8

ตอนที่ 8

8

 

ตอนที่นันท์นพินขึ้นแท็กซี่ไปบริษัทของทีปกรก็ส่งข้อความไปบอกเพื่อนสาวสองคนว่าติดธุระ ขอกลับก่อน ระหว่างทางก็กดดูเพจเจ้าหญิงแม่ครัวคนสวยไปด้วย เห็นเพิ่งอัปเดตรูปใหม่ล่าสุดเป็นรูปที่เธอนั่งคุยกับพิธีกรหนุ่มในร้านกาแฟ ภาพนั้นค่อนข้างจะเปิดเผยมาก เห็นช่วงขายาวเรียวที่โผล่ตามรอยแยกของกระโปรง นันท์นพินไม่ใช่คนนุ่งกระโปรงสั้น แต่เพราะมุมการถ่ายเป็นมุมเสย ถ่ายจากด้านนอกร้านกาแฟ เลยดูโป๊อยู่สักหน่อย

คนโพสต์ใส่แคปชันให้ภาพนั้นว่า

#เขามีคู่ แต่กูมีเขา

ตามด้วยคอมเมนต์ลวนลาม จาบจ้วงใต้ภาพ

งานขาก็มา

สวยแบบนี้กูจะเลียตั้งแต่ส้นรองเท้าขึ้นไปเลยมึง

ใช้ภาษาสุภาพนิดหนึ่งครับ นี่เมียผม

และมีคอมเมนต์หนึ่งแนบรูปมาด้วยพร้อมบอกว่า ล่ากว่า

นันท์นพินรีบเลื่อนดูด้วยอาการมือไม้สั่น เป็นรูปตอนที่เธอก้าวขึ้นรถแท็กซี่ กระโปรงนักศึกษาร่นขึ้นมาตามขาอ่อนอย่างไม่ระวัง เห็นขาขาวๆ คอมเมนต์เลยยิ่งไหลเร็วยิ่งกว่าน้ำป่า ปาไปกว่าห้าร้อยคอมเมนต์

เพราะมัวแต่อ่านคอมเมนต์และทัศนคติทางลบในเพจนั้น รถแท็กซี่มาถึงตึกของทีปกรตอนไหน หญิงสาวยังไม่รู้ตัว จนคนขับรถร้องบอก หญิงสาวถึงจ่ายเงินแล้วลงจากรถ เดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าตัวตึกก้มหน้าก้มตาอ่านคอมเมนต์ กดเข้าไปดูคนที่แนบรูปตอนเธอขึ้นแท็กซี่พบว่าเป็นนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน

ลงรูปนี่ได้ขออนุญาตเจ้าตัวเขาไหมครับ รู้ไหมว่าผิดกฎหมาย 

มีใครคนหนึ่งเข้าไปคอมเมนต์ในนั้น หญิงสาวเข้าไปดูโพรไฟล์พบว่าคือพีชญ์ รุ่นพี่ที่รู้จักในมหาวิทยาลัย

‘อย่างน้อยก็ยังพอมีคนมีคุณธรรมบ้าง’ นันท์นพินขอบคุณเขาจากใจจริง เพราะเท่าที่อ่านมาไม่มีใครออกมาปกป้องเธอเลยที่โดนละเมิด ตั้งแต่เอาภาพส่วนตัวไปลงแล้วมีคอมเมนต์มาลวนลามอย่างน่าเกลียด

“ดูอะไร!”

ขณะที่นันท์นพินกำลังเป็นกังวลกับข้อความและภาพถ่ายที่อยู่ในเพจหนึ่งในเฟซบุ๊ก เสียงถามขรึมๆ ก็ดังแทรกมา ดวงหน้าสวยเงยขึ้นมองด้วยท่าทีเหมือนเด็กถูกรังแก

ทีปกรฉวยเอาโทรศัพท์ในมือของอีกฝ่ายมาราวกับรับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากลนั้น หรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างประเมิน

“ผมบอกว่าถ้ามาถึงให้ขึ้นไปข้างบนเลย แล้วนี่มายืนทำอะไรตรงนี้”

ดุแล้วลดสายตามองสิ่งที่นันท์นพินดูอยู่ก่อนหน้าเขาจะเดินเข้ามาทัก เลื่อนดูภาพและคอมเมนต์ครู่หนึ่ง ข้างแก้มกระตุกนิดๆ อย่างไม่รู้ตัว

