0

บทนำ

บทนำ

 

‘ฉันคาดหวังอะไรกับคนที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ’

 

“อาอิ๋ง! แกจะมาทำตัวไร้ความรับผิดชอบแบบนี้ไม่ได้!” 

‘อู๋เหิง’ ผู้นำตระกูลอู๋ตะโกนเสียงดังลั่น ใบหน้าที่ปรากฏริ้วรอยแห่งอายุแดงเข้มเพราะแรงโทสะ หากเป็นคนที่รู้ความสักนิดคงใช้น้ำเย็นเข้าลูบเพื่อไม่ให้สถานการณ์ย่ำแย่มากไปกว่านี้ ทว่าคู่สนทนาไม่ใช่คนใต้อาณัติที่จะยำเกรงอำนาจของเขา นอกจากไม่ใช้น้ำเย็น…ยังช่วยใส่ฟืนสุมไฟให้ลุกโชนมากกว่าเดิม

คนที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ‘บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวน’ ที่เขาและภรรยาเลี้ยงดูตามใจจนนิสัยผิดเพี้ยนไปหมด  

“ป๊าก็เลิกบังคับหนูสักทีจะได้ไหม! หนูอยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง หนูอยากเลือกเส้นทางเป็นของตัวเอง หนูเป็นลูกป๊านะไม่ใช่หุ่นยนต์ ที่จะได้หลับหูหลับตาทำตามคำสั่งป๊าไปได้ทุกเรื่อง!” ผู้ถูกปลุกจากห้วงนิทราตะโกนกลับไปด้วยเสียงดังไม่แพ้กัน ถึงใบหน้าจะหงิกงอเพราะความขุ่นใจ แต่ก็ยังเห็นชัดเจนว่าเค้าโครงหน้าสะสวยถอดแบบมาจากบุรุษที่ยืนเท้าเอวควันออกหูอย่างไม่มีผิดเพี้ยน 

‘เมลิซซา อู๋’ หรือ ‘อู๋เหว่ยอิ๋ง’ ล้มตัวลงนอน มือเรียวคว้าผ้าห่มนวมคลุมร่างหนีจากการสนทนาดื้อๆ แต่ยังไม่ทันได้พักหายใจหายคอ แสงสว่างจากภายนอกก็ลอดเข้ามาทิ่มตาเมื่อผ้าห่มสีขาวถูกผู้เป็นบิดากระชากออกอย่างแรง 

“กรี๊ด!” 

พลั่ก!

ร่างของเมลิซซากลิ้งตกเตียงไปตามแรงดึง หน้าผากมนโขกพื้นเบื้องล่างเต็มรัก เคราะห์ดีที่ตกลงมาบนพรมผืนใหญ่จึงไม่ถึงกับเลือดตกยางออก ไม่เช่นนั้นกินเนสส์บุ๊คจะต้องจัดเธอเข้าลิสต์การตายที่น่าสงสารให้คนทั้งโลกเวทนาเล่น 

“ทำตามคำสั่งฉันงั้นเหรอ แกเคยทำตามที่ฉันสั่งสักเรื่องเหรอ!” อู๋เหิงถลึงตา นิ้วที่ชี้ไปที่บุตรสาวสั่นระริก นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ยอมรับผิด ยังเชิดหน้าอ้าปากเถียงคำไม่ตกฟาก  

“ป๊าก็รู้ว่าไม่เคย! ป๊าก็ยังจะสั่งอยู่นั่นแหละ! คนฟังอย่างหนูยังเหนื่อยแทนป๊าเลย!”

“แกดูหนูเลลาห์ ว่านอนสอนง่าย ได้ดั่งใจไปซะทุกเรื่อง แกเป็นเพื่อนสนิทเขามาตั้งกี่ปี ทำไมไม่รู้จักซึมซับความเป็นเด็กดี รู้จักคิดของเขามาบ้าง ฉันขอให้แกสืบทอดธุรกิจแกก็ไม่ทำ ขอให้แต่งงานกับคนดีๆ ที่เขาสามารถช่วยแกในอนาคตได้ก็ไม่แต่ง ปากก็บอกรักป๊า ม้า แต่การกระทำของแกทำพวกฉันอายุสั้นลงไปกี่สิบปีแล้ว!” 

