4

ตอนที่ 4


 

เสียงเรียกของยามเช้าริมแม่น้ำแควใหญ่ทำให้กวินเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ เขาสูดลมหายใจลึก เก็บเอากลิ่นสดชื่นของแมกไม้และสายธารที่อยู่รอบๆ บ้านพักเข้าสู่ปอด ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน จากนั้นก็หยิบชุดวอร์มสีกรมท่ามาสวมคู่กับถุงเท้าและรองเท้าผ้าใบสีขาว

เมื่อเรียบร้อยแล้วจึงเปิดประตูออกไปยืนที่หน้าบ้าน สูดลมหายใจลึกอีกครั้งพร้อมกับกางแขนตึง กลิ่นยามเช้าหลังฝนตกปรอยๆ ตลอดทั้งคืนสร้างความสดชื่นระคนชุ่มฉ่ำอย่างโรแมนติก กวินยิ้มแล้วหันไปจับจักรยานที่พิงอยู่กับผนังบ้านพัก ซึ่งเขาเช่าจากอาคารกลางของรีสอร์ตตั้งแต่เมื่อคืนมาขึ้นคร่อม ก่อนจะเริ่มปั่นไปตามถนนสายเล็กๆ อันราบเรียบ

กวินชื่นชอบการปั่นจักรยานยามเช้า เพราะสามารถดึงพลังงานสำรองที่สะสมอยู่ในรูปของไขมันออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากหลังตื่นนอนและก่อนมื้ออาหารเช้า ร่างกายยังไม่ได้รับพลังงานใหม่ ทั้งยังเป็นการทำให้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าและสมองปลอดโปร่งพร้อมสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่อีกด้วย

พื้นที่กว่าหนึ่งร้อยไร่ของรีสอร์ตแห่งนี้ เต็มไปด้วยการจัดวางภูมิสถาปัตย์อย่างลงตัว ถนนที่ลัดเลาะไปตามจุดต่างๆ นั้นมีผิวทางที่ราบเรียบ สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านพัก สวนดอกไม้ และประติมากรรมหลากสไตล์ที่ถูกจัดวางอย่างเหมาะเจาะ ทำให้การออกกำลังในเช้าวันนี้ สามารถเพิ่มพูนความกระตือรือร้นสำหรับการทำงานในวันใหม่ได้เป็นอย่างดีทีเดียว

แต่แม้ว่าเส้นทางจักรยานของที่นี่จะมีบรรยากาศที่รื่นรมย์กว่าเส้นทางท้องนาในเขตหนองจอกซึ่งเขาพักอาศัยอยู่ และสามารถสร้างความสดชื่นให้เขาได้มากกว่าก็ตามที แต่กวินกลับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้การออกกำลังในวันนี้ ไม่สมบูรณ์แบบสำหรับเขาเท่าที่ควร

นั่นอาจเป็นเพราะ ทุกครั้งที่จิตใจเริ่มปลอดโปร่ง เขาก็มักจะคิดถึง...บราลี

รีสอร์ตแห่งนี้เป็นของอมร สามีของเธอ

ทุกครั้งที่นึกถึง เขามักจะสงสัยว่า การแต่งงานครั้งนี้อาจมีเงื่อนงำอะไรหรือเปล่า หลายประโยคที่หลุดจากปากของบราลีเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมานั้น ทำให้เขารู้สึกว่าเธออาจไม่ได้เต็มใจ มีบางอย่างในคำพูดและแววตาเวลาเธอกล่าวถึงชีวิตหลังแต่งงานที่เขาคิดว่า มันทำให้ความสดใสของเธอจางหายไป

กวินถอนใจ ก่อนจะหัวเราะเยาะกับความคิดที่เอนเอียงเข้าข้างตัวเองเช่นนี้

บางทีเธออาจมีความสุข แต่เขาพยายามมองว่าเธอกำลังทุกข์อยู่ก็ได้

ความหวงแหนสิ่งที่ปล่อยหลุดมือไปอย่างที่ตัวเองไม่ได้ต้องการ ทำให้เขาอาจจะคิดเข้าข้างตัวเองว่า เธอยังรักเขาอยู่

