3

ตอนที่ 3


คนที่ขยับตัวทำลายความเงียบงันระหว่างกันลงก่อนคือ...บราลี เธอเอื้อมมือไปจับห่วงเคาะประตูกระแทกเบาๆ จนเกิดเสียงดังก้องมาถึงหัวใจของเขา

กวินสะดุ้งเฮือก เขากะพริบตาถี่ สะบัดศีรษะเรียกสติเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตูแล้วออกไปเผชิญหน้ากับเธอ

ความรู้สึกที่ห่างเหินมานานทำให้ร่างกายทุกอณูของเขาเกิดปฏิกิริยาแปลกๆ เขาอยากจะดึงร่างอรชรที่ดูอิ่มเอิบกว่าเดิมของเธอมาโอบกอดเอาไว้ ริมฝีปากของเขาสั่นระริก อยากจุมพิตเธอทุกส่วนสัดให้หายคิดถึง แต่ก็เหมือนจะมีอะไรบางอย่างพยายามต่อต้านความต้องการเหล่านั้นเอาไว้

ใช่...ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีนั่นแหละ

เธอไม่ใช่คนตัวเปล่าเล่าเปลือยอีกต่อไปแล้ว กวินกัดฟันแน่นจนกรามปูดนูน สองมือกำจนสั่นเพื่อหักห้ามตัวเองไม่ให้ทำอย่างที่หัวใจต้องการ

สวัสดีค่ะ

คำทักทายนั้นเขย่าหัวใจของเขาอย่างแรง เขารู้สึกถึงความห่างเหินในน้ำคำที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากแดงจัดของเธอ

สวัสดีครับ” กวินพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อให้เสียงของตัวเองเป็นปรกติที่สุด

ชมพู่บอกว่าคุณมาแล้ว ฉันเลยมากล่าวสวัสดีสักหน่อยในฐานะ...” บราลีทอดเสียงลงอย่างลังเลในตำแหน่งของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงขรึม ผู้จัดการรีสอร์ต

ครับ

ดูเหมือนนั่นเป็นคำที่เขาคิดได้เพียงคำเดียว ตอนนี้สมองเบลอไปหมด หัวใจรู้สึกปวดร้าวที่ได้ยินเสียงและเห็นแววตาของเธอที่เหมือนจะไม่มีเขาอยู่อีกต่อไปแล้ว

คุณพี่...” เธอทอดเสียงลงแล้วกระแอมเบาๆ คุณอมรบอกว่าคุณจะมาสัมภาษณ์ฉัน แล้วก็จะพักอยู่ที่นี่หนึ่งสัปดาห์เพื่อเขียนนิยายและรอสัมภาษณ์เขา

ใช่ครับ” กวินรู้สึกว่าเสียงของตัวเองสั่นเครือแม้จะเพียงเปล่งคำสั้นๆ ออกมาก็ตาม

คุณวางแผนเอาไว้อย่างไรคะ...อืม...ฉันหมายถึงเรื่องสัมภาษณ์น่ะค่ะ

คุณมีเวลาว่างให้ผมช่วงไหนครับ

ฉันทำงานถึงห้าโมงครึ่งค่ะ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไร

หลังห้าโมงครึ่งก็ได้ครับ” เขาเอ่ยเสียงขรึม รู้สึกแปลกๆ ที่ต้องใช้คำพูดอย่างเป็นทางการกับเธอเช่นนี้ ว่าแต่คุณสะดวกที่ไหนครับ จะให้ผมไปหาที่บ้านไหม

บราลีนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ ที่ห้องอาหารของรีสอร์ตดีไหมคะ

กวินสะอึกกับคำตอบของเธอ ห้องอาหารเป็นสถานที่ซึ่งคนพลุกพล่าน เธอคงไม่อยากจะอยู่ลำพังกับเขาสองต่อสองให้เสื่อมเสียเกียรติเจ้าของรีสอร์ตแห่งนี้นั่นเอง

ตกลงครับ” เขาพยักหน้า ห้าโมงครึ่งใช่ไหมครับ

ค่ะ” เธอพยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้เขา แล้วพบกันนะคะ

