7

เบญจกัลยาณี

งานของนพเก้าไม่ได้น่าเบื่ออะไรมาก แม้ว่าพวกนักเรียนจะฟังบ้างไม่ฟังบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในความสงบไม่ได้รบกวนคนอื่น เรื่องเดียวที่เธอหนักใจคือการที่เข้ามานั่งในห้องพักครู แล้วฟังพวกครูคนอื่นพูดถึงลูกศิษย์แต่ละคนต่างหาก

“เด็กสมัยนี้น่ะติดเกม มาเรียนก็ง่วงทุกวัน เวลาว่างยังเอามือถือมาเล่นเกมเลย ไม่เข้าใจว่ามันสนุกอะไรนักหนา สมัยผมเด็กๆ ก็มีเกมพวกนี้นะ แต่ผมไม่เคยเล่นเลย ไร้สาระ” คุณครูสูงวัยท่านหนึ่งพูดขึ้น ฟังดูเหมือนจะกังวลเรื่องเด็กติดเกม แต่พอฟังประโยคสุดท้ายก็วกเข้ามาชมตัวเองจนได้ 

นพเก้าแอบถอนหายใจเบาๆ เธอได้ยินเรื่องทำนองนี้นับครั้งไม่ถ้วน สำหรับเธอนั้นเกมเป็นสื่อประเภทหนึ่งที่ใช้สำหรับคลายเครียด หรือบางครั้งก็ทำให้เครียดกว่าเดิม แต่ที่แน่ๆ คือระหว่างที่กำลังเล่นเกมนั้นทุกคนจะลืมเรื่องอื่นไปหมด เหมือนได้พักผ่อน แต่ก็เหน็ดเหนื่อยในเวลาเดียวกัน 

แต่เธอก็ไม่เถียงหรอกนะว่าเด็กบางคนยังแยกแยะเรื่องเวลาไม่ได้ แต่การต่อว่าหรือตำหนิก็คงไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องเพราะนอกจากจะทำให้เด็กไม่สนใจแล้ว ยังทำให้เขารู้สึกต่อต้านอีกด้วย ในสังคมของผู้ใหญ่ย่อมไม่มีใครนึกออกแน่ว่าโลกในจินตนาการนั้นมีความหมายขนาดไหน

หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ ก่อนทำท่าจะเดินออกไปนอกห้อง เมื่อเห็นว่าทุกคนหันมามองตัวเอง นพเก้าก็โปรยยิ้มให้ด้วยความสุภาพ เธอเดินออกไปอย่างเชื่องช้าและไม่ได้พูดอธิบายอะไร พฤติกรรมแบบนี้เป็นเรื่องที่พวกครูเห็นกันอยู่เป็นประจำ ขนาดครูสอนพุทธศาสนายังชอบชมนพเก้าบ่อยๆ ว่าหญิงสาวงดงามไปทุกอย่างเหมือนกับนางวิสาขา 

แม้ว่าจะฟังดูเกินจริงไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้ห่างไกลกันมาก นพเก้าเป็นผู้หญิงที่พูดจานอบน้อบ กิริยามารยาทดี แต่งกายรัดกุมมิดชิดเหมาะสมกับอาชีพการงาน ไหนจะใบหน้าที่เรียกได้ว่าสวยหวานมองเท่าไรก็ไม่เบื่อนั่นอีก พอได้ยินข่าวว่าครูสาวแต่งงานไปแล้วทุกคนก็พลันสงสัยว่าผู้ชายคนไหนจะได้เป็นผู้โชคดีคนนั้น ที่ได้แต่งงานกับผู้หญิงอย่างนพเก้า

 

“แม่ง เซ็งโว้ย แพ้อีกแล้ว!!” เสียงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งตะโกนดังลั่น

