3

ตอนที่ ๓ The Devil: เทพแห่งอบายมุข



อารามดีใจล้มคว่ำทันทีที่อีกฝ่ายสวนเสียง “โอ๊ย!...โทร. มาใหม่พรุ่งนี้บ่ายๆ นะยะ พี่เก่งต้องพักยาว เขาเพิ่งออกแรงจนขาเตียงหักไปสองข้าง!” 

“และแล้วปีนั้นคุณฐิตาก็มาวิน”

ยังอยู่ในห้องประชุมเล็ก ไอ้โชคบ่ดีนั่งกอดอกบนโต๊ะ ยกขายาวไขว้แบบยังไม่วายอ้ากว้าง

“ผิดค่ะ” น้องกี้ทำหน้าอย่างผู้อยู่เหนือกว่า “พี่หมูอ้างว่าคุณฐิตาเอาเวลาไปเรียนโทจนโฟกัสงานน้อยลง ทั้งๆ ที่ทุกคนก็รู้กันดีว่าเธอรับผิดชอบงานเท่าเก่า และไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง”

อีกฝ่ายเลิกคิ้ว “แผนกมีแค่สองคน ไม่ฐิตาก็ต้องเป็นเธอ ถ้าเธอได้โพรโมตแล้วทำไมต้องทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา”

“เพราะการจะได้มาซึ่งชัยชนะมักไม่ใช่เรื่องง่ายๆ น่ะซีคะ”

 

สองปีก่อน: เช้ามืด สามคืนหลังจากวันที่น้องกี้แอบเห็นชื่อไฟล์ของพี่หมู

ร่างบางอยู่ในชุดรัดรูปสีดำ แต่เพราะวันนั้นเป็นวันอังคาร น้องกี้จึงไม่ลืมตัดกระดาษเขียนกลัดเพื่อความมงคลว่า ‘เสื้อตัวนี้สีโศก’ หญิงสาวเล็ดลอดจากสายตายามมาด้วยความคล่องตัว ใช้บัตรพนักงานแตะเครื่องตรวจสอบที่ประตูครัวท้ายตึกเข้าสู่ออฟฟิศ

ท่ามกลางความมืด น้องกี้กำหนดทิศด้วยแสงจากหน้าจอสมาร์ตโฟนและความเคยชิน แค่เสี้ยวอึดใจก็มาปรากฏกายอยู่ในห้องทำงานของพี่หมู เธอไล่หาสายไฟเพื่อเสียบปลั๊ก พบว่ามันห้อยค้างข้างผนังจุดที่มีรอยถากจากคมกระสุนปริศนา ซึ่งพุ่งเข้ามาระหว่างเหตุการณ์ทางการเมืองเมื่อหลายปีก่อน

ทั้งนี้ บริเวณที่สำนักงานขายของแอ๊กซ์ตั้งอยู่นั้นไม่ไกลจากสถานชุมนุมผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย ช่วงเวลาเกิดเหตุพี่หมูกำลังนั่งลำพังในห้องเตรียมของกลับบ้าน พอเสียงปืนสนั่นพร้อมๆ กับหน้าต่างกระจกด้านข้างและผนังปูนระเบิดกระจาย เจ้านายของน้องกี้ก็ลนลานหลบใต้โต๊ะ แล้วนับแต่นั้น พี่หมูผู้สบประมาทแรงศรัทธาของน้องกี้ก็ถึงทีอัญเชิญสารพัดสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาคุ้มภัยในห้องด้วยตัวเอง เจ้าตัวพลอยแสลงใจจนไม่กล้าเตือนให้น้องกี้จัดโต๊ะและโละของที่ไม่เกี่ยวกับงานทิ้งไปเสียบ้าง

เสียงอืดดังขึ้นจากซีพียู แสงสีฟ้าเรืองขึ้นหน้าจอ เป็นหน้าต่างขอรหัสผ่าน

คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในบริษัทต้องใช้รหัสที่เจ้าของตั้งไว้ นอกจากนั้นฝ่ายไอทียังเซตค่าให้ระบบล็อกเอาต์อัตโนมัติเมื่อไม่มีผู้ใช้งานนานติดต่อกันสิบห้านาที อย่างไรก็ดี คนฉลาดอย่างน้องกี้ย่อมรู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์

ตลอดสองวันก่อน หญิงสาวทำทีถือแฟ้มงานเข้ามาปรึกษาหัวหน้านานสองนาน ครั้นกะได้ว่าคอมพิวเตอร์ของพี่หมูล็อกเอาต์ไปแล้ว เธอก็จะแสร้งขอให้อีกฝ่ายเรียกเอกสารจากในเครื่องขึ้นเทียบตรวจ พี่หมูต้องพิมพ์รหัสผ่านต่อหน้าน้องกี้หลายครั้ง และทุกครั้ง หญิงสาวแสดงท่าก้มพิจารณาแผ่นกระดาษ ทั้งที่แอบถือสมาร์ตโฟนบันทึกภาพเคลื่อนไหวได้หมดจด

น้องกี้กรอกรหัสลงไปตามที่ตัวเองดูคลิปแล้วท่องจำได้ หัวใจสั่นไหวขณะรอการตรวจสอบ ในที่สุด ติ๊งหน่อง มิสทีนมาแล้วค่ะ!

