4

คำอธิษฐาน


 

บทที่ ๔

คำอธิษฐาน

 

ของเหลวสีแดงในแก้วใบงามสะท้อนแสงไฟระยิบระยับราวกับอัญมณีมีค่า หนุ่มหล่อที่นั่งอยู่กับหญิงสาวที่โต๊ะมุมในสุดยิ้ม ยื่นมือไปหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบอย่างสบายใจ

“รสชาติดีทีเดียว คุณลองดื่มสิ” เขาบอก

“ฉันไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” หญิงสาวสูดลมหายใจ เธอบอกเขาเป็นรอบที่สิบเห็นจะได้ แต่ดูเหมือนเศรษฐีหนุ่มขี้เก๊กคนนี้จะไม่สนใจ ยังคงยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล

“คุณคิดว่าผมเป็นยังไงบ้างครับ คุณมาลัยทอง” อยู่ดีๆ เขาก็อยากถามความเห็นเธอ

“ก็...หล่อ และรวย ฉันช่างได้รับเกียรติเหลือเกินที่ได้มากินข้าวเย็นกับคุณในสถานที่โรแมนติกเช่นนี้” มาลัยทองตอบและปั้นสีหน้าอย่างจริงใจเต็มขั้น ได้ผล...เขายิ้มกริ่มอย่างภูมิใจ ทั้งที่ใจจริงเธออยากจะชี้หน้าและแหกปากดังๆ ว่าตัวเองช่างโชคร้ายเสียนี่กระไร แล้วบรรยากาศโรแมนติกมันใช่เสียทีไหน ด้านนอกก็ฝนตกฟ้าผ่าโครมครามราวกับโลกจะถล่ม

“หลงเสน่ห์ผมแล้วละสิ แต่อย่ามายั่วผมให้ยาก คุณมันทำให้ผมขยาดผู้หญิงธรรมดา” เขาเอ่ยพร้อมกับส่งสายตาให้เธอ

แหวะ...ให้ตายสิ อีตานี่หลงตัวเองชะมัด หญิงสาวกลอกตามองบน

“ตกลงเรื่องดาบ คุณจะยอมขายให้ฉันได้หรือยัง” มาลัยทองวกกลับมาเรื่องของเธอบ้าง

“ผมชักอยากรู้เสียจริง ทำไมคุณถึงอยากได้ดาบโบราณนั่นนัก ชื่อก็ดูลิเกอย่างกับดาบฟ้าฟื้น จะเอาไปให้ขุนแผนหรือไงจ๊ะ”

มาลัยทองพยายามคุมสติไม่ให้ฉุนเฉียวไปตามแรงยั่วยุของเขา “นั่นมันไม่ใช่ดาบฟ้าฟื้นของขุนแผน”

“ถ้าอย่างนั้นมันดาบอะไรล่ะ ในฐานะที่คุณทำธุรกิจของเก่าลองบอกผมทีสิ ผมจะได้รู้ว่าคุณสนใจและอยากได้มันจริงๆ” เขาลองภูมิ

“นั่นเขาเรียกว่าดาบเมือง หรือว่าดาบของทางล้านนา ถ้าดูจากที่เห็นน่าจะสร้างในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ลักษณะเป็นแบบหลูบเงินทั้งด้ามและฝัก ส่วนใบดาบน่าจะเป็นปลายใบข้าว แต่ฉันยังไม่ได้ลองจับของจริง คงตอบได้แค่นี้”

ชวินพยักหน้า เข้าใจว่ามาลัยทองคงศึกษามาพอสมควร

“คุณได้แกะออกจากกล่องมาดูหรือยังล่ะ” เธอถามเขาต่อ

ชายหนุ่มยักไหล่ ก่อนจะเสไปเรื่องอื่นเสีย “คุณนี่ใจร้ายจัง ผมกำลังคุยเรื่องของเรา ดันวกกลับมาเรื่องอาวุธอีกแล้ว มันไม่เหมาะกับสาวสวยนะครับ”

“วันก่อนคุณบอกว่าฉันไม่สวย” หญิงสาวดักคอ

“ก็วันนั้นคุณไม่ได้แต่งตัว แต่พอวันนี้ผมว่าคุณเองก็ไม่ต่างอะไรกับนางเอก ที่ควรคู่กับพระเอก...เช่นผม”

เขาทำเสียงหล่อ แต่หญิงสาวอยากวิ่งหนีไปไกลๆ เธอไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปที่จะมาหลงคารมของหนุ่มที่มีคารมจีบหญิงแบบสะเหล่อๆ มุกแบบนี้เชิญไปใช้กับพวกนางเอกโลกสวยเถอะย่ะ...

