บทที่ ๓
ลางนิทรา
อนงค์ สาวใช้ประจำคฤหาสน์ยืนอยู่หน้าประตูบ้าน เธอตกใจเมื่อเห็นเจ้านายก้าวออกมาจากรถ เพราะตอนนี้ชวินอยู่ในสภาพเมาแอ๋ หัวเราะดังและอารมณ์ดีเป็นที่สุด โดยมีสาวสวยสองนางคอยประคอง
“ทำดีมากนะพวกเธอ เอาเงินนี่ไปเป็นค่าขนมที่มาส่งฉันถึงบ้าน”
เขาหยิบเงินสดออกมาและโปรยขึ้นฟ้า สาวสวยปล่อยมือและรีบเข้าไปเก็บธนบัตรโดยไม่สนสิ่งใด
“และถ้าคืนนี้ตามใจฉันอย่างดี ฉันก็จะมีรางวัลให้เธอไม่อั้น”
เขาเอ่ย แต่เพราะแอลกอฮอล์ที่ควบคุมสติทำให้ร่างสูงเซจนเกือบล้ม สาวใช้ที่มองอยู่วิ่งเข้าไปรับได้ทันท่วงที
“ระวังค่ะคุณชวิน”
เจ้าของบ้านยังไม่ทันกล่าวขอบคุณ สองสาวที่มาด้วยก็รีบผลักอนงค์ออกไปและเข้าประคองแทนอย่างถึงเนื้อถึงตัว
“แน่นอนสิคะคุณชวิน เราสองคนมาส่งคุณถึงบ้านแล้ว ก็ไม่ยากที่จะส่งไปถึงสวรรค์”
ชวินหัวเราะด้วยความพอใจ
“เดี๋ยวครับนาย” เอกลิขิตที่ลงจากรถมาทีหลังตะโกนเรียกเจ้านาย
ชวินหัวเสียที่ถูกขัดจังหวะ
“มีอะไรอีกวะ”
“แล้วดาบเล่มนี้นายจะให้เอาไปเก็บไว้ที่ไหนดีครับ” เขาถาม
ชวินทำหน้าคิด “เอาไปไว้ห้องเก็บของก็ได้” เขายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะกอดสองร่างบางขึ้นไปบนห้อง
“มันคืออะไรเหรอพี่เอก” สาวใช้คนเดิมถามถึงเจ้ากล่องสี่เหลี่ยมที่ห่อหุ้มอย่างดีที่เหล่าคนงานชายกำลังขนลงจากด้านหลังรถตู้
“ก็ของประมูลของนายนั่นแหละ แกได้มาจากฮ่องกง ประมูลมาได้ก็ตั้งหลายตังค์แต่ดันจะให้เก็บไว้ห้องเก็บของ”
“มันเป็นอะไรเหรอพี่”
“ดาบโบราณ”
“ฉันว่าเอาไปเก็บไว้ห้องสะสมบนเรือนดีไหม” อนงค์หมายถึงห้องบนเรือนใหญ่ที่เป็นห้องพระ และเป็นที่เก็บของเก่าอย่างพวกวัตถุมงคล ดวงตามักจะเข้าไปดูแลความเรียบร้อยและไหว้พระที่นั่นเป็นประจำ
“ก็ดีนะ แล้วคุณท่านหลับหรือยัง”
“หลับแล้ว แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันจะบอกคุณพลอยแก้วเองว่าคุณชวินให้เอาดาบโบราณนั่นไว้ที่ห้อง
เอกลิขิตพยักหน้า ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องคนอื่นๆ ยกกล่องดาบขึ้นบ้านไป
อนงค์ใช้ไม้ขนไก่ปัดฝุ่นบนกล่องแก้ว ไฟสีส้มสะท้อนดาบโบราณแวววาวดูสวยงามนัก
“คุณชวินสนใจเรื่องดาบด้วยเหรอคะ” เธอหันมาถามเอกลิขิตที่ยืนมองดาบเล่มนั้นอยู่เช่นกัน
“ความจริงก็ไม่ได้สนหรอก แต่อยากเอาชนะมากกว่า”
“เอาชนะ?” สาวใช้สงสัย
“ใช่ มีผู้หญิงคนหนึ่งที่นายพยายามจะซื้อด้วยเงิน แต่เธอไม่เล่นด้วย นายก็เลยทำทุกวิถีทางให้ผู้หญิงคนนั้นยอมเข้ามาหา รวมทั้งการไปแย่งเธอประมูลดาบ”
“แบบนี้ก็มีด้วย” อนงค์พิศมองศาสตราวุธที่อยู่ในกล่องกระจก ดาบเงินเก่าแก่ แต่เมื่อถามราคาจากเอกลิขิต สาวใช้ก็อ้าปากหวอ เพราะมันเท่ากับเงินเดือนของเธอเกือบห้าปีทีเดียว
“มีอะไรกันหรือเปล่าคะทุกคน” เด็กสาววัยสิบหกที่ใส่ชุดนอนลายกระต่ายเดินเข้ามาถาม
