6

รอยยิ้ม

ท่ามกลางความเงียบสงบในสวนด้านหน้าของบ้านอาจารย์เป็นธรรม ทุกอย่างดูสงบนิ่งอย่างกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น เด็กนักศึกษาทั้งหมดยังคงรวมตัวกันอยู่ยังโถงกิจกรรมด้านใน เพียงแต่อะไรบางอย่างกำลังก่อเกิดขึ้นบริเวณด้านหน้า 

ตอนนั้นเองที่อยู่ๆ ก้อนกรวดสีดำก้อนเล็กๆ ที่จมอยู่ท่ามกลางหินสีขาวพลันขยับเคลื่อนไหว และกลิ้งไปมาอยู่ด้านหน้าบ้านหลังใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ กลิ้งเข้าหาบันไดหน้าบ้านของอาจารย์เป็นธรรมอย่างหมายใจจะเข้าไปให้ได้ แต่กลับถูกอะไรบางอย่างกั้นขวางเอาไว้เสียก่อน

มือหนาเอื้อมลงหยิบสิ่งแปลกปลอมนั้นขึ้นมา พิจารณามันอยู่ไม่นานด้วยนัยน์ตาสีทองอร่าม ก่อนนิ้วโป้งหนาจะบดขยี้มันให้แหลกลงคามือ ของเหลวสีดำทะลักออกมาเปรอะลงกับนิ้วมือขาว ก่อนริมฝีปากเข้มจะเอ่ยบริกรรมคาถาหนึ่งออกมาอย่างแผ่วเบา เสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดดังแทรกผ่านเข้ามาในโสต กระทั่งมันค่อยๆ เลือนหายไปกับสายลม

“พระพายหนอ พระพาย ใครกันช่างใจร้ายนัก” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นแผ่วเบา ริมฝีปากเขาขยับยิ้มน้อยๆ ก่อนเจ้าของกายาใหญ่ในชุดกางเกงสะดอสีขาวคนนี้จะก้าวไปยังศาลาใหญ่ เลือกยืนมองดอกบัวมากมายในสระบัวหลวงอยู่อย่างนั้น 

พระอาทิตย์ดวงโตคล้อยบ่ายลงทุกที จนในที่สุดเสียงพาทีเจื้อยแจ้วของกลุ่มเด็กนักศึกษาหน้าใหม่ก็ค่อยๆ ดังขึ้นจากทางด้านหลัง พวกเขาเริ่มทยอยกันกลับ ในขณะที่เดินออกมาผ่านศาลาใหญ่ที่ยังคงทำให้สะดุดตา ก็ดูเหมือนกับว่าพวกเขาจะมองไม่เห็นใครคนนั้น ทุกคนล้วนเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่าศาลาไม้สักแห่งนี้งดงามเหลือเกิน 

ลวดลายเถาดอกพิกุลเลื้อยไหลลงตามเสาไม้สักทั้งหมด 24 ต้น คล้ายว่ามันกำลังโปรยปรายลงมาจากสรวงสวรรค์ ก่อนจะถูกรองรับไว้ด้วยดอกบัวดอกโต นั่นจึงทำให้บางคนรู้สึกเสียดายในใจว่าเหตุใดอาจารย์เป็นธรรมจึงนำศาลาหลังนี้มาตั้งอยู่ริมน้ำ ไม่กลัวว่าไอน้ำหรือแสงแดดจะทำให้ไม้ผุพังหรืออย่างไร แต่ถึงอย่างนั้น อาจารย์เป็นธรรมก็บอกกับทุกคนเสมอว่า สุดท้ายแล้วไม้ก็ต้องผุพัง ไม่มีอะไรยั่งยืนจีรังค้ำฟ้า...

“พระพาย! กลับด้วยกันมั้ย” ตอนนั้นเองโรสก็พลันเอ่ยถามเพื่อนของเธอเสียงเจื้อยแจ้ว

“อ๋อ ไม่เป็นไร พอดีพ่อมารับแล้ว” พระพายว่า ก่อนโรสจะทำหน้าตาผิดหวังใส่ เจ้าของดวงตางามมองเพื่อนปริบๆ ก่อนที่โรสจะรี่เข้าเกาะแขนขาวของพระพายอย่างตื่นตระหนก ข้าวของมากมายเกือบจะร่วงลงกับพื้นอีกครั้ง เพียงแต่ครานี้พระพายรับมันไว้ได้ทัน แม้หัวใจของเธอจะหลุดลงไปกองอยู่แทบเท้าแล้วก็ตาม

