บทที่ ๓

3

ไอ้ต้าวซาดิสม์

“แล้วพี่แท่งของหล่อนก็กลายเป็นแค่เศษซาก!”

อย่างกับฉากระทึกขวัญที่เราเคยตลกขำขัน สมคำเล่าลือว่าหนุ่มแดนโสมซาดิสม์ผิดไปจากภาพที่สร้างไว้ผ่านซีรีส์ชวนฝัน คนป่วยอ้าปากค้างขนลุกซู่ จะท้วงแม้นวาดว่าปัญญาชนไม่ควรเหมารวม ต้องแยกแยะ แต่แม้นวาดยามนี้คงอยากเป็นกเฬวรากชนมากกว่า แม่ค้าสาวกำมือเข่นเขี้ยว ชัดว่ากำลังเอามินโฮมาตีตราหนุ่มเกาหลีค่อนประเทศ

“แล้วหล่อนจะเอาไงต่อ หล่อนเลิกจ้างเขาเลยเหรอ”

“แหงสิยะ จะให้อยู่ทำซากอะไร!” 

ใช่ แม้นวาดอาจจะใจกล้าบ้าบิ่น จ้างผู้ชายมานอนด้วยแบบไม่ถามไถ่หัวนอนปลายเท้า แต่แม้นวาดไม่โง่เง่า เรื่องอะไรจะปล่อยให้คนฉุนเฉียวอยู่ใกล้ตัว วันดีคืนดี ประเดี๋ยวได้ตบเตะเธอด้วยลำแข้ง

“ฉันชอบคนว่านอนสอนง่าย ไม่มีพิษสง แบบนี้พยศเกินไป แล้วฉันก็ไม่ใช่มาโซคิสม์รักความรุนแรงนะคะ อีพวกซาดิสม์ในชีวิตจริงก็ไม่ได้เท่ค่ะ!” แม่ค้าสาวกระแทกเสียงแหยงๆ ย่นคอสยดสยอง ก่อนจะโผกอดร่างผ่ายผอมบนเตียง หอมแก้มซูบตอบของอีกฝ่าย 

“ก็มีแต่แกแหละนังตุ๊ดที่ฉันมั่นใจ ว่าแกจะเป็นสามี เป็นพ่อของลูกฉันได้” ชมเชยว่าที่เจ้าบ่าว หัวเราะชอบใจเมื่อกาไชยค้อนควัก บิดปากรังเกียจสัมผัสจากชะนี 

“หล่อนคิดว่าเขาจะไปง่ายๆ เหรอมดแดง พูดเองไม่ใช่เหรอ ว่าเขาพยศ”

“พยศแค่ไหน มดแดงก็ไม่สนค่ะ...” แม้นวาดแค่นยิ้มเชิดหน้า จีบปากจีบคอตัดขาด “ขอแจ้งตรงนี้เลยว่า พอ! จบ! ไม่เอาแล้วเกาหลี ขอเยอรมนีเลยละกัน!”

ยังคงโกรธที่ถูกยายผมชมพูขับไสไล่ส่ง รามัญอยากจะย้อนหล่อนเสียเหลือเกิน คิดว่าอยากอยู่ด้วยนักเหรอไง ผู้หญิงไทยบ้าๆ อย่างเธอ ไม่มีอะไรเหมือนกับแม่ของเขาเลยสักนิด ที่ยังยอมติดแหง็กอยู่ในห้องสับปะรังเคนี่ก็เพราะรอจะคืนค่าจ้างสามแสนให้ จะตอกหน้าเย้ยหยันแม้นวาด เชื่อจริงๆ เหรอว่าเงินแค่นี้จะซื้อเขาได้ นอนด้วยก็เพราะอยากหาอะไรทำแก้เบื่อหรอก

ทว่าแม้จะบอกตัวเองเช่นนั้น เธอก็แค่หญิงยิงเรือระยะสั้น คืนวันผ่านมาหาได้สลักสำคัญ แต่ทำไมล่ะ ทำไม เหตุใดรามัญต้องยอกแสยง หูอื้อตาลาย เพียงเพราะแม้นวาดกลับมาพร้อมกับชายสูงใหญ่สัญชาติตะวันตก นัยน์ตาเขียวแกมฟ้า ผมหยักศกน้ำตาลเข้ม...

