2

นพเก้าและคณะ

 

เพื่อนในเกมของนพเก้าไม่ได้มีแค่พศธนคนเดียว นอกจากชายหนุ่มแล้วยังมีเพื่อนผู้ชายอีกสี่คน เพื่อนผู้หญิงใจเป็นชายอีกหนึ่งคน ทั้งกลุ่มรวมเธอแล้วมีเจ็ดคน ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปเล่นเกมอะไรก็มักจะตามติดไปเล่นด้วยกันตลอด แต่ถึงอย่างนั้นก็มักจะเป็นเกมประเภทเอฟพีเอสหรือทีพีเอสเสมอโดยคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มก็คือนพเก้า เธอดังในกลุ่มคนที่เล่นเกมประเภทเดียวกันจนทุกคนขนานนามว่า ‘เทพ G’ โดยส่วนใหญ่เธอมักจะเล่นในเครื่องคอนโซลแม้จะบังคับยากกว่า แต่ก็ให้ความท้าทายอีกแบบ ส่วนปัญหาก็มีอยู่เรื่องเดียวตรงที่ว่าเธอเล่นเกมพวกนี้ที่บ้านไม่ได้ หวยเลยมาออกที่พศธน หญิงสาวซื้อของทั้งหมดเอาไว้ที่บ้านของเขา แล้วมักจะเข้ามาเล่นตอนที่บอกว่าจะมาห้องสมุด

“ไอ้นพทำไมวันนี้ห่วยจังวะ” เสียงของ ‘พาที’ หนึ่งในเพื่อนที่เล่นเกมด้วยกันเอ่ยขึ้น

“ไม่ใช่ฉัน ไอ้แพทเล่น” นพเก้าแย้ง

“พระสุธนนี่เอง ถึงว่าทำไมกาก” จากนั้นก็เสียงหัวเราะก็ดังลั่นจนพศธนเริ่มรู้สึกว่าอุณหภูมิที่ศีรษะพุ่งสูง ชื่อของเขาเป็นปมด้อยมาตลอด 

“พด-สะ-ทน ไม่ใช่พระสุธน ฉันต้องบอกพวกแกอีกกี่รอบ”

“กากขนาดนี้ฉันว่าแกบินตามมโนราห์ไปเถอะ”

“ปากดีไป เดี๋ยวเจอ” 

“แล้วไหนบอกมีเรื่องสำคัญจะปรึกษา มัวแต่เล่นเกมกันเลยไม่รู้เลยว่านพจะพูดเรื่องอะไร” ‘กัญญา’ สาวหล่อหนึ่งเดียวในกลุ่มเอ่ยขึ้น บางทีพวกเขาก็มานั่งคุยกันเฉยๆ ก็มี บางคนที่อยากจะเล่นก็เล่นไป แม้จะไม่ได้อยู่กันครบทุกคนตลอด แต่ก็วนเจอกันอยู่อย่างนี้จนสนิทกัน

“ฉันกำลังจะแต่งงาน” 

ทันทีที่นพเก้าพูดจบ คนที่อยู่ในปาร์ตี้ทั้งหมดก็เงียบสนิท

“แต่งงานในเกมอะเหรอ” พาทีถามขึ้นทำลายความเงียบ หากบอกว่าเป็นกัญญาที่จะแต่งงานยังดูน่าเชื่อกว่าเทพ G ของพวกเขา

“ชูตเตอร์เกมของพวกเรามันมีระบบแต่งงานหรือไงล่ะ” กัญญาแย้ง

“แต่งงานจริงๆ กับผู้ชายหล่อๆ น่ะ” นพเก้าไม่ได้เล่าเรื่องระพีให้ทุกคนฟัง ส่วนใหญ่จะบ่นให้พศธนที่เป็นคนที่เธอเจอบ่อยที่สุดฟังมากกว่า อีกอย่างหลายปีหลังมานี้ชายหนุ่มก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กับที่บ้านของเธอเลย ดังนั้นจึงแทบไม่มีเรื่องอะไรจะเล่ามาก