“โง่จริงๆ ว่ะ แทนที่จะแอบก่อน วิ่งเข้าอย่างนั้นก็ตายดิ” เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ กันบ่นขึ้นมา การสนทนาของเด็กหนุ่มทั้งสองคนดึงดูดความสนใจของนพเก้าได้เป็นอย่างดี หญิงสาวเดินไปที่ด้านหลังโต๊ะที่เด็กกลุ่มนั้นนั่งอยู่แล้วชะโงกมองที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือของแต่ละคน

พอเด็กคนหนึ่งเหลือบมาเห็นคุณครูสาว ที่เขาจำได้ว่าเคยสอนวิชาประวัติศาสตร์ให้ห้องของเขาเมื่อปีก่อนก็สะดุ้ง รีบสะกิดเพื่อนให้หันไปมอง

“ทำอะไรกันเหรอคะเด็กๆ” นพเก้าถาม

“เล่นเกมกันครับ” เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อนๆ เห็นเสื้อที่มิดชิดกับกระโปรงที่ยาวกรอมเท้าของคุณครูแล้วเขารู้สึกอึดอัดแทน ตั้งแต่เกิดมาพวกเขาก็เพิ่งเคยเห็นคนที่เรียบร้อยเป็นกุลสตรีทุกกระเบียดนิ้วแบบนี้อยู่คนเดียว

“เดี๋ยวจะหมดเวลาพักแล้วนะ อย่ามัวแต่เล่นเกมล่ะ”

“ครับ” เด็กหนุ่มทั้งกลุ่มตอบพร้อมกัน

นพเก้ายิ้มบางๆ ให้ก่อนทำท่าจะเดินออกไป แต่แค่ไม่กี่ก้าวเธอก็หยุดชะงักเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ หญิงสาววกกลับมาอีกครั้งก่อนจะพูดกับพวกเขาว่า...

“ขอครูลองเล่นหน่อยได้ไหม” 

หลังจากที่หญิงสาวพูดจบความเงียบก็เข้าปกคลุม สักพักก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งยื่นโทรศัพท์มือถือให้คุณครูสาว เหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงสิบห้านาทีก็จะเข้าเรียนแล้ว ถ้าพวกเขาไปช้าก็ต้องโทษคุณครูสอนประวัติศาสตร์คนนี้เสียแล้ว

สิบนาทีผ่านไป...

“ครูทำได้ยังไงครับ ที่ยิงเมื่อกี้ผมยังมองไม่เห็นเลย” เด็กคนหนึ่งในกลุ่มว่า

“อยู่ที่สูงมองให้กว้าง เวลามีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในวิชันของเรา เราก็จะเห็นทันที” หญิงสาวว่า

“แต่ก็ยิงไม่โดนอยู่ดีอะ ครูยิงโคตรแม่นเลย เคยเล่นมาก่อนใช่ไหมครับ” 

“เอ่อ...ไม่เคยหรอก แค่ฟลุกน่ะ ได้เวลาเรียนแล้ว พวกเธอรีบขึ้นห้องเถอะ” 

พูดจบนพเก้าก็ส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้เด็กนักเรียน เมื่อครู่ถ้าไม่ติดเรื่องที่นิ้วบังจอเธอคงจบเกมได้เร็วกว่านี้ พอได้เล่นเกมแล้วก็ลืมเรื่องเครียดไปได้เยอะ ร่างบางสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเตรียมตัวสอนต่อในช่วงบ่าย

 

ระพีกลับมาที่บ้านของมารดาเพื่อเอาของบางอย่าง แต่ยังไม่ทันจะปิดประตูรถ เขาก็เห็นคุณหญิงรำพึงมายืนหน้าบูดบึ้งอยู่หน้าประตูแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงมีเรื่องจะบ่นเขายาวแน่ น่าเสียดายที่เขาไม่มีเวลาขนาดนั้น

“ตาพี แกเอาแต่ทำงานไม่สนใจน้องเลยใช่ไหม รู้ไหมแม่ไปหาน้องที่บ้านก็รับรู้ได้ว่าแกไม่ค่อยอยู่บ้าน” ความสามารถอีกอย่างของคุณหญิงรำพึงก็คือ การมีญาณทิพย์ที่สัมผัสได้แต่เรื่องที่อยากจะสัมผัสเท่านั้น 

