๕
รัก...ก็ว่าจะไม่ แต่หัวใจดันไม่ฟัง
“โอล่ะ!”
ผีสาวหน้าเอเชียแลบลิ้นหลอก แต่นัยน์ตายิ้มยั่ว
“โห...ไอ้น้องบ้าเอ๊ย เล่นเอาพี่ตกใจหมด” เขาแทบจะเขกหัวญศกาที่ยืนกุมท้องหัวเราะขำอย่างเอาเป็นเอาตาย “แล้วกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไหงฮันนีมูนจบเร็วนักล่ะ หรือว่าน้ำผึ้งไอ้มาร์กมันบูดหรือไง”
เขาปัดเศษไม้ใบหญ้าตามเนื้อตัว
“อื้อหือ...ปากหรือพี่โค่ เดี๋ยวนี้ชักเก่งใหญ่แล้วนะ ได้ข่าวว่าช่วงนี้มีคู่ต่อกร ฝึกต่อปากต่อคำ เล่าลือไปไกลถึงรีโอฯ โน่นแน่ะ ญ่าถึงต้องรีบบินกลับมาดูให้เห็นกะตา”
โคสึเกะหมั่นไส้คนท้องหน้าทะเล้นที่ยืนแซวเขายิ่งนัก “แล้วพ่อสามีเนื้อหอมของเราไปไหนล่ะ ถึงมายืนทำเป็นผีจูออนหลอกให้พี่ตกใจเล่นเนี่ย”
“เคลียร์งานอยู่ที่ห้องทำงานในบ้าน อยากจะเจอน้องเขยรึพี่โค่”
โคสึเกะส่ายหน้าทันที “แล้วใครบอกข่าวว่าพี่มีคู่ปะทะฝีปาก”
“คุณย่าน่ะซี ท่าทางจะเชียร์ๆ อยู่นา...”
ญศกายังคงยิ้มหน้าเป็นแถมยักคิ้วทำเสียงทะเล้นล้อเลียนเขา แล้วอ้าแขนเตรียมกอดเอวเขา แต่เมื่อมองเนื้อตัวที่มีแต่เหงื่อไคลโซมกายแล้วก็ทำหน้าเบ้ สูดจมูกฟุดฟิดแล้วเปลี่ยนใจเอามือไพล่หลังเดินข้างๆ เขาแทน
“แล้วท้องไส้น่ะไม่แพ้ ไม่อ้วกแล้วใช่ไหม เดินทางบ่อยๆ ต้องระวังหน่อยนะเรา อย่าโลดโผนให้มากนัก ตอนนี้ไม่ใช่ตัวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ว่าแต่ทำไมรีบกลับมาล่ะ ฮันนีมูนที่รีโอฯ ไม่สนุกเหรอ ก็ไปกะไอ้มาร์กนี่น้า ไง...มันมัวแต่ป้อสาวอื่นแล้วปล่อยให้เราเหงาละสิ”
“ใครว่า...เมืองรีโอฯ มีแต่เรื่องสนุก ตื่นเต้นและก็สวยมากเลย ยิ่งได้รับเลือกเป็นสนามแข่งบอลโลก ได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิก ผู้คนดูตื่นเต้นคึกคักดี แต่ญ่าคิดถึงทุกคนที่นี่น่ะซี พอมาคิดว่าเดี๋ยวทุกคนก็แยกย้ายกันกลับประเทศแล้ว จะเจอกันก็ยาก ยิ่งโอกาสที่พ่อกับแม่จะอยู่พร้อมหน้ากันน่ะหาได้ที่ไหนในชีวิตนี้ เลยกลับมาอยู่กับทุกคนก่อนดีกว่า มาร์กน่ะ...ของตาย ไปไหนไม่รอดแล้ว ตอนนี้ญ่าจะไปไหนต้องคอยรายงาน มาร์กเขาไม่ยอมให้ห่าง” สุ้มเสียงโอ่นิดๆ
“เฮอะ! ของตาย...หมั่นไส้โว้ย” เขาแกล้งโวย
“แล้วพี่โค่มาทำอะไรแถวนี้เนี่ย ตอนที่ป้าคาโรลีน่าบอกว่ามาติดตั้งโปรแกรมซอฟต์แวร์ระบบของโรงแรมเป็นภาษาญี่ปุ่นให้ หลงดีใจแทบแย่ เดินหาซะจนทั่วบ้าน หาเท่าไรก็ไม่เจอต้องออกมาดูด้านนอก จนเห็นต้นไม้ไหวๆ เลยย่องมาดู”
“ก็ยายตัวแสบมาร์เซียของเราน่ะสิ เก็บจี้ของพี่ได้แล้วยังไม่สะใจพอมั้ง แม่คุณดันเขวี้ยงจี้พี่เข้าป่าซะงั้น พี่เลยต้องมางมหา แล้วดูเดะ...เล่นซะเหงื่อท่วมตัวอยู่นี่” เขาฟ้อง
“หา! มาร์ซีนญ่าน่ะนะขว้างจี้พี่ทิ้ง ตายละ!”
