บทที่ ๘

  8

 แบ่งแยกแล้วปกครอง

แอบมองอยู่สักระยะว่าชายชราร่างสันทัดนั่น ใช่พ่อสามีของเธอไหม พอแน่ใจว่าบังเอิญเจอท่าน ก็กังวลอีกว่าสาวผมชมพูตรงข้ามท่าน เป็นใครกัน ‘โบรัน’ สะใภ้รองแห่งฮวังแจกรุ๊ป คิดกังวลในแง่ร้าย หรือคุณพ่อจะแอบมีภรรยาน้อยไว้ที่นี่ บินมาอาเซียนบ่อยๆ ใช่เพียงตามหาผู้มีพระคุณ แต่มาหาหญิงสาวรุ่นราวคราวหลาน

โบรันนั่งกระสับกระส่าย รอจนอีกฝ่ายยกมือไหว้ลาตามธรรมเนียมสยาม พอหล่อนเดินพ้นออกจากร้าน โบรันก็รีบผละห่างจากเพื่อนไฮโซชาวไทย เร่งฝีเท้าตามสาวผมชมพูไปถึงล็อบบีของโรงแรม ตรงไปคว้าต้นแขน

ร่างอ้อนแอ้นหันมาหาด้วยความงุนงง แม้นวาดเพ่งพินิจเจ้าของทรงผมน้ำตาลเข้มตีฟาร่า อวัยวะบนดวงหน้าชัดแจ้งว่าผ่านการทำศัลยกรรมเพิ่มความเต่งตึงมา อายุจริงน่าจะล่วงวัยกลางคนแล้ว เรือนร่างอวบอิ่มสวมเดรสกำมะหยี่แดงเลือดหมู สะพายกระเป๋าหรูบอกยี่ห้อแบรนด์ดัง

“มีอะไรเหรอคะ...” แม้นวาดขมวดคิ้วสงสัย ก่อนจะตงิดใจนึกขึ้นได้ ว่าเคยเห็นคนตรงหน้าจากสื่อไหน “เอ๊ะ หรือว่าคุณคือ...”

“ใช่ ฉันคือลูกสะใภ้ของผู้ชายที่เธอเพิ่งนั่งด้วย เธอล่ะเป็นใคร เป็นอะไรกับคุณพ่อ”

ถามด้วยแววตาเยาะหยันดูแคลนแม้นวาด  ทำเอาแม่ค้าสาวเกือบจะฉุนขาด ต่อปากต่อคำตอบโต้ ก็เชิญไปถามท่านเองสิค้า! 

ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีนั้น เธอถูกร่างสูงล่ำวิ่งเข้ามากอด พ่อมอญมินโฮรัดรึงเอวบาง บทหวานแนบแน่นของเขาทำใครๆ หันมองพรึ่บเป็นตาเดียว ร่างอวบอิ่มข้างกันยิ่งตาค้าง โบรันตกใจเสียงหลง

“มินโฮ! นี่เราก็อยู่ไทยเหรอ!”

เจ้าหมาบ้าของตระกูลคลายวงแขน โค้งกายทักทายตามธรรมเนียมเกาหลี “สวัสดีครับ อาสะใภ้” แล้วไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรกับร่างอวบอิ่มอีก รามัญแตะตัวลูบแขนสลักเสลา

“มดแดง ทำไมคุณมาพบเขาคนเดียว คุณไม่รู้หรอกว่าตาแก่นั่นร้ายแค่ไหน”

ใจสาววูบสั่นเพราะคำบ่น นอกจากปู่โมกข์แล้ว ไม่เคยมีชายใดก่นว่าแม้นวาดด้วยความห่วงใย อยากให้เขาคลายใจเสียจริง ว่ามดแดงรู้ดีค่ะ และเราก็เข้ากันได้ดีมากด้วย!