ระพีถอนหายใจ ปกติเขาก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว การเป็นผู้บริหารไม่ได้สบายนัก เขาต้องเดินทางไปมาหลายที่เพื่อให้แน่ใจว่าโรงแรมทุกสาขาของเขาดำเนินกิจการไปได้อย่างดี

“ผมยุ่งตลอดคุณแม่ก็รู้นี่ครับ เอาไว้ผมจะหาเวลาอยู่กับน้องแล้วกันครับ” ระพียิ้มแห้งๆ 

“ไม่ได้นะ เอางานให้พี่ชายแกทำบ้าง ยังไงตาตรีมันก็มีลูกแล้ว แกยังไม่มีต้องรีบมีรู้ไหม งานไว้ทำทีหลัง” 

คนฟังรู้ว่าป่วยการที่จะต่อต้านมารดา ไหนๆ ก็ยอมแต่งงานตามใจไปแล้ว คงไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้แล้วละ ชายหนุ่มพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะทำตามที่ผู้เป็นมารดาบอกทั้งหมด

เขากลับไปที่บ้านตอนค่ำก็ไม่เจอนพเก้า แต่เจอข้อความบนกระดาษแปะเอาไว้ที่ตู้เย็นว่า ‘ไปที่คอนโดนะคะ อาจจะไม่กลับ’ พออ่านจบระพีก็ถอนหายใจ ไม่ใช่ว่าเขาเพิ่งบอกเธอไปหรือไงว่าหากจะไปที่คอนโดให้บอกเขาก่อน ตอนนี้ระพีเริ่มจะโมโหหน่อยๆ แล้ว เขาคิดว่านพเก้าจะเป็นคนว่านอนสอนง่ายเสียอีก 

ชายหนุ่มรีบโทร. หาวิสาเพื่อถามหาที่อยู่คอนโดของนพเก้า จากนั้นเขาก็รีบขับรถตามไปที่นั่นทันที แต่พอไปถึงแล้วสิ่งที่น่าตลกที่สุดก็คือพนักงานที่ตึกไม่ยอมให้เขาเข้าไปข้างใน ถึงตอนนี้ระพีก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขาไม่มีอะไรแสดงตัวตนเลย ชื่อคอนโดก็ซื้อในนามของนพเก้า คีย์การ์ดอะไรก็ไม่มี แล้วที่โง่ที่สุดคือ เขาลืมถามวิสาว่าห้องนั้นอยู่ชั้นไหน เลขที่เท่าไร จึงไม่แปลกที่พนักงานจะไม่ยอมให้เขาผ่านประตูไป

“โทร. หาภรรยาคุณก่อนนะคะ ให้เธอลงมารับดีกว่า” พนักงานบอกกับระพี ถึงคนตรงหน้าจะหล่อเหลาขนาดไหน แต่อย่างไรพวกเธอก็ยังทำหน้าที่ได้ดี ใครจะรู้คนหล่ออาจจะเป็นโจรก็ได้ 

ระพีรู้สึกโมโหจนไม่รู้จะเอาไปลงที่ไหน เขาทำได้แต่โทร. หานพเก้าเป็นสิบๆ รอบ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับสาย หลังจากรอนานเกือบชั่วโมงเขาก็เห็นร่างบางที่คุ้นตาเดินออกมาจากประตูด้านในพร้อมด้วยผู้ชายหน้าตาดีอีกสองคน คนหนึ่งสวมเสื้อฮู้ดกันหนาวกับกางเกงยีน ส่วนอีกคนสวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นท่าทางเหมือนเด็กยังไม่โต ระหว่างที่เขาจ้องมองชายหนุ่มสองคน มีหนึ่งในนั้นหันมาสบตาเขาเข้าพอดีจึงชี้ให้นพเก้ามอง

“อ้าวพี่พี มาทำอะไรเหรอคะ” นพเก้าถามด้วยท่าทางไม่แปลกใจเท่าไรนัก

“เราคุยกันแล้วนะลูกเกด พี่ไม่โอเคที่เราไม่ทำตามที่พูด”

“พูดอะไรเหรอคะ เกดลืมไปแล้ว”

ระพีนิ่งงันไปในทันที...

เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้จากนพเก้า ถึงไม่ได้รักชอบเป็นแบบคนรัก แต่เขาก็ชื่นชมในความใสซื่อของเธออยู่บ้าง เมื่อก่อนยังคิดว่าอีกฝ่ายจะสามารถออกจากโลกในนิทานมาอยู่ในความเป็นจริงหรือไม่ แต่เหตุการณ์ตอนนี้พิสูจน์แล้วว่าเขาต่างหากที่อยู่ในนิทาน

เจ้าหญิงมีจริงที่ไหนกัน...!!

“เราต้องคุยกัน” ชายหนุ่มว่า

“ก็คุยสิคะ เร็วหน่อยนะคะ เกดจะพาสองคนนี้ไปเลี้ยงข้าว พอดีช่วงนี้เงินเยอะ” 

ทุกคำพูดของนพเก้าทำให้มีเสี้ยววินาทีหนึ่งที่เขาอยากกระชากเธอมาสั่งสอน ให้รู้สำนึกว่าตัวเองประพฤติตัวแบบไหนอยู่ ความสงสารที่เขามีให้ก่อนหน้านี้แทบมลายไปหมดเพราะสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่

“พี่ไม่อนุญาตแล้ว ต่อไปนี้เกดจะทำตัวแบบนี้ไม่ได้ ตอนนี้เกดต้องกลับบ้านกับพี่ มีหลายเรื่องที่เราต้องเคลียร์กัน” ชายหนุ่มทำสีหน้าจริงจัง ก่อนจะส่งสายตาคมกริบไปให้พศธนและพาที

ก่อนหน้านี้นพเก้าชวนเขาสองคนมาที่คอนโดเพราะต้องการจะใช้ห้องนี้เป็นห้องฝึกซ้อมเพื่อเตรียมตัวแข่ง ถึงงานไม่ใหญ่นัก แต่ถ้าชนะได้ก็จะได้เป็นตัวแทนไปลงแข่งกับตัวแทนจะประเทศอื่น ถึงจะบอกว่าเป็นการแข่งแบบไม่จริงจัง แต่ไหนๆ ได้อิสระทั้งทีเธอก็จะใช้ให้คุ้ม

“งั้นฉันสองคนกลับก่อนดีกว่า” พศธนเอ่ยขึ้น ในขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นก็เจอกับดวงตาเย็นยะเยือกของระพีจ้องมองมาอย่างเห็นได้ชัด ทำไมสามีของเพื่อนถึงพุ่งเป้ามาที่เขาแบบนั้นล่ะ หากว่าเป็นเขาที่คิดไปเอง อีกฝ่ายก็ต้องจ้องหน้าพาทีด้วยถึงจะถูก แต่พอหันไปทางพาทีก็ไม่เห็นว่าสายตาของระพีจะเปลี่ยนทิศทางเลย

“เฮ่อ ขอโทษด้วยนะหนุ่มๆ เอาไว้เราเจอกันใหม่” นพเก้าหันมาขยิบตากับเพื่อนทั้งสองคนก่อนจะหมุนตัวกลับไปที่ระพี ทั้งพศธนและพาทีเดินออกไปเงียบๆ อย่างรู้งาน สภาพของพวกเขาสองคนกับนพเก้านั้นไม่ได้เข้ากันเลยสักคน เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะมาเป็นเพื่อนกับใครได้

