7

ตอนที่ 7

7

 

นันท์นพินสัปหงกเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ได้ รู้เพียงแขกยามวิกาลของเธอยังไม่กลับ ยังคงนั่งจิบเบียร์สบายใจ

หรือเธอควรทิ้งเขาเอาไว้แล้วเข้านอนไปเสีย เรียนเช้าด้วย

หญิงสาวครุ่นคิดทั้งปิดปากหาว เชื่อว่าถ้าทีปกรคุยอะไรกับเธอตอนนี้ สมองคงทำงานอยู่แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

“ใครมาจีบคุณ จนพี่ชายต้องให้มาค้างที่คอนโด”

คนง่วงนอนเงยหน้ามองทีปกรครู่หนึ่ง นิ่งงันเหมือนว่าสมองยังประมวลคำถามไม่เสร็จ กว่าจะจำได้ว่าเมื่อหัวค่ำส่งข้อความบอกเขาว่ามีคนจีบ นึกว่าเขาไม่สนใจหรือไม่เห็นด้วยในความสวยจนน้อยใจมาแล้ว นี่ผ่านมาเป็นชาติเพิ่งมาเอ่ยปากถาม

นันท์นพินก็อยากจะทำเป็นยืดสักหน่อย โอ้อวดว่าหน้าอย่างนี้มีคนมาจีบด้วยนะ ไม่ใช่เป็นแต่ตามจีบคนอื่นอย่างเดียว แต่เพราะความง่วง สมองคิดช้าแถมคิดน้อย ขนาดพยายามตั้งศีรษะให้ตรงยังตรงไม่ได้นาน ทำท่าจะสัปหงกอยู่ทุกนาที จนต้องเท้าแขนประคองศีรษะหนักอึ้งเอาไว้

“ไม่ทราบหรอกค่ะ พิธีกรรายการอาหารที่เคยไปออกมั้งคะ” บ่นงึมงำ น้ำเสียงบ่งบอกความหงุดหงิด

ทีปกรถึงกับเลิกคิ้วสูง มองเด็กอนามัยที่นอนเร็วตื่นเช้า พักหลังตารางชีวิตเรรวนเพราะถูกเขารบกวน ก่อนจะยกมือขึ้นตบข้างกายแรงๆ

“มานั่งนี่สิ รินเบียร์ให้หน่อย”

นันท์นพินรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอยู่ไกลๆ ปรือตาขึ้นมองอย่างเคืองๆ ก่อนจะลุกขึ้นมาทิ้งกายลงนั่งข้างๆ เขาอย่างกระฟัดกระเฟียด

“หนามไม่ใช่เด็กนั่งดริงก์นะคะ เด็กนั่งดริงก์ยังได้ตังค์ นี่ไม่ได้อะไรเลย ง่วงก็ง่วง เหนื่อยก็เหนื่อย” บ่นแล้วอ้าปากหาว สัปหงกหงึกๆ ต้องเบนศีรษะไปหาทำเลเหมาะๆ จนซบลงที่หัวไหล่ของทีปกรนั่นละถึงขดตัวซุกลงไป ทำท่าจะหลับไปจริงๆ

“จูบผมสิ จะให้ตังค์ใช้” ทีปกรเปรยทีเล่นทีจริงหยั่งเชิงอีกฝ่ายดู

คนง่วงงุนหงุดหงิดที่ไม่ได้นอน แถมตอนนี้ตาก็ลอย หัวก็หมุน เหมือนน็อกหลับกลางอากาศ มีเสียงพูดทุ้มหู ลมหายใจอุ่นๆ รบกวนด้านข้าง ก็ยกมือขึ้นปัดอย่างขัดใจ

“เอาไหมตังค์” ย้ำมาอีก

“เอาสิ” คนง่วงนอนครางตอบรับทั้งที่ไม่มีสติ ดูน่ารักจนทีปกรกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่

รวมๆ รอยยิ้มของทีปกรในช่วงที่อยู่กับนันท์นพินเยอะกว่ารอยยิ้มช่วงหกปีที่ผ่านมารวมกันเสียอีก

“จูบสิ แล้วจะได้”

คนหลับเงียบไปพักใหญ่จนเหมือนไม่ได้ยินคำพูดประโยคนั้น ทีปกรเลยเอ่ยย้ำมาอีกพร้อมขยับหัวไหล่ที่มีคนหลับมาซบพักพิง

“จูบ”

“อื๊อ!” เมื่อถูกรบกวนไม่หยุดหย่อน นันท์นพินก็ครางออกมาอย่างขัดใจ “มาๆ ทำให้เสร็จ” บ่นแล้วกอดคอแนบปากนิ่มๆ ลงไป พร้อมจะหลับทั้งที่กอดร่างโตของทีปกรเอาไว้ หน้าหวานละมุนซุกซบที่ซอกคอเขาขณะดวงตาหลับสนิท ทำเอาทีปกรตั้งตัวไม่ทันไปนานหลายนาที

