6

ตอนที่ 6


แพตตี้ยังคงยิ้มเจื่อนมองตาม แต่พอตรีดาวเดินลับตาไป ความรู้สึกเจ็บก็ทำให้น้ำตาคลอ 

            “MM ก็คือ Marketing Merchandize ทำหน้าที่คัดเลือกสินค้าจากซัปพลายเออร์ คุยรายละเอียดราคา และเสนอโพรโมชันให้แก่ลูกค้าร่วมกับซัปพลายเออร์ จากนั้นก็มาวางแผนผลิตรูปแบบรายการขายสินค้าร่วมกับทีมโพรดักชัน แล้วกำหนดตารางการออกอากาศรายการ เดี๋ยวจะพาไปแนะนำให้รู้จักกับหัวหน้าฝ่ายผลิตที่สตูดิโอ”

ดอลลี่พามุลิลาเดินทัวร์ออฟฟิศ และอธิบายตำแหน่งหน้าที่ซึ่งหญิงสาวจะต้องรับผิดชอบ

            “โอเค” มุลิลาจดสิ่งสำคัญไว้ในสมุดโน้ตที่อยู่ในมือ ด้วยความที่ก้มหน้าก้มตาอยู่นั้นเลยไม่ทันเห็นว่ามีสายตาหลายคู่มองตาม

            ลูกพีชเป็นคนหนึ่งที่มองตามด้วยสายตาชื่นชม พลางคิดว่ามุลิลาน่าจะมนุษยสัมพันธ์ดี ไม่น่าจะร่วมงานยาก ต่างจากรัชนกที่มาถึงก็กางรังสีแห่งความไม่กินเส้นมาทันที แถมยังยิ้มเยาะเพราะคิดดูถูกว่ามุลิลาเป็นเด็กเส้น ถึงขนาดต้องใช้ทางลัดเข้าทำงานแบบนี้ก็คงไม่มีฝีมือในการทำงานเท่าไหร่หรอก

ดอลลี่เดินนำหน้าเพื่อนเข้าไปในฝ่ายผลิต พบว่าอัศวินกำลังบรีฟจอห์นนี่กับอริสรา พิธีกรรายการขายเครื่องออกกำลังกายอยู่ ชายหนุ่มอยากได้เพาเวอร์และความสนุกสนาน แต่พิธีกรทั้งสองคนกลับทำหน้าหงิกใส่กันเพราะมีเรื่องตึงๆ กันอยู่

            มุลิลามาทันเห็นเหตุการณ์พอดี แต่อัศวินยืนหันหลังให้ก็เลยยังจำชายหนุ่มไม่ได้ เธอยืนคุยกับดอลลี่และพราวฟ้าไปพลางๆ ได้รับรู้ข้อมูลว่าผู้ชายที่ยืนหันหลังให้นั้นชื่ออัศวิน และเขาก็เป็นครีเอทิฟมือหนึ่งของบริษัท มุลิลามองหน้าพราวฟ้าขำๆ ที่แสดงความชื่นชมชายหนุ่มอย่างออกนอกหน้า ทั้งหมดหันไปอีกทีตอนที่การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้น

            “นับ ห้า สี่ สาม สอง...ออนแอร์!”

ทุกคนเงียบลง

            จอห์นนี่และอริสรายังหน้าตึง ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ให้สนุกและมีพลังได้ ตรงข้ามกับแอกชันและไดอะล็อก อัศวินหน้าเครียดอยู่ที่มุมคอนโทรล ทนดูอยู่พักหนึ่งจนทนไม่ไหว บ่นขึ้นมา

            “ไหนอะสนุก ไหนอะพลัง ไหนอะความเป็นมืออาชีพ”

            มุลิลาแอบหลุดหัวเราะจอห์นนี่และอริสรา แต่ยิ่งทำให้อัศวินอารมณ์เสียที่ได้ยิน ชายหนุ่มมองหาที่มาของเสียงจนกระทั่งเห็นมุลิลายืนหันข้างอยู่ในความมืด เขารีบลุกแล้วเดินเข้าไปหาตั้งใจจะเตือนให้เงียบ แต่พอเรียกและมุลิลาหันกลับมาแล้วทั้งคู่เห็นหน้ากันเท่านั้นแหละ มหกรรมการแผดเสียงออกมาดังลั่นสตูดิโอก็เกิดขึ้น

