5

คุณแมทธิวของคุณอย่างไรล่ะ


 

5

คุณแมทธิวของคุณอย่างไรล่ะ

 

                ออฟฟิศฮอลลีวูดไทม์

                วันนี้ชาร์ล็อตรีบมาทำงานให้เร็วกว่าปกติ ซึ่งก็คือเข้ามาทำงานตรงเวลาเป็นวันแรก เพราะเดาได้ว่าวันนี้เกร็กสัน เจ้านายของเธอคงจะอารมณ์ไม่ดีแน่ๆ หญิงสาวย่องเข้าที่ทำงานอย่างระมัดระวัง มองซ้ายมองขวาก่อนจะวิ่งจี๋ไปที่โต๊ะทำงานของเธอ

                “เป็นไงบ้าง” ชาร์ล็อตกระซิบถามคอนเนอร์กับโรรันที่ทำเป็นนั่งหน้าเคร่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์

                “ไม่ดีเลย ไม่ดีเอามากๆ” โรรันระบายลมหายใจอย่างหนักใจ เหลือบมองหน้าชาร์ล็อตแล้วรีบหันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำงานของเขาต่อ

                “เมื่อวานเอลลี่เกือบเอาชีวิตไม่รอด เกร็กสันเกือบจะกินหัวเธอแล้ว” คอนเนอร์เลื่อนเก้าอี้เข้ามาร่วมวงกับเพื่อน ชะโงกหน้าข้ามพาร์ทิชันแล้วกระซิบกระซาบว่า “นายเทรเวนหวานใจเธอเอาจริงชัดๆ เกร็กสันนี่แทบจะฆ่าทุกคนที่ขัดใจเขาทิ้ง”

                ชาร์ล็อตที่ลาหยุดเมื่อวานถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่เธอเลือกกลับไปเยี่ยมแม่ได้ถูกเวลา “เราซวยแน่เลย” เธอทำหน้าขยาด

                “เธอนั่นแหละที่จะซวย” คอนเนอร์บุ้ยใบ้ สบตากับโรรันด้วยความเป็นห่วงก่อนจะบอกชาร์ล็อตเสียงเครียด “เมื่อวานเกร็กสันเรียกหาเธอด้วยนะ”

                “ตายละ” ชาร์ล็อตหลุดเสียงร้อง ไม่ได้เตรียมใจที่จะมารับมือกับเกร็กสัน

                ปัง!

                เสียงกระแทกประตูทำให้พนักงานที่เข้าออฟฟิศวันนี้ต่างพากันสะดุ้งโหยง โดยเฉพาะชาร์ล็อตที่เหมือนจะรู้ชะตากรรมของตัวเอง

                “ชาร์ล็อตกลับมาทำงานหรือยัง!” เกร็กสันคำรามถามลูกน้อง ซึ่งทุกคนกำลังมองมาที่ร่างเล็กเป็นตาเดียว อ้อนวอนให้ชาร์ล็อตรีบไปรับหน้าเกร็กสันก่อนที่เขาจะหาเรื่องฉีกอกพนักงานคนอื่นแทน “ฉันถาม!”

                “มะ...มาแล้วค่ะ” ชาร์ล็อตลุกขึ้นยืน หลับหูหลับตาเดินคอตกไปหาเจ้านายที่กำลังหัวเสีย ภาวนาในใจว่าอย่าให้เกร็กสันถามเรื่องแมทธิวกับเธอเลย แต่วันนี้พระเจ้าคงไม่ได้เอ็นดูเธอเหมือนวันก่อน

                “คุณไม่ได้ข่าวมาอีกแล้วใช่มั้ย” เกร็กสันถามอย่างเอาเรื่อง รู้คำตอบอยู่แก่ใจดี เพราะกระทั่งวันนี้เสียงทุ้มของ แมทธิว เทรเวน ที่โทร. มาหาเขายังก้องอยู่ในหู

                “ผมยกเลิกนัดเอง อย่าต่อว่าชาร์ล็อต ผม-หวัง-ว่า-คุณ-จะ-เข้า-ใจ” แมทธิวเน้นเสียงเข้มจัด คล้ายข่มขู่ในประโยคหลังก่อนตัดสายไป

                “คุณแมทธิวยังไม่โทร. บอกคุณหรือคะ ว่าเขา...”

                “ผมไม่ได้ให้คุณมาถามกลับ คำถามของผมคือคุณทำงานพลาดอีกแล้วใช่มั้ย” เกร็กสันเข่นเขี้ยว พาลโกรธชาร์ล็อต อันที่จริงเขาก็โกรธทุกคนในบริษัท แต่โกรธชาร์ล็อตเป็นพิเศษที่เธอเป็นคนเดียวที่ไม่โดน แมทธิว เทรเวน เล่นงานเรื่องข่าว

                “ก็คุณแมทธิวเขายกเลิกนัดกะทันหัน จะให้ฉันทำยังไงล่ะคะ” ชาร์ล็อตว่า มันไม่ใช่ความผิดเธอสักหน่อยที่ไม่ได้ความ...คราวนี้ไม่ใช่ความผิดเธอจริงๆ

                “นี่คุณคิดว่าตัวเองเส้นใหญ่แล้วจะทำอะไรยังไงก็ได้หรือ” เกร็กสันพาลใหญ่ ชักสีหน้ามอง ‘เด็กเส้น’ ด้วยสายตาดูถูก ทำเอาคนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นเด็กเส้นปากคว่ำ คอแข็งขึ้นมาที่เกร็กสันกล้าเรียกเธอด้วยคำพูดดูถูกอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้

                “ก็มันไม่ใช่ความผิดฉันจริงๆ นี่คะ” ชาร์ล็อตเถียงเสียงแข็ง จะให้เธอรับผิดได้อย่างไรในเมื่อมันไม่ใช่ความผิดของเธอจริงๆ

                “ผมไม่สนว่าจะความผิดของใคร แต่หน้าที่คุณคือไปเอาบทสัมภาษณ์มา” เกร็กสันเข่นเขี้ยว

                “แต่ตอนนี้คุณแมทธิวเขาอยู่นิวยอร์กนะคะ”

