เมษยืนรอรถไฟฟ้าไปทำงานเหมือนทุกเช้า วันนี้เขาออกจากบ้านสาย คลาดรถขบวนที่ขึ้นประจำทุกวัน คิดปลงๆ ว่าวันนี้คงไม่เจอน้องนักบาสฯ คนนั้นแล้ว
แล้วเมษก็ได้ยินเสียงคุ้นหู เขาหันขวับไป เจอน้องนักบาสฯ ยืนอยู่ใกล้ๆ เขาสวมเชิ้ตสีขาวกับกางเกงขายาวสีดำ คงจะไปเรียน ข้างกายมีหญิงสาวหน้าตาน่ารักในชุดนักศึกษา เมษเจอเขาพร้อมผู้หญิงคนนี้บ่อยๆ พอจะเดาได้ว่าคงเป็นแฟน
อกหักแล้วสิ เมษคิดในใจ คิดจะตัดใจหลายครั้ง แต่ก็อดแอบมองไม่ได้
“สายเลย” เขาบอกผู้หญิงคนนั้น ทำหน้ายุ่งใส่ เธอขมวดคิ้วเป็นปมมองเขา
“เพราะใครล่ะ ขวัญบอกคิมแล้วว่าอย่าลืม ก็ลืมจนได้ ต้องกลับไปเอาถึงได้สายไง”
ชื่อคิมเหรอ... วันนี้คงไม่แย่ ถึงจะออกจากบ้านสายแต่ก็ยังได้เจอ แถมได้รู้แล้วว่าเขาชื่ออะไร
เมษเหลือบมองเขา พอดีกับที่คิมหันมาทางนี้ ทั้งสองสบตากันเข้าอย่างจัง เมษเห็นเขาหยุดกึกแล้วรีบหันหน้าหนี เมษเลยหันหน้าไปอีกทาง ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร เขารู้หรือเปล่าว่าโดนแอบมอง ท่าทางเมื่อกี้มันเหมือนเขารู้ตัว
รถไฟฟ้ามาแล้ว เมษพาตัวเองขึ้นไปบนขบวน คนเยอะเหมือนเคย เขายืนอยู่ตรงกลางขบวน จับห่วงเอาไว้ มีคิมกับแฟนสาวยืนอยู่ใกล้ๆ ทั้งสองคุยกันเสียงเบา
เมษแอบรำคาญแฟนสาวของเขา ชื่อขวัญใช่ไหม ถ้าเมษได้ยินไม่ผิดน่าจะชื่อนั้น ไม่ได้รำคาญเพราะเป็นมารหัวใจ แต่รำคาญที่ขวัญดูจู้จี้และเอาแต่ใจเหลือเกิน ถึงคิมจะน็อตหลุดเถียงกลับไปบ้าง แต่สุดท้ายก็ยอมขวัญทุกที
“หมดเทอมนี้ก็ต้องทำงานแล้ว คิดหรือยังว่าอยากทำงานที่ไหน” ขวัญถาม เมษยืนนิ่งแอบฟังบทสนทนา ได้รู้อีกอย่างว่าเขาคงอยู่ปีสี่ จะเรียนจบเทอมนี้แล้ว
“ยังไม่ได้คิด”
“เอาแต่เล่นบาสฯ คิดเรื่องอนาคตได้แล้วคิม”
“ขวัญอยากคิดก็คิดไปคนเดียว คิมไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นตอนนี้ ง่วง”
“เมื่อคืนก็กลับดึกอีก”
“ก็มีซ้อมนี่ ไม่เชื่อก็ตามไปดูที่มหา’ลัยสิ” คิมท้า ขวัญเบ้ปากใส่
“แข่งเมื่อไร” เธอถามเขา
“ต้นเดือนหน้า จะมาดูไหม”
“ไม่รู้ ถ้าไม่ว่างก็ไม่ไป” ขวัญว่า เมษคันปากยิบๆ อยากจะโพล่งออกไปว่าคิมครับ เลิกกับนางเถอะ! ถ้าเป็นพี่เมษคนนี้ล่ะก็ จะเอาใจใส่น้องคิมทุกอย่าง จะไม่ทิ้งขว้างอย่างที่ขวัญทำ จะไปดูคิมแข่งด้วย!
