินไปไม่ดี” นะโมบอก หันมามองเธอแล้วว่าต่อ 

“คนอย่างพี่ยุ่นไม่ควรอยู่เป็นโสด ควรมีแฟน แต่พี่ยุ่นไม่อยากมีแฟน ก็ควรมีผม” เขายิ้ม ดวงตาสีดำวิบวับเหมือนทุกที  

“นี่แอ๊ว?” 

“ก็แล้วแต่จะคิด” นะโมบอกยิ้มๆ ศศรัณย์ส่ายหน้า ยอมแพ้ให้มุกแอ๊วของเขา 

“แล้วมาได้ไงเนี่ย” 

“ตามเสียงหัวใจมา” 

“คิดถึงล่ะซี้” ศศรัณย์ว่ายิ้มๆ นะโมพยักหน้าแรงๆ ทีหนึ่ง 

“มาก นี่ถ้าเห็นหน้าช้ากว่านี้นาทีเดียว ผมจะโดดลงน้ำละ” 

“ไอ้เว่อร์” ศศรัณย์ว่า เธอหัวเราะ ตีแขนเขาอย่างอดไม่ได้ 

 

นั่งคุยกันใต้ต้นไม้ต้นเติมสักพักก็ได้รู้สาเหตุที่เขาอยู่ตรงนี้ กรมาวิ่ง กรวิ่งเข้ามาหานะโมกับศศรัณย์ หอบแฮ่กๆ มองสองคนสลับกัน 

“สวัสดีครับพี่รัน” กรยกมือไหว้เมื่อหายหอบแล้ว ศศรัณย์รับไหว้ มองกรที่หย่อนตัวนั่งลงข้างนะโม รับขวดน้ำดื่มจากเขา 

คู่จิ้น... 

ศศรัณย์แอบมองทั้งคู่พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สองคนนั้นก็เหมือนจะไม่รู้ตัว คุยกันเฮฮาตามประสาผู้ชาย ปล่อยคนจินตนาการสูงนั่งเขินอยู่ตรงนั้น 

“กรมาวิ่งเหรอ” ศศรัณย์ถามออกมาในที่สุด กรพยักหน้า 

“ครับ เอานะโมมาเป็นเพื่อน” 

“แค่นี้กรก็ฮอตจะแย่แล้ว ไม่ต้องออกกำลังกายมากก็ได้ ฮฮตมากเดี๋ยวพี่ก็ละลายพอดี” ศศรัณย์แอ๊ว กรยืนนิ่ง มองหน้าเธอด้วยใบหน้านิ่งเฉย แล้วหันไปคุยกับนะโมเรื่องอื่นเหมือนไม่ได้สนใจที่เธอพูด ศศรัณย์กลอกตา กรเป็นแบบนี้ตลอดเวลาจนเธอเซ็ง 

“นะโมไม่วิ่งด้วยล่ะ” เธอถามขึ้นมาอีก 

“ไม่เอาหรอก เหนื่อย” เขาว่า ศศรัณย์ขมวดคิ้ว 

“ออกกำลังกายบ้างสิ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก ห่วงคนนู้นจะป่วย คนนี้จะป่วย ห่วงตัวเองบ้างไหม” 

“นะโมมันชอบเล่นกีฬาที่มีคนแข่งด้วย ไม่ชอบออกกำลังกายแบบนี้ครับพี่รัน” 

“เล่นอะไรล่ะ” ศศรัณย์ถามอย่างแปลกใจ

“เตะบอลครับ พักนี้ไม่ค่อยได้เตะเลย กร นัดซิ พวกก๊วนเก่า ไม่ได้เตะกันนานแล้ว” 

“เออ ได้ เดี๋ยวดูให้” 

“ตกลงนะโมหาฉันเจอได้ยังไง” ศศรัณย์ถามคำถามที่ติดใจ นะโมยกโทรศัพท์มือถือขึ้นโชว์ 

“เห็นพี่ยุ่นโพสต์ในเฟสบุ๊ค เลยเดินมาดู แล้วก็เจอ เลยเรียก” เขาบอก ยิ้มจนตาหยี  

“เดี๋ยวนี้เพื่อนโมเล่นเฟสบุ๊คเยอะจังวะครับ เมื่อก่อนมีเหมือนไม่มี” กรว่า 

“ก็ไม่ได้เล่นอะไรมากนะครับเพื่อนกร”

