6

ส่อง


ศศรัณย์นั่งกัดกรามแน่นอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ คิ้วเรียวขมวดมุ่น คิดหาหนทางที่จะตีโจทย์ให้แตก จะทำอย่างไรดี จะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี

                เธอเพิ่งได้รับอีเมล์จากฝ่ายบริหาร บริษัทได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์มา ดูเหมือนตัวกฎที่วางไว้ยังมีช่องโหว่ และเธอและทีมต้องหาทางปิดช่องโหว่นั้น

                จะร่างนโยบายใหม่อย่างไรดี ศศรัณย์คิดหาหนทางก่อนจะฟุบลงกับโต๊ะทำงาน ถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองเปลือกลูกอมของนะโมที่เกลื่อนโต๊ะ วันนี้เขาก็เอามาให้อีกแล้ว และเธอก็กินมันหมดไปแล้ว

                ศศรัณย์ทิ้งเปลือกลูกอมลงถังขยะ ถอนหายใจอีกเฮือก ลุกจากโต๊ะทำงานไปที่ห้องน้ำ คิดว่าถ้าเอาน้ำสาดหน้าตัวเองสักซ่าสองซ่าน่าจะดีขึ้น

                แต่ก็ยังคิดไม่ออก ศศรัณย์ถอนหายใจอีก แล้วพาตัวเองไปที่ห้องครัว ในห้องครัวมีตู้กดเครื่องดื่ม ศศรัณย์คิดว่าถ้าได้โคล่าสักกระป๋องน่าจะดี

                พอไปถึงตู้ ก็เจอนะโมยืนยิ้มหน้าเป็นให้อยู่แล้ว ศศรัณย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่กว่าเดิม นะโมหลีกทางให้เธอได้กดโคล่ากระป๋องออกมา เธอเปิดฝาแล้วยกขึ้นดื่ม เห็นนะโมยืนดื่มน้ำส้มกระป๋องอยู่ เห็นแล้วก็อดนึกถึงนาฬิกาข้อมือของตัวเองไม่ได้

                “พี่ยุ่นเป็นอะไร หน้ายุ่งเชียว”

                “เจอนะโมไง หน้าเลยยุ่ง” ศศรัณย์ตอบ นะโมยังคงส่งยิ้มยียวนมาให้

                “แต่ผมเจอหน้าพี่ยุ่นแล้วชื่นใจ๊ ชื่นใจ” เขาว่า ศศรัณย์หลุดหัวเราะออกมา เธอหันมองไปรอบ เห็นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งนั่งระบายสีอยู่ ดูเหมือนจะเป็นหนังสือระบายสีสำหรับผู้ใหญ่ที่ฮิตๆ กัน ศศรัณย์ได้ยินมาว่ามันเป็นการบำบัด เธอเองก็สนใจมาได้สักพัก เพราะแบบนั้นจึงได้เดินไปหา หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ว่าง มองดูเธอระบาย

                “น้ำฝน แบบนี้ดีไหม” ศศรัณย์ถาม อีกฝ่ายพยักหน้า

                “ดีนะ เพลินดี นี่ฝนแวบมาระบาย งานเครียดมากเลย เดี๋ยวเสร็จอันนี้ก็กลับไปทำงานแล้ว”

                “แบบนี้ดูรายละเอียดน้อย ไม่น่าจะยากเนอะ รันเคยเห็นอีกแบบ ที่รายละเอียดเยอะๆ ดูแล้วปวดหัวจัง ทำไมคนชอบกันจัง รันว่ามันยิ่งน่าเครียดเข้าไปใหญ่”

                “อื้ม ฝนก็ว่างั้น” น้ำฝนบอก  แบ่งให้เธอระบายด้วยกัน ศศรัณย์บอกขอบใจแล้วลงมือระบาย รู้สึกเหมือนตอนเป็นเด็กที่ได้เล่นสมุดระบายสี ภาพในหนังสือน่ารักดี ระบายง่ายด้วย สักพักน้ำฝนก็เก็บของ

