1

ไฟล์ไฟล์นั้น


ซวย! ซวยแน่ๆ !!

                ศศรัณย์นั่งตัวแข็งทื่ออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในออฟฟิศ ดวงตาเรียวเล็กดูตระหนก ถึงมันจะหรี่ปรือจนแทบปิดก็เถอะ เธอขยับเมาส์ไปมา ก่อนจะเคาะแป้นคีย์บอร์ดแรงๆ หลายๆ ที แต่ไม่มีอะไรขยับเขยื้อนเลย

                อย่ามาค้างตอนนี้นะ! ศศรัณย์ขู่คอมพิวเตอร์ในใจ พยายามเปิดไฟล์งานที่เธอนั่งปั่นยันตีห้า เธอเหลือบมองนาฬิกาข้อมือสีส้มแป๊ด อีกสิบห้านาทีจะเริ่มประชุม แต่คอมพิวเตอร์ดันเดี้ยงไปแล้ว แฟลชไดร์ฟเสียบอยู่ข้างเครื่อง ในนั้นมีไฟล์งานสำคัญอันเป็นสิ่งชี้ชะตาว่าชีวิตของเธอในไตรมาสนี้จะอยู่หรือตาย

ศศรัณย์ลองหมดทุกทางแล้ว รีสตาร์ทเครื่อง ปิดเครื่องไว้สักพักแล้วเปิดใหม่ แต่ทำยังไงก็ค้างอยู่ดี จะไปขอลองเปิดไฟล์ในแฟลชไดรฟ์จากเครื่องของคนอื่นก็ไม่ได้ ทุกคนยุ่งหัวหมุนรีบปั่นงานเข้าที่ประชุมกันหมด

                ไม่มีทางอื่น ศศรัณย์คว้าหูโทรศัพท์บนโต๊ะทำงาน กดหมายเลขภายใน เสียงต่อสายดังขึ้นพักเดียวก็มีคนรับ

                “ไอทีซัพพอร์ตคร้าบ”

                “ศศรัณย์จากเทรนนิ่งนะคะ คอมพิวเตอร์เป็นอะไรก็ไม่รู้ มันค้างน่ะค่ะ เปิดไฟล์ไม่ได้เลย”

                “ได้ลองรีสตาร์ทหรือยังครับ”

                “ลองแล้วค่ะ ทำทุกทางเท่าที่จะทำได้แล้วค่ะก่อนโทร. มาหาไอที ช่วยมาดูหน่อยได้ไหมคะ เดี๋ยวต้องรีบเข้าประชุมด้วย”

                “โอเคครับ เดี๋ยวลงไปดูให้”

                จากนั้นก็วางสาย ศศรัณย์ถอนหายใจ ลองขยับเมาส์ไปมาอีกรอบแต่ก็ไม่มีอะไรขยับเขยื้อน เธอมองนาฬิกาข้อมืออย่างร้อนใจ คนของแผนกไอทีที่อยู่ชั้นบนจะลงมาตอนไหนก็ไม่รู้

                รู้แบบนี้ไม่มัวแต่ไปยืนแอ๊วหนุ่มหรอก เมื่อกี้น้องนัทจากแผนกการเงินแวะมาแถวนี้ ยังไม่ทันได้เอ่ยแซวถึงสองประโยคอีกฝ่ายก็ล่าถอย คุณแบงค์ที่เป็นเซลส์ด้วย แค่เห็นหน้าศศรัณย์เขาก็แทบวิ่งหนี แค่จะทักเฉยๆ ว่าใส่เสื้อตัวนี้หล่อดี เตรียมประโยคต่อท้ายไว้แล้วด้วยว่า ‘นั่นแน่... รู้ว่าวันนี้จะได้เจอรันเลยแต่งตัวหล่อใช่ไหมคะ’

                ศศรัณย์ขยับเมาส์ เคาะแป้นคีย์บอร์ด ภาพในจอก็ยังแน่นิ่ง เธอถอนหายใจ ตอนนั้นเองร่างสูงของใครบางคนก็ปรากฏ

                “คุณศศรัณย์อยู่ไหนคร้าบ”

