1

ตอนที่ ๑ The Fool: เทพแห่งความสำราญ

The Fool: เทพแห่งความสำราญ

การเริ่มต้น การผจญภัย เผชิญโชคโดยไร้กังวล ตัวตลก คนโง่เขลา หรือเจ้าสำราญ

 

เหลียวซ้าย แลขวา พ้นจากห้องน้ำหญิงมาแล้วพบว่าในระยะร้อยเมตรสู่ประตูรั้วโรงเรียนมีเพื่อนในกลุ่มชุมนุมอยู่ เด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมปลายจึงตัดสินใจวิ่งพุ่งไปเหมือนไม่เห็นใครทั้งสิ้น

ความตั้งใจสะดุดเพราะข้อมือถูกคว้า ‘น้องกี้!’

คนถูกเรียกหยุดเท้า แอกติงใหญ่คล้ายจะล้มหน้าคว่ำ ต่อเมื่อไม่มีเพื่อนรายไหนทำท่าจะช่วยค้ำ เธอก็ทะลึ่งตัวกลับได้ดุจไม่มีอะไรเกิดขึ้น ‘อุ๊ย! เพื่อนๆ มาอยู่ตรงนี้กันตั้งแต่เมื่อไหร่คะ’

อาการตอบรับของ ‘เพื่อนๆ’ แตกต่างกันไป มีทั้งกลอกตา หันหน้าเบ้ และถอนหายใจ คนคว้าข้อมือไว้เป็นผู้ตอบ ‘ไปเจอกันที่ห้องสมุด รายงานเหลือแต่พาร์ตของเธอ...’

‘ตายจริง! ลืมไปซะสนิทเลยค่ะ วันนี้น้องกี้มีนัดซะแล้ว’

‘นัดอีกแล้วเหรอ!’ คราวนี้เสียงดังจากเพื่อนอีกคน ‘เมื่อวานกับวานซืนเธอก็...’

‘นัดสำคัญช่วยงานหลวงตาที่วัด! น้องกี้มีบุญมาแจกทุกคนด้วยนะคะ’ ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวเอี้ยวฉวยซองผ้าป่าจากซอกข้างกระเป๋าแจกเพื่อนที่ยืนหน้าเหวอกันอยู่รายรอบ ‘พรุ่งนี้น้องกี้มาเก็บก็ได้ค่ะ พอดีวันนี้รีบไป’

‘แต่ว่า...’

‘นัดสำคัญมากค่ะ ปีนี้หลวงตาท่านว่าดวงน้องกี้มีราหูจ้องจะอม ถ้าไม่รีบทำพิธีมีสิทธิ์ถึงฆาต ขืนปล่อยให้เป็นอย่างนั้น น้องกี้จะไม่มีวันได้กลับมาทำรายงานกับเพื่อนๆ’ เสียงหวานปนเศร้า ‘น้องกี้รักทุกคนนะคะ ทุกคนรักน้องกี้มั้ย’

เห็นได้ชัดว่าทุกรายงงเกินจะตอบ

‘ขอบคุณมากค่ะ’ คนถามทึกทักว่านั่นคือคำรับ ถอนมือจากที่ถูกกุมแล้วสวมกอดอีกฝ่าย ก่อนทำท่าตัดใจวิ่งจากมา แค่สามก้าวคนเหล่านั้นคงได้สติ คนวิ่งจึงได้ยินเสียงตามหลังว่า ‘ไงล่ะ ยัยนี่มันจอมเบี้ยวแบบนี้ไงถึงไม่มีคนเอาเข้ากลุ่ม’

‘แกก็รู้ว่าใครบังคับให้รับมันไว้!...’

จอมเบี้ยวยิ้มกริ่ม แอบนึกขอบคุณ ‘ใคร’ คนนั้นอยู่ในใจ และแล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน วันนี้เป็นอีกวันที่น้องกี้ได้กลับบ้านไว!