“เชี่ย! เสร็จอะไรวะ!” มีเสียงคำรามอย่างอึ้งๆ ดังออกมา

คนตัวโตได้แต่กางแขนค้างเติ่ง ก็ค้างเหมือนส่วนอื่นนั่นละ ดันตื่นตัวเพราะปากนิ่มๆ ที่พุ่งมาชน ทีปกรลดสายตาลงจ้องมองพวงแก้มนุ่มๆ ปลายจมูกโด่งที่ชนอยู่ที่คอของเขา ภาพใกล้ชิดนั้นทำให้เขาเผลอกลั้นหายใจไปหลายนาที

ทีปกรยกแก้วใส่เบียร์ในมือขึ้นกระดกจนหมดแล้ววางแก้วลงที่โต๊ะ ค่อยๆ โอบร่างคนหลับเอาไว้ในวงแขน เอ็นดูคนง่วงนอนจัด

“เด็กจริง กินนอนตรงเวลาเป๊ะ ไม่มีเวลาสำหรับ...เฮ้อ!”

คิดแล้วปลง ถอนหายใจแรงๆ พลางส่ายหัว ชันกายขึ้นพร้อมอุ้มนันท์นพินเข้าห้องไป ก่อนจะย้อนกลับมาเก็บแก้ว ปิดทีวี ปิดไฟ แล้วกลับมาที่ห้องนอนที่เปิดเพียงไฟสลัวๆ

ตอนที่กำลังจะล้มตัวลงนอน เสียงโทรศัพท์ของนันท์นพินดังมาขัดจังหวะพอดี เขาเห็นคนหลับเอื้อมมือคว้าเอาตุ๊กตาที่วางอยู่แถวนั้นแนบหู

“ค่ะ” เอ่ยแล้วก็หลับไป

ชายหนุ่มมองแล้วนึกขัน ตอนเขาโทร. มาก็หอบผ้าเช็ดตัวเตรียมอาบน้ำมานอนกอด ชวนคุยตอนง่วงก็ละเมอจูบเขา ครั้งนี้ถึงขั้นเอาตุ๊กตามาทำโทรศัพท์ มีอะไรที่ไปได้สุดกว่านี้อีกไหม

‘น่ารักจริงๆ เลยแม่คุณเอ๊ย’

คิดแล้วเผลอยิ้ม ก่อนเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์อีกคนมากดรับเสียเอง

“เบอร์คุณหนามใช่ไหมครับ” เสียงปลายสายเป็นเสียงผู้ชายที่ดูเมามายเล็กน้อย แต่สะกิดต่อมไม่พอใจของคนรับสายได้ชะงัดนัก

“ครับ”

“ทำไมเป็นเสียงผู้ชายวะ ใช่คุณหนามคนสวยๆ ทำอาหารร้านเพียงพอดีบายเรือนคุณนัทธ์ไหมครับ”

ดวงตาเป็นประกายของทีปกรวาววับขึ้นมาอีก มองคนที่หลับอุตุบนเตียงอย่างมีคำถาม

‘ผู้ชาย รู้จักกันด้วย?’

ทีปกรเดินเลี่ยงออกจากห้องนอนมายังด้านนอก ต้องรู้ก่อนว่าหญิงสาวเอาโทรศัพท์ที่เขาให้ ไปคุยกับใครบ้างนอกจากเขา

‘นอนยังไม่รู้จักอาบน้ำ ยังริไปจีบคนอื่นนอกจากเขาอีก’ ติติงอีกคนในอก

“ครับ” ทีปกรขานรับเสียงแข็ง

“สงสัยเป็นคุณนัทธ์ ผม พิธีกรรายการครัวคุณต้อยที่เคยไปออกไงครับ”

ปลายสายยังคงแนะนำตัว ยิ่งทำให้ทีปกรไม่ค่อยพอใจมากเท่านั้น เสียงที่ตอบเลยค่อนข้างดุกว่าเดิม “ผมไม่ใช่คุณนัทธ์ครับ”

“อ้าว! แล้วมึงเป็นใคร มารับโทรศัพท์คุณหนามได้ไง”

“คำถามนี้ผมควรถามคุณมากกว่า คุณเป็นใคร โทร. มาหาหนามทำไมตอนดึกดื่น ไม่รู้หรือไงว่ารบกวนเวลาพักผ่อนของเรา”

ทีปกรไม่รู้สึกผิดที่ใช้คำว่า ‘เรา’ เพราะอย่างน้อยวันนี้เขาก็มาค้างที่นี่กับนันท์นพินด้วย และไอ้พิธีกรเมาขี้ฟันนี่ก็รบกวนอารมณ์เขามากๆ

นี่โทรศัพท์ที่เขาให้นันท์นพิน ไม่ได้ให้ผู้ชายที่ไหนโทร. มาหา

“สงสัยผมโทร. ผิดครับ ขอโทษด้วยนะครับ”