            “ไอ้ตี๋ตัวซวย!” มุลิลาว่า

            “ยายป้ามหาภัย!” อัศวินชี้หน้าเธอ

            เกิดความเงียบไปทั้งสตูดิโอ ทุกคนหยุดกิจกรรมที่ตนเองกำลังทำอยู่ทั้งหมด ก่อนที่จะหันไปทางอัศวินและมุลิลาที่จ้องตากันเขม็ง เตรียมระเบิดศึกใส่กัน

            “กำลังออกอากาศ จะบ้าเหรอ ทำอะไรกันเนี่ย หา!” ดอลลี่อยากจะตะโกนห้ามแต่ก็กลั้นเอาไว้ เพราะเกรงว่าจะเสียงดังไปอีกคน ทั้งอัศวินและมุลิลาสะดุ้ง แต่ก็ไม่ใช่เสียงของหัวหน้าใหญ่เท่านั้นหรอกที่ทำให้ทั้งคู่หยุด แต่เป็นหน้าตาที่เปลี่ยนจากนางฟ้าเป็นนางยักษ์นั่นแหละ

            อัศวินถึงกับขนลุกกลัวว่าถ้าขยับตัวสักนิดจะโดนดอลลี่กินหัว ไม่สนใจมุลิลาที่ยังจ้องมองเขาด้วยความไม่พอใจ แต่พอผ่านไปสักพักอัศวินก็นึกขึ้นได้ หันไปมองรอบๆ เห็นทุกคนนิ่งไป ไม่เว้นแม้แต่จอร์จและอริสราที่กำลังดำเนินรายการ

            “เวรละ” อัศวินรีบแก้สถานการณ์ วิ่งไปแย่งปากกาและไวต์บอร์ดขนาดเล็กของสเตจ ที่ทำหน้าที่เขียนข้อความสื่อสารถึงพิธีกรมา เขียนบางอย่างลงไปอย่างรวดเร็ว แล้วชูให้พิธีกรที่เวที เจ้าหน้าที่ทุกคนได้สติคืนมา แต่ยังเหวอเพราะไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้ แก้ปัญหาไม่ถูก

            อัศวินเขียนข้อความว่า ‘กลับมา!’ ทว่าจอห์นนี่และอริสรายังอึ้งอยู่ มองไม่เห็นข้อความ อัศวินพยายามส่งสัญญาณมือต่างๆ นานา เรียกสติพิธีกร แต่ก็ยังไม่ได้ผล มุลิลา ดอลลี่ และพราวฟ้าถอยมายืนมองลุ้นอยู่ว่าจะรอดไม่รอด

“ฉิบหายจริงๆ แล้ว อยากจะเสกตัวเองให้อันตรธานไปเสียเดี๋ยวนี้จริงๆ” ดอลลี่พึมพำหน้าเริ่มเสีย

ชิษณุเพิ่งกลับมาจากพัทยา เขาเดินเข้าบ้านผ่านห้องรับแขกที่มณฑาทิพย์ผู้เป็นแม่เปิดทีวีดูรายการที่ช่อง WOW เขาทักมารดาเล็กน้อย ทีแรกก็ว่าจะเดินขึ้นห้องตัวเองไปพักผ่อน แต่พอสังเกตภาพในช่องทีวีแล้วก็ชะงักแปลกใจ

“เป็นอะไร...” เขาพึมพำเมื่อเห็นภาพในจอที่ทุกคนค้างอยู่กับที่ เห็นแล้วว่ามันคือทีวีช่องที่เขาเพิ่งเข้าไปบริหารงาน

“อ้าว นั่นทำอะไรล่ะลูก มีอะไรเหรอ”

“อ๋อ เอ่อ ผมเช็กรายการช่องว้าวอยู่น่ะครับ” ชายหนุ่มตอบมารดา

“หยุดเรื่องงานก่อน ป๊าเรียกหาแน่ะ รีบออกไปหรือเปล่า ไปคุยกับแกก่อน”

ชิษณุแปลกใจ เขายังอยากหาคำตอบเรื่องรายการที่เห็นอยู่ ทว่าก็ต้องเดินตามผู้เป็นแม่ไปที่มุมพักผ่อนใกล้บ่อปลาภายในบ้านเขาพบเจ้าสัวอำนาจ บิดานั่งอ่านหนังสือรออยู่ แต่ทันทีที่อำนาจเงยหน้าเห็นบุตรชายก็พูดขึ้นแบบไม่ต้องเสียเวลาอารัมภบทเลยทันที