“ใครทำ” เสียงติดดุห้วนจัดขึ้นกว่าเดิม ดวงตาเอาเรื่องเหลือบมองคนที่ทำหน้าคล้ายจะร้องไห้อยู่เต็มแก่

“ไม่ทราบค่ะ หนามเพิ่งเห็นวันนี้”

ทีปกรเลื่อนดูรูป ในช่วงไม่กี่วันมานี้รูปของนันท์นพินที่ถูกเอามาโพสต์ออกจะเป็นส่วนตัวเกินไป โดยเฉพาะรูปที่อยู่ในร้านกาแฟกับพิธีกรที่เขาค่อนข้างจะจำได้แม่นว่าบังอาจมายุ่งกับคนของเขา

“คุณชอบไหมเพจนี้”

ใครจะไปชอบเล่า แม้ปลื้มที่มีคนมาชอบตั้งเป็นหมื่นๆ แต่ชอบแบบนี้ก็น่ากลัวไปไหม

นันท์นพินได้แต่ส่ายหน้าซีดๆ ไปมา เคยคอมเมนต์ลวนลามทีปกรในไอจี ไม่เคยคำนึงถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายเลยจนตอนนี้ รู้แล้วว่ามันทั้งน่ากลัว ทั้งสร้างความรู้สึกไม่ดีแก่คนที่ถูกคอมเมนต์มากแค่ไหน

ทีปกรโอบเอวบางลากอีกคนเข้าไปในตัวบริษัท เขาลงมารอรับนันท์นพินที่ด้านล่างสักพักแล้ว ไม่เห็นเจ้าหล่อนสักที กำลังจะโทร. ตามจึงเห็นว่ายืนนิ่งอยู่ด้านนอกตึก

“ดอกไม้นี่ ของพิธีกรคนนั้นหรือ” ทีปกรพยักหน้าไปที่ดอกไม้ในอ้อมแขนของเธอ 

เมื่อเข้ามาในลิฟต์แล้วนันท์นพินถึงรู้ว่าตนเองหอบช่อดอกไม้มาด้วย “ค่ะ”

“มันจีบคุณหรือ” เสียงของทีปกรแข็ง ดวงตาดุกร้าวขึ้นมาแทบจะทัน แต่นันท์นพินไม่ทันได้สังเกต ยังตกใจอยู่

“เปล่าค่ะ เขาว่าเอามาขอโทษหนามกับแฟนของหนาม ไม่รู้ไปเข้าใจอะไรผิดมา”

“เข้าใจไม่ผิดหรอก”

ทีปกรเอื้อมมือมาแย่งช่อดอกไม้ในอ้อมแขนเธอไปถือเอาไว้ แล้วกระชับฝ่ามือนุ่ม ลากเธอเดินตามเขาออกมาจากลิฟต์ไปที่ห้องทำงาน

นันท์นพินไม่เข้าใจว่าที่ทีปกรเอ่ยเมื่อครู่ความหมายว่าอย่างไง หรือคนที่ไปกดดันพิธีกรหนุ่มจนอยู่ไม่สุข ต้องวิ่งแร่ไปหาที่เธอมหาวิทยาลัยจะเป็นเขา ซึ่งค่อนข้างจะเชื่อได้ว่าน่าจะเป็นฝีมือทีปกร

เท่านั้นอกสาวก็เต้นแรงขึ้นมา ดวงตาตื้นตันลดลงมองฝ่ามือแกร่งที่กระชับฝ่ามือนุ่ม ในอกอุ่นซ่านไปด้วยความรู้สึกดี

ทั้งสองมาหยุดอยู่ที่โต๊ะทำงานของเลขาฯ หน้าห้อง ทีปกรยื่นช่อดอกไม้ช่อใหญ่ให้เลขาฯ

“คุณลินดาครับ”

“ส่งที่ไหนคะ” เลขาฯ เอ่ยอย่างรู้ใจ รู้หน้าที่

ไอ้ที่จะคิดเข้าข้างตนเองว่าเจ้านายเอามาให้น่ะอย่าหวัง เพราะไม่มีทาง ขนาดนัดกับแฟนยังต้องให้เลขาฯ ช่วยจำ

