19

ในอ้อมกอดของเทพยดา (๒)


 

ไอศิกานั่งกอดเข่าอยู่บนหาดทรายสีขาวสะอาด มีเสื้อสูทผู้ชายสีดำคลุมท่อนขาเอาไว้ ดวงตาแดงช้ำมองเหม่อฝ่าความมืดไปยังเกลียวคลื่นที่ซัดสาดชายฝั่งพร้อมๆ กับปล่อยให้หยาดน้ำใสๆ ไหลอาบแก้มอย่างเงียบเชียบ ข้างกันนั้นมีชายหนุ่มร่างใหญ่ที่สวมเพียงเสื้อเชิ้ตยับย่นและกางเกงสแล็กส์นั่งชันเข่าขึ้นข้างหนึ่ง เขาปล่อยให้เท้าทั้งสองข้างเปลือยเปล่าในขณะที่จดริมฝีปากเป่าเมาท์ออร์แกนเป็นเพลงแว่วหวาน ทว่าแสนเศร้าบีบหัวใจให้คนฟังรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก

เพลง “Angel” ของ ซาราห์ แมคลาคแลน...เพลงเก่าที่ยังคงความอมตะมาจนถึงปัจจุบัน ไอศิกาจำได้ว่าชอบเนื้อหาของเพลงมากเพียงใด แม้จะแสนเศร้าและได้แรงบันดาลใจมาจากความตายของมือคีย์บอร์ดวง Smashing Pumkins โจนาธาน เมลวอยน์ ผู้ทนรับความกดดันต่างๆ ในวงการดนตรีไม่ไหว ต้องหันไปพึ่งพายาเสพติด จนสุดท้ายก็พบจุดจบจากการเสพยาเกินขนาดและลาโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง ๓๔ ปีเท่านั้น ไม่นึกว่าวันหนึ่งเมื่อย้อนกลับมาฟังเพลงนี้อีกครั้ง กลับกลายเป็นว่าเธอเข้าใจความรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจของโจนาธานผู้เป็นที่มาของเพลงนี้อย่างถ่องแท้

ความรู้สึกที่อยากล่องลอยไปที่ไหนสักแห่ง ไปให้พ้นจากความเจ็บปวดบนโลกใบนี้...

 

Spend all your time waiting for that second chance

ใช้เวลาหมดไปกับการรอคอยโอกาสครั้งที่สอง

For a break that would make it okay

ที่จะได้พักและทำให้ทุกอย่างดีขึ้น

There's always some reason to feel not good enough

มักมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้รู้สึกเหมือนไม่ดีพออยู่เสมอ

And it's hard at the end of the day

และช่างยากเย็นเหลือเกินเมื่อใช้ชีวิตมาจนหมดวัน

I need some distraction or a beautiful release

ฉันอยากได้บางสิ่งมาช่วยผ่อนคลาย ช่วยปลดปล่อย

Memories seep from my veins

ความทรงจำต่างๆ ให้ซึมไหลออกมาทางเส้นเลือด

Let me be empty and weightless and maybe

ขอให้เรือนกายว่างเปล่า ไม่ต้องแบกรับน้ำหนักใด และบางที

I'll find some peace tonight

ค่ำคืนนี้ฉันอาจได้พบกับความสงบสุขในเรือนใจเสียที

In the arms of the Angel

ในอ้อมแขนของเทพยดา

Fly away from here

โบยบินให้ห่างไกลจากที่นี่

From this dark, cold hotel room, and the endlessness that you fear

ห่าง...จากห้องพักในโรงแรมที่ทั้งมืดทั้งหนาวเหน็บแห่งนี้ และห่างจากความรู้สึกเหมือนมันไม่จบไม่สิ้นที่เธอหวาดกลัว

You are pulled from the wreckage of your silent reverie

ฉุดดึงขึ้นจากซากปรักหักพังของความเพ้อฝันอันเงียบงัน

You're in the arms of the Angel, may you find some comfort here

ไปสู่อ้อมแขนของเทพยดา และขอให้เธอได้พบกับความสุขที่ตรงนี้

So tired of the straight line, and everywhere you turn

เหนื่อยล้าเหลือเกินกับการก้าวเดินตามเส้นทางที่ถูกลิขิตไว้ และไม่ว่าจะหันไปทางใด

There's vultures and thieves at your back

นกแร้งและโจรใจทรามก็พร้อมจิกทึ้งอยู่เบื้องหลัง

The storm keeps on twisting, you keep on building the lies

พายุหมุนรุนแรงบ้าคลั่ง และเธอต้องทนสร้างเรื่องโกหกเรื่อยไป

That make up for all that you lack

เพื่อชดเชยในสิ่งที่เธอขาดหาย

It don't make no difference, escaping one last time

มันจะต่างอะไรกันเล่ากับการหลีกหนีครั้งสุดท้าย

It's easier to believe

มันง่ายกว่าที่จะเชื่อ

In this sweet madness, oh this glorious sadness

ในความบ้าคลั่งอันแสนหวาน โอ ความเศร้าอันเรืองรอง

That brings me to my knees

ที่ทำให้ฉันต้องทรุดลงบนเข่า

In the arms of the Angel, may you find some comfort here

ในอ้อมแขนของเทพยดา ขอให้เธอพบความสุข ณ สรวงสวรรค์แห่งนี้

 

เสียงเมาท์ออร์แกนค่อยๆ จางหายไปกับสายลม เหลือไว้เพียงบรรยากาศหม่นหมองและท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆทะมึนคล้อยต่ำ คล้ายกำลังจะร่วมร่ำไห้ไปกับสาวน้อยที่นั่งซึมไร้ชีวิตชีวาอยู่ข้างกายหย่งเต๋อ

เขาไม่แน่ใจนักว่านั่งอยู่ตรงนี้มานานเท่าใดแล้ว หนึ่งชั่วโมง...หรือสองชั่วโมงกันนะ ตั้งแต่ขับรถฝ่าการจราจรเฮงซวยของเมืองหลวงออกมายังหัวหินถิ่นเดิมอันแสนคุ้นเคย เขาก็หักพวงมาลัยเลี้ยวเข้ามาในเขตฮวงหลงซึ่งปลอดภัยสำหรับเขาและไอศิกาที่สุดในยามนี้ และปล่อยให้เธอจมจ่อมอยู่กับความคิดอันสับสนวุ่นวายของตนเองอย่างเงียบๆ

หย่งเต๋อปลอบใครไม่เป็น ในชีวิตของคุณชายน้อยแห่งตระกูลหวัง สิ่งเดียวที่เขาเก่งที่สุดก็คือสร้างเรื่องเดือดร้อนให้คนอื่น แต่ครั้งนี้...เป็นครั้งแรกที่เขาอยากเรียนรู้วิธีที่จะทำให้น้ำตาของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ หยุดไหล อยากรู้ว่าทำอย่างไรถึงจะประคองตุ๊กตาแก้วที่เต็มไปด้วยรอยร้าวตัวนี้เอาไว้ได้โดยไม่ทำให้เธอต้องแหลกสลายคามือ

“ฝนลงเม็ดแล้ว” หย่งเต๋อยื่นมือไปเบื้องหน้าเพื่อรองรับน้ำตาฟ้าที่เริ่มโปรยปรายลงมาบางเบา “เมฆดำแบบนี้ อีกเดี๋ยวคงตกหนักแน่ มาเถอะ ไปหาที่หลบฝนกัน”

“ฉันอยากอยู่ต่ออีกสักพัก” ไอศิกาซบแก้มแนบเข่า เธอเขี่ยปลายนิ้วบนผืนทรายช้าๆ ไม่สนใจสภาพอากาศรอบกาย แม้ฝนจะเริ่มตกลงมาหนาเม็ดขึ้นทุกที เธอก็ยังนั่งต่อไปอย่างเงียบเชียบ

หย่งเต๋อมองรอยช้ำบนพวงแก้มขาวนวลแล้วถอนใจ เขารู้สึกแค้นใจจนอยากกลับไปหักมือไอ้พิบูลย์ทิ้งนัก ให้ตายเถอะวะ!

