4

บทที่ 4


4

ห่วง...หวง

พิตาภากำลังเดินทางไปยังงานเปิดตัวตึกเออร์เบิน เฮริเทจที่สาทรพร้อมกับแม่ โดยมีลุงสุขขับรถมาให้

หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสค็อกเทลสีม่วงเข้มขับผิวขาวให้ดูผุดผาดมากขึ้นไปอีก ใบหน้ารูปไข่แต่งแต้มในโทนหวานปนเซ็กซี่ ผมยาวสลวยสีดำขลับม้วนเป็นลอนอ่อนๆ และรวบเบี่ยงข้างเผยแผ่นหลังนวลเนียนและลาดไหล่มน ส่วนแม่ของเธออยู่ในชุดผ้าไหมสีกลีบบัวแบบเรียบหรูสมวัย

“ตอนแรกแม่ไม่คิดนะว่าพันช์จะยอมช่วยป้าษา พันช์ไม่กลัวพี่ไนน์เขาจะจีบจริงๆ เหรอลูก” จนถึงตอนนี้แสงแขก็ยังไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกสาวจะทำตามแผนของเพื่อนเธอจริงๆ

“ไม่เลยค่ะ พันช์มั่นใจว่าพี่ไนน์ไม่ใช่คนโลเล ถึงพันช์จะสวยแค่ไหน พี่ไนน์ก็คงไม่เปลี่ยนใจจากผู้หญิงที่เขารักง่ายๆ แน่” พิตาภายิ้มซุกซน ดวงตากลมโตภายใต้แพขนตางอนยาวเป็นประกายพริบพราว

“แหม ลูกสาวใครเนี่ยหลงตัวเองจริงจริ๊ง” หญิงวัยกลางคนเย้าด้วยน้ำเสียงเอื้อเอ็นดู

“ก็พันช์สวยจริงๆ นี่นา” คนสวยบอกอย่างมั่นใจ แต่อย่าเอารูปสมัยเรียน ม. ต้นมาเทียบนะ เพราะใครเห็นก็ไม่เชื่อว่าเป็นคนเดียวกัน ทั้งที่เธอไม่ได้ไปทำอะไรกับหน้ามาเลย แค่รู้จักดูแลตัวเองมากขึ้นก็เท่านั้น

“แล้วเมื่อไหร่คนสวยจะมีแฟนจ๊ะ”

“โหย พันช์เพิ่งยี่สิบสี่เองนะคะคุณแม่ มีเวลาหาอีกนานค่ะ อีกอย่างตอนนี้พันช์ก็มีคุณแม่อยู่ทั้งคน แฟนไม่จำเป็นหรอก” พิตาภายิ้มประจบและเอียงตัวเข้าไปซบไหล่ท่าน

“แต่พันช์ก็ต้องมีใครสักคนมาดูแลนะ เพราะแม่อยู่กับเราไปตลอดไม่ได้” แววตาของแสงแขเต็มไปด้วยความห่วงใย

“พันช์ไม่ยอมให้คุณแม่ไปไหนนะ” หญิงสาวโอบเอวหนาของแม่ไว้แน่นและมองตาละห้อย

“แม่ก็อยากอยู่ดูแลพันช์ไปตลอด แต่มันเป็นไปไม่ได้” แสงแขลูบเรือนผมนุ่มของลูกสาวอย่างอ่อนโยน “นี่แม่ก็คุยกันเล่นๆ กับป้าษาอยู่นะว่าไหนๆ พี่เนสก็ยังโสด พันช์ก็ยังโสด จับมาหมั้นกันซะเลยดีไหม”

“นั่นไง! เดาแล้วเชียวว่าต้องเข้าเรื่องนี้”

“ทำไมล่ะจ๊ะ พี่เนสเขาก็เป็นคนดีน้า” แม่เอ่ยโน้มน้าว

“คุณแม่กับป้าษาอย่าพยายามจับคู่เราสองคนเลยค่ะ” หญิงสาวบอกตามตรง เพราะไม่อยากให้เรื่องที่แม่กับป้าอุษาพูดกันเล่นๆเกิดขึ้นจริง