“รอผมก่อนได้ไหม ผมมีเรื่องจะคุยกับเขา”

ตาคมกริบแวววาวเตรียมจะไปเอาความฮาราบอจี ร่างสูงล่ำโค้งกายลาอาสะใภ้ แล้วก้าวอาดๆ ห่างจากสองสาวไป คนที่เผลอระแวงว่าแม้นวาดจะเป็นภรรยาน้อยของพ่อสามี ยิ้มเจื่อนอับอาย 

“เธอ...เป็นแฟนมินโฮหรอกเหรอ”

“ไม่รู้สิคะ เอาไว้ให้เขาบอกคุณอาสะใภ้เองจะดีกว่า” ตอบเหมือนจะยียวน แต่เปล่าเลย แม้นวาดแค่ไม่อยากอวดอ้างตัวเอง 

“แล้วเธอ...รู้อะไรมากน้อยแค่ไหน” ประเมินว่าสาวผมชมพูลึกซึ้งกับหลานชายเพียงใด ก่อนที่คนถามจะเป็นฝ่ายอึ้งงัน เมื่อแม้นวาดเอ่ยบอก

“ก็รู้ว่าเขาอยู่เบื้องหลัง เป็นคนทำให้พ่อเขาเข้าคุกอะค่ะ” นั่นนับว่ารู้มากเลยทีเดียว สะใภ้รองสกุลคิมเค้นต่อทันที “แล้วมาพบคุณพ่อทำไม คุณพ่อคุยอะไรกับเธอ”

แม้นวาดนิ่งขึง ลังเลว่าจะบอกเลยดีไหม ว่าตัวเองเป็นหลานสาวผู้มีพระคุณของฮาราบอจี แต่ดูจากความแปรปรวนภายในสกุลคิมแล้ว แม้นวาดแน่ใจว่าอาสะใภ้อยากรู้เรื่องอื่นมากกว่า

“สบายใจได้ค่ะ ฮาราบอจีไม่ได้คิดจะยกตำแหน่งผู้สืบทอดให้คุณมินโฮหรอก ยังไงคุณมินโฮก็ขึ้นเป็นผู้สืบทอดไม่ได้อยู่แล้ว เขาไม่ได้ทำลายพ่อเขา เพราะหวังจะเป็นใหญ่ในฮวังแจกรุ๊ป อาสะใภ้ก็รู้ เขาแทบไม่มีโอกาสนั้น” แสร้งรำพันด้วยความเสียดายแกมเจียมตัว พอเห็นว่าสะใภ้รองดูโล่งใจ ก็เข้าทางแม่ค้าสาวหัวใส ปากหวานกับอีกฝ่าย

“ถ้าพ่อเขาไม่ได้เป็น มดแดงว่าอารองเนี่ยแหละค่ะ สามีคุณอา คงจะเหมาะสมที่สุด”

ประตูแห่งการสานสัมพันธ์เปิดออกเดี๋ยวนั้น อาสะใภ้ฉีกยิ้มกว้าง ทว่าก็ยังไม่กล้ายืดอกรับว่ากระหายตำแหน่งสูงค่า

“สามีอาจะได้เป็นเหรอ ถึงพี่ใหญ่จะอยู่ในคุก แต่นอกคุกก็ยังมีลูกชายของเขาอยู่...” พูดออกมาเอง แต่ก็ขัดอกขัดใจเสียเอง โบรันเผลอหลุดปาก ร้องทุกข์กับแม้นวาด “แต่ถ้าตามการเกิดจริงๆ มินโฮต่างหากคือหลานชายคนโตของคุณพ่อ”

พอได้เล่าแล้วก็หยุดยาก สะใภ้รองถ่ายทอดความอาดูรของหลานชายนอกกฎหมายให้แม้นวาดทราบ

“มินโฮเขาน่าสงสารนะ แม่เขาตายช่วงที่เขากำลังเป็นวัยรุ่นพอดี แถมยังถูกแม่เลี้ยงส่งไปเรียนไกลถึงอเมริกา ยายนั่นทำเป็นบอกว่าหวังดีกับมินโฮ แต่ใครก็ดูออก ว่าจะผลักมินโฮออกไป”