“ไม่ได้ เดี๋ยวไม่สบาย” ชายหนุ่มช้อนร่างของหญิงสาวขึ้นอุ้ม “ถึงไม่ห่วงสุขภาพตัวเองก็ช่วยห่วงผมหน่อยสิครับคุณหนู ผมน่ะอ่อนแอจะตาย กระหม่อมบ๊างบาง โดนฝนนิดเดียวก็นอนซมแล้ว”

“คุณเนี่ยนะอ่อนแอ” ไอศิกาซุกหน้ากับแผงอกกว้างอย่างอ่อนล้า “บอกว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกยังน่าเชื่อกว่าเลย”

เห็นกันอยู่ว่านอกจากเขาจะถึกเหมือนกระทิงป่าแล้ว ยังเหี้ยมหาญเสียจนเกือบจะเรียกได้ว่าเหี้ยมโหดอีกด้วย เหี้ยมจนเกินกว่าจะเรียกได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่อินเตอร์โพลเสียด้วยซ้ำ ดูจากที่เขาเคยจัดการคนที่มุ่งร้ายหมายชีวิตเธอเป็นไร...แต่เขากับใบป่านก็เป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่คนที่เธอไว้ใจได้ในยามนี้

“เอ้า นี่ผมพูดจริงนะ” หย่งเต๋อหัวเราะเสียงต่ำอยู่ในลำคอ เขากดปลายคางบนกระหม่อมของหญิงสาวแล้วคลึงเบาๆ “รู้ไหม หัวใจของผมก็อ่อนแอ คุณอย่ารังแกผมเชียว”

“คุณก็ชอบพูดเล่นเรื่อยเปื่อย” มือเล็กกำเสื้อเชิ้ตบริเวณอกเสื้อของเขาไว้หลวมๆ เธอยึดเสื้อของเขาไว้เหมือนที่ยึดเขาเป็นที่พึ่งทางใจ “เราจะไปไหนกันเหรอคะ”

ไอศิกาประหลาดใจไม่น้อยเมื่อเขาไม่ได้พาเธอกลับไปขึ้นรถ แต่อุ้มเดินเลียบชายหาดไปยังทิศตรงข้าม

“พาคุณไปซ่อน” น้ำเสียงของหย่งเต๋อราบเรียบ ทว่าสะกิดใจคนฟังพิกล “ผมบอกแล้วไงว่าจะไม่มีใครหาตัวคุณพบ ถ้าผมไม่อนุญาต”

ชายหนุ่มสาวเท้ายาวๆ ต่อไปอีกราวห้านาทีเศษก็มาถึงบ้านสีขาวขนาดกะทัดรัดที่ตั้งอยู่ริมหาด บ้านสองชั้นหลังนี้ล้อมรอบด้วยรั้วไม้เตี้ยๆ สีขาวสูงระดับเอว ด้านหน้ามีชานระเบียงกว้างขวางเหมาะกับการนั่งพักผ่อนกินลมชมทะเลอย่างที่สุด

“นี่...บ้านใครคะ”

ไอศิกากวาดตามองสำรวจรอบๆ ลมทะเลพัดโมไบล์เปลือกหอยที่แขวนไว้กระทบกันเสียงดังกรุ๋งกริ๋ง ดูจากสนามหญ้าที่ตัดเป็นระเบียบเรียบร้อยและบรรดาไม้ดอกไม้ประดับในกระถางที่ผลิดอกออกใบสวยงาม บ่งชัดว่าได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

“บ้านของพ่อผม” เขาตอบสั้นๆ ขณะใช้ขาดันประตูรั้วให้เปิดออก “สมัยพ่อผมหนุ่มๆ เคยขับรถพาแม่มาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ เป็นสถานที่แห่งความทรงจำของพวกท่านน่ะ”

บ้านหลังน้อยนี้แดเนียลสร้างไว้ด้านหลังรีสอร์ตของตระกูลหวัง เพื่อให้ภรรยาที่เขารักดุจดวงใจได้พักผ่อนหย่อนใจเป็นการส่วนตัว และแน่นอนว่ามีระดับการรักษาความปลอดภัยที่เข้มข้นมากเมื่อเทียบกับการดูแลเหมือนเด็กเล่นขายของของภัทรพล ที่นี่คือชายหาดส่วนตัวของหัวหน้าแก๊งฮวงหลง ไม่มีใครกล้าเสี่ยงบุกเข้ามาก่อความวุ่นวายเป็นแน่

“บ้านของพ่อคุณ?” หญิงสาวเลิกคิ้ว “พี่ภัทรบอกว่าคุณเป็นเจ้าหน้าที่จากฝรั่งเศส ฉันก็นึกว่าครอบครัวของคุณอยู่ที่โน่นกันหมดเสียอีก”

“ครอบครัวผมอยู่ที่เมืองไทย แต่ผมเดินทางตลอด อยู่ไม่ค่อยเป็นที่หรอก”

เมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดรายละเอียดส่วนตัวมากเกินไป จึงเริ่มเงียบแล้วไขกุญแจบ้านด้วยมือเดียวทั้งที่อุ้มไอศิกาเอาไว้อยู่ เขาดูคล่องแคล่วเสียจนเธออดค่อนขอดเขาอยู่ในใจไม่ได้...เขาคงทำแบบนี้กับผู้หญิงมานับไม่ถ้วนสิท่า

“แล้วคุณไม่คิดถึงครอบครัวบ้างเหรอคะ”

“คิดถึงก็บินมาหาได้ คุณนั่งรอผมตรงนี้แป๊บนึงนะ เดี๋ยวผมหาสวิตช์ไฟก่อน”

เขาตัดบทพลางวางไอศิกาลงบนโซฟาตัวโตที่คลุมผ้าเอาไว้ จากนั้นจึงเดินหายลับไปในความมืดสลัว หญิงสาวมองไปรอบๆ เมื่อปรับสายตาได้แล้ว ก็เริ่มเห็นเงาตะคุ่มๆ ของเครื่องเรือนซึ่งส่วนใหญ่ถูกคลุมผ้าเอาไว้เหมือนโซฟาที่เธอนั่งอยู่ชัดขึ้น ดูเหมือนบ้านหลังนี้ไม่มีผู้มาเยือนนานแล้ว แต่เจ้าของบ้านคงรักมันมากจึงดูแลทำความสะอาดเป็นอย่างดีจนแทบไม่รู้สึกว่ามีฝุ่นเกาะอยู่บนผ้าคลุมเลยสักนิด

“หิวหรือเปล่า”

ประโยคคำถามของเขามาพร้อมกับแสงสว่างที่เผยให้เห็นว่าบ้านน้อยหลังนี้ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนเรียบง่ายโทนสีขาวสะอาดตา มีของประดับกระจุกกระจิกจำพวกตุ๊กตาเซรามิกรูปนางฟ้า ภูตจิ๋วและตุ๊กตาหมีตัวน้อยวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและมีกลิ่นอายแห่งความช่างฝันล้นปรี่ จริงสิ...นะโมเคยพูดว่ามีน้องสาว ตุ๊กตาพวกนี้อาจเป็นของน้องสาวของเขาก็ได้ ดูท่าจะเป็นสาวอ่อนหวานและช่างฝันมากทีเดียว

“คุณชอบเหรอ” หย่งเต๋อมองตามสายตาของหญิงสาวไป แล้วหยิบตุ๊กตาภูตดอกไม้สีชมพูหวานบนเคาน์เตอร์มาส่งให้เธอ “ของสะสมของแม่ผมน่ะ แม่ชอบของกุ๊กกิ๊กพวกนี้มาก”

“น่ารักดีนะคะ” ไอศิกามองใบหน้ากลมแป้นของภูตน้อยแล้วยิ้มเนือยๆ “ฉันนึกว่าเป็นของน้องสาวคุณเสียอีก”

“น้องสาวผม?” หย่งเต๋อหัวเราะ “รายนั้นเกลียดของหวานแหววพวกนี้จะตายไป วันๆ อ่านแต่หนังสือหรือไม่ก็ขี่ม้าเท่านั้นละ” ที่สำคัญยิงปืนแม่นเสียยิ่งกว่าจับวาง...จันทร์เจ้าชอบปืนผาหน้าไม้มาก พล่ามเรื่องปืนรุ่นต่างๆ และปีที่ผลิตคล่องมาตั้งแต่อายุสิบขวบโน่นละ แต่ถ้าถามเรื่องเจ้าหญิงดิสนีย์ดันตอบไม่ได้สักแอะ! “แล้วตกลงคุณหิวไหม ถ้าหิวผมจะออกไปซื้อของกินมาให้”

เขาไม่ได้คิดวางแผนจะมาที่นี่แต่แรก แถมโทรศัพท์มือถือก็โยนทิ้งลงข้างทางไปแล้ว เลยไม่ได้สั่งให้ทางห้องอาหารของรีสอร์ตจัดอะไรไว้ให้ หากเป็นเฉินกุ้ยคงเตรียมการไว้พรักพร้อมและลงมือทำอาหารด้วยตนเอง และถ้าเขาปรุงอาหารให้ไอศิกากินละก็ คงเป็นการฆ่าทางอ้อมโดยไม่จำเป็นต้องวางยาพิษเชียวละ ฝีมือย่ำแย่ชนิดที่ว่ากระเดือกอาหารในนรกยังดีเสียกว่า

“ฉันไม่หิว” ไอศิกาหลุบตามองตุ๊กตาในมือ “เพลียแล้ว อยากนอนพักมากกว่า”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปล้างหน้าล้างตา อาบน้ำเสียหน่อย สภาพคุณตอนนี้ดูไม่จืดเลยรู้ไหม ไอ้ใบป่านเห็นเข้าจะต้องบ่นว่าผมดูแลคุณได้ห่วยบรมแน่”

