“ลีรักคุณอมรหรือเปล่า”
คำถามนั้นทำเอาบราลีอึ้งไปหลายวินาที ดวงตาคู่งามที่มองจ้องเขาคล้ายกับมีความหวาดหวั่นอะไรบางอย่างแฝงอยู่ กวินรู้สึกเหมือนหัวใจถูกเปลวเพลิงสุมจนร้อนรุ่มไปหมดกับการรอคอยคำตอบของเธอ แม้จะไม่ถึงนาที แต่มันก็ผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน
“ลี...” หญิงสาวทอดเสียงลงอย่างลังเล มือของเธอในอุ้งมือของเขาสั่นเล็กน้อย “ลีไม่ขอตอบคำถามนี้ได้ไหมคะ”
“ทำไมล่ะ”
นัยน์ตาของบราลีกลอกไปมาอย่างว้าวุ่น ก่อนจะแข็งกร้าวขึ้นจนเขาเองก็ตกใจ
“ลีจะตอบคำถามนี้ก็ต่อเมื่อ วินตอบคำถามของลีก่อน”
คราวนี้เป็นเขาเองที่อึ้ง กวินมองบราลีอย่างพินิจ การยื่นเงื่อนไขแบบนั้นทำให้เขาเชื่อว่าเธออาจจะไม่ได้รักคุณอมรเหมือนอย่างที่สัมภาษณ์ออกสื่อหลายสื่อ แต่ไม่ได้เป็นการการันตีว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นถูก หากไม่ได้ยินจากปากของเธอจริงๆ บางทีเธออาจจะแกล้งยั่วเขา เพื่อให้เขาเผยความลับเมื่อแปดปีที่แล้วออกไปให้เธอรับรู้ก็ได้
เพราะจะมีเหตุผลอะไรล่ะ ที่ทำให้คนอย่างบราลีตัดสินใจแต่งงานกับชายอายุคราวพ่อเช่นนี้ หากไม่เป็นเพราะ...รัก
“ฝนซาแล้ว” บราลีเอ่ยขึ้นขณะหันไปมองที่หน้าต่าง
“แต่มันยังตกอยู่นี่”
“มันดึกมากแล้วค่ะ แล้วลีก็แต่งตัวไม่เรียบร้อยด้วย”
คำพูดทิ้งท้ายของเธอทำให้กวินถึงกับกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอด้วยความรู้สึกวูบวาบประหลาด ชุดเปียกชื้นบนโต๊ะชงกาแฟเป็นเครื่องยืนยันคำพูดของเธอได้เป็นอย่างดีว่า ตอนนี้เธอมีเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำของรีสอร์ตเท่านั้นที่ห่อหุ้มร่างกายอยู่
“วินเดินไปส่งไหม”
“อืม...ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ลีเดินไปเองได้ วินพักผ่อนเถอะ”
“ลีกลัวคนที่บ้านจะเห็นหรือ” เขาย้อนถาม
หญิงสาวนิ่ง ไม่ตอบคำถามเขา ทำให้กวินแน่ใจว่านั่นคือเหตุผลที่เธอปฏิเสธ ซึ่งเขาก็เข้าใจได้ เพราะหากใครมาเห็นเธอในสภาพเช่นนี้อาจเกิดความเข้าใจผิดได้ไม่มากก็น้อย
“ถ้าอย่างนั้นก็เดินระวังนะ หลังฝนตกถนนอาจจะลื่น”
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้ม
รอยยิ้มนั้นทำให้เขาอยากดึงเธอมากอดเหลือเกิน แต่เขาก็ทำไม่ได้ ด้วยเหตุผลนานาประการที่คอยกีดกั้นระหว่างกันอยู่
บราลีลุกขึ้นในที่สุด เธอเดินไปหยิบเสื้อผ้าเปียกปอนของตัวเองบนโต๊ะชงกาแฟ จากนั้นก็เดินไปที่ประตู เขาได้แต่ยืนส่งเธออยู่ตรงนั้น รู้สึกเหมือนสองขาหนักอึ้งจนไม่อาจก้าวเดินไปได้มากกว่านี้ จนกระทั่งเธอหยุดกึกยืนนิ่งอยู่ที่ประตู หัวใจของเขาก็ถึงกับเต้นแรงอย่างไม่เป็นจังหวะ