เดสก์ทอปของหัวหน้ารกเปรอะไม่ผิดสภาพห้องและสารรูปของหล่อนเอง โปรแกรมไลน์ที่ติดตั้งในเครื่องพีซีเด้งแสดงข้อความสุดท้ายที่พี่หมูยังไม่ได้อ่าน

...ก็นับว่าช่วยเท่าที่ช่วยได้ อย่าลืมก้อนล่าสุดที่ยืมไป...

น้องกี้ถอนสายตาออกมาอย่างไม่สนใจ รีบพรมนิ้วค้นหาชื่อไฟล์ในความทรงจำโดยด่วน ครั้นเปิดขึ้นก็พบว่าในไฟล์มีสองชีต ชื่อของน้องกี้กับคุณฐิตา ผลคือคะแนนรวมของคุณฐิตาเหนือกว่าในระดับที่น้องกี้เทียบไม่ติด!

รู้สึกคล้ายยินเสียงหน้าต่างกระจกกระจาย ฝาปูนเปรี๊ยะลั่น ต่างกันเพียงกระสุนสังหารครั้งนี้ทะยานฝังเข้ากลางอกน้องกี้

หญิงสาวนิ่งอึ้ง ร่างกายละม้ายกลวงโหวง ก่อนจะถูกเติมลงด้วยไอระอุที่ปะทุขึ้นเป็นภาพ...ภาพคุณฐิตานุ่งสั้นเสมอหูทั้งที่หนูไม่ใช่ใบเตย!

‘...น้องกี้ น้องกี้อยู่ตรงนี้ยังมีอนาคตอีกไกล แผนกเราก็ไม่มีใคร ฐิตาตอนนี้โฟกัสเขาก็เริ่มหายเพราะไปสมัครเรียนโท จบโทก็อาจจะออกไปอยู่ที่อื่น อีกอย่าง เขาไม่เหมาะจะเป็นระดับหัวหน้าในแผนก เราปกครองดูแลคน น้องกี้ว่าคนเห็นฐิตาแล้วจะรู้สึกว่านั่นคือตัวอย่างที่ดีรึเปล่า...’

แน่ละ หล่อนไม่ใช่ตัวอย่างที่ดี

แต่หล่อนมี ‘ของดี’!

ในความจริง ถึงน้องกี้จะหัวดีกว่า ชงงานฉลุยกว่า แต่คุณฐิตาถึกตันและถันโต การต้องแก้ข้อผิดพลาดสิบครั้งกว่าจะผ่านไม่ใช่ปัญหา ในเมื่อเนินอกของเธอช่วยให้งานของพี่หมูแล่นสู่สายตาท่านประธานฯ ได้ง่าย ง่ายชนิดที่หัวหน้าของน้องกี้ไม่ต้องทำอะไร แถมตอนเดินกลับมาบอกว่า ‘ท่านประธานเซ็นให้เรียบร้อยแล้วค่ะ’ คุณฐิตายังหยิบเอกสารจากเครื่องพิมพ์เข้าไปให้โดยพี่หมูไม่ต้องออกปากใช้อีกด้วย!

ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร! ถ้าน้องกี้อยากชนะก็ควรต้องหาใครมาใช้เป็นตัวช่วยสักคน

ผู้อยู่เบื้องบนที่ทรงอิทธิพลต่อพี่หมูมากกว่าท่านประธาน!

น้องกี้กะพริบตา โฟกัสภาพจากรอยกระสุน ลากกลับมาหยุดตรงสารพันสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พี่หมูไม่เคยเชื่อใจ แต่ต่อมากลับยึดใช้เป็นที่พึ่งที่ระลึก

หัวคิดน้องกี้แล่นพล่าน มันหยุดพร้อมสายตาที่สบเข้ากับไลน์นั่นอีกครั้ง

 

“คุณกำยานเป็นเจ้าหนี้ที่พี่หมูขอยืมเงินก้อนโตมาให้สามีลงทุนค่ะ” น้องกี้สรุปข้อความในหน้าต่างโปรแกรมไลน์ที่ได้อ่านวันนั้น “พี่หมูมีปัญหาเรื่องการผ่อนชำระมาพักใหญ่”

“แม่เจ้า นี่หัวของเธอทำด้วยอะไร”

ต่อท่าทางกวนประสาทของไอ้โชคบ่ดี น้องกี้เผลอยกไหล่ ซึ่งนับเป็นกิริยาที่เธอไม่ใคร่กระทำ เพราะไม่สมเป็นกุลสตรี “หัวดีไม่เท่าไหร่ แต่น้องกี้เป็นคนโชคดีเพราะทำกุศลไว้มากค่ะ”