“อ้าว ทำไมคุณยัง...อยู่...”

เจ้าของห้องเหลออึ้ง ยืนตัวแข็งระหว่างชายสองนาย คนเก่ากัดกรามดังครืด คนใหม่ขมวดคิ้วซักไซ้เธอด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษ

“ไหนคุณบอกว่าคุณโสดไง”

“ก็โสด ฉันโสดจริงๆ นะ”

แม้นวาดยืนยันว่าเธอไร้พันธะ ก่อนจะตัวปลิวเพราะโดนคนเก่าสายเกากระชากแขนเข้าห้อง แววตามินโฮแข็งกร้าว จ้องกราดชายอีกคนตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า

“เรางอนกันนิดหน่อย เธอเลยประชดผมด้วยการพาคุณมาทดสอบความอดทนของผม” และตอนนี้เส้นขมับของรามัญก็ขาดผึงแล้ว เขาปิดประตูใส่หน้าชายอีกคน เหวี่ยงร่างอ้อนแอ้นลงกับพื้น 

แม้นวาดหน้าตื่นตกใจ ทว่าก็ยังเหลือฤทธิ์มาต่อกร ชี้หน้าหล่อเหลาเมื่อเขาเงื้อมือ 

“อย่านะ ถ้าคุณตบฉัน ฉันสู้ตายเลยนะจะบอกให้!” ท้าทายไม่กริ่งเกรง ไม่กลัวคนที่เติบโตมากับวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ ก่อนจะตาเหลือกเลิ่กลั่กเพราะเขาข้ามผ่านเธอไป ออกหมัดต่อยผนังห้องระบายความโกรธ 

“มินโฮ!” 

“หยุดนะมินโฮ!”

“โอเคๆ ฉันจ้างคุณต่อ ให้คุณอยู่ต่อได้!”

ยกธงขาวยอมอ่อนข้อ ขืนปล่อยให้เขารัวมืออีกเพียงครั้ง แม้นวาดหวั่นใจนักว่าผนังห้องสีขาวจะกลายเป็นสีแดง เธอหอบหายใจเฮือกๆ อกสั่นขวัญแขวนเมื่อเขาค่อยๆ หันมา ทรุดนั่งเคียงข้าง

“มดแดง...” เรียกกันด้วยน้ำเสียงผะแผ่ว ดวงหน้าปราศจากความเดือดดาล เปี่ยมไปด้วยความขมขื่น...

“คุณ...รู้จักองค์ชายยอนซันไหม”

แม้นวาดกะพริบตางุนงง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงถามเช่นนี้ ทว่าก็พยักหน้าบอกคำตอบแต่โดยดี คาบสมุทรเกาหลีอาจมีกษัตริย์ครองแผ่นดินมามากมาย แต่หากสนใจศึกษาประวัติศาสตร์ของชนชาติแดนโสมแล้วละก็ องค์ชายยอนซันคือหนึ่งในชนชั้นปกครองที่โดดเด่นตรึงตรา ขึ้นชื่อว่าเป็นราชาผู้โหดเหี้ยม อื้อฉาวชั่วช้า หมกมุ่นในกาม สังหารหมู่เข่นฆ่าผู้คน พาบ้านเมืองเข้าสู่กลียุค

ซึ่งต้นสายปลายเหตุของการนองเลือดนั้นก็มาจากความแค้น หลังทราบความจริงว่าพระมารดาถูกขับไล่ออกจากวัง สิ้นพระชนม์เพราะถูกประทานยาพิษ

“พระองค์อาจจะเป็นทรราชสำหรับใครๆ แต่ผม...ผมเข้าใจดีว่าทำไมพระองค์เป็นแบบนั้น...”