อนงค์ยิ้มให้และรีบรายงาน
“คุณพลอยแก้วมาพอดี ฉันกำลังจะไปแจ้งให้ทราบว่าจะนำดาบเล่มนี้มาเก็บไว้ที่นี่ คุณชวินไปประมูลมาได้ค่ะ”
พลอยแก้วมองดาบเก่าแล้วพยักหน้ารับรู้
“แล้วตอนนี้พี่วินอยู่ไหน”
“ขึ้นไปบนห้องแล้วครับ”
“งั้นดีแล้ว เผื่อคุณย่าตื่นขึ้นมาจะได้รายงานให้ท่านทราบ” พลอยแก้วรู้ดีว่าหากดวงตาตื่นมายามใด สิ่งแรกที่มักจะถามหาตลอดคือหลานชายคนเดียว ถ้าไม่ได้คำตอบ หญิงชราก็ไม่ยอมนอนหลับง่ายๆ
“แล้วคุณพลอยยังไม่นอนอีกเหรอคะ” อนงค์ถาม
“เอ่อ...ฉันลงมาโทรศัพท์ กำลังจะขึ้นไปนอนแล้วเหมือนกัน”
สาวน้อยพูดแล้วเดินจากไป อนงค์และเอกลิขิตจึงเดินตามออกจากห้อง
ดวงตายิ้มกริ่มเมื่อเห็นหลานชายตัวเองในชุดขาวนั่งพนมมืออยู่กลางลานวัด เขาหลับตาพริ้มดูสำรวมกาย หญิงชราเดินเข้าไปหาช้าๆ หยิบกรรไกรที่พลอยแก้วยื่นให้ และบรรจงตัดเส้นผมของเขา
อิ่มใจเหลือเกิน...เพราะสิ่งที่เธอใฝ่ฝันมานาน คือการได้เห็นชวิน ทายาทคนเดียวของตระกูลได้อยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ศึกษาธรรมตามรอยพุทธองค์ ก่อนที่เธอจะสิ้นลมหายใจ
ดวงตาปล่อยเส้นผมไว้บนใบบัวในพานที่เอกลิขิตถือ น้ำตาแห่งความปลื้มปีติไหลริน แต่แล้วรอบตัวก็เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ท้องฟ้าที่เคยสดใสบัดนี้มืดครึ้มด้วยเมฆสีดำ ต้นไม้ในวัดสะบัดกวัดแกว่งเหมือนการโห่ร้องของปีศาจ
พายุพัดแรงขึ้น ฝุ่นดิน เศษใบไม้ปลิวว่อน ใบบัวที่รองเส้นผมนาคลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ดวงตาใจคอไม่ดี และรอบกายกลางพายุฝนก็เหลือเพียงเธอและหลานชาย
“วิน ลมแรงเหลือเกิน ย่าว่าเราหลบเข้าไปในวิหารกันก่อนดีกว่า”
ชวินไม่ตอบ กลับยังนั่งหลับตาอยู่อย่างนั้น เสียงฟ้าร้องครืนๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และแล้วด้านหลังของชวินก็ปรากฏร่างของชายคนหนึ่งไม่สวมเสื้อ นุ่งเพียงผ้าโจงกระเบนผืนเดียว หน้าตาเหี้ยมเกรียมจนดวงตารู้สึกถึงอันตรายที่เข้ามาใกล้
“แกเป็นใคร” เธอถามบุรุษปริศนา
ไม่มีคำตอบจากคนแปลกหน้าที่ดูเยี่ยงโจรป่ากักขฬะ ใบหน้าของเขามีรอยแผลเป็นทางยาวบนแก้มซ้าย สายตาของเขาที่มองชวินแฝงไว้ด้วยความน่ากลัวจนเธอต้องถอยกรูด แต่ยังนึกห่วงหลานชาย
“วิน ออกมาลูก” เธอตะโกนบอก
แต่ชวินยังหลับตานิ่งเหมือนไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งได้ยินเสียงฟ้าคำรามก้อง
ชายน่ากลัวคนนั้นเงื้อดาบขึ้น แสงฟ้าแลบสะท้อนความคมของดาบ ดวงตาอ้าปากค้าง
“อย่า”
ชายแปลกหน้าไม่สนใจคำร้องขอ แววตาอำมหิตขณะเหวี่ยงดาบไปบนร่างของชวินทันที
“กรี๊ดดด...”
ร่างของหลานชายขาดเป็นสองท่อน ไม่ต่างจากหัวใจของหญิงชราที่ราวกับถูกเขาฟันขาดด้วยดาบเล่มนั้น
“ไม่...วิน ไม่...” เธอร้องครวญคราง คลานเข้าไปหาร่างที่นอนนิ่ง เลือดแดงผสมกับน้ำฝนเจิ่งนองไปทั่ว
“วิน...”