“ถามอีกที นี่หัวของเธอทำด้วยอะไร!” อีกฝ่ายแสร้งไล่เสียงสูงเพราะความเชื่อนั้นของเธอ แต่มีเหรอน้องกี้จะสน

“แล้วผู้หญิงหัวดีและโชคดีอย่างน้องกี้ก็รู้ได้ในไม่ช้า ว่าคนที่ทรงอิทธิพลต่อคุณกำยาน ก็คือพี่เก่งลูกชายของเธอค่ะ”

“เดี๋ยว” โชคบ่ดีไถลก้นลงจากขอบโต๊ะมายืนโชว์หุ่นสูงโปร่ง “อย่าบอกนะว่าที่เมื่อกี้เธอกลัวพี่หมูจะรู้อดีตของเราก็เพราะ...” เจ้าตัวยกนิ้วชี้สองข้างขึ้นแตะกัน

น้องกี้ยิ้มเห็นไรฟันขาว “คุณโชคเป็นผู้ชายหัวดีและโชคดี มีโอกาสเข้ามาช่วยน้องกี้ได้ทันเวลา”

เขากลอกตา เงยหน้า “เธอยังไม่ได้ตอบนะว่า หัวของเธอทำด้วยอะไร”

“คุณโชคเข้าใจถูกแล้วค่ะ น้องกี้เป็นแฟนของพี่เก่ง นี่เองที่ทำให้พี่หมูเกรงใจจนน้องกี้ได้เข้าวินในปีนั้น ลากยาวมาถึงตอนนี้ แต่คุณโชคคะ ไม่เคยมีความสัมพันธ์ไหนๆ ไม่มีปัญหา...

“ถ้าพี่หมูรู้ เธอคงต้องเปลี่ยนจากเก้าอี้ตัวนี้ไปตก ‘ที่นั่งลำบาก’ แทนสินะ” ไอทีหนุ่มยิ้มหรี่ตาเจ้าเล่ห์ ยักไหล่ “เอาเป็นว่าเธอวางใจได้ ฉันจะไม่ป่าวประกาศเรื่องของเรากับใคร”

“ถ้าแค่นั้นน้องกี้คงไม่เล่ารายละเอียดมากมายและถึงกับขอร้องตรงๆ”

“หมอดูทำนายว่าฉันจะช่วยกระชับความสัมพันธ์เธอกับแฟนได้รึไง” คู่สนทนาพูดเหมือนบ่น แต่มันโดนใจน้องกี้จังเบ้อเริ่ม

“คุณโชค! ที่แท้คุณโชคคือทูตสวรรค์ตัวจริง!” เธอตาโต หูตั้ง

แต่นายนั่นกลับหน้าแหย “อย่ามาประสาท ฉันจะไปช่วยอะไรเธอได้”

“ก็หกข้อ หกข้อนั่นไงคะ!” เจ้าของเสียงสั่นชี้นิ้วขึ้นบน

โชคบ่ดีแหงนตาม พยายามเพ่งหาอะไรสักอย่างที่ไม่ยักเห็น “อะไร หยากไย่เกาะหลอดไฟบางๆ?”

“ไม่ใช่ค่ะ!” เธอทำเสียงจึ๊กจั๊ก “คุณโชคจะใช้วิธีคลาวด์แมเนจเมนต์ช่วยน้องกี้ยังไงได้บ้างต่างหาก”

เขาถอยเท้าคล้ายเริ่มขยาด เสียงอธิบายเริ่มแขยง “คลาวด์คอมพิวติงแมเนจเมนต์ก็เหมือนทุกคนในบริษัททำงานด้วยคอมพ์เครื่องเดียวกันไง ทุกคนกรอกข้อมูลในหน้าจอของตัวเอง จากนั้นข้อมูลทั้งหมดมันก็จะถูกเก็บรวมกันแล้วประมวลผลที่ส่วนกลาง แต่มันจะใช้เว็บเบส...”

“ดะ...เดี๋ยวค่ะ น้องกี้หมายถึงคลาวด์แมเนจเมนต์น่ะค่ะ แบบว่า...” หญิงสาวชี้นิ้วขึ้นฟ้าอีกครั้ง “คลาวด์- แม-เนจ -เมนต์ คุณโชคบดีจะเป็นทูตมาช่วยน้องกี้ได้ยังไงคะ คุณลุงหมอแกกำชับน้องกี้มาตั้งแต่เมื่อวาน น้องกี้ยอมทำตามทุกรกิริยาทั้งหกข้อนั่น ขอแค่ให้พี่เก่งกลับมาเป็นแฟนน้องกี้เหมือนเดิมก็พอ”

“แล้วเธอก็เชื่อ?!” อีตานั่นเสียงสูง

“ทำไมถึงจะไม่เชื่อ”

