บทที่ ๗

   7

พี่น้องสองสัญชาติ

เหมือนพากันย้อนอดีตกลับไปยังช่วงเวลาดังกล่าว แดนโสมเหนือใต้เปิดศึกชิงชัย ปู่โมกข์ร่วมรบตามบัญชาของจอมพล ป. พิบูลสงคราม 

ฮยองนิมชาวสยามและไอ้เด็กเกาหลีได้ประสบพบพาน ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน ฮาราบอจีของหนุ่มมอญมินโฮไม่เคยลืมว่าพ้นภัยมาได้เพราะใคร 

‘วิ่งเร็วๆ หน่อยสิ มัวแต่เอ้อระเหยอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวก็โดนยิงเข้าหรอก!’

เสียงเข้มคอยเรียกขานห่วงใย ฮยองนิมจากสยามทั้งห้าวหาญและใจดี คอยดูแลระแวดระวังหลัง ยอมแบ่งข้าวหอมมะลิอร่อยล้ำ ตบบ่าปลอบขวัญ

‘กินเยอะๆ จะได้สูงกว่านี้’

น้ำใจไมตรีนั้นงดงามและตรึงตราคิมยองแจมาจนถึงบัดนี้ หากพี่ไม่ช่วยไว้ เขาคงตายตั้งแต่ตอนนั้น

“พี่...ขาพี่...”

“ฉันไม่เป็นไร ฉันพอใจจะอยู่แบบนี้ เพราะพิการเดินกะเผลกนี่แหละ เลยมีเงินมาเป็นทุนให้มดแดงหลานฉันขายของ” ปู่โมกข์เอ่ยกลั้วหัวเราะ เพราะชอบพูดเล่นอย่างนี้ คนเลยไม่ค่อยเชื่อว่าชายชราไปร่วมรบรามาจริงๆ หลานสาวแท้ๆ อย่างแม้นวาดอาจเคยคล้อยตาม มดแดงตัวน้อยเชื่อน้ำคำ ฟังเป็นนิทานก่อนนอน แต่พอเติบโตก็คิดเสียว่าท่านเล่าเรื่องขำขัน เป็นสีสันของคนแก่

“ปู่ ทำไมปู่ไม่เคยบอกหนูเลย ว่าคนที่ปู่ช่วยไว้ คือคุณคิมยองแจ” เธอเอ่ยถามปู่โมกข์ ไอ้เด็กเกาหลีของท่านเองก็พยักหน้าเห็นพ้อง 

“นั่นสิพี่ ถ้าพี่บอกใครบ้าง เราอาจจะได้เจอกันเร็วกว่านี้ ผมจะได้...”

รักษาขาให้พี่...ฮเวจังนิมก้มมองขาข้างพิการ สงสารพี่จับใจ คงลำบากมากใช่ไหมถึงต้องใช้เบี้ยจากรัฐมาเป็นเงินทุนค้าขาย

“คิมยองแจในประเทศแกมีกี่คนกันล่ะ ต่อให้ฉันบอกก็คงไม่มีใครรู้หรอกว่าเป็นคิมยองแจไหน” ชายชราสัญชาติไทยยกคิ้วเย้าเจ้าของนาม จากเด็กผอมกะหร่องกลัวทุกอย่าง ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้ว

“ไม่นึกเหมือนกันนะ ว่าแกจะเป็นใหญ่เป็นโตขนาดนี้ มีลูกน้องซะด้วย” ปู่โมกข์กวาดมองชายต่างวัยสวมสูทสามสี่นาย พวกเขาทำให้ห้องรับรองแขกของโกดังสินค้าเล็กลงถนัดตา หนึ่งในนั้นลอบยิ้มน้ำตาคลอ 

คุณจางปลาบปลื้มเหลือคณนาที่เจ้านายได้เจอกับฮยองนิมชาวสยาม คุณจางพลิกฟ้าตามหามาเนิ่นนานก็ไม่เคยเห็นแม้แต่เงา แต่บทจะได้เจอก็เจอง่ายๆ

“ผมก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรหรอกพี่ ทำธุรกิจเฉยๆ นี่แหละ” ตอบด้วยท่าทางนอบน้อมถ่อมตน ขัดกับมาดทรงภูมิยามปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน 

ไอ้หมาบ้าของฮาราบอจียังอึ้ง ตาแก่คนนี้ใครกัน! 

