7

Mandala

ศศรัณย์นั่งทำพรีเซนเทชันอันใหม่อยู่ที่โต๊ะทำงาน รู้สึกว่าวันนี้ไม่ค่อยมีสมาธิ เธอนั่งอ่านย่อหน้าแรกของเอกสารมาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอมองบนโต๊ะเป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้ ส่องแล้วส่องอีกจนแน่ใจ ขยับข้าวของบนโต๊ะ ยกนั่น เปิดนี่ จากนั้นก็ก้มลงไปใต้โต๊ะ ย้ายข้าวของออกดู แต่ก็หาไม่เจอ

                “อะไรหายเหรอรัน เห็นหาอะไรกุกกักตั้งแต่เช้าแล้ว” เมษหันมาถาม เธอรีบส่ายหน้า

                “เปล่า”  จากนั้นก็รวบรวมสตินั่งทำงานต่อไป แอบหงุดหงิดใจหน่อยๆ ว่าทำไมต้องมองหาด้วยนะ...

            ลูกอมน่ะ วันนี้ไม่เห็นมีมาวางบนโต๊ะเลย

                “น้องรัน” ศศรัณย์หันตามเสียงเรียก พอเห็นคนตรงหน้าก็ยิ้มให้

                “พี่ธนัช สวัสดีค่ะ”

                “สวัสดีครับ เรื่องเอกสารที่ขอ ไอทีส่งเมล์ให้แล้วนะ รันได้รับหรือยัง” ธนัชถาม ศศรัณย์ยิ้มกว้างจนตาหยี

                “ได้รับแล้วค่ะ ไวมากเลย นี่ไง รันปรินท์ออกมาแล้ว กำลังทำสรุปอยู่ ขอบคุณนะคะ”

                “พี่เร่งคิวให้เลยนะเนี่ย กลัวน้องรันรอนาน มีตรงไหนไม่เข้าใจหรือเปล่า ถามพี่ได้นะ”

                ศศรัณย์อยากจะบอกว่า ไม่เข้าใจทั้งหมดนั่นแหละ เธออ่านย่อหน้าแรกมาครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ก็รู้ดีว่าไม่ใช่ความผิดของธนัช เป็นความผิดของสติเธอเอง

                “กำลังไล่อ่านอยู่ค่ะ ถ้าติดตรงไหนเดี๋ยวรันถาม โทร. ไปที่โต๊ะได้ใช่ไหมคะ”

                “ได้ครับ โทร. เบอร์โต๊ะก็ได้ ถ้ารายละเอียดเยอะเดี๋ยวพี่ลงมาดูให้”

                “พี่ธนัชใจดีที่สุด” ว่าพลางเกาะแขนเขาแน่น

                “ใจดีแบบนี้ ไม่ให้รักได้ไงเนี่ย” ศศรัณย์หยอดมุกจีบ เขาหัวเราะร่วนจนตัวงอ

                “เล่นแบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่มาทำงาน จนทุกวันนี้ยังไม่เลิกอีก จำได้ไหม ตอนที่ฝนตกแล้วพี่ให้ติดร่มเข้าออฟฟิศน่ะ”

                “จำได้ค่ะ” เธอบอกแล้วหัวเราะแหะๆ เพราะพอบอกขอบคุณเขาเสร็จเธอก็บอกเขาว่า เขาใจดีขนาดนี้ น่าฝากหัวใจไว้ให้ดูแล

                “ระวังเถอะ คนอื่นเข้าใจผิดขึ้นมาจะแย่เอานะ”

                “เข้าใจผิดกันมาหลายคนแล้วค่ะพี่ธนัช จีบจริงจังขึ้นมา ศศะก็วิ่งหนีทุกที” ทิชาว่าพลางส่ายหน้าอย่างระอา

                ธนัชยิ้ม ถามอีกครั้งว่าเธอมีจุดไหนไม่เข้าใจหรือเปล่า ศศรัณย์ส่ายหน้า บอกเขาว่าถ้าติดตรงไหนจะโทร. ไป ธนัชจึงพยักหน้ารับแล้วเดินไปที่ลิฟท์ ขึ้นไปยังแผนกของตัวเอง

                “ได้พี่ธนัชมาโคงานด้วยแล้วชีวิตดี๊ดีเนอะแก” ทิชาเริ่มก่อน พูดถึงธนัชที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งนี้ คอยประสานงานกับคนนอกฝ่ายไอที ศศรัณย์พยักหน้าแรงๆ อย่างเห็นด้วย เมษเลยเสริมไปบ้าง

