5

หุ้นส่วน


“คุณรันทำงานที่นี่เหรอครับ” ปกรณ์ถาม ท่าทางดีใจที่ได้เจอเธอ ศศรัณย์ยิ้มจนตาหยี

                “ค่ะ แล้วคุณทำงานให้เจ็นซีเหรอคะ” เธอถามบ้าง ปกรณ์หัวเราะแหะๆ ดูจะตอบไม่ถูก พี่ก้องเลยตอบแทน

                “คุณปกรณ์เป็นรองประธานฯ ของเจ็นซีน่ะ ไม่ยักรู้ว่ารันรู้จักคุณปกรณ์ด้วย” ศศรัณย์เบิกตากว้างขึ้นอีกเมื่อได้ยิน ไม่คิดว่าเขาจะสูงส่งปานนั้น เธอนึกขึ้นได้ว่าเขาบอกเธอว่าเขากลับมาช่วยงานที่บริษัทของพ่อ

            ลูกชายเจ้าของเจ็นซี...

                ศศรัณย์กลืนน้ำลายเอื้อก ปกรณ์หัวเราะให้ท่าทางของเธอแล้วบอกกับพี่ก้อง

                “ผมเจอคุณรันตอนไปปั่นจักรยานออกกำลังกายที่สวนสาธารณะครับ เลยรู้จักกันตอนนั้น ไม่ยักรู้ว่าจะได้มาทำงานร่วมกันด้วย ถ้าเป็นคุณรัน คงทำงานร่วมกันได้ แบบนี้คงต้องเร่งเรื่องสัญญาแล้วสิ” ปกรณ์บอกแล้วยิ้ม ศศรัณย์ยิ้มตอบ ส่วนคนอื่นๆ ในห้องประชุมก็ท่าทางโล่งอกโล่งใจ ดูเหมือนทุกคนจะคาดหวังให้เจ็นซีลงมือเซ็นสัญญาในเร็ววัน

                “เดี๋ยวประชุมเสร็จแล้วคุณรันไปไหนไหมครับ ไปกินข้าวกันไหม” ปกรณ์ชวนขึ้นมาต่อหน้าทุกคน พี่ก้องรีบบอก

                “ทางเราจัดอาหารให้คุณปกรณ์แล้วครับ เผื่อคุณปกรณ์จะคุยเรื่องสัญญาต่อ จะได้คุยระหว่างมื้อกลางวัน”

                “ผมว่าคุยเรื่องงานให้เสร็จในที่ประชุมเลยก็ได้ คงไม่ต้องคุยลากยาวขนาดนั้น” เขาว่า หันมาหาศศรัณย์อีกครั้ง

                “คุณรันว่าไงครับ ว่างหรือเปล่า ไปกินข้าวกันไหม”

ศศรัณย์อึ้งไปนิด ความกลัวแล่นจี๊ดขึ้นมาในใจอีกแล้ว แต่ศศรัณย์ก็ตั้งสติ เขาไม่ได้จีบเธอเสียหน่อย ใช่ไหม... และเหมือนปกรณ์จะรู้ เขาขยับแว่นสายตาแล้วยิ้มให้

                “จะได้คุยกันเรื่องที่คุยค้างไว้เมื่อคราวก่อน”

                เรื่องปั่นจักรยาน เรื่องเส้นทางที่น่าสนใจ ศศรัณย์ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาคงไม่ได้คิดอะไรจริงๆ คงแค่อยากมีเพื่อนวัยเดียวกันไปปั่นจักรยานด้วยกัน เธอออกจะเข้าใจความรู้สึกของเขา บางทีปั่นจักรยานคนเดียวมันก็เหงานะ

                “ได้ค่ะ” ศศรัณย์ตอบตกลง

 

            การประชุมราบรื่น ศศรัณย์นั่งฟังคนจากแผนกต่างๆ ให้ข้อมูลเรื่องตัวผลิตภัณฑ์ จนถึงคราวของเธอ ศศรัณย์ก็เริ่มอธิบายพร้อมเปิดพรีเซนเทชันไปด้วย ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร ก็ทำแบบนี้มาบ่อยๆ ปกรณ์ก็เหมือนเป็นพนักงานใหม่ เธอก็แค่ต้องอธิบายเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ฟัง

                ดูจะเป็นเด็กใหม่ที่ตั้งอกตั้งใจมากเสียด้วย เขาดูสนใจเรื่องที่เธอพูดมากเลย

 

            ในที่สุดก็ประชุมเสร็จ ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ ปกรณ์คุยอะไรเงียบๆ กับผู้บริหารท่านหนึ่งและศศรัณย์เห็นว่าเขายิ้มกว้าง น่าจะเป็นข่าวดี

                ผู้เข้าประชุมทยอยกันออกจากห้องประชุม ปกรณ์ก้าวยาวๆ มาหาเธอ มีพี่ก้องเดินตามหลัง

                “งั้นเดี๋ยวผมขอตัวเลยแล้วกันนะครับ เรื่องสัญญาจะให้เลขาโทร. มานัดอีกที แล้วก็ ขอยืมตัวคุณรันไปเป็นเพื่อนทานมื้อกลางวันนะครับ แล้วจะพามาส่ง” เขาบอก พี่ก้องยิ้มรับ จากนั้นปกรณ์จึงพาเธอเดินออกจากห้องประชุม

                “กินอะไรกันดี คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” ปกรณ์ถามเมื่อเดินออกมานอกห้องประชุมแล้ว ศศรัณย์กำลังจะตอบตอนที่เห็นนะโมยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ มองมาที่เธอ

                ลืมไปเลย...