หญิงชราร้องไห้พร้อมกับลืมตาโพลง ก่อนที่ทุกอย่างในห้องจะยืนยันว่าเธออยู่บนเตียง ไม่ใช่พายุคะนองเลือดเหมือนในนิทรา มีเพียงหยดน้ำตาที่ตามมาจากในฝัน
“วิน วินอยู่ไหนลูก”
ดวงตาปาดแก้ม ดันตัวลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเลในห้องที่มืดสนิท พยายามควานหาสวิตช์โคมไฟข้างเตียง เมื่อแสงสว่างไล่ต้อนความมืดไปอยู่มุมห้อง หญิงชราก็ลงจากเตียง เปิดประตู ตรงไปที่ห้องของหลานชาย
ชวินนอนกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่บนเตียงน้ำ ต้องยอมรับว่าค่ำคืนนี้เขาช่างเป็นสุขเหลือเกิน โดยมีสองสาวที่คว้ามาจากผับย่านทองหล่อคอยปรนนิบัติพัดวีในห้องอย่างถึงพริกถึงขิง นางหนึ่งลูบไล้แผงหน้าอก อีกนางหนึ่งก็จับมือเขาไปสัมผัสปทุมถัน
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังลั่น
“วิน อยู่หรือเปล่าลูก”
ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เป็นอีกครั้งที่เกมรักต้องถูกขัดจังหวะจากดวงตา จะทำเป็นเงียบเสียงว่าเป็นคนหลับลึก คนเป็นย่าก็กระหน่ำเคาะประตูราวกับโลกจะถล่มเสียตอนนี้
“วิน ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม”
ในที่สุดชวินก็จำเป็นต้องปัดหญิงสาวทั้งสองออกจากตัว หยิบชุดนอนแบบคลุมมาสวมและเดินไปที่ประตู
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณย่า” เขาตะโกนถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ย่าฝันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เลยอยากรู้ว่าวินกลับมาหรือยังและไม่เป็นอะไร”
ชวินสูดลมหายใจลึกไม่ให้ความหงุดหงิดและแอลกอฮอล์ในร่างกายออกมาอาละวาด “สบายดีครับ คุณย่าไปนอนเถอะ”
“จะไม่เปิดประตูให้ย่าหน่อยเหรอ”
“โธ่ คุณย่าครับ ตอนนี้มันดึกแล้ว ผมเพลียเหลือเกิน มีอะไรไว้คุยกันพรุ่งนี้นะครับ” ชวินตอบ
เมื่อเห็นว่าคนหลังบานประตูเงียบเสียงไปแล้ว เขาจึงหมุนตัวกลับและกระโดดขึ้นเตียง
“มาต่อดีกว่าสาวๆ” เขาทำหน้ายียวนใส่ เพลงรักที่ขาดหายจึงประสานกันอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง
ดวงตายืนนิ่งอยู่หลังประตู เธอยังร้องไห้และใจสั่นจากฝันร้าย แต่เมื่อหลานชายยืนยันว่าไม่เป็นอะไร ก็พอให้หายห่วงขึ้นบ้าง
“คุณย่ามาอยู่ตรงนี้เอง”
ดวงตาหันไปมองตามเสียง พลอยแก้วรีบเข้าไปประคองด้วยความเป็นห่วง หลังจากไม่พบหญิงชราที่ห้องจึงเดินออกตามหา
“มาทำอะไรตรงนี้คะ”
“ฉันแค่มาตามหาเจ้าวิน”
“พี่วินกลับมาได้ครู่ใหญ่แล้วค่ะ”
สาวน้อยประคองหญิงชราไปอย่างระวัง แต่ก่อนจะเข้าไปในห้องนอนตัวเอง ดวงตาก็เกิดเปลี่ยนใจ
“พลอย ฉันอยากไหว้พระให้ใจสบาย”
พลอยแก้วเข้าใจความต้องการ เธอจึงพาดวงตามายังห้องที่หญิงชราใช้ไหว้พระสงบจิต รวมทั้งเก็บของสะสม
พระพุทธรูปบนโต๊ะหมู่บูชาสีทองอร่าม ดวงเนตรมองลงต่ำ โอษฐ์แย้มสรวล ราวกับจะบอกให้อย่าร้อนใจกับเรื่องร้ายใดๆ ดวงตาจุดเทียนแล้วพนมมือเพื่อให้ใจนิ่งได้เหมือนจิตพระพุทธองค์
“ฉันฝันร้าย พลอย” ในที่สุดคนแก่กว่าก็เปรยออกมา
“ฝันอะไรเหรอคะคุณย่า” เด็กสาวถาม
“ฝันว่าชวินกำลังจะบวช ฉันกำลังใช้กรรไกรปลงผมให้นาค”
“มันน่าจะเป็นฝันดีไม่ใช่เหรอคะ”
“ใช่ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีพายุแรง และมีชายโบราณหน้าตาโหดเหี้ยมปรากฏตัวพร้อมดาบในมือ ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาก็ใช้ดาบเล่มนั้นฟันชวินขาดเป็นสองท่อน” ดวงตาพนมมือไหว้ หวังให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองไม่ให้ฝันร้ายนั้นเป็นจริง
“หนูว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกค่ะ”
“นั่นสินะ”
ดวงตาขยับตัวลุกขึ้น พลอยแก้วเข้าไปประคองอีกครั้ง ขณะกำลังจะเดินออกจากห้อง กลับมีสิ่งหนึ่งสะท้อนแสงไฟแยงตาจนหญิงชราต้องหยุดและหันไปมอง หัวใจที่เงียบสงบบัดนี้เต้นระรัวราวกับเสียงกลองศึก
ดาบเล่มนั้นมัน...