หย่งเต๋อมองใบหน้ามอมแมมเป็นแมวคราวของหญิงสาวแล้วลูบศีรษะของเธอเบาๆ

“แล้วตอนนี้พี่ใบป่านอยู่ที่ไหนเหรอคะ เขา...ปลอดภัยดีหรือเปล่า”

ตอนที่ขึ้นรถมา ไอศิกามัวแต่จมอยู่กับน้ำตาและความหวาดกลัวระคนเสียใจจนไม่ได้สังเกตว่าใบป่านไม่ได้ขึ้นรถมาด้วย

“ก็คงปลอดภัยดี...มั้ง” หางเสียงของชายหนุ่มกระด้างนิดๆ เมื่อเห็นว่าเธอแสดงความเป็นห่วงไอ้ตี๋เล็กของเขา “คุณไม่ต้องเป็นห่วงใบป่านหรอก มันเอาตัวรอดได้ ห่วงตัวเองก่อนดีกว่า ถ้าไม่รีบไปอาบน้ำได้เป็นไข้แน่ โดนละอองฝนจนหัวเปียกขนาดนี้”

หย่งเต๋อคว้ามือของหญิงสาวแล้วฉุดให้ลุกขึ้นเดินตามไปยังห้องพักที่อยู่ทางซ้ายมือของตัวบ้าน เขาเปิดประตูห้องแล้วดันร่างบอบบางเข้าไปด้านใน

“ห้องนี้แม่จัดไว้ให้ผมพัก แต่ผมไม่ค่อยมีเวลามาที่นี่เท่าไหร่ ฉะนั้นทุกอย่างยังใหม่อยู่ แทบจะไม่ได้แตะเลยด้วยซ้ำ” เขากดสวิตช์เปิดไฟแล้วสืบเท้าตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าสีเทอร์คอยส์ขนาดใหญ่ ในห้องนอนขนาดกะทัดรัดนั้นแทบไม่มีเครื่องเรือนอื่นใดนอกจากเตียงขนาดคิงไซซ์ โต๊ะข้างหัวเตียงสำหรับตั้งโคมไฟ และโซฟาสีฟ้าน่ารักไม่เข้ากับบุคลิกของเจ้าของห้องเอาเสียเลย “ในตู้มีพวกผ้าเช็ดตัวกับเสื้อคลุมอาบน้ำอยู่...”

ชายหนุ่มชะงักมือที่กำลังรื้อค้นของในตู้ทันทีที่เห็นโลโก้ของรีสอร์ตอยู่บนเสื้อคลุมอาบน้ำ...สัญลักษณ์มังกรห้าเล็บของโกลเด้นดรากอนกรุ๊ป

ไม่ได้ ให้ไอศิกาเห็นไม่ได้ ต้องหาทางเอาออกไปซ่อนไว้ก่อน

“ผมว่าเสื้อคลุมตัวใหญ่ไป คุณใส่แล้วต้องลากพื้นแน่ เดี๋ยวผมไปหาเสื้อผ้าจากห้องของน้องสาวผมบนชั้นสองมาให้ น่าจะมีชุดที่คุณพอใส่ได้อยู่สักชุดสองชุด ส่วนนี่ผ้าเช็ดตัว ซักแล้ว สะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็นอับ คุณใช้ได้เลยไม่ต้องกังวล ส่วนห้องน้ำอยู่ตรงนั้น เปิดประตูเข้าไปได้เลย มีเครื่องทำน้ำอุ่นกับอ่างน้ำให้แช่ตัวด้วย”

เขาหยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวมาดมแล้วส่งให้หญิงสาว กลิ่นหอมอ่อนๆ ของลาเวนเดอร์ในถุงเครื่องหอมชวนให้เขานึกถึงแม่...ผู้อ่อนโยนที่สุดในโลก แม่มักใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อยู่เสมอ สมัยเด็กๆ เขานอนไม่ค่อยหลับ แม่จึงมักอบร่ำที่นอนหมอนมุ้งและเสื้อนอนของเขาด้วยกลิ่นลาเวนเดอร์ ด้วยหวังว่าจะทำให้เขาผ่อนคลายและนอนหลับฝันดี แม้เมื่อโตขึ้น เขาจะออกไปผจญโลกในฐานะเปี้ยนเหลี่ยนหวัง ไม่ค่อยได้กลับมายังคฤหาสน์หรือบ้านหลังใดๆ ของตระกูลหวังบ่อยครั้งนัก แต่แม่ก็ยังคงคอยเปลี่ยนถุงเครื่องหอมไว้รอท่าเขาแทบตลอดเวลาด้วยความรัก และเพราะแบบนี้เขาถึงไม่อาจให้อภัยใครก็ตามที่คิดทำร้ายแม่ของเขาได้ พวกมันจะต้องชดใช้ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดปานกัน!

“ขอบคุณค่ะ” ไอศิการับผ้าเช็ดตัวมากอดไว้ ไม่ทันได้สังเกตสีหน้าที่จู่ๆ ก็กร้าวกระด้างขึ้นทันตาของเขา “ขอบคุณสำหรับทุกเรื่อง”

“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหมทูนหัว อย่าง...หอมแก้มผมสักฟอด”

เขาปรับสีหน้าพลางพูดประโยคเดิมๆ ที่รู้ว่าจะทำให้หญิงสาวทำอะไรไม่ถูก แล้วโน้มกายลงมาใกล้ก่อนจะเป็นฝ่ายนิ่งอึ้งไปเมื่อสาวน้อยร่างเล็กเขย่งขึ้นหอมแก้มเขาอย่างกลัวๆ กล้าๆ แล้วเดินก้มหน้างุดเข้าไปในห้องน้ำ โดยไม่รู้เลยว่าทำให้คนรับรอยประทับเผลอยิ้มกว้างออกมาโดยไม่รู้ตัว

 

“พี่ติดต่อลูกแก้วไม่ได้”

ภัทรพลเดินพล่านไม่หยุดเหมือนเสือติดจั่น เขามองโทรศัพท์มือถือในมือด้วยความรู้สึกร้อนรน จะพูดเสียงดังก็ไม่กล้าเพราะกลัวว่าภามที่นอนพักผ่อนอยู่ในห้องพักผู้ป่วยพิเศษจะได้ยินเข้า “ลองโทร. เข้ามือถือบอดีการ์ดทั้งสองคนแล้ว ปิดเครื่องทั้งคู่ ไม่ได้กลับไปที่เซฟเฮาส์ รถก็จอดทิ้งเอาไว้ที่โรงแรม”

รถ...ที่หย่งเต๋อและเฉินกุ้ยน่าจะรู้ว่าถูกติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณจีพีเอสเอาไว้ จึงตั้งใจทิ้งไว้...

เพียงคิดถึงเพชฌฆาตหน้าหยกทั้งสองคนนั้น หัวใจของชายหนุ่มก็หนักอึ้งด้วยความกังวลและหวาดกลัว หย่งเต๋อจ้องจะแก้แค้นภามทุกลมหายใจเข้าออก ส่วนเฉินกุ้ยก็พร้อมสนับสนุนลูกพี่ให้ฆ่าคนโดยไม่มีข้อแม้เสียด้วย ถึงพวกเขาจะเสี่ยงชีวิตช่วยไอศิกาไว้หลายครั้งหลายหนและยอมพักรบมาเป็นพันธมิตรกับเขาชั่วคราว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไว้ใจได้เต็มร้อยเสียเมื่อไหร่กันเล่า ลูกมังกรกับลูกเสือ เขี้ยวเล็บคมกริบไม่แพ้บรรดาตัวเอ้ในแก๊งเลยสักนิด

“ตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่กุ้งแก้ว ไหนบอกพี่อีกทีซิว่าทำไมลูกแก้วถึงไปอยู่ที่งานเลี้ยงนั่นได้ ลูกแก้วไม่ได้ไปงานวันเกิดของกุ้งแก้วหรอกเหรอ”

ภัทรพลก้มมองนาฬิกาข้อมือซึ่งชี้บอกเวลาห้าทุ่มเศษแล้ว เมื่อช่วงหัวค่ำสายของอินเตอร์โพลโทรศัพท์มาแจ้งเขาว่าเกิดเหตุวุ่นวายในงานเลี้ยงที่สงคราม มหาเศรษฐีเจ้าของโครงการบ้านจัดสรรพันล้านจัดให้ พิบูลย์ สิทธา เป็นการส่วนตัว โดยมีไอศิกาและเจ้าหน้าที่อินเตอร์โพลจากฝรั่งเศสอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เขาพยายามติดต่อไอศิกาผ่านไอ้ลูกมาเฟียทั้งสองคนนั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ ทั้งที่พวกนั้นรับปากแล้วว่าจะเปิดโทรศัพท์มือถือไว้ตลอดเวลา เมื่อไร้ทางเลือกเขาจึงมารอที่โรงพยาบาลเผื่อว่าหญิงสาวจะมาหาบิดาที่นี่ ทว่าเธอก็ไม่ปรากฏกาย