เอ...ว่าแต่คนนี้ไม่เห็นมีตารางนัดผ่านเลขาฯ 

“ส่งไปรายการครัวคุณต้อย ให้พิธีกรรองชื่ออ๊อฟ”

เลขาฯ สาวหยิบกระดาษปากกามารอคำสั่งจากเจ้านาย ตาลอบมองดวงหน้าหวานๆ ของนันท์นพินครู่หนึ่งพร้อมขมวดคิ้ว เพราะอีกฝ่ายดูเด็ก ไม่เคยเห็นเจ้านายยุ่งกับนักศึกษาสักเท่าไร ส่วนมากสาวๆ ของเจ้านายจะอยู่ในวัยทำงานทั้งสิ้น เพราะเจอและดีลกันง่ายกว่า

“แนบการ์ดไหมคะ”

“แนบสิครับ ขอเป็นซองขาวยาวๆ เป็นทางการหน่อย เขียนบอกเขาด้วยว่า ขอบคุณ คราวหลังไม่ต้อง ลงชื่อผม”

“ลินดาจะจัดให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ”

“อ้อ เรียกทนายของบริษัทมาให้ผมตอนนี้เลยนะครับ และ...” ทีปกรมองคนข้างกายที่หน้ายังซีดๆ อยู่ “ขอขนมกินเล่นมาให้เด็กหน่อย ท่าทางจะโมโหหิว”

“เป็นนมสดกับอมยิ้มดีไหมคะ” ลินดาเองก็เล่นไปกับเจ้านายด้วย

ทีปกรฟังแล้วถึงกับหลุดยิ้ม แต่นันท์นพินไม่เห็นจะตลกด้วยเลย ได้แต่ขึงตาดุใส่ แต่มีหรือเขาจะกลัว ยังส่งยิ้มยั่วเย้ามาให้อยู่เรื่อยๆ

“ลืมแนะนำ นี่เลขาฯ มือหนึ่งของผม ชื่อลินดา ส่วนคนนี้ชื่อหนูหนาม”

นันท์นพินยกมือไหว้เลขาฯ คนสวย อีกฝ่ายก็รีบมองสำรวจเธออย่างประเมินครู่หนึ่ง พอเจ้านายรุนหลังนักศึกษาหน้าหวานเข้าห้องทำงานก็รีบคว้าโทรศัพท์โทร. หาทีมทนายความ แล้วจัดการเรื่องส่งดอกไม้

ที่เจ้านายให้เลื่อนตารางงานสักสามสิบนาทีก็เพื่อลงไปรับนักศึกษานี่สินะ แถมมีแนะนำให้เธอรู้จักด้วย ทุกทีเป็นเธอเองที่ต้องทำหน้าที่รู้เองว่าตอนนี้ทีปกรคบใครอยู่ จะได้แจ้งถูกว่าต้องไปกินข้าวตอนไหน ชอปปิงตอนไหน ซื้ออะไรให้ ที่สำคัญจะได้รายงานคุณทัศนา มารดาของทีปกรได้

หลังจากทีมทนายของทีปกรเข้ามาคุยด้วยไม่นาน เพจที่นันท์นพินมองแล้วไม่สบายใจก็หายไป

“สบายใจแล้วนะ ส่วนเรื่องคนที่ลงรูปคุณก็ปล่อยให้ทนายความเขาจัดการกับทางตำรวจไป” แน่นอนว่าโทษทางกฎหมายน่ะต้องมี แต่โทษส่วนตัวจากเขาน่ะต้องได้เจ็บตัวกันสักตั้งละ เขาถึงจะพอใจ

“ขอบคุณมากนะคะ”

นันท์นพินยกมือขึ้นไหว้เขา ซึ่งดูเรียบร้อยกว่าทุกครั้งที่ทีปกรเจอเจ้าตัว แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำเธอตกใจจริงๆ

“หนามเคยแต่คอมเมนต์ลวนลามคนอื่น พอเจอกับตัวถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปเลยนะคะ”

“ตอนนี้คุณเข้าใจผมแล้วสิ ถูกคุณคอมเมนต์ลวนลามผ่านไอจีมาถึงสี่ปีเต็ม จะรับผิดชอบยังไงฮึ!”