                “มาบอกผมทำไม มันหน้าที่คุณ ต่อให้เขาอยู่ที่ไหนบนโลกนี้ หรือจะหนีคุณไปอยู่ในนรกผมก็ไม่สน! ตามเขาไปสิ เขาชอบคุณมากอยู่แล้ว จะกลัวทำไม” เกร็กสันค่อนแคะก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานของเขา ไม่ทันมองชาร์ล็อตที่ชักสีหน้าไม่พอใจใส่หลังเขา ก่อนจะกระแทกเท้ากลับโต๊ะทำงานแล้วกระชากกระเป๋าของเธอขึ้นมาคล้องไหล่อย่างโมโหโทโส

                “คิดซะว่าซวยนะชาร์ลี” โรรันกระซิบบอกเพื่อน ระหว่างที่ชาร์ล็อตเก็บข้าวของลงกระเป๋า “ฉันว่าเราคงต้องเริ่มหางานกันจริงๆ แล้วละ” เขาพึมพำกับเพื่อนเล่นๆ

                “ไม่หงไม่หามันแล้ว เบื่อ!” ชาร์ล็อตสบถแล้วเอ่ยลาเพื่อนของเธอ “ฉันไปก่อนละ คงอยู่นี่ต่อไม่ได้แล้ว”

                “เธอจะตามนายแมทธิวของเธอไปถึงนิวยอร์กเลยหรือ” โรรันตาเหลือกลาน คิดไม่ถึงว่าเพื่อนของเขาจะลงทุนขนาดนี้

                “เปล่าหรอก ฉันแค่จะลองไปที่ทำงานเขา ไม่ก็รอเขาที่โรงแรมเขาดู” ชาร์ล็อตยักไหล่   ไปแล้วไม่เจอก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย “ยังไงซะก็ดีกว่าอยู่ให้เกร็กสันด่าที่นี่แหละน่า”

                “นั่นก็ถูก” คอนเนอร์พยักหน้าเห็นด้วย ชะเง้อคอมองไปทางห้องทำงานของเกร็กสันเพื่อความมั่นใจว่าฝ่ายนั้นไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด “รีบๆ ไปนะ แล้วถ้าไม่เจอนายเทรเวนอะไรนั่นก็ไม่ต้องเข้ามาที่ออฟฟิศ รู้หรือเปล่า”

                “ใช่ๆ” โรรันยื่นหน้ามาสำทับ “จะไปทำอะไรของเธอก็ทำไปเถอะ แต่ถ้าไม่ได้อะไรมาก็ไม่ต้องกลับมาหรอก”

                “ก็ไม่ได้จะกลับมาอยู่แล้ว” ชาร์ล็อตว่า ใครบอกว่าเธอจะกลับเข้ามาที่ออฟฟิศอีกล่ะ กลับเข้ามาก็โดนด่าฟรีน่ะสิ ก่อนหญิงสาวจะเข่นเขี้ยวด้วยความหงุดหงิดว่า “เมื่อไหร่คุณแมทธิวจะเทกโอเวอร์ที่นี่สักทีนะ ฉันอยากจะไปให้พ้นๆ ที่นี่จะแย่อยู่แล้ว!”

                “ปากแกนี่นะชาร์ลี!” คอนเนอร์ชักเสียงตามหลังบางของชาร์ล็อต เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่คนที่อยากออกไปจากที่นี่จะตายชักแล้วด่ามันในใจ คนรวยอย่างมันก็พูดได้สิ ลำพังแค่บล็อกการเดินทางที่ชาร์ล็อตทำมาเกือบสิบปีก็สร้างเงินเป็นกอบเป็นกำ แล้วไหนจะแม่เธอที่เป็นนักเขียนชื่อดังอีก กับอีแค่งานที่ฮอลลีวูดไทม์ ชาร์ล็อตไม่ได้อยากทำตั้งแรกอยู่แล้ว แต่เขากับโรรันนี่สิ

                “แกคิดว่าถ้าเราสมัครเป็นตากล้องส่วนตัวให้ชาร์ลี ชาร์ลีมันจะรับเรามั้ยวะ”​ โรรันหันมาถามคอนเนอร์ เขาคิดอยู่นานว่าการเดินทางรอบโลกแถมยังได้เงินอย่างที่ชาร์ล็อตทำ ก็เป็นงานที่ไม่เลว อันที่จริงออกจะดีมากด้วยซ้ำ ได้ทั้งเงินแถมยังได้เที่ยวอีก

                “นั่นน่ะสิ”​ คอนเนอร์เองก็คิดหาคำตอบกับตัวเอง ระหว่างที่เคาะปากกาเข้ากับโต๊ะทำงาน เพราะถ้าฮอลลีวูดไทม์จะโดนเทกโอเวอร์ในเร็ววันนี้ พวกเขาเองก็คงต้องตกงานกันโดยปริยาย การทำงานกับชาร์ล็อตเป็นความคิดที่น่าสนใจทีเดียว “แต่ไอ้ชาร์ลีมันชอบเดินทางคนเดียว เรื่องนี้คงจะยากหน่อย”

                “นี่ตกลงฮอลลีวูดไทม์จะถูกเทกโอเวอร์จริงๆ แล้วใช่มั้ย” โรรันถามเสียงจริงจัง ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะกลายเป็นคนตกงานเร็วขนาดนี้

                “คงจะไม่พ้นอย่างนั้น” คอนเนอร์ยักไหล่ เขาหรือจะรู้อะไรมากกว่าที่โรรันรู้ หากเกร็กสันหัวเสียขนาดนี้แล้วละก็ อย่างน้อยข่าวลือนี้ก็ต้องมีมูลอยู่ไม่มากก็น้อย

 

                “ยินดีต้อนรับกลับมาครับคุณแมทธิว” มอนโรเอ่ยทักทายเจ้านายของเขาที่เพิ่งก้าวลงมาจากเครื่องบินด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนมอนโรจะระบายยิ้มกว้างแล้วเอ่ยรายงานด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานว่า “คุณท่านกับคุณผู้หญิงมารอคุณอยู่ที่โรงแรมตั้งแต่เช้าแล้วครับ”