ว่าแต่... แข่งที่ไหน เมื่อไร กี่โมงนะ
“วันเสาร์ต้นเดือนหน้า บ่ายสามโมง สนามบาสฯ มหา’ลัย ถ้าจะมาดูนะ คนนอกมาดูได้ เผื่อขวัญจะพาเพื่อนมา” คิมบอก ราวกับจะตอบคำถามของเมษ แต่คนที่คิมคุยด้วยจริงๆ กลับแค่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ คิมมองเธอที่สนใจโทรศัพท์มือถือมากกว่าเขา
“ยืนอยู่ยังจะเล่นมือถืออีก คนก็เยอะ ลงรถแล้วค่อยเล่น” เขาว่า ดึงโทรศัพท์แฟนสาวมาถือไว้ ขวัญโวยวายนิดหน่อย แต่ก็ทำเสียงดังกว่านั้นไม่ได้ ยังดีที่มีความเกรงใจคนรอบข้างอยู่บ้าง เธอเลยทำได้แค่แยกเขี้ยวใส่คิม
คิมหันมาทางนี้อีกแล้ว สบตาอย่างจังเข้ากับเมษอีกแล้ว เมษรีบหันหน้าหนี คราวนี้เขาต้องรู้แน่ว่าโดนแอบมอง สักพักเมษก็หันไปทางนั้นอีก เห็นคิมมองอยู่ คิมหันหน้าหนีขวับ กระซิบกระซาบอะไรกับขวัญที่เหลือบมาทางเขา เมษใจหายวาบ รู้แล้วแน่ๆ แบบนี้ มีแอบบอกแฟนด้วย และตลอดระยะทางที่เหลือ คิมไม่หันหน้ามาทางนี้อีกเลย
ศศรัณย์ขี่พี่คมเข้มมาที่สวนสาธารณะในวันเสาร์ ปั่นไปก็นึกถึงเรื่องหลอนๆ ที่เพิ่งเจอเมื่อวานไปด้วย เมื่อวานเธอไปทำงาน ไปถึงก็เห็นลูกอมรูปหัวใจของนะโมวางเคียงกับดอกกุหลาบดอกหนึ่ง เธอรู้ว่าดอกไม้นี่ไม่ใช่ของเขา เธอรู้เพราะเธอเคยได้รับมันมาก่อนแล้ว
และคราวนี้ไม่ใช่ดอกไม้อย่างเดียว มีจดหมายด้วย
ของพวกนี้ทำให้เธอกลัวจนตัวสั่น จดหมายจ่าหน้าซองถึงเธอ ถึงรัน ที่รักของผม มันเขียนไว้แบบนั้น
ข้อความในจดหมายคราวนี้บอกว่าอะไรศศรัณย์ไม่รู้ แต่เนื้อหาคงไม่ต่างจากที่ผ่านมา ที่บอกเล่าเรื่องราวของคนคนหนึ่งที่พูดจาเหมือนเธอเป็นคนรักของเขา บรรยายถึงสิ่งที่เธอทำว่ามีความหมายอย่างไรกับเขา โดยที่เธอไม่รู้เรื่องด้วยเลย
คราวนี้ศศรัณย์กำลังจะเปิดอ่านจดหมายนั่น แต่เมษมาถึงเสียก่อนแล้วดึงมันออกจากมือเธอ เขาฉีกจดหมายทิ้งแล้วเอาดอกไม้ไปทิ้งให้ด้วย ทำตามที่พี่กวินเคยสั่งไว้เป๊ะ ไม่ขาดตกบกพร่อง เมษฟ้องพี่กวินไปแล้วด้วยว่าเธอได้รับมันอีกแล้ว พี่กวินก็บอกให้ไปแจ้งความ แต่เธอคิดว่าคงไม่มีอะไร คงเป็นแค่เรื่องล้อเล่น พอเบื่อคงเลิกไปเอง ป่านนี้เลยยังไม่ได้แจ้งความเลย
ช่างมันเถอะ...