ทีปกรเอียงหน้าจ้องมองคนที่นั่งหลังตรง สองมือประสานที่ตักอย่างสุภาพ ผมยาวสลวยไหวตามแรงขยับของอีกฝ่ายที่หันมามองเขาตาโต

“คุณจะลวนลามหนามคืนไหมล่ะคะ”

เอ่ยไม่ทันคิด แต่พอเห็นดวงตาพราวระยับของอีกฝ่ายก็ชักจะรู้สึกว่าไม่น่าพูดแบบนั้นออกไป และเพิ่งสังเกตเห็นว่าเธอกับเขานั่งใกล้กันมาก มากจนตอนนี้คนตัวโตโน้มหน้าเข้ามา ห่างกันแค่ฉิวเฉียด จนเห็นขนตายาวงอนราวกับพัดคลี่ชัด ดวงตาคู่สีดำนั้นก็เข้มลึก จมูกก็โด่งเป็นสัน มองตรงไหนๆ ก็หล่อ

“คอมเมนต์ลวนลาม ผมพอทำได้ แต่ที่คุณมานั่งคร่อมผม กอดผม จูบผมนั่นล่ะ เราจะเริ่มเอาคืนกันที่ตรงไหนดี”

“ตรงไหนก็ได้ค่ะ”

ทันทีที่พูดจบ ฝ่ามือหนาก็คว้าเอวบางลากเธอเข้ามาใกล้ จนลมหายใจร้อนผ่าวของเขาเป่ารดแก้มใส นันท์นพินเบิกตาโตขึ้นมาทันที

“แต่ตรงนี้และตอนนี้ไม่ได้ค่ะ หนามอยู่ในชุดนักศึกษา” หาทางรอดที่คิดว่าฉลาด และคนมีการศึกษาอย่างเขาคงไม่คิดจะทำอะไรให้เสื่อมสถาบันที่เพื่อนเขาสอนอยู่หรอกมั้ง หรือไม่ใช่

ทีปกรสูดลมหายใจแรงๆ ครู่หนึ่ง ก่อนลดสายตาลงมองชุดนักศึกษาของอีกฝ่าย มิน่าล่ะเจ้าหล่อนถึงกล้ายั่วเขา นึกว่าเขาไม่กล้าอย่างนั้นหรือ

รู้จักทีปกรน้อยไปเสียแล้วหนูหนาม

“ถ้าผมถอดชุดนักศึกษาคุณออกล่ะ”

“คะ?”

ทันทีที่ได้ยินสิ่งที่คนช่างคิดเสนอ หน้าหวานๆ ก็ถอดสีแทบจะทันควัน ยกมือขึ้นกอดอกแทบไม่ทัน เสียแรงที่เธอหลงนึกว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ ที่ไหนได้ หื่นเงียบชัดๆ

“หนามยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้าคุณเลยนะคะ”

“ก็ถอดชุดนักศึกษาออก คุณจะได้ไม่ผิดต่อสถาบันไง ไม่ดีหรือ” ทีปกรยักคิ้ว เท้ามือลงบนโซฟากักคนหน้าหวานเอาไว้ในวงแขน

ดูสิจะรอดไปได้สักกี่น้ำ

“แค่จูบ ไม่ถึงกับต้องถอดก็ได้มั้งคะ”

ละล่ำละลักบอก ทันเห็นคนที่เท้าแขนกักเธอเอาไว้ยกยิ้มมุมปาก ดวงหน้าสุขุมก็แลดูเจ้าเล่ห์ ตอนนั้นเองที่รู้ว่าตนเองถูกทีปกรรุกไล่ให้จนมุมเสียแล้ว

“งั้นจูบเลยนะ”

ฝ่ามือแกร่งเชยคางแหลมเล็กขึ้น ก่อนจะค่อยๆ โน้มใบหน้าหล่อลงต่ำ ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ จนนันท์นพินเผลอกลั้นหายใจ สองมือนุ่มกำแน่น หัวใจข้างในเต้นประโคมราวกับจะปะทุออกมานอกอก

“เจ้านายคะ อีกสามนาทีจะหมดเวลาพัก” เสียงเคาะประตูทั้งเสียงตะโกนบอกเวลามาจากด้านนอก