“ถามจริง แต่งงานแล้วก็ต้องมีลูก เลี้ยงลูกแล้วก็ต้องเลิกเล่นเกม นี่เรากำลังจะเสียท่านเทพ G ไปเหรอ” พาทีโวยวาย ตอนที่รู้ว่านพเก้าเป็นผู้หญิงเขาก็ทำใจไม่ได้ไปครั้งหนึ่งแล้ว นี่สถิติของเขายังก้าวข้ามอีกฝ่ายไม่ได้ เธอก็ดันจะอำลาวงการไปเสียก่อน ไม่ยุติธรรมเป็นผู้หญิงแท้ๆ แต่ดันเล่นเกมเก่งกว่าผู้ชายอย่างเขาอีก

“แล้วเรื่องที่อยากปรึกษาคืออะไรล่ะ” กัญญาไม่สนใจที่พาทีพูด เธออยากรู้มากกว่าว่านพเก้าอยากจะปรึกษาอะไร ผู้หญิงแต่งงานก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่ากรณีนพเก้าดูจะแปลกๆ หน่อย ท่าทางของอีกฝ่ายไม่เหมือนคนที่พร้อมจะแต่งงานมีครอบครัวเลย

“เขาไม่ได้รักฉัน ถูกแม่บังคับให้แต่ง”

“วะ นิยายน้ำเน่าเหรอเนี่ย” พาทีส่งเสียงเป็นคนแรก

“น้ำเน่าบนหัวกบาลแกสิไอ้ที ฟังฉันพูดให้จบก่อน” ในที่สุดนพเก้าก็ทนไม่ได้ ใครใช้ให้พาทีปากเสียขัดกับบรรยากาศความรักที่แสนเศร้าของเธอกันล่ะ

“โอเค ฉันจะเล่นเกมเงียบๆ เชิญแกเล่าแบบไม่ต้องหัวร้อน”

“ฉันน่ะ...”

“เฮลโหล เอเวอรีวัน” เสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามาทันทีพอดีกับตอนที่นพเก้าจะเริ่มเล่า เหมือนมีใครบางคนเข้ามาในปาร์ตี้ ช่างเป็นช่วงเวลาที่ดีเหลือเกิน ดีจนนพเก้าอยากจะกดลบการเป็นเพื่อนกับคนคนนี้เสียเลย

“ร่าเริงนะครับพี่หนึ่ง” พาทีร้องทักคนมาใหม่

“เออดิเพิ่งเลิกงาน วันนี้มีดีแอลซีตัวใหม่ออก ทำงานเครียดๆ ต้องมาชอปสักหน่อย แล้วนี่คุยอะไรกันเหรอ” คนมาใหม่นามว่า ‘หนึ่ง’ หรือ ‘รพัด’ ว่า

“รอฟังนพเล่าเรื่องจะแต่งงานอยู่” กัญญาตอบ

“เออ ไม่ได้เล่าสักที” พาทีเสริม

“จะเล่าแล้วเนี่ย จะเงียบกันได้หรือยัง” นพเก้าเริ่มรำคาญ ถ้าไม่ติดว่าเธอมีเพื่อนอยู่แค่นี้ รับรองว่าเธอจะต้องเลิกคบคนพวกนี้ไปให้หมด 

เมื่อเห็นว่าทุกอย่างดูสงบลงแล้วหญิงสาวก็เริ่มเล่าทันที หลังจากพูดทุกอย่างไปแล้วสิ่งที่เธอได้กลับมาก็คือความเงียบ ไม่รู้ว่าทุกคนกำลังตั้งใจฟังหรือตั้งใจเล่นเกมกันอยู่

“จบแล้วเหรอ” พาทีถาม

“เออจบแล้ว”