“ป๊าพูดแบบนี้หนูเสียใจนะ!” เมลิซซาลุกขึ้นเผชิญหน้ากับบิดาทั้งหน้าผากบวมปูด ใบหน้าแดงก่ำไปครึ่งซีก

“หนูก็คือหนู เลลาห์ก็คือเลลาห์ มันคนละคนกันนะป๊า ป๊าเล่นเปรียบเทียบกันมาเป็นสิบ ยี่สิบปีแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ถ้าหนูกับเลลาห์ไม่ได้สนิทกัน ป่านนี้หนูคงเกลียดเลลาห์เข้ากระดูกดำไปแล้ว” 

“แล้วทำไมไม่รู้จักเชื่อฟังเหมือนลูกบ้านอื่นเขาบ้าง” 

“ก็มีแค่สองเรื่องนี้ที่หนูทำให้ป๊าไม่ได้ แต่เรื่องอื่นหนูเคยทำให้ป๊าผิดหวังเหรอคะ หรือว่าในสายตาป๊าหนูเป็นลูกที่ไม่ได้เรื่อง ทำให้ป๊าอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าคนในฮ่องกง!”

ยิ่งเห็นบิดาหน้าเขียวหน้าแดงพูดไม่ออก เมลิซซาก็ยิ่งจงใจบีบคั้นน้ำตาให้ร่วงแหมะๆ ใช้แผนทรมานสังขารเรียกความสงสารสุดฤทธิ์ เธอรู้ดีว่าถึงจะเชิดหน้าเถียงฉอดๆ หรือทำตัวขัดอกขัดใจบุพการีแค่ไหน แต่ความรักมหาศาลที่ทั้งสองมอบให้เธอก็ไม่มีวันแปรเปลี่ยน 

“คุณคะ อาอิ๋งยังเด็ก ต่อให้คุณโมโหแกไปก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ค่อยพูดค่อยจากันนะคะ”

‘อู๋เหม่ยฮัว’ ที่อยู่ด้วยมาตั้งแต่ต้นทนไม่ไหว รีบเข้าไปลูบแผ่นหลังบุตรสาวให้สงบลง แต่ก็มิวายถูกสามีถลึงตาทำเสียงฮึดฮัดใส่…ข้อหาที่เธอเข้าข้างลูกไปซะทุกเรื่อง

ถึงเมลิซซาจะปล่อยให้บุตรชายของหุ้นส่วนคนสำคัญที่อุตส่าห์บินตรงมาจากจีนเพื่อมาดูตัวโดยเฉพาะต้องรอเก้อก็เถอะ แต่จะดุด่าไปก็เท่านั้น เพราะยังไงแผนการเกี่ยวดองของทั้งสองตระกูลก็ล่มไม่เป็นท่าไปเรียบร้อย 

“อาอิ๋ง แต่เราทำตัวขาดความรับผิดชอบแบบนี้ก็ไม่ถูก ที่ขายหน้าไม่ได้มีแค่เรา แต่ป๊า ม้าก็กลายเป็นผู้ใหญ่เสียคำพูดไปด้วย หลังจากนี้จะพูดจะทำอะไรคนก็คงกังขา” จริงอยู่ที่เธอยื่นมือเข้าคลี่คลายสถานการณ์ แต่ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ไม่ใจอ่อนให้แก่คนถูกดุจนหน้าหดเหลือสองนิ้ว 