กันซีนไม่ให้รามัญได้อยู่กับพ่อเขา แม้นวาดนึกออกเลยว่ายายป้าแม่เลี้ยงนั่นจะร้ายขนาดไหน ส่วนคนที่อยู่กับเธอตอนนี้ อาจยังฟันธงไม่ได้ ที่ชัดแน่ๆ คืออีกฝ่ายไม่ถูกโรคกับสะใภ้ใหญ่

“จริงๆ พี่ใหญ่เขาก็รักลูกของเขามากนะ มินโฮคือลูกชายคนโตของเขานี่นา...”

ข้อนี้แม้นวาดค่อนข้างเชื่อ อาจเพราะคนเกาหลีให้ความสำคัญกับลูกชายคนโตมาก เฉกเช่นที่ฮาราบอจีคิดจะฝากฝังฮวังแจกรุ๊ปไว้กับบิดาของรามัญ

“มายา แม่ของมินโฮ คือผู้หญิงที่เขารัก ติดตรงที่มายาธรรมดาไปหน่อย ไม่มีอะไรมาหนุนสามีเลย”

เปรยว่าตัวสงสารมารดาของเจ้าหมาบ้าอยู่เหมือนกัน แต่คนพูดก็กระหยิ่มยิ้มย่อง ว่าสะใภ้รองอย่างเธอก็ไม่น้อยหน้าใคร 

“ระหว่างที่พี่ใหญ่อยู่ในคุก อาก็ไม่รู้ว่าคุณพ่อท่านจะเลือกใคร จะรอพี่ใหญ่ออกมา หรือจะแต่งตั้งใครแทนท่านเลย”

ปลายประโยคนั้นแฝงด้วยความหวังอย่างแรงกล้า ว่าพ่อสามีจะเลือกลูกชายคนรอง แม้นวาดอาจพยักหน้าเห็นพ้อง ทว่าในหัวนึกถึงทฤษฎีแบ่งแยกแล้วปกครอง เผด็จการเกือบทั้งโลกใช้กลยุทธ์นี้ ทำให้คนในประเทศแตกแยกตีกัน แล้วคอยควบคุมพวกเขาอีกที

“หนูเชียร์อารองนะคะ อารองสู้ๆ เอาตำแหน่งผู้สืบทอดมาให้ได้” หญิงสาวยิ้มระรื่น จับมืออาสะใภ้มากอบกุม ให้อีกฝ่ายวางใจว่าแม้นวาดจะเข้าไปเยือนสกุลคิมอย่างเป็นมิตร แม้เป้าหมายของมดแดงแรงฤทธิ์ จะคิดแบบมิจฉาชีพก็ตาม!

ทิ้งตัวนอนหลับไม่ได้เสียแล้ว กาไชยตื่นตะลึง อะดรีนาลินพลุ่งพล่าน กะเทยควรจะอึ้งกับอะไรก่อนดีคะ ทุกสิ่งช่างน่าอัศจรรย์ใจ แต่เสียงขำคิกคักผ่านสัญญาณโทรศัพท์จากนังคู่หูตัวร้าย บ่งบอกว่าหล่อนกำลังสาแก่ใจ วาดฝันถึงความมั่งคั่งจนน่าหมั่นไส้ 

“หล่อนนี่ชั่วมากนะ ใช้ผัวกับลูกเป็นบันไดปูทางสู่ความสำเร็จ ถ้าเขารู้ เขาจะเสียใจขนาดไหนมดแดง หล่อนคิดจะรักเขาบ้างไหม” ค่อนแคะคนอยากรวยล้นฟ้า แต่แม้นวาดก็หาได้ยี่หระ

“รักก็ส่วนรัก รวยก็ส่วนรวย ทำไมมีความรักแล้วต้องไม่อยากรวย ใครอยากพอมีพอกินก็เรื่องของเขา แต่อีมดแดงอยากรวยค่ะ อยากรวย!”