ความคิดสะดุดพร้อมๆ กับปลายเท้า คราวนี้แทบคะมำตามค่าโมเมนตัมและแรงโน้มถ่วงจริงๆ เพราะจู่ๆ ‘ใคร’ ในความคิดก็โผล่พรวดขวางหน้า

เจ้าของเสื้อนักเรียนสีมอตัวโคร่งปักอกว่า โชคบดี ปานบัวเอี่ยม คือเด็กหนุ่มหุ่นสูงแห้ง ผิวคล้ำแล้งไร้ราศี ผมตัดสั้นเพราะเป็นนักเรียน รด. บางเส้นเริ่มเป็นสีเงินเพราะนิสัยจริงจัง เครียดหนัก ไม่น่าคบ แว่นกลมหนาขยายสิวใต้ตาเม็ดเบ้อเริ่มให้เบ้งกว่าเดิมสองเท่าตัว

เด็กสาวดีใจที่หยุดขาได้ ก่อนร่างกายจะพลั้งสัมผัสส่วนใดส่วนหนึ่งของคนตรงหน้า ถึงกระนั้นก็ยังไม่ลืมเกลื่อนน้ำเสียงและแววตารำคาญใจขณะร้อง ‘คุณโชค!’

เด็กหนุ่มยืนนิ่ง ก้มจ้องตา กระทั่งเสียง ‘แหมะ!’ ดัง เจ้าตัวจึงหมุนร่างเปิดทางให้

เมื่อนั้นเอง น้องกี้เพิ่งเห็นว่าบนพื้นตรงจุดที่เธอกำลังจะวิ่งไปถึงเมื่อครู่ มีมูลเปียกจากนกที่เกาะอยู่เหนือซุ้มประตูถ่ายเปรอะลงมา

‘โบราณเชื่อว่า ถ้านกขี้ใส่หัวหรือโดนตัว จะนำมาซึ่งเหตุการณ์ร้าย อาจได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุ และควรเลื่อนกำหนดการงานต่างๆ ออกไปก่อน’ โชคบดีใช้นิ้วแตะแกนแว่นตรงสันจมูก แสงสะท้อนกระจกแว่นเงาวับเมื่อพูดจบ

น้องกี้ยิ้มร่า นอกจากโล่งใจที่คลาดภัยร้าย เธอยังภูมิใจ ต่อให้คนที่มาช่วยไว้จะเป็นนายโชคบดี

นี่คือผลจากเสน่ห์ที่เอาชนะใจผู้ชายได้ทั้งโลก

 

“ไม่!”

“คะ?”

“ไม่มีคู่” เสียงแหบของชายชราตรงหน้ากระแทกกระทั้น นิ้วเหี่ยวสั่นชี้ไปที่ไพ่บนโต๊ะ “ดวงแบบนี้นะ จนตายก็ม่ายมีคู่!”

น้องกี้รู้สึกเหมือนพื้นสะเทือนสะท้าน ชั้นซีเมนต์ ดินชั้นบน ชั้นกลาง ชั้นล่าง ชั้นหิน น้ำใต้ดิน แมกมา แหวกแยกเป็นรูแล้วเกิดแรงดูดมหาศาล กำลังระดับเฮอริเคนแคทรีนาฉุดร่างควะคว้าง หมุนติ้ว...ติ้ว...ติ้ว...หายลึกลงไป

คงสังเกตจากสีหน้าของเธอได้ หมอดูผู้ให้คำทำนายขยายความต่อ “มันเป็นลิขิตสวรรค์ ต้านทานมันไม่ได้หรอกครับคุณจี้!”

“กี้!” เจ้าของชื่อกระแทกเสียง “ลัคกี้ ลัคนา สำลี ค่ะ อายุยี่สิบหก ตกฟากเวลาสี่ทุ่มตรง วันเสาร์ที่สามสิบมิถุนา ปีมะเมีย”

“รู้แล้วๆ!” คู่สนทนายังตีคิ้วผูกโบ เสื้อยาวเก่าเข้ากับบรรยากาศของอาคารโกโรโกโส ซึ่งลูกค้ามักให้คำชมใหญ่โตว่า ‘ขรึมขลัง’

หนึ่งในลูกค้าร้องเสียงดัง “คุณลุงหมออาจจำพลาด อ่านชะตาน้องกี้อีกทีเถอะนะคะ นะคะ!”

“อื้มๆๆ ปีมะเมีย...” ชายชราพึมพำ นับนิ้ว

น้องกี้ได้ยินเสียงเต้นของหัวใจดังตึกตัก

“มะเมีย เพลียตลอด!”