“เออ...ยายบ๊องนั่นแหละ แกล้งหลอกเพื่อเรียกร้องความสนใจ หรือไม่ก็แกล้งให้พี่มาเที่ยวค้นหารึเปล่าก็ไม่รู้ จริงๆ นะ...ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งจะจับมาฟาดก้นเสียให้เข็ด” เขาคว้าเสื้อเชิ้ตที่ถอดแขวนไว้ที่พุ่มไม้มาเช็ดเหงื่อไคลตามหน้าและเนื้อตัว
“แล้วพี่โค่หาเจอไหม”
“หึ” เขาส่ายหน้าพลางส่งเสียงปฏิเสธในลำคอ “นี่หาจนเหงื่อซกแล้ว”
“เวรๆๆ...ไปนั่งคุยที่สระน้ำกันดีกว่าพี่โค่ ตรงโน้นลมเย็นดี ญ่าบอกให้ป้าแกเตรียมเครื่องดื่มเย็นๆ มารอแล้ว”
ระหว่างเดิน โคสึเกะใส่อารมณ์เล่าเรื่องฝันอันแสนประหลาดให้ญศกาฟังอย่างละเอียด
“นี่ๆ...พี่โค่รู้ไหมว่ามาร์ซีนญ่าฝันเหมือนพี่เดี๊ยะเลย” ญาติผู้น้องบอกอย่างตื่นเต้น
“รู้...” เขาลากเสียงยาวอย่างเอือมระอา “แล้วเรารู้ได้ไงล่ะว่าเธอฝันน่ะ”
“มาร์ซีนญ่าเพิ่งเล่าให้ฟังเมื่อกี้ เธอกลับมาแล้ว หงุดหงิดอะไรไม่รู้ เห็นว่าให้ของขวัญวันเกิดพี่สองแล้วก็ขอตัวกลับเลย บอกว่าขอกระโดดน้ำให้ใจเย็นหน่อย ยังชวนญ่าเล่นน้ำอยู่เลย แต่ญ่าเพิ่งกลับ ยังเหนื่อยๆ เพลียๆ และตอนนี้ก็ท้องอยู่ด้วย เลยปฏิเสธไป”
“ยายนั่นว่ายน้ำอยู่เหรอ”
“ช่าย...โน่นไง”
เขาชะเง้อมองตามมือของญศกา จึงเห็นมาร์เซียว่ายท่าฟรีสไตล์อยู่อย่างเพลิดเพลิน ต่อมอยากรู้อยากเห็นของลูกผู้ชายแท้อย่างเขาทำงานปรูดปราดขึ้นมาพลัน เผลอคิดไปว่าเจ้าหล่อนสวมชุดว่ายน้ำแบบไหน ใส่แล้วจะเป็นอย่างไร
“แหม...ชะเง้อชะแง้ ตาแลไม่กะพริบเชียวนะ มาร์ซีนญ่านุ่งบิกินีตัวจิ๋ว หุ่นงี้สุดยอดเลยพี่ชาย” ญศกาหลิ่วตาทำเสียงทะเล้น แถมชูนิ้วโป้งบอกสรรพคุณ
“ไอ้ทะลึ่ง! ตั้งแต่ออกเรือนไปนี่กล้าพูดเรื่องพวกนี้นะเรา แต่พี่ไม่สนหรอก หุ่นแบบนั้นไม่ใช่สเปกพี่เลยสักนิด” โคสึเกะพูด แต่ชะเง้อมองไปทางสาวน้อยในสระน้ำ
“อ๋อเหรอ ไม่ใช่สเปกเนอะ” ญศกาแซวยิ้มๆ
เมื่อก้าวมาถึงที่ เขาเห็นด้านหลังมาร์เซียไกลๆ เจ้าหล่อนยังแหวกว่ายเพลิดเพลินอยู่ในสระ โคสึเกะจึงทิ้งตัวลงบนม้านั่งยาวริมสระอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม รินแล้วรินอีกหลายแก้วแล้วเอนกายลงนอน ชำเลืองมองญาติผู้น้องซึ่งสวมชุดกระโปรงคลุมท้อง
“ท้องโตขึ้นเห็นชัดแล้วนะ”
“ก็ห้าเดือนกว่าแล้วนี่คะ เดี๋ยว...อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่อง ขอคุยเรื่องจี้ เรื่องฝันก่อน พี่โค่คิดว่าไง”
“ไม่รู้ว่ะ วันก่อนโทร. คุยกับคุณปู่ท่านว่าต้องค้นเอกสารตำนานตระกูล แล้วเป็นภาษาโบราณ เขียนด้วยลายมืออีกต่างหาก ต้องใช้เวลา พี่ก็ไม่กล้าถามมาก กลัวคุณปู่สงสัย นี่ก็กลัวๆ คุณย่าจะสงสัยอยู่เหมือนกัน”
“พี่โค่ว่าจริงไหมที่ใครเก็บจี้ของตระกูลมะเอะดะได้ ต้องเข้ามาเป็นสะใภ้น่ะ”
“ไม่รู้ แต่ลูกชายตระกูลมะเอะดะทุกคนถูกบอกถูกสอนมาอย่างนี้ ให้รักษาจี้ให้ดีเพื่อมอบให้ผู้หญิงที่รัก แต่ถ้าทำหายก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เก็บได้ และถ้าผู้ชายเป็นคนเจอจี้ก็ต้องแต่งงานกับลูกหลานของคนตระกูลนั้น พี่ก็คิดว่าเป็นแค่กิมมิกของบรรพบุรุษให้ช่วยรักษาของ ไม่ใช่เรื่องจริงจังอะไร”
“แล้วถ้าไม่แต่งด้วยจะเกิดอะไรร้ายแรงแค่ไหน พี่โค่รู้ไหม แล้วเคยมีใครไม่ได้แต่งบ้างไหม”
“ไม่รู้ว่ะ ว่าจะถามคุณปู่เหมือนกัน แต่อย่างว่า...กลัวท่านสงสัย”
“รู้ปะเมื่อกี้มาร์ซีนญ่ามาตื๊อถามญ่าเรื่องความสำคัญของจี้ ท่าทางจะเริ่มสงสัยอยู่เหมือนกันนะ”
โคสึเกะเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที “ห้ามบอกเด็ดขาดนะญ่าจัง”
“รู้น่า แต่...”