จริงๆ ลินดาไม่อยากขัดจังหวะเจ้านายหรอก แต่เพราะโทร. เข้ามาแล้วเจ้านายไม่สนใจ ผิดวิสัยมากถึงต้องมาตาม

ทีปกรถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะแนบหน้ากับหน้าผากมน เกลี่ยปลายจมูกโด่งปัดป่ายปลายจมูกสวย เอ่ยเสียงพร่านิดๆ

“คอยผมอยู่ที่นี่นะ”

“หนามกลับห้องก่อนได้ไหมคะ”

ทีปกรส่ายหน้าจนปลายจมูกโด่งปัดป่ายโดนแก้มนุ่มนิ่มหลายหน นันท์นพินก็สะดุ้งแล้วสะดุ้งอีก ใจไม่ดีกลัวเขาจับถอดชุดนักศึกษาอย่างที่ขู่

“กลับพร้อมกันสิ ยังไงผมก็ต้องไปห้องคุณอยู่ดี”

แล้วจะตามไปทำไมเล่า ได้ข่าวว่ารวย มีบ้านหลังใหญ่ยังกะคฤหาสน์ มีคอนโดหรูหราฟู่ฟ่าตั้งหลายห้อง แล้วไปติดใจทำเลง่อยๆ ของคอนโดเธอทำไมกัน

ทีปกรยืดกายขึ้นพร้อมจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ ก่อนจะเดินออกจากห้อง แล้วมีหรือที่นันท์นพินจะอยู่รอเขา หญิงสาวคว้ากระเป๋ากับโทรศัพท์ได้ก็ตรงไปที่ประตูห้องทำงานทันที เพียงแง้มประตูห้อง พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนที่ยืนประจำอยู่ด้านหน้าก็หันมามองพร้อมสอบถามทันที

“คุณหนามต้องการอะไรหรือเปล่าครับ”

“เอ่อ...”

มองสองพนักงานรักษาความปลอดภัยแล้วรีบส่ายหน้า เข้าใจรางๆ ว่าตนเองถูกกักบริเวณให้รออยู่ที่นี่ หมดหนทางหนี

“ไม่มีค่ะ”

เมื่อถูกกักบริเวณเสียแล้วเลยจำใจต้องอยู่ในห้องทำงานของทีปกรไป พออยู่ว่างๆ สมองก็ดันคิดฟุ้งซ่านเรื่องเพจที่เพิ่งลบไป จึงตัดสินใจเอางานที่ร้านมาทำเพื่อให้ยุ่งเข้าไว้ เข้าไปจัดการดูแลเพจเรือนคุณนัทธ์ให้พี่ชายแทน ตอบคำถาม คอนเฟิร์มออร์เดอร์ ติดต่อและติดตามลูกศิษย์ที่ลงเรียนในคลาสแต่ละคน พอเสร็จจากงานนั้นก็ทำตารางงานของเดือนต่อไปให้พี่ชาย และแทรกงานลงในตารางของเดือนนี้ แล้วแอบส่องไอจีของทีปกร เพิ่งเห็นว่าเมื่อเช้าเขาอัปรูปนั่งดื่มกาแฟพร้อมบรรยายภาพด้วยว่า

เปลี่ยนที่ดื่มกาแฟ

เธอไม่เห็นแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวนี้เลย หรือจะเห็นแต่รูดผ่านไปก็ไม่แน่ใจ เลยรีบเข้าไปส่องให้ไว เห็นว่ามีสาวๆ มาแจกขนมจีบเยอะมาก แต่ส่วนมากทีปกรไม่ได้ตอบโต้ด้วย ยกเว้นตรงคอมเมนต์หนึ่ง

Kunlasatree : ตื่นเช้านะคะ

Thee_pak @Kunlasatree : นอนไม่หลับครับ

นันท์นพินเข้าไปดูว่าทีปกรคุยกับใคร ก่อนจะจำได้ว่าคนนี้คือกุลสตรี คนที่เขาเดินควงด้วยตอนงานทรรศนารัตนโกสินทร์ และก็เป็นคนนี้อีกเช่นกันที่ทำให้เขาทิ้งเธอเอาไว้ข้างทาง