ใครกันล่ะที่ได้เป็นภรรยาของมหาเศรษฐีซึ่งมีเงินมีทองมากมายขนาดนี้แล้วจะไม่มีความสุข แถมยังได้ใช้ชีวิตสงบร่มรื่นอยู่กับบรรยากาศอันสดชื่นและเงียบสงบเช่นนี้ทุกวันอีกต่างหาก

นักเขียนหนุ่มจบการออกกำลังแบบคาร์ดิโอด้วยร่างกายที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เขาจอดจักรยานเอาไว้ที่หน้าบ้านดังเดิม จากนั้นก็กลับเข้าบ้านพักไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดสดชื่น แล้วเดินไปที่อาคารหลังใหญ่เพื่อรับประทานอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ที่ทางรีสอร์ตจัดเอาไว้บริการแขกเหรื่อที่มาพัก

เมื่ออิ่มแล้วเขาจึงเดินออกจากห้องอาหารเพื่อกลับไปยังบ้านพัก แต่เมื่อผ่านเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ก็ต้องชะงักฝีเท้าลงด้วยเสียงเรียกแสนหวานของชมพู่

พี่วินคะ

นักเขียนหนุ่มหันไปยิ้มให้ อ้าวชมพู่ สวัสดีตอนเช้าครับ

เธอวิ่งอ้อมเคาน์เตอร์มาหาเขา คุณลีโทร. มาสั่งไว้ค่ะว่า ถ้าพี่วินทานอาหารเช้าเสร็จให้ไปหาเธอที่บ้านค่ะ

กวินเบิกตากว้าง หัวใจเต้นตึ้กตั้กด้วยความตื่นเต้น คุณลีเธอบอกหรือเปล่าว่ามีธุระอะไรกับผม

เห็นว่าจะให้ไปเซ็นหนังสือให้คุณอมรที่ห้องสมุดน่ะค่ะ

ความตื่นเต้นในหัวใจลดระดับลงอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินชื่อสามีของเธอ เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้พนักงานต้อนรับสาวสวย

ได้ครับ ว่าแต่บ้านพักของคุณลีอยู่ที่ไหนครับ

อ๋อ อยู่บนเนินใกล้บ้านพักพี่วินน่ะค่ะ หลังใหญ่ๆ ไม่เหมือนบ้านพักหลังอื่นน่ะค่ะ เดี๋ยวฉันขับรถกอล์ฟพาไปก็ได้ค่ะ

เอ่อ ไม่เป็นไรครับ” กวินโบกมือ เมื่อเช้าตอนปั่นจักรยานผมเห็นอยู่ ยังนึกสงสัยอยู่ว่าหลังใหญ่แล้วก็หรูหราเกินว่าจะเป็นบ้านพักน่ะครับ

ค่ะ หลังนั้นแหละ

โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมเดินไปเอง ชมพู่ไปทำงานต่อเถอะครับ

ค่ะ” หญิงสาวรับคำอย่างร่าเริง ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินกลับไปประจำที่

กวินเดินทอดน่องไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปสู่บ้านหลังใหญ่ที่เขาเห็นเมื่อเช้านี้ ไม่นานเขาก็มาถึงทางแยกระหว่างบ้านพักของเขากับบ้านหลังใหญ่ของเธอ เขาเดินเลี้ยวขึ้นไปบนเนินเตี้ยๆ จนกระทั่งเข้าสู่บริเวณสวนสวยที่โอบล้อมบ่อน้ำพุสามชั้นอันหรูหราหน้าบ้าน จากตรงที่ยืนอยู่นี้ กวินสามารถมองเห็นหลังคาบ้านพักของตัวเองได้อย่างชัดเจน

เมื่อเดินไปถึงหน้าบ้านซึ่งเป็นบันไดหินอ่อนขึ้นไปจนถึงประตูไม้สักบานใหญ่ที่เปิดกว้างอยู่ เขาก็เห็นหญิงสูงวัยคนหนึ่งยืนอยู่ตรงประตูบานนั้นด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม ยูนิฟอร์มสีกรมท่าปกขาวกับผ้ากันเปื้อนของเธอทำให้เขารู้ว่าเธอคงเป็นคนรับใช้ในบ้านหลังนี้อย่างแน่นอน