อู๋เหม่ยฮัวมุ่นหัวคิ้วกับความเปลี่ยนแปลงของบุตรสาว นี่สินะที่เขาบอกว่าเลี้ยงลูกเลี้ยงได้แต่ตัว เมื่อก่อนถึงเมลิซซาจะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน ทว่าก็ยังฝืนใจไปดูตัวตามคำสั่ง และวางตัวสมฐานะ ‘คุณหนูอู๋’ ได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง แต่หลายเดือนมานี้บุตรสาวเธอไม่เข้าใกล้ผู้ชายคนไหน ต่อให้เอาเชือกมามัดก็ยืนกรานว่าจะไม่ไปดูตัวเด็ดขาด อีกทั้งยังเริ่มหัวแข็งต่อต้านการจับคู่ทุกรูปแบบ ร่ำร้องอยากจะเลือกคู่ด้วยตนเอง ซึ่งแต่ก่อนอีกฝ่ายไม่เคยเป็นเช่นนี้

เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เธอและสามีปวดหัวมาก…

“หม่าม้าขา ใช่ว่าหนูเองจะไม่รู้สึกผิด แต่หนูบอกป๊าแล้วนะคะว่าหนูจะไม่ไปดูตัว ป๊าก็ยังใช้วิธีมัดมือชกอยู่นั่นแหละ หนูเลยมัดมือชกป๊ากลับบ้าง” 

“ป๊าเราเขาหวังดี อยากให้เราได้เจอคนดีๆ หรือว่าเราไม่เชื่อสายตาของป๊า” 

“หนูเชื่อว่าป๊าสายตาดีที่สุดในโลก แต่ป๊าจะเอาวิธีการทางธุรกิจมาเลือกผู้ชายให้หนูไม่ได้” 

“แล้วคนที่ฉันเลือกให้ไม่ดีตรงไหน มีใครในฮ่องกงบ้างที่ไม่อิจฉาแก!” อู๋เหิงที่พึ่งจะสงบอารมณ์เดือดพล่านขึ้นมาอีกรอบ ทว่าเมื่อสบแววตาแข็งกร้าวอย่างไม่ยอมจำนนก็ได้แต่ถอนหายใจแรง

ใช่ว่าเขาจะหยิบใครก็ได้มาดูตัวกับเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียว คนที่เขาเลือกมาไม่เพียงแค่ชาติตระกูลดี แต่ล้วนเป็นเลิศในด้านใดด้านหนึ่ง ประวัติและความประพฤติก็ไม่มีด่างพร้อย มั่นใจได้เลยว่าบุตรสาวของเขาจะไม่มีวันน้อยหน้าใคร แต่ทำไมถึงเอาแต่ดึงดันปฏิเสธอย่างไม่มีเหตุผลก็ไม่รู้

“การที่หนูจะต้องแต่งงานกับใครสักคน หนูอยากเลือกด้วยหัวใจของหนูเอง ผู้ชายคนนั้นต้องอยู่กับหนูไปทั้งชีวิตเลยนะป๊า หนูไม่อยากถูกคลุมถุงชน ป๊าให้หนูเลือกชีวิตของหนูเองเถอะ” 

“ได้ ถ้าแกไม่อยากแต่งงานกับคนที่ฉันหามา งั้นแกก็บอกมาว่า ‘ผู้ชาย’ คนที่แกชอบเป็นคนตระกูลไหน” คำถามเดิมถูกถามเป็นรอบที่ร้อย หลายเดือนก่อนบุตรสาวบอกว่าเจอ ‘ผู้ชายเหมาะสม’ ที่เขาจะต้องชอบอย่างแน่นอน แต่จนแล้วจนรอด…ไม่ว่าเขาและภรรยาจะใช้วิธีใดหว่านล้อม อ่อนโยนก็แล้ว ง้างปากก็แล้ว แต่บุตรสาวก็ไม่เคยหลุดชื่อแซ่ผู้ชายคนนั้นออกมาเลยสักครั้ง 

คนที่อ้าปากเถียงมาโดยตลอดหุบปากฉับ สีหน้าและแววตาฉายความรู้สึกที่ต่างกันออกไป ดูคล้ายคนหมดอาลัยตายอยากก็ไม่เกินจริง 

“เรื่องใครมาจากตระกูลไหนมันสำคัญนักเหรอคะ ชื่อแซ่มันวัดความเป็นคนดีไม่ได้สักหน่อย” เมลิซซาตอบอ้อมแอ้ม ด้วยรู้ดีว่าสำหรับบิดา ‘ชาติตระกูล’ เป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง ส่วนนิสัยใจคอและเรื่องอื่นๆ ค่อยว่ากันทีหลัง 