“แต่อะไร” คนถามชักใจไม่ดี
“ญ่าขอโทษนะพี่โค่ คือ...คือว่า...ญ่าเผลอหลุดปากบอกให้มาร์กรู้ไปแล้ว”
“หา!” โคสึเกะตาเหลือก “ญ่าจัง...ล้อเล่นรึเปล่า!”
“จริงๆ...ขอโทษนะ” เธอกุมมือไว้ที่อก ทำหน้าเหยเกอ้อนวอน “นะๆๆ ยกโทษให้น้องด้วยนะ เผลอหลุดปากไปในวันแต่งน่ะ คือ...วันนั้นคุณย่าถาม ท่านสงสัยว่าทำไมจี้ที่ห้อยคอมาร์เซียถึงเหมือนของพี่เดี๊ยะ”
“แล้วเราตอบคุณย่าไปว่าไง” โคสึเกะลืมตัวเขย่าไหล่ญาติผู้น้อง
“ญ่าก็บอกไปว่าบังเอิญจี้แบบนี้มีขายที่นี่”
“เฮ้อ...” โคสึเกะปล่อยมือ แล้วถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก “แล้วถ้ามาร์กบอกมาร์เซียล่ะ”
“ญ่าคิดว่าไม่นะ”
“ทำไม สามีเราน่ะอยากจะแกล้งพี่คืนจะตาย มองตามันก็รู้”
“มาร์กไม่พูดหรอก”
“แน่ใจ?”
“แน่มากๆ เพราะมาร์กเขาไม่อยากได้พี่มาดองเป็นเขยน่ะสิ”
“ทำไม!” เขาโวยเสียงดังทันที “พี่ไม่ดีตรงไหนวะมันถึงรังเกียจ ทำยังกะน้องสาวมันสวยตายละ” พูดจบก็แบะปากย่นจมูก
“ก็สวยแหละ นิสัยก็น่ารัก เขาไม่แจ๋นแจ๋เหมือนผู้หญิงลาตินฯ ทั่วไป ไม่เคยเห็นเขาเที่ยวเตร่ควงผู้ชายเลย จะมีก็แต่สารวัตรโฮแบร์โตที่มาร์กเขาทั้งผลักทั้งดันขยันเชียร์อยู่”
“อ้อ ไอ้พี่ชายมาเฟียอยากดองกับตำรวจว่างั้นเหอะ อย่างว่า...คนมันมีศัตรูเยอะ” เขาเยาะ
“พี่โค่ก็คอยแต่จะกระแนะกระแหน แล้วมาร์กเขาไม่ดีตรงไหนหือ...พี่โค่ถึงรังเกียจน่ะ”
“ก็...มันเจ้า...”
“เจ้าชู้” ญศกาพูดประสานเสียงพร้อมกันกับเขา แล้วก็ขำ
“ไม่ใช่แค่เจ้าชู้ มันวางแผนปั่นหัวเราซะขนาดนั้น แถมตัวเราก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเพราะมันอีกด้วย จะให้พี่ญาติดีกับสามีเราง่ายๆ โดยไม่นึกเรื่องที่ผ่านมาก็ยากอยู่นะญ่าจัง” พูดจบโคสึเกะก็หยิบขนมใส่ปาก แล้วตามด้วยกาแฟเย็นจนพร่องแก้ว
“พูดเรื่องเก่าอีกแล้ว น่าเบื่อ ตอนนี้มาร์กเขาก็ดีกับญ่า ดีกับพวกเราเป็นการแก้ตัว พี่โค่ยังไม่แฮปปีอีกหรือ”
“ไม่เห็นว่ามันจะญาติดีกับพี่อย่างเราว่าเลย เจอกันเมื่อไหร่ก็เขม่นหน้ากันเมื่อนั้น เหมือนมันอยากจะเอาคืนพี่อย่างนั้นแหละ”
“คิดมากน่ะพี่โค่”
“เรื่องแบบนี้ก็ต้องดูๆ กันไป ถ้ามันไม่คิดอะไรแล้วอย่างที่เราว่าจริง ก็ถือซะว่าพี่ดูมันผิดไปก็แล้วกัน” ว่าแล้วโคสึเกะก็หยิบเสื้อเชิ้ตที่เขายัดส่งๆ ข้างเอวตอนเอนตัวนอนมาสะบัดแล้ววางบนพุง
“เรื่องเก่าๆ น่ะช่างมันเหอะ เอาเรื่องจี้ที่น่าเป็นกังวลก่อนดีกว่า” ญศกาพูดให้เขาคิด
“เออญ่าจัง พี่ว่าขากลับจะไปส่งคุณย่าที่โตเกียว แล้วขอคุณปู่ดูเอกสารเก่าๆ จะอ่านออกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ยังสงสัยอยู่ว่าบุคคลในฝันมีจริงไหม”