ถัดจากรูใต้ดิน คราวนี้ร่างของน้องกี้หมุนติ้ว...ติ้ว...ติ้ว...หลุดเข้าไปในอุโมงค์หลุมดำ หายสาบสูญไปจากชั้นอวกาศ!

“คุณลุงหมอขา ช่วยน้องกี้ทีเถอะนะคะ น้องกี้เกิดมาเป็นผู้หญิงสวย...” คำพูดสะดุดเพราะแรงสะอื้น เจ้าของเสียงผินหน้าไปชื่นชมตัวเองในกระจกเงาบนผนังฝั่งตรงข้าม

โอ ผมม้าดำขลับช่างมีน้ำหนัก ผิวบางเกลี้ยง เฉพาะดวงตาเลี้ยงน้ำกลมใส มีแววหวานซื่อแบ๊วเศร้าๆ ราวจินตหรา พูนลาภ ยามครวญเพลงสะออน ช่างน่าเอ็นดู...

“คุณลุงหมอขา ไม่สงสารและเสียดายที่เบญจกัลยาณีแบบนี้จะต้องตกหล่มสาวเทื้อเหรอคะ” เธอฉะอ้อนเสียงเครือ “ตอนนี้น้องกี้มีชายในฝันเดินเข้ามาในชีวิตจวนจะแต่งงานกันอยู่รอมร่อ ถ้าแก้ปัญหาต้นตอได้ บางทีสุดท้ายเราอาจได้กลับมาครองรัก

ชายแก่ส่ายหน้าเหมือนจะถอดใจ น้องกี้รีบล้วงกระเป๋าสตางค์ วางใบสีแดง

คนเหมือนจะถอดใจเริ่มมีใจขึ้นนิดหนึ่ง “ทางออกมันก็พอมีอยู่หรอกนะ แต่ว่า...

สีแดงวางลงอีกสี่ ห้า หก

ลุงหมอทอดถอนใจ “คุณต้องลองฝืนชะตา ในสองสามวันนี้จะมีทูตสวรรค์ผ่านเข้ามา เขาจะให้คำแนะนำ...” ตายิบหยีเหลือบดูสีแดง “หกข้อ! ถ้าทำตามนั้นได้ ต่อให้ดวงเป็นยังไง คุณก็มีคู่แน่นอน!”

 

“แล้วเธอก็เลยไม่ได้หลับได้นอน เพราะต้องคอยเปิดตารอทูตสวรรค์เนี่ยนะ!”  

“ค่ะ!” น้องกี้พยักหน้า “คุณลุงหมอดูบอกว่าถ้าพลาด น้องกี้อาจหมดโอกาสไปตลอดชีวิต!”

“ปัญญาอ่อน!” คนฟังส่ายหน้า ย้ำหนัก ซึ่งนับเป็นความต่างลำดับต้นๆ ระหว่างสองคนซึ่งอยู่แผนกเดียวกัน

เปล่า ไม่ได้หมายถึงความเชื่อในศาสตร์ลับลี้

ที่จริงคุณฐิตวรรณไม่ได้ปฏิเสธโชคลางเสียทั้งหมด ทว่าในความคิดของน้องกี้ ขณะที่ตัวเธอเองเป็นสาวมีมารยาท อ่อนหวาน และทั้งสวยแสนดีในเสื้อสีจำปากับผ้านุ่งแค่เข่าสีถั่ว เพื่อความเป็นมงคลแห่งวันพุธ เพื่อนสาวกลับทำตนเยี่ยงเดียรถีย์ในชุดเว้าหน้าหลังสีแดงเบอร์กันดีชื่อยี่ห้อเหมือนยาแก้ปวด

ปวดตับกับความกักขฬะ!

“ว่าแต่” คุณฐิตวรรณหันมาจากโต๊ะทำงานข้างๆ ไม่วายเม้มปากให้ลิปสติกสีเลือดสดเคลือบทั่ว ท่านั่งไขว้แสดงผิวต้นขา “สรุปที่ไปหาหมอดูจนต้องนั่งรอทูตสวรรค์นี่เพราะอะไร”

“เอ่อ ก็...” น้องกี้อึกอัก ตระหนักว่าไม่อาจเจาะจงเป้าหมาย เนื่องจากเธอจะให้ใคร โดยเฉพาะยัยคุณฐิตารู้เรื่องชะตารักของตนไม่ได้ ไม่เป็นอันขาด!