เรียกหาพลางลากเสียงยาว ศศรัณย์หันตามเสียงเรียก มองดูชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนตรงหน้า เขาสวมเสื้อยืดสีชมพูอ่อนลายการ์ตูน กางเกงยีนส์ขายาวสีซีดและรองเท้าผ้าใบ ซึ่งไม่ต่างจากสภาพของศศรัณย์เท่าไร เธอเองก็อยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงยีนส์เหมือนกัน จริงๆ แล้วเหตุผลหลักที่เลือกทำงานที่นี่ ก็เพราะว่าไม่ต้องใส่กระโปรงล่ะมั้ง

                “อยู่นี่ค่ะ ไอทีใช่ไหม” ศศรัณย์ยกมือหราแล้วถาม อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วยิ้มให้ ดวงตาสีดำวิบวับหยีลง

                “ใช่แล้ว นะโมจากไอทีซัพพอร์ตครับ เห็นบอกว่าจะไปประชุม ผมรีบลงมาเลยนะเนี่ย คอมฯ เครื่องไหนครับที่ค้าง”

                ศศรัณย์ยิ้มอย่างขอบคุณให้บุรุษผู้ซึ่งกำชะตาชีวิตของเธอไว้ ผายมือเชิญให้เขานั่งลงที่โต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์เจ้าปัญหายังคงค้าง หนุ่มไอทีลองขยับเมาส์ เคาะสองสามปุ่มบนแป้นคีย์บอร์ด แต่ก็ยังไม่มีอะไรขยับเลย

                “คอมพิวเตอร์มันเก่าแล้วมั้งคะ เดี๋ยวฉันจะลองทำเรื่องขอเครื่องใหม่”

                “ก็ไม่เก่านะครับ รุ่นล่าสุดเลยด้วยนี่ เพิ่งติดตั้งไปเมื่อกลางปีเองไม่ใช่เหรอครับ”

                “แต่มันเจ๊งแล้วอ้ะค่ะเนี่ย” ศศรัณย์เถียง อีกฝ่ายมองเธอนิดหนึ่งแล้วหันไปสนใจคอมพิวเตอร์ต่อ

                “ไม่ขยับเลยแฮะ ท่าจะยาว พี่ไปเดินเล่นก่อนก็ได้ครับ เสร็จแล้วเดี๋ยวผมเรียก”

                “ไม่ไปได้ไหม อยากอยู่ใกล้ๆ เป็นกำลังใจให้นะ” ศศรัณย์เริ่มแอ๊ว หนุ่มไอทีเลิกคิ้วมองเธอหน่อยหนึ่ง ยกยิ้มน้อยๆ ราวกับขบขัน  เขาไม่ตอบอะไร แต่หันไปสนใจคอมพิวเตอร์ตรงหน้าแทน

                “เอาละ คุณศศะเริ่มละ” เสียงทิชาที่นั่งโต๊ะข้างๆ ดังขึ้น เธอเรียกชื่อศศรัณย์แค่สองพยางค์หน้า มีเสียงหัวเราะของเมษที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กันดังผสมขึ้นมา

                “น้องไอทีไม่ต้องสนใจมัน รันมันชอบแอ๊ว” เมษบอกบ้าง ไอทีหนุ่มหัวเราะหน่อยหนึ่ง ดูไม่ได้ติดใจอะไร ศศรัณย์มองเพื่อนตาขวาง

                “อย่าเม้าท์ระยะเผาขนสิ”

ถึงจะบอกว่าจะยืนใกล้ๆ เป็นกำลังใจ แต่ศศรัณย์ไม่ได้ยืนดูเขาหรอก เธอหาวหนึ่งที ขยี้ตาหยีๆ ของตัวเอง ง่วงชะมัด อดหลับอดนอนปั่นงาน นี่ถ้าเปิดไฟล์ไม่ได้ขึ้นมา ชีวิตก็จบเห่พอดี

ตอนที่หันรีหันขวางว่าจะทำอะไรดี ก็เห็นร่างของใครยืนเก้กังอยู่ตรงหน้า ในมือมีเอกสารปึกใหญ่