บางทีเธออาจเปลี่ยนใจ
วินาทีที่เธอหันมา เขารู้สึกว่าเธอเหมือนสมบัติล้ำค่าที่มีแสงเจิดจรัส มันทำให้ความต้องการครอบครองเธออย่างเห็นแก่ตัวผุดขึ้นในสมอง
มันต้องมีวิธีช่วงชิงเธอกลับมาสิ
สิ่งเดียวที่เขาแพ้อมรก็คือ เงินทองที่มากล้นจนใช้อย่างไรก็ไม่หมด แต่เขาไม่ได้ขัดสนถึงขนาดต้องกัดก้อนเกลือกินสักหน่อย เขามีเงินมากพอที่จะใช้ชีวิตคู่กับเธอไปตลอดชีวิตอย่างสบายๆ แถมยังหนุ่มแน่นกว่าอีกต่างหาก
“พรุ่งนี้เช้า วินอยากทานข้าวต้มกระดูกหมูเห็ดหอมไหม” บราลีเอ่ยขึ้นในที่สุด
กวินยิ้ม หัวใจพองฟู โพรงอกเต็มไปด้วยความสว่างไสว คำถามนั้นทำให้เขาตัดสินใจได้ว่า ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอกลับคืนมา
เขาพยักหน้าช้าๆ “วินคิดถึงข้าวต้มกระดูกหมูเห็ดหอมฝีมือลีแทบทุกเช้าเลย”
บราลียิ้มแป้นอย่างภาคภูมิใจในคำชมกลายๆ ของเขา “ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้ก่อนไปออฟฟิศ ลีจะแวะเอามาให้นะ”
“ขอบคุณ” เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่หุบไม่ลง
“งั้นลีไปละนะ” บราลีโบกมือไหวๆ ท่าทางและรอยยิ้มเช่นนั้นทำให้เขานึกอยากจูบเธอ
กวินพยักหน้าพร้อมกับกลืนความต้องการลงคอ มองเธอหันไปหยิบร่มขึ้นมาแล้วทำท่าจะเดินจากไปก็รู้สึกใจหาย คืนนี้เขาอาจนอนไม่หลับ หากไม่ได้จุดประกายความสุขขึ้นในหัวใจตัวเอง
“ลี” เขาร้องเรียกเธอ
หญิงสาวชะงักทันทีราวกับรออยู่แล้ว ก่อนจะหมุนตัวกลับมาอีกครั้ง
“คะ”
“พรุ่งนี้เช้าทานข้าวต้มกับวินนะ”
รอยยิ้มน่าจูบเผยออกมาอีกครั้ง เธอพยักหน้า “ได้ค่ะ”
“เดินระวังนะ” เขาย้ำด้วยความเป็นห่วง หัวใจพองโตราวกับกลับไปเป็นหนุ่มอายุสิบแปดอีกครั้ง ก่อนจะมองเธอค่อยๆ หายไปกับความมืดเบื้องนอกด้วยหัวใจที่อิ่มเอมอย่างประหลาด
คืนนี้เขาคงหลับสนิท...
กวินตื่นนอนขึ้นมาในเช้าวันใหม่ด้วยความรู้สึกแจ่มใสเป็นพิเศษ เขาเอื้อมมือไปปิดเสียงปลุกจากโทรศัพท์มือถือแล้วลืมตาขึ้นมองเพดานสีขาวขุ่นด้วยหัวใจที่ยังกรุ่นไปด้วยความสุขจากความฝันแสนหวาน
ไม่มีความง่วงงุนหลงเหลืออยู่เหมือนทุกๆ เช้า
เขาลุกขึ้นนั่งด้วยอาการตื่นตัว มองไปที่หน้าต่าง ข้างนอกยังคงไม่สว่างนัก เขายังมีเวลาไปออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน ก่อนจะกลับมาอาบน้ำและนั่งรอข้าวต้มกระดูกหมูเห็ดหอมฝีมือบราลีอันเป็นของโปรดของเขา
ชายหนุ่มลุกจากที่นอน เดินเปลือยเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา แต่งชุดออกกำลังกายที่เตรียมมา จากนั้นก็เดินออกไปหน้าบ้าน ดึงจักรยานมาขี่พลางนึกถึงฝันแสนหวานเมื่อคืนนี้ แล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่า...