“ญ่าก็ไม่ค่อยรู้ประวัติศาสตร์เอะโดะซะด้วยซี รู้แต่ว่าเป็นยุคโชกุนเป็นใหญ่และยุคปิดประเทศ เดานะว่าการแต่งงานกับคนต่างชาติในสมัยนั้นคงเป็นไปไม่ได้ ถ้ามีมาเรียกับชุนโนะสึเกะอยู่ในโลกเมื่อหลายร้อยปีก่อนจริง...และถ้าเรื่องเล่าของคนตระกูลมะเอะดะเรื่องเก็บจี้ได้ไม่ใช่แค่ตำนานแล้วละก็ ทั้งคู่คงต้องฝ่าฟันอุปสรรคกันน่าดู พวกเขาจะแฮปปีเอนดิงได้เร้อ...ว่าแต่ว่า...” ญศกาเอียงคอซ้ายขวามองหน้าญาติผู้พี่ “ไหนๆ หันซ้าย เอ้า หันขวาซิพี่โค่”
เธอยึดไหล่เขาไว้ อีกมือยกขึ้นจับหน้าเขาเอียงไปมา “ดูๆ ไปท่าจะมีเชื้อตะวันตกนะพี่โค่เนี่ย รูปร่างสูงใหญ่”
“บ้า ไม่มีร้อก ไม่เคยได้ยินว่ามีใครในตระกูลแต่งกับชาวตะวันตกสักคน”
“ญ่าว่านะ ตำนานนี้อาจเป็นเรื่องจริงก็ได้นะ บรรพบุรุษถึงมาเข้าฝันไง เกิดมาเคยฝันแบบนี้มาก่อนหรือเปล่าล่ะ”
โคสึเกะสั่นหัวปฏิเสธ
“แล้วใครฝันไม่ฝัน ดันมาฝันเฉพาะพี่กะมาร์ซีนญ่าสองคนเท่านั้น คิดดูสิ มันแปลกไหม แล้วทายได้เลย พี่กับเธอจะฝันอีก เพราะตอนเนี้ย...จี้ก็หาย บรรพบุรุษต้องมาเตือนชัวร์ แล้วพี่โค่ก็ดั๊น...ไปทำจี้ปลอมอีก เนี่ยๆ” ญศกายื่นนิ้วมาตรงคอเขา “คอยดูสิ ผีบรรพบุรุษพี่ต้องมาหักคอลูกหลานเหลนโหลนเจ้าเล่ห์อย่างพี่นี่แหละ”
“อื้อฮือ...ไอ้เจ้าญ่าจัง เรานี่ตั้งแต่แต่งงานไปไม่เคยอยู่ข้างพี่เลยนะ พูดบ้าๆ ทำพี่ขนลุกเลยว่ะ” โคสึเกะลูบแขนตัวเอง “ยิ่งเหนียวๆ ตัวอยู่ด้วย”
“มาเล่นน้ำด้วยกันสิคะ”
โคสึเกะและญศกาหันไปทางต้นเสียง เห็นมาร์เซียยิ้มหวานเกาะขอบสระ เอามือลูบผมที่เปียกลู่ เห็นท่อนบนของเธอขยับไหวเห็นใกล้ๆ แบบนี้แล้วโคสึเกะถึงกับอึ้ง...นางแบบหุ่นเซ็กซี่ของวิกตอเรีย ซีเครต หลงมาอยู่ตรงหน้าหรืออย่างไร
“คุยอะไรกันคะ น่าสนุกเชียว เสียดาย...ฉันไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น ยืนมองในน้ำอยู่นานแล้ว เห็นคุณลูบแขน ทำท่าทางเหมือนร้อน เลยเดาว่าคุณคงรู้สึกเหนอะหนะ พี่โค่ขา...มาว่ายน้ำด้วยกันไหมคะ โดดมาทั้งกางเกงยีนก็ได้ค่ะ กฎที่นี่ไม่เข้ม”
คนที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเรียกเขาว่า ‘พี่โค่’ หรือ ‘โค่โอะนี่ซัง’ เลียนแบบญศกาด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานปนหัวเราะ เขาสั่นหัวปฏิเสธ
ทันใดนั้นหญิงสาวในสระก็ใช้สองแขนยกตัวขึ้นมานั่งบนขอบสระ ขยับตัวแล้วชายตามองเขากับญศกา โคสึเกะแว่วเสียงสองสาวคุยกันกระจุ๋งกระจิ๋ง เขามองเพลิน...มาร์เซียเป็นคนชอบยกมือยกไม้ประกอบท่าทางเวลาพูดตามแบบฉบับชาวลาตินฯ ยิ่งเธอขยับ ทรวงอกอวบก็กระเด้งขึ้นลงตาม และเมื่อมีหยดน้ำเกาะพราวอยู่เต็มตัว หญิงสาวในชุดบิกินีลายดอกไม้สีสดซึ่งเปียกแนบเนื้อจนเห็นสัดส่วนอันงดงามชัดเจนยิ่งกว่าเคยก็ยิ่งดูเซ็กซี่ รอยสักผีเสื้อตัวน้อยบนเนินทรวงผ่องมีรอยเส้นประเด่นติดตา เขาอยากรู้ขึ้นมาทันใดว่าผีเสื้อตัวนั้นจะบินไปไหน แล้วดูเอวคอดกิ่วที่โค้งรับกับสะโพกกลมกลึงนั่นเล่า ยิ่งนั่งเนื้อตัวเปียกปอนอยู่ตรงหน้า มันยิ่ง...