                “ติดต่อใครคะ” ศศรัณย์ร้องถาม ผู้ชายคนนั้นมองเธออย่างไม่แน่ใจ

                “เอ่อ... ทีมเทรนนิ่งครับ ตรงนี้ใช่ไหม”

                “ใช่ค่ะ”

                “คุณศศรัณย์อยู่ไหมครับ” ศศรัณย์พยักหน้า

                “อยู่ค่ะ คนที่สวยที่สุดในแผนก” เธอบอก และหนุ่มคนนั้นก็หันไปหาทิชาทันที เมษหัวเราะลั่นแผนก ทิชามองเขางงๆ และศศรัณย์ยืนขมวดคิ้ว ในที่สุดก็ยกมือหรา นาฬิกาข้อมือแนวสปอร์ตสีส้มแป๊ดโดดเด่นอยู่บนแขน

                “ฉันเองค่ะ สวยสุดในแผนก มีอะไรเหรอคะ”

                “เอกสารจากแผนกบัญชีที่คุณศศรัณย์ขอไว้น่ะครับ พี่อ้นให้เอามาให้”

                “อ๋อ ขอบคุณมากนะคะ” เธอว่าพลางรับเอกสารไป มองอีกฝ่ายแล้วยิ้มโชว์ฟันกระต่ายให้

                “เพิ่งมาใหม่เหรอคะ ไม่เคยเห็นหน้า”

                “ครับ วันแรกเลย”

                “นี่เดี๋ยวกลับแผนกแล้วใช่ไหมคะ กลับถูกไหมคะ ให้รันไปส่งไหม”

                “ไม่ต้องครับ กลับเองได้”

                “โอเค หลงทางในออฟฟิศน่ะไม่เท่าไหร่เนอะ แต่ถ้าหลงมานั่งในใจรันนี่ลำบากหน่อยนะคะ หาทางออกไม่น่าจะเจอ” เธอว่าพลางหัวเราะร่วน ส่วนอีกฝ่ายก็ทำท่าเหมือนจะผงะหนี รีบบอกลาแล้วจ้ำอ้าวจากไป

                “อ้าว หนีไปซะแล้ว” ศศรัณย์บ่นแล้วถอนหายใจ ไม่วายเห็นหนุ่มไอทีลอบมองอยู่ ริมฝีปากยกยิ้มน้อยๆ ราวกับกำลังกลั้นหัวเราะ

                “คุณศศะ ทำเด็กใหม่ผวาอีกแล้วเหรอคะ” ทิชาทำหน้าคล้ายระอาก่อนจะหันกลับไปสนใจจอคอมพิวเตอร์ต่อ

                “จะเด็กใหม่เด็กเก่า ไม่เห็นจะมีใครทนไอ้รันได้สักคน ขี้หลีจนเขาผวากันไปหมดแล้ว” เมษเสริม

                “แหม... ก็แอ๊วเล่นเท่านั้นแหละ”

                “เห็นแอ๊วเขาไปทั่ว พอเจอคนจริงจีบกลับจริงๆ ขึ้นมา วิ่งหนีหางจุกตูดเลยนะ” ทิชาบอกอีก ศศรัณย์หัวเราะแหะๆ

                “ตกลงคุณโบ๊ทที่อยู่บัญชีนี่ ยังจีบแกอยู่ไหม” เมษถามบ้าง

                “ไม่รู้” ศศรัณย์บอกปัด ไม่อยากสนใจ แค่คิดก็หวาดระแวงจนต้องหันหน้าหันหลังเผื่อคนที่พูดถึงจะโผล่เข้ามา

                ไม่ได้รังเกียจ และเขาไม่ได้รุกหนักอะไรเลย

                ...ศศรัณย์แค่กลัว

                “เห็นไหม ไปแอ๊วเขา พอเขาจีบขึ้นมาจริงๆ ก็วิ่งหนี น่าสงสาร”