ตอบกลับมาอย่างสุขีสโมสร สุขเสียจนกาไชยคร้านจะขัด

“มดแดง หล่อนก็รู้ใช่ไหม ว่านอกจากเป็นพี่ เพื่อน ครอบครัว ฉันยังเป็นลูกไล่ของหล่อนด้วย ไม่ว่าหล่อนจะทำอะไร ฉันตามใจทุกอย่าง หล่อนอยากรับอะไรมาขาย ฉันไม่เคยท้วง”

และเพราะอย่างนั้น แม้นวาดเลยคิดว่าจะอยู่กับกาไชยได้ แม้ไม่มีความสุขทางโลกีย์กามา แต่ความสบายใจน่ะ มีล้นเหลือ กาไชยยอมแม้นวาดทุกอย่างจนแม้นวาดชอบพูดเล่นบ่อยครั้ง ถ้าฉันหาผัวไม่ได้ แกมาเป็นผัวฉันนะตุ๊ด แล้วก็สมพรปาก มีเหตุให้วิวาห์จำเป็นกันจริงๆ

“หล่อนจะทิ้งฉัน ไม่แต่งกับฉันแล้ว ฉันก็ไม่ขัดหรอกย่ะ ฉันรู้ว่าทำไมหล่อนเลือกทางนี้”

ทว่าในความเข้าใจคู่หู กาไชยกลับขนลุกอย่างน่าประหลาด รู้สึกว่ารามัญนี่แหละ จะเข้ามาทดสอบจิตใจของแม้นวาด 

“ระหว่างความมั่งคั่งกับรักแท้ วันนึงหล่อนอาจถูกบีบให้ต้องทิ้งอย่างใดอย่างนึง ถึงวันนั้นหล่อนจะเลือกทิ้งหรือเก็บอะไรไว้ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน”

โดนนังตุ๊ดหย่อนคำถามกรีดเนื้อหนัง พลันให้แม้นวาดใจแกว่ง เธอต้องปรับอารมณ์อยู่นานถึงค่อยต่อสายหาปู่ คุยจ้อกับท่านทั้งรอยยิ้ม จากไม่เคยหวงหลาน ขอเพียงข้อเดียวคืออย่าผิดลูกผิดผัวใคร นอกเหนือจากนั้นแล้ว จะทำอะไรก็ตามแต่ใจหลานต้องการ ไม่เคยห้ามปรามว่าอย่าคบหาบุรุษใด ด้วยก็อยากให้แม้นวาดมีคนมาดูแลยามเธอเหนื่อยล้า แต่เพราะพ่อมอญมินโฮของฮาราบอจีโดยแท้ ปู่โมกข์ถึงหวงเธอจับจิตจับใจ ร่ำร่ำจะออกจากคลองเตยมาเฝ้าหลาน 

“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูไปหาปู่เอง คิดถึงป้าๆ แถวนั้นด้วย” เธอค้านท่านไว้ หัวเราะเมื่อท่านสนับสนุนกาไชย ยังไงปู่ก็เชียร์เจ้ากอล์ฟมากกว่า ถึงปู่จะแก่ แต่ปู่ก็ทันสมัย รู้จักความลื่นไหลทางเพศ

“แล้วถ้าฮาราบอจีเขาตามง้อ ตามขอโทษปู่ล่ะ ปู่จะยังโกรธเขากับหลานชายเขาอยู่ไหม” หยอกท่านไป แต่ชายชราก็บ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่น ถามหากาไชย แม้นวาดเลยบ่ายเบี่ยง ทำเฉไฉวางสายหนีบ้าง 

“ปู่ว่าไง จะให้อภัยตาแก่นั่นหรือเปล่า”