“ว้าว...มาร์ซีนญ่า...”
เขาครางเบาๆ โดยไม่รู้ตัว เลียปากแห้งผากแล้วกลืนน้ำลายที่จุกคอหอยลงคออย่างยากเย็นเมื่อเห็นรูปร่างเซ็กซี่ของผู้หญิงตรงหน้า ไม่ว่าส่วนไหนก็ช่างน่ามอง น่าลองสัมผัสไปทุกส่วน ยิ่งมองฮอร์โมนในร่างกายของชายหนุ่มยิ่งพลุ่งพล่าน พานหัวใจจะวาย ความร้อนวูบวาบไหลปราดไปทั่วกระแสเลือด
“ญ่า...ญ่า พะ...พี่ว่า...พี่...พี่กลับก่อนดีกว่า” ปากเขาพูด แต่ตัวกลับไม่ขยับ ทั้งสายตาก็ยังละจากสาวหุ่นอวบงามไม่ได้
ญศกาอมยิ้ม ดันปลายคางเขาให้หุบปาก
“เดี๋ยวสิ จะไปไหนล่ะ ยังคุยไม่จบเลย อยู่ก่อน ยังไปไม่ได้ อยู่อาบน้ำอาบท่า แล้วป้าคาโรลีน่าก็เตรียมดินเนอร์เผื่อไว้ให้แล้ว” น้องสาวเขาออกคำสั่งเสียงเฉียบขาด
“ไม่ละ พี่กลับดีกว่า ขอเหอะ พี่อยู่ไม่ได้ว่ะ พรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะ...บาย” กล่าวจบเขาก็รีบลุกขึ้น หันหลังเผ่นแน่บ ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองหรือกล่าวลาสาวน้อยที่นั่งตัวเปียกตรงขอบสระ
จะให้นั่งอยู่ตรงนั้นได้ยังไง ในเมื่อไอ้น้องชายจอมทรยศของเขาอาจทำให้เขาขายหน้าชนิดแทรกแผ่นดินหนีก็ล้างอายได้ไม่หมดอยู่รอมร่อ เขาไม่ไว้ใจตัวเอง ถ้ายังนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ช้าไม่นานมาร์เซียต้องลุกขึ้นมานั่งคุยร่วมวงชิดใกล้แน่ เป็นตายยังไงเขาก็อยู่ตรงนั้นไม่ได้
พวกผู้หญิงช่างมีร่างกายเป็นอาวุธ ไม่เข้าใจว่ามาร์กุสหลุดรอดกรงเล็บของผู้หญิงเชื้อชาติเดียวกันมาสยบอยู่ในอุ้งมือสาวเอเชียร่างเล็กอย่างน้องสาวเขาได้อย่างไร...โคสึเกะเพิ่งรู้ตัวและรู้รสนิยมตัวเอง
โอ...พระเจ้า เขาแพ้สาวหุ่นอวบอึ๋ม ผู้หญิงที่มีหน้าตาและรูปร่างอย่างมาร์เซียนี่ใช่เลย! มันกระทุ้งท้องเขาอย่างจังแค่เห็นเรือนร่างหล่อนเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงการสัมผัส สาบานได้เลยว่าถ้ามาร์เซียสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น เขาจะไม่มีวันอยู่กับหล่อนสองต่อสองเด็ดขาด
โคสึเกะเดินพลางกุมมือแนบอกหนา เงยหน้าขึ้นมองฟ้า ทำปากขมุบขมิบขอร้อง...อย่านะ...อย่าเชียว!
ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนอย่างเดียว เขาใจประหวัดขอร้องบรรพบุรุษต้นตระกูลของเขาด้วย กรุณาอย่าให้ตำนานเป็นจริงเลย เขาไม่อยากได้ภรรยาต่างชาติต่างภาษาและต่างวัฒนธรรม ที่สำคัญเหนืออื่นใด ให้มาร์กุสเป็นน้องเขยเขาอย่างเดียวน่ะดีแล้ว อย่าสลับสถานะให้เขาต้องไปเป็นรอง...เป็นน้องเขยไอ้หนุ่มลาตินฯ จอมเจ้าเล่ห์นั่นเลย
“น้องสาวไอ้มาร์ก...น้องสาวไอ้มาร์ก ท่องเอาไว้” เขาพึมพำอย่างหงุดหงิด
และเป็นเพราะเรือนร่างฆ่าใจชายเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา โคสึเกะจึงลืมไปแล้วว่าเขามาคฤหาสน์หลังนี้ทำไม เขาออกจากวิลลาไปโดยไม่ได้ย้อนกลับไปหาจี้ซึ่งอาจตกอยู่ในพื้นที่ที่เหลือ และเขายังไม่ได้ค้นหา