พิธีกรหนุ่มรีบวางสายแทบไม่ทัน แต่เท่านั้นไม่สาแก่ใจทีปกรสักเท่าไร เขาต้องให้แน่ใจว่าพิธีกรชายคนนั้นจะไม่มาวุ่นวายกับเจ้าของเบอร์โทร. นี้อีก ทีปกรโทร. ออกหาเลขาฯ ต้องแน่ใจว่าเลขาฯ ของเขาจะติดต่อไปถึงเจ้าของรายการครัวคุณต้อย และมีผลต่อพิธีกรรายนั้นอย่างแน่นอน

 

นันท์นพินจำไม่ได้ว่าตนเองปิดนาฬิกาปลุกไปตอนไหน เพราะตอนนี้เธอกำลังจะไปเรียนสายแล้ว ดีที่เพื่อนโทร. มาถามเหมือนทุกวัน ถึงได้ลนลานอาบน้ำแต่งตัววุ่นวายอยู่ในห้องครู่หนึ่ง

“ฉันสายๆ รู้แล้ว เดี๋ยวโบกพี่วินแว้นไปเลย”

วางสายจากเพื่อน มือก็หอบหนังสือแนบอก มองตัวเองในกระจกครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูแทบจะวิ่งออกมา แต่ขาที่กำลังก้าวผ่านห้องรับแขกมีอันต้องชะงักเมื่อเห็นร่างหนาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้านั่งหล่อๆ อยู่ที่โซฟา

‘นี่รางวัลของคนนอนตื่นสายใช่ไหม’ นันท์นพินยังมีแก่ใจปลอบใจตัวเอง

ทีปกรชะงักมือที่ยกกาแฟขึ้นจิบครู่หนึ่ง เพราะภาพร่างแน่งน้อยในชุดนักศึกษาดูดีกว่าภาพที่เขาให้เธอส่งมาให้ทุกวันเสียอีก แล้วผมยาวสลวยนั่นก็ดูนุ่มนวลน่าลูบไล้ เมื่อคืนเขาก็ลูบมาแล้ว ไม่รู้เจ้าตัวรู้หรือไม่ ก่อนเขาจะออกไปตอนเช้ามืด ไปอาบน้ำที่ห้อง แล้วย้อนกลับมาที่นี่อีก

“คุณยังไม่กลับอีกหรือคะ” นันท์นพินชักสงสัยว่าห้องเธอมีอะไรดี ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ดีนัก

“ถ้ากลับ จะเห็นหรือไง”

‘รวนไปอีก ท่าทางอารมณ์ไม่ดี’

นันท์นพินคิดแล้วหันรีหันขวางเพราะตอนนี้รีบมาก และก็สายมากแล้วด้วย เมื่อไม่เห็นว่าทีปกรจะพูดอะไร เลยจำต้องเปิดปากเสียเอง

“คือ...หนามสายมากแล้วค่ะ” พูดแล้วก็อยากกัดปากตนเอง เขาคงเห็นละ เธอวิ่งโครมครามในห้องเสียขนาดนั้น แถมคุยโทรศัพท์ลั่นห้อง

“วันนี้เลิกเรียนกี่โมง”

หญิงสาวมองนาฬิกาในข้อมือครู่หนึ่ง บอกคร่าวๆ ไปก่อนเพราะเผื่อมีงานแทรกกลาง “เย็นค่ะ”

“ไม่มีตารางนอกใช่ไหม”

“ไม่มีค่ะ ช่วงนี้เรียนหนัก หนามเลยไม่รับสอน จะรับอีกทีก็ประมาณสองสามเดือนหน้าโน่นแหละค่ะ คุณทีปอยากเรียนหรือคะ”

“ฮึ!” ชายหนุ่มแค่นเสียงหัวเราะ “แม่ครัวเก่งทำไข่เจียวแล้วยังขี้เกียจเข้าครัว แถมนอนน้ำก็ไม่อาบเนี่ยนะ ผมไม่เรียนด้วยหรอก”

“ใช่ที่ไหนล่ะคะ หนามไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย” เอ่ยแก้ตัวเสียงอ้อมแอ้ม อยากถามเขาว่าเมื่อคืนค้างห้องเธอหรือเปล่า แต่ก็อายเกินกว่าจะถาม ที่สำคัญเธอรีบมาก ขืนถามไปคงยาว

“เอ่อ...คือ หนามรีบมากๆ เลยค่ะ ถ้าคุณทีปยังไม่ไป หนามคงต้องขอตัวไปเรียนก่อนนะคะ”

“ตอนเย็นเลิกแล้วโทร. หาผมก็แล้วกัน”