นันท์นพินบอกตนเองว่าเธอไม่อยากรู้ว่านอกจากคอมเมนต์ตอบโต้ที่เธอเพิ่งเห็น ทีปกรเคยไปคอมเมนต์อะไรใต้ภาพของกุลสตรีอีกบ้าง แต่ที่เธอตามเข้ามาดูไอจีของอีกฝ่ายเพราะต้องการดูคู่ต่อสู้เสียหน่อย จะได้รับมือถูก

พอไล่ดูภาพถ่ายที่กุลสตรีอัปโหลดแต่ละภาพก็ถอนหายใจยาว ยอมรับว่าอีกฝ่ายทั้งสวยและเซ็กซี่ ยิ่งในเซตภาพถ่ายชุดว่ายน้ำที่ฮอตจนร้อนฉ่าไปทั่วไอจี สายตาเธอก็เผลอไปเห็นคอมเมนต์สองคอมเมนต์ จำได้ว่าเป็นพันวิเศษและณวพล เพื่อนของทีปกร

เคลมเร็วตามที่คาดไว้

Phanwises : สวยครับ

Navapon : ได้ใจไปเลยครับ

“ก็เขาสวยขนาดนั้น อกก็ตู้ม หุ่นก็ดี” นันท์นพินก้มมองตนเอง พี่ชายยังบอกเลยว่าถ้าศัลยกรรมทั้งตัว หลักล้านก็ไม่น่าจะพอ แถมไม่สวยอีก

“ไม่สวย แต่แอปสมัยนี้มีและดีมากจ้ะ เดี๋ยวหนามจัดให้แซ่บกว่าเลย”

ว่าแล้วก็ลองถ่ายรูปตนเองหลายๆ รูป เผื่อจะสวยขึ้นมาบ้าง กระทั่งถ่ายไปหลายชอต หามุมและองศาจนเมื่อยหน้า ก่อนตัดสินใจเอารูปตอนที่ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม แม้รูปนี้แก้วจะบังหน้าไปครึ่งหน้าก็เถอะ จากนั้นก็ส่งรูปถ่ายที่ผ่านการคัดเลือกจากกว่าร้อยชอตอัปโหลดลงในไอจี อาจจะเป็นรูปแรกของตัวเองเลยก็ว่าได้ที่เธออัป นอกจากรูปขนม

แล้วเขียนข้อความบรรยายสักหน่อย

วันนี้ไม่ได้ทำขนมหวาน เลยเอาหน้าหวานๆ มาแทน อิอิ

เมื่อพอใจกับการทดลองอัปรูปก็วางโทรศัพท์ แล้วเอาหนังสือออกมานั่งอ่าน ยังอ่านไม่ถึงสองบรรทัดดี ประตูห้องทำงานของทีปกรก็เปิดออก เขาเดินหน้าตึงเข้ามา และเท้าสะเอวตรงหน้าเธอแทบจะทันที

อะไรของเขา หน้าดุตลอดเลย

“ลบรูปซะ”

คนออกคำสั่งแกมขอร้องเอื้อมมือแกร่งมาคว้าโทรศัพท์เธอไป โดยไม่รอให้เธอจัดการเอง

“คะ?”

นันท์นพินยังไม่ทันตั้งตัวดีว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงเข้มจัดก็ดังมาอีกหนพร้อมดวงหน้าหล่อที่ดูไม่สบอารมณ์

“รหัสเข้าเครื่องล่ะ”

นันท์นพินเลยรีบบอกรหัสเข้าโทรศัพท์ แล้วเขาก็ก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์ของเธอ ขณะที่หญิงสาวปิดหนังสือเก็บใส่กระเป๋า

“ทำงานเสร็จแล้วหรือคะ”

“ยัง ขอเบรกครู่หนึ่งก่อน คราวหลังอย่าอัปรูปในไอจีอีก”

คนไม่รู้ตัวว่าไอจีตนเองถูกมือดีเข้าไปจัดการลบรูปสวยๆ เมื่อครู่นี้ทิ้งเรียบร้อยแล้วเกาหัวงงๆ เพราะพอเขายื่นโทรศัพท์ให้ ลินดาก็เข้ามาตาม

“เจ้านายคะ ถ้าช้าอีกนิด เราจะประชุมเลตไปถึงทุ่มหนึ่งเลยนะคะ”