“มดแดงของฉันก็หัวการค้านะ กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวเหมือนกัน”

ปู่โมกข์ยิ้มอวดว่าโกดังสินค้าโอฬารแห่งนี้มีได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของแม้นวาด คนฟังหันมองร่างอ้อนแอ้นด้วยความกริ่งเกรง ดูแคลนหลานสาวพี่ไปเสียเยอะเลยเรา

“แต่ก็อีกนานเลยปู่ กว่าหนูจะตามน้องชายของปู่ทัน” แม้นวาดยิ้มกริ่ม เปิดช่องให้ปู่รู้ความจริง ว่าน้องชายต่างแดนของท่านอยู่ในจุดไหนของเกาหลีใต้ 

“นี่แกรวยระดับไหนล่ะ พันล้านเหรอ” จี้ถามทั้งตาพราวระยับ ปู่โมกข์ไม่ได้คิดจะซอกแซก แค่อยากทราบว่าไอ้เด็กเกาหลีของตนมาไกลเพียงใด ทว่าอีกฝ่ายกลับอึกอัก แม้นวาดเลยต้องตอบแทน

“มากกว่านั้นอีกปู่”

“หมื่นล้าน?”

“มากกว่านั้นอีก”

“แสนล้านเลยเอ้า!” โพล่งไปแล้ว ปู่โมกข์ก็ต้องตกใจเสียเอง ด้วยนั่นก็ยังไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง ตาโปนถลนจ้องไอ้เด็กเกาหลีที่เคยตามตนต้อยๆ ตอนนี้มันกลายเป็นใครไปแล้วเนี่ย!

“โทรศัพท์ที่ปู่ใช้ ก็ของน้องชายปู่นะ”

ที่ปู่ชื่นชมว่าเครื่องทนทานนักหนาน่ะ มาจากฮวังแจกรุ๊ปนั่นแหละ แม้นวาดแซวให้ปู่รู้ชัด ว่าท่านจุดไต้ตำตอเข้าจังๆ 

“พี่...พี่ใช้ของของผมเหรอ”

แม้ไม่เคยเจอกัน แต่เราก็ผูกสัมพันธ์ด้วยเทคโนโลยีของฮวังแกกรุ๊ปใช่ไหม ฮาราบอจีเกาหลียิ้มกว้าง ตื่นเต้นดีใจ ก่อนจะหน้าเจื่อนซีด เพราะฮยองนิมแค่นยิ้มหยัน

“มิน่า...เพราะแกรวยขนาดนี้นี่เอง แกถึงรังเกียจมดแดงของฉัน!” ปู่โมกข์ถอยห่างจากอีกฝ่ายทันควัน หันสืบสาวราวเรื่องจากหลาน “แล้วมันยังไงกันแน่ มดแดง ป้าเจ้ากอล์ฟไปโวยวายฟ้องปู่ ว่าแกคบชู้สู่ชาย ตกลงแกจะแต่งงานกับเจ้ากอล์ฟจริงไหม”

ชายชราเหลียวหากาไชย แน่ใจว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากล และไอ้หนุ่มหล่ออีกคนก็คงเป็นสาเหตุของสมรสพัลวัน

“จริงปู่ หนูจะแต่งงานกับนัง...กับกอล์ฟจริงๆ” ยายหลานสาวหัวเราะแหะ แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งว่าปู่จะไม่วางใจง่ายๆ

“แล้วไอ้หนุ่มนี่ล่ะ”

“ไม่มีอะไรหรอกปู่ ป้าแกเข้าใจผิด”

คำแก้ตัวของหลานฟังไม่ขึ้นสักนิด ปู่โมกข์รู้ว่าแม้นวาดโกหก พิจารณาท่าทีของสองหนุ่มสาวก็รู้ว่า ‘มี’ แน่ๆ และเพราะยังเคืองที่หลานสาวถูกต่อว่าเดียดฉันท์ ปู่โมกข์พร้อมสนับสนุนวิวาห์นั้น

“ก็ดี แต่งกับเจ้ากอล์ฟก็ดี ไอ้แก่เกาหลีแถวนี้จะได้สบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าแกจะไปจับหลานชายมัน!”