แม้จะไม่เข้าใจทุกคำสั่งที่เขาบอก แต่นันท์นพินก็พยักหน้ารับ เปิดตู้รองเท้าคว้าผ้าใบออกมาสวม ก่อนจะออกจากห้องไป ทิ้งคนที่ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าย้อนกลับมานั่งคอยเธอทำไม เพียงแค่เห็นหน้าแวบเดียว คุยกันนิดหนึ่ง ใจที่เดือดปุดๆ ก็เย็นลงมาก

แม่ครัวอะไรแบบนี้ มาทีไรไม่เคยได้กินกับข้าวดีๆ ฝีมือเธอ แถมทำให้อารมณ์ค้างแล้วก็จากไปทุกที

ทีปกรนั่งจิบกาแฟอยู่จนสาย รอสายสำคัญจากเลขาฯ ซึ่งโทร. มารายงานเป็นสิ่งแรกก่อนเข้าทำงานของวันนี้

“ทางรายการขอพิธีกรไว้ค่ะ แต่ให้ทางนั้นยืนยันว่าจะไม่ไปวุ่นวายหรือคุกคามอะไรกับทางนี้ หรือทางร้าน”

“โทร. หาทางช่องแล้วหรือยัง” ถามย้ำไปอีกเพราะไม่ค่อยพอใจคำตอบ

“คุยกับทางผู้ใหญ่เอาไว้แล้วค่ะ ถ้าเกิดผลกระทบกับทางร้านของอีกฝ่าย จะปลดรายการนี้ออกจากผังทันที”

ทีปกรพอใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย หลังจากแทบนอนไม่หลับเมื่อคืน ถึงตื่นมาแต่เช้า กลับคอนโดออกกำลังกายหนัก แล้วอาบน้ำ แต่งตัวเต็มยศ ย้อนกลับมานั่งทำหน้านิ่งที่นี่อย่างใจเย็น

แม้ยังไม่เป็นอะไรกัน แต่นันท์นพินบอกว่าจะจีบเขา ดังนั้นเขามีสิทธิ์ไม่พอใจทุกคนที่มายุ่งกับว่าที่คนของเขา

 

บ่ายสามครึ่ง นันท์นพินที่เพิ่งเลิกเรียนเดินเลียบๆ ร่มไม้หลบแดดที่ทวีความร้อนแรงบาดผิว ก่อนเงยหน้ามองกลุ่มนักศึกษาที่ดูคึกคัก มุงล้อมหน้าล้อมหลังเป็นกลุ่มๆ ตรงที่นั่งด้านข้างมหาวิทยาลัย

“ไอ้หนามๆ ให้ไว หนุ่มหล่อมารอแกอยู่ข้างคณะ”

จุรินทร์ เพื่อนสาวที่พอเห็นเธอก็โบกมือหย็อยๆ ขณะที่มะปราง เพื่อนคนสวยหน้าอินเตอร์ก็รีบเดินจ้ำมาลากเธอที่ยืนนิ่งงุนงงเข้าไปในวงล้อมนักศึกษา

“แกรู้จักกับพี่อ๊อฟรายการครัวคุณต้อยก็ไม่บอก พี่เขาหอบดอกไม้ช่อโตๆ มาฝากแกแน่ะ” มะปรางกระซิบอย่างขวยเขินแทน เพราะพิธีกรรายการทำอาหารคนนี้เคยเป็นดารามาก่อน แม้ตอนนี้จะเป็นขาลง แต่ความหล่อก็ไม่ได้ลดลงไปด้วย ผิวขาวๆ หน้าหล่อๆ นั่นยังมีเสน่ห์อยู่เลย

“ฝากฉันเนี่ยนะ”

“ก็มีใครที่ไหนในคณะเราชื่อหนาม น้องคุณนัทธ์ ทำอาหารเก่งๆ บ้างเล่า ก็มีแต่แก่”

นันท์นพินถูกเพื่อนดันเข้าไปในวงล้อม ซึ่งพอเห็นหน้าคนที่มะปรางพูดถึง หญิงสาวก็พอจะจำได้ แต่ที่ไม่เข้าใจคือเขามาหาเธอทำไม

“คุณหนาม ผมขอเวลาคุยด้วยสักครู่สิครับ”

หญิงสาวมองรอบๆ ตัว มีไทยมุงทำหน้ากรุ้มกริ่มใส่เธออยู่ เลยจำต้องพยักหน้า พาพิธีกรหนุ่มไปที่ร้านกาแฟใกล้ๆ

“ผมต้องขอโทษจริงๆ นะครับ เมื่อวานผมเมาเละเลย”

เมื่อได้อยู่กันสองต่อสอง พิธีกรหนุ่มก็รีบเอ่ยอธิบายสาเหตุที่ตนถ่อมาถึงที่นี่

“เอ่อ...ค่ะ”

นันท์นพินรับปากส่งๆ เพราะยังไม่ทราบจุดประสงค์การมาของอีกฝ่ายอย่างแน่ชัด และยังไม่ได้เช็กโทรศัพท์ เผื่อพี่ชายทำเรื่องอะไรไว้แล้วโบ้ยมาให้เธอ ซึ่งพี่ชายมักทำประจำๆ ดีที่เธอมีภูมิคุ้มกันเรื่องทำนองนี้ เลยไหลลื่นได้พอตัว