“เหวอออ!! ตกใจหมดเลย!” ร่างบางหันไปเอ็ดเพื่อนสาวเธอเบาๆ ก่อนจะเหลือบขึ้นมองใครบางคนที่ยืนอยู่ยังศาลาใหญ่ 

แผ่นหลังกว้างและเรือนผมสีทองของเขาทำให้พระพายถึงกับหน้าแดงแจ๋ เธอจ้องมองเขาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะพบว่าอาจารย์เป็นธรรมก้าวเดินขึ้นไปหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ เขาด้วยอีกคน จึงรับรู้ตามความเข้าใจของตัวเธอเองว่า ชายคนนั้นอาจเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เป็นธรรมคนหนึ่งก็เป็นได้

               “พระพาย...พระพาย!!” 

               ก่อนเสียงโรสจะทำให้แก้วหูชั้นในของเธอสะเทือนซ้ำสอง ด้วยสาวเจ้าเอาแต่เหม่อมองไปยังชายแปลกหน้าเสียจนไม่ได้สนใจว่า เพื่อนเธอจะโยเยกับเธออย่างไรบ้าง

“ขะ...ขา!!” พระพายถึงกับร้องอย่างตกใจ ทำให้อาจารย์เป็นธรรมและชายร่างใหญ่คนนั้นหันมามอง

ครั้นเมื่อนัยน์ตาสีทองสว่างนั้นจับจ้องยังเธอ ริมฝีปากเข้มเขาก็พลันขยับยิ้มหวาน ทำเอาหัวใจดวงเล็กๆ ของพระพายเกิดเต้นแรงโครมครามขึ้นอีกครา แก้มสองข้างแดงแจ๋เสียจนสาวเจ้าจำต้องกระชับสัมภาระและข้าวของกอดแน่น ยกมันขึ้นบดบังสองแก้มที่แดงเสียยิ่งกว่าลูกตำลึงสุก ก่อนเธอจะรีบค้อมศีรษะแทนการกล่าวลาทั้งสอง 

โรสที่เห็นอาจารย์เป็นธรรมยืนอยู่ในศาลาใหญ่เพียงลำพังก็ถึงกับรีบยกมือขึ้นไหว้ ทั้งๆ ที่หอบข้าวหอบของมามากมายพอกัน ทำเอาชายชราคนนี้อมยิ้มอย่างขำในท่าทีของเด็กๆ ก่อนแกจะรับไหว้หล่อนและเด็กคนอื่นๆ พลางตะโกนบอกให้กลับบ้านกันดีๆ โรสจึงรีบพาพระพายก้าวเดินออกไป

“โรสเป็นอะไร” ตอนนั้นเองที่พระพายเอ่ยถาม ด้วยเธอสงสัยในท่าทีแปลกๆ ของโรสมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะก่อนหน้านี้โรสดูเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองอยู่มากเหลือเกิน แต่ครั้นหล่อนก้าวเข้ามาในเขตบ้านของอาจารย์เป็นธรรม ก็กลับดูหวาดกลัวอะไรบางอย่าง

“พระพายเห็นอะไรแปลกๆ ปะ” แต่เพื่อนสาวเธอเอ่ยถามกลับมาด้วยคำถามแปลกๆ เช่นกัน หล่อนไม่ยอมแม้แต่จะบอกว่าสิ่งแปลกๆ นั้นหมายถึงอะไร

“แปลกอะไรเหรอ อย่างเช่นอะไร” พระพายยังคงไม่เข้าใจ เธอเอ่ยถามอย่างสงสัยอีกครา คิ้วเรียวของเธอค่อยๆ ขมวดกันกลางหน้าผาก เพราะสำหรับพระพาย มันดีแค่ไหนแล้วที่ได้อาศัยอยู่ในบ้านที่ไม่มีผีหรือวิญญาณเลยสักตน

แต่โรสกลับพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ดูเหมือนหล่อนจะเอ่ยสิ่งที่คิดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ 

กระทั่งทั้งสองคนก้าวเดินออกมาถึงยังด้านหน้าประตูใหญ่ ชายคนเดิมในชุดเสื้อม่อฮ่อมกับกางเกงสะดอม่อฮ่อมก็นั่งคร่อมรถมอเตอร์ไซค์คันสีแดงรอพระพายอยู่เรียบร้อยแล้ว ครั้นพอเจ้าตัวเล็กของพ่อมองเห็นก็พลันยิ้มร่า สองขาเรียวรีบจ้ำเท้าเข้าไปหาพ่อติ๊บใกล้ๆ

“พ่อ!!” เสียงหวานเอ่ยเรียกอย่างดีใจ แต่พ่อติ๊บดูจะมีความกังวลมากกว่า เพราะรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นกับลูกสาว เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร

“พระพาย! เป๋นใดพ่องหล้า!” (พระพาย! เป็นยังไงบ้างลูก!)