“ไม่มีหวังเลยเหรอ” แสงแขถอนหายใจอย่างแสนเสียดาย

“พันช์ก็ตอบไม่ได้ค่ะ เพราะไม่แน่ว่าวันนึงในอนาคตพันช์อาจจะรักพี่เนสก็ได้ แต่พันช์อยากให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติมากกว่า ไม่ใช่เกิดจากการจัดการของผู้ใหญ่”

แม่พยักหน้าเบาๆ “ถ้าพันช์ว่าอย่างงั้น แม่ก็ไม่บังคับ แต่ยังไงแม่ก็ต้องช่วยดูผู้ชายที่เข้ามาจีบพันช์ เพราะแม่อยากมั่นใจว่าเขาดูแลลูกสาวแม่ได้จริง”

“ตอนนี้ไม่มีใครหลงผิดมาเลยสักคนค่ะ” พิตาภายิ้มทะเล้น

“หลงผิดอะไรกัน ลูกสาวแม่ออกจะเพอร์เฟกต์” แสงแขเอ่ยด้วยน้ำเสียงภูมิใจ

หญิงสาวหัวเราะเสียงสดใส เรื่องอวยลูกนี่ขอให้บอก แม่เธอไม่เป็นสองรองใครแน่นอน

ระหว่างนั้นเสียงเตือนจากแอปพลิเคชันไลน์ก็ดังขึ้น เป็นอภิวัฒน์นั่นเองที่ส่งข้อความมา

Art Trirat : วันนี้พี่ว่าง เลยว่าจะแวะไปดูงานเปิดตัวตึกเออร์เบิน เฮริเทจ ตอนกลับพันช์จะกลับพร้อมกันไหม พี่จะได้รอ

^ Punch ^ : อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ เผื่อพี่อาร์ตมีธุระต่อ ขอบคุณมากนะคะ

Art Trirat : ไม่มี

^ Punch ^ : ไม่เป็นไรค่ะ

Art Trirat : เดี๋ยวพี่รอที่ล็อบบี เอาตามนี้แหละ

^ Punch ^ : เอ้า ไรเนี่ย

Art Trirat : เหอะน่า

พิตาภาทำหน้างง ‘อะไรของอิพี่อาร์ตเนี่ย จู่ๆ ก็มามัดมือชก เป็นห่วงเธองั้นเหรอ หึ ไม่ใช่หรอก คงจะมาเหล่สาวๆ ในงานมากกว่า แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องใช้เธอเป็นข้ออ้าง บางทีเขาก็ซับซ้อนจนเดาใจไม่ออก’

“ใครเหรอลูก” แสงแขถามเมื่อเห็นสีหน้าของลูกสาว

“อ๋อ เพื่อนน่ะค่ะ” เธอตัดสินใจไม่เล่า เพราะเล่าไปแม่ก็คงงงเหมือนกัน

หญิงวัยกลางคนพยักหน้ารับรู้

“คุณแม่คะ” พิตาภาถามขึ้นหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ดวงตากลมโตฉายแววลังเลเล็กน้อย

“ว่าไงจ๊ะ” ท่านยิ้มอารี

“ตอนนี้พี่อาร์ตกับป้าทิพคุยกันหรือยังคะ”

“ทำไมอยู่ดีๆ ถามขึ้นมาล่ะ”

“ก็...ตอนที่พี่อาร์ตไปรับพันช์ที่สนามบิน เราคุยกันตั้งหลายเรื่อง แต่ไม่เห็นพี่อาร์ตพูดถึงป้าทิพเลย พันช์เลยอยากรู้ว่ามันก็ผ่านมาตั้ง...” หญิงสาวยกนิ้วขึ้นมานับ “เกือบสิบปีแล้ว พี่อาร์ตกับป้าทิพจะกลับมาคืนดีกันหรือยัง” เธอไม่กล้าถามอภิวัฒน์ เพราะกลัวว่าจะไปสะกิดบาดแผลของชายหนุ่มให้ลุกลามอักเสบขึ้นมาอีก