“นั่นอะไรยายพลอย” เธอถาม มองกล่องแก้วไม่วางตา
“อ๋อ นั่นมันดาบที่พี่วินประมูลมาได้ค่ะ”
ดวงตาแข้งขาอ่อน แทบล้มลงตรงนั้น
“ว้าย! คุณย่า” พลอยแก้วตกใจ ร้องเรียกให้ใครที่อยู่แถวนั้นมาช่วย
“แล้ว...มันมาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง” หญิงชราเสียงสั่น
“พี่วินได้มาจากฮ่องกง หนูเลยให้อนงค์มาเก็บไว้ที่ห้องนี้ค่ะ”
อนงค์และแช่มเข้ามาหาด้วยความตกใจและรีบช่วยพลอยแก้วพยุงร่างดวงตาอีกแรง
“คุณท่าน” เธอร้องเสียงหลง
“มัน...มันไม่ควรอยู่ที่นี่” ดวงตาพร่ำพูด
“พาคุณท่านกลับห้องไปก่อนดีกว่าค่ะคุณพลอย” แช่มบอก
ดวงตาไร้เรี่ยวแรง ภาพของดาบที่เพชฌฆาตคนนั้นฟันร่างชวินขาดกับดาบที่อยู่ในห้องพระของเธอ...
มันเหมือนกันไม่มีผิด
ชวินถูกปลุกแต่เช้าตรู่ แม้จะมีอาการเมาค้าง แต่เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของเอกลิขิต ก็ทำให้ชายหนุ่มจำต้องยอมดีดตัวลุกออกจากเตียงนุ่ม โยนเงินให้สองสาว และบอกให้เลขาฯ หนุ่มจัดการไปส่งเธอกลับบ้านเสีย
น้ำจากฝักบัวรดสาดร่างเปลือยเปล่า นึกถึงเรื่องเมื่อวาน หลังจากกลับมาถึงเมืองไทย เขาตัดสินใจไปผับหรูพร้อมดื่มกินอย่างสบายอารมณ์ เหตุเพราะได้ขัดขวางความตั้งใจของใครบางคน
สะใจไม่น้อยที่ได้เห็นมาลัยทองมีสีหน้าผิดหวังจากการประมูล สุราในผับรสชาติดีกว่าทุกครั้ง หลังจากนั้นภาพทุกอย่างก็เลือนราง จำได้ว่าผู้หญิงสองคนที่เจอเมื่อคืนตามมาเล่นบทรักถึงเตียง ส่วนเจ้าดาบโบราณคร่ำครึนั้นก็ให้เอกลิขิตเอาไปไว้ในห้องเก็บของ
นานพอสมควรกว่าคุณชายของบ้านจะเสด็จลงมา ชวินแต่งกายด้วยชุดลำลอง เดินเข้ามาร่วมโต๊ะอาหารซึ่งดวงตาและพลอยแก้วนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“เอกบอกว่าคุณย่าอยากพบผมด่วน” เขาทำเสียงเป็นเชิงประชดประชันที่ถูกปลุกในวันหยุด
“ดาบนั่น วินเอามาจากไหน” ดวงตาถามเข้าประเด็น
“ดาบ?” ชวินครุ่นคิดก่อนร้องอ๋อ “ประมูลมาครับ คุณย่ามีอะไรหรือเปล่า”
“เอาตรงๆ นะวิน ย่าไม่สบายใจที่เห็นดาบเล่มนั้น มันเหมือนกับมีอะไรบางอย่างเป็นลาง”
“ยังไงครับ” ชวินถาม แต่กลับสนใจการเติมน้ำตาลลงในถ้วยกาแฟ
“ย่าฝันว่าวินโดนดาบฟันตัวขาดสองท่อน พอตื่นมาก็พบว่าเจ้าดาบเล่มนั้นมันอยู่ในห้องสะสมของย่าเสียแล้ว”
คราวนี้ชวินหันขวับไปยังเอกลิขิต
“เอ่อ...พวกเราเห็นว่ามันเป็นของเก่าและราคาแพง จึงขออนุญาตคุณพลอยฝากไว้ที่นั่นก่อน ดีกว่าไปอยู่ในห้องเก็บของ”
“นายขัดคำสั่งฉัน” ชวินเอ่ยเสียงเบา แต่ดวงตาก็เรียกชื่อให้เขาตั้งใจฟังสิ่งที่เธอเป็นห่วง
“จะไว้ที่ไหนมันไม่สำคัญหรอกวิน เพียงแต่ย่าคิดว่าความฝันมันกำลังบอกอะไรบางอย่างกับย่ามากกว่า”
“ครับ” เขาเปลี่ยนสีหน้ามาตั้งใจฟัง