“จนป่านนี้แล้ว ยังไม่เลิกรอเจอคนที่ใช่อีกเรอะตาณุ”

ชิษณุยิ้มรับแทนคำตอบ เขารู้นิสัยผู้เป็นพ่อดี และไม่นึกแปลกใจด้วยที่หัวข้อเหล่านี้วนเวียนมากวนใจเขาบ่อยขึ้น

“พ่อแม่หนูตรีดาวเค้าทวงถามมา ว่าจะให้ลูกสาวเค้ารอจนถึงเมื่อไหร่” อำนาจพูดต่อ

ในหัวของชิษณุกลับมีภาพของมุลิลาเข้ามาแทน เขาเผลอคิดถึงใบหน้าของมุลิลาและนิ่งไป

“ณุ ถ้าลูกเปิดใจสักนิด หนูตรีดาวก็จะเป็นคนที่ใช่ของลูก และลูกก็จะรักน้องได้ไม่ยาก แม่เชื่อ” มณฑาทิพย์พยายามเกลี้ยกล่อมลูกชายเป็นรอบที่ล้าน

            “ถ้ารักได้ ผมคงรักไปนานแล้วครับ” ชิษณุพูดนิ่งๆ ยิ้มๆ

“ก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าแกจะเลือกใครมา ถ้าลูกสาวเจ้าสัวเจ้าของธุรกิจน้ำมันรายใหญ่ของประเทศอย่างหนูตรีดาวเค้าจะไม่รอแก ป๊าคงช่วยอะไรไม่ได้” อำนาจอ่อนอกอ่อนใจ

“ช่วยเข้าใจผมก็พอครับ”

อำนาจกับมณฑาทิพย์แปลกใจคำพูดของลูกชาย

“ผมไม่เห็นด้วยกับการที่ต้องเอาเงินของใครมาต่อเงินของเราที่มีมากมายมหาศาลอยู่แล้วด้วยการแต่งงาน....การแต่งงานควรจะเกิดขึ้นเพราะความรัก ไม่ใช่ธุรกิจ ผมไม่อยากจบชีวิตครอบครัวที่รากไม่แข็งแรงด้วยการหย่า”

คำพูดของชิษณุทำให้พ่อแม่อึ้งไป เขารอเล็กน้อยว่าบิดามารดาจะว่าอย่างไรต่อ แต่พอมีแค่ความเงียบเท่านั้นชายหนุ่มก็ลุกขึ้น

“ผมไปทำงานก่อนนะครับ”

ชิษณุยกมือไหว้พ่อกับแม่และเดินไป เจ้าสัวอำนาจและมณฑาทิพย์หันมามองหน้ากัน เอือมระอาที่บังคับลูกชายไม่ได้

            อีกด้านในสตูดิโอทุกคนก็กำลังคิดหาวิธีที่จะเตือนสติพิธีกรทั้งสองคนอยู่ แต่เพราะเป็นรายการสด ทุกคนก็เลยไม่สามารถจะเตือนแบบกระโตกกระตากได้ อัศวินหงุดหงิดที่จอห์นนี่และอริสรายังตกใจไม่ได้สติ แต่แล้วก็อึ้งเมื่อหันไปอีกทีก็เห็นมุลิลากำลังคลานต่ำหลบวิถีกล้อง แทรกคนโน้นคนนี้ไปหมอบที่หน้าเวที

“เฮ้ย!” อัศวินร้องออกมาอย่างตกใจ คนอื่นก็ไม่ต่างกัน

มุลิลายังคลานต่ำเข้าไปในฉาก เธอกะระยะแล้วว่าภาพเป็นขนาดมีเดียมชอตอยู่ ไม่เห็นข้างล่างแน่นอน หญิงสาวคลานอย่างว่องไวไปจนถึงเท้าของพิธีกรทั้งสอง ด้านอัศวินที่ได้สติก่อนใครก็วิ่งไปที่คอนโทรล ใส่หูฟังสั่งการตากล้อง

            “น้าอย่าขยับเฟรมนะ”

ตากล้องคนหนึ่ง ได้สติรีบตอบกลับ “ครับ”

อัศวินมองที่มอนิเตอร์ ดูเฟรมที่ไม่ได้สวิตช์ออนแอร์ เห็นมุลิลาหมอบอยู่ที่พื้นเวทีใกล้จอห์นนี่และอริสรา มุลิลากำลังเงยหน้าพูดเสียงเครียดเบาๆ

“ตื่น!”