โชคบ่ดีเดินมาเอียงหน้าซ้ายขวา สบตาใกล้ๆ คงตั้งใจตรวจสอบเศษเสี้ยวของความกังขาที่อาจซ่อนอยู่ในจิตวิญญาณของน้องกี้ แต่แน่นอน ย่อมไม่มี! น้องกี้กะพริบตาฉีกยิ้มให้ และด้วยอะไรบางอย่าง จู่ๆ แก้มหมอนั่นก็พลันแดงซ่าน ถอนสายตาและใบหน้ากลับไปเก้ๆ กังๆ

“ฉัน...น่าจะรู้ดีอยู่แล้วนี่นะ” คำพูดเหมือนกลบเกลื่อนความคิดอื่น

“นั่นสิคะ” น้องกี้งุบงิบ อีตานี่คงแสร้งทำเป็นเพิ่งเข้าใจ ทั้งๆ ที่รู้ดีมาตั้งแต่ต้น

“งั้นเอางี้” เขายกนิ้วชี้ มันไม่ดูเรียวนุ่มเหมือนของพี่เก่ง แต่บ่งบอกความเป็นตัวเองด้วยแผ่นหนังหยาบกร้าน รอยแผลเป็นเล็กๆ และขนยาวรุงรัง

“บทเรียนข้อที่หนึ่งจากทูตสวรรค์ ตั้งแต่โดนบอกเลิกวันนั้น เธอได้คุยอะไรกับหมอนั่นรึยัง”

น้องกี้นิ่งคิดอึดใจ “ยัง”

“ไม่ได้โทร. ไปเลย?”

“ไม่ค่ะ น้องกี้ไม่มีเวลา ตอนกลางวันน้องกี้ต้องไปขอหมอดูช่วยหาวิธีแก้กรรมให้นำพี่เก่งกลับมา ตอนเย็นก็ไปบนทั่วสารทิศ กว่าจะกลับบ้านก็เหนื่อยแทบขาดใจ ไม่มีเรี่ยวแรงจะโทร. ไปง้อหรอก”

“งั้นวันนี้เธอไม่ต้องไปบนที่ไหน รีบกลับบ้านแล้วโทร. ไปง้อเลย”

“แต่น้องกี้...”

“นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว เอาเป็นว่าเธอเลี้ยงข้าวกลางวันทูตสวรรค์แทนบนบานสักวันก็แล้วกัน โอเค้”

 

น้องกี้โอเค แต่คนที่บอกว่าจะโอเคต่างหากที่มีปัญหา

เนื่องจากจะเซ่นทูตสวรรค์ทั้งที หญิงสาวจึงจัดเต็มโดยสั่งอาหารมาบริการอีตาโชคบ่ดีถึงที่ห้องประชุม กระนั้น หลังจากเห็นจานอาหารถูกลำเลียงมาเรื่อยๆ คิ้วเข้มก็ยิ่งขมวด คอย้อย หน้ายี้ มีเสียงบ่นห้าวๆ ดังขึ้นตอนที่น้องกี้กำลังดันประตูเปิดนำอาหารเข้ามา

“ไก่รวน ปลาหมึกแห้ง ผัดหมี่ซั่ว ขนมเทียน ขนมเข่ง นี่อย่าบอกนะว่าจะมีข้าวสวยใส่ถ้วยปักตะเกียบเป็นรายการถัดไป?”

“ข้าวสวยใส่ถ้วยปักตะเกียบมาแล้วค่า!” หญิงสาวเจ้ามือวางของลงบนโต๊ะ

“ปัดโธ่!” คนรับถวายยกมือขึ้นกุมขมับทั้งสองข้าง “ทำไมไม่เอากระดาษเงินกระดาษทองกับประทัดใส่ถาดตามมาด้วยซะเลยล่ะ”

น้องกี้หน้าเหลอ “เออ จริงด้วย”

“ฉันประชด!” หมอนั่นกระแทกเสียง “จะบ้ารึไง ฉันไม่ใช่ไฉ่ซิงเอี๊ย!”

“ก็ไม่ใช่น่ะสิคะ ไฉ่ซิงเอี๊ย เทพเจ้าแห่งเงินทองและโชคลาภต้องถวายด้วยผลไม้ อาหารเจ แล้วก็ขนมสีสดๆ ต่างหาก ท่านไม่รับอาหารคาวหรือเนื้อสัตว์ น้องกี้จำได้หรอกค่ะ”

“แล้วเธอเห็นฉันเป็นอะไรไม่ทราบ”

“ผลไม้ไหว้เจ้าที่มาแล้วค่ะพี่แอ๊บ” รักเร่โผล่เข้ามา

โชคบ่ดีถึงกับสำลักขนมเทียน หากยังพอมีสติจำได้

“ขอโทษครับ คุณรักเร่ใช่มั้ย” กำลังจะเช็ดปากด้วยหลังต้นแขนตามความเคยชิน แต่ทันนึกได้ เจ้าตัวจึงเอื้อมไปสาวกระดาษทิชชูบนโต๊ะมาซับแทน เผยยิ้ม “ผมโชคบดีที่เมื่อวานเราคุยกันทางโทรศัพท์ไง