“อ่านหนังสือรอที่นี่ อย่าอัปรูปอะไรอีก” ชี้นิ้วสั่งคนงุนงงว่าตนเองทำอะไรผิด แล้วหมุนกายเตรียมออกจากห้อง เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ชายหนุ่มกดรับพร้อมเดินไปที่ประตู

“ฉันเห็นแล้ว เออสวยๆ แค่นี้นะ ไอ้พันมันโทร. มา” วางสายหนึ่งแล้วกดรับอีกสาย

“ถ้าแกจะโทร. มาพูดเหมือนไอ้นะ หุบปากเลย ฉันเห็นแล้ว เออๆ สวย พวกแกเป็นอะไรนักหนาวะถึงจะมาจีบเขา ไปเคลียร์เด็กๆ ของตนเองให้ได้ก่อนเถอะไป ชิ่วๆ”

เสียงคุยโต้ตอบโทรศัพท์ดังตลอดทาง ขณะที่นันท์นพินเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า นั่งอ่านหนังสือ ทบทวนสิ่งที่เรียนวันนี้ ไม่รู้เลยว่าโทรศัพท์ของทีปกรสั่นไม่หยุดหลังณวพลและพันวิเศษโทร. มา พอทีปกรไม่ว่างคุยก็ส่งข้อความมาแทน พร้อมอวดรูปจากไอจี Ruenkunnam

Phanwises : เจ้าของไอจี Ruenkunnam เป็นผู้หญิงโว้ยไอ้ทีป

Navapon : น่ารักโคตรๆ

ทีปกรเพียงอ่าน แต่ไม่ตอบอะไรในกลุ่มแชตที่สองหนุ่มเอารูปที่แคปได้ส่งมาให้

Phanwises : น้องลบรูปแล้ว อัปไม่ถึงนาทีเลย

Navapon : ลบ แต่ก็ไม่รอดมือฉันโว้ย เซฟเรียบร้อย

และจากนั้นทั้งสองคนก็คุยเรื่องความสวยน่ารักของเจ้าของรูปที่ส่งมาให้ทีปกรอีกนาน ซึ่งชายหนุ่มแค่อ่าน แต่ไม่ได้ตอบโต้ ยังนึกโมโหนันท์นพิน ร้อยวันพันปีไม่เคยอัปรูปตัวเอง มาอัปอะไรวันนี้

และจากที่จะประชุมเรื่องพื้นที่ใช้สอยในห้างให้เสร็จก่อนหกโมงเย็นก็เลยปาไปจนทุ่มหนึ่ง ทีปกรถึงมารับนันท์นพินที่นั่งอ่านหนังสือรออยู่ที่ห้องทำงานอย่างไม่เดือดร้อนออกไป

 

นันท์นพินมองคนที่เข็นรถเข็นจ่ายของในซูเปอร์มาร์เกตข้างๆ เธอ ดวงหน้าดุยังคงนิ่ง อีกมือถือโทรศัพท์คุยอยู่ ปล่อยให้เธอรับหน้าที่ซื้อของไปทำอาหารเย็นให้เขา

“เย็นนี้ฉันไม่ว่าง มีนัดแล้ว แกไปกับไอ้นะมันสิวะ เออๆ ฉันเห็นรูปแล้ว สวย สวยมาก พอใจแกหรือยังไอ้พัน”

ทีปกรทำเสียงเข้มขึ้นเรื่อยๆ นันท์นพินได้ยินเขาบอกว่าสวยๆ หลายรอบแล้ว ไม่รู้ว่าแก๊งเขาคุยเรื่องอะไรกัน ขณะหญิงสาวเลือกแคร์รอต มือแกร่งของคนที่คุยโทรศัพท์อยู่ก็คว้ามือนุ่มไว้แทบไม่ทัน

“ผมไม่กินแคร์รอต”

“หนามชอบกินนี่คะ” หญิงสาวหยิบใส่รถเข็น ขณะที่ทีปกรเริ่มชักสีหน้าเพราะเสียงในโทรศัพท์

“เออ! ฉันมาเดต จะใครเดตกับใครไม่เสือกได้ไหม แค่นี้นะ” ทีปกรวางสายได้ก็เข็นรถตามอีกคนมายังแผนกขายเนื้อสด