                “คนก่อนนี่ปวดตับฉิบ... ต้องให้พูดกี่รอบไม่รู้”

                “คนก่อนเป็นเนิร์ดไอทีไงแก สื่อสารกับมนุษย์ไม่ค่อยถูก คุยแต่กับคอมพิวเตอร์” ศศรัณย์ว่า พูดไปก็นึกถึงหนุ่มไอทีอีกคน หนุ่มหน้ามนคนกวนประสาทที่วันนี้ยังไม่เห็นหน้า แถมยังไม่เห็นลูกอมของเขาด้วย

                                ศศรัณย์มองเอกสารในมืออีกครั้ง จนป่านนี้ก็ยังอ่านไม่จบย่อหน้าแรก ฟุ้งซ่านชะมัด เธอดันตัวลุกขึ้น ไปล้างหน้าในห้องน้ำดีกว่า สติสะตังอาจจะกลับมาก็ได้

 

                พอกลับมาที่โต๊ะอีกทีเธอก็เห็นเขา ร่างสูงที่สวมเสื้อยืดลายทางสีชมพูขาว กำลังยืนคุยกับเมษอยู่ เมษหัวเราะอะไรชอบอกชอบใจ ทิชาก็พอกัน พักหลังนี่ เธอเห็นเมษกับทิชาคุยกับนะโมบ่อยๆ เหมือนจะเริ่มสนิทกันขึ้นมา

                “นี่ไง ศศะมาแล้ว” ทิชาบอกเขา นะโมหันมาหา ส่งยิ้มมาให้ ศศรัณย์แค่กระพริบตามองแล้วหย่อนตัวลงนั่ง พยายามอ่านเอกสารย่อหน้าเดิม

                “พี่ยุ่น เมินผมเหรอ” นะโมทักอย่างยียวน ก้าวเข้ามาหา ลากเก้าอี้ว่างแถวนั้นมาแล้วนั่งลงใกล้ๆ

                “เมินอะไร ทำงานอยู่ แล้วมาทำอะไรแถวนี้ คอมฯ ใครเป็นอะไรอีกหรือเปล่า เสียบ่อยขนาดนี้ เปลี่ยนเครื่องยกชุดดีไหม”

                “คราวก่อนที่ลงมาแก้ให้แผนกข้างๆ เพราะเขาโดนไวรัสของคนแถวนี้น่ะ” นะโมว่า ศศรัณย์หันขวับไปหา รู้สึกผิดขึ้นมา นะโมถอนหายใจพลางส่ายหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน ราวกับไวรัสของเธอทำให้เขาต้องตกที่นั่งลำบาก

                “แต่วันนี้ไม่ได้มาซ่อมอะไรหรอก ไม่มีไวรัสแล้ว ผมแก้ไวรัสให้เครื่องที่บ้านพี่ยุ่นไปแล้วไง”

                “แล้วมาทำอะไรแถวนี้ มาตามหาหัวใจเหรอจ๊ะ”

                “ครับ หัวใจมันนำทางมา” นะโมว่า ยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วบอกอีก

                “วันนี้ผมมาสาย นาฬิกาไม่ยอมปลุก พอมาถึงก็ล่กๆ ทำงาน งานเยอะ เพิ่งได้ลุกจากโต๊ะเนี่ย” เขาบอก นั่งเท้าคางมองเธอที่พยายามอ่านเอกสาร แต่ไม่มีสมาธิเลย สุดท้ายเลยโยนมันทิ้งบนโต๊ะ

                “มาบอกฉันทำไม”

                “เป็นเหตุผลว่าทำไมวันนี้ลูกอมมาช้า เผื่อมีคนรอ” เขาว่า ยื่นลูกอมรูปหัวใจรสสตรอเบอร์รี่ให้สองเม็ด พอศศรัณย์ไม่รับ เขาก็วางมันไว้บนโต๊ะทำงานของเธอ

                “ใครจะไปรอ ของแค่นี้”

                “ไม่รอก็ไม่เป็นไร แต่ผมควรตรงเวลา เหมือนเจ้าชายน้อยกับสุนัขจิ้งจอกไง ถ้าเธอเคยมาตอนบ่ายสี่โมง ประมาณสักบ่ายสามโมง ฉันก็จะเริ่มเป็นสุขแล้ว ไม่เคยอ่านเหรอ เจ้าชายน้อยน่ะ”

                ศศรัณย์ขมวดคิ้วมองเขา แปลกใจในมุมอีกมุมของนะโมที่เธอไม่เคยเห็น นอกจากวาดรูปสีน้ำแล้ว ยังอ่านหนังสือเจ้าชายน้อยด้วยเหรอ...