“ก็เห็นโพสต์บ่อยขึ้น เข้ามาเช็คอะไรบ่อยขึ้น ล่าสุดก็รูปอะไรนะ ที่แกวาด”  

“ลูกอมน่ะนะ” นะโมว่า กรพยักหน้า  

ศศรัณย์ก็ไม่ได้อยากรู้เท่าไรหรอก แต่ก็เข้าเฟสบุ๊คจากมือถือของตัวเองแล้วพุ่งไปที่หน้าเฟสบุ๊คของนะโม ล่าสุดเขาโพสต์รูปวาดสีน้ำ เป็นรูปต้นไม้ มีหัวใจดวงเล็กๆ สีแดงที่ใต้ต้นไม้ พร้อมกับข้อความกำกับไว้ด้านบน 

‘ลูกอม’ 

“ลูกอมอะไรของแกวะ มีแต่ต้นไม้กับรูปหัวใจ” 

“ไม่บอก มันเป็นโค้ดลับ” เขาว่า หันมายิ้มให้ศศรัณย์ที่มองเขาอย่างไม่แน่ใจ 

โค้ดลับงั้นเหรอ... ถ้าเธอเข้าใจไม่ผิด มันคือต้นไม้ต้นนี้ และลูกอมรูปหัวใจที่เธอยัดใส่ปากเขา 

“ลับขนาดไหน มีแค่แกที่รู้เรื่องหรือเปล่า” กรกัดเพื่อน นะโมยักไหล่ หันไปหาศศรัณย์ 

“มีแค่ฉันกับพี่ยุ่นที่รู้” 

“จริงเหรอครับพี่ยุ่น” กรรีบหันมาถาม ศศรัณย์เลิกคิ้วสูงเมื่อได้ยินเขาเรียกเธอแบบนั้น ยังไม่ทันตอบอะไรนะโมก็ตบศีรษะเพื่อนพลั่กใหญ่ กรร้องโอ๊ย ยกมือขึ้นลูบศีรษะตัวเอง

“ห้ามเรียกพี่ยุ่นแบบนี้ครับ เพื่อนกร ผมเรียกได้คนเดียว”

 

กวินยืนมองศศรัณย์ที่ยิ้มกลับไปให้จนตาปิด เขาเลื่อนสายตาไปหานะโมที่ยิ้มให้จนตาหยี แล้วเลื่อนสายตาไปยังกรที่ยืนยิ้มอยู่เช่นกัน กวินยิ้มตอบทั้งสามก่อนจะตวัดสายตามาหาศศรัณย์ 

“พาหนุ่มใหม่มาร้านอีกแล้ว รายที่สามแล้วนะ” 

“นี่น้องที่ออฟฟิศ!” ศศรัณย์รีบบอก 

“รายที่สามเหรอครับ” นะโมถามกวิน 

“เราน่ะ รายแรก ต่อมาก็คุณปกรณ์” 

สิ้นเสียง นะโมก็หันขวับไปหาศศรัณย์ ทำตาโตใส่เธอ 

“นี่คืบหน้าขนาดพากันมาเดทที่ร้านกาแฟแล้วเหรอ! จุ๊ๆๆ พี่ยุ่นนี่ใช่ย่อย” เขาแซว ศศรัณย์กลอกตาใส่ 

“จะบ้าเหรอ แค่ไปปั่นจักรยานด้วยกันแล้วพาเขามากินขนมที่นี่ หาลูกค้าให้พี่กวินน่ะ พี่กวินนี่ก็นะ คราวหน้าจะไม่แนะนำร้านให้ใครแล้ว”

“โอ๋ๆ อย่างอนๆ เดี๋ยวชงกรีนทีลาเต้สูตรใหม่ให้ ดูสิ งอนตาเป็นเส้นเลย”

“พี่กวิน!” ศศรัณย์ร้องเมื่อโดนล้อเรื่องตาตี่ กวินหัวเราะใส่

“พาเพื่อนไปนั่งไป เด็กๆ อยากกินอะไรก็สั่งเลย”

“เลี้ยงเหรอครับ” นะโมถามอย่างมีความหวัง แต่ศศรัณย์ผลักไหล่เขาแรงๆ

“ร้านพี่ฉันก็เจ๊งพอดีสิ คราวที่แล้วกินฟรีไปแล้ว คราวนี้จ่ายตังค์ด้วย”