จอห์นนี่และอริสรายังนิ่ง ไม่ได้สติ มุลิลาไม่รู้จะทำยังไงจึงตะปบเข้าไปที่น่องของทั้งคู่ที่สะดุ้งก้มหน้าลงมองเธอทันที

“อยากตายหมู่กันหรือไง หา!”

จอห์นนี่และอริสราได้สติ ขยับตัว สัญชาตญาณพิธีกรทำงาน เข้ารายการต่อได้ทันที

“ดูสิคะจอห์นนี่ แค่เพียงไม่กี่นาทีที่เราปั่นจักรยานรุ่น WOW SUPER ACTIVE พูดได้คำเดียวว่าเบิร์นแบบใจหายใจคว่ำกันเลยทีเดียว”

“ใช่แล้วอริสรา ไม่ใช่แค่ใจหายใจคว่ำกันเท่านั้น ณ จุดๆนี้ยังใจสยิวหวิวเว่อร์ๆ อีกด้วย นอกจากจะได้เผาผลาญแคลอรีกันแล้ว ยังช่วยทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้นอีกมากๆ”

ทั้งคู่มองหน้ายิ้มกว้าง ร่าเริง สนุกสนานแบบที่อัศวินต้องการเมื่อตอนเริ่มรายการ ก่อนที่จะประสานเสียงคึกคัก

“มันช่าง WOW WOW WOW” พร้อมทำมือทำไม้ไปด้วย

ดอลลี่โล่งอก รู้สึกจักรยานน่าซื้อขึ้นเป็นกอง มุลิลายิ้มมองดูผลงานเพลิน จนลืมไปว่าตัวเองนอนอยู่บนเวที

อัศวินเป่าปากว่ารอดแล้ว แต่พอสังเกตเห็นมุลิลายังไม่ออกจากเวที ก็รีบสั่งทางหูฟัง “ใครก็ได้ ช่วยลากยายป้ามหาภัยนั่นออกมาเร็ว! กล้อง 2 เตรียมตัดภาพกว้าง”

สเตจรับคำสั่ง

ดอลลี่เข้ามายืนข้างอัศวินอย่างโล่งใจ “มอบมงกุฎนางฟ้าให้เลยมู่ลี่... ไอ้วิน ต่อมแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของแกวันนี้ใช้การไม่ได้เลยนะ สู้มู่ลี่ เอ็มเอ็มคนใหม่ของฉันก็ไม่ได้”

“หา! เอ็มเอ็ม” อัศวินร้องเสียงหลง มองไปที่มุลิลาที่กำลังเดินออกมาจากเวที

พอรายการจบ ดอลลี่นำทีมทุกคนมาที่ห้องประชุม มุลิลารออยู่ข้างนอกเตรียมเข้าประชุมเรื่องถัดไป เพราะดอลลี่ขอเคลียร์เรื่องที่เกิดในรายการก่อน ปรากฏว่าอริสราอาละวาดจอห์นนี่ใหญ่โต ทั้งคู่เป็นคนรักกันและกำลังจะแต่งงาน แต่อริสรากลับจับได้ว่าจอห์นนี่กลับไปหาแฟนเก่า ทีแรกดอลลี่ห้ามเพราะยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร ทว่าพอรู้ว่าเป็นเรื่องถ่านไฟเก่าเท่านั้นแหละ

“บีบคอมัน เอาให้ตาย บีบคอคงยังไม่พอ ลงมาบีบข้างล่างด้วย มันจะได้ไม่แรดไปแหย่ใครอีก” ดอลลี่กรีดร้องแล้วยุส่งคู่กรณีทั้งสอง อัศวินพยายามห้าม สุดท้ายไม่มีใครฟังเขาก็เลยปล่อยเลยตามเลย