“อ๋อ คุณโชคบดี สวัสดีค่ะ” สาวท้วมเชื่องช้าดูจะตาโตยิ่งขึ้นเมื่อเห็นเขาเต็มตา อันที่จริงรักเร่ไม่ใช่คนหน้าแย่ เพียงแต่ไม่รู้จักแต่ง กับทั้งมีลักษณะของคนไม่มั่นใจตัวเอง ทำให้ดูเก้กังไปทุกการเคลื่อนไหว

“ไม่คิดว่าที่น้องกี้บอกจะไปสั่งอาหารให้นี่คือจะไปสั่งให้คนอื่นซื้อ ขอโทษคุณรักเร่ด้วยนะครับที่ทำให้ต้องยุ่ง”

“เรียกเร่เฉยๆ ก็ได้ค่ะ”

“หนูเร่!” ผู้บังคับบัญชากระชากเสียงขึ้นนิดหนึ่งอย่างรำคาญ “พี่ขอบใจมากนะคะ นี่เที่ยงกว่าแล้ว หนูรีบไปทานข้าวดีกว่าค่ะ เดี๋ยวกลับมาไม่ทัน”

โชคบดีถลึงตาใส่คนสั่ง แต่เมื่อรักเร่ทำคอตกอย่างยินยอม สายตาขณะมองหล่อนตุ๊ต๊ะจากไปก็อ่อนลงอย่างสงสาร “เธอไปทำอะไร คุณเร่เขาถึงได้ดูหงอให้ซะขนาดนั้น”

“รักเร่เป็นเด็กในอาณัติของน้องกี้นี่คะ”

“แค่นั้น?” คนถามหันไปเลือกชิ้นไก่รวน น้ำเสียงแสดงความไม่เชื่อถือชัดเจน

“รักเร่เป็นเด็กช่วยงานรายวันค่ะ เธอส่งใบสมัครขอฝึกงานเข้ามาตั้งแต่สามปีก่อน จากนั้นน้องกี้ก็ผลักดันจนเธอได้เข้ามาเป็นพนักงานเต็มตัว”

อันที่จริงไม่เชิงอย่างนั้น คนเสนองานคือพี่หมู ทว่าน้องกี้ถือว่าเธอควรได้เครดิตจากการติดไฟให้น้องใหม่โชติช่วงตั้งแต่ต้น

‘หนูเร่ หนูโชคดีเพราะพี่ถูกชะตากับหนูจริงๆ ปกติบริษัทไม่ค่อยรับเด็กฝึกงานหรอกนะคะ หนูเข้ามาก็อย่าทำแค่พอผ่านไปวันๆ เพราะไม่ได้เงิน ค่ะ...บริษัทไม่มีนโยบายให้ค่าตอบแทน พี่ลืมบอกหนู แต่นั่นแหละ อย่าลืมนะคะว่าเราอยู่แผนกอะไร แผนกเอชอาร์กำหนดนโยบายรับคนค่ะ! ถ้าหนูขยันช่วยแผนก แสดงผลงานดีๆ พี่น้องกี้คงช่วยหนูเข้ามาอยู่ประจำได้ไม่ยาก หนูก็เห็นนี่ว่าบริษัทเราขยายเอาๆ’

ด้วยเหตุนี้ สองเดือนแห่งการฝึกงานย่อมผ่านไปด้วยดี ถึงรักเร่จะหัวทึบไปด้วยขี้เลื่อย แต่น้องกี้ก็หาทางฝึกสอนจนหล่อนแถกแถไปได้...

หมายถึง ส่วนใหญ่เป็นการวานคุณฐิตาสอนน่ะ เพราะตลอดเวลานั้น น้องกี้มัวหรรษากับความว่างสบาย จนท้ายๆ เดือนที่สองถึงกับหลอนว่าจะรั้งรักเร่ต่อไปอย่างไรดี ไม่คิดเลยว่าจี้นำโชคประจำวันเกิดที่เพิ่งเก็บสตางค์ไปสั่งทำจะให้ผลแรง ยังไม่ทันเริ่มยก วันหนึ่งพี่หมูก็ชะโงกมากวักเรียก

‘พี่ว่ารักเร่ทำงานโอเค ได้ข่าวว่าผ่านฝึกงานก็เรียนจบแล้วใช่มั้ย น้องกี้ไม่ลองถามดูล่ะว่าเขาอยากทำงานที่นี่ต่อไปรึเปล่า บริษัทเรากำลังจะเริ่มโพรเจกต์ใหม่ อาจต้องใช้คนเยอะขึ้น’