สนามบินกัวรูลฮอส
“พี่โค่ ช่วยสั่งชาร้อนให้คุณย่ากับแกรนด์มาหน่อยนะ ของญ่าเอาโกโก้ร้อน ของมาร์กอเมริกาโนร้อน เดี๋ยวมา” ญศกาสั่งเสร็จก็ลุกขึ้นยืน มีสามีหนุ่มเดินโอบเอวไปเป็นเพื่อนและยังมีบอดีการ์ดประกบหน้าหลัง...ทำไงได้ เวลานี้ญาติผู้น้องของเขากลายเป็นเมียรักของมาเฟียไปแล้ว ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ญาติผู้น้องจอมยุ่งของเขาก็เดินกลับมาใหม่
“อย่าลืมถามไถ่ สั่งเครื่องดื่มให้มาร์ซีนญ่าด้วยนะ” ญศกาตะโกนสั่งตามนิสัยชอบดูแลคนอื่น
“เออน่า จะไปห้องน้ำก็รีบไปเถอะเราน่ะ” โคสึเกะนิ่วหน้า หันไปบอกอย่างรำคาญ
เมื่อหันไปถาม มาร์เซียก็ขอโกโก้เช่นเดียวกัน เขาจึงเดินไปสั่งเครื่องดื่มให้ทุกคนตามที่ญศการ้องขอ อัลแบร์โตเดินมาช่วยเขาถือด้วย แถมยังสั่งให้บอดีการ์ดที่ดูแลให้ตามมาช่วยอีกแรง
โคสึเกะพยายามหลบเลี่ยงเจอหน้าหญิงสาวที่เพิ่งนั่งลงบนเก้าอี้อีกฟากมาตลอด อีกทั้งพยายามกันไม่ให้เธอได้พบกับคุณย่าของเขาด้วย แม้ดูท่าว่าเธอจะลืมเรื่องจี้ไปแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่วางใจ
วันนี้คณะจากฮาวายกำลังจะเดินทางกลับบ้าน มารดามาร์เซียและมาร์กุสจึงมาส่งที่สนามบิน หลังจากเมื่อวานมาส่งบิดา พี่ชายและเพื่อนๆ จากเมืองไทยของญศกาเดินทางกลับกรุงเทพฯ เช่นกัน ทุกคนตกลงฆ่าเวลารอเวลาบอร์ดดิงหรือเรียกขึ้นเครื่องในร้านกาแฟชื่อดังที่มีสาขาทั่วโลก เมื่อผู้หญิงรวมตัวกัน ก็หยุดยั้งเสียงพูดคุยอย่างออกรสไม่ได้ หญิงสูงวัยสามสี่คนที่อยู่คนละทวีปต่างบ่นเสียดายที่จะไม่ได้พบปะกันเหมือนเคย
ส่วนเขากับอัลแบร์โตเมื่อแจกจ่ายเครื่องดื่มให้แก่ทุกคนแล้ว เขาก็ปรึกษาน้าเขยถึงงานโรงแรมในฮาวายซึ่งละทิ้งมาหลายสัปดาห์ และเมื่อญศกากลับมาพร้อมมาร์กุส อัลแบร์โตก็ถูกน้องเขยเขาดึงไปคุยเรื่องงานแทน ระหว่างนั้นเขาลอบมองมาร์เซียอยู่หลายครั้ง เธอคงไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่หัวเราะร่วนอยู่กับญศกาและน้าอันนาอย่างสนุกสนาน
เมื่อพิศดูนานๆ ผู้หญิงคนนี้ก็ยิ่งสวยน่ามอง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมีดวงจิตพิศวาสใครทั้งสิ้น เขาว้าวุ่นใจอยากจะคุยกับเจ้าหล่อนเรื่องสำคัญที่ควรจะพูดกันเป็นการส่วนตัว แต่เขาจะเรียกเธอไปคุยตามลำพังได้อย่างไร เจ้าจระเข้มาร์กุสคงขวางคลองไม่ยอมเป็นแน่
โคสึเกะหยิบปากกาจากอกเสื้อมาเขียนข้อความลงหลังใบเสร็จ พับเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ แล้วแอบสะกิดแขนส่งกระดาษให้เจ้าหล่อนโดยอาศัยถ้วยชากาแฟและแจกันบนโต๊ะบัง เขาเห็นมาร์เซียรับกระดาษนั้นอย่างงงๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา สื่อทางสายตาเป็นคำถาม
เขาบุ้ยปากพลางมองมือเธอ เป็นความหมายว่าอ่านสิ!