หนุ่มเกาหลียุคปัจจุบันแสยะยิ้มรวดร้าว ราวกับจะบอกใบ้แม่ค้าสาว ว่าเขาก็มีชีวิตไม่ต่างจากอดีตราชา ทั้งน่ากลัว และ...น่าสงสาร

จุดจบขององค์ชายยอนซัน คือถูกยึดอำนาจราชบัลลังก์ โดนเนรเทศไปอยู่เกาะคังฮวา แล้วรามัญล่ะ เขาในยามนี้ ต่างจากพระองค์ตรงไหน โดน ‘ตาแก่นั่น’ เตะโด่งออกจากสาแหรกเชื้อสายเช่นกัน

“คุณว่าองค์ชายยอนซันร้ายไหมมดแดง พระองค์ผิดหรือเปล่าที่อยากล้างผลาญทำลายทุกอย่าง เพื่อแก้แค้นแทนแม่”

ถามชี้นำเชิงบังคับ อยากให้แม้นวาดเข้าข้างราชาผู้ฉาวโฉ่ แต่เธอกลับเงียบงันลังเล จนรามัญอยากหยอก “ที่เขาว่าคนไทยไม่ค่อยกล้าวิพากษ์วิจารณ์ประวัติศาสตร์ คือเรื่องจริงเหรอเนี่ย”

สาวสยามหูผึ่ง วิวาทะระหว่างเชื้อชาติส่อเค้าว่าจะอุบัติขึ้น ตายาวรีเหมือนตาแมวลุกวาวทันควัน เหมือนถูกเขาเยาะกึ่งถาม ว่าไทยแลนด์เป็นประเทศประชาธิปไตยที่ประชาชนไม่มีเสรีภาพทางความคิดหรือไร

“ใครว่าวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ ทำได้ย่ะ”

แค่ต้องมี...ขอบเขตนิดหน่อย ก็เท่านั้น!

“ที่ฉันอึกอัก เพราะฉันไม่รู้เรื่องทั้งหมดต่างหาก” ปากเธอเบะประชดประชันหนุ่มเกาหลี ทว่าก็ไม่แตะประวัติศาสตร์แดนโสมเพียงเพราะอยากจะตอกกลับเอาสะใจ

“แต่ฉันเชื่ออย่างนึง ว่าทุกอย่างคงมีที่มาที่ไป”

คำของเธออาจไม่ตรงใจรามัญสักเท่าไร ทว่าเพียงเท่านี้ชายหนุ่มก็พอใจ ชั่วขณะหนึ่งเขาเกือบจะหยั่งท่าที หากเขาก็เป็นเฉกเช่นราชาผู้ฉาวโฉ่ เธอจะหาว่าเขาเลวทรามเหมือนใครๆ หรือเปล่า

“ผมก็มีที่มาที่ไปนะ ที่ทำพี่แท่งของคุณหัก ไม่ใช่ว่าผมซาดิสม์เสียทีเดียว”

แก้ตัวว่าตนหาใช่คนเสพติดความรุนแรง ตาคมสบมองสาวผมชมพู มุมปากเขายิ้มอ่อนตัดพ้อคนเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม 

“คุณนั่นแหละ เรื่องแค่นี้ถึงกับจะไล่ผมไปเลยเหรอ แถมยังพาพี่แท่งเยอรมันมาเย้ยผมอีก”

นายจ้างสาวหน้าเหลอ ร้องโวยในใจ จู่ๆ ตรูกลายเป็นคนผิดเสียอย่างนั้น! พอจะด่าทอ พ่อเกาหลีก็หยุดการบริภาษของเธอได้ง่ายๆ ด้วยการรั้งเรียวขาไปใกล้ โน้มตัวก้มหอมตั้งแต่ข้อเท้า ประทับรอยจูบมาจนถึงต้นขา ขบกัดฝากรอยใคร่ พาเธอขวยรัญจวนใจ สำเหนียกถึงความอันตรายของชายแดนโสม บทจะน่ารักละมุนละไม เขาก็พร้อมจะเป็น ‘ไอ้ต้าว’ คนอบอุ่น ดูแลเราประหนึ่งเจ้าหญิงของเขา แต่บทจะเกรี้ยวกราดอาละวาด เขาก็ร้อนร้ายไม่ต่างจากหมาบ้าคลุ้มคลั่ง