คุณกวินใช่ไหมคะ

ครับ

เชิญค่ะ” หญิงสูงวัยผายมือเข้าไปในบ้านอันโอ่อ่า คุณลีเธอรออยู่ที่ห้องสมุดแล้วค่ะ

นักเขียนหนุ่มเดินตามแม่บ้านสูงวัยไปจนถึงประตูไม้สีวอลนัตบานใหญ่ เธอเปิดมันแล้วพาเขาเข้าไปภายในซึ่งเป็นห้องทรงแปดเหลี่ยม กลางห้องมีชุดโซฟาหนังขนาดหกที่นั่งวางล้อมโต๊ะเตี้ยที่ทำจากไม้โอ๊กอย่างดี ผนังทุกด้านถูกตกแต่งเป็นชั้นหนังสือ มีหนังสือมากมายเรียงรายกันอย่างแออัดอยู่แทบทุกชั้น ใกล้กับผนังด้านหนึ่งมีโต๊ะทำงานตัวใหญ่พร้อมเก้าอี้พนักสูงน่าสบายตั้งอยู่ด้วย

และตรงโต๊ะทำงานตัวนั้นเอง บราลีกำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ด้วยความตั้งใจ

คุณกวินมาแล้วค่ะคุณลี

หญิงสาวชะงัก เงยหน้าขึ้นมามองพร้อมปิดหนังสือเล่มนั้น หน้าปกหนังสือทำให้เขารู้ว่าเธอกำลังอ่านนิยายของเขาอยู่

ขอบใจมากค่ะป้าดวง ป้ามีอะไรทำก็ไปทำเถอะ

ค่ะ” หญิงสูงวัยค้อมศีรษะ ก่อนจะเดินออกจากห้องแล้วปิดประตูลง

ตัวหนังสือของคุณทำให้ฉันเพลินจนไม่รู้ว่ามีใครมา” บราลีเอ่ยพร้อมวางมือทั้งสองทาบลงบนหนังสือ

ขอบคุณครับ” กวินยิ้มให้เธอ

หญิงสาวลุกจากเก้าอี้น่าสบาย หยิบหนังสือที่อ่านค้างอยู่เดินมาหาเขา

คุณอมรอยากให้คุณเซ็นหนังสือให้ ฉันก็เลยต้องรบกวนคุณให้มาที่นี่ เพราะหนังสือคุณมีหลายเล่มเหลือเกิน

ยินดีครับ” เขาค้อมศีรษะเล็กน้อย

เริ่มจากเล่มนี้ก็แล้วกัน” เธอยื่นหนังสือเล่มนั้นให้เขา

กวินรับหนังสือเล่มนั้นมา เธอผายมือให้เขาไปนั่งแทนที่เธอตรงโต๊ะทำงานตัวใหญ่พร้อมกับดึงปากกาออกจากแท่นเสียบปากกาที่ตัวฐานเป็นกล่องเก็บของกระจุกกระจิกทำจากไม้แกะสลักลวดลายป่าหิมพานต์อย่างวิจิตรบรรจง จากนั้นก็ยื่นปากกานั้นให้เขา

เดี๋ยวฉันทยอยหยิบผลงานของคุณมาให้นะคะ

นักเขียนหนุ่มพยักหน้า ก้มลงเปิดหน้าที่เป็นคำนำนักเขียนแล้วจดปากกาลงไปเพื่อเขียนคำขอบคุณและเซ็นชื่อกำกับเอาไว้พร้อมกับวันที่ จากเล่มสู่เล่มจนกระทั่งครบถ้วนจึงส่งเล่มสุดท้ายให้บราลีนำกลับไปเก็บที่เดิมของมัน

ทว่า...การส่งมอบครั้งสุดท้ายกลับเกิดผิดจังหวะอย่างไม่มีใครตั้งใจ หนังสือเล่มนั้นหลุดจากมือของเธอหล่นลงไปนอนทอดตัวอยู่บนโต๊ะทำงาน กวินรีบเอื้อมมือไปหยิบตามสัญชาตญาณเดียวกับเธอ ทำให้สองมือสัมผัสกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ

วินาทีนั้น กวินรู้สึกเหมือนมีกระแสบางอย่างไหลจากปลายนิ้วของเธอเข้าสู่ร่างกายของเขา สัมผัสนั้นคล้ายการต่อสวิตช์ไฟฟ้าทำให้วงจรครบสมบูรณ์ ทำให้เกิดความชะงักงันไปชั่ววินาทีหนึ่ง ก่อนจะเป็นเธอที่ดึงมือข้างนั้นกลับไปกุมเอาไว้แทบอก