 

ทั้งสามเลยสั่งกันแค่เครื่องดื่ม แต่กวินก็ยังใจดียกเค้กมาให้สองชิ้น ศศรัณย์บอกเขาว่าชิ้นเดียวก็พอ แต่กวินบอกว่าไม่เป็นไร 

“เหลือก็ทิ้ง พี่ไม่ขายของค้างอยู่แล้ว กินไปเถอะ” 

แบบนั้นสองหนุ่มเลยไม่เกรงใจ กินเค้กกันท่าทางน่าอร่อย ศศรัณย์นั่งฝั่งตรงข้ามกับนะโม กรนั่งอยู่ข้างเขา พี่กวินเดินไปเดินมา พอว่างก็มานั่งข้างศศรัณย์ 

ศศรัณย์มองสองหนุ่มตาเป็นประกาย ต่อมจินตนาการทำงานอย่างแข็งขัน เธอเห็นนะโมเหลือบมองมา แล้วเขาก็หยิบช้อนจ้วงเค้ก ยัดใส่ปากกร 

“เค้กนี่แหละเพื่อนกร ที่ผมบอกว่าอร่อย เป็นไง อร่อยไหม” นะโมถามเขา กรพยักหน้า เคี้ยวเค้กหงับๆ 

“อร่อยมากครับเพื่อนโม” กรว่า นะโมเหลือบมองศศรัณย์อย่างจับผิด 

กรดูจะไม่รู้ตัว เขากินเค้กที่เพื่อนยัดใส่ปากให้อย่างไม่คิดอะไร จากนั้นก็ยกช็อคโกแลตเย็นขึ้นจิบ ศศรัณย์ทำตาวาวมองคนนั้นคู่ นะโมเขยิบเข้าใกล้กรอีกนิดแล้วนั่งอิงร่างเขา 

“อะไรครับเพื่อนโม” กรหันไปถามนะโมที่เริ่มเอียงศีรษะซบไหล่ 

“ง่วงครับเพื่อนกร” นะโมบอก กรหรี่ตามอง ยกศอกขึ้นดันร่างนะโมออก ศศรัณย์แทบจะกรี๊ด เธอเห็นนะโมมองมา เขายิ้มนิดที่มุมปาก ดันตัวเองขึ้นนั่งตรง หันไปบอกกรที่ดูดช็อคโกแลตเย็นอยู่ 

“พี่ยุ่นเขาคิดว่าฉันกับแกเป็นแฟนกัน” 

เท่านั้นเอง ช็อคโกแล็ตเย็นที่กรเพิ่งดูดเข้าปากก็ถูกพ่นออกมาจนกระจายเต็มพื้นที่ เกือบโดนหน้าศศรัณย์เลยด้วย ลำบากพี่กวินต้องวิ่งไปเอาผ้ามาเช็ด กรสำลักค่อกแค่กจนหน้าแดง หันมองนะโมด้วยดวงตาเบิกกว้าง ก่อนจะหันไปหาศศรัณย์ พอเขาหยุดไอแล้วก็บอก 

“พี่รัน! คิดอะไรเนี่ย!” 

“คู่จิ้นไง” ศศรัณย์ว่า กรส่ายหน้าแรงๆ 

“อย่าครับ อย่าจิ้น ไม่มีอะไรให้จิ้นทั้งนั้น ผมมีแฟนแล้ว” กรรีบบอก แล้วนะโมก็พยักหน้าสนับสนุน 

“แฟนชื่อนะโม” เขาว่าแล้วยิ้มจนตาหยี ศศรัณย์แทบจะกรี๊ดเมื่อได้ยิน กรผลักนะโมออกแรงๆ 

“อย่าพูดให้พี่รันคิดสิวะ แกนี่” 

“พี่ยุ่นหน้าแดงแจ๋เลย ตลก” นะโมบอกแล้วหัวเราะพรวดออกมา ศศรัณย์ยกมือขึ้นจับใบหน้าตัวเอง รู้สึกว่ามันร้อนๆ ขึ้นมาชอบกล 

“แฟนผมเป็นผู้หญิง” กรยังไม่วายแก้ข่าว นะโมพยักหน้าให้ 

“บอกแล้ว ผมกับกรเลิกกันนานแล้ว” 