                “ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าฉันจะไปหาพวกท่านเอง” แมทธิวเสียงห้วน ไม่ชอบใจที่พ่อกับแม่ต้องมารอเขา “พวกนายทำงานกันยังไง ทำไมปล่อยให้พวกท่านมารอฉันที่นี่”

                “เอ่อ คือว่าคุณผู้หญิงท่านเป็นห่วงคุณแมทธิวมาก บอกว่าไม่อยากรอนานครับ” มอนโรอธิบาย “ท่านบอกว่าเจอกันที่โรงแรมง่ายกว่า ยังไงซะคุณท่านก็ต้องเข้าประชุมแทนคุณอยู่แล้ว พวกท่านเลยถือโอกาสนี้ครับ”

                “เข้าใจแล้ว” แมทธิวพยักหน้า แค่ได้ยินว่าแม่ณิชาเป็นคนอยากมารอพบเขาที่โรงแรม ความไม่พอใจของเขาก็จางลงไป ด้วยรู้ดีว่าถ้าแม่อยากได้อะไรขึ้นมาแล้วละก็ ไม่มีทางที่ใครจะกล้าขัดใจ ยิ่งพ่อเคลวินของเขานั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตามใจกันยิ่งกว่าอะไรดี “ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ ไม่มีใครมาก่อความวุ่นวายอะไรใช่มั้ย”​ แมทธิวเปลี่ยนเรื่อง มองหน้ามอนโรอย่างมีความหมาย

                มอนโรต้องใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะเข้าใจว่าแมทธิวพูดถึงเรื่องอะไร และพูดถึงใครอยู่

                “โอ้ ไม่เลยครับไม่” ผู้ช่วยชั่วคราวของแมทธิวส่ายหัวปฏิเสธ “คุณชาร์ล็อตเธอลาหยุดแล้วไปเยี่ยมแม่ของเธอวันนี้ครับ เธอดูหัวเสียอยู่ทีเดียว” มอนโรออกความเห็น หลังจากวันที่เขาไปส่งชาร์ล็อตที่ร้านพิซซาวันนั้น เขาก็รับหน้าที่สังเกตความเคลื่อนไหวของชาร์ล็อตตามคำสั่งของเจ้านาย

                “เธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย เจ้านายของเธอไม่ได้ดุอะไรเธอใช่หรือเปล่า”​แมทธิวถามระหว่างก้าวขึ้นรถ ดึงโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมาเช็กข้อความและสายเรียกเข้าที่เขาอาจจะไม่ได้รับระหว่างอยู่บนเครื่อง

                “ไม่ครับ” มอนโรย่นหน้า คิดไม่ออกว่าใครที่จะกล้าต่อว่าคนอย่างชาร์ล็อต “อันที่จริงผมว่าคงไม่มีใครกล้าว่าเธอหรอกนะครับ เธอค่อนข้างจะเอาตัวรอดเก่ง”

                “ปากจัด?” แมทธิวเอ่ยสวนมาอย่างรู้นิสัยของชาร์ล็อตดี

                “อ้อ จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ” มอนโรพยักหน้า ดีใจที่เขาไม่ต้องเป็นคนพูดคำนั้นออกมา “เธอจัดการกับเพื่อนที่ทำงานของเธอซะเรียบ เห็นเขาบอกว่าที่ทำงานของเธอกำลังวุ่นวายเพราะเธอเอาชื่อคุณแมทธิวไปขู่”

                “เอาชื่อฉันไปขู่หรือ”​แมทธิวเลิกคิ้ว แปลกที่มีคนกลัวเขาด้วย

                “ใช่ครับ เรื่องที่คุณจะเทกโอเวอร์ฮอลลีวูดไทม์นั่นยังไงครับ”

                “หึ ยายตัวเล็กนี่จมูกไวจริงนะ” แมทธิวยิ้มขำ ส่ายหัวเบาๆ ที่ชาร์ล็อตรู้เรื่องที่เขากำลังเจรจาซื้อฮอลลีวูดไทม์เข้าเสียแล้ว  เขาคิดว่าเขาเป็นคนที่เก็บความลับเก่งมากเสียอีก

                “ถ้าคุณแมทธิวอยากให้ผมเก็บเรื่องนี้”

                “ไม่ต้อง ทำเป็นปกตินั่นแหละ ไม่ต้องเก็บเป็นความลับอะไรหรอก” แมทธิวบอกปัดข้อเสนอของมอนโร “ทำให้เขารู้กันไปเลย พวกนักข่าวจะโดนอะไรบ้าง ถ้าพวกมันกล้าเขียนถึงแสนดีเสียๆ หายๆ อีก ยิ่งคนรู้เยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งดี พวกนั้นจะได้ไม่กล้า”

                “ได้ครับ” มอนโรรับคำสั่งแล้วนั่งเงียบ รอจนรถของโรงแรมมาถึงเทรเวนแกรนด์ เขาจึงเดินตามร่างสูงของแมทธิวเข้าไปข้างในโรงแรมโดยไม่มีปากมีเสียงตลอดทาง

                “คุณพ่อคุณแม่อยู่ไหนหรือมาเธ” แมทธิวทักทายชายอาวุโสที่มารอรับเขาอย่างสุภาพและเคารพ ด้วยเขาอายุน้อยกว่ามาเธมาก

                “คุณท่านรออยู่ที่ห้องอาหารข้างบนครับคุณแมทธิว” มาเธเอ่ยด้วยรอยยิ้มเอ็นดู สบายใจที่เห็นแมทธิวกลับมาอย่างปลอดภัย “คุณผู้หญิงท่านเป็นห่วงคุณมากเลยครับ แต่เห็นคุณกลับมาปลอดภัยอย่างนี้แล้วผมค่อยสบายใจหน่อย”

                “ผมไม่ใช่เด็กแล้วมาเธ” แมทธิวเอ่ยด้วยสีหน้าอ่อนใจ มาเธเองก็ไม่ต่างจากผู้ปกครองเขาเลยสักนิด เอาแต่กังวลว่าเขาจะโดนคนอื่นเล่นงาน ไม่ก็ห่วงเขาเรื่องโน้นเรื่องนี้บ้างละ “เมื่อไหร่คุณจะเลิกกังวลสักที อยู่โน่นผมก็พักที่เทรเวนแกรนด์ ไม่มีอะไรให้คุณต้องเป็นห่วงเลย”