“ก่อนอื่นนะ แกไม่ได้ชอบผู้หญิงหรอกเหรอไอ้นพ” น้ำเสียงของรพัดฟังดูตกใจมาก และที่ชายหนุ่มคิดแบบนี้ก็ไม่แปลกเพราะทุกครั้งที่นัดเจอกัน เธอก็มักจะสวมชุดวอร์มสีดำหรือเสื้อผ้าที่คิดว่าใส่แล้วสบาย อย่างเสื้อยืดตัวโคร่งหรือเสื้อแขนยาวบางๆ สักตัว ดูเผินๆ แล้วก็เหมือนเด็กผู้ชายไม่มีผิด

พศธนที่นั่งอยู่ข้างกายของหญิงสาวถึงกับเอามือปิดปากตนเองเอาไว้กลัวว่าจะหลุดหัวเราะ หากว่านพเก้าไม่ได้พูดเรื่องผู้ชายที่ชอบขึ้นมา เขาก็ไม่มีทางรู้ว่าเธอก็มีมุมนี้ด้วย

“ก่อนอื่นเลยนะ คิดเรื่องเงินก่อน อย่างที่สองอิสระ อย่างที่สามโอกาสที่จะทำให้เขาชอบเรา” รพัดเป็นคนที่อายุมากที่สุดในนี้ เวลาใครมีปัญหาอะไร เขาก็มักจะเป็นคนที่แนะนำได้ดีเสมอ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเชื่อถือได้ทุกเรื่อง

“จริง เรื่องนี้แกมีแต่ได้กับได้” กัญญาเสริม

“แล้วข้อสามจะทำยังไง ฉันเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วขนาดนี้ เขายังไม่ชายตาแลเลย” นพเก้าถอนหายใจ ตั้งแต่เล็กจนโตมารดาสอนว่าไม่ให้ออกตัวแรงให้ท่าผู้ชายหรือพูดจาไม่เรียบร้อย เธอใช้สายตามองได้แค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น มารดาของเธอเคยบอกว่าตอนที่เจอกับบิดาก็ใช้วิธีมองตากันอย่างนี้ ถ้าพรหมลิขิตมีจริงก็จะเจอคู่แท้

ส่วนความคิดของเธอตอนที่ฟังเรื่องนี้น่ะเหรอ...มองจนตาเหล่ก็ยังไม่ได้เลยเนี่ย!!

“ผู้ชายทุกคนไม่ได้ชอบผู้หญิงเรียบร้อยซะหน่อย เดี๋ยวนี้เขาชอบผู้หญิงที่เป็นตัวเอง” พศธนเอ่ยขึ้นบ้าง

“เป็นตัวเอง? ตัวฉันน่ะนะ” นพเก้านึกไม่ออกเลย ถ้าระพีเห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอเขาจะเป็นอย่างไร จากที่ไม่ได้ใส่ใจอาจจะกลายเป็นไม่ชอบไปเลยก็ได้ ยิ่งจินตนาการว่าเขามองเธอด้วยสายตาผิดหวังก็ปวดใจขึ้นมาทันที

ไม่มีใครรับตัวตนของเธอได้หรอก แม้แต่ตัวเธอเองยังรับตัวเองไม่ได้เลย!!

“พี่ก็แนะนำมากไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องเห็นผู้ชายคนนั้นว่าเป็นคนยังไงถึงจะคิดออก งานนี้เรื่องใหญ่ เทพ G ของเราจะมีผัว เอ้ยสามีทั้งทีพี่ต้องสแกนนะ” รพัดว่า แม้ว่าวันหยุดของเขาจะไม่ได้มีเยอะมากมาย แต่ทำงานมาขนาดนี้ นอกจากเพื่อนที่เล่นเกมด้วยกันก็ไม่มีใครมีเรื่องจะคุยกับเขาแล้ว ชายวัยสามสิบต้นๆ ที่โสดสนิทนี่ชีวิตคงจะอยู่ต่อไปได้ยากขึ้นแน่