                “สงสารฉันนี่ คอมฯ เดี้ยงอยู่นี่ จะแก้งานทันประชุมไหม ยิ่งเครียดๆ อยู่ ต้องหาทางระบาย ขอยืมคอมฯ หน่อยสิ ทิชา เมษ” ศศรัณย์หันหาเพื่อน แต่ทั้งสองส่ายหน้ารัวๆ

                “ไม่ว่างว่ะ รีบอยู่” เมษรีบบอก

                “ฉันก็ยุ่ง ยังปั่นรายงานไม่เสร็จเลยเนี่ย” ทิชาบอก ศศรัณย์ถอนหายใจ หย่อนตัวนั่งแหมะลงข้างเพื่อนสาว ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ได้ยินเสียงเรียกอีก

“น้องรัน” ศศรัณย์หันตาม เห็นหนุ่มรุ่นพี่จากฝ่ายจัดซื้อยืนส่งยิ้มมาให้ เธอยิ้มตอบ

“พี่วัฒน์ สวัสดีค่ะ มาทำอะไรแถวนี้คะ”

“เอาเอกสารมาให้ทิชาครับ” วัฒน์บอกแล้วยื่นเอกสารให้สาวสวยที่นั่งพรมนิ้วรัวเร็วลงบนคีย์บอร์ด ทิชาเงยหน้าขึ้นมารับเอกสารแล้วหันกลับไปสนใจคอมพิวเตอร์เหมือนเดิม

“ยุ่งกันอยู่เหรอเนี่ย”

“ใช่ค่ะ พี่วัฒน์ ขอบคุณมากนะคะที่เอามาให้ ทิชาไม่มีเวลาลุกเลยเนี่ย อีกสิบนาทีต้องไปประชุมแล้ว” ทิชาว่า ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู

พอศศรัณย์ได้ยินอย่างนั้นก็รีบหันไปหาไอทีหนุ่ม ตอนนี้หน้าจอของเธอเป็นสีดำมืด มีตัวอักษรภาษาอังกฤษหลายบรรทัด หนุ่มไอทีไม่ได้สนใจใคร เขาพิมพ์คำสั่งบางอย่างลงไปแล้วกดเอนเทอร์ ทำแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมา ศศรัณย์ไม่กล้ากวน กลัวจะยิ่งทำให้ช้ากว่าเดิม

“รันว่างเหรอ” พี่วัฒน์ถามอีก ศศรัณย์ยิ้มแหยๆ ให้เขา

“คอมฯ รันเจ๊ง ไอทีกำลังแก้ให้ค่ะ รันยังแก้งานไม่เสร็จเลย เดี๋ยวต้องเอาเข้าที่ประชุมเหมือนกัน ถามทำไมคะ จะชวนรันไปเดทเหรอ” ศศรัณย์เริ่มแอ๊ว วัฒน์หัวเราะเขินๆ

“เดทตอนนี้ได้ไง ทำงาน แต่วันเสาร์ว่างไหมล่ะ ไปกินข้าวกัน” อีกฝ่ายเริ่มรุก มองศศรัณย์ด้วยใบหน้าแดงเรื่อ ศศรัณย์ผงะไปนิด รีบหันมองทิชากับเมษอย่างหาตัวช่วย แต่ไม่มีใครสนใจ เมษแค่หันมายิ้มขำๆ ให้เท่านั้น

“โอ๊ย ไม่ว่างหรอกค่ะ คิวรันยาว” ว่าอย่างล้อเล่นแล้วหัวเราะ แต่วัฒน์ไม่ยอมแพ้

“ว่างเมื่อไหร่ล่ะ พี่รอรับบัตรคิวได้ไหม” วัฒน์ถามแล้วยิ้ม ศศรัณย์ยิ้มแหยๆ ไปให้

“พี่วัฒน์ตลกอ้ะ” เธอบอก หัวเราะกลบเกลื่อนแล้วรีบหันหลังไปนั่งแหมะข้างนะโมที่หันมาเลิกคิ้วมอง

“ยังไม่เสร็จเหรอคะ” ศศรัณย์รีบถาม ชะโงกหน้าไปที่หน้าจอสีดำกับตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เธอไม่เข้าใจสักนิด นะโมมองเธอที วัฒน์ที เขาส่ายหน้า