                “รันสนใจเหรอ ลองดูสิ สนุกดีนะ เพลินดี คลายเครียด” เธอว่า ศศรัณย์พยักหน้า

                “อือ ว่าจะลองมานานแล้ว ไม่ได้ไปซื้อสักที เพิ่งรู้ว่ามีลายขำๆ แบบนี้ด้วย เคยไปเดินดูเห็นแต่พวกรายละเอียดเยอะๆ ไม่กล้าซื้อ กลัวระบายแล้วจะยิ่งมึนกว่าเดิม” เธอว่า ฝนหัวเราะและบอกว่าเธอก็เห็นด้วย

                ศศรัณย์ดันตัวขึ้นยืนหลังจากน้ำฝนออกจากห้องครัวไปแล้ว เธอยืนจิบโคล่าอีกอึก มองนะโมที่ยังคงยืนนิ่ง มองเธอด้วยสายตาส่องทะลุใจแบบเดิมๆ จากนั้นศศรัณย์จึงออกจากห้องครัว กลับไปทำงาน

 

            พอถึงบ้านเย็นนั้น ศศรัณย์ก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน มันวันอะไรกันนี่

เอาน่า... อย่างน้อยในที่สุดเธอก็คิดหาทางแก้ปัญหานั้นตก ร่างนโยบายใหม่ขึ้นมาได้ เอาไปให้เมษกับทิชาดู ทั้งคู่เห็นด้วย จากนั้นเธอก็ส่งให้ผู้บริหาร เหลือแค่รออนุมัติ

                วันทั้งวันเธอใช้สมองไปกับเรื่องนี้ ล้าชะมัด...

                วันนี้ทิชามีนัดกับแฟนหนุ่ม เมษก็รีบกลับบ้าน พวกเธอเลยไม่ได้แวะไปนั่งร้านพี่กวิน หรือถึงถ้าเมษกับทิชาว่าง ศศรัณย์ก็ไม่แน่ใจว่าอยากไป วันนี้เธอล้าแปลกๆ อยากกลับบ้านมาพักผ่อน

ศศรัณย์หาอะไรง่ายๆ กินเป็นอาหารเย็น นั่งดูทีวีสักพักจึงลุกไปอาบน้ำ เปลี่ยนมาสวมชุดนอน นั่งแกร่วอยู่สักครู่ เริ่มรู้สึกเหงาๆ ชอบกล เธอได้ยินเสียงฟ้าร้องครืน ตามด้วยเสียงฝน ศศรัณย์ลุกไปดู เห็นหยดน้ำฝนเกาะพราวที่หน้าต่าง เมฆสีเทาอึมครึมกับอากาศที่เย็นลงทำให้เธอรู้สึกเหงาอีกแล้ว

ไม่ได้การ... ห้ามเหงานะ ศศรัณย์บอกตัวเอง ครั้งสุดท้ายที่รู้สึกแบบนี้ จบลงด้วยการนั่งน้ำตาไหลคนเดียวที่ป้ายรถเมล์ ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น จำได้ว่าวันนั้นแอบอาร์ตอยากนั่งรถเมล์ รอรถเมล์อยู่ที่ป้าย ตอนนั้นฝนใกล้ตก เธอมองเมฆฝนสีเทาหม่น สายลมเย็นชืดยิ่งทำให้ใจโหวง พอฝนตกลงมาก็ยิ่งรู้สึกเศร้า รู้ตัวอีกทีน้ำตาก็ไหล คิดถึงเรื่องต่างๆ ที่พยายามเก็บซ่อนไว้ในใจ เหมือนอยากระบาย... พอร้องไห้เงียบๆ สักพักก็ดีขึ้น ศศรัณย์ปาดน้ำตาออกจากใบหน้า กระโดดขึ้นรถเมล์ที่ผ่านมาพอดีแล้วกลับบ้าน ไม่ได้รู้สึกเศร้า และไม่ได้ร้องไห้อีก

ศศรัณย์ถอนหายใจ เดินไปเปิดคอมพิวเตอร์ เล่นอินเทอร์เน็ตสักหน่อยน่าจะดี เธอเข้าเฟสบุ๊ค เห็นทิชาอัปเดตรูปอาหารมื้อเย็น สวีทหวานกับแฟนหนุ่ม น่าอิจฉาชะมัด... และศศรัณย์ก็คอมเมนต์บอกทิชาไปแบบนั้น เห็นเมษโพสต์รูปสถานีรถไฟฟ้าพร้อมข้อความปริศนา

                ‘เพราะเธอ :)’

                ศศรัณย์พรมนิ้วรัวเร็ว พิมพ์คอมเมนต์ตอบเมษไป

                ‘เพราะเธอ ทำให้ฉันอยากโดดลงราง’

                จากนั้นเมษก็ตอบมาอย่างรวดเร็ว

                ‘ไอ้รัน ไอ้เลว’

                ศศรัณย์หัวเราะคิก เธอเลื่อนเมาส์ไปกดตั้งสเตตัสของตัวเองบ้าง มองช่องสีขาวว่างเปล่า คิดไม่ตกว่าจะโพสต์อะไรดี วันนี้เจออะไรมาบ้างนะ...