ศศรัณย์ปั่นไปเรื่อยๆ จนสบายใจขึ้นจึงนั่งพัก สักพักโทรศัพท์ก็ส่งเสียงดัง ศศรัณย์หยิบมาเช็คดู เห็นว่าปกรณ์ส่งข้อความมาหา ถามว่าเธออยู่ตรงไหน ศศรัณย์บอกพิกัดเขาไป พักเดียวก็เห็นร่างปกรณ์บนรถจักรยาน
“สวัสดีครับ” เขาทัก จอดจักรยานแล้วเดินเข้ามานั่งข้างๆ ถามเธออีก
“คุณรันมานานแล้วเหรอครับ”
“สักพักค่ะ ปั่นพอได้เหงื่อก็มานั่งพัก คุณปกรณ์จะไปปั่นเลยไหมคะ”
“รอคุณรันหายเหนื่อยก่อนดีกว่า จะได้ไปพร้อมกัน”
“รันหายแล้วค่ะ ไปเลยก็ได้” ว่าพลางดันตัวยืนขึ้นแล้วก้าวไปหาพี่คมเข้ม ปกรณ์ลุกตาม แล้วทั้งคู่ก็ปั่นจักรยานไปด้วยกัน
ปกรณ์คุยเก่ง ชวนศศรัณย์คุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ ยังดีที่เขาไม่พูดเรื่องงานเลย เพราะศศรัณย์ไม่อยากพูดเรื่องงานนอกออฟฟิศ วันหยุดก็อยากจะหยุดพักผ่อนให้เต็มที่
“คุณปกรณ์ได้ไปแถวราชดำเนินหรือยังคะ”
“ยังเลย รอเคลียร์งานด่วนให้เสร็จก่อน แล้วผมนัดอีกทีได้ไหมครับ ยังไม่ค่อยชินทาง ไม่อยากไปคนเดียว”
“ได้ค่ะ บอกล่วงหน้านะคะ เผื่อรันติดธุระ” เธอบอก เขาพยักหน้ารับแล้วยิ้มให้
เริ่มเย็นมากแล้ว ศศรัณย์กับปกรณ์ปั่นจักรยานออกมาจากสวนสาธารณะ เธอชวนเขาไปแวะกินขนมที่ร้านพี่กวิน ปกรณ์บอกว่าเขาเริ่มหิวขึ้นมานิดหน่อย หาอะไรกินก่อนกลับก็ดีเหมือนกัน
จักรยานสองคันจอดอยู่ที่หน้าร้านกาแฟสีน้ำตาล พี่กวินทักศศรัณย์ที่ส่งยิ้มให้จนตาเป็นเส้น จากนั้นก็แนะนำเขาให้รู้จักกับปกรณ์ กวินยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วหันไปแซวศศรัณย์
“พาหนุ่มมาไม่ซ้ำหน้าเลย”
“หนุ่มอะไรเล่า พาลูกค้ามาให้ ไม่ได้ใจเหรอ พี่กวินนี่ก็”
“คุณรันฮอตมากเลยเหรอครับ” ปกรณ์หันไปถาม ศศรัณย์หัวเราะ
“ไม่มีหรอกค่ะคุณปกรณ์ พี่กวินเขาแซวเล่น ที่พามาก็มีแต่เพื่อนๆ ที่ทำงานนั่นแหละ” เธอว่า ปล่อยให้ปกรณ์สั่งเครื่องดื่มกับแซนด์วิช ก่อนจะพาเขาไปนั่งที่โต๊ะว่างๆ มุมหนึ่งของร้าน
พอกินเสร็จ ปกรณ์จะไปส่งศศรัณย์ที่บ้าน แต่หญิงสาวปฏิเสธ บอกเขาว่าเธอกลับเองได้ และอยากอยู่ช่วยพี่กวินต่ออีกสักหน่อยค่อยกลับ ปกรณ์ยอมตามนั้น เขาหันไปลากวิน โบกมือให้เธอแล้วขี่จักรยานจากไป
“ฮอตมากๆ” กวินแซวทันทีที่ปกรณ์คล้อยหลัง ศศรัณย์ขมวดคิ้วใส่
“อะไรเล่า พี่กวิน พาลูกค้ามาให้ยังจะมาแซวอีก”
“ทำไมอยู่ๆ เนื้อหอม หัวกระไดร้านพี่ไม่แห้งเลยเนี่ย”