“ต้องนัดสแกน ฉันว่างวันอังคาร” พาทีว่า 

“แกไม่ต้องไปก็ได้ไอ้ที แกไม่ได้สำคัญอะไร เอางี้ นัดสองแฝดนั่นไปแล้วกัน ช่วงนี้ปิดเทอมพวกมันว่างอยู่แล้ว” พศธนหมายถึง ‘พิธาน’ และ ‘พิพัฒน์’ อีกสองหนุ่มที่อยู่ในกลุ่มของพวกเขาซึ่งเป็นเด็กมหาวิทยาลัยวัยสิบเก้าปี ถึงทุกคนจะอายุแตกต่างกัน แต่เวลาเล่นเกมด้วยกันแล้วกลับรู้สึกเหมือนเพื่อนวัยเดียวกัน

“เวรแล้วไอ้แพท ฉันต้องกลับบ้านแล้ว ลุงมีโทร. มา” 

นพเก้าหมายถึงคนขับรถที่กำลังรอรับเธออยู่แถวห้องสมุด หญิงสาวรีบหยิบกระเป๋าแล้ววิ่งออกไปทันที ในขณะที่พศธนกำลังงุนงงร่างบางก็หายไปแล้ว แต่ไม่นานนักเธอก็วิ่งกลับมาอีก แล้วใช้มือตบศีรษะของชายหนุ่มที่กำลังนั่งเล่นเกมอยู่

“ปล่อยจอย ไปส่งหน่อยดิ รีบ”

“อะไรวะ!” พศธนมองร่างบางด้วยสายตาอาฆาต

“ถ้าไม่ไปฉันจะชักปลั๊ก” หญิงสาวขู่

“แกจะทำอะไรฉันก็ได้ แต่แกจะชักปลั๊กไม่ได้ ฉันยังไม่มีเงินซื้อยูพีเอส” พูดจบแล้วพศธนก็อยากร้องไห้ นี่คนหล่อหน้าตาดีแบบเขาจะต้องมาเป็นเบ๊ให้นพเก้าไปถึงเมื่อไหร่ ตอนนี้เขาอยากให้หญิงสาวแต่งงานไปให้พ้นๆ เสีย แล้วจะได้หมดเวรหมดกรรมเสียที 

ในระหว่างที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปส่งนพเก้าแถวห้องสมุด พศธนก็ครุ่นคิดเรื่องนี้อย่างหนัก เขาจะพยายามอย่างเต็มที่ในการผลักภาระเรื่องนพเก้าไปให้ผู้ชายคนนั้น 

“ขอบใจมากไอ้แพท ดูแลลูกๆ ของฉันดีๆ ล่ะ” นพเก้าหมายถึงอุปกรณ์การเล่นเกมของเธอที่ฝากไว้ที่บ้านของชายหนุ่ม 

“เออ แล้วเรื่องจับผู้ชายของแกเดี๋ยวคุยกันตอนค่ำๆ” เขาว่า

“ทำไมแกดูใส่ใจเรื่องนี้จัง”

“ฉันอยากเห็นแกมีความสุขไง” 

หน้าตาที่ไม่ได้ดูจริงใจเลยของพศธนไม่ได้ทำให้นพเก้าเชื่อคำพูดนั้น แต่ตราบใดที่มีคนช่วย เธอก็ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะมีเจตนาอะไร

“เพื่อนที่แสนประเสริฐ” นพเก้าเบะปาก

เมื่อมาถึงห้องสมุด หญิงสาวก็แยกจากพศธนแล้วเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พอจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยนพเก้าจึงเดินไปที่หน้าห้องสมุด ก็เจอกับลุงมีที่จอดรถรออยู่แล้ว

“คุณหนูครับ ยินดีด้วยนะครับเรื่องแต่งงาน อีกหน่อยคุณหนูไปอยู่บ้านสามี ลุงคงไม่ได้มาส่งคุณหนูที่ห้องสมุดแบบนี้แล้ว ใจหายเหมือนกันนะครับ” ลุงมีว่า 