หลานชายฮาราบอจีกดจมูกหอมซอกคอหลานสาวปู่ไทย ร่างสูงล่ำนอนซ้อนหลัง กกกอดคลอเคลียร่างอ้อนแอ้น กระซิบเว้าวอนขอตามไปหาชายชราที่ชุมชนแออัด ไม่หวั่นแม้จะต้องเสี่ยงโดนฝ่าเท้าจากท่าน ตั้งใจฟังเมื่อหลานสาวท่านเท้าความถึงเหตุเก่านานมา

เพราะปู่พิการขากะเผลกเลยโดนคนเหยียดหยามมาตลอด แต่วันที่ปู่จำฝังใจและเจ็บมากกว่าคราไหนๆ คงเป็นวันนั้น วันที่แม้นวาดถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมย เป็นอีเด็กน้ำเน่าโสโครก เห็นของมีค่าเข้าหน่อยก็ตาวาว

‘พวกเนรคุณ ไอ้แก่ขาเป๋ กูอุตส่าห์เมตตามึง แต่หลานมึงมาลักของในบ้านกู!’

ไม่ว่ามดแดงจะปฏิเสธอย่างไร คุณนายผู้อำนวยการเขตก็ไม่ฟัง เอาแต่พ่นคำบริภาษ พล่ามว่ามีบุญคุณกับเรา บอกว่าสงสารเรานักหนา ทั้งที่เราก็เสียเหงื่อตัดหญ้าแลกค่าจ้าง ใช่ว่ามาแบมือขอเงินจากหล่อนฟรีๆ แต่ยายคุณนายนั่นก็ไม่ได้มองว่าเรามีศักดิ์ศรีในฐานะมนุษย์เท่ากับตัวเองเลย

พอค้นร่างกายเธอแล้วไม่เจอของมีค่าดังกล่าว ก็ขู่ว่าจะเอาตำรวจมาจับเรา มดแดงวัยเยาว์กลัวมาก ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา ร้องจนหมดแรง

‘มดแดง ไม่เป็นไรนะลูก ปู่เชื่อว่าหนูไม่ได้ทำ’

ปู่โมกข์ยังคงยึดมั่นต่อความบริสุทธิ์ของหลาน และเพียงไม่นานหลังจากนั้น ความก็แดง ปรากฏว่าลูกชายของยายคุณนายเองต่างหากเป็นคนเอาไป เพียงเพราะว่าเราจน อยู่ชุมชนแออัด ผู้คนก็พร้อมจะกลับขาวเป็นดำ ป้ายสีว่าเด็กสลัมอย่างแม้นวาด ไม่เป็นขโมยก็ค้ายาเสพติด

และนั่นละ จุดกำเนิดของมดแดงแรงฤทธิ์ ใครล้อปู่ว่าไอ้แก่ขาเป๋ แม้นวาดไม่เคยยอมสยบ ด่ากลับทันที ขาเป๋แล้วหนักหัวแม่มึงเหรอ!

เธอกลายเป็นคนก้าวร้าวในบางครั้ง หยาบกร้านในบางที ความมั่งมีที่มีอยู่แลกมาด้วยความเขี้ยว เหลี่ยมจัด ฝักใฝ่เพียงประโยชน์ที่ควรจะได้รับ ครั้นมาโลดแล่นในโลกออนไลน์ คิดทำคอนเทนต์ใดก็เป็นต้องหาช่องขายของ วันๆ อยากจะหาแต่เงินทอง

“เป็นไง อึ้งไปเลยใช่ไหมล่ะ...” เธอเอี้ยวตัวมองหน้าหล่อเหลา 

พ่อมอญมินโฮเงียบงัน ไม่พูดอะไรอยู่พักใหญ่ ก่อนจะกระชับวงแขน หอมกระหม่อมเธอเบาๆ “คุณเก่งมากเลยมดแดง กว่าจะพาตัวเองมาถึงวันนี้ คงไม่ง่ายเลยใช่ไหม”