“ไอ้นะโม!” กรร้องเมื่อเพื่อนหนุ่มไม่หยุดเล่นเสียที นะโมหัวเราะชอบใจ ศศรัณย์ก็นั่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ สุดท้ายเขาก็หยุดขำ ย้ำกับเธออีกครั้ง 

“จบนะพี่ยุ่น ผมกับกรไม่มีอะไรกัน แมนๆ เตะบอลทั้งคู่ เวลามองผมกับกรไม่ต้องทำตาวิบวับแบบนั้นก็ได้”

 

พี่กวินจะปิดร้านแล้ว ศศรัณย์ กร นะโมเลยช่วยเก็บกวาดร้านก่อนกลับ ทั้งๆ  ที่กวินปฏิเสธ แต่พวกเขาก็อยากทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้างหลังจากกินของฟรีไปหลายชิ้นแล้ว 

นะโมไล่กรกลับบ้านไปก่อน เขาบอกเพื่อนว่าจะไปส่งศศรัณย์ก่อนค่อยกลับ กรมองเขาอย่างล้อเลียนแต่ไม่พูดอะไร ยอมแยกออกไปแต่โดยดี

 

                นะโมเดินไปส่งศศรัณย์ ค่ำแล้ว ไม่ค่อยมีใครเดินไปมาเท่าไร ถึงจะเป็นเมืองกรุง แต่ซอยคอนโดมิเนียมของศศรัณย์เป็นซอยเล็กๆ ไม่พลุกพล่าน เธอเลือกที่นี่เพราะแบบนี้ มันเงียบสงบดี แต่ถ้ามองในตอนนี้ ถ้าเธอต้องเดินกลับคนเดียวก็ออกจะน่ากลัว ความจริงก็ไม่มืดขนาดนั้นหรอก สองข้างทางมีแสงสว่างจากเสาไฟฟ้า ถ้ากลับคนเดียวก็ได้ แต่เธอก็รู้สึกขอบใจที่นะโมเดินมาเป็นเพื่อนเสมอ 

ระหว่างทาง สองคนก็เดินคุยกันเรื่อยเปื่อย เรื่องเค้ก เรื่องที่ทำงาน เรื่องวาดรูป พอมาถึงเรื่องนี้ศศรัณย์ก็นึกได้ เธอถามเขาเรื่องรูปลูกอม 

“ตกลงรูปนั้นคือรูปต้นไม้ที่เราไปนั่งวาดรูปกันเหรอ” 

“ครับ หัวใจนั่นก็ลูกอมที่พี่ยุ่นยัดปากผม”  

“นึกยังไงถึงวาดรูปนั้นล่ะ” 

“ฮืม... ไม่รู้สิ วันนั้นอารมณ์แย่มากๆ พยายามนึกถึงเรื่องดีๆ แล้วก็วาดแบบนั้นออกมา”

ศศรัณย์พยักหน้า ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่เธอยิ้ม... ศศรัณย์รีบหันไปทางอื่น กลัวนะโมจะเห็นแล้วถามว่าเธอยิ้มทำไม เพราะตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน 

ทั้งคู่คุยกันเรื่อยเปื่อย แล้วก็วกมาเรื่องปั่นจักรยาน ศศรัณย์บ่นเขา ว่าโตป่านนี้แล้วทำไมขี่จักรยานไม่เป็น 

“ไม่อยากขี่” เขาบอก ทำท่าเหมือนไม่ใส่ใจ 

“ขี่จักรยานสนุกนะ ชอบมากเลย ยิ่งถ้าได้ขี่จักรยานริมชายหาดกับคนที่ชอบนะ ฟินสุด ยิ่งถ้าเป็นหนุ่มแว่นนะ โอ้โห...” เธอว่า ฉีกยิ้มกว้างเมื่อเริ่มวาดฝัน นะโมหัวเราะเบาๆ 

“ความใฝ่ฝันเลย ว่างั้น” 

“ใช่ ความใฝ่ฝัน” 

“อยากไปขี่จักรยานกับคนที่ชอบ แต่ดันไม่กล้าชอบใครเนี่ยนะพี่ยุ่น” 

“ทำไม เดี๋ยวถึงเวลา คนที่ใช่ก็มาเองแหละ” 

“อย่างคุณปกรณ์น่ะเหรอ” เขาหันมาถามแล้วพูดต่อ 

“คุณปกรณ์ก็ดีนะ เป็นหนุ่มแว่น เขาชอบขี่จักรยานด้วยนี่ น่าจะพาพี่ยุ่นไปขี่ได้ ไปกับเขาสิ” 