“คุณหนามก็น่าจะบอกผมดีๆ ว่ามีแฟนแล้ว แถม...” พิธีกรหนุ่มหล่ออึกอักเล็กน้อย

เมื่อเช้าเจ้าของช่องเรียกพบ ถามว่าเขาไปก่อเรื่องอะไรเอาไว้ แถมยื่นเรื่องให้เขาออก ดีที่เจ้านายเข้าไปไกล่เกลี่ยให้ กว่าจะรู้ว่าตนเองไปทำอะไรไว้ก็ตอนบ่ายถึงรู้ว่าแบ็กเส้นใหญ่คนนั้นคือใคร ลูกชายคนเดียวของตระกูล ‘ศิริรังสรร’ ขนาดเจ้านายเขาว่าเป็นขิงแก่ในวงการและใหญ่โตพอตัวยังหลบให้ เพราะว่าทีปกรน่ะรวยจริง มีอำนาจจริง ตอนนี้ช่องที่พวกเขาขายงานให้อยู่ก็หุ้นกับตระกูล ‘ศิริรังสรร’

“ค่ะ” นันท์นพินคิดว่าพี่ชายคงไปโกหกอะไรพิธีกรคนนี้ไว้เลยสมอ้างไป จะได้จบเรื่อง แล้วค่อยโทร. ไปถามพี่ชายทีหลัง

“ยังไงก็อย่าถือสาอะไรผมเลยนะครับ ผมก็แค่แฟนคลับคุณหนามเท่านั้น อาจจะดูคลั่งเกินลิมิตไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับต้องไล่ออกจากงานเลยนะครับ”

“คะ?...”

เธอไม่อยากเชื่อว่าพี่ชายจะมีพาวเวอร์อะไรขนาดนั้น แต่ไม่ได้เอ่ยอะไร พอพิธีกรหนุ่มเอ่ยขอโทษพร้อมยื่นช่อดอกไม้ให้ เธอก็รับมาจะได้จบเรื่องจบราว

“หนามมีแฟนคลับกับเขาด้วยหรือคะ”

“มีสิครับ เพจเจ้าหญิงแม่ครัวคนสวยมีคนกดไลก์ไปเกือบจะแสนแล้วนะครับ แอดมินเขาเอารูปคุณหนามที่เคยออกงานต่างๆ ไปลง”

“ทำได้ด้วยหรือคะ หนามไม่เห็นทราบเลย”

นันท์นพินยิ่งงุนงงไปใหญ่ ถ้าพี่ชายรู้ว่ามีคนติดตามเพราะหน้าตาของเธอนี่ เธอจะได้ยืดได้ เพราะนัทธ์ข่มเธอเรื่องหน้าตามาตลอด

‘พี่นัทธ์เอ๊ย หนามมีแฟนคลับด้วย งามอย่างมีคุณค่าจริงๆ ชื่อเพจก็เว่อร์วังอลังการได้อีกจ้า’

“คุณหนามไม่รู้ตัวว่ามีคนปลื้มมากๆ ลูกศิษย์หลายคนของคุณหนามก็เป็นแฟนคลับในกลุ่มนี้ ว่างๆ คุณหนามก็เข้าไปทักทายเพจนี้ดูนะครับ” พิธีกรหนุ่มยังแนะนำช่องทางให้ 

นันท์นพินขานรับนิ่งๆ ไม่ได้กระโตกกระตากตื่นเต้นอะไรมาก

“ค่ะ”

“แล้วคุณหนามช่วยบอกแฟนคุณหนามว่าอย่าเอาเรื่องเอาราวผมด้วยนะครับ ผมชอบทำงานพิธีกร อยากทำไปอีกนานๆ”

“เอ่อ...ค่ะ”

สมอ้างไปหน้าตาเฉย ไม่รู้พี่ชายเล่าอะไรหรือข่มขู่อะไร แต่รู้สึกว่าได้ผลดี นันท์นพินยังจำได้อีกด้วยว่าพิธีกรคนนี้สร้างความเสียหายแก่ร้านตนเพราะเรื่องกินเหล้าเอาไว้ด้วย

“ต่อไปก็อย่ากินเหล้าเมาโวยวายอีกนะคะ เสียภาพลักษณ์ ทั้งไม่ดีต่อสุขภาพตัวเองด้วย”

“ไม่แล้วแหละครับ เข็ดจริงๆ คราวนี้ผมคงเลิกกินเหล้าไปเลย ฝากคุณหนามบอกแฟนคุณด้วยนะครับว่าผมจะไม่ไปวุ่นวายที่ร้านอีก”