เอ่อ...ผมไปเก็บให้ดีกว่า” เขาเอ่ยแก้เก้อ ก่อนจะหยิบหนังสือแล้วเดินอ้อมโต๊ะไปที่ชั้นหนังสือสำหรับเปลวเทียน จากนั้นก็เสียบมันเข้าไประหว่างหนังสือเล่มอื่น รู้สึกปลาบปลื้มใจที่ได้เห็นว่ามีคนที่ชื่นชมผลงานของเขาขนาดนี้กับตา

แต่มันคงจะดีกว่านี้หากคนคนนั้นไม่ใช่สามีของ...ผู้หญิงที่เขารัก

ไม่รู้ว่าคุณอมรเป็นแฟนตัวยงของเปลวเทียนนะครับ ไม่อย่างนั้นคงจะหยิบเล่มใหม่ติดมากำนัลสักเล่ม” เขาพยายามหาเรื่องคุยเพื่อทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนั้นเสีย

บราลียิ้มไม่เต็มปากนัก ถ้าจะกำนัล คงต้องหลายเล่มหน่อยค่ะ เพราะที่บ้านทุกหลังของคุณอมรมีหนังสือของคุณอยู่หลังละชุดเชียวค่ะ

จริงหรือครับ” เขาหันไปมองเธอด้วยความทึ่งระคนปลื้มใจ แต่เมื่อเห็นวงหน้าสวยใสอันน่าหลงใหลก็ทำเอาไม่สามารถถอนสายตาจากเธอได้ พวงแก้มใสแดงเรื่อขึ้น บราลีเม้มปากก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางหน้าต่าง

จริงค่ะ คุณอมรชอบผลงานของคุณมาก

กวินมองใบหน้าด้านข้างของเธอด้วยหัวใจเต้นระรัว นึกถึงวันที่เคยประคองกอดและหอมแก้มนวลนั้นแล้วก็ทำให้รู้สึกร่างกายตะครั่นตะครอขึ้นมาอย่างประหลาด

แล้วคุณล่ะ...ชอบไหม

บราลีสะอึก เธอหมุนตัวหันหลังให้เขาแล้วเดินไปยืนกอดอกอยู่ที่หน้าต่าง

ปรกติฉันไม่ค่อยได้อ่านนิยายค่ะ อ่านแต่บทละคร

แต่เมื่อครู่ ผมเห็นคุณอ่านบินแหลกแจกกระสุนอยู่

นั่นเป็นเล่มแรกที่ฉันอ่านในรอบหลายปี” เธอกล่าวเสียงเรียบ ตอนแรกฉันไม่รู้จักหน้าตาของคุณ กลัวจะต้อนรับไม่ถูกคน คุณอมรเลยบอกให้ฉันมาดูที่ปกหลังของหลังสือ ฉันเผลออ่านไปสองสามตอนก็เลยติดค่ะ คุณเขียนได้ดีจริงๆ

แสดงว่าคุณชอบ

ค่ะ” เธอพยักหน้า อ่านแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกอย่างไรไม่รู้

กวินยิ้ม เขาเดินไปยืนข้างๆ เธอเงียบๆ ลอบมองเสี้ยวหน้าของเธอ ก่อนจะเอ่ยไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นชัดเจน

ทุกอย่างที่ผมบรรยายเอาไว้เกี่ยวกับนางเอกของเรื่อง มาจากผู้หญิงที่ผม...รัก

บราลีสะดุ้ง ก่อนจะก้มหน้าลงแล้วเบือนหน้าหลบสายตาของเขาไปทางอื่น

เธอคงเป็นผู้หญิงที่โชคดี

เขาหัวเราะฝืนๆ ก่อนจะเอ่ยล้อคำพูดของเธอเมื่อคืนวาน

เรื่องแฮปปีเอนดิงมันมีแต่ในนิยายครับ เรื่องจริงมันไม่ได้ลงเอยอย่างมีความสุขแบบนั้น

ทำไมคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงเบาหวิว ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงเข้มที่แฝงเอาไว้ด้วยความขึ้งเคียดจนเขารู้สึกได้ “คุณหมดรักเธอแล้วหรือ