“ย่าว่าวินอาจกำลังมีเคราะห์ เพราะฉะนั้นช่วงนี้อย่าได้ออกไปไหนจนกว่าย่าจะปรึกษาหลวงพ่อที่วัดเสร็จก่อน”
“ทำไมต้องปรึกษาพระด้วยล่ะครับ”
“ย่าอยากให้วินได้บวช อย่างน้อยสักเจ็ดวันก็ยังดี เผื่อจะทำให้เคราะห์ที่ย่าฝันถึงมันบรรเทาเบาบางลงได้บ้าง”
ชวินกลอกตาพร้อมกับถอนหายใจแรง “ไปกันใหญ่แล้วคุณย่า คุณย่าฝันร้ายเอง แต่คนที่ซวยกลับเป็นผมงั้นเหรอ”
“การบวชไม่ใช่ความซวย” ดวงตาเถียง
“แต่นั่นแหละ มันทำให้ชีวิตผมลำบากขึ้น ย่าก็เห็นว่าแต่ละวันผมแทบไม่ได้อยู่เป็นที่ ให้ผมไปอยู่ในวัดตั้งเป็นอาทิตย์ไม่มีทาง”
“ถือว่าย่าขอร้อง บวชเพื่อย่าไม่ได้เหรอ”
“คุณย่า อย่าทำให้ผมลำบากใจสิครับ”
เกิดความเงียบขึ้นกลางโต๊ะอาหาร จนพลอยแก้วต้องรีบแก้สถานการณ์
“เอางี้ไหมคะคุณย่า หนูว่าเรายังไม่ต้องคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องจริง จนกว่าเราจะไปคุยกับหลวงพ่อที่วัดก่อน ส่วนพี่วิน ช่วงนี้ถ้าไม่รบกวนเกินไปก็อย่าเพิ่งออกไปไหนดีไหมคะ”
คำพูดเด็กสาวค่อยน่าฟังขึ้นหน่อย อย่างว่า คนอย่างชวิน เขาไม่ชอบให้ใครมาบังคับกะเกณฑ์
“ก็ได้นะ”
“งั้นเดี๋ยวสายๆ เราออกไปหาหลวงพ่อกันนะคะ ถือโอกาสถวายสังฆทานด้วย” พลอยแก้วชวนหญิงชรา แต่ดวงตากลับยังมองหน้าหลานชายอย่างไม่สบายใจ
“วิน สิ่งที่ย่าร้องขอมันอาจจะทำให้หลานรำคาญบ้าง ย่าขอโทษนะลูก แต่จงรู้ไว้เถอะว่าที่ย่าทำไปทั้งหมดเพราะย่าเป็นห่วง”
ชวินถอนหายใจและเอื้อมไปกุมมือดวงตา “ผมรู้ครับ คุณย่าไม่ต้องเป็นห่วงผมมากขนาดนั้น ผมเอาตัวรอดได้ ส่วนเรื่องบวช ผมสัญญาครับว่าถ้ามีเวลาผมจะทำตามที่คุณย่าต้องการ”
คนเป็นย่ายิ้มเจื่อน ก่อนจะบอกว่าเธออิ่มแล้ว พลอยแก้วและอนงค์จึงประคองพาเธอออกจากห้องอาหาร ชวินถอนหายใจแรงทันที
“ให้ตายสิเอก คุณย่าท่านเป็นอะไรมากมายหรือเปล่าเนี่ย ฉันคือพระเอกหนังแอกชันสุดเท่ แต่พอกลับเข้ามาบ้านเมื่อไหร่ไม่ต่างอะไรจากลูกแหง่ในหนังไทยที่ต้องอยู่ในสายตาคุณย่าตลอด” หนุ่มหล่อบ่นเป็นชุด พลางหยิบขนมปังมาเคี้ยวตุ้ยๆ ด้วยความโมโห
“ท่านก็เป็นห่วงนายเป็นธรรมดาครับ ประกอบกับฝันร้าย คงกลัวว่ามันจะเป็นจริง”
“จะเอาอะไรกับความฝัน ฉันเคยฝันว่าได้อึ๊บกับเชื้อพระวงศ์ยุโรป ยังไม่เห็นเป็นจริงเลย”
“แต่นายก็ควรเอาใจท่านเสียหน่อยก็ดีนะครับ อย่างน้อยสองสามวันนี้ก็ควรอยู่บ้าน ส่วนเรื่องนัดกับแม่มาลัยทอง วันนี้ผมเลื่อนให้ก็ได้”
“เดี๋ยวนะ” ชวินหูผึ่ง “วันนี้ฉันมีนัดกับใครนะ”
“สองทุ่มกับแม่มาลัยทองที่ตึกริมน้ำเจ้าพระยา แต่ผมว่าทางที่ดีเราควรเลื่อนนัดไปก่อน เพราะคุณท่านอาจจะไม่สบายใจ”
“ไม่ต้องเลื่อน ฉันจะไปหายายนั่น ฉันไม่มีปัญหาอะไร”
“แต่ว่า...”