                “มันช่วยไม่ได้นี่ครับ ถึงจะรู้ว่าคุณเอาตัวรอดเก่งกว่าคุณๆ คนอื่นก็เถอะ” มาเธเอ่ยแล้วระบายรอยยิ้มกว้างอย่างโล่งใจเมื่อแมทธิวเข้าไปประคอง ทำอย่างเขาเป็นคนแก่ที่ต้องมีคนดูแลทั้งๆ ที่มาเธนั้นยังแข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกันมาก “คงเพราะผมเห็นพวกคุณมาตั้งแต่เล็กๆ ละมั้งครับ”

                “พวกเราโตกันหมดแล้วนะครับ คุณไม่ต้องห่วงพวกเราเหมือนแต่ก่อนแล้วละครับมาเธ” แมทธิวบอก เดินเคียงมาเธเข้าไปในลิฟต์ เพราะรู้ว่ามาเธมารอรับเขาไปหาคุณพ่อกับคุณแม่ที่นั่งรอเขาอยู่ข้างบนอย่างที่มาเธบอก

                “คงไม่ได้หรอกครับ” มาเธหัวเราะเสียงแหบ คิดไม่ออกว่าเขาจะเลิกห่วงบรรดาคุณหนูของเขาได้อย่างไร “ยิ่งตอนนี้แล้วยิ่งต้องห่วง เพราะพวกคุณๆ กำลังมีความรักกัน”

                “แสนดีของเราไม่ได้กำลังมีความรักสักหน่อย” แมทธิวหน้าบึ้ง ในขณะที่มาเธยิ้มกว้าง เข้าใจดีว่าทำไมคุณๆ เทรเวนถึงต่อต้านเรื่องคุณหนูแสนดีมีความรักกันนัก

                “ผมแก่เฉยๆ นะครับคุณแมทธิว ไม่ได้อ่านหนังสือไม่ออก”

                คำพูดของมาเธทำให้แมทธิวกลอกตา แต่ทำให้มอนโรที่อยู่ในลิฟต์ด้วยกันยิ้มขำจนปวดแก้ม นี่ถ้าไม่ใช่มาเธคงไม่มีใครกล้าพูดอย่างนี้กับแมทธิว เพราะใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าคุณผู้ชายบ้านเทรเวนนั้นหวงคุณหนูแสนดีมากขนาดไหน “แถมข่าวของคุณหนูแสนดียังเป็นข่าวดังอีกต่างหาก”

                “เป็นข่าวดังไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเรื่องจริงสักหน่อยนี่ครับ” แมทธิวเถียงข้างๆ คูๆ ทำปากยื่นเมื่อมาเธมองเขาเหมือนเด็กชายที่ไม่ยอมรับความจริง แต่จะให้เขายอมรับเรื่องที่น้องสาวเขาคบหากับไอ้บ้าเม็กซิกันคนนั้น เขายอมตายดีกว่า

                “คุณแมทธิวครับ คุณแมทธิว” มาเธลากเสียง ยกมือตบท่อนแขนของเด็กหนุ่มที่มีหน้าที่การงานเหนือกว่าเขาแล้วอมยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจ “ของอย่างนี้ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ ยิ่งรักยิ่งห่างนะครับ”

                “แต่กับไอ้หมอนั่นนี่นะครับมาเธ” แมทธิวยังไม่วายเสียงแข็ง รู้ดีว่าหากแสนดีออกปากว่ารักไอ้ฝรั่งนั่นเขาคงทำอะไรไม่ได้  แต่ตราบใดที่แสนดียังไม่ได้เป็นคนพูดออกมาว่ารักไอ้วิกเตอร์นั่น เขาก็ขอไม่ปักใจเชื่อว่าข่าวนี้เป็นเรื่องจริง “ไม่เอาหรอก แค่คิดว่าหมอนั่นจะมาลอยหน้าลอยตาแถวนี้ ผมก็อยากจะหักคอมันทิ้ง”

                มาเธหัวเราะเสียงดังเมื่อแมทธิวหน้าบูดบึ้ง สำหรับมาเธแล้ว เขาไม่เห็นว่าจะมีใครเหมาะสมกับคุณแสนดีมากไปกว่าพ่อหนุ่ม วิกเตอร์ แบล็คครอสส์ คนนี้อีกแล้ว แต่คุณๆ บ้านเทรเวนคงไม่คิดอย่างเดียวกับเขากระมัง

                “ระวังนะครับ ขัดขวางความรักของคุณแสนดีมากๆ เข้า พอถึงตาคุณเองจะโดนไม่ใช่น้อย”

                แมทธิวหน้าเสียเมื่อได้ยินคำเตือนของมาเธ แต่เขาก็ไม่วายเถียงว่า “ชาร์ล็อตไม่ได้เป็นมาเฟีย แล้วเธอก็ไม่ได้เอาแต่ใจอย่างไอ้วิกเตอร์อะไรนั่น ไม่มีใครขัดขวางเราหรอกครับ”

                “ถ้าคุณมั่นใจอย่างนั้นนะครับ” มาเธบอกแค่นั้นก่อนก้าวเคียงแมทธิวออกมาจากลิฟต์ โดยมีมอนโรที่เงียบมาตลอดทางตามหลังเข้ามาในห้องอาหาร เขาปลดแขนออกจากร่างสูงของชายหนุ่มที่เป็นถึงทายาทโรงแรมเทรเวนแกรนด์ เมื่อร่างบางของคุณนายเทรเวนผุดลุกขึ้นแล้วมองมาทางเขาอย่างครุ่นคิด

                “แล้วเจอกันครับมาเธ” แมทธิวเอ่ยลามาเธ ให้มอนโรรับช่วงต่อจากเขาแล้วเดินไปหาคุณพ่อและคุณแม่ที่ทำหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะอาหาร

                ณิชา เทรเวน ยืนบีบมือตัวเองแน่นด้วยความกังวล แต่กระนั้นเธอก็ไม่กล้าที่จะโผเข้ากอดแมทธิวเหมือนอย่างลูกๆ คนอื่นของเธอ เพราะแมทธิวนั้นเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวและเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าอายุ เธอเกรงว่าการที่เธอจะโผเข้ากอดเขานั้นจะเป็นการล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของเขาเกินไป แต่เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับแมทธิวทั้งหมด เธออยากกอดลูกชายคนโตของเธอเหลือเกิน

                “มาสิครับแม่ ไม่เป็นไรหรอก” แมทธิวเดินเข้าหาคุณแม่ของเขา ระบายยิ้มอ่อนโยนขณะอ้าแขนรอรับร่างบอบบางของแม่ณิชาที่แทบจะกระโจนเข้าหาเขาในวินาทีที่เขาเอ่ยปากอนุญาต

                “โธ่ ลูก” ณิชาคร่ำครวญเสียงอู้อี้ รู้สึกเศร้ากับแมทธิวเรื่องการสูญเสียทั้งหมดที่เธอเพิ่งรู้รายละเอียดเมื่อวานนี้ หลังจากที่แมทธิวโทร. มาขอความช่วยเหลือจากเธอและสามี “ลูกไม่เป็นไรใช่มั้ย แม่คิดว่าจะหมดเรื่องแล้วเสียอีก แล้วน้องสาวของลูกล่ะ เธอเป็นอย่างไรบ้าง”

                “ให้ผมทักพ่อก่อนนะครับ” แมทธิวดันแม่ออกห่างตัว จูงท่านไปนั่งลงบนเก้าอี้ เพื่อที่เขาจะได้เอ่ยทักทายพ่อเคลวินของเขาได้ “สวัสดีครับพ่อ”

                “ไงไอ้เสือ” เคลวินพยักหน้ารับลูกชายของก่อนจะดึงภรรยาให้นั่งลง ปลงตกที่ไม่สามารถกล่อมณิชาให้เลิกกังวลเรื่องแมทธิวได้ “เห็นมั้ยณิชา ผมบอกแล้วว่าแมทธิวไม่เป็นไรหรอก”

                “คุณก็พูดได้สิ” ณิชาเอ่ยเสียงสะบัดใส่สามี โกรธที่เขาทำเหมือนเธอเป็นยายแก่งี่เง่าที่ห่วงลูกเกินเหตุ “ก็ตาแมทเป็นลูกฉัน ฉันก็ต้องห่วงสิ”

                “แมทธิวก็ลูกผมเหมือนกันนั่นแหละ” เคลวินกลอกตาเมื่อภรรยาเอ่ยเหมือนเขาเป็นคนใจไม้ไส้ระกำ ไม่ห่วงแมทธิวเท่าเธอ  “ไงเรา เล่าให้แม่สุดที่รักของเราฟังหน่อย แม่จะได้หายห่วงแล้วเลิกทำเหมือนจะกินหัวพ่อเหมือนเมื่อคืนนี้สักที”

                “ฉันไม่ได้จะกินหัวคุณสักหน่อยนะ” ณิชาเสียงแหลม “ฉันแค่โมโหที่คุณห้ามฉันไม่ให้ไปหาแมทธิวที่นิวยอร์กเฉยๆ แต่ไม่ได้อยากจะกินหัวคุณสักหน่อย”

                “คุณบินไปก็เท่านั้นแหละทูนหัว เห็นมั้ยว่าแมทธิวกลับมาวันนี้อย่างที่ผมว่าจริงๆ”

                “ก็ฉันเป็นห่วงลูกนี่!” ณิชาทำหน้ายักษ์ใส่สามีสุดหล่อของเธอ แล้วหันมามองใบหน้าที่หล่อไม่แพ้กันของลูกชายด้วยสายตาสงสารเห็นใจ “ลูกไม่เป็นอะไรใช่หรือเปล่าจ๊ะแมท”

                “ผมไม่เป็นอะไรครับแม่” แมทธิวบอกแม่ อยากให้ณิชามั่นใจแล้วเลิกทำหน้าเหมือนว่าเขาเพิ่งกลับจากสนามรบสักที “อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิครับ แม่ทำให้ผมรู้สึกผิดที่โทร. มาขอความช่วยเหลือจากแม่นะครับ”

                “เห็นมั้ย ผมบอกแล้ว” เคลวิน เทรเวน ปรายตามองภรรยา ดึงมือบางของคนข้างตัวขึ้นมากุมไว้เหมือนอย่างที่ทำเป็นนิสัยแล้วเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากทำให้ภรรยาสุดที่รักของเขารู้สึกแย่ไปกว่านี้

                พอดีกับที่พนักงานเสิร์ฟนำอาหารที่เขาและณิชาสั่งไว้มาวางลงบนโต๊ะ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจึงดีขึ้นเล็กน้อย

                “แม่เราเขาสั่งอาหารไว้รอ กลัวว่าลูกชายคนโตจะยังไม่ได้กินอะไร” เคลวินเอ่ย เมื่อเห็นแมทธิวขมวดคิ้วมองอาหารด้วยสายตามีคำถาม

                “ขอบคุณครับแม่ ผมยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้า” แมทธิวบอกความจริง แม้จะรู้ว่าแม่ต้องไม่พอใจแต่ก็ดีกว่าโกหก คุณหมอหนุ่มวางทุกอย่างลงแล้วเริ่มรับประทานอาหาร เพิ่งรู้ตัวว่าเขาหิวจัดก็ตอนที่มีอาหารมาวางตรงหน้าเขาแล้วนี่เอง

                “ลูกเป็นหมอยังไงของลูกกันนะแมทธิว ทานอาหารไม่เคยจะตรงเวลาเลย” ณิชาบ่นพอเป็นพิธี ทว่าสายตามองลูกชายคนโตด้วยความพอใจ ไม่ต่างจากเคลวินที่ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

                เห็นภรรยาของเขาสบายใจ เขาเองก็พลอยสบายใจไปด้วย

                “ผมยุ่งน่ะครับ”