“หรือว่าผม...ยังบริการคุณได้ไม่ดีพอเหรอมดแดง ทำไมถึงพาไอ้ตาเขียวมาด้วย”

เว้าวอนเสียจนแม้นวาดอ่อนระทวย เกือบจะเสียเชิงบอกเขา เธอก็แค่หาใครสักคนมาเป็นไม้กันหมา ยังเป็นประจำเดือนอยู่อย่างนี้ ไม่อยากมีอะไรกับใครนักหรอก

“คุณจูบกับมันหรือยัง”

“...”

“ผมถามว่าจูบหรือยัง”

เสียงขรึมคาดคั้นหญิงสาว พอเธอตอบเบาๆ ว่ายัง เขาก็ยิ้มกริ่ม หรี่ตามองใต้หว่างขา จ้องเนินเนื้อภายในกระโปรงยีนสั้น

“ต้องทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นแล้วนะ ผ่านมานานคงจะอับชื้นแย่”

นั่นแปลว่ามีกลิ่นแล้วหรือเปล่า แม้นวาดกระดากอายลนลาน รั้งขาออกห่างเขา

“ไม่ต้องห่วง ผมเช็กแล้ว ยังหอมอยู่”

ไอ้จังหวะดอมดมต้นขาตะกี้นี้น่ะเหรอ เขาสูดจมูกตรวจสอบกลิ่นเธอแล้วใช่ไหม เสียงหัวเราะในลำคอนั่นชวนให้แม้นวาดขนลุกชัน นึกถึงคำทิ้งท้ายของคนป่วย

‘เราจะได้แต่งงานกันจริงๆ เหรอมดแดง ปู่โมกข์อีกล่ะ ถ้าปู่รู้เรื่องของแกกับเขา...’

ชายชราจะต้องบ่นระนาว ปกติแทบไม่ยอมออกจากคลองเตย ก็คงอยากออกมาสั่งสอนหลานโดยเฉพาะ แม้นวาดขอทายทักเลยว่าท่านจะต้องอารมณ์ขึ้น หากทราบเรตราคา...

‘สามแสน! สามแสนนี่เอาไปช่วยคนได้ตั้งเยอะเลยนะมดแดง!’

นับแต่เปลี่ยนฐานะจากยากจนเป็นมีอันจะกิน ปู่ก็ตั้งตนเป็นผู้ให้ หากแม้นวาดเห็นว่าเริ่มมากไป เธอก็จะสู้ด้วยการเอาขวัญใจปู่มาอ้าง

‘เราช่วยได้ไม่ทุกคนหรอกนะปู่ นายกฯ จเด็จเขาก็บอกเอง ว่าการบริจาคไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน แต่การบริหารภาษีของประชาชนให้คุ้มค่า ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่างหาก ยั่งยืนกว่า’

ถ้าเป็นปราศรัยจากเขาคนนั้น ให้ดื้อแพ่งแค่ไหน ปู่ก็จะยอมฟัง เชื่อน้ำคำชายที่แกอุตส่าห์เดินขากะเผลกไปเข้าคูหา บรรจงลงคะแนนเพื่อให้ได้ผู้นำคนนี้มา แถมยังเป่าหูชวนเธอกาบัตรเบอร์ดังกล่าวด้วยอีกคน

ซึ่งผลก็ออกมาว่าเขาชนะการเลือกตั้ง นายกรัฐมนตรีคนนี้ทำให้เบญจเพสของแม้นวาดรุ่งโรจน์ พอเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนได้รับการดูแล พวกเขาก็กล้าจับจ่ายใช้สอย พายอดขายของบริษัทแม้นวาดพุ่งกระฉูด หยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองพานให้เธอลำพองใจ ไม่เกรงกลัวความลี้ลับของโหราศาสตร์ คิดว่าตัวแคล้วคลาดจากภัยใดก็ตาม กระทั่งมาเจอหนุ่มเกาหลี มินโฮทำให้เธอฉุกคิด หรือจริงๆ แล้วเบญจเพสของเธอจะมาหลังจากนั้นหนึ่งปี เจอชายแดนโสมแค่ไม่กี่วัน เธอก็พลันปั่นป่วนกังวล เหมือนว่าชีวิตของเธอจะไม่ใช่แค่ของเธออีกต่อไป...