คำชมจากเขาอาจไม่ซาบซึ้งจนแม้นวาดปลาบปลื้มน้ำตาคลอ แต่ก็พอจะทำให้เธอเขินได้ ผู้คนมากมายสนใจเพียงผลลัพธ์ในมือเธอ ทว่ารามัญกำลังให้คุณค่ากับความเพียรของแม้นวาด 

“ว่าแต่คุณ...ไปคุยอะไรกับฮาราบอจีเหรอคะ” เอ่ยถามเขาบ้าง ปล่อยให้มือเขาลูบไล้อกสล้าง สัมผัสเนื้อนางด้วยแรงราคะ ทว่าวาจานั้นมาจากความห่วงหา

“ไปบอกว่าอย่าดึงคุณมายุ่งเกี่ยวกับสกุลคิม ห้ามให้ใครมายุ่งกับคุณ” พยายามจะกันเธอออกจากความวุ่นวาย โดยที่ไม่รู้เลยว่าเธออยากก้าวขาเข้าไปพัวพัน รามัญไม่เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของคนที่เขากอดอยู่

“พ่อผมทิ้งผู้หญิงที่รักเพื่อฮวังแจกรุ๊ป แต่ผมไม่ใช่...”

จะไม่มีทางเป็นชายไร้หัวใจอย่างบิดา รามัญอมยิ้ม ฝันถึงความสุขที่ตนปรารถนา

“ผมอยากอยู่กับผู้หญิงที่ผมรัก มีตัวเล็กแสบซนสักสองสามคน...”

ลูกจะเป็นกัปตันตัวน้อย หรือพ่อค้าแม่ค้าตัวจิ๋ว อาบอจีก็รักทั้งนั้น จะดื้องอแงป่วนพ่อสักแค่ไหน รามัญก็พร้อมจะเลี้ยง และอ้าแขนปกป้องแกจากสกุลคิม 

“แล้วใครล่ะจะทำให้ฝันคุณเป็นจริงได้” คนถูกกอดกะพริบตาปริบๆ เจ้ามารยา ไม่ต่อความยาวให้เข้าเนื้อ 

ฝ่ายหนุ่มแดนโสมก็เล่นเกมกลับ ปากหนักไม่บอกเช่นกันว่าเขาหมายถึงใคร มันเขี้ยวขยำเคล้นอกสาวแรงๆ ก่อนจะโดนเธอแกล้งกลับ บีบไส้กรอกซุนแดเต็มไม้เต็มมือ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ต่อกรเล่นสวาทอย่างถึงรสถึงชาติ กระทั่งตาคมกริบลุกวาว ขู่ว่าจะจัดให้หลายยก จะรีดซอสโคชูจังเผ็ดซ่านทุกหยาดหยด แม้นวาดถึงขอยอมแพ้

“ไม่ได้ ห้ามทำมากกว่านี้ ต้องไปหาปู่แต่เช้าไง ลืมไปแล้วเหรอ” ท้วงเขาด้วยนัดหมายสำคัญ 

รามัญเองก็เห็นแก่ปู่ไทย ไม่ดึงดันยกกายทาบทับร่างอ้อนแอ้น กลัวตัวเองจะเพลินจนหยุดไม่ได้ ชายหนุ่มระงับความอยากเอาไว้ ก่อนจะกดจมูกประทับรอยทั่วทั้งสองแก้ม เหมือนว่าสัมผัสหอมหวนนั้นเป็นมนตรา ร่ายให้แม้นวาดนิทราหวาน และก็เป็นเขาเองที่ปลุกเธอด้วยจุมพิตจากปลายลิ้น 

“ตื่นได้แล้วครับ เดี๋ยวปู่รอนะ”

หว่านเสน่ห์เชิงชายใส่หญิงสาว นอนนิ่งอิงแอบอยู่บนเตียงอีกพักใหญ่ ก่อนจะพากันลนลานหน้าตื่นเพราะสัญญาณอันตราย มันดังเตือนบอกให้แม้นวาดขวัญหาย ไม่ต้องไปถึงคลองเตย แท็กซี่ก็พาชายชรามาเกยถึงที่ อดีตทหารผ่านศึกยืนทะมึน คิ้วขมวดอยู่หน้าห้อง 

“พาปู่ไปหาเจ้ากอล์ฟ เดี๋ยวนี้!”