“อุ๊ย! ยางลบหล่น” คนอุทานอาศัยความรกของกองเอกสารปัดของร่วง มุดหลบกระสุนคำถามลงใต้โต๊ะ

ทำไมน้องกี้จะไม่รู้ ในเมื่อเธอและฐิตวรรณเข้าทำงานไล่เลี่ยกัน นับรวมๆ แล้วก็เกือบห้าปี ตั้งแต่สมัยที่บริษัทนี้ยังเป็นแค่ห้างหุ้นส่วนชื่อจีนอะไรสักอย่างที่แปลว่า ‘ขวาน’ ผลิตอะไหล่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กิ๊กๆ ก๊อกๆ แต่จับพลัดจับผลูกอบกำไรจนต้องขยายงานกว้างใหญ่และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น แอ๊กซ์ อิเล็กทรอนิกส์

ทุกวันนี้ บริษัทของน้องกี้มีโรงงานใหญ่โตอยู่แถวนิคมสมุทรปราการ นอกจากนั้นยังแยกสำนักงานขายมาอยู่กลางใจเมือง แม้เป็นแค่ตึกเล็กๆ สามชั้น แต่ก็อยู่ใกล้รถไฟฟ้าสถานีดังที่เคยคับคั่งด้วยผู้ชุมนุมประท้วงเมื่อหลายปีก่อน กอปรด้วยหน่วยงานสนับสนุนนานาต่างหาก มีแผนกบริหารทั่วไปและงานบุคคล น้องกี้เป็นหนึ่งในนั้น

เนื่องจากมีเนื้องานที่ไม่ค่อยต้องยุ่งเกี่ยวกับหน่วยอื่น สมาชิกก็น้อย แผนกของเธอจึงถูกจัดให้อยู่ริมสุด นัยว่าเป็นพื้นที่เหลือใช้ ลูกน้องกับห้องทำงานของเจ้านายถูกคั่นด้วยหัวมุมบันไดดูไม่เชื่อมต่อ หากใช้หลักฮวงจุ้ยวิเคราะห์อาจส่อเค้าแตกแยก น้องกี้นั่งหันหน้าเข้าผนัง ทิ้งให้โต๊ะไม้เมลามีนสีเดียวกันของฐิตวรรณต่อมุมไปเผชิญหน้าทางสามแพร่ง และแน่นอน น้องกี้ไม่เคยแนะเพื่อนร่วมงานให้แก้ไขทิศทางของพลังร้ายด้วยยันต์โป๊ยข่วย

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ทำงานด้วยกัน น้องกี้พบว่าคุณฐิตาเป็นสตรีมีเขี้ยวเล็บและเล่ห์เหลี่ยมอันพึงระวังมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อความฉลาดของหล่อนมักมากับเรื่องที่ไม่ควรฉลาด ส่วนเรื่องที่ควรฉลาดมักจะโง่ ตัวอย่างเช่นเพื่อเอาชนะในสายงาน หล่อนลงทุนขยันทู่ซี้ทั้งที่ชื่อสกุลของตัวเองข่มดวงน้องกี้จนนั่งเฉยๆ ก็ชนะไม่เห็นฝุ่นแล้ว น้องกี้เองเคยอยากเปลี่ยนชื่อใหม่ แต่พระท่านตั้งให้เลือกแค่ ‘ลำยอง’ กับ ‘ครรษ์อรรณฐะ’ เธอไม่อยากเป็นนางสุรา หรือไม่ก็รู้สึกคะเยอทุกครั้งหลังออกเสียง ความหวังในชื่อใหม่จึงคล้ายเป็นเพียงหวัง 

จริงๆ จะว่าไปเพียงหวังก็ไม่เชิงหรอก ในเมื่อหลังได้ฟังน้องกี้คร่ำครวญถึงหัวข้อนี้บ่อยเข้า คุณฐิตาก็ตั้งชื่อใหม่ให้ว่า ‘แอ๊บ’ จากนั้นใครต่อใครในบริษัทที่ชื่นชมนางเอกคนนั้นก็หันมาเรียกน้องกี้ตามๆ กันจนเป็นสมญาใหม่ไปเสียฉิบ นอกจากตัวเธอเอง ก็คงจะมีแต่หัวหน้าแผนกที่ยังเรียกน้องกี้ว่า ‘น้องกี้’