คิ้วหนาของแกขมวดแน่น พลางมองสำรวจลูกสาวไปด้วย ส่วนโรสที่เดินมาคู่กันกับพระพายก็พลันก้าวเข้ามาหา ขยับสองมือขึ้นไหว้สวัสดีอย่างทุลักทุเล พ่อติ๊บที่เห็นก็พลันรีบรับไหว้ ก่อนแกจะถึงกับเลิกคิ้วขึ้นสูง ด้วยมองเห็นอะไรบางอย่างที่แสนแปลกตา 

สิ่งที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีเขียวมรกตพันเกี่ยวอยู่กับบ่าบางของโรส ก่อนเจ้าสิ่งนั้นจะเลื้อยหลบลงในกองข้าวของสัมภาระของหล่อน พ่อติ๊บจ้องมองมันเพียงเท่านั้นโดยไม่ได้เอ่ยทักท้วงอะไรออกไป เนื่องจากเคยเห็นสิ่งเหล่านี้มาบ้าง แม้จะไม่ได้พบเห็นกันบ่อยๆ ก็ตาม

“สวัสดีค่ะคุณพ่อ” โรสกล่าวสวัสดีพ่อติ๊บด้วยใบหน้าสดใส แม้ก่อนหน้านี้หล่อนจะยังทำหน้าตาหวาดกลัวอะไรบางอย่างอยู่เลย

“หวัดดีเจ้า” พ่อติ๊บทักทายตอบอย่างเป็นมิตร แกประนมมือรับไหว้ ก่อนอีกฝ่ายจะขอตัวแยกกลับไปยังวิทยาลัยกับเพื่อนคนอื่นๆ

พระพายโบกมือลาโรสน้อยๆ แม้ในใจจะยังคงเป็นห่วงหล่อนอยู่มากก็ตาม แต่ครั้นออกมาจากบ้านอาจารย์เป็นธรรม หล่อนก็กลับเป็นโรสคนเดิม ร่าเริงสดใสเสียยิ่งกว่าพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังเฉิดฉายอยู่เสียอีก พระพายจึงค่อยๆ ก้าวขึ้นซ้อนจักรยานยนต์คันสีแดงที่พ่อขี่มารับ มุ่งหน้ากลับบ้านไปด้วยกัน

บนถนนที่ทอดยาวออกไปเบื้องหน้า รถคันใหม่ยังคงแล่นไปด้วยความเร็วคงที่ สายลมเย็นในยามบ่ายนี้จึงเข้าปะทะแก้มอิ่มของพระพายอยู่เรื่อยๆ เธอซบหน้าลงกับแผ่นหลังของพ่อเบาๆ อย่างเหนื่อยล้า ด้วยวันนี้มันหนักหนาสำหรับเธอมากเหลือเกิน ก่อนพ่อติ๊บจะขับผ่านทุ่งนาใหญ่ มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่พระพายไม่เคยเห็น ลัดเลาะเข้าซอยเล็กกระทั่งไปโผล่ยังถนนริมห้วยด้านหลังบ้านของแก

“พ่อรู้จักบ้านอาจารย์ด้วยเหรอ” ตอนนั้นเองที่พระพายเอ่ยถาม

“ก่อฮู้หน่าก่า เปิ้นอยู่ฮั้นมาเมินละลู่” (ก็รู้น่ะสิ ท่านอยู่นั้นมานานแล้วนี่นา)

พ่อติ๊บว่า ใครเล่าในละแวกนี้จะไม่รู้จักอาจารย์เป็นธรรม เพราะแกเป็นถึงศิลปินเอกที่สร้างชื่อในระดับประเทศ และยิ่งไปกว่านั้น พ่อติ๊บเองก็รู้จักอาจารย์เป็นธรรมมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้ว 