ข่าวนี้แล่นไปถึงหูเด็กในคาถาของน้องกี้ว่า

‘เห็นมั้ยล่ะคะ เชื่อพี่แล้วดีแน่ พี่น่ะช่วยพูดกับพี่หมูทุกวันจนแกจะเบื่อหน้าอยู่แล้ว แต่มันก็เป็นเพราะความขยันของหนูเร่ด้วย ถ้าหนูยังไม่รู้จะไปไหนก็ทำที่นี่ต่อไปเถอะ ถึงตอนนี้จะเป็นแค่พนักงานรายวัน แต่อีกไม่นานก็ต้องได้บรรจุ มีเงินเดือนเหมือนพี่ พี่น้องกี้ไม่มีทางให้น้องลำบาก ก็อย่างที่บอก พี่ถูกชะตากับหนูเร่นะคะ’

ตอนนั้น แค่ขยิบตาหนึ่งครั้ง รักเร่ก็แทบ ถลาลงไปซบตักน้องกี้แน่ะ!

อย่างไรก็ดี เรื่องเด็กฝึกงานกลายเป็นอีกหัวข้อที่น้องกี้หงุดหงิดคุณฐิตา

ไม่รู้หล่อนทำบุญด้วยอะไร บางทีจะมีผึ้งมาสร้างรังที่บ้าน ต้นว่านออกดอกปีละสามสิบสองหน หรือไม่ก็ดอดไปทำจี้ประจำวันเกิดเม็ดเบ้งกว่าน้องกี้ ทั้งที่นั่งอยู่เฉยๆ บางทีถูกเพื่อนร่วมงานโยนบาปให้ด้วยซ้ำ คุณฐิตากลับยังได้รับกุศลกรรมที่ดีกว่าเสมอ ได้โดยไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย!

ก็ใครจะคิด หลังจากน้องกี้ยิ้มแก้มปริเพราะมีตัวผ่อนแรงถาวร ปีถัดมาคุณฐิตากลับได้เด็กฝึกงานคนใหม่มาให้ใช้เช่นกัน ที่สำคัญคือเป็นผู้ชาย อายุสิบเก้า แต่มีมรดกมากกว่าสิบเท่าที่น้องกี้หามาตลอดชีวิต!

น้องนุติ์เป็นเด็กฉลาด ขยัน สูง ขาว หน้าตาหล่อราวหลุดมาจากสังกัดพี่เอ-ศุภชัย นอกจากจะช่วยงานจนวันๆ คุณฐิตาแทบไม่ต้องทำอะไร พ้นสองเดือนนั้น สองคนนั่นยังกลายเป็นแฟนกันกะหนุงกะหนิง

 

ด้วยเหตุนี้ส่วนหนึ่ง ทุกบ่ายแก่น้องกี้จึงมีภารกิจสำคัญให้จำดอดจากที่ทำงานก่อนห้าโมงเย็นเสมอ หญิงสาวมักตระเวนไปยังวัดมังกรกมลาวาส วัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือไม่ก็ที่ศาลพระพรหมเอราวัณ ฉวยพื้นที่ชิงขอพรอย่างมุมั่น นอกจากพรข้อพิเศษช่วงหลังคือขอให้พี่เก่งกลับมารักหัวปักหัวปำตามเก่า ข้อเดิมๆ ที่หญิงสาวกล่าวบ่อยๆ ได้แก่

‘คุณพระเจ้าขา ลูกช้างขอให้ได้ดิบได้ดีกว่าหัวหน้ากับเพื่อนร่วมงานทุกคน ขอให้คนพวกนั้นรักลูกช้างมากๆ ถ้ามีการประเมินผลงานก็ขอให้ลูกช้างผ่านข้อกำหนดทุกข้อ ตั้งแต่การเข้างาน-ออกงานตรงเวลา ทำภารกิจที่มอบหมายด้วยความตั้งใจจนสำเร็จลุล่วง ซ้าาาธุ!’

แต่วันนี้ ค่าที่ทูตสวรรค์แนะว่าไม่ต้องถ่อไปขอพรที่ไหน น้องกี้จึงกลับถึงบ้านตั้งแต่ผียังไม่ทันซักผ้าอ้อมตากเสร็จดี

บ้านของน้องกี้อยู่ในซอยเล็กย่านเจริญกรุง ซอยชื่อ ‘รักธรรม’ แต่ป้ายสีน้ำเงินเก่าเยินจนอ่านเหมือน ‘รับกรรม’ มากกว่า ชาวซอยเป็นชุมชนที่รักกันมากผิดปกติ สังเกตจากแออัดจนแทบจะขี่กันหายใจ ตัวบ้านขนาดแมวสกอตทิชโฟลด์รุ่นหูตั้งยังไม่ทันดิ้นก็แทบกรี๊ดตายเพราะกลัวที่แคบ เป็นแบบกึ่งปูนกึ่งไม้ กึ่งเก่ากึ่งใหม่ พื้นที่รอบรายอุดมไปด้วยพืชพันธุ์สารพัด