                ‘เวลาเครียดๆ น้ำตาลช่วยคุณได้นะ #ความรักก็เช่นกัน’

                ศศรัณย์พยักหน้าอย่างพึงพอใจให้ข้อความของตัวเองแล้วกดโพสต์ เธอรอสักพัก จากนั้นก็ได้รับคำก่นด่าจากเพื่อนรักทั้งสองตามคาด พี่กวินก็เอาบ้าง บอกเธอว่าถ้าว่างมากให้มาช่วยงานที่ร้าน

ศศรัณย์หัวเราะให้ข้อความพวกนั้น แล้วเธอก็เห็นว่ามีคนขอเพิ่มเธอเป็นเพื่อน ศศรัณย์กดดูรายละเอียดก่อนจะเบิกตากว้าง

                “นะโม?!” ศศรัณย์ขมวดคิ้วมุ่น เขาหาเฟสบุ๊คของเธอเจอได้อย่างไร เธอชั่งใจสักพัก จะกดรับดีไหมนะ แต่จริงๆนะโมก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร แค่กวนประสาทไปหน่อยเท่านั้น สุดท้ายศศรัณย์ก็ตัดสินใจกดรับนะโมเป็นเพื่อน

                ว่ากันว่า... ความอยากรู้อยากเห็นฆ่าคนให้ตายได้ ศศรัณย์เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะหลังจากนั้นเธอก็เริ่มส่องเฟสบุ๊คของเขา

                นะโมไม่ค่อยโพสต์อะไรเลย ล่าสุดก็หลายวันที่ผ่านมา เขาโพสต์รูปของภาพวาดสีน้ำ พื้นส่วนใหญ่ของภาพเป็นสีเทาอึมครึม เหมือนท้องฟ้าตอนฝนใกล้ตก เห็นแล้วน่าอึดอัดและชวนให้หดหู่ แต่มุมหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นสีขาวอยู่นั้น เธอเห็นดอกไม้สีส้มสดใส ตัดอารมณ์กันแบบสุดขั้ว เธอเลื่อนสายตามองข้อความที่เขาโพสต์กำกับภาพไว้

            ‘ผลิ’

                เธอเดาว่านั่นคือชื่อของภาพ วาดเองเหรอ... ก็น่าสนใจดี

                ปกติแล้ว ศศรัณย์ดูไม่ค่อยออกหรอกว่างานศิลปะแบบไหนสวย แบบไหนไม่สวย แต่ถ้ารูปนี้เป็นรูปเมฆฝนอึมครึมและดอกไม้สีส้มสดใสจริงๆ ศศรัณย์บอกได้เลยว่ารูปของนะโมนั้นจัดอยู่ในหมวด ไม่สวย ดูเหมือนเขาจะแค่อยากวาดก็เลยวาดเท่านั้น ไม่ได้วาดเอาโล่ ซึ่งก็ดูเป็นนะโมดี

                รูปโพรไฟล์ของนะโมเป็นรูปวิวภูเขาและทะเลสาบ ศศรัณย์กดเข้าไปดูเรื่อยๆ เห็นว่าเขาโพสต์รูปตัวเองน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นรูปทิวทัศน์ หรือไม่ก็ภาพวาดสีน้ำ (ซึ่งก็ยังจัดอยู่ในหมวดไม่สวย) และจานสี

                “อาร์ตชะมัด” ศศรัณย์อดคิดไม่ได้ ทำงานด้านเทคโนโลยี แถมเก่งมากด้วยตามที่กรบอก ไม่น่ามีมุมอาร์ตขนาดนี้