กำลังจะอ้าปากเถียงเขาตามนิสัย เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังราวกับระฆังพักยก ชวินยกมือเป็นเชิงขออนุญาตรับสาย

“มีอะไรอีกยายพลอย” เขาถาม เมื่อชั่วโมงก่อนน้องสาวโทร. มาถามว่าเขาอยู่ที่ทำงานจริงหรือเพราะดวงตาอยากรู้ ชวินโกหกไปว่าใช่

“พี่วินคะ ช่วยพวกเราด้วย”

เขาถอนหายใจ กำลังคิดว่าคนเป็นย่าจะมาไม้ไหน ปวดหัว ไม่สบาย ฝันร้าย อะไรก็ได้ที่ต้องทำให้เขากลับไปให้เร็วที่สุด

“อะไรอีก นี่เธอโกหกคุณย่าไม่สำเร็จเหรอยายพลอย คอยดู ฉันจะฟ้องคุณย่าเรื่องที่เธอติดโทรศัพท์เพราะคุยกับ...”

“พวกเราโดนใครไม่รู้จับตัวมาค่ะ”

ชวินชะงัก สีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที “ว่าไงนะ”

มาลัยทองหันไปมองหน้าเขา ยังเดาไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้น

“หนูกับคุณย่าโดนรถคันหนึ่งปาดหน้า แล้วพวกเขาก็จับเราสองคนขึ้นรถมา ส่วนลุงเชิดน่าจะถูกชกจนสลบ”

“แล้วพวกเธอจะออกจากบ้านมาทำไมเวลานี้”

“คุณย่าเป็นห่วงพี่ เลยบอกให้เอารถออก ต้องการจะมาที่บริษัท”

ชวินพยายามรวบรวมสติ “นี่เธอไม่ได้โกหกเพื่อให้ฉันกลับไปใช่ไหมพลอย”

“หนูพูดจริงๆ นะคะ...”

เสียงสั่นๆ ของพลอยแก้วถูกตัดเหมือนโทรศัพท์ในมือถูกแย่ง มีเสียงใหม่แทรกเข้ามา

“สวัสดีครับคุณชวิน เราต้องการแจ้งให้คุณทราบว่าเรื่องที่เด็กสาวคนนี้พูดเป็นเรื่องจริง”

“พวกแกเป็นใคร”

“พวกเราก็คือคนที่จับย่าและหลานแกมาไงล่ะ ฮ่าๆ” เสียงแข็งนั้นหัวเราะดังก้อง

“ต้องการอะไร”

“เงินสิบล้าน แลกกับสองชีวิต ไม่เช่นนั้น...”

มีเสียงกรีดร้องของพลอยแก้ว ชวินลุกขึ้นยืนทันที

“ฉันขอคุยกับคุณย่า”

โจรร้ายเงียบไปครู่ ก่อนที่โทรศัพท์จะเปลี่ยนมือให้หญิงชราได้เจรจา

“วิน ปลอดภัยดีไหมลูก”

“พวกมันทำอะไรคุณย่าหรือเปล่า”

“ไม่เลย ย่าสบายดี วินอย่ามาช่วยย่านะ แจ้งตำรวจ...” ไม่ทันได้พูดต่อเสียงของดวงตาก็เงียบไป

“อ๊ะๆ อย่าบอกเรื่องนี้กับตำรวจเด็ดขาด ไม่งั้นคุณก็น่าจะรู้ว่าย่ากับน้องสาวของคุณจะไม่ปลอดภัย” เขาขู่

“ได้ แล้วฉันต้องทำยังไงบ้าง”