                ณิชาเงยหน้ามองฟ้าให้แก่คำตอบเดิมๆ ของแมทธิว ในขณะที่สามีของเธอยิ้มขำ แต่แมทธิวนั้นตั้งหน้าตั้งตากินอาหารตรงหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง ราวกับมันเป็นอาหารที่พิเศษกว่าอาหารที่เขาเคยกิน แต่แมทธิวรู้ดีที่เขาสามารถกินอาหารได้อร่อยเป็นพิเศษ ก็เพราะว่ามื้อนี้เขามีพ่อกับแม่กินอาหารเป็นเพื่อน

                “ถ้าไม่ชอบกินข้าวคนเดียวขนาดนี้ก็หาแฟนสักคนสิแมทธิว” เคลวินเปรยออกมาอย่างไม่จริงจัง เขาพูดเรื่องที่แมทธิวไม่เคยมีคนรักกับภรรยาตอนที่รอให้แมทธิวมาถึงด้วยความเป็นห่วงและกังวล กลัวว่าแมทธิวจะทำงานจนไม่ได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นตามประสาคนหนุ่ม “จะแฟนผู้หญิงหรือแฟนผู้ชาย เราสองคนก็ไม่ว่าอะไรลูกหรอกนะ”

                ประโยคนั้นของเคลวินทำให้ช้อนที่กำลังตักอาหารเข้าปากในมือแมทธิวหล่นลงบนจานจนเกิดเสียงดัง ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มมีแววจนใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นขบขัน “นี่พ่อคิดว่าที่ผมไม่พาใครไปแนะนำที่บ้าน เพราะผมเป็นเกย์อย่างนั้นหรือครับ”

                “เราแค่เป็นห่วงลูกเฉยๆ” ณิชาแก้ตัวแทนสามี กลัวแมทธิวจะเข้าใจผิดแล้วพานโกรธพวกเขาไป “ถ้าลูกมีคนรักเป็นผู้ชายเราก็ไม่ว่าอะไร เรารับได้”

                “แม่ครับ” แมทธิวหัวเราะ หลับตาลงด้วยความท้อแท้ใจ การที่คนอื่นจะคิดว่าเขาเป็นเกย์เพราะเขาไม่เคยมีแฟนนั้นเขาไม่แปลกใจ แต่นี่พ่อกับแม่ก็ยังคิดว่าเขาเป็นเกย์เหมือนกันอย่างนั้นหรือ “ผมไม่ได้เป็นเกย์ ถึงผมจะรักสวยรักงามมากก็เถอะ” เขาว่าแล้วถอนหายใจ ไม่ถือโทษโกรธแม่ที่อาจจะคิดอะไรไปไกล และคงเพราะแม่เห็นเขาสนิทสนมกับสวย หรือฌานินพี่ชายของท่านที่แต่งงานกับนายธนาคารใหญ่มากด้วยละมั้ง

                “อ้อ...เหรอจ๊ะ” ณิชาหน้าเสียก่อนจะขมวดคิ้ว โกรธตัวเองที่พูดเรื่องที่ไม่ควรออกไป ดีนะที่แมทธิวเป็นคนมีเหตุผล ไม่งั้นเธอคงโดนลูกโกรธหนักไปแล้ว “พ่อกับแม่ขอโทษจ้ะ”

                “ไม่เป็นไรครับ” แมทธิวส่ายหัวอย่างอ่อนใจแล้วยิ้มขำ ก่อนหยิบช้อนขึ้นมาทานอาหารต่อ “ผมชินแล้ว”

                “แม่ขอโทษจริงๆ จ๊ะแมท แม่ไม่ได้ตั้งใจ” ณิชาหน้าเสีย ไม่รู้เลยว่าลูกชายของเธอต้องทำใจชินกับเรื่องแบบนี้ “แม่ขอโทษนะ”

                “ไม่เป็นไรจริงๆ ครับแม่”​ แมทธิวเสียงหนัก ไม่เห็นประโยชน์ที่จะถือโทษโกรธแม่เขาด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง

                “แล้วนี่ยังไงเรา มันจะเป็นเรื่องอย่างที่โทร. บอกพ่อกับแม่จริงๆ ใช่มั้ย” เคลวินโอบแขนอ้อมหลังภรรยา ปลอบให้ณิชาเลิกกังวลที่เธอกับเขาเข้าใจรสนิยมของแมทธิวผิดไป เขาจึงเปลี่ยนมาถามถึงเรื่องคอขาดบาดตายที่ทั้งเขาและณิชาควรห่วงมากกว่า

                “ผมคิดอย่างนั้นครับ” แมทธิวถอนหายใจ รู้สึกอิ่มทันทีที่พ่อกับแม่เอ่ยปากถามเรื่องที่เขาโทร. มาขอความช่วยเหลือจากพวกท่าน มือหนารวบช้อนกับส้อมไว้กลางจานแล้วยกน้ำขึ้นมาดื่ม “บริเจ็ต ภรรยาเก่าของสเตฟานเขาขู่ว่าจะฟ้องผม”

                “พ่อจ้ะแมทธิว สเตฟานเป็นพ่อของลูกนะ” ณิชาเสียงเข้ม เธอเองก็ท้อใจที่จนกระทั่งป่านนี้แล้วยังทำให้แมทธิวเรียกสเตฟานว่าพ่อไม่ได้

                “อย่าเริ่มน่าทูนหัว” เคลวินปรามภรรยา รู้ดีว่าภายใต้ความสงบนิ่งและใจเย็นของแมทธิวที่ใครๆ ต่างชื่นชมนั้น มีเด็กชายที่หัวแข็งไม่แพ้ใครซ่อนอยู่ ก่อนเขาจะพูดต่อว่า “เธอพูดอย่างนั้นใช่มั้ย แล้วเราก็เลยคิดว่าเธอจะกล้าฟ้องเอาสิทธิ์ดูแลน้องสาวของเราไปงั้นสิ”

                “ผมเสียเบลให้บริเจ็ตไม่ได้จริงๆ ครับพ่อ” แมทธิวหน้าเครียด แค่เห็นฤทธิ์เดชของผู้หญิงคนนั้นเพียงครั้งเดียวเขาก็ไม่เชื่อแล้วว่าคนอย่างบริเจ็ตจะเลี้ยงเบลล่าให้โตมาเป็นเด็กที่ดีได้ “บริเจ็ตไม่ใช่คนที่จะเลี้ยงดูใครได้ เธอติดยา”