ชวินหันมามองหน้าเอกลิขิตอย่างเอาเรื่อง “หรือนายมี”
“ไม่มีครับ” เขาตอบเสียงอ่อย ในฐานะลูกน้องใครจะไปกล้าหือเจ้านายได้
“ความจริงวันนี้ก็เป็นวันหยุด และพวกนายก็ทำงานแบบไม่ได้พักเลยมาหลายวันแล้ว เพราะฉะนั้นไปพักเถอะ ฉันอนุญาต”
เอกลิขิตยังทำหน้างงๆ “ยังไงครับ”
“ไอ้เจ้าโง่ ก็ให้กลับไปหาครอบครัวบ้าง ส่วนเรื่องธุระของฉัน ฉันจะจัดการเอง”
“มันจะดีเหรอครับนาย”
“ดีสิ คนอื่นๆ ก็จะได้พักไปด้วย คุณย่าจะได้เข้าใจว่าฉันไม่ได้ออกไหน สบายใจกันทั้งสองฝ่าย” ชวินยักไหล่พร้อมกับยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์
“ไม่ต้องพูดมาก ตกลงตามนี้ อ้อ และไม่ต้องกลัวว่าฉันจะถูกแม่ลิเกอะไรนั่นฆ่าข่มขืนหรอกนะ”
เขาเอ่ยติดตลกส่งท้ายก่อนจะเดินขึ้นไปยังห้องตัวเอง โดยมีเอกลิขิตมองตามอย่างไม่สบายใจนัก
ฝนตั้งเค้าตั้งแต่บ่ายลามมาจนถึงเย็น เมฆสีดำจับเอาดวงตะวันไปขังจนไม่รู้ว่ามันตกดินไปเมื่อไร ม่านน้ำคลี่คลุมไปทั่ว ที่โรงรถของคฤหาสน์ ชวินเดินลับๆ ล่อๆ อยู่นาน เมื่อเห็นว่าทางสะดวกเขาก็กดรีโมตเพื่อเปิดรถคันงาม ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไปด้านใน เขาก็ถูกเรียกจากด้านหลัง
“เดี๋ยว พี่วินจะไปไหน”
ชายหนุ่มทำหน้าเซ็งเมื่อถูกจับได้ ค่อยๆ หันไปมอง พบว่าเป็นหลานสาวบุญธรรมของย่า
“ยายพลอย มาทำอะไรตรงนี้”
“พี่วินยังไม่ตอบพลอยเลยว่าจะไปไหน เราคุยกันว่าช่วงนี้ไม่ให้พี่วินไปไหนไม่ใช่เหรอคะ”
“โธ่ เข้าใจพี่หน่อยสิ จะให้พี่เชื่อความฝันบ้าบอของคุณย่าได้ยังไง พี่เป็นนักธุรกิจนะ ถ้าไม่ออกไปติดต่อธุรกิจด้วยตัวเองอาจจะเสียหายได้ และเธอก็บอกพี่เองนี่ว่าหลวงพ่อท่านบอกว่าดวงพี่ไม่ได้แย่จนถึงขั้นเลือดตกยางออก”
เมื่อเช้าหลังจากพลอยแก้วและดวงตาไปพบเจ้าอาวาสที่ดวงตานับถือ แม้ท่านจะบอกว่าดวงของชวินไม่ได้ถึงฆาตเหมือนในความฝัน แต่ก็อาจเกิดเรื่องไม่คาดคิดกับตัวเขาได้ หลวงพ่อได้มอบของมงคลให้เขาสวมใส่ แต่เมื่อพิจารณาดูที่คอ ชวินก็ไม่ได้แขวนพระที่ดวงตาตั้งใจมอบให้
“แล้วทำไมพี่ไม่ใส่พระ”
“พรุ่งนี้ค่อยใส่ก็ได้” ชายหนุ่มแถ
“พี่วินคะ คุณย่าจะสบายใจกว่านี้ถ้าพี่วินแขวนพระที่ท่านตั้งใจนำมาให้ และอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน”
“ไม่เห็นยาก พลอยก็ไปบอกย่าว่าพี่ดูหนังอยู่ในห้อง ไม่ออกไปไหน นะๆ” เขาทำเสียงอ้อนเด็กสาว
พลอยแก้วถอนหายใจ “แล้วพี่เอกอยู่ไหนคะ” เด็กสาวถามเมื่อไม่เห็นบอดีการ์ดของเขา
“อ๋อ พี่ให้ไปรอที่บริษัทแล้ว ถือว่าพี่ขอร้องนะพลอย ช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วยละกัน แล้วพี่ก็จะเก็บความลับของพลอยไว้ด้วย”
พลอยแก้วตกใจ “ความลับอะไรคะ หนูไม่ได้ทำอะไรผิด”
“อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้ ช่วงนี้เธอติดโทรศัพท์ นี่คงมาแอบโทร. หาใครแถวนี้ละสิ อ๊ะๆ หรือว่าพลอยแก้วของคุณย่ามีแฟนแล้ว”
ชวินยิ้มหวานแต่แววตาเจ้าเล่ห์ชัดเจน พลอยแก้วหลบตาทันที ก่อนจะถอยห่างจากตัวรถ