“ผมไม่กินอาหารเด็กทุกชนิด ถ้าพวกเนื้อก็ห้ามสับห้ามบด ผักพวกแคร์รอต บรอกโคลีไม่กิน” คนตัวโตกว่าเธอสองเท่ามายืนต่อรองราวกับเด็กน้อยตัวเล็ก

“ก็หนามชอบนี่คะ ยิ่งไข่เจียวใส่แคร์รอตกับบรอกโคลีใส่ชีสด้วยจะชอบมากเป็นพิเศษ” พอนันท์นพินเห็นแคร์รอตถูกนำออกจากรถเข็นก็ทำหน้างอใส่ 

ทีปกรเห็นท่าทางน่ารักแบบนั้นเข้าก็อดตามใจไม่ได้ ได้แต่บอกตนเองในอกว่าเลี้ยงเอาไว้ จะได้โตไวๆ 

“ผมอนุโลมให้แค่ไข่เจียวผักเท่านั้นนะ”

“หนามยังชอบข้าวผัดใส่แคร์รอต ไส้กรอก ลูกชิ้น แพนเค้ก”

“จะบอกว่าอะไรที่เป็นอาหารเด็ก คุณชอบกินงั้นสิ”

นันท์นพินพยักหน้า เธอยังไม่ได้บอกเขาอีกว่าเธอชอบกินอะไรง่ายๆ อย่างอาหารที่เข้าไมโครเวฟแค่ไม่กี่วินาทีแล้วเอาออกมากินได้ อันนั้นจะชอบมากกว่า

“ผมผิดเอง...”...ที่ริจะคบเด็ก

ชายหนุ่มวางแคร์รอตลงที่รถเข็นตามเดิม หญิงสาวจึงฉีกยิ้มหวานมาให้ แต่เป็นรอยยิ้มที่ทำเอาทีปกรยกมือเขย่าศีรษะเล็กไม่ได้ น่ารักและชื่นใจอย่างบอกไม่ถูก

“คุณชอบกินอาหารเด็ก ส่วนผมชอบกินเด็ก ก็พออนุโลมกันได้”

“ไหนๆ วันนี้ก็ดูท่าจะดึกแล้ว เรากินข้าวที่นี่แล้วแยกย้ายกันกลับดีกว่าไหมคะ” นันท์นพินรีบหาทางเอาตัวรอดอย่างด่วนจี๋ แต่มีหรือที่ทีปกรจะยอม

“คุณติดค้างผมอยู่นะ เราต้องเท้าความกันสักหน่อย” พับแขนเสื้อวางท่าข่มขู่ขึ้นมาทันที

“หนามทราบค่ะๆ” เล่นทวงกันบ่อยๆ แบบนี้ ต่อให้เธออยากแกล้งความจำเสื่อมก็ทำไม่ได้ หญิงสาวเริ่มร้อนรนหาทางรอด ดูท่าวันนี้ทีปกรไม่ยอมง่ายๆ แน่ๆ

“แต่กว่าเราจะซื้อของแล้วกลับไปทำอาหารก็ดึกแล้วนะคะ”

“แค่ไข่เจียวจะทำกี่นาทีกันเชียว” ทีปกรเริ่มสนุกที่ได้ไล่ต้อนลับสมองกับอีกฝ่าย ดูสิว่าจะดิ้นไปได้สักกี่น้ำ

“ก็คุณทีปไม่กินอาหารเด็กไงคะ หนามเลยไม่คิดจะทำ กะจะทำอะไรที่ดีๆ หรูๆ ดูในวังๆ สักหน่อยให้กิน”

“ผมหมายถึงอาหารของคุณ คุณกินอาหารเด็ก ส่วนผมจะกินเด็ก”

ทั้งสายตาและน้ำเสียงอันหนักแน่นทำเอานันท์นพินใจไม่ดีเอาเสียเลย ยิ่งตอนที่ทีปกรแยกตัวออกไปซื้อของมาเป็นกล่องสี่เหลี่ยมซ้อนกันหลายตั้งก็ได้แต่ยืนมองเขาตาปริบๆ

“คุณคงไม่คิดจะจีบผมเล่นๆ หรอกนะครับ จะจีบก็ต้องรับผิดชอบความรู้สึกผมด้วย”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น