ชายหนุ่มยืนนิ่ง มองเธอหันหลังให้แล้วค่อยๆ เดินห่างออกไป เขากัดฟันอย่างตัดสินใจไม่ถูกว่าจะร้องเรียกเธอ หรือว่าปล่อยให้เธอไปอย่างง่ายดายเช่นนี้

ความรู้สึกผิดที่บอกเลิกเธอ และความขลาดเขลาที่สั่งสมมานานหลายปีตรงเข้ารุมกระทืบหัวใจของเขา พวกมันบังคับฟันขาวของเขาให้ขบลงบนริมฝีปากจนห้อเลือด เขาพยายามต่อสู้กับมัน มือของเขากำแน่นจนสั่นด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว แต่แล้วก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป กวินก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยคาดคิดมาก่อน

ลี

เขาร้องเรียกเธอด้วยเสียงอันดัง และแน่ใจว่าเธอได้ยิน เนื่องจากเห็นเธอชะงัก แต่หลังจากผ่านไปสองสามวินาที สองขาของเขาก็แทบจะหมดแรง เพราะไม่เพียงเธอจะไม่หันมาเท่านั้น แต่ยังรีบเดินจากเขาไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่ได้ยินเสียงเรียกของเขาอีกต่างหาก

กวินก้มหน้าลงพร้อมระบายลมหายใจออกมาด้วยความเสียใจ เขาหันหลังแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน เมื่อถึงเตียงจึงทรุดนั่ง ก่อนจะล้มตัวลงนอน ดวงตาเบิกโพลงมองแสงไฟบนฝ้าเพดานอย่างเลื่อนลอย

ลี

เสียงเรียกของกวินทำเอาบราลีถึงกับชะงักฝีเท้า น้ำตาของเธอหยดแหมะ คำสั้นๆ นั้นเพียงคำเดียวทลายกำแพงหัวใจที่ก่อขึ้นมาปิดกั้นความรู้สึกของตัวเองจากเขาจนแหลกละเอียด เธอพยายามรวบรวมพลังที่เหลือทั้งหมดเพื่อไม่ให้หันกลับไปและสามารถก้าวเดินจากความยุ่งยากที่จะตามมาได้สำเร็จ

เมื่อเท้าบางสัมผัสพื้นหินอ่อนเย็นเยียบของบ้านพักหลังใหญ่ ร่างกายของเธอก็เหมือนถูกแช่แข็ง เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น รู้สึกหมดกำลัง ไม่มีทั้งแรงกายและแรงใจที่จะก้าวเดินต่อไปอีกแล้ว น้ำตาดูเหมือนจะหลั่งไหลออกมาอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้ ต้องยกสองมือขึ้นปกปิดใบหน้าด้วยความเศร้าเสียใจอยู่เนิ่นนานทีเดียว จนกระทั่งเสียงของมารดาดังขึ้น

เป็นอะไรไป...ลี

บราลีรีบปาดน้ำตาขณะเบือนหน้าหนีหลบสายตาของมารดา เปล่าค่ะ รู้สึกปวดหัวนิดหน่อยน่ะค่ะคุณแม่ เดี๋ยวลีขอขึ้นไปนอนพักสักหน่อยนะคะ

มารดาขมวดคิ้วมุ่นมองเธอ ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบศีรษะของเธออย่างทะนุถนอม ขึ้นไปพักเถอะ เดี๋ยวแม่เอายาขึ้นไปให้นะ

เธอพยักหน้าโดยไม่หันไปมองท่าน เพราะเริ่มรู้สึกเหมือนจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ขึ้นมา ก่อนจะหยิบรองเท้าผ้าสำหรับใส่ในบ้านจากชั้นมาสวมแล้วรีบปลีกตัวเดินขึ้นไปบนห้องนอนที่ชั้นสองแล้วล้มตัวนอนคว่ำหน้าบนเตียงอันกว้างใหญ่