ตอกหน้าฮาราบอจีเกาหลีจนอีกฝ่ายหน้าม้าน ไม่ดูเลยว่าหลานสาวเหลอจนเกือบจะหลุดกรี๊ด ปู่นะปู่ จังหวะนี้มันต้องเล่นใหญ่ แต่เจ้ากอล์ฟมันเป็นกะเทยนะ มันจะแต่งกับแกได้ยังไง แล้วคาดคั้นเรียกร้องให้รามัญรับผิดชอบหลานแทน แม้นวาดจะได้หาทางลงสวยๆ เริดๆ ดูไม่กระเหี้ยนกระหือรือว่าอยากเป็นสะใภ้ฮวังแจกรุ๊ปจนเกินไป

“แต่คุณปู่ก็รู้ใช่ไหมครับ ว่ามดแดงกับเขา ไม่ได้รักกัน” พ่อมอญมินโฮหาช่องพูดบ้าง ร่างสูงล่ำยืนตรงตระหง่าน ชัดเจนต่อความจริงนั้น 

“แล้วแกกับหลานฉันรักกันเหรอไง มดแดงก็บอกอยู่ว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน!” ปู่โมกข์ถลึงตาขุ่นขวาง พาลโมโหทั้งน้องชายต่างสัญชาติและหลานของมัน ไอ้คนหลานก็ช่างถือดี กระตุกยิ้มเพิ่มเชื้อไฟให้ชายชราโกรธขึ้ง

“ครับ ระหว่างเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ถ้าทำน่ะ คุณปู่คงดูออกว่าเราทำอะไรกันแน่ๆ!”

ย้ำอีกว่า ‘ทำบ่อยด้วย!’ นาทีนั้นใครก็ช่วยไม่ได้ ฮาราบอจีและหลานชายถูกปู่ไทยอาละวาดขับไล่ออกจากโกดังสินค้า ต้องมานั่งจ๋อยเคียงคู่กันอยู่ในลีมูซีน ฮเวจังนิมแห่งฮวังแจกรุ๊ปถอนใจเครียดจัด ขึ้นเสียงกล่าวโทษหลานชายลูกเสี้ยว 

“มินโฮ หรือว่าแกไม่จริงจัง หนูมดแดงเลยทิ้งแกไปแต่งกับคนอื่น!” คำเรียกขานเปลี่ยนโดยพลัน แม้นวาดจะทำผมสีบลอนด์ชมพูจี๊ดจ๊าด จะมีรอยสักกลางแผ่นหลัง ฮเวจังนิมก็พร้อมจะมองข้ามได้ทุกประการ

“ใช่ที่ไหน เขาตกลงแต่งกันก่อนจะเจอผมอีก” แต่จะให้พูดว่าระหว่างเราเป็นมาอย่างไร รามัญไม่อาจบอกฮาราบอจีได้ ว่าเธอซื้อเขาด้วยเงินตรา

“งั้นแก...แกก็เป็นชู้จริงๆ น่ะสิ!”

“ไม่ถึงขั้นชู้ ภาษาไทยเขาเรียกว่าแอบแซ่บ”

อธิบายศัพท์สแลงแทนการกระทำหวามไหว คุณจางที่เคยพบกาไชยด้วยตัวเองมาแล้วช่วยแจกแจงอีกเสียง ว่าความสัมพันธ์ของแม้นวาดกับคนป่วย ไม่น่าจะเป็นสามีภรรยาในรูปแบบปกติ

“ผมคิดว่าเธอแต่งเพราะเหตุผลทางสินทรัพย์มากกว่าครับ เจ้าบ่าวของเธอไม่น่าจะจูบคุณมดแดงได้ด้วยซ้ำ”

ฮเวจังนิมทำหน้ากังขา มองคนนั่งข้างคนขับด้วยความไม่เข้าใจ แต่พอคนสนิทเผยว่าเจ้าบ่าวเป็นเพศทางเลือก ก็หันโวยตำหนิหลานทันที

“นี่แกแพ้เลดี้บอยเหรอมินโฮ!”