กวินรู้สึกโพรงอกถูกบีบแน่นด้วยคำถามนั้น เขารีบสูดลมหายใจลึกเพื่อต้านแรงมหาศาลนั้น ก่อนจะตอบออกไปด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย

ผมไม่เคยหมดรักเธอ

แล้ว...” บราลีทอดเสียงลง ก่อนจะหันไปมองเขาเขม็ง ดวงตาของเธอแดงก่ำจนน่ากลัว ทำไมคะ มันเกิดอะไรขึ้น

เขานิ่งไปนาน รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่แฝงมากับคำถามและแววตาของเธอ เขารู้สึกเหมือนเธอกำลังถามคำถามเดียวกันกับเมื่อครั้งที่เขาบอกเลิกเธอเมื่อหลายปีก่อน มันทำให้เขาอึดอัดหายใจไม่ทั่วท้องทีเดียว

เรื่องบางอย่าง เราก็ไม่สามารถบอกใครได้ มีหลายเหตุผลเหลือเกินที่สามารถทำให้คนที่รักกันแยกจากกันได้ โดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่เคยหมดรักกันเลย

บราลีขมวดคิ้วมุ่น แววตาของเธอยังคงตัดรอนหัวใจของเขาจนความรู้สึกผิดกระหน่ำรุนแรง

คุณอาจจะประเมินผู้หญิงคนนั้นผิดไป” เธอเอ่ยแล้วสูดลมหายใจลึก เบือนหน้าจากเขาหันไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง บางทีเธออาจจะลืมคุณไปแล้วก็ได้

ผมไม่สน” กวินโพล่งออกไปอย่างเผลอตัว

หญิงสาวสะอึก หันมามองเขาด้วยแววตาสงสัย คุณหมายถึงอะไรคะ

นักเขียนหนุ่มจ้องอดีตคนรักเขม็ง พยายามค้นหาตัวเองในดวงตากลมโตคู่นั้นเพื่อหาคำตอบที่เหมาะสม แต่กลับหาไม่เจอ

ผมหมายถึง ผมไม่สนว่าเธอจะยังรักผมอยู่หรือเปล่า ผมรู้แต่เพียงว่า...” เขาทอดเสียงลง ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งราวกับกำลังแข่งเกมจ้องตากันอยู่ ไม่มีใครยอมใคร จนกระทั่งเขาตัดสินใจเอ่ยประโยคที่เหลือออกไป

ผมรู้แต่เพียงว่า ผมยังรักเธออยู่ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

น้ำตาของบราลีไหลอาบแก้ม เมื่อเธอรู้สึกตัวจึงรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกแล้วหันหลังให้เขา

ฉันขอตัวก่อนนะคะ คุณอมรบอกว่าให้คุณใช้ห้องนี้ทำงานได้หากคุณต้องการ” เธอเอ่ยเสียงสั่นเครือแล้วก้าวเท้าจากไป

น้ำตาของเธอทำให้เขาชะงักไปชั่วขณะ พอเธอหันหลังให้แล้วทำท่าจะเดินจากไป กวินก็รู้สึกตัว เขารีบยกมือขึ้นหมายจะคว้าแขนของเธอ รั้งเธอให้กลับมาพูดคุยกันให้รู้เรื่อง แต่ความคิดนั้นกลับช้ากว่าการตัดสินใจก้าวจากเขาไปของเธอ เขาคว้าได้แต่เพียงลม ได้แต่มองเธอเดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตูขังเขาเอาไว้ในห้องกว้างใหญ่เพียงลำพัง

เสียงประตูปิดดังขึ้นพร้อมกับเสียงทอดถอนใจของเขา กวินหันไปที่หน้าต่าง เท้าสองแขนลงบนวงกบ ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง

กวินไม่ได้นั่งทำงานที่ห้องสมุดของคุณอมรตามคำเชื้อเชิญของบราลี นั่นเพราะเขาไม่ได้เตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาไปด้วย จึงตัดสินใจเดินกลับไปทำงานที่บ้านพัก แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ว่าจะเปลี่ยนที่นั่งจากภายในบ้านไปที่ระเบียง หรือสวนหน้าบ้านก็ตาม

ในที่สุด กวินก็ตัดสินใจพับหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขาลงแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