ในขณะที่ด้านนอกห้องประชุม มู่ลี่กำลังนั่งอย่างตื่นเต้น เธอคิดว่าดอลลี่น่าจะแนะนำเธอให้ทุกคนรู้จัก ถ้าด้วยตามประสบการณ์แล้ว เธอไม่ควรจะมีความรู้สึกเช่นนี้ขึ้นเลย แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เธอไม่ได้เปลี่ยนงานบ่อยนัก และการพบปะผู้คนที่จะต้องเจอก็เป็นเพื่อนร่วมงานกันนั้น ค่อนข้างแตกต่างกับการเจอคนทั่วไป

ลูกพีชเดินเข้ามาพร้อมแก้วกาแฟ พยายามผูกมิตร “ขอแนะนำตัวนะคะ...ลูกพีช ประสานงา เอ๊ย ประสานงานฝ่ายผลิตค่ะ”

“มุลิลาค่ะ เรียกมู่ลี่ก็ได้”

“เป็นเอ็มเอ็มคนใหม่?”

“ค่ะ” มุลิลายิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร แต่ก็หุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อลูกพีชปากพล่อยพูดไปเรื่อย

“และเป็นยายป้าวัยทองถูกผัวทิ้งที่มีเรื่องกับวินวันนั้น อุ๊บ!”

คนพูดตกใจ หันขวับไปทางมุลิลาที่ตอนนี้หน้าชา เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธใกล้จะระเบิด

“ได้ยินมาว่าพี่ช่วยแก้สถานการณ์เดดแอร์เมื่อกี้ ชื่นชมนะคะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรในห้องนั้น สู้ๆ นะคะ”

ลูกพีชเปลี่ยนเรื่อง มุลิลาเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ หันไปดื่มกาแฟที่ลูกพีชยกมาให้

“แต่วินเป็นคนดีนะคะ ดีมาก...มากพอเป็นพ่อของลูกได้”

ลูกพีชพูดไปเรื่อยอีก มุลิลาได้ฟังก็สำลักกาแฟพรวดออกมา

“เป็นกำลังใจให้นะคะ” ลูกพีชรีบชิ่งเดินออกไปทันที คิดในใจว่าไม่น่าเลยกรู...

มุลิลามองตาม พูดไม่ออก โกรธอัศวินมากขึ้นไปอีกที่เล่าเรื่องของเธอให้คนอื่นฟัง ในระหว่างที่พยายามสงบสติอารมณ์อยู่นั้น รัชนกก็เดินมาด้วยท่านางพญาแล้วนั่งลงใกล้ๆ มุลิลา รัชนกเชิดหน้าตามแบบฉบับตัวเอง คนที่นั่งอยู่ก่อนรู้ตัวว่ามีผู้มาใหม่ก็สวมยิ้มนางงามส่งให้หวังจะผูกมิตร ทว่ากลับหน้าชาไม่แพ้ตอนที่รู้เรื่องอัศวินเอาตนไปเมาท์เลย แถมตอนนี้มุลิลารู้สึกว่าตัวเองคล้ายอากาศธาตุขึ้นไปทุกที

ท่ามกลางบรรยากาศไม่ค่อยสู้ดีนัก ประตูห้องประชุมก็เปิดออกดังผลัวะ อัศวินโดนผลักเซถลาออกมาก่อน มีจอห์นนี่วิ่งหนีเงื้อมมือของอริสราตามมา แต่ก็ไม่พ้นเมื่อพิธีกรสาวและคนรักของเขาคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อ แล้วตบเขาเสียคว่ำไปอีกทาง พราวฟ้าถลาเข้าไปดึงอริสราก่อนที่เธอจะเข้าไปซ้ำจอห์นนี่อีกครั้ง ท่ามกลางความวุ่นวายเหล่านั้น เสียงเชียร์อย่างลืมตัวของดอลลี่ก็ดังประกอบไปด้วย มุลิลาลุกขึ้นอย่างตกใจ ไปยืนรวมอยู่กับพนักงานคนอื่น แต่จู่ๆ รัชนกก็พูดขึ้นว่า

“น่าเบื่อ อีพวกชอบเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน พังคนเดียวไม่พอ ยังพาคนอื่นซวย”

คนพูดตบท้ายด้วยการปรายตามองมุลิลาที่ถึงกับสะอึก รู้สึกว่าโดนเข้าตัวเองเต็มๆ รัชนกหันไปเล่นมือถือ ยิ้มสะใจที่ได้พาดพิงมุลิลาแบบเหนือๆ