“แกมีเวลาหนึ่งชั่วโมง เตรียมเงินและมาพบพวกเราที่โกดังท่าเรือ” ปลายสายบอกพิกัด ชวินรับปาก

“มีอะไรหรือเปล่าคุณ” มาลัยทองรีบถามหลังจากนั่งมองเขาคุยโทรศัพท์อยู่นาน

“ย่ากับน้องสาวของผมโดนใครไม่รู้จับไปเรียกค่าไถ่”

“ตายจริง แล้วเราต้องทำยังไง”

“ก็...ไม่ต้องทำอะไร” เขาเอ่ยพลางยกแก้วไวน์ขึ้นกระดก

“จะบ้าเหรอคุณ นี่เรื่องคอขาดบาดตายนะ”

“หึ...ไม่ต้องตื่นเต้นหรอก แค่ไอ้โจรห้าร้อยที่คิดอยากลองดีกับคนอย่างผม”

“แต่ฉันว่าเราต้องทำอะไรสักอย่าง แจ้งตำรวจดีไหม”

“ไม่ต้อง” เขาลุกขึ้นและคว้าแขนหญิงสาว

“อะไร” มาลัยทองหน้าตาตื่น

“ไหนๆ มาด้วยกันแล้ว ก็ไปส่งผมหน่อย”

“ไปไหน”

“ไปสั่งสอนไอ้พวกนั้นเสียบ้าง”

มาลัยทองร้องเสียงหลง ชวินวางเงินไว้บนโต๊ะอาหารแล้วลากแขนเธอออกไป

 

ชายหนุ่มล็อกประตูรถทันที ไม่ยอมให้หญิงสาวหนีไปได้

“นี่คุณจะบ้าหรือไง เรื่องแบบนี้จะพาฉันไปด้วยทำไม”

“ก็ไม่เห็นเป็นไร เท่ดีออก เหมือนในหนังไง เราสองคนไปช่วยตัวประกัน สุดท้ายก็จบแบบแฮปปีเอนดิง” เขายิ้มหวาน

“นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะคะคุณชวิน ฉันว่าเราควรตั้งสติให้ดีก่อน”

เขาไม่สนคำเธอ กลับเดินหน้าเข้าเกียร์ ขับตรงไปตามถนนที่ชื้นแฉะ รถฉวัดเฉวียนจนมาลัยทองกรีดร้อง รีบควานหาสายเข็ดขัดเพื่อรัดป้องกันตัวเอง

“คุณชวิน ฉันขอเตือนอีกครั้ง คุณต้องใจเย็นๆ อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง คุณกำลังเมาและย่าของคุณกำลังตกอยู่ในอันตราย คุณลองโทร. กลับไปหาพวกเขาอีกครั้งเถอะ”

ชวินถอนหายใจ แต่ดีหน่อยที่ยอมกดโทรศัพท์ไปหาพลอยแก้ว

พลันก็มีสายฟ้าฟาดลงตรงต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ทั้งสองสะดุ้งโหยง ชวินเบรกรถตัวโก่ง

“เป็นอะไรหรือเปล่า” เธอหันไปถาม ชายหนุ่มจอดรถและก้มหาโทรศัพท์ที่หลุดมือ

“บ้าเอ๊ย!” เขาสบถ พยายามโทร. ไปหาพลอยแก้วอีกหลายครั้ง ทว่าอสุนีบาตเมื่อครู่แผลงฤทธิ์ พายุฝนฟ้าคะนองทำให้สัญญาณการติดต่อทางมือถือขัดข้อง

“ฉันว่าเราควรบอกให้คนอื่นรู้เรื่องก่อนดีไหม นี่มันโจรเรียกค่าไถ่นะ”

ชวินหันขวับด้วยความโมโห

“โจรแล้วไง พวกมันยังไม่รู้จักผมดีพอ คุณคอยดูละกัน ในประเทศนี้ไม่มีใครทำอะไรผมได้หรอก”

เขาขบกรามแน่นพร้อมกับเหยียบคันเร่ง รถคันงามฝ่าสายฝนโดยไม่หวั่นเกรงสิ่งใด

 