สมัยก่อนอาจารย์เป็นธรรมเป็นเพียงศิลปินไส้แห้ง ต้องรับจ้างทำงานเขียนป้ายประกาศ ทาสีโบสถ์ หรือแม้กระทั่งรับจ้างเขียนรายนามติดหน้าพวงหรีด พอได้เงินบาทสองบาทไปซื้อข้าวกิน กระทั่งแกตัดสินใจเดินทางไปเผชิญโชคในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ศิลปินใหญ่มีชื่อเสียงโด่งดังจนได้สร้างผลงาน

แต่ผลงานเหล่านั้นกลับเป็นชื่อของอาจารย์ หาใช่ชื่อตัวเองไม่ เพราะในแต่ละวันอาจารย์เป็นธรรมจำต้องช่วยเหลืองานต่างๆ มากมายเพื่อแลกกับที่นอนและอาหาร ก็เป็นธรรมดาของหนุ่มบ้านนอกที่หลงเข้าไปในสังคมสวมหน้ากาก จึงไม่ทันคน แรกๆ ก็ช่วยงานอาจารย์อยู่ดีๆ หลังๆ งานตัวเองดันถูกฮุบเอาไปเซ็นชื่อเป็นงานของอาจารย์เสียอย่างนั้น

อาจารย์เป็นธรรมเริ่มรู้ชะตากรรมแล้วว่า ตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมสมชื่อ จึงขอตัวกลับมาใช้ชีวิตอยู่ยังบ้านนอกคอกนา ทว่าอนิจจา หลังจากอาจารย์เป็นธรรมกลับไปแล้ว ศิลปินผู้เป็นอาจารย์ก็หาได้สร้างสรรค์งานศิลปะอย่างเช่นเคย ยิ่งสร้างยิ่งล้มเหลว ด้วยไม่ได้มีการฝึกฝนใดๆ ชื่อเสียงจึงหดหาย หลงเหลือไว้เพียงชื่อเสียงเก่าที่คนเคยกล่าวขวัญถึง 

ส่วนอาจารย์เป็นธรรมนั้นครั้นพอกลับมาใช้ชีวิตยังบ้านเกิด ก็สร้างสรรค์ผลงานต่อไปกระทั่งเป็นที่ถูกตาต้องใจกับลูกเศรษฐีหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งมั่งคั่งมั่งมีจากธุรกิจสีเทา ถึงอย่างนั้นเขาให้การสนับสนุนและผลักดันให้ผลงานของแกเข้าสู่ระดับจังหวัด จนโด่งดังในระดับประเทศ กระทั่งชายผู้นั้นได้เสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่เขาก็ได้ฝากชื่อเสียงของอาจารย์เป็นธรรมให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของคนทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว

“อืม...” พระพายพยักหน้าน้อยๆ เป็นการบอกว่าเข้าใจ แต่เสียงของเธอฟังดูเหนื่อยล้าเหลือเกิน

“เดวก่อถึงละอี่หล้า อดเอาเหียน่อยเนาะ” (เดี๋ยวก็ถึงแล้วลูก อดทนอีกนิดนะ)

พ่อติ๊บรับรู้ว่าลูกแกเหนื่อยมากเหลือเกินในวันนี้ จึงขยับมือเล็กๆ ของพระพายให้โอบเอวของแกเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกม่อยหลับและพลัดตกจากรถ ก่อนที่พระพายจะขยับโอบเอวบางของพ่อเอาไว้ด้วยแรงตัวเอง

“พ่อ...” ตอนนั้นเองที่พระพายเอ่ยเรียกแกอีกครั้ง

“เจ้า” พ่อติ๊บขานรับ

“ขอบคุณนะคะ...ที่พ่อช่วยหนู...” เธอว่า ก่อนน้ำตาใสจะซึมออกมาน้อยๆ

พระพายเชื่ออยู่เต็มหัวใจว่าคนที่ช่วยเธอเอาไว้คือพ่อ เนื่องจากพอนึกถึงหน้าพ่อขึ้นมา แสงสว่างเรืองก็พลันปรากฏขึ้นจากทางด้านหลังของเธอ มันอบอุ่นเหมือนแผ่นหลังของพ่อ และมันขับไล่สิ่งนั้นไปได้ 

แต่พระพายหารู้ไม่ว่า แท้ที่จริงแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดเลยสักเพียงนิด 

ถึงอย่างนั้นพ่อติ๊บกลับเลือกที่จะไม่ตอบอะไรออกไป แกตบมือลงกับหลังมือของพระพายเป็นเชิงปลอบประโลม ก่อนจะมุ่งหน้าขับเข้าไปในบริเวณบ้านของแก...


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น