ต่อมน้ำตาของเธอเริ่มทำงานอีกครั้ง กำปั้นเล็กๆ ทุบลงบนหมอนไม่ยั้งด้วยความรู้สึกสับสน บอกไม่ถูกกับท่าทีหมางเมินของกวิน เขาพูดคุยกับเธอเหมือนคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่สุดท้ายกลับเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่เหมือนเมื่อครั้งที่ยังรักกันหวานชื่น

ถ้าเขายังรู้สึกอย่างนั้นกับเธอ แล้วทำไมเขาถึงบอกเลิกเธอล่ะ

แล้วทำไมเวลาที่เธอลำบาก เขาถึงไม่เหลียวแลเธอสักนิด

คำถามหลายอย่างที่เธออยากจะถามเขาวนเวียนอยู่ในสมองจนปวดตุบๆ คำถามเหล่านั้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่เธออยากรู้มาตลอดเวลา ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากันแล้ว กลับดูเหมือนจะมีม่านบางๆ มาขวางกั้นเอาไว้ไม่ให้เธอเอ่ยปากถามออกไป

ท้ายที่สุดเธอก็เลยยังไม่ได้รับคำตอบต่อคำถามที่อยากรู้มาตลอด นับตั้งแต่ที่คุยกับเขาทางโทรศัพท์ครั้งล่าสุด

เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น ความคิดอันสับสนทั้งมวลจึงหยุดลง บราลีลุกจากที่เตียงช้าๆ ใช้สองมือปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้มารดา

ลีลาวดีเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำและบวมช้ำของเธอ ผู้เป็นแม่รีบเดินไปวางถาดยาและแก้วน้ำลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะหันมากอดเธอด้วยสีหน้าเป็นห่วง

ปวดหัวมากหรือลูก

บราลีได้แต่พยักหน้า ไม่กล้าพูดอะไรเพราะกลัวต่อมน้ำตาจะแตกอีก

เรียกหมอมาดูหน่อยไหม

หญิงสาวรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

ลีแค่ปวดหัวนิดหน่อยเองค่ะ เดี๋ยวกินยานอนสักพักก็คงหาย แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ

แน่ใจหรือ” ลีลาวดีจ้องมองเธอด้วยความสงสัย มีอะไรจะเล่าให้แม่ฟังหรือเปล่า

ฟันขาวขบริมฝีปากแน่น ก่อนจะส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ

เอ้า...ถ้าอย่างนั้นก็กินยาแล้วก็นอนพักซะ วันนี้ไม่ต้องเข้าออฟฟิศหรอก เดี๋ยวแม่จะโทร. ไปบอกชมพู่ให้เองก็แล้วกันนะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยพลางเดินไปหยิบยามายื่นให้

ค่ะ” บราลีพยักหน้า รับยาและน้ำจากมารดามารับประทานอย่างว่าง่าย

ผู้เป็นแม่ลูบศีรษะเธอด้วยความอาทร แม่โทร. ไปยกเลิกนัดกับเพื่อนดีกว่า เห็นลูกเป็นแบบนี้แล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้

อย่าเลยค่ะ หนูไม่เป็นอะไรมากหรอก นอนพักสักเดี๋ยวก็หาย” เธอย้ำ เอื้อมมือไปจับมือมารดา

จะดีเหรอ

ดีสิคะ” บราลีบีบมือมารดาเบาๆ คุณแม่จะไปถือศีลกับเพื่อนๆ ที่วัด จะให้หนูขวางได้อย่างไรกันคะ

ลีลาวดีพยักหน้า ถ้าอย่างนั้นก็นอนพักมากๆ นะ ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องไปทำงานหรอก

ค่ะ” หญิงสาวตอบ เอ่อ...ถ้าแม่จะโทร. ไปหาชมพู่ ฝากบอกให้จัดโต๊ะกับเตรียมอาหารเลี้ยงแขกของคุณอมรที่ห้องอาหารให้ด้วยนะคะ