ตอนนี้บราลีกำลังทำอะไรอยู่นะ เธอตื่นนอนหรือยัง หรือกำลังเข้าครัวทำอาหารให้เขาอยู่
กวินยิ้มกับคำถามมากมายในสมอง เขาสูดลมหายใจลึก รับเอาความสดชื่นยามเช้าของรีสอร์ตหรูกลางเมืองกาญจนบุรีเข้าเต็มปอด ก่อนจะออกแรงปั่นจักรยานไปตามทางเดิมที่สำรวจตั้งแต่เมื่อวันวาน
ในระหว่างนั้น เขารู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวแจ่มชัดกว่าเช้าวันก่อน สมองเขาเปิดรับธรรมชาติอย่างเต็มที่ เขาได้ยินเสียงนกร้อง เห็นผีเสื้อกระพือปีก ได้กลิ่นของมวลดอกไม้ อายดิน และใบหญ้าที่ชื้นฝน ผิวกายของเขาสัมผัสกระแสลมเย็นยามอรุณรุ่งได้เป็นอย่างดี
ไม่มีวันไหนในช่วงแปดปีที่ผ่านมาที่เขารู้สึกสดชื่นเช่นนี้มาก่อน เช้าวันนี้ช่างสดใสจริงๆ
ชายหนุ่มจบการออกกำลังในเช้านี้ด้วยการวอร์มดาวน์สิบห้านาที ก่อนจะกลับเข้าบ้าน เสียบปลั๊กเครื่องชงกาแฟแล้วเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอาบท่าให้ร่างกายสดชื่น จากนั้นก็หยิบเสื้อยืดโปโลสีฟ้าครามมาสวมพร้อมกับกางเกงยีนตัวใหม่ หวีผมให้เรียบแปล้แล้วสำรวจตัวเองอีกครั้ง เมื่อเรียบร้อยก็ออกไปชงกาแฟยามเช้าตอนที่น้ำเดือดพอดี
กวินถือถ้วยกาแฟออกไปที่ระเบียงหลังบ้าน ทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้แล้วทอดสายตามองแม่น้ำแควใหญ่ไหลเอื่อยเหมือนเวลาที่ผ่านไปทุกวินาที
ตอนนี้บราลีกำลังทำอะไรอยู่นะ
วันนี้บราลีตื่นเช้าเป็นพิเศษ เธอล้างหน้าล้างตาแล้วลงไปที่ครัวทั้งชุดนอนไนต์กาวน์สีฟ้าบางเบา หลังจากต้มน้ำแล้วค่อยๆ หยิบส่วนผสมต่างๆ ที่จัดเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนออกมาจากตู้กับข้าว นำกระดูกหมูอ่อนที่หันเป็นชิ้นๆ พอดีคำมาใส่ในหม้อที่ต้มน้ำจนเดือดเมื่อครู่แล้วปิด
“อ้าวคุณลี” แม่บ้านดวงร้องทักเมื่อเข้ามาในครัวแล้วเห็นเจ้านายสาว
บราลีหันไปยิ้มให้
“ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจังคะ ตื่นก่อนฉันอีก”
“อยากทานข้าวต้มกระดูกหมูน่ะค่ะ” เธอตอบ
“อยากกินก็บอกป้าสิคะ จะได้ทำให้”
บราลีฉีกยิ้มอย่างร่าเริงขณะปิดฝาหม้อ “อยากทำเองน่ะค่ะ เดี๋ยวลีไปอาบน้ำแป๊บนะคะ ฝากป้าดวงดูกระดูกหมูให้หน่อยนะคะ”
“ได้ค่ะ” หญิงสูงวัยค้อมศีรษะ “ไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยวป้าดูให้”
“ขอบคุณค่ะ” เธอบอก “อ้อ...ฝากหุงข้าวให้ด้วยนะคะ”
“ได้ค่า”
คุณนายสาวยิ้มแฉ่ง ก่อนจะรีบกลับขึ้นไปบนห้องนอน เดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่น จากนั้นก็เดินเข้าห้องแต่งตัวแล้วหยิบชุดเดรสแขนกุดสีชมพูอ่อนที่มีลูกไม้สีขาวระบายอยู่รอบคอเสื้อมาสวม แต่งหน้าบางๆ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็รีบลงไปที่ห้องครัว