“แหม... ไม่ต้องน้อยใจ หึงใช่ไหม” ศศรัณย์แหย่ นะโมมองเธอ ทำหน้าเศร้าแบบเวอร์ๆ ยกมือขึ้นขยี้อกข้างซ้ายของตัวเอง 

“ใจจะขาดรอนๆ แล้ว” เขาว่า ลดมือลง หันมามองเธอตรงๆ แล้วถาม 

“แล้วจะไปกับคุณปกรณ์ไหม ถ้าเขาชวน” 

“โอ๊ย ใครเขาจะไปกับฉัน” 

“นั่นน่ะสิ มีแต่ผมนั่นแหละที่จะยอมไปกับพี่ยุ่น” 

“ขี่จักรยานให้ได้ก่อนสิ จะได้ไปปั่นด้วยกัน” เธอว่า แล้วนะโมก็แค่หัวเราะ 

“ไม่เอาหรอก พี่ยุ่นอยากปั่นก็ปั่นไปคนเดียวเถอะ” 

ในที่สุดก็ถึงที่หมาย ศศรัณย์ยืนอยู่หน้าประตูหลักทางเข้าลิฟท์ เธอขอบคุณเขาที่มาส่ง  

“กลับบ้านดีๆ นะ ถึงบ้านแล้วบอกด้วย แล้วไม่ต้องแท็กอะไรแปลกๆ มานะ ไม่ใช่นักสืบโคนัน แค่บอกธรรมดาพอ” เธอว่า นะโมหัวเราะ เขารับคำแล้วก้าวออกไป 

 

ศศรัณย์อาบน้ำ เปลี่ยนชุดนอน แล้วไประบายสี สักพักก็ลุกไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นดู เห็นว่ามีแจ้งเตือนจากเฟสบุ๊ค คงเป็นนะโมแชทมาว่าเขาถึงบ้านแล้ว 

แต่ไม่มีข้อความจากแชท ศศรัณย์แตะนิ้วบนปุ่มแจ้งเตือนหลัก เห็นว่ามาจากนะโม เธอกดเข้าไปดู เบิกตาหยีๆ ของเธอกว้างเมื่อเห็นข้อความที่เขาโพสต์ลงวอลล์ของเธอ 

‘ถึงบ้านแล้วนะครับ :)’  

ไลก์และคอมเมนต์มากมายใต้สเตตัสนั้น ศศรัณย์ส่ายหน้าแล้วไล่ดู มีแต่คนมาโห่แซว ถามว่าเธอกับเขานี่ยังไงกันแน่ ศศรัณย์ไม่รู้จะพูดอย่างไรเลยทิ้งไว้ก่อน ยังไม่ทันได้คิดอะไรอีก ข้อความจากแชทก็เด้งขึ้นมา 

‘พี่ยุ่น’ 

ไอ้ตัวดี... ศศรัณย์รีบเปิดแชทของเขาแล้วพิมพ์ตอบ 

‘บอกว่าไม่ให้แท็ก เลยมาโพสต์หน้าวอลล์เลย เรียกเรตติ้งเหรอ’ 

‘เรตติ้งอะไร ก็พี่ยุ่นบอกให้บอกด้วยถ้าถึงบ้าน ก็บอกแล้วเนี่ย’ 

ศศรัณย์ขี้เกียจเถียง รู้ว่าต้องโดนกวนโอ๊ยกลับมาแน่ เลยไม่ตอบอะไรไป สักพักเขาก็พิมพ์กลับมา 

‘ผมจะไปนอนแล้ว ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะครับ ฝันดี :)’ 

ศศรัณย์ไม่ตอบ เขาพิมพ์มาให้อีก 

‘อิอิ’ 

อิอิบ้านแกสิ! ศศรัณย์ร้องในใจตอนเห็นเขาออฟไลน์ เธอถอนหายใจ เข้าไปตอบโพสต์นั้นของนะโมที่คนกำลังแซวกันอยู่ บอกว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น นะโมเรียกเรตติ้งเฉยๆ และบอกทุกคนให้ไปนอนได้แล้ว 

จากนั้นนะโมก็มากดไลก์คอมเมนต์นั้นของเธอ  

ไหนว่าหลับแล้วไง... 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น