“พี่แอ๊บ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างโต๊ะ น้องกี้โงหัวมาพร้อมยางลบที่เก็บได้ พบว่าเงาร่างอ้วนใหญ่ของน้องใหม่ในแผนกยืนค้ำอยู่ตรงนั้น “เร่พรินต์แล้วคัดใบสมัครของแคนดิเดตมาแล้วค่ะ”

ฐิตวรรณมองกระดาษในมืออวบของรักเร่ “หน้าสุดท้ายพรินต์โผล่มาแค่บรรทัดเดียว มันทำให้แผนกเราเสียโควตาพรินต์งานไปฟรีๆ แผ่นนึงนะยัยเร่

“โควตา?” เจ้าของร่างใหญ่ท่าทางเชื่องช้าทำหน้าฉงน

ผู้บังคับบัญชาสายตรงจึงร้อนรน “ก็ที่พี่น้องกี้สอนไปไงคะ! สอนซ้ำๆ ซากๆ ไม่จำซะทีว่าบริษัทเรามีนโยบายประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ ทุกแผนกมีโควตาพรินต์งานได้ไม่เกิน...”

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขัด ฐิตวรรณหยิบขึ้นดูชื่อ น้องกี้พลอยหยุดปาก ยื่นหน้าตาม

“ไม่เกินอะไรคะพี่แอ๊บ”

เสียงรักเร่ดึงฐิตวรรณหันขวับมา

“ไม่เกินจำนวนที่เขากำหนดตามความจำเป็นน่ะสิคะ” น้องกี้แสร้งพลิกเอกสาร

เพื่อนสาวไม่สนใจ รับสายแล้วเดินขาไขว้ไปซุบซิบที่อื่นเหมือนเคย

“เร่ไม่เห็นเคยได้ยิน พี่แอ๊บคงไม่ได้บอกเร่ไว้จริงๆ น่ะค่ะ”

น้องกี้ถอนใจอีกที เบนสายตากลับมาที่เด็กในอาณัติ ชี้กระดาษในมือ “แต่พี่เคยบอกเร่แน่นอนว่าเวลาจะเลือกใบสมัครไปให้หัวหน้า ต้องไม่เอาคนที่ใช้รูปยังกับถ่ายเล่นเฟซบุ๊กในหมู่เพื่อนแบบนี้ พวกที่ใช้ภาษาไทยเขียนก็ให้จัดไพรออริตีไว้ทีหลัง”

“บริษัทเราเป็นไทยจีน เวลาใช้อังกฤษก็เปิดกูเกิลแปลภาษา”

“เร่คะ อ่านใบสมัครภาษาอังกฤษไม่เข้าใจก็บอกมาตรงๆ”

“เร่อ่านใบสมัครภาษาอังกฤษไม่เข้าใจค่ะ เร่บอกตรงๆ”

“เร่!” ถึงไม่มีผู้ชมอื่น แต่การฝึกแอกติงใหญ่มาทั้งชีวิตก็ทำให้น้องกี้สูดและถอนลมหายใจอย่างติดโอเวอร์แบบนางเอกละคร “ความผิดมีไว้ให้แก้ไข ไม่ใช่แก้ต่างนะคะ เร่บอกพี่ตรงๆ แล้วมันจะช่วยอะไรได้มั้ย!”

“ก็เมื่อกี้พี่แอ๊บบอกว่า...”

“ไปพรินต์ใบสมัครมาทั้งหมด เดี๋ยวพี่จะอ่านให้ฟังว่ามันคือยังไง!”

สาวร่างใหญ่คอตก “ค่ะ เดี๋ยวเร่พรินต์มาให้...”