หลอดไฟเหนือหัวแกว่งตามแรงลมที่พัดเข้ามาจากด้านนอก ทำให้เงาของวัตถุที่ถูกกระทบเคลื่อนไหวโยกไปมา พลอยแก้วใจคอไม่ดี เธอกอดกับหญิงชราแน่น ขณะที่สายตาก็พยายามค้นหาช่องทางหนีเพื่อความปลอดภัย

“คุณย่า ใจเย็นๆ ไว้นะคะ พี่วินต้องมาช่วยพวกเราได้แน่ๆ” คนอ่อนกว่าพยายามปลอบ มั่นใจว่าระดับชวินไม่ปล่อยให้ญาติผู้ใหญ่คนเดียวของตัวเองเป็นอะไรแน่

เธอไม่น่าตามใจให้ดวงตาออกมาตามหาชวินเลย มันกลับเป็นช่องทางให้ผู้ไม่หวังดีจับตัวเธอและหญิงชรามาเป็นข้อต่อรองในการแลกกับเงินล้าน

“ตัวสั่นเป็นลูกนกเลยนะน้องสาว ไม่เป็นไรหรอก หากไอ้ชวินมันไม่ตุกติก เธอกับยายแก่นี่ก็ปลอดภัยแน่ๆ” ชายฉกรรจ์หนึ่งในห้าเอ่ยขึ้นมา เขาอัดบุหรี่เข้าเต็มปอดก่อนจะพ่นเป็นทางยาว กลิ่นเหม็นจนเธอต้องเบือนหน้าหนี

“แต่ถ้ามันตุกติก ไอ้ชวินนั่นแหละที่จะต้องตาย” เขาพูด

“อย่า พวกแกจะทำอะไร” ดวงตาเบิกตาโพลงเพียงแค่ได้ยินว่าพวกเขาอาจจะทำร้ายชวิน “พวกแกทำอะไรฉันเถอะ แต่อย่าทำหลานฉัน”

ไม่พูดเปล่า หญิงชรายังสะบัดตัวปรี่จะเข้าไปอ้อนวอนกลุ่มคนร้าย เขาสะดุ้งและหันปืนมาทางหญิงชราเพื่อป้องกันตัวทันที พลอยแก้วรีบเข้าไปประคอง

“อย่าค่ะคุณย่า ไม่มีใครทำอะไรใครทั้งนั้น คุณย่าอยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ”

“ดูแลอีแก่นี่ให้ดีด้วยนังหนู”

ดวงตาตัวสั่น มีอาการเหม่อลอย เธอไม่อยากให้ชวินต้องมาลำบากเพราะความเป็นห่วงของเธอเลย

ขณะเดียวกันด้านนอกโกดังเก็บของ สายฝนเริ่มซา แต่เมฆดำก็ไม่เคยลาจาก ชวินดับไฟหน้ารถคันงามและขับมาจอดอย่างระวังตัว

“ไปกันเถอะ” เขาหันมาคุยกับหญิงสาว

มาลัยทองส่ายหน้า “เชิญคุณลงไปคนเดียวเถอะ ฉันไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโรนะ”

“โธ่ คุณ เราลงเรือลำเดียวกันแล้วนะ” เขาอ้อน

“ใครลงด้วยไม่ทราบ” เธอเถียงก่อนจะถอนหายใจแรง “คุณชวินคะ ฉันว่าคุณควรแจ้งตำรวจ เราไม่ใช่เด็กๆ ที่กำลังสนุกอยู่ในเกมโปลิศจับขโมยนะ...”

ชายหนุ่มไม่ฟังเธอพูดต่อ ลงจากรถและก้าวมายังประตูฝั่งเธอ พร้อมกับเปิดและฉุดข้อมือมาลัยทองออกมา

“นี่ ปล่อยนะ”

“คุณไม่อยากได้ดาบเหรอ”

คำขู่นั้นทำให้เธอเงียบและเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย แม้หัวใจจะยังหวาดหวั่นก็ตาม

นี่เป็นแผนของเขาที่คิดจะฉุดเธอมาข่มขืนหรือเปล่า บ้า...ระดับเศรษฐีหมื่นล้านจะลดตัวมามีอะไรกับเธอที่โกดังท่าเรืออย่างนั้นหรือ ไม่สมศักดิ์ศรีเลยสักนิด แต่ก็ไม่แน่ บางทีเขาอาจเป็นพวกรสนิยมแปลก ชอบอะไรที่ดิบเถื่อน คงต้องหาวิธีป้องกันตัวเสียแล้ว

“ว้าย!”