มุลิลาถอนใจเฮือก ไม่คิดจะวีน แต่นึกหวั่นใจว่าการทำงานที่นี่ไม่ง่ายเสียแล้ว

            ชิษณุกำลังเดินทางไปทำงาน ทว่าระหว่างทางก่อนจะถึงออฟฟิศ M-ONE ชายหนุ่มเกิดเปลี่ยนใจ หยิบมือถือขึ้นมา กดเบอร์โทร.ไปยังเลขาฯ

“แพตตี้ ผมจะเข้าไปที่ว้าวอีกหนึ่งชั่วโมง ให้คุณสุจินต์ไปพบผมที่นั่นด้วย” ชิษณุวางสายแล้วฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี หักพวงมาลัยเลี้ยวไปอีกทาง มุ่งหน้าไปว้าวทีวี

แพตตี้รับคำเจ้านาย แต่พอวางสายก็ขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง เพราะนี่เป็นอีกวันแล้วที่ชิษณุไม่เข้าที่ทำงาน แล้วเธอก็สังหรณ์ใจแปลกๆ แล้วว่าบางทีที่ว้าวทีวีอาจจะมีอะไรบางอย่าง ทำไมถึงดึงความสนใจจากชิษณุได้ขนาดนี้ เลขาฯ สาวเอาข่าวไปบอกสุจินต์ที่โต๊ะทำงาน ซึ่งรับคำก่อนทำตามคำสั่งแต่โดยดี เขาลุกขึ้นแล้วเก็บของที่โต๊ะทำงาน

“แปลกจัง จู่ๆ บอสก็ไปว้าว ยังมีปัญหาอะไรอยู่เหรอคะ” แพตตี้เลียบเคียงถาม

“ไม่ทราบครับ คุณก็ทราบเท่าที่ผมทราบ” สุจินต์ตอบเสียงเรียบ

เลขาฯ สาวยังคงสงสัย เธอเอียงคอพูด “อืม...คงยังมีเรื่องไม่เรียบร้อย บอสถึงได้ไปบ่อยๆ”

“ทำงานที่ต้องทำ รู้เท่าที่นายให้รู้เถอะครับ”

แพตตี้หน้าเสีย ยิ้มเจื่อน “ขอโทษค่ะ แพตตี้ดูสอดรู้สอดเห็นมากเลยใช่มั้ยคะ แพตตี้ก็แค่เป็นห่วงบอสในฐานะเลขาฯ เห็นบอสเหนื่อยๆ”

“ครับเข้าใจ คุณเป็นเลขาฯ”

แพตตี้อึ้งเพราะรู้สึกเหมือนสุจินต์จะย้ำนำเสียงที่คำว่าเลขาฯ แต่เธอก็ยิ้มกลบเกลื่อน สุจินต์เก็บของเสร็จเดินออกไปเลย อีกด้านตรีดาวเดินหน้าเครียดเข้ามา พุ่งมาที่แพตตี้แล้วถามถึงชิษณุ พอได้รับทราบว่าเขาไม่เข้าบริษัทวันนี้ก็หัวเสีย

“มีอะไรสำคัญนักหนาที่ว้าว ถึงยังไม่เข้ามา ต้องแวะที่นั่นก่อน” ตรีดาวเหวี่ยงใส่แพตตี้

“ไม่ทราบค่ะ บอสไม่ได้บอกอะไรแพตตี้เลย ถามคุณสุจินต์ แกก็บอกไม่ทราบ” เลขาฯ สาวตอบตามตรง แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ตรีดาวยิ่งหงุดหงิด

“เป็นเลขาฯ แต่ไม่รู้เรื่องนายเลย...ถ้าความสามารถต่ำขนาดนี้ ลาออกไปทำอย่างอื่นที่ไม่ต้องใช้สมองเถอะ”

แพตตี้อึ้งไป แต่ก็ยิ้มเจื่อนๆ สู้ แม้ว่าในใจจะโกรธมากก็ตาม “แพตตี้ขอโทษค่ะ แพตตี้พยายามแล้ว แต่เหมือนทุกคนตั้งใจจะไม่บอก เป็นความลับยังไงก็ไม่รู้ค่ะ”

ตรีดาวนิ่งคิด ยิ่งอยากรู้ขึ้นไปอีก ก่อนที่จะเดินออกไป

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น