“แอ๊บ!” เสียงของฐิตวรรณดังขึ้น

น้องกี้รีบตีหน้าโมโห “พี่บอกแล้วไงคะ บริษัทเรามีโควตางานพรินต์ เพราะฉะนั้นอย่าพิมพ์ใส่กระดาษมา เดี๋ยวพี่น้องกี้จะเป็นตัวอย่างที่ดีเดินไปอ่านจากหน้าจอเอง คุณฐิตามีอะไรคะ” ประโยคท้ายหันหาผู้เพิ่งกลับมาถึง

“พี่หมูเชิญที่ห้องประชุมเล็ก”

พี่หมูหรือคุณมุททาคือผู้จัดการแผนกบริหารทั่วไปและงานบุคคล หัวหน้าของน้องกี้ แค่ได้ยินชื่อนี้ ความสามารถด้านการแสดงยังไม่อาจช่วยกลบอาการหน้าเผือด น้องกี้รู้สึกเหมือนหนังตาขวากระตุก ใจฉุกโหวง ความดันต่ำลงจนใจหวิว

หลังๆ มาพี่หมูไม่ค่อยเรียกน้องกี้ หรือที่เรียกวันนี้จะมีเรื่องผิดสำแดง!

หญิงสาวลุกขึ้น กิริยาสงบ สยบอาการสั่น แล้วหันไปสั่งรักเร่ “ท่องจำไว้ว่าจะไม่พรินต์งานพร่ำเพรื่ออีกนะคะ!”

เดินจากมาได้สามก้าว หญิงสาวรู้สึกเหมือนจะกองลงกับพื้น มือยกแตะเหนืออก จี้สร้อยคอนำโชคประจำวันเดือนปีเกิดแทบไม่ช่วยเรียกพลังคืนมา ทางเดินเบื้องหน้าค่อนข้างแคบมืด แต่ไม่เคยสำเหนียกว่ามันทั้งแคบและมืดเท่าครั้งนี้ 

ไม่สิ อันที่จริงน้องกี้ไม่มีอะไรต้องกลัวพี่หมู ต่อให้ทำพลาดครั้งใหญ่พี่หมูก็ไม่กล้าทำอะไรน้องกี้ เพราะน้องกี้มีสิ่งหนึ่ง ซึ่งค้ำยันอำนาจต่อรองให้น้องกี้ตลอดมา

หรือพี่หมูจะรู้แล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างน้องกี้กับแฟน!

ความคิดวูบดับพร้อมกับบานประตูถูกผลักเปิด หนังตาขวาแทบกระตุกดึ๋งๆ ทันทีที่น้องกี้พบว่าในห้องไม่ได้มีแต่พี่หมู ทว่าหน้าโต๊ะฝั่งตรงข้าม เจ้าของแผ่นหลังสูงใหญ่ที่ค่อยๆ หมุนเก้าอี้มาเผชิญหน้านั้นไม่ใช่ใคร

ไอ้โชคบ่ดี!

 

โบราณเชื่อว่า ถ้านกขี้ใส่หัวหรือโดนตัวจะนำมาซึ่งเหตุการณ์ร้าย อาจได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุ และควรเลื่อนกำหนดการงานต่างๆ ออกไปก่อน’

โชคบดีเมื่อสิบปีก่อนยกนิ้วแตะแกนแว่นตรงสันจมูก แสงสะท้อนกระจกแว่นเงาวับเมื่อพูดจบ

น้องกี้มองขี้นกใต้ซุ้มประตูโรงเรียนมัธยม ยิ้มร่าภาคภูมิ ‘คุณโชค ขอบคุณนะคะที่เข้าใจ น้องกี้ขอตัวก่...’

‘เดี๋ยว!’

ไม่ต้องยกมือกัน แต่เสียงรั้งมีอำนาจให้เธอหยุด ‘คะ?’

เด็กหนุ่มผอมแห้งวัยสิบหกยกมือกอดอก ยังจ้องตรงผ่านแว่นมาด้วยสายตาคมกริบ ‘รายงานกลุ่มเราเหลือแค่พาร์ตของเธอ’

‘เพื่อนๆ กำลังทำอยู่ค่ะ เห็นว่าจะเจอกันที่ห้องสมุด น้องกี้แจ้งแล้วว่าไปไม่ได้เพราะติดนัด’

‘งานบุญที่เมื่อวันก่อนเธอโดดทำรายงานไปขอซองมาแจก?’