“ลูกแก้วบอกพี่ภัทรว่าไปงานวันเกิดของกุ้งแก้วเหรอคะ แต่วันเกิดกุ้งแก้วผ่านมาตั้งสองเดือนแล้วนะคะพี่ภัทร” กชกรหันไปมองหน้านิราอรที่มีสีหน้าประหลาดใจไม่แพ้ตนนัก “กุ้งแก้วว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ แล้วละค่ะ งานคืนนี้เป็นงานเลี้ยงภายใน ต้องมีคนเชิญถึงจะไปร่วมได้”

ซึ่งว่ากันตามความเป็นจริงอันน่าเจ็บปวดแล้ว บิดาของไอศิกาไม่น่าได้รับเชิญไปงานเลี้ยงสังคมใดๆ ทั้งสิ้นหลังหมดอำนาจบารมี อีกทั้งยังอยู่ในอาการโคม่า เป็นตายไม่มีใครรู้ ไอศิกาเองก็เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในเซฟเฮาส์ ไม่พบหน้าผู้คน ติดต่อไม่ได้ ยังไม่นับเรื่องที่เธอเป็นไม้เบื่อไม้เมากับหลานสาวของเจ้าของงานอีกนะ แล้วเธอได้รับคำเชิญจากใครกันเล่า

“กุ้งแก้ว บอกพี่ภัทรเรื่องอีตาท่านพิบูลย์ด้วยสิ” นิราอรสะกิดเพื่อนยิกๆ “ที่พวกเราบึ่งมาหาพี่ภัทรทั้งชุดนี้ก็เพราะเรื่องนี้เลยนะ”

“ท่านพิบูลย์?” สีหน้าของสองสาวที่ยังอยู่ในชุดราตรีเต็มยศทำให้ชายหนุ่มสังหรณ์ใจแปลกๆ “หมายถึงท่านพิบูลย์ สิทธา ที่เคยเป็นเพื่อนกับคุณลุงภามน่ะเหรอ”

ที่ใช้คำว่า ‘เคย’ ก็เพราะสายสัมพันธ์ของอดีตเจ้าพ่อกับชายผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงการเมืองผู้นี้จบไปนานแล้ว แถมยังจบแบบไม่สวยงามนักเสียด้วย

“คนนั้นนั่นละค่ะ” กชกรอึกอัก เธอหันไปสบตากับนิราอรอย่างลังเลอยู่หลายครั้ง ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ “คือ...กุ้งแก้วเคยได้ยินมาจากพ่อว่าท่านพิบูลย์มีชื่อเสียงเรื่องผู้หญิงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คือ...ก็ไม่ค่อยมีใครรู้หรอกนะคะ เว้นแต่จะสนิทใกล้ชิดกัน พอรู้ว่าลูกแก้วจะขึ้นไปหาท่านบนห้องรับรอง กุ้งแก้วก็รู้สึกไม่ค่อยดี เป็นห่วงลูกแก้ว ถึงบอดีการ์ดจะไปด้วยก็เถอะ มันก็...”

“ขึ้นไปหาบนห้องรับรอง? นี่กุ้งแก้วพูดเรื่องอะไร ลูกแก้วจะไปหาเขาทำไม”

หัวใจของชายหนุ่มหล่นวูบลงไปกองที่ตาตุ่ม เบื้องลึกเบื้องลับของพิบูลย์นั้นเลวร้ายเพียงใด เขาก็พอรู้มาบ้างทั้งจากปากบิดาและคำบอกเล่าของภาม

“อรก็อยากรู้เหมือนกันค่ะว่าลูกแก้วขึ้นไปหาเขาทำไม” นิราอรหน้าเสียเมื่อเห็นหนุ่มรุ่นพี่พูดเสียงเข้มใส่ประหนึ่งว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของพวกตนเสียอย่างนั้น “แต่เรื่องที่น่าห่วงกว่าก็คือหลังจากนั้นสักสามสิบหรือสี่สิบนาที ทางลูกน้องของคุณสงครามก็มาประกาศขอโทษแขกในงาน บอกว่าขอยกเลิกงานเลี้ยงคืนนี้เสียเฉยๆ เขาให้เหตุผลว่าอีตาท่านพิบูลย์อะไรนั่นป่วยกะทันหันค่ะ”

“ป่วยกะทันหัน?” ภัทรพลเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ นี่ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นวายในโรงแรมที่สายรายงานเป็นแน่ “แล้วลูกแก้วล่ะ ลูกแก้วได้กลับมาที่งานเลี้ยงหรือเปล่า”

“ไม่ได้กลับมาค่ะ มีคนเห็นว่ากลับไปกับบอดีการ์ดแล้ว พวกเรางงนิดหน่อยที่ลูกแก้วกลับไปไม่ยอมล่ำลา แต่พอได้ยินยายปริมพูดว่าคุณลุงภาม เอ่อ...” กชกรกระดากใจที่จะต้องเอ่ยประโยคถัดไป “ส่งลูกแก้วมาให้ท่านพิบูลย์แลกกับเงินแล้วก็ความช่วยเหลือ พวกเราก็เลยรีบโทร. หาพี่ภัทรนี่ละค่ะ”

“บ้าไปกันใหญ่แล้ว กล้าพูดอย่างนี้ได้ยังไง! คุณลุงภามไม่มีวันส่งลูกแก้วไปทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้นแน่” ภัทรพลโกรธจัด เขาไม่เคยใส่ใจเรื่องความอิจฉาริษยาระหว่างพวกผู้หญิงเท่าใดนักด้วยเห็นว่าเป็นเรื่องหยุมหยิม หาสาระไม่ได้ แต่ถึงขนาดใส่ร้ายกันด้วยเรื่องต่ำๆ เพียงนี้ ก็ล้ำเส้นเกินไปหน่อยกระมัง

“พวกเราก็ไม่เชื่อค่ะ” นิราอรส่ายหน้าดิก “คุณลุงภามกับลูกแก้วเป็นคนรักศักดิ์ศรีจะตายไป จะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน”

ข่าวลือเรื่องภามตกอับจนหมดตัวนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในวงสังคมเลย อันที่จริงเพื่อนๆ ของไอศิกาทุกคนรับรู้เรื่องนี้ก่อนที่จะเกิดเหตุลอบสังหารมานานแรมปีแล้ว พวกเธอเคยเสนอให้ความช่วยเหลือไอศิกาเรื่องการเงินด้วยซ้ำ แต่เจ้าตัวปฏิเสธและหาทางออกด้วยตนเองมาตลอด ถึงจะฝืนยิ้มอยู่เสมอ แต่ดูก็รู้ว่าเธอต้องอดทนอดกลั้นกับสถานการณ์ยากลำบากรอบตัวมากเพียงใด การที่ปริมลคอยแต่จะซ้ำเติมคนอื่นเช่นนี้จึงถือว่าใจร้ายและแล้งน้ำใจเป็นที่สุด

“จริงๆ ตอนที่ลูกน้องของคุณสงครามมาบอกว่าขอยกเลิกงานน่ะน่ากลัวมากเลยค่ะ เพราะมีพวกบอดีการ์ดหน้าตาถมึงทึงเดินเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงเป็นสิบคนเลย พอออกมาด้านนอกก็ยืนคุมเชิงกันเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่...กุ้งแก้วคิดว่าคงไม่ได้ร้ายแรงอะไร ไม่อย่างนั้นคงมีตำรวจมาแล้ว นี่เห็นก็แต่รถพยาบาลเท่านั้นเอง คิดๆ ดู ท่านพิบูลย์อาจจะป่วยกะทันหันจริงๆ ก็ได้”

“หรือไม่ก็ป่วยเป็นไข้โป้ง ทำเรื่องไม่ดีเอาไว้เยอะ ก็เลยมีคนมายิงโป้งๆ” นิราอรพูดพลางทำท่าประกอบ

“เวลาอย่างนี้ยังมีแก่ใจมาล้อเล่นอีกเหรอยะ” กชกรขึงตาใส่เพื่อน “แล้วพี่ภัทรจะเอายังไงคะ ติดต่อยายลูกแก้วกับบอดีการ์ดไม่ได้แบบนี้ กุ้งแก้วว่าพี่คงต้องบอกคุณลุงภามแล้วละค่ะ”

“คุณลุงภามยังไม่แข็งแรงดี ต้องพักฟื้นระยะยาว พี่ไม่อยากให้มีเรื่องกระทบกระเทือนใจ แต่ถ้าเรื่องมันลุกลามใหญ่โตขนาดนี้แล้ว พี่คงต้องบอกคุณลุง”

ต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับไอศิกาแน่ ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องกลับไปที่เซฟเฮาส์หรือไม่ก็ติดต่อมาหาเขานานแล้ว แม้ดูตามรูปการณ์แล้ว หย่งเต๋อกับเฉินกุ้ยน่าจะช่วยปกป้องไอศิกาจากเงื้อมมือของพิบูลย์ไว้ได้ แต่...ไม่ได้เป็นการรับรองว่าเธอจะปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่หรือ