แสงแขส่ายหน้าแล้วถอนหายใจเบาๆ “สองวันก่อนป้าทิพยังมาปรับทุกข์กับแม่อยู่เลย ป้าเค้าก็อยากคุยกับอาร์ตนะ แต่อาร์ตไม่ยอมคุยเลย”

“ใจคอพี่อาร์ตจะไม่คุยกับแม่ตัวเองไปตลอดชีวิตเลยหรือไงเนี่ย” คนอะไรใจแข็งชะมัด

“ก็ต้องเอาใจช่วยกันต่อไป สักวันแม่กับลูกเค้าคงกลับมาดีกันได้แหละ คนครอบครัวเดียวกัน ยังไงก็ตัดกันไม่ขาดหรอก”

“พันช์ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ”

 

อภิวัฒน์มานั่งรอพิตาภาอยู่บริเวณล็อบบีของตึกเออร์เบิน เฮริเทจตั้งแต่สองทุ่ม ระหว่างนั้นก็หยิบสมาร์ตโฟนออกมาเล่นเกมฆ่าเวลาไปพลาง

ที่จริงเขาไม่ได้สนใจงานเปิดตัวตึกนี้เลย แต่ที่ตัดสินใจมาก็เพราะไม่ไว้ใจให้พิตาภากลับบ้านกับคนแปลกหน้าจริงๆ เขารู้สึกว่าน้องจะไม่ปลอดภัย และคืนนี้คงนอนไม่หลับแน่หากไม่ได้ไปส่งน้องให้ถึงบ้าน

^ Punch ^ : พี่อาร์ตทำไรอยู่คะ

พิตาภาส่งข้อความเข้ามาพอดี

Art Trirat : เล่นเกม

^ Punch ^ : ไปเที่ยวไหนก่อนก็ได้นะ ค่อยกลับมารับพันช์

Art Trirat : ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับมารับไม่ทัน

^ Punch ^ : พี่อาร์ตรักษาคนไข้มากจนเบลอหรือเปล่าเนี่ย วันนี้แปลกมาก รู้ตัวไหมคะ

Art Trirat : แปลกตรงไหน

^ Punch ^ : ก็ดูเป็นห่วงพันช์มาก

Art Trirat : ก็เป็นห่วงจริงๆ

หัวใจของอภิวัฒน์เต้นโครมครามเมื่อพิมพ์ข้อความนั้นไป

“กูจะตื่นเต้นทำไมวะเนี่ย” นายแพทย์หนุ่มพึมพำอย่างงงตัวเอง

พิตาภาอ่านข้อความของเขาแล้ว แต่หญิงสาวไม่ตอบอะไรกลับมา ทำเอาใบหน้าหล่อเหลาหงอยลงนิดๆ

“เฮ้อ” อภิวัฒน์ถอนหายใจเบาๆ และนั่งรอต่อไปอย่างอดทน

“ขอโทษนะครับ” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นตรงหน้าเขา

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเป็นพนักงานต้อนรับส่วนหน้าของตึกเออร์เบิน เฮริเทจนั่นเอง

“ครับ?” คิ้วหนาเลิกขึ้น

“มีคนฝากมาให้คุณครับ” พนักงานหนุ่มยื่นกระดาษแผ่นเล็กมาให้ ก่อนจะค้อมศีรษะสุภาพและเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์

อภิวัฒน์มองข้อความในกระดาษโน้ตที่เขียนว่า...