“ผมไม่ได้อยากแพ้สักหน่อย ก็กำลังคิดจะแย่งอยู่ คุณต่างหากมาทำเสียเรื่อง ถ้าคุณไม่ดูถูกมดแดง ปู่โมกข์คงไม่พาลมาโกรธผมไปด้วย!”

แย้งหลานในความผิดนี้ไม่ได้ ฮาราบอจีไหล่ตก นัยน์ตาสั่นระริกหวั่นใจ 

“แล้วจะทำยังไงกันดีล่ะ พี่เขาโกรธฉันมากเลย” ทำเสียงอ่อนพร่ากลัวเกรง บารมีของการเป็นมหาอำนาจที่เกาหลีใต้ไม่อาจใช้กับชายชราสัญชาติไทย จะยังไง คิมยองแจก็เป็นแค่น้องชายตัวเล็กตัวน้อยของชายชราขาพิการ

“พี่เขามีพระคุณกับฉันมาก ถ้าไม่มีเขาก็คงไม่มีคิมยองแจ พ่อแกก็คงไม่ได้เกิดมา แกเองก็คง...”

ไม่ได้เกิดมาเหมือนกัน...รามัญรู้ว่าฮาราบอจีจะพูดเช่นนั้น ชายหนุ่มเม้มปากต่อต้าน ไม่อยากฟังว่าบิดาเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ขอรู้ว่าบิดาเจ็บกับการถูกคุมขังแค่ไหน 

คนกลางระหว่างทั้งคู่ถอนใจ จะว่าหลานทำเกินเหตุก็ไม่เชิง รอยร้าวของทั้งคู่มันฝังลึกแน่นหนา

“ถ้าคุณให้อารองเป็นผู้สืบทอด ผมอาจจะปล่อยฮวังแจกรุ๊ปไป ใครก็ได้ที่ไม่ใช่เขา”

หากฮาราบอจียังจะให้บิดาครองสถานะสูงค่านั้น รามัญจะทำทุกวิถีทางเพื่อกระชากบิดาลงจากความสมหวัง

ความคับแค้นของเขาเอ่อล้นจนฮเวจังนิมใจหาย เครียดตุบๆ เหมือนตัวจะตาย เจอพี่ชายต่างสัญชาติ แทนที่จะมีความสุขโผกอดกัน ก็ดันไม่เป็นตามนั้น แต่หากมองไม่ผิด จับท่าทีแม้นวาดแล้ว ฮเวจังนิมแน่ใจว่าภายใต้ดวงตายาวรี หญิงสาวปรารถนาสิ่งใด แม้จะเข้าหน้าพี่ไม่ติด แต่ถ้าเข้าหน้าหลานสาวพี่ น่าจะพอไหว นักธุรกิจใหญ่กับแม่ค้าออนไลน์คงต้องเจรจาเปิดดีลกันเสียแล้วกระมัง...

นี่มันยิ่งกว่าจุดคุ้มทุน เกินความคาดหมายไปมากโข แม้นวาดเบิกตาโตตื่นตะลึง วางแก้วแชมเปญดังปึง ลืมเลยว่าต้องสงวนกิริยา อย่าอยากได้อยากมีจนออกนอกหน้า ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะรู้ว่าเธอคือแขนงของปู่โมกข์ ฮาราบอจีเกาหลีคงค่อนขอดว่าเธอใฝ่สูงเกินตน แต่ตอนนี้สถานการณ์มันต่างออกไป แววตาท่านยอมมองกัน เปี่ยมด้วยความเอื้อเอ็นดู 

“เรื่องจริงเหรอคะ ฮาราบอจีจะให้หุ้นหนู...”

“จริง ปู่จะให้หุ้นหนู แต่หนูต้องตอบคำถามสำคัญของปู่ก่อน”

แน่นอนว่าต้องมีเงื่อนไข แม้นวาดไม่ประหลาดใจ เธอนิ่งรอฟังคำถามจากมหาอำนาจแดนโสม

“หนูจะยกเลิกงานแต่งกับเจ้าบ่าวคนเดิม แล้วเปลี่ยนมาเลือกหลานชายปู่แทนได้ไหม”

ข้อต่อรองของท่านกระตุ้นความโลภในใจ ตีความดำมืดจนแตกกระจาย แม้นวาดฟังแล้วแทบจะโพล่งตอบทันทีเลยว่าได้!