“ยังครับ” ว่าพลางเหลือบมองวัฒน์ที่มองมาทางศศรัณย์ วัฒน์ถอนหายใจ จากนั้นก็ล่าทัพกลับไป

“ไปแล้วครับพี่” นะโมหันมาบอก ศศรัณย์เลิกคิ้วมองเขา ตกใจที่เขารู้ว่าเธอกำลังหนี และทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้จ้องอะไรเธอ แต่สายตาจากดวงตาสีดำวิบวับแบบนั้นดูราวกับกำลังส่องทะลุใจ

เธอเหลือบไปมองทางด้านหลัง ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าวัฒน์จากไปแล้ว จากนั้นก็ย้ายไปนั่งแหมะข้างเมษ

“ไม่ช่วยกันเลยนะ” ศศรัณย์แหวใส่เพื่อนหนุ่มที่แค่หัวเราะหึๆ นิ้วเรียวยาวพิมพ์รัวเร็วลงบนแป้นคีย์บอร์ด

“จะได้เข็ด แอ๊วเขาแล้วไม่สนใจเขา จะแอ๊วทำไม”

“แอ๊วเล่นไม่ได้หรือไง ทำไมต้องคิดกันจริงจังด้วยวะ ไม่มีอารมณ์ขันเล้ย” ศศรัณย์บ่น มองใบหน้าคมเข้มของเพื่อนหนุ่ม เธอถอนหายใจอย่างเสียดายของ เมษเป็นผู้ชายร่างสูง หน้าตาคมคาย และเท่มากในความคิดของศศรัณย์ เสียดายชะมัดที่เมษไม่ชอบชะนี

“แต่ถ้าแกจีบก็ไม่แน่นะ” ว่าแล้วก็แอ๊วเพื่อนสาวเสียหน่อย เมษผงะ ทำหน้าหวาดระแวงใส่

“นี่แกแอ๊วฉันเหรอ แอ๊วไม่ดูเพศเลยเหรอไอ้รัน”

“เสร็จแล้ว!” ทิชาร้องออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะฟุบลงกับโต๊ะทำงานอย่างหมดแรง เมษยกมือขึ้นบ้าง

“เสร็จแล้วเหมือนกัน! วู้! อีกห้านาที ไอ้รัน เร็วๆ เลย”

“พี่ยุ่น”

“คอมฯ ยังซ่อมไม่เสร็จเลยเนี่ย ทำไงดีอ้ะ ไม่ทันแน่เลย” ศศรัณย์บอกเมษ

“พี่ยุ่นครับ”

ศศรัณย์ได้ยินเสียงเรียกใครสักคนที่เธอไม่รู้จัก และเพราะมัวแต่กังวลเรื่องงานอยู่เลยไม่ได้หันมอง จนเมษสะกิดแล้วพยักเพยิดใส่นั่นแหละ

“รัน น้องเขาเรียกแกหรือเปล่าวะ”

ศศรัณย์หันตามเสียง เห็นนะโมนั่งยิ้มมองเธออยู่ เขาเรียกอีก คราวนี้กวักมือด้วย

“พี่ยุ่น” ศศรัณย์เลิกคิ้วสูง ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“ฉันเหรอ”

“ครับ พี่หน้าเหมือนคนญี่ปุ่นเลยนะ”

“เอ่อ... ชมใช่ไหม แต่ฉันไม่ได้ชื่อยุ่นนะ ชื่อศศรัณย์ไง รู้แล้วไม่ใช่เหรอ เรียกศศก็ได้”

“ครับ คอมฯ ใช้ได้แล้วนะครับ พี่ยุ่น”

...ไม่ฟังกันเลยใช่ไหม ศศรัณย์ขมวดคิ้วมอง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ยังมีเรื่องด่วนให้จัดการ นะโมลุกพรวดจากเก้าอี้ เปิดทางให้ศศรัณย์เข้าไปนั่งแทน เขาพูดต่อ

“คอมพิวเตอร์ติดไวรัสมานะครับ มาจากแฟลชไดรฟ์ พี่ยุ่นได้เอาไปใช้ที่ไหนมาบ้าง”