“น้องสาวพี่กวินสวยขนาดนี้ หาผ้ามาเช็ดหัวกระไดร้านด้วยนะคะ” เธอว่า ไม่สนใจกวินที่ทำหน้าแปลกๆ ใส่ เธอเดินแยกไปเก็บโต๊ะให้ ตอนนี้ได้เวลาร้านปิดแล้ว ศศรัณย์เลยช่วยเขาเช็ดโต๊ะ เก็บโต๊ะ พักเดียวก็เสร็จ เธอเดินมาไหว้เขาก่อนกลับบ้าน
“ไม่ต้องไปส่งก็ได้ค่ะ” ศศรัณย์ว่า กวินเลิกคิ้วมอง
“ใครจะไปส่ง”
“โธ่ พี่กวินนี่นะ”
“โอ๊ย เจ้ารันน้องพี่ ใครจะไปกล้าทำอะไร ไปๆ กลับไปได้แล้ว ตรงกลับคอนโดฯ เลยนะ ไม่ต้องแวะเตะหมาระหว่างทาง” กวินไล่ ศศรัณย์ทำหน้ายู่ใส่ตอนที่เขาดับไฟในร้านใส่หน้าเธอ
ศศรัณย์กลับมาถึงคอนโดมิเนียมแล้ว ยังไม่ทันได้ปิดประตูห้องก็ได้ยินเสียงสั้นๆ ของโทรศัพท์ เธอหยิบมันขึ้นมาตรวจดู เห็นว่ากวินส่งไลน์มาถามว่าเธอถึงบ้านหรือยัง ได้แวะเตะหมาที่ไหนหรือเปล่า ศศรัณย์ยิ้ม ตอบเขาไปว่าเธอถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว และระหว่างทางอัดจิ๊กโก๋ปากบอนไปสามคน พี่กวินไม่ต้องห่วง
เธออาบน้ำแล้วเปลี่ยนมาสวมชุดนอน นั่งเตรียมพร้อมที่โต๊ะทำงาน ลงมือระบายสีไปเงียบๆ โทรศัพท์มือถือได้รับการปิดเสียงและถูกวางทิ้งไว้ในห้องนอนเหมือนทุกที เพื่อเพิ่มสมาธิในการระบายสีให้ตัวเอง
ไม่น่าเชื่อ แค่รูปรูปเดียวที่นะโมวาดมาให้ ใช้เวลาในการระบายยาวนานมาก จนป่านนี้ก็ยังเสร็จไปไม่ถึงครึ่ง ศศรัณย์สังเกตว่าตัวเองนิ่งขึ้นมาก ไม่รุกรี้รุกรนเหมือนวันแรก มือก็ไม่เจ็บมากเท่าวันแรก ไม่ฟุ้งซ่าน ดูจากที่เธอไม่ค่อยระบายสีออกนอกเส้นแล้ว
สักพักก็เก็บของ บิดตัว ไปล้างมือแล้วเดินเข้าห้องนอน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตรวจดู เห็นสายที่ไม่ได้รับจากทิชา ศศรัณย์จึงโทร. กลับไป
“ว่าไงแก”
“ศศะ คุยได้ไหม” น้ำเสียงของทิชาทำให้ศศรัณย์นิ่งไป เธอรีบตอบ
“ได้ แกเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ฉันไม่ค่อยสบายใจเรื่องธีร์”
“แฟนแกน่ะเหรอ ทำไมล่ะ ก็เห็นรักกันดีนี่”
“ก็ดีมั้ง แต่พักนี้มีคนมาชอบธีร์ รู้อยู่ว่าเขามีแฟนแล้วก็ยังจะยุ่ง”
“ใคร”
“คนในที่ทำงานน่ะ เห็นไลน์มาหาธีร์ แก ไลน์มาทำไมรู้ไหม ยุงกัด! ศศะ ยุงกัดแกต้องบอกแฟนชาวบ้านด้วยเหรอวะ ส่งรูปมาให้ดูอีกต่างหาก”
“ไหวไหมวะ” ศศรัณย์คราง ส่ายหน้าให้ความพิลึกของมนุษย์
“ฉันว่าไม่ไหว แต่ธีร์บอกว่าไม่มีอะไร เป็นรุ่นน้องที่ทำงาน”
“แล้วธีร์เล่นด้วยหรือเปล่า” ศศรัณย์ถาม
“คงไม่ เขาเอาโทรศัพท์ให้ฉันดูเลย น้องเขาส่งข้อความมาหยอกแบบทีเล่นทีจริงตลอด ธีร์ก็เฉยๆ ตอบเท่าที่จำเป็น”