แขกคุณอมรหรือ” ผู้เป็นแม่ขมวดคิ้ว ใคร...แม่รู้จักหรือเปล่า

นักเขียนนิยายคนโปรดของคุณอมรค่ะ

อ้อ” ลีลาวดีอ้าปากหวอ เพราะไม่ได้อ่านนิยายจริงจัง อย่างมากก็แค่หนังสือเฉพาะกิจที่มีเรื่องย่อละครที่ลูกสาวตัวเองแสดงเท่านั้น งั้นคงไม่รู้จัก

ค่ะ” บราลีตอบสั้นๆ

งั้นแม่ไปนะ พักผ่อนมากๆ ล่ะ

ค่ะ

เมื่อมารดาเดินออกไปจากห้องแล้วจึงเดินกลับไปที่เตียงเพื่อนอนพักผ่อนสักครู่ เนื่องจากรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาจริงๆ แล้ว แต่ยังไม่ทันจะก้าวขา เจ้าโทรศัพท์ทรงโบราณสไตล์บาโรกก็แผดเสียงดังขึ้นมาเสียก่อน หญิงสาวถอนหายใจ หันกลับไปที่โต๊ะทำงานแล้วยกหูโทรศัพท์สีขาวมุกขลิบทองขึ้นมากรอกเสียงหวานลงไป

สวัสดีค่ะ

นี่ฉันเองนะ” เสียงอมรดังลอดลำโพงออกมา

ค่ะ...คุณพี่

เป็นไง คุณเปลวเทียนมาถึงแล้วหรือยัง

ถึงแล้วค่ะ ฉันให้เขาพักที่บ้านริมแม่น้ำอย่างที่คุณพี่ต้องการเรียบร้อยค่ะ

ดีๆ” อมรเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง ยังไงช่วยรับรองเขาให้ฉันหน่อยนะ

ไม่ต้องห่วงค่ะ

ขอบใจมาก เดี๋ยวฉันไปประชุมต่อนะ แล้วว่างๆ จะโทร. หาอีก” อมรเอ่ย แต่ก่อนวางสายก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เอ่อ...ที่ห้องสมุดมีหนังสือของคุณเปลวเทียนอยู่ครบชุด ยังไงวานหนูลีช่วยเชิญเขามาเซ็นหนังสือให้ฉันหน่อยนะ

ได้ค่ะ” บราลีรับปากก่อนจะวางสายไป จากนั้นก็เดินกลับไปที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอนด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน ทว่ากลับไม่สามารถข่มตาหลับได้ลง ได้แต่เบิกตาโพลงจ้องมองโคมไฟระย้าบนเพดานด้วยแววตาเลื่อนลอย

หลังจากบราลีจากไปไม่นาน ฝนหลงฤดูก็เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย กวินลุกจากที่นอนแล้วทอดสายตาไปที่หน้าต่างก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ตัดสินใจหยิบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กออกมาจากกระเป๋าสะพาย จากนั้นก็นำไปวางที่โต๊ะแล้วเปิดมันเพื่อทำงานฆ่าเวลา

เขาวางพลอตเอาไว้อย่างคร่าวๆ วางแผนการทำงานเอาไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน จนกระทั่งเสียงฝนเริ่มซาลง จึงเหลือบมองนาฬิกาที่มุมบนของหน้าจอคอมพิวเตอร์

ห้าโมงแล้วหรือนี่” กวินงึมงำในลำคออย่างพึงใจ งานช่วยทำให้เวลาที่ต้องรอคอยอะไรผ่านไปอย่างรวดเร็วได้เสมอ

นักเขียนหนุ่มลุกจากเก้าอี้ เดินไปห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาเรียกความสดชื่นให้แก่ร่างกายที่อ่อนเปลี้ย ก่อนจะกลับออกมาเปิดตู้ หยิบกางเกงยีนตัวใหม่มาสวมตามด้วยเสื้อยืดโปโลสีกรมท่าตราจระเข้อ้าปาก

เมื่อเรียบร้อยแล้ว กวินก็เดินไปหยิบร่มจากที่เก็บข้างประตู ก่อนจะเปิดประตูบ้านพักก้าวออกไปด้านนอกแล้วกางร่มออกเดินฝ่าสายฝนไปยังอาคารอำนวยการหลังใหญ่ หัวใจเต้นระรัวด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบบราลีอีกครั้ง