“ใช้หลายที่นะ ที่ร้านเน็ตด้วย ล่าสุดก็เมื่อคืนที่บ้าน นั่งปั่นงานยันตีห้า ยังไม่ได้นอนเลยเนี่ย แล้วก็บอกว่าอย่าเรียกยุ่นไง” ศศรัณย์ตอบ มือก็เลื่อนเมาส์ไปทั่ว ควานหาไฟล์สำคัญ

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะเรียก ถ้าพี่ยุ่นไม่ชอบก็ไม่ต้องหันก็ได้” นะโมว่า ศศรัณย์หันขวับไปหา มองเขาอย่างงุนงง แต่หนุ่มรุ่นน้องก็แค่ยิ้มร่ากลับมาให้เท่านั้น

ก็แค่ยิ้ม... ทำไมมันดูกวนประสาทขนาดนี้

“ล้างไวรัสไปหมดแล้วใช่ไหมคะ” เธอถาม เลื่อนเคอเซอร์เมาส์ไปที่ไดรฟ์ของแฟลชไดรฟ์ นะโมพยักหน้า ยืนล้วงกระเป๋าท่าทางสบายๆ

“แต่มันแฮงค์หนักมาก ล้างไวรัสเฉยๆ ไม่ได้ ผมเลยฟอร์แมตมันไปเลย

“เลยอะไรนะ”

“ฟอร์แมตครับ ล้างแฟลชไดรฟ์น่ะ”

ศศรัณย์ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เธอเข้าใจนั้นถูกต้องไหม แต่พอจะเห็นเค้าหายนะอยู่ตรงหน้า และพอนะโมยืนยัน ศศรัณย์ก็แทบจะช็อคตายตรงนั้น

“ผมลบข้อมูลในแฟลชไดรฟ์เกลี้ยงเลย”

“งานฉันด้วยเหรอ?!”

“หมดนั่นแหละครับ พี่ยุ่นเอางานไว้ในแฟลชไดรฟ์หรือเปล่าล่ะ ถ้าใช่ก็... เสียใจด้วยครับ ลบทิ้งไปแล้ว” ว่าพลางยิ้มแป้น ศศรัณย์อ้าปากค้าง แทบจะกระโจนเข้าไปบีบคอเขา

“นะโม! แล้วงานฉันจะทำยังไง!”

“ไม่รู้สิ” เขาบอกแล้วหัวเราะ ท่าทางชอบใจที่ศศรัณย์หัวเสีย บุรุษผู้กำชะตาชีวิตของเธอเพิ่งจะบีบร่างเธอแหลกละเอียดคามือ

“ทีหลังอย่าเอาแฟลชไดรฟ์ไปเสียบสุ่มสี่สุ่มห้านะครับ ติดไวรัสมาก็ยุ่งแบบนี้แหละ เดี๋ยวผมต้องขึ้นไปสแกนเซิร์ฟเวอร์อีก เผื่อไวรัสพี่ยุ่นวิ่งเข้าเซอร์เวอร์ คราวนี้ไอทีงานเข้าแน่” เขาบอกแล้วออกเดินไป  แต่ก้าวไปได้สองก้าวก็หันกลับมา

“สรุปว่าคอมพิวเตอร์หายค้างแล้วเนอะ งั้นงานผมที่นี่เสร็จแล้วนะ ไปก่อนนะครับ มีอะไรก็โทร. ตามไอทีได้เลย”

ศศรัณย์แทบจะร้องกรี๊ดตอนที่เห็นนะโมเดินจากไปอย่างไม่สนใจใยดี เมษกับทิชาก็อยู่ในอาการไม่ต่างกัน ยังไม่ทันได้พูดอะไร ทั้งสามก็โดนตามตัวเข้าห้องประชุม ศศรัณย์ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ร้องฟูมฟายอยู่อย่างนั้น เมษกับทิชายืนรออยู่สักพัก ไม่เห็นทีท่าว่าศศรัณย์จะหยุด สุดท้ายเมษก็ฉุดกระชากลากถูเธอเข้าห้องประชุมไป