พอเห็นว่าพิธีกรคนนี้มีอาการกลัวและเกรงใจแฟนเธอมาก นันท์นพินก็นึกสงสัยว่าพี่นัทธ์อ้างใครจนอีกฝ่ายกลัวลนลานขนาดนี้

ก่อนลาไปพิธีกรหนุ่มยังย้ำเรื่องแฟนเพจเจ้าหญิงแม่ครัวคนสวยให้หญิงสาวเข้าไปทักทายในนั้นบ้าง ซึ่งหญิงสาวก็เพียงรับคำไปตามเรื่อง

พอพิธีกรหนุ่มลากลับแล้ว หญิงสาวก็หยิบโทรศัพท์ ตั้งใจโทร. ไปหาพี่ชายเพื่อขอบอกขอบใจและสรรเสริญในความเป็นพี่ชายสักหน่อย

ทว่าเห็นข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าเสียก่อนพร้อมๆ กับข้อความของทีปกรอีกหลายข้อความที่ยังไม่ได้เปิดดู

“สามแสน! อีพี่นัทธ์ใจดีอะไรของเขาเนี่ย หรือเมากาแฟเลยโอนมาผิด”

อดเหน็บพี่ชายไม่ได้ เพราะนัทธ์ได้ชื่อว่าขี้เหนียวจนกาวตราช้างยังต้องเรียกพี่ พอเห็นจำนวนเงินในบัญชี นันท์นพินเลยโทร. หาพร้อมกรอกเสียงร่าเริงผิดวิสัยออกไป เป็นการตอบแทนจำนวนเงินที่โอนเข้าบัญชีให้น้องสาวตาดำๆ

“พี่นัทธ์คนดี พี่นัทธ์ที่รักของน้อง”

“แกเป็นใคร แกไม่ใช่ไอ้หนามน้องสาวฉัน”

หลังพี่ชายกดรับสาย พอได้ฟังเสียงหวานที่สุดในชีวิตที่น้องสาวกรอกลงไป นัทธ์ก็สวนกลับมาอย่างไร้เยื่อใย แล้วกดวางสายแบบไม่หยุดคิดสักนิดเดียว ทำเอาคนที่เพิ่งเล่นบทน้องสาวแสนดีได้แต่มองโทรศัพท์ตาปริบๆ ทั้งอ้าปากค้าง

‘ไอ้พี่บ้า’ ก่นด่าพี่ชายก่อนจะโทร. กลับไปใหม่ “พี่นัทธ์ขา นี่หนามเอง”

“เอ้า! แกเองหรือ” น้ำเสียงไม่ได้บอกเลยว่าแกล้งจำน้องไม่ได้

“เสียงหวานเท่าหน้าแบบนี้ก็มีแต่หนามเท่านั้นแหละค่ะ”

“ถ้าจะคุยกับฉัน แกก็ช่วยวางกาวลงก่อนไอ้หนาม”

“ไอ้พี่นัทธ์ หนามไม่ได้ดมกาว”

“จะรู้ไหมล่ะ เสียงแหลมเหมือนหมูถูกเชือด แล้วพูดยานคางแปลกๆ”

ขอโทษ! นี่เขาเรียกเสียงหวาน ใส่จริตเสียงสองมาเต็มสูบเลยนะพี่ 

แต่จะเอาอะไรกับคนที่ไม่สนใจความอ่อนหวานใดๆ นอกจากขนมในครัวอย่างพี่ชายเธอ นันท์นพินตัดสินใจที่จะเข้าเรื่องเลยดีกว่า

“หมูถูกเชือดที่ไหนเล่า นี่หนูตกถังข้าวสาร เพราะพี่มีจิตเมตตาโอนเงินมาให้น้อง”

“เออ จะว่าไปเดือนนี้ฉันยังไม่โอนเงินให้แกเลยนิ ว่างๆ ก็แวะมาเอาเงินสดที่ร้านก็แล้วกัน ไม่มีเวลาไปธนาคาร แกจะได้มาดูบัญชีด้วย ฉันทำเละไปหมดแล้ว เฮ้ยๆ เขาสั่งแกงกะหรี่ ไม่ได้สั่งกะหรี่ไปเสิร์ฟ ไปล้างหน้าล้างตาออกเสีย แต่งหน้าเหมือนร้านกูขายเครื่องสำอาง แหกตาดูเสียบ้าง นี่มันร้านอาหาร” นัทธ์บอกน้องสาว ปากก็ตะโกนด่าลูกน้องที่แต่งหน้าเกินอัตรา 

นันท์นพินถึงกับถอนหายใจยาวๆ ต่อหน้าลูกค้าสาวๆ พูดเพราะเหมือนคาบหนังสือสุภาพบุรุษมาเกิด ใบหน้ามีรอยยิ้มหวานประดับประดาเสมอๆ พออยู่ในครัวนี่คนละเรื่องเลย

“แล้วสามแสน...”