                ศศรัณย์ก็เคยอ่าน หลายปีมาแล้ว ตอนนั้นยังเด็กมาก เธอไม่เข้าใจเนื้อหาในหนังสือ ไม่เห็นสนุก จากนั้นเลยไม่ได้แตะต้องมันอีก แต่พอนะโมยกประโยคจากหนังสือแบบนี้ ศศรัณย์ชักอยากจะอ่านขึ้นมา

                และโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย นะโมก็ลุกพรวดจากเก้าอี้ บอกลาสั้นๆ แล้วเดินจากไปเหมือนไม่สนใจใยดี ทิ้งให้เธอขมวดคิ้วมองตาม

                “อะไรของเขา...” ศศรัณย์บ่นงุบงิบ แกะลูกอมแล้วเอาใส่ปาก

                “นะโมนี่น่ารักดีนะ” ทิชาพูดขึ้นก่อน เมษก็สนับสนุนตาม จากนั้นทั้งคู่ก็หันขวับมาหาศศรัณย์ มองเธออย่างจับผิด

                “อะไร” ศศรัณย์ถามขึ้นมาเมื่อเห็นสายตาของเพื่อน ทิชาส่งยิ้มล้อเลียนมาให้

                “เห็นนะ มีแอดเฟรนด์กันในเฟสบุ๊คด้วย อะไรยังไงวะ แกกับนะโม”

                “โอ๊ย จะไปมีอะไร เด็กแก่แดด” ศศรัณย์ว่า

                “เล่นมาก ระวังเด็กมันคิดจริงนะศศะ” ทิชาร้องเตือน แต่เมษรีบแย้ง

                “เด็กมันไม่คิดหรอก แต่ไอ้รันน่ะสิ เกิดอยากเป็นอมตะขึ้นมา นะโมแย่แน่”

                “เฮ้ย! เข้าข้างเพื่อนบ้างสิ อะไรเนี่ยพวกแก ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ เป็นเทรนเนอร์นะ ต้องรักษากฎ เป็นตัวอย่างที่ดีกับพนักงานสิ เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ในที่ทำงานมีได้ที่ไหน กฎเหล็กเลยนะแก ใครคบกัน ไล่ออกสถานเดียว มีก็งานเข้าพอดี ยังไม่อยากตกงานตอนนี้”

                “แต่ก็ฮาราสเขาไปทั่วเลย” เมษบอกแล้วหัวเราะ

                “ฮาราสอะไร แค่แซวเล่น”

                “ปีที่แล้วก็โดนหักโบนัสเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ ไม่ปรับปรุงตัวเลยเหรอแก” ทิชาว่า

                “แต่นี่รันมันดีขึ้นแล้วนะ ไม่ค่อยแอ๊วใครแล้วนี่ ตั้งแต่นะโมมาเป็นคู่แอ๊วให้”

                “ไม่แอ๊วอะไร มันเพิ่งแอ๊วพี่ธนัชไป ไม่ได้ยินเหรอ”

                “แต่ก็น้อยกว่าเดิมมากแล้ว” เมษบอก มองศศรัณย์อย่างครุ่นคิดแล้วพูดอีก

                “คุณแบงค์เขาเลิกวิ่งหนีแกแล้วนี่ เพราะแกหยุดแอ๊วเขา คนอื่นๆ ด้วย แบบนี้ก็ดีแล้วมั้ง มีนะโมมาเป็นเพื่อนให้แกเล่นด้วย แกจะได้เลิกโดนเพ่งเล็งเรื่องนี้”

ก็พี่ยุ่นหาคนเล่นด้วยอยู่ไม่ใช่เหรอ นี่ไง มาแอ๊วเล่นด้วยแล้ว จะได้ไม่ลำบากคนอื่น

ศศรัณย์จำได้ว่าเขาเคยบอกแบบนี้ ถ้าคิดแบบที่เมษบอก... นะโมกำลังช่วยเธอไม่ให้เดือดร้อนเรื่องนี้งั้นเหรอ...

ศศรัณย์ส่ายหน้าให้ความคิดของตัวเอง คนอย่างนะโมน่ะนะ... ไม่มีทาง!