“ถ้าเรื่องนั้นคุยกับลุงแทนดีกว่า อย่าไปรบกวนเจ้านายเลย” เสียงขององอาจดังนำมาก่อนตัว ใบหน้าของเขากึ่งเครียดกึ่งโกรธเคืองจนเกือบจะเรียกได้ว่าเกรี้ยวกราด เขาสาวเท้าตรงมาหาภัทรพลแล้วคว้าไหล่ของชายหนุ่มเอาไว้ ดึงให้ออกเดินไปด้วยกันเพราะไม่อยากให้คนอื่นได้ยินสิ่งที่ตนกำลังจะพูดกับเขา “ถ้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อาจเครียดจนอาการทรุดหนักก็ได้”

“ลุงรู้เหรอครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกแก้ว” ภัทรพลเบี่ยงตัวจนหลุดจากการเกาะกุมขององอาจ เขาหันกลับไปมองผู้สูงวัยกว่าตรงๆ ในขณะที่กชกรและนิราอรมองหน้ากันเลิ่กลั่ก “อย่าบอกนะว่า...ลุงมีเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย”

“เราก็มีเอี่ยวในเรื่องนี้กันทุกคนไม่ใช่หรือไง” องอาจจ้องหน้าชายหนุ่มกลับด้วยแววตาดุดัน “และมันก็คือเหตุผลที่ทำให้คุณรู้สึกผิดจนต้องมาคอยดูแลคุณหนูเพื่อไถ่โทษแทนพ่อคุณ ถูกไหม”

“ผมไม่รู้ว่าลุงกำลังพยายามจะลากพ่อผมไปเกี่ยวกับเรื่องอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องที่พ่อไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องของคุณลุงภามตรงๆ ละก็ คุณลุงภามเข้าใจพ่อดี ไม่ต้องให้ใครมายุให้ผิดใจกันหรอกครับ”

สีหน้าของภัทรพลแข็งกร้าว เขาถูกกระแนะกระแหนเรื่องความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างบิดากับภามมาตั้งแต่ยังเด็กและไม่เคยชอบเลย ข้าราชการผู้ประกาศตัวว่าเป็นคนตงฉิน ต่อต้านการยอมสยบอยู่ใต้อำนาจของอิทธิพลมืดทุกรูปแบบมาตลอดชีวิตกลับมีเพื่อนสนิทเป็นพวกผู้มีอิทธิพลระดับมาเฟียตัวเอ้เสียนี่ เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับภาม หลายฝ่ายต่างพากันเพ่งเล็งมาที่ภัทรชัยจนไม่สามารถออกหน้าช่วยเหลือตรงๆ ได้ ไม่อาจแม้แต่มาเยี่ยมไข้เสียด้วยซ้ำไป  สิ่งเดียวที่ทำได้คือขอร้องให้ลูกชายอย่างเขาช่วยดูแลไอศิกาโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีของภามมากเกินความจำเป็นเท่านั้น

แต่ถึงพ่อไม่ขอ เขาก็เต็มใจดูแลไอศิกาอยู่แล้ว...

“คุณกับคุณหนูนี่เหมือนกันไม่มีผิด ไม่เคยรู้อะไรเลยสักอย่าง” คำพูดนั้นฟังคล้ายประชดประชัน แต่น้ำเสียงกลับอ่อนลงจนเดาไม่ถูกว่าเจตนาที่ซ่อนเร้นอยู่ในประโยคคืออะไร “ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่มีใครบริสุทธิ์ผุดผ่องหรอก แม้แต่คุณพ่อของคุณ ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปถามท่านดูก็ได้ว่าใครเป็นต้นเหตุแท้จริงที่ทำให้เจ้านายของลุงถูกยิง”

“ถ้าลุงหมายถึงเรื่องที่พ่อผมช่วยหาลู่ทางให้คุณลุงได้ล้างมือในอ่างทองคำจนถูกยิงละก็ ใช่ พ่อผมมีส่วนผิด แต่นั่นก็เป็นเพราะความต้องการของคุณลุงเอง”

“ล้างมือในอ่างทองคำ?” องอาจส่ายหน้า “คุณนี่ไม่ประสีประสามากกว่าที่ผมคิดเสียอีกนะคุณภัทร”

“ลุงอย่าเพิ่งเบี่ยงเบนประเด็นครับ สรุปแล้วลุงมีเอี่ยวกับเรื่องที่ลูกแก้วไปอยู่ในงานนั้นหรือเปล่า”

“ลุงเป็นคนขอร้องให้คุณหนูไปงานนั้นเอง แต่มันมีเหตุผลที่ซับซ้อนกว่านั้น ลุงต้องการที่จะช่วยนาย เพียงแต่มันต้องมีการเสียสละกันบ้างนิดหน่อย”

องอาจหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดเปิดหน้าจอในขณะที่ภัทรพลขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“เสียสละ? เสียสละอะไร...” เอ่ยได้เพียงเท่านั้นเสียงที่เหลือก็ถูกกลืนหายไปในบัดดลที่เห็นคลิปวิดีโอปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ แม้มีแต่ภาพ ไม่มีเสียง แต่ก็ทำให้หัวใจของเขาแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความโกรธ “นี่มัน...”

ภาพเคลื่อนไหวในโทรศัพท์นั้นถ่ายจากมุมเหนือประตูห้องพัก จึงเห็นภาพด้านในแนวกว้าง ซึ่งพอเดาได้ไม่ยากว่าเป็นการติดตั้งกล้องเพื่อแอบถ่าย ภัทรพลกัดฟันกรอดยามเห็นพิบูลย์ตบหน้าไอศิกาจนล้มลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น

“ลุงจ่ายให้ไอ้วิสูตรไปมากโขทีเดียว กว่ามันจะยอมร่วมมือติดกล้องในห้องพักของไอ้พิบูลย์ได้ ไอ้ปีศาจในคราบนักบุญตัวนี้มันจ้องคุณหนูตาเป็นมันมานานแล้ว”

“เดี๋ยวนะ...” ชายหนุ่มหันไปมองกชกรกับนิราอรที่มองตรงมายังพวกตน แล้วรีบคว้าต้นแขนองอาจดึงให้เดินพ้นรัศมีที่ทั้งคู่จะได้ยินบทสนทนาอย่างพยายามข่มความโกรธเกรี้ยวไว้สุดความสามารถ “นี่หมายความว่าลุงส่งลูกแก้วไปหาไอ้คนชั่วนี่เพื่อถ่ายคลิปแบบนี้ไว้แบล็กเมล์มันอย่างนั้นเหรอ ทำไม...ลุงทำแบบนี้ทำไม ลุงต้องการอะไรจากมัน”

ภัทรพลแทบไม่เชื่อสิ่งที่ตนเองเพิ่งได้เห็นกับตา องอาจคือคนที่ภามไว้วางใจที่สุด แต่เขากลับส่งไอศิกา ลูกสาวที่ภามรักยิ่งกว่าชีวิตไปเป็นเหยื่อสังเวยไอ้แก่ตัณหากลับอย่างไอ้พิบูลย์อย่างนั้นหรือ!

“ลุงต้องการช่วยนาย ไอ้พิบูลย์มันมีข้อมูลที่ทำลายชีวิตนายและทุกๆ คนได้อยู่ในมือ ลุงไม่เคยอยากให้คุณหนูลูกแก้วต้องไปทำเรื่องแบบนี้เลย แต่อย่างที่บอก เรื่องนี้จะสำเร็จได้ก็ต้องมีการเสียสละบ้างนิดๆ หน่อยๆ”

สีหน้าขององอาจเรียบเฉย แต่ดวงตาฉายแววมืดดำ มืดในแบบที่ภัทรพลไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นมาก่อนจากคนตรงหน้า และทำให้รู้สึกหนาวเยือกอย่างประหลาด

“นิดๆ หน่อยๆ? ลุงเรียกเรื่องต่ำช้าแบบนี้ว่านิดๆ หน่อยๆ ได้ยังไงกัน!” ชายหนุ่มกระชากคอเสื้อของผู้สูงวัยกว่าอย่างลืมตัว ความโกรธที่แล่นพล่านในกระแสเลือดทำให้เขาลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง “ไอ้พิบูลย์มันคิดทำเรื่องระยำตำบอน แล้วมันก็ทำร้ายลูกแก้ว ลุงเรียกไอ้สิ่งที่เห็นนี่ว่าเป็นเรื่องนิดๆ หน่อยๆ ได้ยังไงกัน!”

“พี่ภัทร!”