ลุงมีเป็นชายสูงวัยอายุหกสิบกว่าแล้ว เป็นคนขับรถให้ที่บ้านของเธอมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ที่บ้านมีคนงานไม่เยอะนัก หนึ่งในนั้นก็คือลุงมีที่ปกติก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหน เพราะบิดาของเธอตอนนี้ว่างงานจึงปลูกต้นไม้อยู่ที่บ้านเป็นงานอดิเรก โดยมีลุงมีเป็นลูกมือ พอบิดาไปเฝ้าไร่อยู่ต่างจังหวัด เขาก็ไม่ได้ตามไปด้วย หน้าที่หลักๆ จึงเป็นคนขับรถพาเธอออกไปข้างนอกแล้วรอรับกลับบ้าน

“เดี๋ยวเกดก็กลับบ้านบ่อยๆ ถึงเวลานั้นให้ลุงมีไปส่งก็ได้” เพราะลุงมีเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของเธอ นพเก้าจึงไม่รู้สึกอึดอัดเวลาที่ต้องคุยเรื่องส่วนตัวด้วย ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้เรื่องการแต่งงานของเธอหมดแล้ว แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เธอใส่ใจเท่ากับการที่จะทำอย่างไรให้เจ้าบ่าวเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อตัวเธอ

 

ถึงวันอังคารนพเก้ากับพศธน และสองฝาแฝดพิธานกับพิพัฒน์ก็ได้เจอกัน ทั้งสองหนุ่มเป็นนักศึกษาหน้าตาหล่อเหลาที่ชอบสวมชุดนักศึกษาไปไหนมาไหน ทั้งที่ไม่ได้ไปเรียนเพราะคิดว่าจะได้ส่วนลด ตอนเห็นตัวจริงนพเก้ายังรู้สึกว่าถูกหลอก ตัวแสบที่ด่าทอทุกคนอย่างเจ็บแสบแบบนั้น ตัวจริงกลับกลายเป็นหนุ่มดอกไม้แบบนี้ได้อย่างไรกัน แต่ผ่านไปนานเข้าเธอก็เข้าใจ รูปลักษณ์กับนิสัยของคนบางประเภทก็ไม่ได้ไปในทางเดียวกันเสมอไป

“อร่อยว่ะของฟรีเนี่ยไอ้เฟลม” พิธาน แฝดคนพี่เอ่ยขึ้น

“เออ อร่อยก็ยัดกันเข้าไปแล้วทำงานด้วย” นพเก้าว่า

“โหพี่นพ ผู้ชายคนนั้นมันหล่อกว่าผมอีกเหรอ ต้องลงทุนนัดกันมาสืบขนาดนี้”

“เออ”

“ตอบแค่นี้อ่านะ เดี๋ยวตอนเย็นเลี้ยงพิซซาด้วย”

“นี่พวกแกยังไม่อิ่มกันอีกเหรอ” นพเก้าเหลืออด พวกเขาสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ ของคาวของหวานเต็มไปหมด ตัวก็ไม่ใหญ่ แต่กินเรียบแบบนี้ทำให้เธอนึกถึงนิสัยตะกละตะกลามของตัวเอง ต้องติดจากคนพวกนี้มาแน่ๆ

ตอนนี้เธอกับชายหนุ่มทั้งสามคน พิธาน พิพัฒน์ และพศธนกำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารที่โรงแรมซึ่งระพีบริหารอยู่ เมื่อก่อนเธอเคยมาที่นี่กับครอบครัวบ่อย แต่ก็ไม่เคยเจอระพี อาจจะด้วยเพราะเขาต้องดูแลธุรกิจหลายที่ ทำให้โอกาสที่จะเจอเขานั้นมีน้อยมาก