เธอมองซ้ายมองขวาอย่างครุ่นคิด แล้วค่อยๆ เปิดกระดาษพับนั้นอ่าน เมื่ออ่านจบ หญิงสาวก็เงยหน้ามองเขาอีกครา โคสึเกะจึงบุ้ยใบ้ไปที่กระดาษในมือเธออีกครั้ง และดูท่าหญิงสาวจะเข้าใจ เธอมองมือเขา โคสึเกะจึงวางปากกาไว้บนโต๊ะแล้วเขี่ยให้กลิ้งไปทางมาร์เซียซึ่งนั่งอยู่ตรงกันข้าม
ไม่นานหลังจากนั้นเขาเห็นอีกฝ่ายค่อยๆ หยิบปากกาขึ้นมา เธอเขียนตอบอย่างรวดเร็วลงในแผ่นกระดาษเดียวกัน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสังเกต จึงเลื่อนส่งของคืนเขาทั้งปากกาและกระดาษ
เขารับมาอ่านแล้วขมวดคิ้วนิ่วหน้า ทำเสียงจึ๊กจั๊กไม่พอใจ แล้วเขียนลงในพื้นที่ที่เหลืออีกเพียงน้อยนิด ส่งไปให้เธอด้วยวิธีเดิมอีก
“ออกไปคุยกันข้างนอกดีไหม สองคนนั้นน่ะ” มาร์กุสโพล่งออกมาเสียงห้าว “เล่นอะไรกันอยู่มาร์ซีนญ่า”
มาร์กุสดุน้องสาวเสียงเข้มขณะที่มาร์เซียยิ้มเหยเก สั่นหน้าปฏิเสธเมื่อถูกพี่ชายจับได้
“ไหน...เขียนอะไรกัน ส่งมาให้พี่ดูซิ”
โคสึเกะส่ายหน้าให้เธอ แต่มาร์เซียเชื่อฟังพี่ชายของเธอมากกว่าจะฟังเขา หญิงสาวค่อยๆ ยื่นเศษกระดาษนั้นให้พี่ชายมือไวเท่าความคิด เขาฉกกระดาษนั้นจากมือเธอทันที แล้วรีบยัดใส่กระเป๋าเสื้อ
“เรื่องส่วนตัวของคนโสด คนมีครอบครัวแล้วอย่างนายไม่เกี่ยว” เขาบอกอย่างไม่เกรงใจ
“นายหมายความว่าไง ฉันสั่งน้องสาวฉัน นี่นายจะรวนกันเหรอ” มาร์กุสหรี่ตามองหน้าเขา
“เปล๊า! ฉันก็แค่คุยอะไรส่วนตัวกับมาร์ซีนญ่าตามลำพัง ไม่อยากเสียงดังคุยแข่งกับใคร” โคสึเกะประหลาดใจตนเอง อะไรก็ไม่รู้ดลใจให้เขาเรียกชื่อเล่นของมาร์เซียออกไปเป็นครั้งแรก ซึ่งญศกาบอกเขาว่าแปลว่ามาร์เซียผู้น่ารัก และเมื่อเห็นสีหน้ามาร์กุส ปากที่ไวกว่าสมองก็ทำงานต่อ “แล้วการส่งจดหมายให้กันก็โรแมนติกดี นายน่าจะรู้ เคยทำด้วยไม่ใช่เหรอ”
“ก็เคยพยายามทำอยู่ แต่ถูกหมาหวงก้างตัวโตมันกลั่นแกล้ง” มาร์กุสแขวะ
“มาร์ซีนญ่าครับ ผมว่า...” โคสึเกะไม่พูดเปล่า วางมือลงบนมือของมาร์เซียอย่างอ่อนโยน
“นี่นายคิดจะจีบน้องสาวฉันหรือไง ไม่เหมาะมั้ง เธอมีแฟนแล้ว” มาร์กุสเอ่ยเสียงกร้าว ดึงมือหนาออกจากมือน้องสาวตนเอง
“หยุดเลยนะสองคนนี้นี่ เป็นพี่เมียน้องเขยกันแท้ๆ มาทุ่มเถียงกันอยู่ได้ อายเขา” ญศกาซึ่งนั่งหันซ้ายทีขวาทีมองสองคนเถียงกันปรามด้วยการตีมือที่อยู่บนสุด ซึ่งก็คือมือมาร์กุส
คนถูกตีสะดุ้งเพราะไม่คาดคิด
“เออดีๆ แกสั่งสอนสามีแกบ้าง บอกให้รู้ตัวด้วยว่าใครเป็นพี่เป็นเชื้อ คนเอเชียเขานับถือลำดับอาวุโสกัน” โคสึเกะส่ายหน้าอย่างระอา
“แต่ฉันอายุมากกว่านาย” มาร์กุสโต้ทันควัน
“พี่โค่! มาร์ก! ยู้ด...!” ญศกากางสองมือห้าม “ถ้าไม่หยุด ญ่าจะไม่พูดด้วยทั้งคู่เลยนะ เดี๋ยวกลุ่มคุณย่าที่นั่งอยู่ริมโน้นก็ได้ยินหรอก”
“โอเคๆ พี่หยุดก็ได้” โคสึเกะหันมาทางน้องสาวของคนขี้หวง แล้วกระแอมปรับโทนเสียง “เอ่อ...มาร์ซีนญ่าครับ ผมขอคุยอะไรกับคุณเป็นการส่วนตัวหน่อยได้ไหมครับ” โคสึเกะส่งยิ้มโปรยเสน่ห์ ทำเสียงทุ้มนุ่มหูเชื้อเชิญ
มาร์เซียทำหน้ากระอักกระอ่วนกึ่งงุนงง แล้วหันไปขออนุญาตมาร์กุสซึ่งส่งสายตาดุสั่งห้าม
“หนุ่มสาวทางโน้นคุยอะไรกันจ๊ะ ท่าทางจะสนุก เล่าให้ย่าฟังบ้างสิหลาน”
มาร์เซียรู้สึกว่าเสียงคุณย่าเหมือนเสียงสวรรค์ห้ามทัพ เธอกำลังอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่เชียว ดูสิ...เขียนข้อความคุยกับโคสึเกะเรื่องจี้กำลังจะได้ความอยู่แล้ว พี่ชายเธอไม่น่าเห็นแล้วเข้ามาขัดเลย
เมื่อโคสึเกะเอ่ยถามถึงจี้ก่อน เธอจึงยื่นเงื่อนไขว่าถ้าเขายอมรับว่าเป็นเจ้าของจี้ชิ้นนั้น เธอจะช่วยเขาค้นหาและเอามาคืนให้
“มาร์ซีนญ่า ย่าถามหนูจริงๆ เถอะ ที่หนูเคยพูดว่าเก็บจี้ของตาโค่ได้น่ะ พูดจริงหรือพูดเล่นล่ะ...หลานเอ๊ย”
อยู่ดีๆ คุณย่าก็ลุกจากฟากโน้นมายืนใกล้ๆ แล้วถามโพล่งขึ้นมา มาร์เซียจึงหันไปสบตาโคสึเกะ
“ช่วยบอกคนแก่หน่อยเถอะลูก นึกว่าทำบุญนะ มันติดค้างในใจยังไงก็ไม่รู้”
โคสึเกะมองย่าของเขาซึ่งยืนโอบไหล่ของมาร์เซียแล้วใจเต้นตุ๊มๆ ต้อมๆ อยากเขี่ยเท้าใต้โต๊ะเพื่อส่งสัญญาณให้มาร์เซีย แต่ก็เกรงว่าจะเขี่ยผิดไปโดนขายาวๆ ของจระเข้มาร์กุสเข้า เขาจึงพยายามขยิบตาให้มาร์เซียแทน
‘อย่านะมาร์เซีย ขอร้องละ อย่าบอกคุณย่า แล้วผมจะเล่าให้คุณฟังทั้งหมดเอง’ เขาอยากมีโทรจิตส่งข้อความนี้ให้มาร์เซียเป็นที่สุด เพี้ยง! ขอให้เธอรับรู้ความรู้สึกเขาด้วยเถิด หากเราเป็น...เนื้อคู่...