นักเขียนหนุ่มเดินกลับเข้าบ้านพัก วางเครื่องมือทำมาหากินลงบนโต๊ะ ก่อนจะล้มตัวนอนบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ของรีสอร์ตขึ้นมา กดหมายเลขไปยังส่วนต้อนรับ

สวัสดีค่ะ

สวัสดีครับ” เขากรอกเสียงลงไป โทร. จากบ้านพักริมน้ำนะครับ

อ๋อ...สวัสดีค่าพี่วิน มีอะไรให้ชมพู่รับใช้คะ

เขายิ้มกับน้ำเสียงแจ่มใสของเธอ คือผมมีข้อมูลบางอย่างอยากจะสอบถามคุณลีอีกนิดหน่อย ไม่ทราบว่าชมพู่จะต่อสายให้ได้หรือเปล่าครับ

ยินดีค่า รอสักครู่นะคะ

สิ้นเสียงของพนักงานต้อนรับสาว สัญญาเพลงรอสายก็ดังขึ้น กวินรอด้วยหัวใจเต้นระรัว จนกระทั่งเสียงหวานใสดังลอดออกมาจากลำโพง

สวัสดีค่ะ

สวัสดีครับคุณลี

คุณกวินมีอะไรจะสอบถามอีกหรือคะ

อืม...ก็ไม่เชิงหรอกครับ เพียงแต่ผมอยากเห็นบรรยากาศของวัดที่คุณไปปฏิบัติธรรมน่ะครับ

บราลีเงียบไปพักใหญ่จนหัวใจของเขาเต้นตุ๊มๆ ต้อมๆ กับการรอคอยอันน่าอึดอัดครั้งนี้

ฉันจะให้นายเข้มขับรถพาไปก็แล้วกันนะคะ

กวินถอนใจออกมาเบาๆ เธอคงไม่อยากจะพบหน้าเขาอีกหลังจากเกิดเรื่องเมื่อเช้านี้

ผมกำลังเขียนเรื่องเกี่ยวกับคุณนะครับ ไม่ใช่นายเข้ม

หญิงสาวเงียบไปอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เขาพูดออกไป แต่เขารู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้อารมณ์พลุ่งพล่านครอบงำจิตใจจนเอ่ยออกไปด้วยคำพูดและน้ำเสียงเข้มเช่นนั้น

ได้ค่ะ” ในที่สุดบราลีก็เอ่ยออกมา ถ้าอย่างนั้นฉันขอเตรียมตัวสักครู่ เดี๋ยวจะวนรถไปรับที่บ้านพักนะคะ

ขอบคุณครับ

กวินถอนหายใจก่อนจะวางหูโทรศัพท์ลงบนแป้นแล้วนอนรอรถอยู่บนเตียง จนกระทั่งได้ยินเสียงแตรรถยนต์จึงลุกขึ้น หยิบสมุดโน้ตกับโทรศัพท์มือถือแล้วเดินออกไปที่หน้าบ้าน

หลังรถของเขา มีรถตู้คันใหญ่จอดต่อท้ายอยู่ คนขับรถซึ่งน่าจะชื่อเข้มยืนยิ้มแฉ่งอยู่ข้างรถอย่างเป็นมิตร ก่อนจะหันไปเปิดประตูให้เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้

บราลีนั่งอยู่ที่เบาะแถวหน้าในส่วนของห้องโดยสารด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม ดวงหน้าของเธอเรียบเฉย เมื่อเขาก้าวขึ้นไปนั่งข้างๆ เธอก็เพียงหันมาค้อมศีรษะให้พร้อมยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

ไปวัดเขาพุทธฯ นะ นายเข้ม” เธอหันไปบอกสารถี

ครับคุณลี” นายเข้มค้อมศีรษะเล็กน้อยแล้วบังคับรถให้เคลื่อนไปตามถนนสายเล็กๆ ของรีสอร์ต ก่อนจะออกสู่ถนนหลัก

ตลอดทาง บราลีมองออกไปนอกหน้าต่าง ซึ่งทำให้เขาเห็นแต่ผมยาวสลวยของเธอเท่านั้น ดูเหมือนการสนทนาเมื่อเช้าจะทำให้เกิดปฏิกิริยาอะไรบางอย่างกับเธอไม่น้อย ถึงทำให้เธอแสดงท่าทีเย็นชากับเขาแบบนี้