 

ศศรัณย์ต้องใช้เวลาช่วงพักกลางวันนั่งปั่นงานที่ 'ไอ้เด็กไอทีนั่น' ลบทิ้งไป เธอบอกที่ประชุมด้วยขาสั่นๆ แบบพร้อมทรุดว่าไฟล์งานที่ปั้นมามีปัญหา เปิดไม่ออก ตอนนี้ขอสรุปคร่าวๆ ให้ฟังก่อน แล้วจะรีบทำไฟล์ใหม่มาส่งให้ โชคดีที่ผู้บริหารเข้าใจ เลยยังไม่โดนเพ่งเล็ง

“ดีนะที่ผู้บริหารเขาไม่ว่าอะไร แค่เรื่องฮาราสเมนท์อย่างเดียวก็แทบตายแล้ว ไอ้รันน่ะ” เมษพูดพลางหัวเราะ นึกขำเพื่อนที่ขี้หลีจนจะพาตัวเองตกงานอยู่บ่อยๆ หัวเราะไปก็จิ้มลูกชิ้นใส่ปากไปด้วย ทิชาส่งแก้วชานมไข่มุกให้ศศรัณย์ พอเพื่อนไม่ได้ไปกินข้าว สองคนนี้เลยซื้อของกินเล่นมานั่งเป็นเพื่อนเสียเลย

“แต่แกมีอีกก็อปปี้ที่บ้านไม่ใช่เหรอรัน” ทิชาถามบ้าง ศศรัณย์พยักหน้าอย่างเนือยๆ

“มี ที่ทำอยู่ตอนนี้คือส่วนที่ตั้งใจจะเอามาใส่เพิ่ม มันมีข้อมูลในคอมพิวเตอร์ที่นี่ที่ฉันต้องเอามาใส่เพิ่มน่ะ เสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยวเย็นนี้กลับบ้านแล้วเอาไปรวมกับไฟล์หลักที่บ้านก็เรียบร้อย”

“แล้ววันนี้กลับยังไง” ทิชาถามอีก

“กลับกับพี่คมเข้ม” ศศรัณย์ว่าพลางยิ้มกริ่ม อยู่กับพี่คมเข้มสบายใจที่สุด

“แล้วตรงกลับบ้านเลยหรือเปล่า แวะร้านพี่กวินไหม ถ้าไปเดี๋ยวไปเจอกันที่นั่น”

“ไม่ล่ะ วันนี้ต้องรีบกลับไปแก้งาน พูดแล้วโมโหไม่หาย ไอ้นะโมนั่น ลบไฟล์ฉันหน้าตาเฉย แล้วยังมายิ้มหน้าเป็นอีกนะ ไม่รู้สึกผิดเลยหรือไง”

“เอาน่า ผ่านไปแล้ว คอมพิวเตอร์ใช้ได้แล้วก็ดีแล้ว” ทิชาบอก

“แล้วรันจะกินอะไรตอนเย็นไหม ให้ซื้อไปให้ไหม” เมษถามบ้าง

“ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวฉันหาอะไรง่ายๆ กิน รีบกิน รีบทำงาน รีบนอน ไม่ได้นอนอิ่มๆ มาหลายวันละ บ้านช่องไม่ได้เก็บกวาดเลยเนี่ย” ศศรัณย์บ่น แต่เมษกลับมองเธอยิ้มๆ

“รันเก่งเนอะ ดูแลตัวเองได้ อยู่คนเดียวได้ ไม่ขี้เหงา”  ศศรัณย์ยิ้มกระตุกไปหน่อยตอนที่ได้ยิน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ไม่ได้บอกออกไปว่าเหงาสิ... เหงามากเลย

 

หลังเลิกงาน ศศรัณย์กระโจนออกจากสำนักงาน วิ่งรี่ไปที่ลานจอดรถ ดิ่งไปที่ส่วนจอดรถมอเตอร์ไซค์ ไปหาสุดหล่อของเธอที่รออยู่ตรงนั้น