ศศรัณย์ส่องรูปโพรไฟล์ของเขาไปเรื่อยๆ เธอแอบกรี๊ดเมื่อเห็นรูปเขากับคู่จิ้น รูปนะโมยืนกอดคอกรอย่างสนิทสนม จากนั้นก็เป็นรูปทะเล รูปพื้นสีดำสนิท และเมื่อเกือบถึงรูปสุดท้าย ก็เจอรูปเขากับผู้หญิงหน้าตาน่ารักอีกคน ถ่ายคู่กันอย่างแนบชิด

แฟนแน่ๆ ... ศศรัณย์ฟันธง

                 ศศรัณย์เห็นรูปเดี่ยวของเขารูปหนึ่ง นะโมส่งยิ้มกว้างมาให้จนตาหยี ยิ้มที่ทำให้ศศรัณย์ต้องยิ้มตอบ จริงๆ ตอนเขาไม่อ้าปากพูดก็น่ารักดี

                เสียงเตือนจากเฟสบุ๊คดังอีกครั้ง คราวนี้เป็นแชท ศศรัณย์เลิกคิ้วมองเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนส่งข้อความมาหา

            ‘พี่ยุ่น’

                และเพราะว่าไม่ได้ชื่อยุ่น จึงไม่สนใจจะตอบ ศศรัณย์ส่องเฟสบุ๊คของเขาต่อไป

                ‘พี่ยุ่น พี่ยุ่น พี่ยุ่น’

ศศรัณย์จึ๊ปากอย่างรำคาญ เสียงร้องเตือนของเฟสบุ๊คดังตามจำนวนครั้งที่นะโมส่งข้อความมา เธอพิมพ์รัวเร็วตอบเขาไป

                ‘ไม่ได้ชื่อยุ่น’

                แต่ดูเหมือนเธอจะตัดสินใจพลาด เพราะจากนั้นเสียงร้องเตือนก็ดังระงม นะโมฟลัดข้อความ “พี่ยุ่น” มารัวๆ ราวๆ สามหน้าเอสี่ ศศรัณย์ขมวดคิ้ว สูดลมหายใจเข้าลึก พยายามควบคุมอารมณ์ เธอเกือบจะกดบล็อกเขาไปแล้ว แต่สุดท้ายก็แค่ตอบเขาไปเพื่อตัดรำคาญ

                ‘อะไร’

                และนะโมก็ไม่ได้ตอบอะไร แค่ส่งหน้ายิ้มกลับมาให้แล้วปล่อยเธอเป็นอิสระ เหมือนพอใจแล้วที่เธอขานรับชื่อที่เขาเรียก

                “อะไรของมันวะ” ศศรัณย์บ่นกับตัวเองพลางส่ายหน้า จากนั้นก็ส่องเฟสบุ๊คเขาต่อ

                แทบไม่มีสเตตัสของนะโมเลย ส่วนใหญ่เขาจะโพสต์รูปภาพวาดสีน้ำและทิวทัศน์ และดูเหมือนช่วงหนึ่งเขาจะหายจากเฟสบุ๊คไปเป็นปีๆ อันที่จริง เหมือนเขาเพิ่งจะกลับมาเล่นเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว

                สัญญาณเตือนดังขึ้นอีกแล้ว และศศรัณย์ก็เห็นว่านะโมส่งข้อความใหม่มา เธอถอนหายใจแล้วเปิดอ่าน ก่อนจะเบิกตากว้าง ใจหายวาบกับข้อความของเขา

                ‘แอบส่องเฟสฯ ผมอยู่ใช่ไหม’

                “รู้ได้ไงวะ!” ศศรัณย์ร้องกับตัวเอง จากนั้นก็รีบพิมพ์ข้อความปฏิเสธเขาไปว่าเปล่าเลย เธอไม่ได้ส่องอะไรทั้งสิ้น แต่เธอก็อดกลัวไม่ได้ นะโมเป็นไอที และตามที่กรบอก เขาเก่งมาก นี่คราวก่อนที่เขามาจัดการเครื่องคอมพิวเตอร์ของเธอ เขาได้ลงโปรแกรมอะไรไว้หรือเปล่า หรือว่าแฮคระบบเข้ามา ถึงได้รู้ว่าเธอส่องเฟสบุ๊คเขาอยู่แบบนี้

                น่ากลัวชะมัด... เธอไม่น่ารับเขาเป็นเพื่อนเลย

                ก่อนที่ศศรัณย์จะได้ฟุ้งซ่านไปมากกว่านั้น นะโมก็ส่งข้อความใหม่เข้ามาอีก

                ‘พี่ยุ่นนี่เพ้อเจ้อเหมือนกันนะ’

‘อะไรของนาย’

‘แต่ละสเตตัสยาวๆ ทั้งนั้น อ่านไม่ค่อยเข้าใจด้วย’

‘นี่นายแอบส่องเฟสฉันเรอะ!’