“แต่มันเป็นเครื่องการันตีว่าผู้ชายคนนั้นจะดูแลแกได้ทั้งชีวิต อาอิ๋ง…ป๊าม้าเลี้ยงแกมาเคยให้แกสะกดคำว่าลำบากสักครั้งในชีวิตไหม แกคิดว่าตาเฒ่ายายเฒ่าตรงนี้จะทนเห็นแกไปอยู่กับพวกหลักลอยได้ยังไง แกแค่บอกชื่อแซ่มา ถ้าผู้ชายคนนั้นเหมาะสม ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหนฉันก็จะหาวิธีให้แกได้สมหวัง”

ความเงียบเข้ามาปกคลุมภายในห้องอยู่นาน จนแล้วจนรอดเมลิซซาก็ไม่หลุดชื่อแซ่ของ ‘ชายหนุ่มนิรนาม’ ออกมาสักแอะ อู๋เหม่ยฮัวเอื้อมไปกุมมือบุตรสาว ส่งสายตาเป็นเชิงให้ลดความดื้อรั้นลงบ้าง 

“อาอิ๋ง…พูดมาเถอะ ถ้าเหมาะสมกันป๊ากับหม่าม้าจะได้หาวิธีช่วย” 

                “เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ป๊าม้าใช้อะไรเป็นมาตรฐาน” 

“ไม่เอาคนต่างชาติ ไม่เอาพวกเศรษฐีใหม่ ชาติตระกูลต้องดี และควรเป็นตระกูลเก่าแก่น่าเชื่อถือ ถ้าทำธุรกิจแขนงเดียวกันได้ยิ่งยอดเยี่ยม การศึกษาต้องทัดเทียมหรือสูงกว่าแก ไม่เคยมีเรื่องผู้หญิง ไม่เคยมีประวัติหย่าร้าง ไม่เคยต้องคดีความ ไม่มีเรื่องด่างพร้อยให้คนอื่นมาว่าเอาได้ และที่สำคัญ…ต้องยอมแต่งเข้าตระกูลอู๋ด้วย” น้ำเสียงของอู๋เหิงหนักแน่น โดยเฉพาะแววตาทะนงที่บ่งบอกชัดเจนว่าจะไม่มีวันยอมรับ ‘ลูกเขยในอนาคต’ ที่ขาดคุณสมบัติขาดไปข้อใดข้อหนึ่ง 

‘แค่สองข้อแรกก็ไม่ผ่านแล้ว…’ เมลิซซาอยากจะเป็นลม แต่ก็ยังฝืนสังขารค้านหัวชนฝาอย่างไม่ยอมแพ้ 

“ป๊าคิดว่ายังจะเหลือผู้ชายแบบนั้นอยู่บนโลกเหรอ!”

“คนที่ฉันหามาให้แกไม่ขาดเลยสักข้อ!”

“ถ้าหนูไม่ได้ใช้ ‘แซ่อู๋’ พวกผู้ชายที่ป๊าหามาก็คงไม่แต่งกับหนูเหมือนกันนั่นแหละ สุดท้ายคนพวกนั้นก็รักผลประโยชน์ที่ป๊าหยิบยื่นให้เขา รักความมีหน้ามีตา ไม่ได้รักลูกสาวคนนี้ของป๊าเลยสักนิด แบบนั้นหนูแต่งกับป้ายไม้ประจำตระกูลเขาก็ได้ ป๊าจะได้ไม่ต้องกังวลว่าสามีป้ายไม้จะทำหนูลำบากรึเปล่า”

“อาอิ๋ง!” 