มาลัยทองร้องเสียงหลงเพราะมัวแต่คิดเหม่อไปไกลจนเสียหลักสะดุดขาตัวเอง ชวินมือไวประคองร่างเธอไว้ได้พร้อมกับยกมือจุปาก สายตามองไปยังโกดังหลังหนึ่งที่มีคนเฝ้าอยู่ด้านนอกสองคน

“พวกมันเฝ้าประตูสองคน ส่วนด้านในไม่รู้ว่าจะมีอีกเท่าไหร่”

แบบนี้ก็แสดงว่าเรื่องโจรร้ายคงเป็นเรื่องจริง...มาลัยทองคิด

“เราจะทำยังไงล่ะ เราไม่มีอะไรจะไปสู้พวกมันได้เลยนะ” มาลัยทองถามเสียงเบา

“เดี๋ยวผมโทรศัพท์บอกเลขาฯ ผมให้จัดการเรื่องนี้เอง” เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา สัญญาณเริ่มใช้การได้แล้ว แต่ก็ต้องหัวเสียเพราะไม่มีคนรับสาย

“ไอ้เอก ทำไมไม่รับโทรศัพท์วะ” เขาเอ่ยหลังจากได้ยินเสียงบันทึกข้อความ “เตรียมเงินสดมาให้ฉันสิบล้าน พร้อมกับหาคนมาสักร้อยคน อาวุธครบมือด้วย มีโจรกระจอกริอยากลองดี จับตัวคุณย่าและยายพลอยมา เร็วๆ อย่าปล่อยให้ฉันรอ”

เขาวางสาย มาลัยทองมองตาปริบๆ

“ไปกันเถอะ”

“ไปไหน” หญิงสาวหน้าเหลอ

“ก็เข้าไปข้างใน”

“เข้าไป...เข้าไปทำไม”

“ก็ไปช่วยคุณย่ากับยายพลอยแก้ว” เขาไม่รอให้เธอถามต่อ คว้าแขนเล็กเดินออกจากที่ซ่อนตรงไปยังโกดังเป้าหมาย

“ลูกพี่ครับ ไอ้ชวินมันมาแล้วครับ” สองหนุ่มที่เฝ้าประตูตะโกนบอกหัวหน้าใหญ่

ดวงตาหันไปเห็นหลานตัวเองเดินมาพร้อมกับหญิงสาวแปลกหน้า ซึ่งถูกประกบด้วยชายอีกคนที่เล็งปืนไว้ตลอดเวลา

“วินมาทำไมลูก ได้โปรด อย่าทำอะไรเขา วินหนีไป อย่าเป็นห่วงย่า” เธอตะโกนโวยวายจนพลอยแก้วต้องรีบเข้าห้าม แม้แต่หัวหน้าโจรร้ายยังหัวเสีย

“ถ้าอีแก่นี่ไม่หุบปาก ฉันคงได้ยิงมันก่อนแน่” เขาบ่น ทำให้ชวินไม่พอใจ

“พูดแบบนี้แสดงว่าไม่อยากได้เงินสิท่า ไอ้พวกโจรกระจอก พวกแกกล้ามากนะที่ทำอย่างนี้” เขายียวนจนผู้ไม่ประสงค์ดีเริ่มโมโห

“อย่ามาพูดมากเลย กูบอกให้มึงเอาเงินมาแล้วมันอยู่ไหน แล้วมึงมากับใคร อย่าบอกนะว่าอีนี่เป็นตำรวจ” เขาถามพร้อมกับกวาดปืนไปมา

“ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่ตำรวจ เราแค่มาเจรจาในสิ่งที่คุณต้องการ ขอเวลาสักครู่และให้ความมั่นใจเราก่อนว่าตัวประกันจะปลอดภัย” มาลัยทองพยายามทำใจดีสู้เสือ