พอก้าวเข้าสู่ร่มเงาของอาคารใหญ่ กวินสูดลมหายใจลึก เผยยิ้มแล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ซึ่งแฟนนิยายของเขากำลังนั่งคุยกับเพื่อนร่วมงานอย่างออกรสอยู่

สวัสดีครับ

หญิงสาวหันมามองแล้วยิ้มหวานให้เขา สวัสดีค่า...พี่เปลวเทียน

แหม เรียกเสียเต็มยศเลย เรียกผมว่าวินเฉยๆ ก็ได้ครับ

อ๋อค่ะ” ชมพู่ยิ้ม

ผมนัดสัมภาษณ์คุณลีเอาไว้ที่ห้องอาหารน่ะครับ

ค่ะ คุณลีบอกแล้ว เดี๋ยวฉันพาไปนะคะ” ชมพู่ผายมือ ก่อนจะเดินนำเขาไปทางห้องอาหาร ความจริงรีสอร์ตเรามีบริการรถกอล์ฟกับจักรยานเช่าด้วยนะคะ ถ้าพี่วินไม่อยากขับรถก็เรียกใช้บริการได้นะคะ

ไม่ดีกว่าครับ ผมอยากเดินออกกำลัง แต่จักรยานก็เป็นทางเลือกที่ดีนะครับ เอาไว้ตอนเช้าผมจะมาเช่าขี่ออกกำลังสักหน่อย

ได้เลยค่ะ” หญิงสาวยิ้มก่อนจะผลักบานประตูเข้าไปในห้องอาหารของรีสอร์ต ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนที่ติดกับแม่น้ำแควใหญ่ ห้องอาหารสไตล์วินเทจเน้นสีขาวเป็นหลักยกเว้นส่วนที่เป็นระเบียงซึ่งใช้โทนสีวอลนัตเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศธรรมชาติ ส่วนที่นั่งที่จัดเอาไว้ให้เขากับบราลีนั้น อยู่ที่มุมในสุดของห้องใกล้กับหน้าต่างที่เปิดออกไปยังระเบียง

ตอนแรกว่าจะให้นั่งรับประทานที่ระเบียง แต่ฝนดันตกเสียได้ ฉันเลยให้ย้ายมานั่งตรงนี้แทนค่ะ ได้บรรยากาศริมน้ำเหมือนกัน” ชมพู่อธิบาย

ตรงไหนก็ได้ครับ ผมไม่มีปัญหาหรอก แค่สัมภาษณ์คงไม่ต้องใช้บรรยากาศอะไรมากมายหรอกครับ” เขาบอกพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ออกมาจากใต้โต๊ะแล้วทรุดตัวลงนั่ง

พี่จะรับอะไรก่อนไหมคะ กว่าคุณลีจะมาคงอีกสักพัก

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว งานยุ่งอยู่หรือครับ

เปล่าค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้า วันนี้คุณลีไม่ได้มาทำงาน เห็นบ่นปวดศีรษะตั้งแต่บ่ายน่ะค่ะ เลยขอนอนพักผ่อน เมื่อกี้โทร. มาบอกว่าเพิ่งตื่น ขออาบน้ำล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วจะลงมาพบค่ะ

ปวดศีรษะ” เขาทวนคำด้วยความเป็นห่วง

ค่ะ” ชมพู่พยักหน้า สงสัยอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เอิ่ม...ตกลงพี่จะรับอะไรดีคะ

งั้นขอจัสมินกรีนทีก็แล้วกันครับ

ค่ะ” หญิงสาวรับคำก่อนจะเดินไปสั่งเครื่องดื่มให้เขาแล้วกลับไปประจำเคาน์เตอร์ ทิ้งให้เขานั่งเป็นห่วงบราลีอยู่ที่โต๊ะตามลำพัง