“เอาละ มีแผนอะไรล่ะสามพี” หญิงสาวเอ่ยขึ้น

“สามพี หมายถึงพวกเราเหรอ” พศธนหันไปมองหนุ่มรุ่นน้องอีกสองคนด้วยความรู้สึกประหลาด เหมือนเขาเคยได้ยินคำนี้จากที่ไหนมาก่อน กระทั่งพิธานและพิพัฒน์หัวเราะคิกคัก เขาก็คิดได้ว่ามันต้องเป็นคำศัพท์ที่ล่อแหลมมากแน่

“เออ อยู่กันสามคนจะให้มีกี่พี”

“งั้นพี่พีของแกก็เป็นพีที่สี่ สี่พีกับพวกเราไปเลยดีไหม” 

“ไอ้บ้า พี่พีไม่เหมือนพวกแกสักหน่อย เสื่อมทราม กักขฬะ ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ” นพเก้าบ่น

“โถ คุณกุลสตรีที่โลกรอ” พศธนสวนกลับ มีอย่างที่ไหนมาว่ากันขณะที่ตัวเองเป็นคนพาพวกเขามาวางแผนจับผู้ชายแท้ๆ สวรรค์ให้ใบหน้าสวยน่ารักแบบนั้นแก่นพเก้ามาเพื่ออะไรกันนะ 

“ว่าแต่ ผู้ชายที่ว่าเนี่ยเขามีงานอดิเรกอะไร หรือสนใจอะไรเป็นพิเศษไหม” พิธานถามขึ้น

นพเก้ากลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด เธอกับเขาใช้เวลาด้วยกันน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นเธอที่แอบมองเขาอยู่ห่างๆ ไม่ว่าชายหนุ่มจะเดิน จะนั่ง หรือจะจาม ก็เป็นภาพที่น่ามองไปหมด พอนึกถึงแล้วก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

“โอ้ย เป็นเอามาก” พิพัฒน์มองหญิงสาวตรงหน้าแล้วก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที นี่หรือเทพ G ของพวกเขา ต่อให้ไม่ใช่ผู้ชายแมนๆ ก็ควรจะเป็นผู้หญิงเท่ๆ แบบ ลาร่า ครอฟต์ ถึงจะถูก แม้จะผิดหวัง แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่านพเก้าที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้ ทำลายภาพในหัวของพวกเขาทุกคน

สวยแต่หยาบ ชอบใช้กำลัง แกล้งทำเป็นเรียบร้อย แต่บ้าผู้ชาย...

“นี่แกด่าฉันในใจแน่ๆ ไอ้เฟลม” เหมือนนพเก้าจะรู้สิ่งที่พิพัฒน์กำลังคิดอยู่ในใจ ชายหนุ่มสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนีทันที ถึงจะเป็นผู้หญิงกักขฬะหยาบคาย แต่ก็ยังเป็นเทพ G ที่แสนเก่งอยู่ดี มีสกิลความรับรู้ได้แม้จะไม่พูดออกมาก็ตาม

ในขณะที่นพเก้าจะยกมือขึ้นเขกศีรษะหนุ่มรุ่นน้อง หญิงสาวก็ชะงักเมื่อเห็นร่างสูงที่แสนจะสง่างามในชุดสูทเดินอยู่ด้านนอก เธอกับเขาต้องเป็นเนื้อคู่กันแน่ๆ ถึงได้เจอกันง่ายดายแบบนี้ แต่พอนึกได้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะสม อยู่กับผู้ชายตั้งสามคนแบบนี้เธอจะแก้ตัวอย่างไรถ้าชายหนุ่มเห็นเข้า เมื่อคิดได้แบบนั้นหญิงสาวก็ก้มศีรษะลงทันที

“มาแล้วว่ะ” นพเก้าว่า

“เออหล่อจริงว่ะพี่นพ แต่หล่อขนาดนี้เขาจะเอาพี่เหรอเนี่ย” พิพัฒน์เกาะกระจกมองผู้ชายที่อยู่ด้านนอกนั้น ดูแล้วทั้งสองคนไม่น่าจะมีจุดไหนที่เชื่อมต่อกันได้เลย นอกจากเรื่องที่นพเก้าบอกว่ามารดาของทั้งสองคนสนิทกัน 