ถึงเวลาบอกความจริงเสียที กาไชยยอมพบปู่โมกข์และป้าเกสรในคราวเดียวกัน ปฏิกิริยาของทั้งคู่ไม่ผิดจากที่คนป่วยคาดการณ์ไว้ ชายชราตกใจแกมห่วงใย ทว่าป้ากลับโวยวาย เมื่อจับต้นชนปลายได้ว่างานวิวาห์เกิดขึ้นด้วยเหตุใด กาไชยสะท้านใจยิ่งนัก เมื่อป้าตวัดตาขุ่นเคืองจ้องแม้นวาดกับร่างผ่ายผอมของตน

“หมายความว่าแกจะแต่งงานกับมดแดง เพราะจะให้มดแดงเป็นคนดูแลทรัพย์สินของแกใช่ไหม ทำไมแกเชื่อใจมันมากกว่าป้าล่ะ แกก็รู้ว่ามันร้ายขนาดไหน ไม่กลัวมันฮุบทุกอย่างของแกเหรอไง!” ป้าตะคอกค่อนขอดโดยไม่เกรงใจชายชรา แถมยังปรี่ไปยืนชิดเตียง อาสาจะดูแลกาไชยเอง 

“จริงเหรอ ป้าจะดูแลฉันจริงๆ เหรอ...” กาไชยแค่นยิ้ม ไม่ซาบซึ้งน้ำใจจากหญิงสูงวัยชุดลายดอกเลยสักนิด 

“แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันเป็นเอดส์ล่ะ ป้าจะรับฉันไปดูแลไหม...” แขนเขายกขึ้นไขว่คว้าหาอีกฝ่าย แต่คนที่เพิ่งอาสาจะดูแลกันเมื่อครู่กลับก้าวถอยหลัง ปากคอสั่นถามย้ำ

“อะไรนะ นี่แกเป็น...”

“อืม ฉันเป็นเอดส์ รู้อย่างนี้แล้ว ป้าจะเอาฉันไปอยู่ด้วยหรือเปล่า”

วัดใจกันไปเลยว่าป้าห่วงกาไชยจริงไหม ร่างผ่ายผอมพยายามยกตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรง อยากจะลงจากเตียงเพื่อกอดป้า ทว่าเกสรกลับชักสีหน้ารังเกียจออกมาโดยอัตโนมัติ

“เห็นไหมล่ะ ป้าก็ห่วงแต่เงินของฉัน แล้วตัวฉันล่ะ ป้าห่วงบ้างไหม” กาไชยตัดพ้อน้ำตาไหล ฟุบหน้าร้องไห้กับฝ่ามือเหลืองซีด ป้าอาจคิดว่าเขาคร่ำครวญเพราะเป็นโรคร้าย แต่แท้จริงแล้วเขาร้องเพราะเสียใจ เงยหน้ามาอีกที ป้าก็หนีหาย ขณะที่ชายชราเข้าหา ลูบหัวกาไชย

“ปู่...ปู่ไม่รังเกียจหนูเหรอ”

ปู่โมกข์ยิ้มให้ ก่อนเป็นฝ่ายกอดกาไชย ตบหลังปลอบคนป่วย “จะรังเกียจทำไม แกก็เหมือนหลานปู่อีกคน เลี้ยงมาด้วยกันเลยนี่หว่า”

วงแขนของปู่เต็มไปด้วยความเมตตา กาไชยเห็นถึงความเอื้ออาทรนั้น เขาสะอึกสะอื้นไหล่สั่น บรรยากาศควรจะโศกศัลย์กว่านี้ ถ้าแม้นวาดไม่เฉลย...