“หรือถ้าป๊าอยากได้คนมาช่วยดูแลบริษัท จะให้คนพวกนั้นมาแต่งกับป้ายไม้ตระกูลเราก็ได้ ทั้งที่บ้าน ที่บริษัท ที่ศาลบรรพบุรุษ มีลูกเขยทีเดียวสามคนไปเลย ป๊าอยากได้คุณสมบัติแบบไหนก็ไม่มีใครขัดใจป๊าหรอก” 

“แม้แต่ศาลบรรพบุรุษแกยังกล้าดึงลงมาเล่น ไอ้เด็กปีศาจไม่รักดี!” อู๋เหิงบันดาลโทสะจนตัวสั่น ถลาจะเข้าไปปลุกสติบุตรสาวสักผัวะ สองผัวะ 

“หม่าม้าช่วยหนูด้วย!”

“คุณคะ…”

“อาอิ๋ง! หยุดเดี๋ยวนี้!” ถึงเขาจะแข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกันอยู่มาก แต่ก็ไม่อาจปราดเปรียวรวดเร็วเท่าคนหนุ่มสาว นอกจากจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ยังต้องพักสูดหายใจเป็นระยะ

เมลิซซาหลบหลีกคล่องแคล่ว วิ่งไปทางซ้ายทีขวาที ภายในห้องนอนที่เคยเงียบสงบเต็มไปด้วยเสียงเอะอะของพ่อลูกที่ความเห็นไม่ตรงกัน

“ป๊าไม่รู้เหรอว่าตีลูกมันผิดหลักสิทธิมนุษยชนนะ!”

“คนอย่างแกมันใช้คำพูดสั่งสอนไม่ได้!”

“ใจเย็นๆ นะคะคุณ” อู๋เหม่ยฮัวยกมือปราม ถึงจะรู้ว่าสามีไม่ลงมือกับบุตรสาวรุนแรงไปกว่าตีให้แสบๆ คันๆ แต่ก็ยังช่วยคนที่หลบอยู่ด้านหลังอย่างสุดความสามารถ  

“หนูไม่อยู่ให้ป๊าตีหรอก หนูไปก่อนนะคะหม่าม้า” หญิงสาวหอมแก้มขอบคุณมารดา ก่อนจะวิ่งผลุบหายไปจากประตูทั้งชุดนอนโดยมีเสียงตะโกนก้องราวกัมปนาทไล่หลังตามไปติดๆ  

“อาอิ๋ง! กลับมาเดี๋ยวนี้!”

“คุณคะ อาอิ๋งยังเด็ก…”

“ได้! ถ้าแกอยากเลือกเองนักฉันก็จะให้โอกาส ฉันเองก็อยากจะรู้ว่าผู้ชายที่แกเลือก จะรักที่ ‘ผลประโยชน์ของแซ่อู๋’ หรือจะรัก ‘ตัวตนของแก’ กันแน่!” 

ลมหายใจรัวแรงของอู๋เหิงหยุดกึกทันทีที่รู้ตัวว่าตนเผลอพูดเหลวไหล แม้แต่อู๋เหม่ยฮัวเองก็พลอยตกใจไปด้วย โชคดีที่ประตูเปิดอ้ามีเพียงอากาศและความว่างเปล่า ทั้งสองจึงค่อยเบาใจลงได้บ้าง…

“โชคดีไปนะคะคุณที่อาอิ๋งไม่ได้ยิน ไม่อย่างนั้น…” 

ทว่ายังพูดไม่ทันจบ…สองสามีภรรยาพลันสะดุ้งโหยงเมื่อใบหน้าสวยเอียงโผล่มาจากมุมประตู ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของปีศาจน้อยวาววับเป็นประกาย ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเก็บความดีใจเอาไว้ไม่มิด 

“ใครๆ ก็บอกว่าหนูเป็นลูกกตัญญู ดังนั้นหนูจะทำตามที่ป๊าสั่ง ป๊าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ หนูจะหาลูกเขยที่ดีที่สุดในโลกมาให้ป๊าได้เชยชม” กล่าวจบก็วิ่งยิ้มหน้าแป้นออกไป โดยมีเสียงหวีดร้องตามไปไม่ห่าง

“คุณคะ! อย่าพึ่งเป็นลมนะคะ ไม่นะคะคุณ!”

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น