“ไม่เอาก็ต้องเอา คุณป้าท่านบัญชามาแล้ว” นพเก้าทำหน้าเหมือนตนเองกำลังได้แชมป์การแข่งขันระดับโลก แม้ว่าเรื่องนี้ตัวเองจะไม่ได้เปลืองแรงอะไรเลยก็ตาม 

ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้ เพราะฉะนั้นเอาผู้ชายดีกว่า

“เหมือนพวกใช้สูตรแอกชันรีเพลย์เลยอะ” พิธานเอ่ยขึ้น

“แกเกิดทันเหรอไอ้เฟียส” พศธนถามด้วยความแปลกใจ

“ไม่ทันใช้ แต่ทันอ่านในอินเทอร์เน็ต” อีกฝ่ายตอบก่อนจะหันไปมองเป้าหมายของพวกเขาต่อ พนักงานสาวสวยที่โรงแรมนี้หลายคนจ้องว่าที่สามีของนพเก้าตาเป็นมัน พูดตามตรงหากมารดาของหญิงสาวไม่ได้เป็นรู้จักสนิทกันกับที่บ้านของชายหนุ่มแล้ว ดูอย่างไรก็ไม่เห็นทางที่นพเก้าจะได้ครอบครองเขาได้เลย

จริงอยู่ที่หญิงสาวหน้าตาดี ดูมีชาติตระกูล การศึกษา แต่ก็ธรรมดาเกินไปที่จะไปยืนข้างผู้ชายแบบนั้นได้ คราวนี้สองฝาแฝดก็หันมามองหน้าท่านเทพ G ของพวกเขาด้วยสายตาประเมิน ก่อนจะส่ายหน้าไปมาพร้อมกัน

“ไม่มีหวังว่ะ” พิธานว่า

“พี่เลิกคิดเถอะ เอาเงินที่เขาบอกจะให้ดีกว่า” พิพัฒน์เสริม

พศธนที่นั่งฟังอยู่ด้วยพอเห็นสีหน้าหมดหวังของสองแฝด เขาก็หันไปมองเพื่อนของเขาบ้าง 

นพเก้าหน้าซีดเผือด เธอรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่ได้โดดเด่นขนาดที่จะทำให้คนอย่างระพีมาหลงรักหรือสนใจได้ แต่ไม่เห็นต้องพูดใส่หน้ากันขนาดนี้เลย

“เฮ้ย พวกแกก็พูดเกินไป พี่นพมันก็มีดีแหละ เดี๋ยวค่อยๆ คิดกันไปก็ได้” พศธนรีบพูดให้กำลังใจเพื่อนทันที 

“อ้วกที่พวกแกกินออกมาให้หมดเลยนะ ไอ้เด็กเปรต!” อยู่ๆ นพเก้าก็ลุกพรวดขึ้นเอามือตีที่ศีรษะของพิธานและพิพัฒน์คนละหนึ่งที ทำเอาคนทั้งร้านหันมามองกันเป็นตาเดียว 

“โอ้ย ไม่อ้วก ย่อยหมดแล้ว พูดความจริงเนี่ยจะตีทำไมวะ” พิธานโวยวาย

“เออนั่นดิ ถ้าพวกผมสมองเสื่อมขึ้นมาจะทำยังไง”

“แล้วจะทำมะ....” นพเก้าชะงักเมื่อเห็นว่าระพีกำลังยืนมองเธออยู่ทางด้านนอกร้านผ่านกระจกใส มือที่กำลังจะเงื้อขึ้นเพื่อทุบสองแฝดก็ค่อยๆ ลดลงมาช้าๆ แล้วลูบที่ศีรษะของพิธานกับพิพัฒน์อย่างเอ็นดู ก่อนจะแสร้งทำเป็นเพิ่งหันไปเห็นระพีแล้วเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