“ถ้าอย่างนั้นก็ขับรถดีๆ นะคะ ฝนตกถนนอาจจะลื่น” เด็กสาวไม่มีทางเลือก ยอมให้ชายหนุ่มโบกมือลาอย่างเริงร่าและขับรถคันงามฝ่าสายฝนไป
ชวินเปิดเพลงเสียงดังเพื่อกลบเสียงฟ้าคะนอง วันนี้ได้ขับรถเองก็สนุกไปอีกแบบ เอกลิขิตและคนอื่นๆ คงได้พักกลับบ้านไปแล้ว ส่วนเขาจะเริ่มปฏิบัติการยั่วประสาทผู้หญิงร้านขายของเก่าต่อ
เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน มาลัยทองติดต่อมาอีกครั้ง แม้ฝนจะตกหนัก แต่หญิงสาวก็ยืนยันว่าจะไปดินเนอร์กับเขาให้ได้ แถมยังถามว่าชวินเก็บรักษาดาบโบราณนั้นไว้ดีหรือไม่ โถ...แม่คุณ คงอยากได้มันจนตัวสั่น ดี แบบนี้ทุกอย่างจะได้จบลงง่ายๆ หน่อย ถ้ายายเฉิ่มนั่นยอมเป็นของเขา สิ่งแรกที่จะทำก็คือเดินไปบอกดาราจันทร์ทันทีว่า คนอย่างเขาซื้อผู้หญิงได้ทั้งโลก แต่ไม่ซื้อคนไฮโซเช่นเธอ
รถยนต์จอดสนิทในลานจอดรถ ด้านนอกยังมีเสียงฝนตกแว่วมา ชวินเดินผ่านลิฟต์และกดไปยังชั้นบนสุด
บริกรรีบเข้าไปทักทาย ยิ่งเห็นว่าเป็นเศรษฐีหนุ่มที่คุ้นหน้า พวกเขาก็รีบเอาใจ แปลกหน่อยที่ไม่เห็นทีมบอดีการ์ดตามหลัง
“โต๊ะอยู่ทางนี้ค่ะ” พนักงานสาวเชื้อเชิญให้เข้าไปด้านในสุดอันเป็นทำเลที่เห็นทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานครได้เกือบรอบทิศ โต๊ะสีขาวมีสุภาพสตรีนั่งรอก่อนแล้ว เธอลุกขึ้นเมื่อชายหนุ่มไปถึง
“ฉันนึกว่าคุณไม่มาเสียแล้ว” มาลัยทองทัก วันนี้เธอแต่งตัวสวยด้วยเดรสสีขาว สวมเครื่องประดับแล้วหิ้วกระเป๋าที่ทำจากเงินดูแวววาวสะท้อนแสงไฟในร้านได้เป็นอย่างดี
“ในเมื่อคุณยังสู้ จะให้ผมถอยได้ยังไง” เขาเอ่ยพร้อมกับเชิญเธอนั่ง หางตาแลมองวงหน้าที่ผ่านการแต่งแต้มเครื่องสำอาง
“วันนี้คุณสวยนะ ไม่เหมือนวันที่เราเจอกันครั้งแรก”
มาลัยทองหัวเราะในลำคอ “วันนั้นฉันรีบ เลยไม่ได้แต่งตัว”
หรือไม่ก็เพราะเห็นว่าเขามีประโยชน์ เธอเลยอยากทำให้เขาประทับใจมากที่สุด หรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘อ่อย’ นั่นเอง ชวินคิดอย่างรู้ทันเกม
“แปลกดี ฝนตกหนักขนาดนี้คุณก็ยังจะอยากนัดกับผมอีก อยากเจอผมมากเหรอครับ” เขายิ้มยั่ว
“ช่างเถอะน่า เอาเป็นว่าฉันไม่ลำบากที่จะมากับคุณ” มาลัยทองเอ่ยอย่างไม่พอใจนัก แค่ไม่กี่นาทีที่พบกัน อีตานี่ก็พูดมากและจับผิดเธออยู่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะดาบชาตรี ไม่มีวันเสียหรอกที่คนอย่างเธอจะมานั่งเสวนากับเศรษฐีขี้เก๊กอย่างเขา
แต่เมื่อไม่มีทางเลือก เธอต้องท่องเพียงว่า ‘อดทน’ เท่านั้น
เมื่อเห็นปลายดาบเงินจ่อมาที่ร่างของหลานชาย ดวงตาก็ไม่รอช้า ลากสังขารตัวเองเข้าไปบัง เธอยอมตายเสียดีกว่าที่จะเห็นชวินโดนปลิดชีพไปต่อหน้าต่อตา
“อย่า อย่าทำอะไรหลานฉัน”
บุรุษเพชฌฆาตไม่สนสิ่งใด กลับบีบคอยกเธอจนตัวลอยแล้วเหวี่ยงร่างเธอไปให้พ้นทาง หญิงชราปวดระบมไปทั่ว มองไปยังสองหนุ่ม แสงสะท้อนของดาบแยงตา เพชฌฆาตกวัดแกว่งดาบและเหวี่ยงเข้าฟันคอชวินทันที
“ไม่...”