“ปลอดภัยแน่ถ้าเราได้เห็นเงิน ไม่ใช่แค่คำพูด อย่าคิดว่าพวกเราไม่เอาจริงนะ”

“เฮอะ เอาจริงงั้นเหรอ กล้าดียังไงมาใช้คำนี้กับฉัน ระดับพวกแกไปปล้นขอทาน ขอทานก็ยังจะหัวเราะเยาะใส่ คนอย่างฉันแม้แต่นายกฯ ยังเกรงใจ ปล่อยตัวย่าและน้องสาวฉันเดี๋ยวนี้ และฉันจะโอนเงินให้แกทีหลัง”

“ไอ้ชวิน มึงจะดูถูกพวกกูเกินไปแล้วนะ”

“เออว่ะ ก็ยังฉลาด รู้ว่าฉันดูถูก”

โจรร้ายเหลืออดยกปืนขึ้นเล็งใส่เขาทันที

“อย่า” ดวงตาร้องลั่น

มาลัยทองสูดหายใจลึก

“เอาละ คุณชวิน เงียบไปก่อนได้ไหม เรากำลังคุยกันดีๆ นะ เงินแค่นี้คุณให้เขาได้ไม่ใช่เหรอ” เธอขยิบตาส่งสัญญาณให้เขาหุบปาก เพราะมันกำลังยั่วโมโหโจรร้ายทั้งที่พวกเธอกำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“ให้ได้ แต่ผมรู้สึกว่าพวกเขาไม่ให้เกียรติผม”

“มันใช่เวลาจะให้เกียรติกันไหม” เธอกัดฟันเถียง

ไอ้โม่งยังเล็งปืนอยู่เช่นนั้น จนลูกสมุนในทีมคนหนึ่งทนไม่ไหว เขายืนกระสับกระส่ายและดึงหมวกปิดหน้าออก

“เดี๋ยวพี่ ไหนว่าจะไม่มีการฆ่ากันไง” เขาถามหัวโจก

เจ้าของใบหน้าที่เปิดออกมาคือเด็กหนุ่มอายุน่าจะไม่ถึงยี่สิบ และเมื่อพลอยแก้วได้เห็นก็หลุดปากเรียกชื่อเขาทันที

“พี่จอห์น”

“พลอย พี่ขอโทษ พี่ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่โรจน์เขาถึงเล่นแรงแบบนี้” เด็กหนุ่มคนนั้นปรี่เข้าไปหาเด็กสาว แต่แล้วลูกพี่ใหญ่ก็เบี่ยงลำกล้องยิงไปที่เขาทันที

ปัง!

“กรี๊ด...” พลอยแก้วกรีดร้องลั่น ร่างของชายหนุ่มที่พูดคุยกับเธอทุกวันค่อยๆ ล้มลง สาวน้อยเข้าไปประคองกอด

“พี่จอห์น อย่าเป็นอะไรนะ” น้ำตาพรั่งพรู เธอไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แถมยังเป็นพวกเดียวกับคนร้ายที่จับตัวเธอมา

“พลอย พี่ขอโทษ”

เขาพูดแค่นั้นก่อนจะสิ้นใจ พลอยแก้วร้องห่มร้องไห้เสียงดังลั่นห้อง

คนอื่นเริ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก “พี่ฆ่าไอ้จอห์นทำไม”

“ไม่รู้โว้ย ก็มันดันทำให้แผนเสีย” เขาบ่น

“บอกแล้ว พวกแกมันก็แค่โจรไม่เอาไหน เห็นไหม ยิงกันเองเสียแล้ว” ชวินยิ้มเยาะ

มาลัยทองมองชวินอย่างหัวเสีย เขากำลังทำให้ทุกอย่างแย่ลงเพราะความมั่นใจแบบผิดๆ

“เพราะมึงนั่นแหละไอ้ชวิน ยึกยัก ท่าเยอะกับพวกกู เงินอยู่ไหน เอาเงินมา ไม่งั้นกูยิงจริงๆ นะ”