                “คุณพระช่วย!” ณิชายกมือทาบอก สงสารเด็กหญิงที่ชื่อเบลล่ายิ่งกว่าเดิม “โธ่ นี่มันเวรกรรมอะไรกันของพวกลูกกันเนี่ย”

                “ผมพอจะรู้จักทนายเก่งๆ อยู่บ้าง” แมทธิวไม่ตอบคำถามของแม่ แต่เลือกที่จะบอกว่าทำไมเขาถึงต้องการความช่วยเหลือจากพวกท่านแทน “แต่ผมรู้ว่าพ่อคงมีเพื่อนที่เก๋าเกมมากกว่า ทนายของบริเจ็ตทำให้สเตฟานต้องยอมจ่ายเงินให้เธอเพื่อจบเรื่องได้มาครั้งหนึ่งแล้ว ผมไม่อยากเป็นรายที่สอง”

                “แต่นั่นมันไม่ง่ายกว่ากันหรือ” เคลวินออกความเห็น “หรือลูกคิดว่ายังไง”

                “ผมไม่อยากให้บริเจ็ตขายเบลได้เป็นครั้งที่สอง”​ แมทธิวเอ่ยเสียงเข้ม กรามแกร่งบดเข้าหากันด้วยความโกรธ “เบลเป็นคน แกไม่ใช่เครื่องมือที่ผู้หญิงคนนั้นใช้ทำมาหากิน แกเป็นน้องสาวของผม”

                “โอเค” เคลวินพยักหน้า ไม่ตั้งคำถามกับความตั้งใจของแมทธิวอีก ทั้งเขาและณิชาเพียงหันมองหน้ากันอย่างปรึกษาหารือ แล้วจึงเป็นเคลวินที่เอ่ยปากก่อน “พ่อจะโทร. หาเพื่อนที่เขาเป็นทนายให้”

                “ขอบคุณครับพ่อ” หน้าคร้ามอ่อนลงด้วยความโล่งใจ แค่ได้ยินว่าพ่อจะโทร. หาเพื่อนที่เป็นทนายให้ เขาก็เบาใจลงไปเปลาะหนึ่ง “เอ่อ แล้วผมก็ย้ายออกมาอยู่คนเดียวได้สักพักแล้วนะครับ”

                “อะไรนะ!” คราวนี้เป็นณิชาที่อุทานเสียงดัง ตกใจอยู่ชั่ววินาทีก่อนความโกรธลุกฮือเมื่อได้ยินว่าแมทธิวย้ายออกมาอยู่คนเดียวในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ “ลูกย้ายออกมาจากเพนต์เฮาส์ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไม”
                “ใจเย็นๆ ก่อนที่รัก” เคลวินดึงแขนภรรยาเอาไว้ก่อนที่ณิชาจะโวยวาย “ฟังแมทธิวก่อน”

                “ผมออกมาเช่าอะพาร์ตเมนต์อยู่ครับ” แมทธิวอธิบาย “ตอนนี้ผมรอให้อะพาร์ตเมนต์อีกหลังที่ผมเพิ่งซื้อตกแต่งเสร็จ คิดว่าพอเบลหายดีแล้วเราจะย้ายไปอยู่ด้วยกันที่นั่น”

                “นี่ลูกจะตัดขาดกับเรางั้นหรือ” ณิชาเสียงแข็ง ควันออกหูยิ่งกว่าเดิมเมื่อแมทธิวพูดคล้ายกับว่ากำลังวางแผนที่จะตัดขาดจากครอบครัว

                “ไม่ใช่อย่างนั้นครับแม่” แมทธิวเอ่ยเสียงเบา เขาเองก็ลำบากใจที่ต้องเลือกใช้วิธีนี้แก้ปัญหา แต่เห็นว่ามันเป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว “แต่เบลแกเป็นน้องสาวของผม ผมจะรบกวนพ่อกับแม่ได้ยังไง แล้วเงินที่สเตฟานทิ้งเอาไว้ให้ก็มากพอที่จะซื้อบ้านในเมืองหลังเล็กๆ ได้ ผมเลยคิดว่า...”

                “แล้วลูกจะดูแลน้องสาวของลูกด้วยตัวคนเดียวได้ยังไง” ณิชาโพล่งถามออกมาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “ลำพังแค่ตัวคนเดียว ลูกยังไม่มีปัญญาทานข้าวให้ตรงเวลาเลย แล้วไหนจะแม่หนูคนนั้นอีก เธอยังป่วยอยู่ไม่ใช่หรือ”

                “ผมจะลาพักร้อนตอนที่เบลแข็งแรงพอที่จะย้ายมาที่นี่ แล้ว...”

                “นี่ลูกวางแผนจะตัดขาดกับเราจริงๆ สินะ” ณิชาไม่ปล่อยให้แมทธิวบอกแผนที่เขาวางไว้ เพราะโกรธเกินกว่าที่จะมานั่งฟัง “นี่ลูกคิดว่าพ่อกับแม่เป็นตาแก่ยายแก่ใจดำขนาดนั้นเลยหรือไง ลูกคิดว่าเราจะเกลียดน้องสาวของลูกเพราะเราไม่ได้เลี้ยงแกมาตั้งแต่เล็กๆ อย่างนั้นใช่มั้ย”

                “ใจเย็นน่าณิชา” เคลวินดึงมือภรรยา เข้าใจแมทธิวและเข้าใจณิชาพอๆ กัน “แมทธิวมีเหตุผลนะ”

                “เลิกคิดที่จะทิ้งเราไปซะแมทธิว” ณิชาปัดมือสามีออกอย่างไม่ใส่ใจ ออกคำสั่งกับลูกชายคนโตที่หน้าเสียอย่างที่ไม่มีใครกล้าทำ “ลูกเก่งทุกอย่าง แม่เลยเคารพการตัดสินใจของลูกทุกเรื่อง แต่เรื่องที่จะทิ้งเราไปอย่าแม้แต่จะคิด!” ณิชาหอบหายใจด้วยความโมโห “ในเมื่อลูกบอกว่าเด็กคนนั้นเป็นน้องของลูก แกก็จะเป็นลูกของแม่ จบแค่นั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยน”