ฉึก! รู้สึกเหมือนถูกลูกดอกปักอก

‘งานมีวันเดียวค่ะ’ น้องกี้ลดเสียงลงมา นัยน์ตาเยิ้มข้น ‘วันก่อนคุณโชคไปแข่งคอมพิวเตอร์มา ทำไมรู้คะว่าน้องกี้ไปไหน’

‘อย่าลืมสิว่าฉันรับเธอเข้ามาอยู่กลุ่มเราเพราะอะไร เธอไม่ใช่คนธรรมดาสำหรับฉันนี่ จริงมั้ย’

ฉึกที่สอง!

น้องกี้อยู่โรงเรียนเดียวกับไอ้โชคบดีมาตั้งแต่ ม.๑ กลับบ้านทางเดียวกันทุกวัน แต่เพิ่งหันปรายตาชวนคุยเป็นครั้งแรก หลังจากอาจารย์วิชาคณิตศาสตร์ ม.๕ ให้รวมกลุ่มทำรายงาน แล้วกลุ่มอื่นไม่มีใครรับเธอเข้าร่วมทั้งสิ้น

ถึงน้องกี้จะไม่ถูกชะตาคนหน้าบึ้ง เสียงบูด พูดตรง และตาคมทะลุทะลวงจัด กระนั้นก็ไม่มีทางเลือกอีกต่อไป เธอจึงจำยอมขุดความสัมพันธ์ขึ้นมาแล้วใช้เสน่หาเบิกทาง ตอนนั้นมัวกระหยิ่มจนลืมแปลกใจที่ไอ้หน้าแย่ติดเบ็ดเร็วมาก เรียกว่าวางใจ ทั้งที่สังหรณ์ร้ายร้องเตือนว่าสายตาอย่างหมอนี่มีอะไรไม่ชอบมาพากล

น้องกี้เพียรลบความรู้สึกอึดอัดอันไม่เคยเป็นมา ฉาบยิ้มทั้งบนหน้าและสายตาขณะพูด ‘ซาบซึ้งเหลือเกินค่ะ น้องกี้คิดอยู่แล้วว่าคุณโชคจะต้อง...’

คำท้ายถูกขัด คู่สนทนาเงยหน้าไปที่คนด้านหลังเธอ ‘ขนมาหมดแล้วใช่มั้ย’  

น้องกี้หันตาม ไม่รู้ตัวเลยว่าเพื่อนกลุ่มเมื่อครู่ยกขบวนตามมาตั้งแต่เมื่อไร รายหนึ่งพยักหน้าให้คุณโชค ‘ฮื่อ’

‘อะ...นี่มันอะไรกันคะ’ ไซเรนในหัวของเธอเริ่มหมุน ‘วันนี้น้องกี้จะไปทำพิธีต่อดวง หลวงตาท่านลูกศิษย์เยอะ กว่าจะถึงคิวน่าจะมืดพอดี’

‘นั่นสิ’ โชคบดียักไหล่เก้งก้าง ‘ดีนะที่วิชานี้แค่คิดวิธีแก้โจทย์ไปนำเสนอหน้าห้อง ไม่ต้องใช้คอมพ์ เธอเอาไปทำระหว่างรอหลวงตาคงเสร็จทันคิวสะเดาะเคราะห์พอดี’

‘แต่ปกติน้องกี้ไปที่นั่นจะช่วยท่านกวาดลานวัด’

‘ไม่มีปัญหา’ ท้ายคำเจือเสียงหัวเราะ ‘เราจะไปด้วยกัน ฉันจะช่วยกวาดวัดและอยู่คอยดูเธอทำจนเสร็จทั้งรายงานและพิธีกรรมนั่น’

‘แต่คุณโชคอาจกลับบ้านดึก น้องกี้เกรงใจ’

‘ก็ไม่มีปัญหาอีก เธอตอบแทนฉันได้ด้วยอาหารเย็นที่บ้านหนึ่งมื้อ ถือว่าเป็นโอกาสพาฉันไปเปิดตัวกับครอบครัว รวมถึงที่วัดนั่นด้วย’

น้องกี้อ้าปากค้าง วินาทีนั้นเองที่รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ เข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้บ้านี่ถึงยอมรับเธอเข้ากลุ่ม

มันต้องการดัดหลังน้องกี้!

ตั้งแต่วินาทีนั้น ชื่อของหมอนั่นที่น้องกี้ใช้เรียกในใจก็เปลี่ยนไปตลอดกาล

มันคือไอ้โชคบ่ดี!

คนที่มาพร้อมความโชคร้าย!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น