“แป๊บหนึ่งนะ” บอกน้องสาว ก่อนหันไปแหกปากตามสเตป “อะไรนะ! ไอ้เชฟมะเดี่ยวมันไม่สบาย โทร. มาขอลาหยุดสองวัน นี่กูเป็นเจ้าของร้านยังจะให้กูเข้าครัว ให้ได้แบบนี้สิเว้ย! หน้าหล่อขนาดนี้ หล่อแบบนี้ควรอยู่ต้อนรับลูกค้าไหม ไม่ใช่อยู่หน้าเตา แม่ง!”

เสียงตะคอกสวนออกมาก่อนที่นันท์นพินจะพูดจบด้วยซ้ำ ช่างโหดสมฉายา ‘เชฟโหด’ ที่ทุกคนในร้านและลูกน้องทุกคนตั้งให้จริงๆ เพราะทุกครั้งที่นัทธ์ต้องลงครัวอยู่หน้าเตาร้อนๆ หรือต้องทำอาหารคาวทุกประเภท เขาจะอารมณ์เสียมากๆ

ดังนั้นครัวเรือนคุณนัทธ์สาขาอาหารคาวจึงมีเชฟที่จ้างมา ถ้าใครอยากกินเมนูที่เชฟพี่นัทธ์ทำต้องสั่งจองล่วงหน้าเท่านั้นถึงจะได้ลิ้มรสชาติ

ส่วนครัวอาหารหวานที่กระจายตามสาขาโรงแรม พี่ชายเธอจะยิ้มแย้มแจ่มใส พูดหวาน หน้าระรื่นตลอดเวลา

“แกว่าอะไรนะไอ้หนามเมื่อกี้” ดุลูกน้องแล้วเอ่ยกับน้องสาวเสียงเรียบ 

นันท์นพินผวา รู้สึกเหมือนอยู่ในครัวไปด้วย วุ่นวายแบบนี้ทุกวี่วัน “หนามว่าเงินสามแสน”

“สามแสน! ถามจริง ขอขนาดนี้จะเอาไปศัลยกรรมหรือไง จงพอใจในสิ่งที่มีเถอะไอ้น้อง หน้าตาอย่างแก สามแสนคงเอาไม่อยู่ มันต้องระดับล้านขึ้นไปถึงจะยกเครื่องเคราหน้าตาให้ได้เทียบเคียงฉัน”

“พี่ไม่ได้ให้...”

นันท์นพินเลือกจะฟังข้ามที่พี่ชายประชดเรื่องหน้าตา เพราะจำนวนเงินในบัญชีของเธอนั้นเยอะ ดูท่าทางแล้วพี่ชายจะไม่รู้เรื่องด้วย

“หรือแกติดหนี้ที่ไหน”

“ไม่ใช่ๆ หนูจะไปติดหนี้ที่ไหนเล่า นึกว่าพี่โอน”

“ตื่นหรือยังไอ้หนามถึงฝันว่าฉันจะให้เงินแกเยอะขนาดนั้น ก็รู้ว่าฉันงก”

นันท์นพินก็อยากหลับฝันอยู่ แต่เงินในบัญชีนี่เข้าไปเช็กกี่รอบก็ยังเห็นยอดเยอะเท่าเดิม เมื่อคุยกับพี่ชายแล้วดูท่าว่าไม่ได้โอนจริงเลยเลี่ยงไปเรื่องอื่นแทน

“เอ้อ! พี่นัทธ์ พิธีกรรายการครัวคุณต้อยเขามาหาหนามที่มหา’ลัยด้วย”

“มันไปทำไม แกไม่ต้องไปพูดคุยอะไรกับมันนักหรอกไอ้นี่ แค่เป็นพิธีกรรองในรายการดังทำเป็นมาวางก้าม ฉันละอยากให้คนไล่มันออกจากรายการจริงๆ” เสียงตะโกนสั่งอาหาร เสียงดุผู้ช่วยดังลั่นแทรกมาตามสาย ทำเอานันท์นพินยิ้มเจื่อนๆ

“พี่ไม่ได้ไปแจ้งความประพฤติไม่เหมาะสมของเขาให้เจ้านายเขาทราบหรือคะ”

“ฉันไม่ทำแบบนั้นให้เสื่อมเสียชื่อร้านหรอก มากสุดก็แค่ถุยน้ำลายลงในแกงที่มันมาสั่งที่ร้านเท่านั้น เอ้าเฮ้ย! มึงผัดไฟแรงนี่กะเผาครัวเลยหรือไง ไอ้หนามๆ แค่นี้ก่อน ถ้าฉันขืนคุยกับแกอีกนิด พวกนั้นมันเผาครัวทิ้งแน่ๆ” ว่าแล้วก็วางสาย 

นันท์นพินถึงกับส่ายหน้าเพราะเสียงที่พี่ชายตะโกนโหวกเหวกในครัว ทว่าพออยู่หน้ากล้อง ต่อหน้านักเรียนในคลาส ออกจะแสนสุภาพ พูดครับ คะ ขา หวานจนลูกศิษย์สาวๆ หลงใหลแห่กันมาลงเรียนทำขนมกับครูพี่นัทธ์นั่นละ