คลอเคลียขบกัดจนผิวเนื้อของแม้นวาดแดงจ้ำ เอาหน้าซุกไซ้ซอกคอทั้งราตรี พ่อหนุ่มเกาหลีก็ยังไม่สาแก่ใจ ไม่ยอมปล่อยเธอลงจากเตียงไม่พอ วงแขนกว้างยังจะกอดรัดเธอแนบแน่น ร่ำร้องจะตามไปที่โกดังสินค้า อยากดูเธอขายของทางออนไลน์ด้วย อ้างว่าจะช่วยแบ่งเบาความเหนื่อยทั้งที่เขาเองนั่นแหละจะก่อการวุ่นวายให้เธอเหนื่อยกว่าเดิม ไหนจะต้องยืนพล่ามคอแหบคอแห้ง ต้องเตรียมรับมือกับสารพันคำถามประเดประดัง ต้องทำเป็นสนุกสนานรื่นเริง สร้างความบันเทิงให้คุณลูกค้าคะ คุณลูกค้าขา กว่าจะกวักเงินเรียกทรัพย์ได้แต่ละบาทมันไม่เคยง่าย ขนส่งผิดพลาด ทำสินค้าเสียหาย นังมดแดงยังต้องเป็นหนังหน้าไฟแบกรับทุกความบกพร่อง 

“ก็บอกว่าไม่ได้ไง คุณไปด้วยไม่ได้!”

เธอขึ้นเสียงโวย ทำหน้าตึง ใจแข็ง เบี่ยงหลบไม่ยอมให้เขาแตะต้อง มือกระชับปมผ้าขนหนูกลางอกสล้าง ห้ามเขาแกะมันออกเด็ดขาด

“ทำไมล่ะ ทำไมผมไปด้วยไม่ได้”

แม้นวาดพ่นลมหายใจพรืด ถลึงตาเขียวขุ่นมองคนเปลือยอก ยังจะมาถามทั้งที่ควรจะรู้ อยู่ในสถานะ ‘ผัวเก็บ’ ควรจะปั้นจิ้มปั้นเจ๋อเสนอหน้า (โคตรหล่อ!) เอาตัวล่ำๆ ไปโชว์ให้คนสงสัยเหรอไง!

“คุณจะใจดำปล่อยให้ผมอยู่ห้องคนเดียวเหรอมดแดง”

“เหงามากก็ไปเที่ยว ไปหาอะไรทำสิ”

“ก่อนจะเจอคุณ ผมเที่ยวทั่วกรุงเทพฯ จนเบื่อแล้ว”

“งั้นก็ไปต่างจังหวัด เอาใกล้ๆ อย่างพัทยานี่ก็ได้”

“ไม่เอา ไม่อยากไปทะเล เห็นทะเลจนเบื่อแล้วเหมือนกัน” 

บ่นโอดส่ายหัว ไม่สนทางเลือกที่แม้นวาดเสนอให้ ทว่ากับผืนน้ำสีครามนั้น หนุ่มแดนโสมหาได้เที่ยวจนเบื่อ แต่เป็นเพราะ...

“ตอนอยู่ที่เกาหลี ผมทำงานต่อเรือ” บอกเธอว่าสัมผัสกับเกลียวคลื่นทุกคืนวัน ยิ้มขันเมื่อเธอหูผึ่งสนอกสนใจ 

“แล้วคุณ...ทำที่ไหนเหรอ” ลองซักเขาบ้าง พลันตื่นเต้นตาค้าง เมื่อเขาตอบ

“ฮวังแจ”

เรียกสั้นๆ เช่นนั้น เต็มยศทางการหน่อยก็ Hwangjae Industries 

“จริงเหรอ คุณหมายถึงบริษัทในเครือฮวังแจกรุ๊ปใช่ไหม นั่นมันอุตสาหกรรมต่อเรืออันดับต้นๆ ของโลกเลยนะคุณ ล่าสุดทำเรือรบด้วยไม่ใช่เหรอ!”