“พี่คมเข้ม...” ศศรัณย์เรียกเสียงหวานแล้วจูงจักรยานเสือหมอบคู่ใจออกมา ผมยาวประบ่าที่ม้วนงอตรงปลายถูกรวบไว้เรียบร้อย เรื่องเสื้อผ้าไม่ต้องห่วง ศศรัณย์ชอบสวมเสื้อยืด กางเกงยีนส์กับรองเท้าโอนิสึกะสีขาวคู่ใจ ชุดนี้ใส่ปั่นได้สบายมาก ศศรัณย์สวมหมวกกันน็อค จากนั้นกระชับเป้ขึ้นบ่า แล้วขี่ 'พี่คมเข้ม' กลับบ้าน

พี่คมเข้มเป็นจักรยานเสือหมอบที่ศศรัณย์ซื้อมาได้สักพักใหญ่ เธอชอบความรู้สึกเวลาขี่จักรยาน เวลาที่ร่างกายเคลื่อนไปด้านหน้า มันไวกว่าก้าวเดินหรือวิ่ง แต่ก็ช้าพอให้ตัวเองได้สัมผัสสิ่งรอบข้าง ได้ดื่มด่ำกับสัมผัสจากสายลมเย็น ศศรัณย์ชอบที่สุดเวลาที่ลมโชยผ่านใบหน้า มันสดชื่นจนเธอแทบจะฮัมเพลงออกมา

ว่าแล้วก็ฮัมเพลงดีกว่า

ที่ตั้งของบริษัทอยู่ไม่ไกลจากที่พักนัก ปั่นไม่นานก็ถึง ถ้านั่งรถเมล์คงราวๆ ห้าป้าย ความจริงจะนั่งรถไฟฟ้าไปก็ได้ แต่เธอชอบปั่นจักรยานมากกว่า เลยใช้เส้นทางเล็กๆ เลาะมาจากคอนโดมิเนียม เชื่อมเข้าถนนใหญ่ ปั่นอีกไม่ไกลก็ถึงสำนักงาน นับว่าเป็นเส้นทางที่เยี่ยมไปเลย

ไม่นานก็ถึงคอนโดมิเนียมที่ศศรัณย์อาศัย เธอเพิ่งตัดสินใจซื้อห้องชุดแบบหนึ่งห้องนอนในคอนโดมิเนียมระดับกลาง พอผ่อนได้คนเดียว ไม่เดือดร้อนอะไร

ศศรัณย์นึกถึงบ้านหลังใหญ่ที่พ่อกับพี่ชายอาศัยอยู่ แล้วก็มี "คนอื่นๆ" อาศัยอยู่ด้วย ศศรัณย์ส่ายหน้าให้ความคิดของตัวเอง แยกมาอยู่แบบนี้แหละดีแล้ว สบายใจดี เธอจอดพี่คมเข้มไว้ที่ส่วนจอดรถมอเตอร์ไซค์ ลูบพี่คมเข้มอย่างรักใคร่ก่อนจะก้าวเข้าไปยังล็อบบี้ของคอนโดมิเนียม ตัดเข้าไปขึ้นลิฟท์

“พี่ยุ่น”

ศศรัณย์หยุดกึกตอนที่ได้ยิน เธอเบิกตาหยีเล็กของตัวเองกว้างแล้วหันไปหาเจ้าของเสียง ค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองหูฝาด ก็นี่มันคอนโดฯ เธอนะ! คนที่เรียกเธอแบบนั้นจะมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร

แต่ศศรัณย์ไม่ได้หูฝาด นะโมนั่งอยู่บนโซฟาภายในลอบบี้ เขาดันร่างสูงของตัวเองขึ้น ส่งยิ้มสดใสมาให้ ดวงตาเป็นประกายวิบวับ

“มา... มาทำอะไรที่นี่!” ศศรัณย์ถามอย่างแปลกใจ นะโมหัวเราะน้อยๆ เมื่อเห็นสีหน้าของเธอ คำตอบของเขายิ่งทำให้ศศรัณย์แปลกใจเข้าไปใหญ่

“มาหาพี่ยุ่นไง เรียกไอทีไม่ใช่เหรอครับ”

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น