เธอละอยากให้สาวๆ มาเจอ ‘เชฟโหด’ หลังครัวดูสักครั้ง รับรองแฟนคลับพี่ชายเธอคงหายเกลี้ยงแน่ๆ คิดถึงแฟนคลับ นันท์นพินก็จำได้ว่าพิธีกรหนุ่มบอกว่ามีเพจแฟนคลับของเธอ เลยเข้าไปเช็กดูสักหน่อย

ทว่าเจอรูปที่อัปเดตล่าสุดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเป็นรูปที่เธอสวมชุดนักศึกษา เหมือนเพิ่งลงมาจากตึกเรียนด้วย พร้อมแคปชัน แม่ครัวที่เป็นได้ทั้งนางฟ้า เจ้าหญิง เทพธิดา

แม่ครัวของผม สวยฉ่ำทุกวัน 

คนนี้ใคร สวยสัสๆ

คนนี้หรือชื่อหนาม เมียฉันเอง

ก่อนจะยกตนเป็นสามีช่วยมองแถวก่อนครับ เชิญกดบัตรคิวต่อท้ายแถว คิวที่แสนโน่นครับ

รอรูปเธอทุกวัน เหมือนผัวรอเมียกลับบ้าน

คอมเมนต์ยังไหลเรื่อยๆ จนนันท์นพินตกใจ ไม่คิดว่าจะมีคนมากดติดตามตนเองขนาดนี้ แถมคำพูดคำจาแทะโลมไหลมาอย่างต่อเนื่อง หญิงสาวไล่ดูโพสต์ต่างๆ ในเพจ ส่วนมากเป็นรูปของเธอตอนออกรายการทีวี หรือว่าตอนไปช่วยนัทธ์ทำงานที่ร้าน

นันท์นพินไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมช่วงนี้พี่ชายไม่ให้เธอไปร้าน ไม่ให้ไปเรือนคุณนัทธ์ด้วย อยากจะปลื้มที่มีคนมาชอบ แต่เจอคอมเมนต์แสดงความเป็นเจ้าของก็ยิ้มไม่ออก แถมรูปที่ถูกถ่ายก็รู้สึกเหมือนคนพวกนี้อยู่ใกล้ตัวจนน่ากลัว หญิงสาวกดรีพอร์ตเพจไป ก่อนหอบดอกไม้ สะพายกระเป๋าออกจากร้านกาแฟ ตรงไปธนาคารเพื่อจัดการปัญหาเรื่องเงิน

‘คนสวยก็มักมีเรื่องให้กลุ้มเสมอสิน่า’

เพราะคิดว่าจะต้องทำเรื่องยุ่งอีกนาน เลยคิดจะส่งข้อความตอบทีปกรก่อน ทว่าพอเปิดดูข้อความที่เขาส่งเข้ามาก่อนหน้า ก็ได้แต่ยืนตะลึงอยู่หน้าธนาคาร เมื่อเห็นเขาส่งหลักฐานการโอนเงินมาให้

“ค่าอะไร”

นั่นคือคำถามแรกที่นันท์นพินถามกับตนเอง กดส่งสติกเกอร์ไม่เข้าใจส่งไปให้เขา หลายตัว แต่ยังไม่มีการอ่านหรือตอบกลับ นันท์นพินเลยจัดการโทร. หาเขาแทน รอไม่นานทีปกรก็กดรับ

“เรียนเสร็จหรือยัง” เสียงเรียบๆ เหมือนผู้ใหญ่สอบถามบุตรหลาน

“ค่ะ หนามเพิ่งเปิดโทรศัพท์เมื่อกี้”

“อื้อ”

โอนเงินให้คนอื่นเป็นแสนๆ ทำได้เพียงแค่ ‘อื้อ’ เนี่ยนะ นันท์นพินนึกเคืองคนรวยนัก แล้วไปวุ่นวายในห้องนอนเธอบ่อยจนไปยุ่มย่ามเรื่องส่วนตัวเธอหมด จะโกรธก็โกรธไม่เต็มที่ ต้องทราบถึงที่มาที่ไปก่อนว่าให้มาเพราะอะไร

“หนามเห็นคุณทีปโอนเงินมาให้” เอ่ยน้ำเสียงจริงจังปนเครียดนิดๆ ซึ่งทีปกรจับสังเกตได้ทันที

“เดี๋ยวมาคุยกันที่ออฟฟิศผม ผมยังมีงานค้างอยู่”

เอ่ยแล้ววางสาย ก่อนแชร์โลเกชันมาให้ แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะ นี่ขนาดจะคืนเงินที่ไม่ได้ขอ ยังลำบากต้องไปส่งคืนให้ถึงที่

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น