 

พอได้กินลูกอมแล้วก็อารมณ์ดี มีสมาธิทำงานขึ้นมาทันทีจนทำงานได้เสร็จก่อนเวลาพักกลางวัน พอกินข้าวเสร็จ ศศรัณย์ เมษและทิชาก็เดินกลับเข้ามาในออฟฟิศ ศศรัณย์ยังตื่นเต้นไม่หายที่เจอนะโมกับกรที่ร้านอาหาร เธอเกาะแขนเมษแน่นแล้วเขย่าไปมา

“นะโมกับกร... นะโมกับกรน่ะ! แกเห็นผีไหมเมษ”

“โอ๊ย อะไรของแก ไอ้รัน บอกไปตั้งหลายรอบแล้วว่าไม่เห็น”

“แต่เขาป้อนลูกชิ้นกันด้วยนะ”

“ป้อนอะไร นะโมมันถือลูกชิ้นเสียบไม้อยู่ แล้วแบ่งให้เพื่อนกิน แปลกตรงไหน” ทิชาถามงงๆ

“เออ ไม่ใช่ว่าเอาไม้จิ้มแล้วป้อนใส่ปากเสียหน่อย อีกอย่าง กรมันถือของเยอะแยะ มือไม่ว่าง แกไม่เห็นเหรอ”

“แต่... มีป้อนกาแฟกันด้วยนะ” ศรัณย์ไม่ยอมแพ้ พูดไปก็บิดไป เมษส่ายหน้าอย่างระอา

“เหตุผลเดิม ก็กรมันถือของเยอะ มือไม่ว่าง นะโมเลยยื่นแก้วน้ำให้ดื่ม แค่นั้นเอง ไม่เห็นมีอะไรน่าจิ้นเลย นี่แกคิดอะไรไปถึงไหนเนี่ยรัน ไอ้บ้า” เมษด่า ศศรัณย์หน้าเสีย ไม่วายบ่นงุบงิบ

“แต่คู่นี้น่ารักน่าจิ้นดีออก”  

“คู่ไหนครับ” ศศรัณย์สะดุ้งเฮือกตอนที่ได้ยินเสียงนั้น เธอหันขวับไปหา เห็นนะโมยืนยิ้มมองอยู่ เสียงทิชากับเมษหัวเราะดังแว่วมา

“นั่น หน้าตาตื่นเลย อย่าบอกนะว่าจิ้นผมกับไอ้กร” เดาถูกอีกแล้ว ศศรัณย์หน้าแดงวาบ นะโมถอนหายใจ เป็นการถอนหายใจที่หนักหนาที่สุดที่ศศรัณย์เคยเห็น เหมือนปอดจะหลุดติดออกมาด้วย

“เลิกคิดไปเลยนะพี่ยุ่น จิ้นอะไรเนี่ย ผมกับกรไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะ เราเลิกกันไปนานแล้ว”

“หา?!” ศศรัณย์ร้องลั่น นะโมหัวเราะชอบใจ

“เชื่ออีก โอ๊ย! อย่าเชื่อสิ! ผมล้อเล่น”

“มาพูดให้คิดทำไมล่ะ แถมทำตัวสนิทสนมน่าจิ้นขนาดนี้”

“ก็สนิทกันนี่ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถมแล้ว แต่ไม่มีอะไรให้จิ้นหรอก เลิกคิดๆ” เขาว่า ใช้ซองเอกสารในมือโบกไปมาตรงหน้าศศรัณย์

“เอกสารอะไรน่ะ” ศศรัณย์ถาม มองเขานิ่ง นะโมยกมันขึ้นดู และยังไม่ตอบอะไร

“ใบลาออกเหรอ พี่ก็เข้าใจนะ ความสัมพันธ์ในออฟฟิศมันลำบาก ต้องมีคนหนึ่งเป็นฝ่ายลาออกไป นู่น ฝ่ายบุคคลอยู่ตรงโน้น ไปยื่นให้เขาสิ เศร้านะ... นะโมไปแล้วพี่จะแทะโลมใครล่ะ” ศศรัณย์ว่าพลางถอนหายใจ

“ไม่เป็นไรครับ ผมเสียสละให้พี่ยุ่นได้เสมอ แต่พี่ยุ่นต้องหาเลี้ยงผมนะ ผมตกงานแล้ว เรื่องงานบ้านผมจะดูแลเอง” นะโมรับมุก ทำเอาศศรัณย์ไปต่อไม่ถูก เธอหรี่ตามองแล้วถามเขา

“ตกลงในซองนี่อะไร”