“คุณลีจะให้ป้าปรุงเลยไหมคะ” ป้าดวงเอ่ยถามพลางช้อนฟองน้ำเดือดออกจากหม้อ เมื่อเห็นเธอเดินเข้าไปในห้องครัว
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวลีจัดการเอง” บราลีบอกก่อนจะเปิดฝาหม้อ หยิบเครื่องปรุงใส่ลงไปพร้อมกับหัวใจช่วยให้รสชาติล้ำเลิศ ขณะเดียวกันก็ฮัมเพลงตลอดเวลา
“วันนี้คุณลีอารมณ์ดีจังนะคะ”
“วันอื่นลีอารมณ์ไม่ดีหรือคะ” เธอถามพลางใช้ช้อนตักน้ำมันหอยใส่ลงไปในหม้อ
“เปล่าค่ะ เพียงแต่วันนี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ”
“สงสัยวันนี้จะได้ทานของอร่อยมั้ง” หญิงสาวหัวเราะคิกคัก หยิบไช้โป๊หวาน ผักชี ขึ้นฉ่าย และต้นหอมซอยใส่ลงไปในหม้อ ปิดท้ายด้วยเห็ดหอมอันเป็นสูตรเด็ดของเธอลงไป ทิ้งไว้อีกประมาณสิบนาทีแล้วจึงปิดแก๊ส เมื่อคนทุกอย่างให้เข้ากัน กลิ่นหอมก็โชยขึ้นมาจนน้ำลายสอ
“ป้าดวงตักข้าวให้ทีค่ะ” บราลีเอ่ยพลางใช้ช้อนตักน้ำซุปขึ้นมาชิม ก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงใจแล้วรับข้าวจากแม่บ้านมาใส่ลงไปในหม้อ คนให้เข้ากันเป็นอันเสร็จ
“เดี๋ยวคุณแม่ตื่นแล้ว ป้าดวงช่วยยกไปที่ห้องอาหารให้ทีนะคะ”
“ได้ค่ะ”
บราลีพยักหน้า หันไปหยิบกล่องบรรจุอาหารที่มีระบบอุ่นไฟฟ้ามาสองกล่องแล้วตักข้าวต้มใส่อย่างพอดีอิ่ม ไม่ลืมเติมกระเทียมเจียวเยอะๆ ในกล่องหนึ่งด้วย
“คุณลีจะเอาไปทานที่ทำงานหรือคะ”
“เอ่อ...”
หญิงสาวลังเล แม่บ้านดวงคงคิดว่าเธอเตรียมเอาไว้สองกล่องสำหรับมื้อเช้าและมื้อกลางวัน
“ใช่ค่ะ” บราลีตอบ ก่อนจะรวบกล่องอาหารขึ้นด้วยมือเดียว จากนั้นก็โบกมือให้แม่บ้านสูงวัยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ลีไปก่อนนะคะ”
พูดจบก็รีบเดินออกจากห้องครัว เดินตัดโถงใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องเรือนหรูหราไปที่ประตูใหญ่ สองเท้าก้าวยาวๆ ตามทางเดินลงเนินเขา ก่อนจะเลี้ยวไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับออฟฟิศ นึกสงสัยว่าตอนนี้กวินกำลังทำอะไรอยู่กันนะ
เสียงเคาะห่วงประตูที่หน้าบ้านทำให้กวินตื่นจากภวังค์อันสงบของเช้าวันร่มรื่น เขารีบลุกจากเก้าอี้เพราะรู้ดีว่าใครเป็นคนทำให้เกิดเสียงกังวานนั้นแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอน ทอดสายตามองไปที่ประตูบานใหญ่
บราลียืนอยู่ตรงประตูเหมือนวันแรกที่เขามาถึง ต่างกันตรงที่วันนี้เธอไม่ได้ทำให้เขาตะลึงด้วยความตกใจ เพราะชุดเดรสสีน่ารักพร้อมกับกล่องอาหารในมือ เขายิ้มเบิกบานแล้วรีบเดินไปเปิดประตูให้เธอเข้ามาทันที
“ขอบคุณค่ะ”
กวินยื่นมือไปรับกล่องอาหารจากมือของเธอ “ลีไปนั่งรอที่ระเบียงเลย เดี๋ยววินจัดการต่อเอง”
“ค่ะ”
ชายหนุ่มเดินไปหยิบชามจากหลังตู้เย็นมาแล้วเทข้าวต้มออกจากกล่อง กลิ่นหอมที่ไม่เคยลืมกรุ่นขึ้นมาเตะจมูกจนน้ำลายสอ