เขาสะดุ้งโหยงกับความคิดเพี้ยนสุดขั้วของตัวเองที่แวบเข้ามา
“จี้นี่มันหล่นแล้วหนูเก็บได้ค่ะคุณย่า”
คำพูดของมาร์เซียดั่งเสียงพิฆาต ทำเอาเขาเหงื่อผุด
“ก็อย่างที่หนูเคยเล่านั่นแหละค่ะ หนูเห็นมันตกบนพื้นถนนในวันเกิดระเบิดข้างโรงแรม มันเป็นจี้ของ...” มาร์เซียหยุดพูด
เธอหันมามองหน้าเขาซึ่งตอนนี้คงจะซีดเป็นไก่ต้ม
“เป็นของใครก็ไม่ทราบค่ะ คงไม่ใช่ของคุณโคสึเกะหรอกค่ะ ก็เขาปฏิเสธนี่คะ และของของเขาก็ห้อยคออยู่ หนูคงเข้าใจผิดเอง”
“ย่าขอดูจี้ที่หนูเก็บไว้หน่อยได้ไหมลูก”
“เอ่อ...หนูทำหายค่ะคุณย่า คุณย่าอย่าใส่ใจเลยนะคะ เหตุการณ์วันนั้นหนูเข้าใจผิดไปเอง” เธอยิ้มให้ พลางขยับเก้าอี้ให้หญิงสูงวัยนั่ง “คุณย่าขา จี้นั่นสำคัญมากหรือคะ มันมีความหมายอะไรแฝงอยู่หรือเปล่าคะ”
หญิงชรานั่งลง กุมมือตัวเองไว้บนโต๊ะ นิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ “ย่าเสียดายมากที่หนูบอกว่าไม่ใช่จี้ของโค่คุง ย่าคงจะบอกเรื่องราวและความหมายของจี้ตระกูลมะเอะดะให้หนูทราบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องลับเฉพาะภายในตระกูล ย่าเสียใจด้วย คนที่ควรรู้คือคนที่โค่คุงเขามอบจี้ให้ หรือไม่ก็คนที่เก็บจี้นั่นได้เท่านั้น แต่หนูไม่ใช่นี่...ใช่ไหมจ๊ะ”
“ค่ะ หนูมะ...ไม่ใช่” มาร์เซียถอนหายใจอย่างเสียดาย เธออยากรู้ความหมายของจี้อันนั้นเป็นที่สุด แต่เธอเพิ่งปฏิเสธไป ถ้ากลับลำเอาตอนนี้เธอก็จะกลายเป็นคนสับปลับ โกหกหลอกลวง
เมื่อครู่เธอไม่น่าใจอ่อนเพราะสายตาอ้อนวอนของโคสึเกะเลย...บ้าจริงเชียว
โคสึเกะแทบลืมหายใจตอนที่มาร์เซียจะสารภาพกับย่าของเขา นึกขอบคุณที่เธอรับรู้โทรจิตที่เขาส่งไปได้ วันนี้เขาต้องเดินทางกลับญี่ปุ่นและฮาวายแล้ว คงไม่ได้มาเหยียบบราซิลอีก เสียดายที่เขาไม่มีเวลาไปหาจี้ด้วยตัวเองอีก แต่ไม่ว่ายังไงเขาจะบอกญศกาให้แอบเกณฑ์บอดีการ์ดหาให้เจอและส่งกลับมาให้เขาทันทีที่พบ
ส่วนมาร์เซีย...เขาต้องการขอบคุณและขอโทษในสิ่งต่างๆ ที่เขาเคยแกล้งทำกิริยาหรือพูดจาไม่ดีด้วย จากนั้นก็บอกลาชั่วนิรันดร์
มาร์เซียกับเขาเหมือนเส้นขนานที่ไม่มีทางมาบรรจบ นอกจากอยู่ไกลข้ามทวีปแล้ว เขากับพี่ชายหล่อนดูเหมือนจะศรศิลป์ไม่กินกันตลอดกาล ต่อให้มีตำนานของจี้เป็นตัวช่วยก็ไม่มีทางเป็นไปได้...เขามั่นใจ
ความคิดเห็น |
---|