‘โบราณท่านว่าปลูกมะยมทิศตะวันตกจะช่วยปกปักจากภูตผี มีคนนิยมชมชอบ ปลูกมะม่วงทิศใต้ ผู้อาศัยจะร่ำรวย ไม่มีใครรังแก ปลูกขนุนทิศหรดีจะมีคนคอยเกื้อหนุน ปลูกมะขามคนเขาจะได้เกรงขาม ป้องกันคดีความ หรืออย่างต้นคูนก็ต้องทางตะวันตกเฉียงใต้’

‘นั่นสิคะคุณแม่ แต่ไหงบ้านเรามีแต่ลั่นทม สลัดได ต้นโศก เต่าร้าง แถมยังซ่อนกลิ่น’

‘ชะ! นังลัค’ นั่นเป็นชื่อที่นางอิงบุญใช้เรียกน้องกี้ลูกสาวคนโต ‘แกมันไม่รู้อะไร ก่อนพ่อแกตายเขาบอก รักษาบ้านไว้ให้ดีๆ เหมือนตอนพี่อยู่นะ แม่อิง’

‘แม่’ พูนลาภน้องสาวมีความเห็น ‘เสียงพ่อต้องหวานๆ ยานๆ กว่านั้น เพราะพ่อแกติดสมัยเป็นพระเอกลิเกมา แล้วต้องมีเสียงตอนหมดลมอย่างนี้ด้วย รักษาบ้านไว้ให้ดีๆ เหมือนตอนพี่อยู่นะ แม่อิง อ็อก!’

‘หยุดค่ะ’ น้องกี้จำได้ว่าฉุนกึก ‘คำพูดก่อนตายของคุณพ่อไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะคะ ถ้าจะเลียนแบบก็ต้องใช้เสียงหวานและยานคางกว่านั้น อีกอย่าง ที่คุณพ่อพูด ท่านหมายถึงให้รักษาสภาพความเป็นอยู่ของบ้าน ไม่ใช่ปล่อยให้วัชพืชอัปมงคลทั้งหลายขึ้นยั้วเยี้ยอย่างนี้’

‘แกนี่มันลูกพ่อ เกิดมาชงกับฉันจริงๆ นังลัค!’

นี่แหละ ครอบครัวของน้องกี้ ตั้งแต่บิดาผู้เป็นเสมือนเสาหลักของเรือนล้มลง โครงบ้านส่วนอื่นก็แทบทลาย คุณนายอิงบุญเพียรหว่านเสน่ห์หาเสาใหม่ตามวิธีที่บรรพชนปลูกฝังว่าให้ผลลงทุนสุดคุ้ม แต่สำหรับหญิงแก่ลูกโตเจียนบรรลุนิติภาวะนั้นนับเป็นภารกิจที่ยากลำบาก หลังกระเบียดกระเสียรใช้เงินเก็บจนร่อยหรอ คุณแม่ของน้องกี้ก็ต้องยอมรับว่าจำต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวแบบหัวเดียวกระเทียมลีบ หยิบยืมและรับจ้างทำงานต่างๆ เพื่อนำมายังชีพตนและลูกๆ

ยังนับว่าโชคดี ก่อนบ้านจะถูกยึด น้องกี้ก็เรียนจบและหางานได้ หญิงสาวผ่อนใช้จนไถ่บ้านสำเร็จ พร้อมๆ กับส่งเสียน้องสาวเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ส่วนคุณแม่ก็ยังเป็นแม่ครัวในร้านอาหารร้านเดิมต่อไป เจ้านายของคุณแม่ใจดี มักปันอาหารที่เหลือมาให้คนที่บ้านบ่อยๆ  

แต่แม้จะเป็นอภิชาตบุตรขนาดนี้ น้องกี้ยังไม่เคยเป็นที่ถูกใจของคุณแม่ คุณนายอิงบุญมักหาว่าน้องกี้เป็น ‘ลูกพ่อ’ หรือไม่ก็ ‘เกิดมาชง’ เสมอ ไม่ยอมเรียกน้องกี้ว่าน้องกี้ อย่างที่คุณพ่อฝากฝัง ไม่ต่างกับน้องสาวที่มิใคร่เข้าหน้ากันกับพี่ ตั้งแต่คุณพ่อจากไปน้องกี้ก็มีสภาพคล้ายไส้ติ่งของบ้าน เป็นคนที่ไม่มีใครให้ความสำคัญหรือสนใจว่าจะไปจะอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าตกลงเธออายุเท่าไร เพราะไม่เคยมีใครจำได้ว่าเธอเกิดวันไหน ไม่ ทั้งที่ใกล้เข้ามาอีกแค่ไม่กี่วัน

แต่ถึงอย่างนั้นน้องกี้ก็ยังรักคุณแม่ เย็นป่านนี้เห็นบ้านเงียบเชียบ คาดว่ามารดาคงยังไม่กลับมาจากงานก็พานสงสารในจิต คิดเสียงดังอย่างนางเอกละครว่า “โถ คุณแม่ขา เมื่อไหร่น้องกี้จะทำให้คุณแม่หายเหนื่อยได้ นานตั้งเท่าไหร่ที่คุณแม่ทำงานหนักเพื่อพวกเรา...”