“หอมจัง” เขาเอ่ยกับตัวเองก่อนจะยกชามทั้งสองออกไปที่ระเบียงหลังบ้าน วางมันลงบนโต๊ะเตี้ยข้างๆ เธอ
“ไม่ได้ทำนาน ไม่รู้จะทานได้หรือเปล่า” บราลีถ่อมตัวแล้วหัวเราะคิกคัก
“กลิ่นกับหน้าตา วินให้เต็มสิบ” กวินบอกพร้อมยกนิ้วขึ้นมาสิบนิ้ว “แต่รสชาติต้องขอชิมก่อน”
เขายิ้มแล้วหยิบช้อนตักข้าวต้มขึ้นมาชิม เมื่อลิ้นสัมผัสความละมุนของรสอาหาร เขาก็รู้สึกว่ารสชาติของข้าวต้มกระดูกหมูเห็ดหอมแสนอร่อยฝีมือของบราลีนั้น ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
“ยังอร่อยเหมือนเดิมนะ วินให้สิบ”
หญิงสาวยิ้มแป้น “แกล้งชมหรือเปล่าคะ”
“ไม่เชื่อก็ลองชิมดูสิ ของเขาดีจริงๆ” กวินไม่พูดเปล่า เขาตักข้าวต้มขึ้นมาอีกช้อน ก่อนจะยื่นไปใกล้กับริมฝีปากของเธอ
บราลีชะงัก เธอมองเขาอย่างลังเลสักพัก แต่ในที่สุดก็ยอมรับประทานข้าวต้มจากการป้อนของเขา
กวินยิ้มอย่างลำพอง “เป็นไง อร่อยไหม”
เธอเพียงพยักหน้า เขายิ้มสูดลมหายใจลึกราวกับจะเก็บบรรยากาศแห่งความชื่นมื่นนี้เอาไว้ให้เต็มปอด
“เราไม่ได้ทานข้าวด้วยกันอย่างนี้นานเท่าไหร่แล้วนะ”
หญิงสาวหัวเราะ “เมื่อวาน เราเพิ่งทานอาหารเย็นด้วยกันนี่คะ”
“วินหมายถึง ทานด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนน่ะ”
บราลีชะงักไปอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วก้มหน้าลงพลางใช้ช้อนเขี่ยข้าวในชาม ท่าทางเช่นนั้นทำให้กวินแน่ใจว่าเธอรู้ความหมายของเขาดี
“วินก็รู้นี่คะ ว่ามันไม่มีทางเหมือนเดิมอีกแล้ว”
ชายหนุ่มถึงกับอึ้ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ “อย่างน้อย เราก็ไม่ได้ทานอาหารด้วยกันเหมือนคนไม่รู้จักกันอย่างเมื่อวาน”
“ค่ะ” เธอพยักหน้ารับ
“วันนี้ลีว่างพอจะให้วินสัมภาษณ์ต่อไหม”
หญิงสาวเลิกคิ้วมองเขา “มีเรื่องอะไรจะต้องถามลีอีกหรือคะ”
เขาไหวไหล่ “ก็หลายเรื่อง เกี่ยวกับเอ่อ...ตอนที่คุณอมรขอลีแต่งงาน”
“อ๋อ” เธอครางเบาๆ คิ้วขมวดมุ่นอย่างครุ่นคิด ก่อนจะตอบ “ช่วงเช้าต้องจัดการเรื่องเอกสารอีกสองสามอย่าง ตอนบ่ายคงว่างค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นบ่ายๆ วินไปหาลีที่ออฟฟิศได้ไหม”
“เอ่อ...เดี๋ยวลีมาหาวินที่นี่ดีกว่าค่ะ”
“ก็ดีครับ ผมจะรอนะ”
บราลีมองเขาด้วยแววตาพิศวง “วินไม่อยากไปเที่ยวไหนหรือคะ”
กวินเกาคางอย่างครุ่นคิด ความจริงแล้วเขาไม่ได้เตรียมแผนจะไปเที่ยวที่ไหนนอกจากนั่งเขียนงานภายใต้บรรยากาศชิลชิลริมแม่น้ำแควเช่นนี้ แต่หากมันจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอให้กลับคืนมาก็น่าสนใจไม่หยอก
“ลีพาวินไปเที่ยวได้ไหม”
เธอชะงัก ก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ “คงต้องเป็นตอนบ่ายนั่นแหละค่ะ”