“เอาสิ พวกมึงทำอะไรคนอย่าง ชวิน จินตนาศักดิ์ คนนี้ไม่ได้หรอก อยากได้เงินก็บอกแล้วว่าให้ปล่อยตัวพวกเราไป แล้วฉันจะโอนให้ ฉันมีเงินมากพอจะซื้อสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ไปถึงชาติหน้านะ”

“มึงอย่ามาขู่กู เอาเงินมา” เขาขึ้นลำกล้อง

ดวงตาเห็นท่าไม่ดี รีบวิ่งมาเอาตัวเข้าขวางเผชิญหน้าโจรท่ามกลางความตกใจของทุกฝ่าย

“คุณย่า”

ชวินพยายามประคองกอด โจรหนุ่มตกใจ คิดว่าเขาจะยกปืนขึ้นมาสู้จึงตัดสินใจลั่นไกทันที

เปรี้ยง!

ร่างของหญิงชรากระตุก ที่อกข้างซ้ายมีเลือดซึมไหลเป็นทางยาว

“เฮ้ย ไปกันใหญ่แล้ว กูไม่เอาด้วยแล้วนะ”

หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการตกใจที่เห็นหัวหน้าตัวเองยิงไปถึงสองคนแล้ว เขาเหลียวซ้ายแลขวาและวิ่งออกไปจากโกดังทันที ไม่นานคนที่เหลือก็วิ่งตาม

“ไปกันเถอะพี่โรจน์ เดี๋ยวตำรวจได้มาแน่”

หัวโจกไม่รอช้า รีบเก็บปืนและออกจากห้องไป

ชวินยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก มองร่างของดวงตาที่นอนแน่นิ่งตรงหน้า พลอยแก้วร้องโหยหวน รีบเข้ามาประคองร่างหญิงชรา

“คุณย่า หนูขอโทษ” เธอพูดคำเดิมซ้ำๆ เหตุการณ์ครั้งนี้เธอน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ดวงตาถูกจับมาเรียกค่าไถ่

“คุณย่า...” ชวินเอ่ยเสียงแหบ เมื่อสติมาเขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเรื่องตรงหน้าจะเป็นเรื่องจริง

มาลัยทองรีบวิ่งออกไปด้านนอกเพื่อขอความช่วยเหลือ

“วิน...” ยังมีเสียงจากร่างที่ชุ่มไปด้วยเลือด

ชายหนุ่มรีบทรุดตัวลงใกล้ๆ และกุมมือหญิงชรามาแนบแก้ม น้ำหูน้ำตารินไหล เขาร้องไห้ราวกับเด็กน้อยที่หลงลืมความเป็นจริงของชีวิตมานานเหลือเกิน

“ผมอยู่นี่แล้วครับย่า”

“ย่าบอกแล้วใช่ไหมว่าให้เป็นเด็กดี อย่าโกหกย่า”

“ผมขอโทษครับคุณย่า”

พลอยแก้วปาดน้ำตาร้องไห้ราวกับคนเสียสติ

“ถ้าวินไม่ออกไปไหน วินก็จะปลอดภัย...ย่าไม่อยากให้วินเป็นอะไรไป...” เสียงของดวงตาเริ่มขาดหาย

“คุณย่าทำใจดีๆ ไว้นะครับ เดี๋ยวผมจะพาคุณย่าไปหาหมอ”

“ไม่ทันแล้วละลูก จำเอาไว้นะวิน...” ดวงตารวบรวมแรงสั่งเสียหลานชายครั้งสุดท้าย “ไม่มีย่าแล้ว วินต้องกล้าหาญมากขึ้น ชื่อเสียงเงินทองมันช่วยเราไม่ได้ตลอดหรอก วินต้องสู้นะลูก ย่าหวังว่าวินจะมีความสุข...”

เสียงของดวงตาขาดหายไปแล้ว พร้อมกับที่มืออ่อนแรงและร่วงลง

“คุณย่า...”

เขาร้องไห้แข่งกับเสียงฝนที่ซัดห่าลงมาอีกครั้ง มาลัยทองมองเขาอย่างเวทนา ชวินดูราวกับเด็กน้อย ไม่เหลือมาดนักธุรกิจที่แสนทะนงสักนิด

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น