ความคิดชะงักเพราะเสียงดังข้างรั้ว “นังลัค! กลับแต่วัน นึกว่าเอ็งตามแม่ตามน้องไปขูดหาหวยที่วัดบางตะไคร้ซะอีก!”

น้องกี้ปิดตาดับดนตรีดรามาแทบไม่ทัน ไม่อยากหันแต่ก็ต้องหันหา เพราะมารยาทดีงามตามแบบที่คุณพ่อปลูกฝังมาล้วนๆ

“เมื่อไหร่เอ็งจะมาตัดหมามุ่ยตรงนี้ซะที ข้ายื่นหน้ามาดูไม่ถนัด”

ป้าปริกเป็นเพื่อนบ้านฉบับสู่รู้ กำแพงรอบบ้านแกมีรูเพราะถูกเจ้าของเจาะเพื่อถ้ำมองจนพรุนเป็นตะแกรง ที่ร้ายนักคือปากแกไม่อยู่สุข บ้านไม่ใช่ซีพีหรือทีโอเอ แต่แทบจะตีไข่ใส่สีเป็นอาชีพหลัก ตำแยกลายเป็นวีโก้ไฮลักซ์ ‘เรื่องจิ๊บๆ’ ไปทันทีที่เจอปาก ‘แกร่งพร้อมลุย’ ของป้า

ไม่ตอบกระไร หญิงสาวเพียงยิ้มให้แล้วก้าวต่อเข้าบ้าน อาบน้ำเสร็จก็ยังไร้เงาแม่กับน้องสาว ในที่สุดน้องกี้จึงหลบเข้าห้องนอนมาจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือ

เบอร์ของพี่เก่ง หมายเลขบนหน้าจอโทรศัพท์พลอยดึงภาพแฟนหนุ่มแสดงขึ้นมา

กำยำแก่กว่าน้องกี้สองปี แต่เนื่องจากเป็นลูกชายคนเดียวของผู้มีอันจะกิน ชายหนุ่มจึงถูกพะนอจนติดนิสัยเด็กไม่รู้จักโต เจ้าสำอางและเอาแต่ใจ ตลอดชีวิตเขามีสิทธิ์เลือกได้ ทำอะไรไม่เน้นจริงจัง การที่คนลักษณะอย่างเขายอมโน้มกิ่งมาคบน้องกี้ ลึกๆ แล้วหญิงสาวย่อมรู้ดีว่าเขาคาดหวังอะไรเป็นสำคัญ อะไรที่เขายังไม่ได้ รสใหม่ที่หญิงสาวยังไม่ยอมให้ชิม!

ระยะเวลาปีกว่าที่คบกัน น้องกี้ใช้ความสามารถผ่อนยาวผ่อนสั้น เร้าให้เขาต้องการ หรี่ให้เขาหวังรสหวาน แต่ทุกสิ่งนั้นมีวันจางไป โดยเฉพาะกับคนใจร้อนที่เคยได้แต่กลับยังไม่ได้ น้องกี้เคยคิดว่ามันเป็นช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม ถ้าเธอยอมเสี่ยงใจแข็งต่ออีกนิด สิ่งที่จะพิชิตอาจมากเหมือนถูกรางวัลแจ็กพอต!

แต่ก็นั่นละ อีกด้านของมันคือความยับเยินถ้าเพียงแต่เธอประเมินพลาด และตอนนี้น้องกี้รู้สึกเหมือนมันใกล้จะพลาด!

หลังจากทะเลาะกันครั้งสุดท้าย พี่เก่งไม่โทร. หาน้องกี้หลายวัน ไลน์ไปก็ไม่อ่าน ส่วนเฟซบุ๊กนั่นไม่ต้องพูดถึง เขายังคงไม่ยอมรับเธอเป็นเพื่อน! เหตุผลหนึ่งที่น้องกี้ไม่กล้าโทร. ไปก็เพราะกลัวว่าเขาจะไม่รับสาย

ใช่ ถ้าโทร. ไปแล้วพี่เก่งไม่รับสายเล่า

เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังกรีดความเงียบในบรรยากาศ น้องกี้สั่นสะท้าน หัวใจลั่นกลองเป็นจังหวะเนิบช้า ขณะที่เริ่มรู้สึกว่าจวนจะหายใจไม่ออก ปลายทางก็มีความเปลี่ยนแปลง

มีคนรับสาย!

“พี่เก่งขา น้องกี้!...”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น