อยากรู้จักค่ะ โทร. กลับมาเบอร์นี้ด้วยนะคะ 08x-xxx-xxxx

คุณหมอหนุ่มส่ายหน้าอย่างเนือยๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่ลังเลที่จะโทร. ไปเพื่อหาความสนุกให้ชีวิต แต่ตอนนี้อภิวัฒน์เบื่อหน่ายกับความสัมพันธ์แบบชั่วคราวเต็มที เพราะถึงจะมีความสุข แต่มันเป็นความสุขเพียงชั่ววูบ ไม่นานก็จางหาย เหมือนพลุที่สว่างเจิดจ้าอยู่บนฟากฟ้าเพียงพริบตา

หลังจากได้เห็นความตื่นตาตื่นใจมามากมายจนเริ่มชิน ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการอาจเป็นแค่ดาวดวงเล็กๆ สักดวง ที่แม้แสงจะไม่สว่างไสวเท่าพลุ และมองเห็นได้เฉพาะตอนกลางคืน แต่เขาก็มั่นใจได้ว่าเวลาไหนก็ตามที่ท้องฟ้ามืดลง ดาวดวงนั้นจะปรากฏให้เห็นเสมอ

 

อภิวัฒน์เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ พอสะดุ้งตื่นขึ้นมา หมอหนุ่มก็รีบพลิกข้อมือดูนาฬิกาทันที

“สี่ทุ่มครึ่ง! พันช์จะกลับยังวะเนี่ย” จังหวะที่กำลังจะกดโทร. หาพิตาภา เขาก็เหลือบไปเห็นร่างเล็กคุ้นตาเดินออกมาจากโถงลิฟต์พร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งพอดี

ท่าทางคุยกันสนิทสนมทำให้อภิวัฒน์แอบหัวร้อนเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งรอ จนกระทั่งพิตาภาแยกกับผู้ชายคนนั้นและเดินเข้ามาหาเขาตามที่นัดกันไว้

“นึกว่ากลับไปซะแล้ว” หญิงสาวเย้าคนที่อยู่ในลุคสบายๆ อย่างเสื้อยืดคอกลมแขนยาวสีดำ กางเกงยีนสีซีด และรองเท้าผ้าใบสีขาว ผมที่ไม่ได้เซตทำให้หน้าเขาเด็กลงไปอีกห้าปี

“พี่เคยผิดสัญญาที่ไหนล่ะ” เจ้าของใบหน้าคมคายเอ่ยเคล้ายิ้ม “แล้วเป็นไงบ้าง”

“ที่พันช์ไปทดสอบพี่ไนน์น่ะเหรอคะ”

“ใช่” อภิวัฒน์ทำเป็นถามไปอย่างนั้น ทั้งที่อยากรู้จนแทบรอคำตอบไม่ไหว

“แฮปปีเอนดิงค่ะ” หญิงสาวบอกเสียงสดใส

“ใครแฮปปี?”

“ก็ทั้งพันช์ทั้งพี่ไนน์ไงคะ”

“หมายความว่าไง”

“พี่ไนน์เค้ารักแฟนของเค้ามากค่ะ ถึงพันช์จะแต่งตัวแต่งหน้าจัดเต็มแค่ไหน พี่เค้าก็ไม่ไขว้เขวเลยสักนิด แฟนพี่ไนน์โชคดีจริงๆ เลยที่เจอคนรักเดียวใจเดียวแบบนี้” พิตาภาเอ่ยถึงชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงชื่นชม

“พี่กำลังจะพูดพอดีว่าพันช์แต่งตัวโป๊ไปนะ” ดวงตาคมฉายแววตำหนิ แต่ในอกพองฟูด้วยความดีใจที่ผลการทดสอบออกมาแบบนี้

“โป๊ตรงไหน ไม่ได้แหวกอกสักหน่อย ก็แค่โชว์หลังนิดเดียว” ว่าแล้วเธอก็หมุนตัวให้เขาดูว่าไม่ได้โป๊อย่างที่เจ้าตัวบอก

อภิวัฒน์ลอบกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นแผ่นหลังขาวนวลเนียนชวนสัมผัส มันทำให้ร่างกายเขาร้อนรุ่มขึ้นสามระดับ