“ผมเอามาให้” เขาว่า ยื่นมันให้เธอ ศศรัณย์รับไป มองเขาอย่างระแวดระวัง

“ทำไมมองแบบนั้นล่ะ ผมมาดีนะ เห็นพี่ยุ่นบ่นวันก่อนว่าอยากลองระบายสีเล่น พี่ยุ่นยังไม่ได้ไปซื้อหนังสือระบายสีเลยนี่”

“รู้ไปหมด จะรู้ดีเกินไปแล้ว” ศศรัณย์ว่า นะโมยิ้ม

“รู้เหมือนเข้าไปนั่งในใจเลยใช่ไหมครับ” ศศรัณย์ขำพรวดตอนที่ได้ยิน ส่ายหน้าน้อยๆ ให้หนุ่มรุ่นน้อง เขาหัวไวจริงๆ ต่อมุกจนศศรัณย์เองเป็นฝ่ายแพ้

“รูปมันดาลาน่ะ ผมวาดเอง” นะโมตอบคำถามเธอ

“รูปอะไรนะ” ศศรัณย์เลิกคิ้วมอง ไม่คุ้นกับคำที่นะโมเพิ่งบอก

“มันดาลา” เขาว่า “รูปวาด เอาไว้ให้พี่ยุ่นระบายสีไง”

ศศรัณย์เปิดซองดู ในนั้นมีกระดาษสีขาวค่อนข้างหนาแผ่นหนึ่ง เธอหยิบมันออกมาดู สายตาสะดุดกับตรงกลางภาพทันที

ที่กลางภาพนั้นเป็นวงกลม ด้านในเป็นรูปดอกไม้ดอกหนึ่ง มีกลีบหลายกลีบ นอกวงกลมมีรูปหัวใจเรียงรายเป็นวงกลมเช่นกัน ล้อมวงกลมด้านใน ขนาบข้างไปด้วยลวดลายละเอียดถี่ยิบซับซ้อน ถ้าต้องระบายสีรูปนี้จริงๆ คงลำบากน่าดู

“จะยิ่งปวดหัวหนักขึ้นไปอีกไหมเนี่ย” เธอบ่น นะโมยิ้มแป้นกลับมาให้

“ไม่หรอกครับ รูปมันดาลามันจะดึงดูดสายตา สร้างสมาธิดีนะ แล้วลายเยอะๆ แบบนี้น่ะ ถึงเวลาระบายจริงๆ พี่ยุ่นไม่ปวดหัวหรอก เชื่อผม”

“วาดเองจริงเหรอ” ศศรัณย์ถามอย่างไม่อยากเชื่อ นะโมพยักหน้า

“วาดเอง นี่ไง หัวใจเต็มเลย เห็นไหม ยังมีรอยดินสออยู่เลยก่อนผมตัดเส้น” นะโมว่า ชี้ๆ ไปที่รูปหัวใจเรียงราย ศศรัณย์หรี่ตามอง

“แล้วไอ้ลายละเอียดๆ นี่ ท่าทางวาดยาก วาดเองเหรอ” คราวนี้นะโมส่ายหน้า

“พี่ชายช่วย เขาทำงานด้านนี้น่ะ”

ศศรัณย์พยักหน้าให้กับคำตอบ ยกกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมองอีกครั้ง ดูเหมือนตรงกลางภาพจะเป็นจุดรวมสายตาอย่างที่นะโมว่า

“ขอบใจนะ” ศศรัณย์บอกแล้วยิ้มให้ เธอไม่เคยได้รับของแบบนี้จากใครเลย คิดว่าจะลองระบายดูสักตั้ง ไม่ให้เสียแรงนะโมที่อุตส่าห์วาดมาให้ นะโมไม่ว่าอะไรแค่ยิ้มตอบกลับไปเท่านั้น

 

                ตอนเย็นหลังเลิกงาน ศศรัณย์ปั่นพี่คมเข้มกลับบ้านเหมือนทุกที เธอจอดพี่คมเข้มที่จุดจอดจักรยานของคอนโดมิเนียม เดินเข้าล็อบบี้เพื่อตัดเข้าไปยังลิฟท์

                “พี่ยุ่น”

                ศศรัณย์หยุดกึกแล้วหันตามเสียงเรียก เบิกตากว้างเมื่อเห็นนะโมนั่งอยู่บนโซฟาในล็อบบี้ เขาดันตัวยืนขึ้น ส่งยิ้มยียวนแล้วเดินเข้ามาหา เขาเป็นประเภทโผล่มาได้ทุกทีทุกเวลาใช่ไหม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ เธอต้องเริ่มทำตัวให้ชินกับเขาแล้วหรือเปล่า

                แต่เขามาทำไมอีกเนี่ย...

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น