รามัญพยักหน้ารับ ทว่าก็ไม่อาจบอกแม้นวาดได้ว่าโพรเจกต์เรือรบนั้น ชายหนุ่มคุมงานด้วยตัวเอง สำหรับ Hwangjae Industries แล้ว บางวันรามัญอาจเป็นช่างเชื่อม บางวันอาจเป็นวิศวกร ดำรงได้ทุกสถานะ แต่ใครๆ มักจะเรียกรามัญอย่างเคยปากว่า ‘กัปตัน’

ในบรรดาบริษัทลูกที่อยู่ภายใต้การดูแลของฮวังแจกรุ๊ป มหาอำนาจทางเศรษฐกิจของสาธารณรัฐเกาหลี แตกแขนงครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจผลิตอาหารเพื่อการบริโภคไปจนถึงนาวีสมุทรศาสตร์ รามัญเลือก Hwangjae Industries เป็นครูบ่มเพาะประสบการณ์ 

“ทำงานที่นั่น งั้นคุณก็ต้องรู้เรื่องที่คิมจุนยองโดนจับน่ะสิ คดีทุจริตที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของรัฐไง”

น้ำเสียงสาวไทยบ่งบอกว่าประหลาดใจ พอรู้อยู่ว่าอิทธิพลของแชรโบลออกจะยิ่งใหญ่คับฟ้า ไม่เว้นแม้แต่ภาคการเมืองที่ต้องยอมสยบให้เงินตรา เลยนึกไม่ถึงว่าลูกชายคนโตของคิมยองแจจะถูกควบคุมตัวได้ง่ายๆ

“ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าคนระดับนั้นจะพลาดท่าซะได้” เธอชวนคุยโดยไม่ทันมองว่ารามัญกำลังลอบแสยะยิ้ม คนระดับนั้นที่ว่า ไม่ได้พลาดท่าหรอก เขาเองต่างหาก ทำให้คิมจุนยองถูกจับ ตาแก่คิมยองแจถึงได้โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงจนไม่อยากเห็นหน้ากัน ทุกคนในสกุลคิมก็ไม่คิดว่าเขาจะกล้าส่ง...บิดาเข้าคุกกับมือตัวเอง 

“คุณน่ะคงไม่ใช่ทายาทแชรโบลปลอมตัวมาหรอกนะมินโฮ” สาวผมชมพูเอ่ยกลั้วหัวเราะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เอาเรื่องเพ้อเจ้อที่เคยพูดเล่นกับคนป่วย มาถามเขาเสียเลย ทว่าขณะที่เธอติดตลกอยู่นั้น รามัญกลับตอบจริงจัง

“เปล่า ผมไม่ใช่ ไม่ใช่ทายาทแชรโบล”

อดีตอาจเคยเป็น แต่ตอนนี้คงไม่ใช่ ในสายตาของตาแก่คิมยองแจ รามัญเป็นแค่ไอ้หมาบ้าเลี้ยงไม่เชื่องที่แว้งกัดกระทั่งพ่อแท้ๆ

“ตอนนี้ผมขอเป็นแค่ผู้ชายซ่อนแอบของคุณก็พอแล้วละ”

‘ผู้ชายซ่อนแอบ’ ยิ้มบาง แสร้งเจียมเนื้อเจียมตัว วางคางเกยไหล่หญิงสาว อู้อี้วอนขอซ้ำ “ให้ผมไปด้วยนะ อยู่ที่นี่ ผมไม่มีใครเลย ทั้งหมดที่ผมมีอยู่ตอนนี้ ก็คือคุณ”

    


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น