ระพีเดินเข้ามาในร้านตรงมายังโต๊ะของนพเก้าและชายหนุ่มสามคน เขามองหญิงสาวด้วยสายตาปกติ ไม่ได้สงสัยว่าทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ 

“สวัสดีค่ะพี่พี” นพเก้ายกมือไหว้ชายหนุ่มอย่างสวยงามอ่อนช้อย จนชายหนุ่มสามคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกันอ้าปากค้างเพราะไม่เคยเห็นนพเก้าเวอร์ชันนี้มาก่อน

“น้องเกดมาทานข้าวกับเพื่อนเหรอ”

“อ่อ สองคนนี้เป็นลูกศิษย์เก่าค่ะ ส่วนคนนี้เป็นเพื่อนครูที่เคยสอนโรงเรียนเดียวกัน” นพเก้าว่าก่อนจะหันไปขยิบตาให้ทั้งสามคนแบบรัวๆ 

“อ่อ...สวัสดีครับ” ทั้งสามคนยกมือไหว้ระพีพร้อมกัน

“ไม่ต้องไหว้ก็ได้ครับ ไม่อย่างนั้นพี่รู้สึกแก่แย่ ร้านนี้อาหารอร่อยนะครับ เอาเป็นว่ามื้อนี้พี่เลี้ยงเองนะ ติดใจแล้วพากันมาบ่อยๆ ก็ได้” ระพีพูดพลางหันไปยิ้มให้นพเก้าอย่างเป็นมิตร หญิงสาวยังคงประพฤติตัวดีเสมอต้นเสมอปลาย ตั้งแต่เล็กจนโตเขายังไม่เคยเห็นเธอใส่อะไรที่สั้นเลยเข่าเลยสักครั้ง ตอนนี้ก็เหมือนกัน สวมกระโปรงยาวขนาดนี้ หากต้องขึ้นบันไดจะไม่เหยียบชายกระโปรงตัวเองบ้างหรือไงนะ

“ไม่เป็นไรค่ะ เกรงใจพี่พี”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เราคนกันเอง” ชายหนุ่มว่า

“ถ้าอย่างนั้นเกดขอบคุณมากนะคะ” นพเก้ายกมือไหว้ชายหนุ่มอีกครั้ง ดูเหมือนทุกคนที่นี่จะไหว้เขาบ่อยเกินไปจนระพีรู้สึกตัวเองเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว 

“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอตัวก่อนนะ เดี๋ยวมีประชุมต่อ เอาไว้ค่อยคุยกัน” เมื่อพูดจบเขาก็ยิ้มให้ทุกคนแล้วหมุนกายเดินออกไปทันที 

แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ที่ปรึกษาจำเป็นสามคนของนพเก้าก็ต่างพากันคิดไปในทางเดียวว่า

ไม่มีหวัง...

“ดูดิ สายตาเขาไม่กระดิกเลย พี่นพแม่งนั่งอยู่กับผู้ชายตั้งสามคนนะเว้ย” พิพัฒน์พูดขึ้นมาก่อน

“ยังเลี้ยงข้าวผู้ชายสามคนนี่ด้วยอะ” พิธานหมายถึงตัวเอง พิพัฒน์ แล้วก็พศธน

ส่วนพศธนก็นั่งเงียบไม่ได้ออกความคิดเห็น แต่ในใจก็คิดไม่ต่างกับฝาแฝด ดูเหมือนระพีจะไม่มีแววคิดอะไรกับนพเก้าเลยสักนิดเดียว ดูจากสายตาที่มองพวกเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นมิตรหรือศัตรู หมายความว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจเลยว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์อะไรกับนพเก้า

“ฉันรู้ แต่ฉันอยากได้เขาอะ พวกแกต้องช่วยฉันสิ ฉันอุตส่าห์ฉุดพวกแกออกมาจากแรงก์ที่ต่ำตมนะ!”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น