ไม่นานนักพนักงานเสิร์ฟก็นำชาหอมกรุ่นกลิ่นมะลิมาให้พร้อมขนมปัง เขานั่งดื่มมันด้วยความกระวนกระวาย เพราะเป็นห่วงว่าบราลีจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า ทั้งยังนึกสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เนื่องจากตอนที่พบเธอช่วงบ่าย ท่าทางของเธอก็ยังดูเป็นปรกติดี

หลังจากนั่งกระสับกระส่ายอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ประตูห้องอาหารก็ถูกเปิดออก บราลีปรากฏตัวขึ้นไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น เธออยู่ในชุดเดรสลำลองสีครีม แม้จะไม่เลิศหรู แต่มันก็ทำให้เขาไม่สามารถละสายตาจากเธอได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว จนกระทั่งเธอเดินเข้ามาหยุดยืนเบื้องหน้าเขา

สวัสดีอีกครั้งค่ะ

สวัสดีครับ” กวินสะอึก รีบเม้มปากเมื่อรู้สึกว่าตัวเองอ้าปากค้างนานเกินไปแล้ว ก่อนจะลุกขึ้นแล้วอ้อมโต๊ะไปดึงเก้าอี้ให้เธอ เชิญนั่งครับ

ขอบคุณค่ะ” เธอค้อมศีรษะให้เขาก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง

เห็นชมพู่บอกว่าคุณไม่สบาย เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ” เขาเอ่ยถามขณะเดินกลับไปนั่งประจำที่ของตัวเอง

แค่ปวดศีรษะนิดหน่อยเท่านั้นค่ะ” เธอเอ่ยแล้วทำทีเป็นส่งสัญญาณให้พนักงาน ก่อนจะหันมาหาเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ฉันสั่งอาหารแนะนำของห้องอาหารให้คุณแล้ว เราทานไปสัมภาษณ์ไปก็แล้วกันนะคะ

ก็ดีครับ

คุณอยากรู้อะไรบ้างคะ

อยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับลีไงล่ะ

กวินคิดในใจ เขาอยากรู้เหลือเกินว่า หลังจากแยกจากกันแล้ว ชีวิตของเธอเป็นอย่างไรบ้าง ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด เธอคิดถึงเขาบ้างหรือเปล่า แล้วชีวิตหลังแต่งงานของเธอเป็นอย่างไร มีความสุขดีไหม และที่สำคัญ เธอยังจดจำเขาและให้อภัยสำหรับเรื่องที่ผ่านมาได้หรือเปล่า

แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยออกไปอย่างที่ใจคิด

นักเขียนหนุ่มกระแอมเบาๆ ก่อนจะเอ่ยอย่างเป็นการเป็นงาน เรื่องที่ผมคิดไว้ก็คือ พระเอกเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในเรื่องการงาน แต่ไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องความรัก ส่วนนางเอกก็เป็นดาราสาวที่ต้องพบกับมรสุมชีวิต ผมวางพลอตเอาไว้สามช่วง ช่วงแรกคิดว่าจะเขียนถึงตอนที่คุณมีปัญหาเรื่อง...เอ่อ...

ข่าวยาเสพติดกับเรื่องขายบริการทางเพศ” บราลีเอ่ยขึ้นแทนหลังจากเขามีท่าทางอึกอัก

ครับ” เขาพยักหน้า ทอดสายตาไปที่ดวงตาของเธออย่างลังเล แล้วก็เห็นประกายกล้าราวกับทหารที่เพิ่งผ่านสมรภูมิรบมาอย่างโชกโชน

ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันไม่ใช่ความจริง ศาลตัดสินแล้วว่าฉันบริสุทธิ์” บราลีเน้นย้ำคำสุดท้ายจนกวินรู้สึกได้ เขาไม่แน่ใจว่าเธอต้องการอะไร ได้แต่นั่งฟังเธอต่ออย่างเงียบๆ