ได้สิคะ ฮาราบอจีเจ้าขา มดแดงยินดีจะทิ้งผัวตุ๊ดมาเลือกพ่อมอญมินโฮของฮาราบอจีค่ะ!

“แล้ว...คนในสกุลคิมจะยอมเหรอคะ หนูเป็นคนแปลกหน้า อาๆ ของคุณมินโฮ ไม่น่าจะยอมรับได้ หนูว่า...” ทำอึกอักว่าลำบากใจ ไม่อยากระริกระรี้จนเกินงาม แต่ก็ไม่ปฏิเสธข้อเสนอจากท่าน รอยยิ้มบนดวงหน้าหย่อนคล้อยคล้ายว่ากำลังขบขัน ฮาราบอจีมองเธอออกอย่างทะลุปรุโปร่ง 

“ไม่มีใครกล้าค้านปู่ในเรื่องนี้ คนในสกุลคิมรู้ดี ว่าปู่เกือบจะไม่มีชีวิตรอดในสงครามเกาหลี ถ้าปู่ตายก่อนจะหาฮยองนิมเจอ ยังไงปู่ก็จะให้พวกเขาสานต่อ ต้องตอบแทนฮยองนิม หรือคนในครอบครัวฮยองนิมให้ได้ ใครจะคิดล่ะ ว่าเจ้าหมาบ้ามินโฮจะเป็นคนเจอหนู หลานสาวของฮยองนิม คนที่ปู่เคารพไม่เคยลืม...”

ทุกถ้อยคำสะท้อนถึงความเต็มตื้นซาบซึ้ง หวังให้แม้นวาดช่วยง้อฮยองนิมชาวสยาม หญิงสาวสัมผัสถึงความปรารถนานั้น เธอยิ้มพริ้มเป็นต่อ ค่อยๆ หั่นเนื้อวากิวริบอายเข้าปาก สุขปรี่กับความนุ่มฉ่ำละมุนลิ้น ถูกใจทั้งอาหารชั้นเลิศและของขวัญชั้นยอดจากฮาราบอจี คุ้มนักที่แอบปู่โมกข์มาพบท่านถึงดาดฟ้าของโรงแรมหรูกลางกรุง รับประทานมื้อค่ำรับลมเมืองหลวงด้วยกัน

หญิงสาวรู้ว่าท่านคงให้หุ้นแปดสิบเปอร์เซ็นต์ตามที่เธอเคยแกล้งเรียกไม่ได้ แต่ก็คงมากพอจะทำให้เธอมีบทบาทในฮวังแจกรุ๊ป มีพลังจะสนับสนุน หรือคัดค้านการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร

หากจะมองอีกนัยหนึ่ง ท่านก็คงอยากจะเดิมพัน ว่ารามัญจะไยดีเธอขนาดไหน ชายหนุ่มมีหลักฐานพร้อมจะล้มฮวังแจกรุ๊ปได้ทุกเมื่อ แต่หากแม้นวาดร่วมเป็นผู้ถือหุ้นด้วยล่ะ รามัญจะกล้าทำลายเชียวหรือ หากเธอสำคัญกับเขา เจ้าหมาบ้าของฮาราบอจีคงยอมอยู่เฉยๆ สักระยะ

หรือถ้าจะมองให้ลึกกว่านั้น บางทีท่านเองนั่นแหละ รักหลานชายมาก แต่ก็ไม่อาจยกหุ้นให้รามัญโต้งๆ เลยดึงเธอมาเป็นหนังหน้าไฟ ให้เธอถือครองหุ้นในฐานะคู่ครองของรามัญ คงประเมินแล้วว่าแม้นวาดจะรับแรงปะทะแทนเขาได้

“กำลังวิเคราะห์ปู่อยู่เหรอ”

ฮาราบอจีหัวเราะหึๆ มองร่างอ้อนแอ้นในชุดเดรสสั้นปาดไหล่สีครีมด้วยความครึ้มอกครึ้มใจอย่างบอกไม่ถูก คราคนชราบังคับให้หลานชายมาทำงานภายใต้ร่มเงาของฮวังแจกรุ๊ป เจ้าหมาบ้ามินโฮเคยพูดประชด 

‘ผมเกลียดคนที่คิดแต่จะหาเงินอย่างคุณที่สุด!’