“โชว์อะไรก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ” คนพูดเก๊กหน้าเข้มและพยายามข่มใจอย่างหนักไม่ให้คิดอกุศลกับน้องนุ่ง

“พันช์โตแล้วนะคะ ทำไมจะแต่งเซ็กซี่ไม่ได้ อีกอย่างพันช์ก็มีขอบเขตของตัวเอง ไม่ได้แต่งแบบนี้ทุกวันสักหน่อย”

“ก็...” จะบอกได้ไงล่ะว่าไม่อยากให้คนอื่นมอง

“แย้งไม่ได้ล่ะซี้” พิตาภายิ้มเมื่อเถียงชนะ

“เอาที่จำเป็นแล้วกัน” อภิวัฒน์พูดเสียงขรึมแล้วลุกขึ้นจากโซฟา ความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรของเขาทำให้พิตาภาที่สูงร้อยหกสิบห้าเตี้ยลงไปทันที “จะกลับบ้านเลยไหม”

“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปยังลานจอดรถพร้อมกัน ระหว่างทางก็หันไปถามหมอหนุ่มอย่างสงสัย “ทำไมพี่อาร์ตซู้งสูง กินอะไรเข้าไปเนี่ย พันช์จะได้กินบ้าง อยากสูงกว่านี้อีกสักสิบเซนต์” แม้ใครๆ จะบอกว่าเธอสูงแล้ว แต่ถ้ายืนเทียบกับอภิวัฒน์แบบใส่รองเท้าส้นสูงอย่างนี้ เธอก็สูงแค่ปลายคางเขาเท่านั้นเอง

“สูงแค่นั้นดีแล้ว”

“ดีตรงไหน” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน

“พี่ชอบคนตัวเล็กกว่า” ขาของคนพูดชะงัก ‘เฮ้ย! พูดอะไรออกไปวะเนี่ยกู! เดี๋ยวน้องก็เตลิดกันพอดี’

ในขณะที่คนฟังกำลังมึนงง อภิวัฒน์ก็รีบอธิบายและเดินต่อตามปกติ

“พี่หมายถึงพี่ไม่ชอบให้ใครสูงกว่า” เขาไม่ได้โกหกนะ เพราะเขาภูมิใจกับส่วนสูงของตัวเองมาก

“งั้นพี่อาร์ตก็คงไม่ชอบอีกหลายคนเลยแหละ เพราะคนสูงกว่านี้ก็มี”

“ถ้าพี่ไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร”

พิตาภามองบนอย่างหมั่นไส้ ก่อนเปลี่ยนประเด็น “แล้วนี่ไม่มีนัดเดตที่ไหนเหรอคะ ถึงมารอรับพันช์ได้”

“ตารางว่างโล่งไปจนถึงสิ้นปีแล้วจ้ะ”

“หือ?” ดวงตาหวานเบิกโตขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ

“จริงๆ”

“จะเคลียร์ตารางไปบวชเหรอคะ” คำถามของเธอทำเอาอีกฝ่ายหัวเราะครืน

“ยังๆ พี่ยังละทางโลกไม่ได้หรอก ก็แค่อยากอยู่แบบคนโสดจริงๆ สักที” ก่อนหน้านั้นแม้สถานะจะโสด แต่อภิวัฒน์ก็มีนัดเดตอยู่ตลอด

“เดี๋ยวจะรอดูนะว่าจะทำได้นานแค่ไหน” ถ้าให้พนัน เธอว่าไม่เกินหนึ่งเดือนหรอก

“นานแน่นอน แต่พันช์ต้องช่วยพี่” ดวงตาของคนพูดเป็นประกายวิบวับ

“เอ่อ ช่วยยังไงคะ” หัวใจของคนฟังเต้นระรัว เพราะกำลังคิดเข้าข้างตัวเองอย่างสุดพลัง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น