“จริงๆ นังตุ๊ดเป็น SLE น่ะปู่ โรคเดียวกับราชินีลูกทุ่งไง”

ปู่หันขวับหน้าเหลอ ร้องอ้าวงุนงง “นี่พวกแกเล่นอะไรกัน!”

กาไชยยิ้มออก ดันตัวเองออกจากวงแขนปู่ แก้ตัวเสียงพร่า “หนูไม่ได้ล้อเล่นทำตลกนะปู่ หนูแค่อยากรู้ว่าป้าเขาจะอยากดูแลหนูบ้างไหม” 

แล้วคำตอบก็ประจักษ์ชัดเหลือเกิน กาไชยเช็ดน้ำตาป้อยๆ หันมองคู่หู “กับมดแดง หนูก็ทำแบบนี้เหมือนกัน”

‘ถ้าฉันเป็นเอดส์ล่ะมดแดง หล่อนจะว่ายังไง’

เอ่ยไปแล้ว กาไชยก็นึกว่าแม้นวาดจะด่าซ้ำ เป็นไงล่ะ มั่วดีนัก แต่แม้นวาดกลับดึงกาไชยเข้าไปกอดเฉกเช่นปู่ทำ

ขณะที่ครอบครัวแท้ๆ ทำให้กาไชยรู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นแค่คนอาศัย ทว่าในทางกลับกัน หลายปีก่อนนั้นเขาอยู่กับปู่และมดแดงในฐานะคนอาศัย แต่มดแดงกับปู่ทำให้กาไชยรู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน

“ปู่...ปู่อย่าโกรธมดแดงเลยนะ ถ้ามดแดงจะไม่แต่งกับหนูแล้ว ก็ไม่ผิดเลย” ออกรับแทนคู่หูตัวร้ายแล้วกาไชยก็มองหนุ่มลูกเสี้ยวสวมฮู้ดดำ หวังว่าเขาจะดีพอ คุ้มกับที่ตนจะปล่อยแม้นวาดไป

“หนูดีใจนะ ถ้าหลานสาวปู่จะมีความรัก   ได้เป็นเมียของใครสักคนจริงๆ”

‘ใครสักคน’ นิ่งงัน ร่วมซึมซับความปรารถนาดีระหว่างพวกเขาทั้งสาม อยากแย่งแม้นวาดจากกาไชยขนาดไหน แต่พอมาเห็นภาพนี้ก็รู้สึกผิดไม่น้อย ทว่าจะเป็นชายแสนดี คืนแม้นวาดให้อีกฝ่ายก็ทำไม่ได้

“ไอ้หนุ่มเกาหลี ติดต่อฮาราบอจีของแกด้วย ให้มันมาเจอฉันหน่อย” ปู่โมกข์ยอมเอ่ยปากกับเขา เสียงขรึมบ่งบอกว่าคลายความเป็นอริลงกึ่งหนึ่งแล้ว นับแต่เห็นกับตาว่ารามัญอยู่กับหลานสาว ปู่โมกข์โมโหจนรามัญใจแป้วว่าท่านจะไม่ญาติดีด้วย โกรธเขาเสียยิ่งกว่าตาแก่นั่น 

“อ้อ บอกมันด้วยนะ ว่าให้มาแบบธรรมดาๆ อย่ามาอวดรวยกับฉัน”

รามัญหลุดยิ้ม ผงกหัวว่าจะทำตามคำสั่ง คงมีเพียงปู่โมกข์เท่านั้นละ กล้าวางก้ามข่มฮเวจังนิมแห่งฮวังแจกรุ๊ป ถึงรามัญจะยังไม่รู้ว่าปู่ไทยอยากคุยอะไรกับฮาราบอจีเกาหลี ทว่าท่าทีของชายชรายามนี้ก็ทำให้รามัญมีหวัง เขาอาจจะได้เลื่อนสถานะจากคนแอบแซ่บ มาแซ่บแบบมีสถานะ!

     


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น