“ไม่มีปัญหา” กวินรีบคว้าโอกาสที่เธอเปิดให้ทันที “ตอนเช้าวินจะได้นั่งเขียนอะไรไปก่อน ตอนบ่ายเราก็ไปเที่ยวกัน วินค่อยสัมภาษณ์ลีตอนนั้นก็ได้”
“เอ่อ...” หญิงสาวคราง ทำหน้าเหมือนคนเผลอตกกระไดพลอยโจน แต่ในที่สุดก็ตอบตกลงจนได้ “เอางั้นก็ได้ค่ะ”
“ดีเลย” ชายหนุ่มดีดนิ้วดังเปาะ “เป็นอันว่าตามนี้นะ”
“ค่ะ เดี๋ยวเสร็จงานแล้วลีมารับวินก็แล้วกันนะ”
“ครับ” กวินยิ้มด้วยความดีใจ ก่อนจะรับประทานข้าวต้มกระดูกหมูฝีมือของบราลีด้วยความเอร็ดอร่อย
“อืม...อร่อยนี่” ลีลาวดีเอ่ยชมหลังจากชิมข้าวต้มกระดูกหมูที่แม่บ้านดวงจัดให้บนโต๊ะตัวยาวขนาดสิที่นั่ง “หล่อนทำเองเหรอ ไม่เห็นหล่อนเคยใส่เห็ดหอมนี่”
“เปล่าค่ะ” แม่บ้านดวงส่ายหน้า “คุณลีตื่นมาทำตั้งแต่เช้าค่ะ”
ลีลาวดีเลิกคิ้ว “ยายลีน่ะหรือ”
“ค่ะ ท่าทางอารมณ์ดีด้วยนะคะ ทำไปก็ฮัมเพลงไป ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยค่ะ”
“อารมณ์ไหน?”
ผู้เป็นเจ้านายพูดงึมงำ พลางรับประทานข้าวต้มอย่างเอร็ดอร่อย ระหว่างนั้นก็นึกย้อนไปถึงครั้งแรกที่ลูกสาวเริ่มเรียนทำอาหารกับเธอ
ตอนนั้นบราลีอายุแค่สิบสองสิบสามเท่านั้น แรกๆ แม้แต่ไข่เจียวก็ยังไหม้เกรียมหน้าตาดูไม่ได้เอาเสียเลย แต่หลังจากนั้นลูกสาวของเธอก็เริ่มพัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพอรับประทานได้ และในที่สุดก็มีฝีมือเข้าขั้นระดับกุ๊กของโรงแรมในความคิดของเธอ
บราลีสามารถปรุงเมนูที่คิดขึ้นเองได้หลายอย่าง โดยเฉพาะข้าวต้มกระดูกหมูเห็ดหอม นับได้ว่าเป็นจานเด็ดที่ใครไม่ชิมไม่ได้เลยทีเดียว
ทว่า...หลังจากเริ่มเป็นดาราแล้ว บราลีก็ไม่ค่อยได้ทำอาหารบ่อยเหมือนเคย จะทำอยู่อย่างเดียวเท่านั้นนั่นคือเจ้าข้าวต้มกระดูกหมูเห็ดหอมนี่แหละ เพราะคนรักเก่าชอบและมักจะมารับประทานที่บ้านเกือบทุกสัปดาห์
จนกระทั่ง...
ลีลาวดีเบิกตากว้างเมื่อคิดมาถึงตอนนี้ เพราะครั้งสุดท้ายที่บราลีเข้าครัวทำอาหารก็คือ...ก่อนจะเลิกกับนายกวิน
“ดวง”
“คะ” แม่บ้านสะดุ้ง
“ก่อนออกไป ยายลีทานหรือยัง”
“ยังค่ะ” ดวงส่ายหน้า “เห็นคุณลีเธอตักใส่กล่องไปสองกล่องค่ะ สงสัยจะเอาไปทานที่ออฟฟิศ แล้วก็เอาไปเผื่อตอนกลางวันด้วยมั้งคะ”
“แปลก” ผู้เป็นเจ้านายขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้น
“อ้าว คุณอิ่มแล้วหรือคะ”
“อือ” เธอพยักหน้า ทำท่าว่าจะเดินออกจากโต๊ะ
“คุณไม่ทานยาก่อนหรือคะ” แม่บ้านสูงวัยทักท้วง
ลีลาวดีหันไปจ้องดวงเขม็ง แม่บ้านประจำคฤหาสน์ถึงกับสะอึกแล้วก้มหน้าลงด้วยความเกรงกลัว เธอยืนนิ่งอยู่สักพัก ก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกจากห้องอาหารแล้วตรงไปยังห้องสมุดของบ้านด้วยหัวใจที่ว้าวุ่น
ความคิดเห็น |
---|