กชกรกับนิราอรอุทานเสียงหลง เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้เคยสุภาพเรียบร้อยและแสนดีของพวกตนกระชากคอเสื้อองอาจแล้วดันร่างของเขาไปกระแทกกับผนังโถงทางเดินดังโครม ใบหน้าของอินเตอร์โพลหนุ่มแดงก่ำ เส้นเลือดบนขมับและหลังมือปูดโปนเหมือนจะปริแตกออกมาเสียเดี๋ยวนั้น

“ถ้าเทียบกับสิ่งที่จะช่วยเหลือนายได้ เรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้คุณหนูลูกแก้วอาจจะโกรธ แต่อีกไม่นานคุณหนูก็จะเข้าใจเอง” องอาจพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน เขาคว้าข้อมือของภัทรพลแล้วกระชากออกอย่างไม่ไยดี “คนอย่างไอ้พิบูลย์มันสารเลว ถ้าทางเราไม่มีอะไรไว้ต่อรองกับมันบ้าง คงไม่มีวันได้หลักฐานจากมันมาง่ายๆ แน่ คุณเองก็น่าจะรู้ว่าอินเตอร์โพลเองก็ไม่ได้จริงใจช่วยเหลือพวกเราเท่าไหร่ แค่อยากได้ข้อมูลเรื่องการค้ามนุษย์ข้ามชาติจากเราเท่านั้น พอเราหมดประโยชน์ก็พร้อมส่งต่อให้ไอ้พิบูลย์มันเชือดทิ้งอยู่แล้ว อินเตอร์โพลได้ผลงาน ส่วนไอ้พิบูลย์ก็ได้หน้า”

“ลุงบอกว่าลูกแก้วโกรธ...หมายความว่าลุงไม่ได้บอกลูกแก้วแต่แรกใช่ไหมว่าส่งลูกแก้วไปทำอะไร”

สมองของภัทรพลเริ่มประมวลเหตุการณ์และปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกันได้ทีละน้อย คนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างไอศิกา ต่อให้จนตรอกเพียงใดก็ไม่มีวันลดตัวลงไปร่วมในแผนการต่ำช้าชนิดนี้แน่

“คุณก็รู้ว่าคุณหนูโกหกไม่เก่ง ถ้าบอกให้ฟังทั้งหมด แผนก็แตกพอดี” องอาจกดเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ท่าทางของเขาสงบนิ่งเหมือนสิ่งที่เพิ่งพูดเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยไม่ควรค่าแก่การใส่ใจ แม้จะมีแวววูบไหวอยู่ในดวงตาบ้าง แต่ก็เพียงครู่เดียวก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว “ตอนนี้คุณหนูก็ปลอดภัยดีแล้วไม่ใช่เหรอ ต้องขอบคุณบอดีการ์ดทั้งสองคนของคุณที่ทำเกินหน้าที่ไปมาก จนผมคิดว่าฝีมือระดับนี้ไม่มีทางเป็นเจ้าหน้าที่อินเตอร์โพลแน่ เพราะพวกที่อ้างตัวเป็นผู้พิทักษ์คุณงามความดีของโลกไม่มีทางลงมือเหี้ยมโหดแบบนี้หรอกจริงไหม ลุงว่าคงได้เวลาที่คุณต้องบอกลุงแล้วละว่าสองคนนั้นเป็นใคร”

เขาหันหน้าจอโทรศัพท์ให้ภัทรพลดูอีกครั้ง ภาพเคลื่อนไหวที่เห็นอยู่ในยามนี้ชวนให้ขนลุกซู่ยิ่งนัก เขารู้อยู่แล้วว่าหวังหย่งเต๋อกับเฉินกุ้ยเหี้ยมโหดไร้ความปรานี แต่ไม่คิดว่าจะลงมือได้อย่างรวดเร็วและเลือดเย็นโดยไม่ลังเลแม้แต่เสี้ยววินาทีเช่นนี้เลย การใช้ปืนและมีดของพวกเขา มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่วิธีที่เจ้าหน้าที่อินเตอร์โพลได้รับการฝึกอบรมมา แต่เป็นวิธีของนักฆ่าที่เรียนรู้จากภาคสนามโดยตรง!

“ใคร...ไม่ใช่เจ้าหน้าที่อินเตอร์โพล”

เสียงแหบห้าวที่ดังขึ้นจากประตูห้องพักผู้ป่วยทำให้บทสนทนาทั้งหมดยุติลงแต่เพียงเท่านั้น องอาจหันกลับไปมองร่างที่อยู่ในชุดของโรงพยาบาลที่เดินออกมาจากประตูอย่างเชื่องช้า แขนข้างหนึ่งคล้องผ้าเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างลากเสาน้ำเกลือที่มีล้อเลื่อนตามติดมาด้วย

“กำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่ ตาภัทร เกิดอะไรขึ้นกับลูกแก้วของลุง”

 

ไอศิกาเหม่อมองสายฝนที่กำลังโปรยปรายผ่านหน้าต่างด้วยความรู้สึกหน่วงๆ อยู่ในอก เสียงคลื่นซัดฝั่งเคล้าเสียงฝนนั้นควรจะเป็นเสียงดนตรีตามธรรมชาติที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ในยามนี้กลับทำให้เธอรู้สึกอ้างว้างขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เรื่องเลวร้ายต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตช่างหนักหนาเกินกว่าที่เธอจะรับมือได้ จนบางครั้งเธออยากจะนอนหลับตาไปตลอดกาล ไม่ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับความจริงอันโหดร้ายอีกเลย

“มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ หือ”

เสียงเรียกที่ดังจากด้านหลังทำเอาหญิงสาวสะดุ้งโหยง เมื่อหันกลับไปก็เห็นร่างสูงในชุดเสื้อยืดและกางเกงวอร์มขายาวยืนอยู่ เนื้อตัวของเขาเปียกปอน ในมือหอบถุงพลาสติกพะรุงพะรัง

“ฉัน...เพิ่งอาบน้ำเสร็จ พอเดินออกมาก็ไม่เจอคุณแล้ว”

“ผมไปซื้อพวกของกินมาน่ะ เผื่อว่าคุณจะหิว ถึงวันนี้ไม่อยากกิน แต่พรุ่งนี้ก็ต้องกินอยู่ดี จริงไหม” หย่งเต๋อวางข้าวของทั้งหมดลงบนโต๊ะรับแขก แน่ละว่าเขาไม่ได้ไปซื้อมา แค่เดินไปสั่งให้พนักงานที่รีสอร์ตจัดหามาให้เท่านั้น “คุณใส่ชุดนี้แล้วน่ารักดีนี่”

เขามองคนที่อยู่ในชุดนอนกระโปรงแขนตุ๊กตาสีชมพูหวานแหววที่จันทร์เจ้าไม่เคยหยิบมาใส่ แล้วยิ้มกว้างจนคนที่ถูกมองต้องหลุบตาลงอย่างขัดเขิน

“ชุดมันยาวไปหน่อย น้องสาวคุณคงตัวสูงกว่าฉันมากเลยนะคะเนี่ย”

ไอศิกาก้มลงมองชายชุดที่ยาวกรอมเท้าแล้วหัวเราะเสียงแผ่ว พลางกระชับผ้าเช็ดตัวผืนโตที่คลุมอยู่บนไหล่ไว้ ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่ชายหนุ่มเปิดทิ้งไว้ทั่วบ้านทำให้ธอรู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาวเหมือนจะเป็นไข้พิกล

“ใครๆ ก็ตัวสูงกว่าคุณทั้งนั้นละ คุณน่ะตัวเล็กอย่างกับลูกแมว” หย่งเต๋อหัวเราะพลางสาวเท้าเข้ามาหาหญิงสาว เขาดึงผ้าเช็ดตัวจากไหล่บอบบางของเธอขึ้นมาซับน้ำบนเรือนผมยาวสลวยที่เปียกชื้นอย่างเบามือ “แล้วดูซิเนี่ย ไม่เช็ดผมให้แห้งเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอกคุณหนู”

“พูดอย่างกับตัวเองไม่เปียกงั้นแหละ” ไอศิกาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม พลางเอื้อมมือไปแตะเส้นผมที่ท้ายทอยของเขา “คุณเดินตากฝนมา น่ากลัวว่าจะไม่สบายมากกว่าฉันเสียอีก”

“งั้นก็มาเป็นหวัดพร้อมกันเลยละกัน” หย่งเต๋อหัวเราะ “เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะหาไดร์เป่าผมมาให้ วันนี้เราก็ผลัดกันเช็ดผมไปก่อนดีไหม”

ไม่พูดเปล่าเขายังส่งผ้าเช็ดตัวให้หญิงสาวหน้าตาเฉย ประสาคนชินกับการได้รับการปรนนิบัติพัดวีจากคนอื่นอยู่เป็นนิตย์ ก่อนจะจูงเธอไปนั่งเคียงข้างกันบนโซฟาตัวยาว

“พูดอย่างกับเราจะอยู่ที่นี่กันสักเดือนอย่างนั้นละค่ะ”

ไอศิกาถอนใจ แต่ก็ยอมเช็ดผมให้คนที่ก้มศีรษะลงเพื่อให้เธอเช็ดผมให้เขาได้สะดวกอย่างว่าง่าย ที่จริง...เธอก็เริ่มชินกับความเอาแต่ใจของเขาแล้วเหมือนกัน ชอบทำอะไรปุบปับ ไม่เคยถามความสมัครใจของเธอสักครั้ง

“อยากอยู่สักเดือนก็อยู่สิ ผมจะอยู่เป็นเพื่อน”

“พูดอะไรของคุณ อยู่ได้ที่ไหนกันเล่า ฉันต้องกลับไปดูคุณพ่อ...”