ขอโทษที่ต้องรบกวนเวลาทำงานของคุณลีนะครับ แต่ผมอยากรู้ว่าคุณใช้ชีวิตอย่างไรตอนอยู่ที่วัดน่ะครับ” กวินเอ่ยอย่างหาเรื่องชวนคุย

ก็ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวค่ะ ฉันรู้สึกได้ถึงความโดดเดี่ยวจริงๆ” เธอเอ่ยเสียงแข็งขึ้นมา

แล้ว...พวกดาราหนุ่มๆ ที่คุณเคยคบล่ะครับ

ฉันไม่เคยคบใคร” บราลีปฏิเสธเสียงแข็งโดยไม่คิดจะหันกลับมาสักนิด ถ้าคุณมีรักมั่นคงกับคนรักของคุณจริงอย่างที่คุณเล่าให้ฟัง ฉันก็มีความรักมั่นคงของฉันเหมือนกันค่ะ ความรักของฉันไม่ใช่ขนมหวานที่จะเที่ยวเร่แจกให้ใครชิม

กวินถึงกับอึ้ง รู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่มแทงหัวใจที่เต้นระรัวอยู่ในโพรงอก

รักมั่นคงของคุณ คงหมายถึง...คุณอมร

บราลีหันขวับกลับมามองเขา ริมฝีปากของเธอสั่นระริก ดวงตาแดงก่ำที่เต็มไปด้วยน้ำใสเขม้นมองเขาอย่างขึ้งเคียด ก่อนจะหันหน้ากลับไปทางหน้าต่างเหมือนเดิม

สำหรับคุณอมร มันเป็นมากกว่าความรักค่ะ

กวินรู้สึกเหมือนผีดิบที่ถูกตอกลิ่ม รู้สึกจุกอกจนพูดอะไรไม่ออก หลังจากได้ยินคำพูดเปรียบเทียบที่เหมือนตัวเองถูกลดทอนความสำคัญลงกลายเป็นฝุ่นผงไร้ค่า ต่างจากสามีของเธอที่ลอยสูงขึ้นไปโดดเด่นอยู่บนฟ้า เขากลั้นลมหายใจ ก่อนจะเบือนหน้าไปทางหน้าต่างบ้าง สายตาทอดมองทิวทัศน์ข้างทางอย่างเงียบๆ แต่หัวใจปวดร้าวลึกจนยากเกินบรรยาย

ความเงียบครอบงำไปทั่วทั้งรถ บรรยากาศสองข้างทางกลายเป็นท้องทุ่งนากว้างไกล ก่อนจะกลายเป็นเส้นทางแคบๆ ขนาบด้วยภูเขาใหญ่ จนกระทั่งไปถึงลานจอดรถซึ่งมีรถทัวร์จอดอยู่หลายคัน

สงสัยจะมีคณะมาปฏิบัติธรรม” บราลีเอ่ย ก่อนจะหยิบแว่นกันแดดอันโตขึ้นมาสวมปิดใบหน้าเล็กๆ ของเธอเอาไว้เกือบครึ่ง

ถ้าคุณไม่สะดวก เอาไว้วันหลังก็ได้นะครับ

ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เธอบอกโดยไม่หันมามอง คนพวกนี้มาด้วยใจรักในพระพุทธศาสนา ไม่ได้สนใจเรื่องฉาวทางโลกหรอกค่ะ

เมื่อนายเข้มเปิดประตูให้ บราลีก็ก้าวลงจากรถลงไปยืนคอยเขาอยู่ที่ด้านล่าง กวินก้าวตามลงไป ก่อนจะมองไปรอบๆ บริเวณ แล้วก็พบว่าพื้นที่ในหุบเขาแห่งนี้ค่อนข้างร่มรื่นไม่น้อย หัวใจที่เต็มไปด้วยความว้าวุ่นตลอดทางกลับสงบลงได้อย่างน่าอัศจรรย์เมื่อได้ยินเสียงใบไม้เสียดสีกัน ผสมผสานกับเสียงนกที่ดังแว่วมาเป็นจังหวะ