“ถ้างั้นคงไม่เป็นไรมั้ง ดีที่ธีร์เขาเป็นคนดี ไม่หวั่นไหว” ศศรัณย์ปลอบเพื่อน
“ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ ไม่ใช่ไม่ไว้ใจนะศศะ ฉันไว้ใจเขามาก แต่ฉันไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนั้น แกเข้าใจไหม”
“เข้าใจ แกทำใจให้สบายดีกว่า แกสวย แกเริ่ด แกเก่งขนาดนี้ ใครจะไปคว้าเอายัยบ้าส่งรูปตอนโดนยุงกัดให้ผู้ชายดูวะ ไม่ต้องคิดมากหรอกทิชา” ศศรัณย์ว่า ทิชาถอนหายใจ
“ฉันแค่อยากระบายน่ะ ขอบใจนะที่ฟังฉัน”
“ไม่เป็นไร เล่ามาเถอะ ฟังได้หมดแหละ แต่แกไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ฉันไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่โมโหผู้หญิงคนนั้น มันหงุดหงิดใจน่ะ แต่ดีที่คนของเราดี ธีร์เขาไว้ใจได้”
“ดีแล้ว แกไปนอนดีกว่า พักผ่อนนะทิชา แล้วไว้ค่อยคุยกัน”
วางสายไปแล้วศศรัณย์ก็ครุ่นคิด ทิชาเป็นคนที่ใจกว้างเป็นแม่น้ำ ไว้ใจแฟนยิ่งกว่าอะไร และธีร์ก็ไม่เคยทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจ ไม่เคยทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจนั้นสั่นคลอน นี่อาจจะเป็นบททดสอบเล็กๆ ของคนทั้งคู่ก่อนจะตกลงปลงใจเดินต่อไปข้างหน้า ศศรัณย์รู้ว่าทิชากับธีร์เริ่มคุยเรื่องแต่งงานกันแล้ว และอีกไม่นานคงมีข่าวดี ถ้าผ่านเรื่องนี้ไปได้น่ะนะ
ศศรัณย์เปิดแอพพลิเคชันเฟสบุ๊ค นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้วตั้งสเตตัส
‘เพราะเธอทำให้ฉันเชื่อใจ ฉันจึงเชื่อใจเธอ
หรือเพราะว่าฉันเชื่อใจเธอ เธอจึงพยายาม ไม่ให้ความเชื่อใจของฉันสั่นคลอน
และเพราะแบบนั้น ฉันจึงได้เชื่อใจเธอ’
คราวนี้ไม่มีอาเจียนที่หน้าเฟสบุ๊คในทันทีทันใดเหมือนทุกที สักพักก็มีเมษมาคอมเมนต์สั้นๆ ว่า ‘ปรัชญา’ และทิชาที่แค่ส่งสติ๊กเกอร์รูปหัวใจมาให้ พี่กวินกดไลก์แล้วคอมเมนต์บอกสั้นๆ ว่า ‘ถ้าง่วงก็ไปนอนซะ’
ศศรัณย์ยิ้ม กำลังจะปิดโทรศัพท์มือถือตอนที่มีการแจ้งเตือนขึ้นมา
‘พี่ยุ่น’
นะโมอีกแล้ว ศศรัณย์ขี้เกียจจะอ่านข้อความของเขา จะอย่างไรนะโมก็ไม่ได้มีธุระด่วนอะไรหรอก ไว้พรุ่งนี้ค่อยอ่านก็แล้วกัน ศศรัณย์ปิดโทรศัพท์แล้วเข้านอน ไม่ได้รู้เลยว่ามีอะไรรออยู่ในเช้าวันถัดมา อะไรที่ทำให้เธอคิดว่า...
รู้แบบนี้อ่านข้อความเขาตั้งแต่เมื่อคืนก็ดี
ความคิดเห็น |
---|