                “ว่าไงครับ แถวนี้มีร้านอะไรอร่อยไหม คุณแนะนำได้ไหม” เขาถามอีก ศศรัณย์ไม่ตอบ เธอยังมองนะโมอยู่ เขาเองก็มองกลับมา ดูเหมือนเขาจะแน่ใจแล้วว่าเธอจะไปกินข้าวกับผู้ชายคนนี้

                ศศรัณย์นึกว่าเขาจะโกรธ แต่นะโมแค่ยิ้มมาให้ เพยิดหน้าให้เธอหนึ่งที จากนั้นก็เดินแยกไปอีกทาง...

                ไม่โกรธเหรอ...

                แต่จะโกรธได้อย่างไรล่ะ เธอไม่ได้ตกปากรับคำว่าจะไปกินข้าวกับเขาเสียหน่อย พูดเองเออเองก็แบบนี้แหละ เจอแบบนี้บ้างก็ดี จะได้เข็ด

                ปกรณ์หันมองตามทิศที่เธอมองอยู่ จากนั้นก็หันมาหา ถามเธอขึ้นมา

                “คุณมีนัดอยู่แล้วหรือเปล่า”

                “เปล่าค่ะ ไม่มี” ศศรัณย์รีบบอก “แถวนี้มีร้านหนึ่งอร่อย เดี๋ยวรันพาไป”

 

            ศศรัณย์ไม่แน่ใจว่าเป็นเวรของกรรม กรรมของเวรหรือว่าอะไร เธอพาปกรณ์มาร้านอร่อยร้านโปรดของเธอ บรรยากาศร้านดี อาหารอร่อย ทุกอย่างราบรื่น แต่ไอ้หนุ่มโต๊ะข้างๆ นี่สิ...

                ไม่รู้อะไรดลใจให้นะโมมากินข้าวร้านนี้ แถมนั่งโต๊ะใกล้ๆ กันอีกต่างหาก

                แต่นะโมเหมือนไม่ได้สนใจเธอเลย เขามองเธอแวบหนึ่งตอนที่เธอเดินเข้ามาในร้าน ท่าทางนิ่งเฉยเหมือนไม่แปลกใจ เขากินอาหารของเขา เล่นโทรศัพท์มือถือไปด้วย พอกินเสร็จก็ลุกไป เหมือนไม่รู้จักกัน

                ศศรัณย์ไม่ว่าอะไรหรอก แบบนี้ก็ดีแล้ว เธอคงทำหน้าไม่ถูกถ้านะโมทักขึ้นมา หรือมานั่งร่วมโต๊ะด้วย ก็เจ้าเด็กนี่ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง บางครั้งก็รับมือยาก แถมคาดเดาไม่ถูกอีกต่างหาก

                ศศรัณย์คุยกับปกรณ์เรื่องการปั่นจักรยาน แนะนำเขาเรื่องเส้นทางน่าปั่น เธอบอกให้เขาลองไปแถวราชดำเนิน แถวพระบรมมหาราชวัง แถวนั้นถนนสวย แถมมีวัดวาอารามให้แวะไหว้อีกด้วย

                ดูเหมือนปกรณ์จะสนใจ เขานั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ ยิ้มน้อยๆ ให้ด้วย ศศรัณย์ยิ่งมองก็ยิ่งคิดว่าเขาน่ารักชะมัด...

                “ผมยังไม่ค่อยชินทาง ไว้ไปด้วยกันไหมครับ” เขาถามขึ้นมา ศศรัณย์พยักหน้า

                “ได้ค่ะ เดี๋ยวรันไปเป็นเพื่อน”

                “ถ้าคุณรันไม่ว่าอะไร ผมขอไลน์คุณรันไว้ได้ไหมครับ จะได้ไว้นัดกันมาปั่นจักรยาน”

ศศรัณย์หยุดกึกเมื่อได้ยินอย่างนั้น ความรู้สึกหวาดกลัวแล่นขึ้นใจทันที แต่ศศรัณย์ก็บอกตัวเอง ไม่เป็นไรนี่ คุณปกรณ์ก็แค่ขอไลน์ไว้นัดกันมาปั่นจักรยาน เขาไม่ได้จีบเสียหน่อย ดีด้วยซ้ำไม่ใช่เหรอ เธอจะได้ไม่ต้องไปปั่นคนเดียว

ดีไม่ดี... ถ้ารู้จักกันดีแล้ว เธออาจจะเลิกกลัว เขาอาจจะเป็นคนที่ใช่ คนที่เธอจะเปิดใจให้ คนที่จะพาเธอไปปั่นจักรยานริมชายหาดอย่างที่ใฝ่ฝันมานานก็ได้

ศศรัณย์รู้สึกตัวอีกทีเมื่อโทรศัพท์มือถือของเธอส่งสัญญาณเตือน เธอหยิบมันขึ้นดู เห็นปกรณ์ส่งสติ๊กเกอร์รูปกระต่ายยิ้มมาให้ และตัวเขาเองก็กำลังนั่งส่งยิ้มให้เธออยู่เช่นกัน

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น