สมกับเป็นที่สงบจิตสงบใจนะครับ

บราลีหันมายิ้มแห้งแล้งให้เขา ก่อนจะหันหลังให้แล้วเดินไปยังบันไดหินสำหรับขึ้นไปบนภูเขา คะเนดูแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสองถึงสามร้อยเมตรเลยทีเดียว

เมื่อขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของบันได เขาพบว่าด้านบนนี้เป็นลานสนามหญ้ากว้างใหญ่เอามากๆ ที่กลางลานนั้นมีอาคารหลังใหญ่สีขาวหลังคาสีเขียวตั้งอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่า รอบๆ ลานมีกระท่อมหลังเล็กๆ ปลูกอยู่ใต้ร่มทิวไม้ใหญ่ที่เรียงรายล้อมลานแห่งนี้อยู่นับร้อยหลังคาเรือน ด้านหลังอาคารนั้นเป็นภูเขาสูงมีบันไดหินขึ้นไปด้านบนเฉกเช่นเดียวกับที่เขาเพิ่งจะไต่ขึ้นมา

ไม่เห็นมีคนเลยนะครับ ทำไมข้างนอกมีรถจอดเต็มไปหมด

สงสัยฝึกสมาธิกันอยู่บนศาลานั่นมั้งคะ” บราลีชี้ไปที่อาคารใหญ่หลังคาเขียว ก่อนจะชี้ไปยังกระท่อมหลังเล็กๆ นั่นเป็นที่พักของผู้มาปฏิบัติธรรมค่ะ ชายหญิงจะพักแยกกันคนละฝั่ง และถ้าเราขึ้นบันไดไปอีกก็จะเป็นส่วนของวัดกับกุฏิของพระสงฆ์ค่ะ

แล้วสนามหญ้านี่ล่ะครับ กว้างทีเดียว เอาไว้ทำอะไรหรือครับ

เป็นลานอเนกประสงค์ค่ะ ส่วนใหญ่ก็เอาไว้เดินจงกรมตอนเย็น” เธออธิบายให้ฟัง ก่อนจะพาเขาเดินชมสถานที่อย่างเงียบๆ เพื่อจะได้ไม่ไปรบกวนสมาธิของผู้ที่มาปฏิบัติธรรม ก่อนจะพาเขาเดินขึ้นไปไหว้พระพุทธรูปที่โบสถ์ด้านบน

หลังจากกราบพระประธานแล้ว บราลีก็หันมาหาเขาพร้อมกับผายมือไปยังกระบอกไม้ไผ่สีแดงที่มีแผ่นไม้เล็กๆ อัดแน่นอยู่ภายในเต็มไปหมด

ลองเสี่ยงเซียมซีดูไหมคะ เห็นหลายคนบอกว่าท่านศักดิ์สิทธิ์นัก

กวินขมวดคิ้ว ก่อนจะเอื้อมไปหยิบกระบอกไม้ไผ่สีแดงมาอธิษฐานเรื่องงานและความรัก จากนั้นก็เขย่าแรงๆ อยู่หลายครั้งกว่าแผ่นไม้แผ่นหนึ่งจะหล่นออกมาทอดตัวอยู่บนพื้นโบสถ์

หมายเลขสามสิบห้า” เขาเอ่ยหลังจากหยิบขึ้นมาดูตัวเลขสีแดงที่ปลายไม้ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่แผงเก็บใบเซียมซีแล้วหยิบใบที่สามสิบห้าออกมาอ่าน

เขาว่าไงคะ

ชายหนุ่มมองอดีตคนรัก ก่อนจะหันไปอ่านใบเซียมซีด้วยเสียงที่ดังพอให้ได้ยินกันสองคนโดยไม่รบกวนความสงบของวัด

สามสิบห้าว่าไว้เหมือนเรือเล็ก                  ล่องระเห็จฝ่าคลื่นลมที่โถมใส่

จะข้ามฝั่งแสนยากเข็ญลำเค็ญใจ                แต่หากใจมุ่งมั่นจะสมปอง

ทิศประจิมคือทิศที่หวังไว้              ถ้ามุ่งไปจะได้ดีไม่มีหมอง

จะประจักษ์แจ่มแจ้งไม่แรมรอน                  จะสมปองเคียงคู่สู่แดนสรวง

ถามรักร้างท่านว่าจะได้คืน             แต่ต้องฝืนลิขิตผิดใหญ่หลวง

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น