                “เบลเป็นเด็กพิเศษครับแม่ แกไม่ใช่เด็กที่ใครๆ จะรักได้” แมทธิวยังคงมีเรื่องที่ต้องกังวล

                “นั่นมันเป็นปัญหาหรือ”  ณิชาย้อนถาม ขมวดคิ้วมองแมทธิวที่อ้าปากค้างเพราะคิดหาคำเถียงไม่ออกแล้วพูดต่อ “ถ้านั่นเป็นปัญหาของลูกก็เชิญลูกบ้าไปคนเดียวเลย เพราะแม่ไม่เห็นว่ามันจะเป็นปัญหาของแม่เลยสักนิด”

                “แต่แม่ครับ”

                “ไม่มีแต่จ้ะ” ณิชายกมือห้าม ไม่ปล่อยให้แมทธิวได้พูดอะไรอีก “หลังจากที่ลูกจัดการกับแม่แท้ๆ ของน้องสาวลูกเรียบร้อยแล้ว เราถึงจะกลับมาคุยเรื่องของแม่หนูเบลใช่มั้ย” ณิชาเลิกคิ้วราวกับจะถามย้ำให้แน่ใจ

                “เบลล่าครับ เบลล่า พร็อกเตอร์” แมทธิวตอบเสียงเบา

                “ใช่ เราจะมาคุยเรื่องนี้กันทีหลัง แล้วก็อย่าคิดที่จะเก็บปัญหาของลูกไว้คนเดียวแมทธิว เพราะแม่จะโกรธมาก” เธอขู่เสียงแข็ง

                “เชื่อที่แม่เขาพูดเถอะ” เคลวินพยักหน้า ลูกก็รักอยู่หรอกนะ แต่ก็ต้องรักและเข้าข้างภรรยามากกว่า เพราะตอนนี้คนที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จในบ้านเทรเวนก็คือภรรยา

                “ครับ” แมทธิวรับคำอย่างไม่มีทางเลือก แต่คิ้วหนากลับขมวดมุ่นเข้าหากันด้วยความไม่สบายใจ

                “แมทธิว อย่าทำอย่างนั้น” ณิชาเตือนลูกชายเสียงเข้ม รู้ดีว่าสีหน้าอย่างนั้นของแมทธิวหมายถึงอะไร “ลูกเป็นลูกชายของพ่อกับแม่ ลูกไม่จำเป็นต้องแบกเรื่องทั้งหมดเอาไว้คนเดียว อย่าทำเหมือนความรักของแม่ที่มีให้ลูกเกือบสามสิบปีนี้มันไม่มีค่าได้หรือเปล่า”

                “ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นนะครับแม่” แมทธิวส่ายหัว เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้แม่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เขารู้ว่าต่อให้เขาเป็นเพียงลูกบุญธรรมของพวกท่าน แต่พวกท่านก็รักเขาไม่น้อยไปกว่าแสนดีหรือวิลเลี่ยม แต่ถึงอย่างนั้น เขาไม่ใช่คนหน้าด้านที่จู่ๆ จะพาเด็กผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาฝากให้พวกท่านเลี้ยง ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของพวกท่านเลยสักนิด “แต่เบลไม่ได้เป็นอะไรกับพ่อกับแม่ ผมเลยคิดว่าจะดูแลแกเอง”

                “ลูกน่ะดูแลตัวเองให้ได้ก่อนแล้วค่อยคิดจะดูแลน้องสาวของลูก” ณิชาย่นจมูกใส่หน้าลูกชายคนโต ลุกขึ้นยืนเพื่อจูบลาแมทธิวแล้วว่า “เพราะถ้าลูกยังไม่กินข้าวกินปลาอย่างนี้ อีกไม่นานลูกคงไม่พ้นไปนอนแหม็บอยู่ที่โรงพยาบาลให้คนอื่นรักษาแทนที่จะเป็นคุณหมอแมทธิวสุดหล่อของแม่”

                “ขอบคุณครับแม่” แมทธิวเอ่ยขอบคุณจากใจจริง ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เขารู้สึกเสียใจที่ได้มาเป็นลูกของพ่อเคลวินกับแม่ณิชา

                “ก็แม่เป็นแม่ของลูกนี่” ณิชาบ่น เหนื่อยใจที่ลูกของเธอโตกันขนาดนี้แล้วยังไม่พ้นให้เธอคอยจ้ำจี้จ้ำไชเรื่องอาหาร “เรื่องอื่นลูกดีหมดเลยนะแมทธิว แต่กับเรื่องง่ายๆ อย่างเรื่องกินอาหารให้ตรงเวลา ทำไมลูกถึงทำให้แม่ไม่ได้สักที ฮึ”

                “เพราะแมทธิวเป็นลูกคุณยังไงละ” เคลวินดึงภรรยาออกห่างจากลูกชาย วางมือบนไหล่หนา ตบแรงๆ อย่างให้กำลังใจตามแบบฉบับก่อนเอ่ยว่า “พ่อกับแม่ไปละ มีนัดคุยกับเจ้าของไร่ไวน์คู่สัญญาของโรงแรม”

                “ครับพ่อ” แมทธิวพยักหน้ารับง่ายๆ มองพ่อกับแม่บุญธรรมของเขาเดินจูงกันออกไปจากห้องอาหารของโรงแรม แล้วผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก้มมองจานอาหารที่ยังกินไม่หมดแล้วก็หลุดยิ้มขำ

                เห็นจะเป็นอย่างที่แม่พูดจริงๆ เรื่องอื่นเขาทำได้ดีหมด แต่เรื่องกินข้าวให้ตรงเวลาเขาไม่เคยจะทำได้ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่แปลกใจว่าทำไมแม่ถึงไม่วางใจให้เขาเลี้ยงเบลล่าตามลำพัง

                แม่ณิชาของเขานี่ บางทีก็รู้จักเขาดีจนน่ากลัว

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น