แล้วดูตอนนี้สิ หลานชายดันมาหมกตัวอยู่กับสตรีที่ว่องไวเรื่องกำไรขาดทุนไม่ต่างจากฮาราบอจี 

“ไม่ใช่แค่หุ้น แต่ปู่จะให้สิทธิ์ในการบริหารกับหนูด้วย ในบรรดาบริษัทในเครือ หนูเลือกมาได้เลย”

เอาตำแหน่งมาหลอกล่อเชิญชวน ทุ่มไม่อั้นให้หลานสาวของพี่ คราวนี้ทำเอาแม้นวาดเสียจริต คุมความอยากได้อยากมีไม่อยู่ เผยไต๋ให้รู้เลยว่าเธอโดนใจข้อเสนอดังกล่าว ทว่าจะให้ไปคุมบริษัททำเรือรบ เธอก็คงไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าเป็นสายเครื่องสำอาง อย่างฮวังแจคอสเมติก ก็พอได้ หรือจะไปทางอุตสาหกรรมบันเทิงอย่างฮวังแจสตูดิโอ ผลิตซีรีส์ส่งออกตลาดโลก ถือโอกาสนี้ดันนักแสดงไทยเลย จะดีไหม 

“ฮาราบอจีใจป้ำขนาดนี้ หนูจะโดนลอบฆ่าไหมคะเนี่ย”

โยงถึงเหตุน่าวิตกหวาดหวั่น ดูเหมือนฮาราบอจีเองก็เกรงว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงเช่นนั้น 

“ไม่ต้องห่วง ปู่วางกฎเกณฑ์ไว้แล้ว ถ้าใครคนใดคนนึงในสกุลคิมตายแบบผิดธรรมชาติ คนที่เหลือจะไม่มีใครได้อะไรเลยสักอย่าง”

ดักทางเผื่อไว้ว่าลูกหลานจะล้างผลาญคร่าชีวิตกัน ฮาราบอจีรอบคอบจนแม้นวาดขนลุกเกรียว นี่สินะ ความเก่งกาจของมหาอำนาจแดนโสม มดแดงอยากจะฝากตัวเป็นศิษย์เสียเดี๋ยวนี้เลย

“ถ้าหนูตกลง ปู่จะแบ่งหุ้นให้สองครั้ง...”

ครั้งแรกเธอต้องทิ้งกาไชย ส่วนครั้งต่อมาก็...

“ถ้าหนูมีตัวเล็กให้ปู่ ท้องภายในปีนี้ ปู่จะให้อีกครึ่งทันที”

นั่นแปลว่าแม้นวาดต้องผูกร้อยมัดตัวเองเข้ากับสกุลคิมผ่านสายเลือดด้วย เมื่อร่วมวงศ์พงศ์พันธุ์กันแล้ว ทั้งเธอและรามัญก็คงจะหาทางหนีไปจากฮวังแจกรุ๊ปไม่ได้

แม้นวาดนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนที่ประกายตาจะเด็ดเดี่ยว ยื่นแขนไปหาชายชราแดนโสม จับมือทำสัญญาปากเปล่า ใครจะคิดเล่าว่าความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นด้วยเซ็กซ์ฉาบฉวยในวันนั้นจะกลายเป็นช่องทางรวยในวันนี้

“อย่าว่าแต่ปีนี้เลยค่ะ ภายในเดือนสองเดือนนี้ หนูก็ท้องให้ฮาราบอจีได้...” เธอยิ้มกริ่มมั่นอกมั่นใจ จะกัปตันตัวน้อย หรือพ่อค้าแม่ค้าตัวจิ๋ว ก็มาเลยค่ะลูก ออมม่าพร้อมมาก!

   

   


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น