หญิงชราสำลักจนไอออกมาพร้อมกับลืมตาขึ้น อาการเหนื่อยหอบจากในฝันตามมาถึงบนเตียง น้ำหูน้ำตาไหล เหงื่อผุดพราวทั่วตัว มือยังขยำผ้าห่มไว้แน่น จำได้ว่าหลังจากไปวัด บ่ายๆ เธอก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว พลอยแก้วจึงให้กินยาและนอนพัก ก่อนจะผล็อยหลับไปท่ามกลางเสียงฝนและฟ้าคำราม
“แค็กๆ พลอย อยู่ที่นี่ไหม” เธอตะโกนเรียกหลานสาวที่นอนอยู่ห้องข้างๆ แต่ก็ไร้เสียงตอบกลับ ดวงตาจึงรวบรวมเรี่ยวแรง เดินออกจากห้องไปอย่างลำบาก
เจ้าของร่างท้วมยืนหลังโก่งอยู่หน้าห้องของชวิน ดวงตาเคาะประตู ปากก็ตะโกนเรียกเจ้าของห้อง
“วิน เปิดประตูให้ย่า ย่าฝันร้าย” คนแก่อย่างเธอไม่ได้อยากรบกวนหลานชาย แต่เพราะฝันร้าย จึงเป็นห่วงไม่อยากให้เขาเป็นอะไร
“คุณย่า” พลอยแก้วปรากฏตัวด้วยสีหน้าตกใจ มือยังคงถือโทรศัพท์ “หนูว่าเรารีบกลับเข้าห้องดีกว่า”
“ไม่ วินอยู่ไหน”
“พี่วินก็อยู่ในห้องแหละค่ะ คงจะดูหนัง หรือไม่ก็คง...หลับไปแล้ว” พลอยแก้วเอ่ยเท่าที่จะนึกได้
“ฉันต้องเห็นหน้าหลานฉันก่อน” คนแก่ดื้อดึง
“หนูว่าคุณย่ากลับไปนอนดีกว่า เดี๋ยวหนูจะบอกให้พี่วินไปหาที่ห้องดีไหมคะ” เด็กสาวประคอง แต่ดวงตากลับสะบัดแขน
“ไม่ ฉันจะรอวินอยู่หน้าประตูนี่”
พลอยแก้วเม้มริมฝีปาก อารมณ์วัยรุ่นพลุ่งพล่าน บางทีเธอก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ดวงตากังวลนักหนา
“เอาตรงๆ นะคะคุณย่า พี่วินไม่อยู่ในห้อง เขาออกไปธุระข้างนอกตั้งแต่หัวค่ำแล้วค่ะ”
หญิงชรานัยน์ตาสั่นระริก ในใจนึกห่วงหลานชายทันที “ทำไม ทำถึงเป็นแบบนี้ ทำไมไม่เคยเชื่อฟังกันเลย”
“คุณย่า ถ้าคุณย่าไม่รู้เรื่องมันก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
“ฉันต้องไปตามหาวิน เขากำลังได้รับอันตราย” ดวงตาเสียงสั่นเทา
“แต่หนูว่า...”
“อย่าขัดคำสั่งฉัน พลอยแก้ว สั่งให้คนเอารถออก ฉันจะไปตามหาวิน”
เมื่อโดนสั่ง พลอยแก้วก็ยากปฏิเสธ เธอรับคำสั่งพร้อมกับเดินออกมา บางทีการรอมชอมก็ไม่แก้ปัญหาเท่ากับการปะทะ ออกไปลากชวินกลับบ้านก็ดีเหมือนกัน ถ้าชวินไม่กลับ ดวงตาคงไม่นอนหลับแน่ๆ
รถคันงามแล่นออกจากประตูรั้วคฤหาสน์มุ่งไปตามถนน ฝนกระหน่ำจนต้นไม้ใหญ่ข้างทางหลุบลงราวกับคนยืนเศร้า แต่กระนั้นหญิงชรากลับไม่หวั่นเกรง สายตายังมองไปด้านหน้า ที่ปัดน้ำฝนต้องทำหน้าที่อย่างหนักเพราะเม็ดฝนยังโปรยปรายใส่กระจกรถอย่างไม่ปรานี
นายเชิด คนขับรถมองผ่านกระจกมองหลังอย่างหวั่นๆ เขาพยายามเตือนผู้เป็นนายไม่ให้ออกไปไหนเพราะอยากให้ฝนหยุดเสียก่อน แต่หญิงชราก็ไม่ยอม เธอหัวเสียและต้องการจะตามหาหลานชายตอนนี้ให้ได้
“ตกลงเราจะไปที่ไหนครับ” เชิดถามท่ามกลางความเงียบ
“ไปที่บริษัทก็ได้ค่ะ เมื่อกี้พลอยโทรศัพท์ไปหา พี่วินบอกว่าอยู่ที่นั่น” พลอยแก้วบอกตามจริง
“ก็ในเมื่ออยู่ที่นั่นแล้ว เราจะไปตามหาคุณวินทำไมล่ะครับ”
“อย่าถามมากเชิด ขับรถพาฉันไปหาหลานชายฉันก็พอ” ดวงตาตัดความรำคาญ คนขับจึงได้แต่ผงกหัวรับทราบ
พลอยแก้วเม้มริมฝีปาก หยิบโทรศัพท์ออกมาแชตเล่นตามประสาวัยรุ่น คนอายุน้อยอย่างเธอแม้จะอยู่กับดวงตามานาน แต่บางทีก็ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่หญิงชราทำนัก ยังดีที่มีคนรับฟังทางโลกโซเชียลบ้าง
เอี๊ยด...
เสียงเบรกรถดัง พลอยแก้วร้องเสียงหลง รีบคว้าตัวดวงตาที่เซไป เคราะห์ดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร
“เกิดอะไรขึ้นคะ ลุงเชิด”
ชายชราเปิดไฟเลี้ยว เพ่งมองไปยังม่านฝนนอกรถ
“มีรถปาดหน้าเราครับ”
“แล้วชนหรือเปล่า” พลอยแก้วถาม
“ยังครับ”
ก๊อกๆ...
เสียงเคาะกระจกดังขึ้น ดวงตาและพลอยแก้วเห็นเงาดำมากกว่าสามคนอยู่นอกรถ
ความคิดเห็น |
---|