เอ่ยมาถึงตรงนี้หญิงสาวก็รู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆ แล่นขึ้นมาจุกคอหอย ภาพใบหน้าของบิดาลอยแวบขึ้นมาในห้วงความคิด พานทำให้น้ำตารื้น หากท่านรู้ว่าเกิดเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้นกับเธอบ้าง คงไม่พ้นต้องโทษว่าเป็นความผิดของตนเองที่ไม่อาจปกป้องเธอได้

“ลูกแก้ว” หย่งเต๋อเงยหน้าขึ้นมองไอศิกาเมื่อเห็นว่ามือที่เช็ดผมให้ตนหยุดนิ่งไม่ขยับ ดวงตากลมโตของเธอแดงช้ำและเริ่มมีหยาดเอ่อคลอเต็มสองหน่วยอีกครั้ง ชายหนุ่มประคองดวงหน้าเล็กเรียวไว้ในอุ้งมืออย่างทะนุถนอม “เป็นอะไรไป เด็กน้อย หรือว่ายังกลัวอยู่ อยู่ที่นี่ไม่มีใครทำอะไรคุณได้ ไม่ต้องกลัวนะ ผมไม่มีวันยอมให้ใครหน้าไหนแตะต้องคุณเป็นอันขาด”

“มีคุณอยู่ด้วย ฉันไม่กลัวหรอก ฉันรู้ว่าคุณจะต้องปกป้องฉัน” ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มเริ่มพร่าเลือนยามม่านน้ำตาเริ่มบดบังภาพเบื้องหน้า “เพียงแต่...มันมีเรื่องเกิดขึ้นเต็มไปหมดจนฉันไม่รู้ว่าจะคิดเรื่องไหนก่อน ฉัน...สับสนมาก...”

“คิดเรื่องผมสิ” หย่งเต๋อกดจูบไปบนหน้าผากกลมมนอย่างอ่อนหวาน แล้วลากริมฝีปากต่อลงมายังดวงตาทำให้หญิงสาวต้องปิดเปลือกตาโดยอัตโนมัติ หยาดน้ำตาจึงทิ้งตัวลงอาบแก้ม เป็นภาพที่ทำให้หัวใจของลูกมังกรอ่อนยวบ เขาเพิ่งตระหนักในตอนนั้นเองว่าเขาไม่ได้แพ้น้ำตาผู้หญิงหรอก แต่เขาแพ้น้ำตาของเธอ...น้ำตาของไอศิกา “คิดเรื่องผมแล้วจะได้ยิ้ม ไม่ต้องร้องไห้อีก”

“คิดเรื่องคุณมีแต่จะโกรธเสียมากกว่า คุณน่ะกวนประสาท ชอบยั่วโมโหให้ฉันโกรธอยู่เรื่อย” ไอศิกาลืมตาขึ้นมองคนพูดแล้วหัวเราะทั้งน้ำตา น่าอัศจรรย์นักที่สัมผัสแผ่วเบาของเขาสามารถขับไล่ความหม่นหมองให้สลายหายไปในพริบตา

“จะโกรธก็ได้ไม่ว่ากัน ถ้าทำให้คุณหยุดร้องไห้ได้ ผมถือว่าประสบความสำเร็จ” หย่งเต๋อจูบซับไปทั่วดวงหน้าใสกระจ่างแล้วพลอยหัวเราะไปด้วย “ต่อไปพกรูปผมไว้ดูด้วยดีไหม ถือเป็นเครื่องรางหยุดน้ำตา”

“แหม ปลุกเสกลงอาคมด้วยหรือเปล่าคะ อาจารย์นะโม จะเชื่อถือได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”

“คุณนี่ไม่รู้อะไรซะแล้ว มนตร์อาจารย์นะโมนี่ขลังนักละ จูบปุ๊บ หายเศร้าปั๊บ” ชายหนุ่มแนบริมฝีปากจุมพิตหญิงสาวอย่างนุ่มนวลเป็นการสาธิต ขบเม้มและบดเคล้าอย่างนุ่มนวลจนเธอจำต้องหลับตารับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ “เห็นไหม ไม่ร้องแล้ว ขลังจะตาย”

เขากระซิบชิดกลีบปากนุ่มละมุนอย่างยั่วเย้า ก่อนจะดื่มดำกับรสชาติหวานหอมปานรวงผึ้งต่ออย่างอดใจไม่อยู่

“ฮื้อ...คุณนะโม...” ไอศิกากระซิบเสียงอู้อี้ “เดี๋ยวค่ะ...คุณนะ...โม...”

หัวใจของหญิงสาวเต้นรัวยามจุมพิตที่เขามอบให้ลึกล้ำขึ้นทุกขณะ ใจหนึ่งร้องห้ามว่าควรหยุดแต่เพียงเท่านี้ ไม่ควรปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสหวามไหวของเขาทั้งที่ความสัมพันธ์ระหว่างกันยังไม่ชัดเจนแบบนี้ แต่อีกใจกลับร่ำร้องเพรียกหาไออุ่นจากเขา...ผู้ชายคนเดียวที่เป็นที่พึ่งของเธอในยามนี้

ในขณะที่หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความคิดอันสับสน ร่างกายของเธอกลับโอนอ่อนผ่อนตามชายหนุ่มแต่โดยดี แต่ถึงกระนั้นเนื้อตัวก็ยังสั่นเทาเมื่อถูกเขาดันให้นอนราบไปบนโซฟา แล้วทาบกายตามลงมาอย่างไม่เร่งร้อน

“ตัวคุณหอมจัง” หย่งเต๋อกระซิบ กลิ่นลาเวนเดอร์หอมอ่อนๆ ที่แทรกอยู่ในเรือนผมชื้นหมาดๆ และผิวกายของเธอทำให้เขาแทบลืมทุกสิ่ง เขากดริมฝีปากร้อนระอุไปตามลำคอขาวผ่องด้วยความหลงใหล เขาชอบที่เธอสั่นสะท้านทุกครั้งที่เขาลากฝ่ามือร้อนจัดไปทั่วกาย เพราะนั่นหมายถึงเธอรับรู้ถึงทุกสัมผัสจากเขา เสียงหอบหายใจของเธอกระชั้นถี่และปลุกเร้าแรงปรารถนาในกายเขาอย่างรุนแรง ทว่าความไม่ประสีประสาของเธอทำให้เขาต้องพยายามรั้งตนเองไว้อย่างสุดความสามารถ น้ำตาของเธอกัดกร่อนหัวใจเขา ย้ำเตือนว่าเขาต้องแตะต้องเธออย่างเบามือและทะนุถนอมที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเธอคือตุ๊กตาแก้วตัวน้อยที่เต็มไปด้วยรอยร้าว หากไม่ระวัง เขาอาจทำให้เธอแหลกสลายไปต่อหน้าต่อตาก็เป็นได้

“คุณ...จะไม่ทิ้งฉันไปไหนใช่ไหมคะ...”

เสียงกระซิบเบาหวิวของไอศิกาทำให้หย่งเต๋อชะงัก เขาดันตัวออกห่างจากเธอนิดหนึ่งแล้วก้มลงมองคนที่อยู่ใต้ร่าง เรือนผมสีดำขลับที่แผ่สยายล้อมกรอบหน้าแดงก่ำของเธอคือคำเชิญชวนอันไร้จริตมารยา ทรงเสน่ห์เสียจนทำเอาลูกมังกรหนุ่มแทบคลั่ง ให้ตาย...น่ารักเป็นบ้า ถ้ากลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัวได้ เขาคงทำไปแล้ว ผู้ชายอื่นจะได้ไม่มีวันได้เห็นสีหน้าแบบนี้อีก!

“ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ” หย่งเต๋อพูดเสียงปนหอบขณะก้มลงจุมพิตกลีบปากบวมช้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างโหยหา “ตราบใดที่ผมยังอยู่ จะไม่มีใครทำร้ายคุณได้อีก”

“สัญญานะ...” ปลายนิ้วเล็กเรียวแตะริมฝีปากหยักลึกของชายหนุ่มอย่างกลัวๆ กล้าๆ “สัญญานะว่าคุณจะอยู่ข้างๆ ฉัน”

“ผมสัญญา” หย่งเต๋อจูบปลายจมูกเล็กโด่งอย่างอ่อนหวาน “ถึงคุณไล่ผมก็ไม่ไป ผมน่ะหน้าด้านตัวพ่อเลยนะ”

“ข้อนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ คุณน่ะร้ายจะตาย”

ไอศิกาวางมือทั้งสองข้างบนบ่ากว้างแล้วยืดตัวขึ้นจุมพิตเขาอย่างขัดเขิน...นั่นเป็นเพียงสัมผัสเรียบง่าย ไม่เป็นประสา แต่กลับกอบกุมหัวใจของคนรับสัมผัสเอาไว้ทั้งดวง

“รู้ว่าผมร้ายก็ดีแล้ว” ชายหนุ่มกอดรัดหญิงสาวเอาไว้แน่น “ผมน่ะขี้หึงมากด้วย ต่อจากนี้ถ้าคุณกล้าจูบคนอื่นแบบนี้นอกจากผม ผมจะหักคอพวกมันทิ้งให้หมด”

“แล้ว...คุณล่ะ จะจูบแต่ฉันคนเดียวหรือเปล่า” ดวงตาของไอศิกาสั่นระริกอย่างรอคอยคำตอบ รู้ว่าคำถามของตนโง่เง่าและคนร้อยเล่ห์อย่างเขาอาจโกหกกลับมาก็ได้...แต่ต่อให้เป็นคำโกหก เธอก็ยังอยากได้ยินอยู่ดี

“ผมจะไม่จูบผู้หญิงคนไหนอีก นอกจากคุณ” หย่งเต๋อขบเม้มริมฝีปากล่างของหญิงสาวเบาๆ แล้วหัวเราะ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตนเองหมายความตามที่พูดจริงโดยไม่ต้องเสแสร้ง “ฉะนั้นเตรียมตัวช้ำไว้ได้เลยคุณหนู ผมจูบคุณทั้งวันทั้งคืนแน่”

ไอศิกาหลับตาพริ้มยอมรับทุกสัมผัสจากเขาอย่างเต็มใจ สองร่างกอดกระหวัดรัดกันแนบแน่นขณะที่สายใยบางๆ เริ่มก่อตัวเชื่อมหัวใจสองดวงเข้าไว้ด้วยกัน หย่งเต๋อหยัดตัวขึ้นแล้วรูดเสื้อยืดชื้นๆ โยนทิ้งลงบนพื้น ร่างกายงดงามปานรูปสลักเทพเจ้าของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นประปราย แต่กลับกลายเป็นการเพิ่มเสน่ห์แบบดิบๆ ให้แก่เขาอย่างน่าพิศวง หญิงสาวจำต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทางด้วยความเขินอาย

“มองผม” หย่งเต๋อทาบกายลงมาหาไอศิกาอีกครั้ง “มองสิ ทุกอย่างของผมเป็นของคุณ”

“คุณนะโม” หญิงสาวหน้าแดงแจ๋เมื่ออีกฝ่ายคว้ามือเธอไปวางบนแผงอกหนาหนั่นไปด้วยกล้ามเนื้อ ตัวของเขาร้อนจัดราวสุมเพลิง แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ร้อนแรงเท่าสายตาของเขายามกวาดมองเธออย่างสื่อความนัย “ฉัน...ฉัน...”

ชายหนุ่มไม่เปิดโอกาสให้เธอพูด จุมพิตของเขาดูดกลืนทุกเสียงและทุกความคิดคำนึงของเธอไปจนสิ้น สมองของเธอจึงว่างเปล่า แต่หัวใจกลับเต็มไปด้วยภาพนับร้อยนับพันของเขา เธอปล่อยให้เขาปลดเปลื้องชุดนอนตัวสวยออกจากร่างและประทับจุมพิตไว้จนทั่ว ทุกสัมผัสของเขาอ่อนหวานทว่ารุ่มร้อนจนกายสาวบิดเร่าไปด้วยแรงเสน่หาที่เพิ่งรู้จักเป็นครั้งแรกในชีวิต

“ลูกแก้ว เด็กดีของผม”

หย่งเต๋อครางเสียงต่ำ เขาแนบกายเสียดสีไปกับเรือนร่างขาวผ่องราวกระเบื้องเคลือบชั้นดีด้วยความรู้สึกเหมือนกำลังจะคลุ้มคลั่ง ผิวของไอศิกาทั้งนุ่มและเรียบลื่นราวผ้าไหมชั้นดี เนียนละเอียดชนิดที่ไม่มีแม้แต่รอยไฝฝ้าราคีใดๆ อีกทั้งยังหอมกรุ่นจนก่อให้เกิดความรู้สึกหวงแหนขึ้นมาในหัวใจของเขาอย่างแรงกล้า เขาจะต้องเป็นคนเดียวที่แตะต้องเธอในแบบที่ผู้ชายคนอื่นไม่เคยสัมผัส เป็นคนเดียวที่ทิ้งรอยจูบสีทับทิมไว้บนผิวกายขาวผ่อง เป็นชื่อเดียวที่ริมฝีปากน้อยๆ ของเธอจะขยับร้องครวญถึง!

“คุณนะโม”

ไอศิกาผวาเข้ากอดหย่งเต๋อทั้งตัวเมื่อถูกครอบครองอย่างถึงแก่น ตัวของเธอสั่นสะท้านอย่างน่าสงสารจนชายหนุ่มต้องจุมพิตขมับชื้นเหงื่อของเธออย่างปลอบประโลม วินาทีที่ร่างกายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันโดยสมบูรณ์ หัวใจของเขาเองก็เต้นรัวในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขามองลึกเข้าไปในดวงตากลมโศกของเธอราวต้องมนตร์ ณ ห้วงเวลานี้ เขาไม่ใช่เปี้ยนเหลี่ยนหวัง ไม่ใช่ทายาทฮวงหลง ไม่ใช่แม้แต่ นะโม ทิพยศาสตร์ แต่เป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่ตกหลุมรักคนในอ้อมแขนอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ไม่ได้เพิ่งรัก ณ ขณะที่เธอตกเป็นของเขา แต่เป็นความรู้สึกที่สะสมเพิ่มพูนมาเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลาที่ได้ใกล้ชิดกัน รัก...ทั้งๆ ที่ชิงชังบิดาของเธอล้นปรี่

“ฉัน...รักคุณ...”

เสียงกระซิบของเธอยามเขาตอกตรึงกายเข้าหาอย่างบ้าคลั่งนั้นสั่งให้สองแขนของเขากอดรัดเธอไว้จนแทบจมหายเข้าไปในแผงอกกว้าง

“ผมก็รักคุณ” หย่งเต๋อตอบออกไปโดยไม่รู้ตัว “รัก...คุณ ลูกแก้ว”

ไอศิกาเป็นสมบัติของเขาแล้ว และเขาจะไม่มีวันคืนตัวเธอให้ใคร แม้แต่ไอ้ภาม!

รีวิวผู้อ่าน

2 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น
Carmon
Junior ผม คือ สล็อตเว็บหลัก ที่เปิดให้บริการ pg slot เป็น เว็บตรงสล็อต PG แหล่งรวมเกม พีจีสล็อต มากกว่า 200 เกม เว็บสล็อตออนไลน์ ยอดนิยมอันดับ หนึ่ง ฝาก - ถอน ด้วย ระบบ AUTO ช่วยให้ ธุรกรรมการเงิน ของท่าน ปลอดภัย รวดเร็วทันใจ ภายใน 45 วินาที ร่วมสนุกกับ SLOTPG ได้อย่างไร้ขีดจำกัด สมัคร เว็บตรงพีจีสล็อต ตอนนี้ รับโปรโมชั่น SlotPg ต่างๆมากมาย มีโหมด SLOTPG DEMO ให้ทุกท่าน ได้ทดลองเล่น SLOT PG ก่อนวางเดิมพันด้วยเงินจริง เครดิตฟรี 10, 000 บาท เปิดให้บริการ PGSLOT บน สล็อต PG เว็บตรง ตลอด 24 ชม. ร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับ SLOTPG ที่ เว็บสล็อต กับทางทีมงาน เว็บตรง SLOT PG ได้อย่างไร้ขีดจำกัด
26 ธ.ค. 2022 0
Veda
pg slot เว็บตรง เรา คือ เว็บสล็อต ที่เปิดให้บริการ PGSLOT เป็น เว็บตรงพีจีสล็อต แหล่งรวมเกม Pg Slot มากกว่า 200 เกม เว็บพนันสล็อต ยอดนิยมอันดับ 1 ฝากเงิน ด้วย ระบบ ออโต้ ช่วยให้ การฝากเงิน - ถอนเงิน ของท่าน ปลอดภัย รวดเร็วทันใจ ภายใน 30 วินาที ร่วมสนุกกับ สล็อตพีจี ได้อย่างไร้ขีดจำกัด สมัคร PG สล็อตเว็บตรง ตอนนี้ รับโปรโมชั่น สล็อต พีจี ต่างๆมากมาย มีโหมดslot pg demo ให้ทุกท่าน ได้ทดลองเล่น PG SLOT ก่อนวางเดิมพันด้วยเงินจริง เครดิตฟรี 10,000 บาท เปิดให้บริการ PG SLOT บน พีจีสล็อตเว็บตรง ตลอด 24 ชม. ร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับ สล็อตพีจี ที่ เว็บสล็อตออนไลน์ กับทางทีมงาน PG SLOT เว็บตรง ได้อย่างไร้ขีดจำกัด
26 ธ.ค. 2022 0