‘ส่องดิ ก็แอดมาส่องไง บันเทิงดีออก’

‘ไอ้นี่...’

‘ผมรู้ว่าพี่ก็ส่องผม’

ศศรัณย์หยุดกึก ความกลัวเมื่อครู่กลับเข้ามาในใจอีกแล้ว เขารู้ได้อย่างไร เพราะเขาเป็นไอทีใช่ไหม เขาแอบติดตั้งอะไรไว้หรือเปล่า

‘เงียบ... คิดว่าผมรู้ได้ไงใช่ไหม นี่คิดว่าผมลงโปรแกรมประหลาดๆ ใส่คอมฯ พี่ไว้ใช่ไหม ฮ่าๆ’

ศศรัณย์นิ่งกึก พิมพ์ตอบกลับไป

‘หรือไม่จริง’

แล้วนะโมก็แค่หัวเราะกลับมา

‘ใครจะไปทำอย่างนั้นเล่า ตลก ผมก็เดามั่วไปเรื่อยเท่านั้นแหละ’

‘แน่ใจนะ’

‘แน่ใจสิ กลัวอะไร ผมดูเลวขนาดนั้นเลยเหรอ’

เออสิ เลวขนาดนั้นแหละ ศศรัณย์คิดในใจ สุดท้ายก็บอกเขาไปแบบนั้น

‘ฟุ้งซ่านว่ะ ผมไม่เลวขนาดนั้นหรอกนะ ไว้ใจกันหน่อยสิ’

‘พูดง่ายเนอะ ที่ผ่านมาทำตัวน่าไว้ใจมาก’ ศศรัณย์ประชด และรู้เลยว่าเขากำลังส่งยิ้มยียวนมาให้

แค่อยากเล่นอินเทอร์เน็ตพักผ่อน ทำไมมันเหนื่อยกว่าเดิมแบบนี้ สงสัยต้องลองใช้ชีวิตออฟไลน์ดูบ้าง ศศรัณย์นึกถึงหนังสือระบายสี ไว้วันหยุดนี้ไปลองหาดูดีกว่า

ศศรัณย์คิดจะปิดคอมพิวเตอร์และไปอ่านหนังสือที่อ่านค้างไว้ ตอนที่ข้อความใหม่ของนะโมเด้งขึ้นมา ตอนแรกศศรัณย์ตั้งใจจะไม่เปิดอ่าน แต่ก็เพราะเหตุผลเดิม ความอยากรู้ฆ่าคนให้ตายได้ ศศรัณย์จึงเลื่อนเมาส์ไปกดเปิดอ่านดู

‘เหนื่อยมากก็ปิดคอมฯ เถอะ ไปอ่านหนังสือเตรียมตัวเข้านอนดีกว่า’

ศศรัณย์เบิกตากว้าง นะโมนี่จะรู้ดีเกินไปแล้วหรือเปล่า ศศรัณย์มาคิดๆ ดู นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดอะไรอย่างกับอ่านใจเธอออกแบบนี้ เธอคิดถึงสายตาวิบวับที่มองเธออย่างกับส่องทะลุใจ

เป็นผู้วิเศษหรือไง นายน่ะ...

ศศรัณย์ไม่ตอบข้อความของเขา เธอปิดคอมพิวเตอร์แล้วโดดขึ้นเตียง คลุมตัวเองด้วยผ้าห่มผืนนุ่ม หยิบหนังสือที่วางไว้ข้างเตียงขึ้นเปิดอ่าน ใช้เวลาสักพักกว่าจะรวบรวมสมาธิให้สนใจเรื่องในหนังสือได้ ก็ภาพใบหน้ายียวนกวนประสาทของนะโมวาบขึ้นมากวนใจอยู่เรื่อย

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น