ฉันผ่านมันมาแล้ว ตอนนี้ฉันเข้มแข็งพอจะพูดถึงมันได้อย่างไม่อายใครค่ะ

ครับ” กวินถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยต่ออย่างรวดเร็ว ช่วงที่สองเป็นช่วงที่คุณกับคุณอมรพบกัน ส่วนช่วงสุดท้ายเรียกว่าเป็นช่วงจบแบบแฮปปีเอนดิง เป็นช่วงงานแต่งงานและชีวิตหลังจากนั้น

หญิงสาวหัวเราะฝืนๆ บางครั้งในชีวิตจริง การแต่งงานมันก็ไม่ใช่จุดจบที่สวยหรูเหมือนในนิยายหรอกนะคะ

กวินหรี่ตามองเธอ คุณหมายความว่า คุณไม่มีความสุขกับการแต่งงานหรือครับ

บราลีส่ายหน้า ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย ฉันมีความสุขดีค่ะ

ชายหนุ่มพยักหน้าขรึมๆ รู้สึกทั้งปวดร้าวและมีความสุขไปพร้อมๆ กันที่ได้ยินว่าเธอมีความสุขดีกับชีวิตแต่งงาน ซึ่งมันคงเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถทำให้เธอได้ ถึงแม้เขาจะมีรายได้จากการเขียนหนังสือเป็นกอบเป็นกำ แต่คงไม่สามารถร่ำรวยได้เท่ากับเศรษฐีหมื่นล้านอย่างอมรแน่ๆ

ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มจากเส้นทางสู่ถนนสายบันเทิงของคุณกันดีไหม

ตรงนั้นคุณน่าจะรู้ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ

กวินสะอึก เหลือบตามองเธออย่างประหลาดใจ ซึ่งดูเหมือนดวงตาของเธอจะฉายแววตระหนกออกมาไม่น้อยเช่นกัน เพราะช่วงเวลาที่เธอก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงสมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสี่นั้น เขาเองก็มีส่วนร่วมด้วยไม่น้อย เพราะตามเธอไปเทสต์หน้ากล้องหลายต่อหลายครั้ง ทั้งยังไปรับไปส่งเธอที่กองถ่ายอีกหลายคราด้วย

เอ่อ...ฉันหมายถึงมันเป็นเรื่องราวที่คนทั่วไปรู้ดีอยู่แล้วน่ะค่ะ ฉันให้สัมภาษณ์มาหลายครั้งแล้ว” บราลีเอ่ยแก้

ถ้าอย่างนั้น...” เขาทอดเสียงลงอย่างลังเล ก่อนจะตัดสินใจข้ามประเด็นนั้นไป เรามาเริ่มเรื่องในคืนนั้นดีกว่า คุณพอจะเล่าให้ผมฟังอย่างละเอียดได้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้นคืนนั้น แล้วคุณเข้าไปพัวพันกับปาร์ตี้ยาอีนั้นได้อย่างไร

ได้ค่ะ” เธอพยักหน้า วันนั้นเพื่อนนักแสดงคนหนึ่งชวนฉันไปงานวันเกิดค่ะ ฉันขอไม่เอ่ยนามก็แล้วกัน ไม่อยากมีปัญหาอีก

ได้ครับ

หลังจากนั้นเธอก็เริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆ พร้อมกับที่เราสองคนได้รับประทานอาหารมื้อเย็นร่วมกันเป็นครั้งแรกในรอบแปดปี เรื่องจากมุมมองของเธอนั้น แตกต่างจากในหนังสือพิมพ์ที่เขาเคยอ่านค่อนข้างมาก มันทำให้เขารู้สึกเห็นใจเธอ เพราะเธอเป็นผู้ถูกกระทำแท้ๆ แต่ต้องกลายมาเป็นผู้รับบาปทั้งหมดไปเพียงคนเดียว เพราะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงกว่าดาราอีกคนซึ่งเป็นผู้ชักนำให้เธอตกลงสู่ห้วงเหวนรก โดยที่ดาราคนนั้นไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย เพราะมีคนใหญ่คนโตที่เคยส่งเด็กไปปรนเปรอสวาทเสมอคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง

ฉันต่อสู้จนสามารถชนะคดีความทั้งหมดได้นะคะ แต่ตรงนี้กลับมีคนรู้เพียงในวงจำกัด” บราลีถอนใจเฮือกใหญ่ สื่อคงเห็นว่ามันเป็นข่าวที่ขายไม่ได้ เลยลงให้ในกรอบเล็กๆ ที่ถ้าไม่ได้สนใจจริงๆ ก็คงจะไม่มีใครอ่านหรอกค่ะ

แล้ว...คุณพบกับคุณอมรตอนนี้หรือครับ

จริงๆ แล้วเราพบกันก่อนที่จะเกิดเรื่องค่ะ ฉันพาแม่มาพักผ่อนที่นี่เมื่อต้นปีที่แล้ว บ้านพักที่คุณพักนั่นแหละค่ะ” เธอพยักพเยิดไปทางบ้านริมน้ำ คุณอมรจำแม่ได้ เขาบอกว่าเคยจีบเพื่อนแม่ แต่รักไม่ลงล็อกก็เลยไม่ได้สมหวังกัน จากนั้นคุณอมรก็มักจะเชิญฉันกับแม่มาที่นี่ประจำ จ้างฉันมาโพรโมตรีสอร์ตบ้าง บางทีก็มาพักผ่อนเฉยๆ

ช่วงที่เกิดเรื่อง คุณหายไปจากวงการเป็นเดือนๆ ไม่มีใครติดต่อคุณได้เลย คุณมาอยู่ที่นี่หรือครับ

ก็ไม่เชิงค่ะ” บราลีส่ายหน้า ช่วงที่เกิดเรื่อง มีเพื่อนดาราที่ยังหวังดีกับฉันอยู่ แนะนำให้มาปฏิบัติธรรมที่วัดเขาพุทธโคดมน่ะค่ะ ตอนนั้นจิตใจฉันว้าวุ่นมาก ก็เลยตามเพื่อนมา ได้ไปปฏิบัติธรรมแล้วก็รู้สึกจิตใจสงบขึ้น พอดีคุณอมรก็ไปปฏิบัติธรรมที่นั่นเหมือนกัน เขาเข้ามาเทกแคร์ดูแลฉันกับแม่ตามประสาคนรู้จักกันน่ะค่ะ บางครั้งเลยมาพักที่รีสอร์ตแห่งนี้ค่ะ

เพราะเหตุนี้ก็เลยทำให้คุณกับคุณอมร...เอ่อ...กลายเป็นคนรู้ใจกันใช่ไหมครับ

หญิงสาวจ้องเขาเขม็งด้วยแววตาขึ้งเคียดชอบกล ก่อนจะเม้มปากแน่นแล้วผินหน้าเมินมองไปทางหน้าต่างที่เต็มไปด้วยหยดน้ำเกาะพราว

ค่ะ คุณอมรเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างฉันในเวลาที่ฉันลำบาก ทั้งๆ ที่ควรจะเป็น...” บราลีทอดเสียงลง

กวินรู้สึกหัวใจหวั่นไหวชอบกลกับคำปริศนาที่เธอทิ้งท้ายเอาไว้ แต่แล้วเธอกลับไม่พูดมันออกมาแล้วตัดบทเอาเสียดื้อๆ

วันนี้พอแค่นี้ก่อนได้ไหมคะ

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ปวดหัวหรือครับ

ค่ะ” เธอตอบสั้นๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน

กวินรีบลุกพรวด ผมเดินไปส่งไหม

ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันรู้จักที่นี่ดีกว่าคุณ คุณทานต่อให้อิ่มเถอะค่ะ ฉันขอตัว” บราลีเอ่ยเสียงสั่นเครือ ก่อนจะหันหลังให้เขาแล้วทำท่าจะเดินจากไป

กวินเกือบจะเอื้อมมือไปยื้อเธอไว้ เกือบจะร้องเรียกเธอให้หยุด แต่เมื่อเห็นสายตาของพนักงานและลูกค้าในห้องอาหารบางคน เขาก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้ เพราะไม่อยากให้เธอเสื่อมเสีย ได้แต่มองดูเธอเดินจากไปจนลับตา...อีกครั้ง

 
 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น