“ขึ้นไปคุยกันข้างบน” ระพีว่า

“จะขึ้นตอนนี้เหรอคะ” หญิงสาวถามกลับ เธอดันหิ้วขนมขึ้นไปกินกับเพื่อนๆ ตอนที่กำลังตกลงกันว่าจะเอาจอมอนิเตอร์มาวางตรงไหนบ้าง คิดว่าถ้าสองคนนั้นกลับไปแล้วก็จะขึ้นมาเก็บของให้เรียบร้อยก่อนกลับบ้าน แต่ไม่คิดว่าจะลงมาเจอกับระพีเสียก่อน

“ใช่” 

เป็นครั้งแรกที่ระพีทำสีหน้าดุแบบนี้ เหมือนกับว่าเขาโมโหอะไรมา แต่เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนี่นา ทุกอย่างที่ทำอยู่นี่ก็เป็นเขาที่บอกให้ทำทั้งนั้น

ก็ทำตามใจตัวเองไง...!

“ค่ะ คุยข้างบนก็ได้” นพเก้าไม่รู้ว่าจะหลีกเลี่ยงอย่างไร แค่ขนมถุงสองถุงเขาคงไม่เห็นหรอกมั้ง 

ร่างบางเดินนำชายหนุ่มขึ้นไปชั้นบน คอนโดนี้หรูหราไฮโซจนเธอยังคิดว่าไม่ควรจะเป็นห้องซ้อมเพื่อไปแข่งเกมเลย แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อบ้านของคนอื่นเล็กเกินกว่าที่จะอัดคนเข้าไปได้ทั้งหมดในเวลาเดียวกัน

ระพีเดินตามภรรยาขึ้นไปจนถึงห้องพัก พอเห็นห้องอันโอ่อ่าหรูหราที่เขาจ่ายเงินซื้อไปแล้ว ก็เข้าใจทันทีว่าทำไมที่นี่ถึงแพงขนาดนั้น เขาพยายามข่มใจไม่เสียดายเงิน อย่างไรเขาก็หามาได้ใหม่อยู่แล้ว เพียงแต่ว่ามันจะคุ้มค่ากับพฤติกรรมที่ภรรยาผู้แสนดีของเขาทำอยู่หรือเปล่า 

ทันทีที่เดินเข้ามาบริเวณห้องครัวเขาก็เหลือบไปเห็นถุงขนมขบเคี้ยวที่ถูกแกะแล้ววางระเกะระกะอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์ สิ่งที่เห็นนี้ช่างขัดกับนิสัยแม่บ้านแม่เรือนของอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง

“เพื่อนเกดกินกันน่ะค่ะ ยังไม่ได้ทำความสะอาด” นพเก้าว่า

“ช่างเถอะ พี่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้น” เขาว่าก่อนจะนั่งลงบนโซฟา แต่พอรู้สึกว่าทับอะไรบางอย่างเข้าก็รีบลุกขึ้น แล้วหันกลับไปมองทันที 

มีถุงพลาสติกสีดำวางอยู่บนนั้น เขาหยิบถุงนั่นขึ้นมาก็เห็นว่ามีแผ่นบลูเรย์อยู่ด้านใน หน้าปกเป็นรูปผู้หญิงนอนอยู่โดยไม่ใส่เสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว

“เอ่อ...สงสัยเพื่อนเกดลืมไว้” นพเก้ารีบคว้าของนั้นมาจากมือของสามีด้วยความไวแสง ในขณะที่ระพีได้แต่ยืนอึ้งด้วยไม่คิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ 

ผู้ชายสองคนขึ้นห้องมากับผู้หญิงหนึ่งคนโดยมีหนังผู้ใหญ่อยู่ในห้องด้วย เขาจะคิดเป็นอะไรได้อีก แค่คิดว่าเรื่องของเขาจะต้องถูกซุบซิบนินทาว่าภรรยาพาผู้ชายขึ้นคอนโดถึงสองคน เขาก็แทบเป็นบ้า 

เขาให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ แค่ตอบแทนโดยการทำตัวดีๆ มันยากมากหรือยังไง!

 

พศธนมองพาทีที่กำลังควานหาบางอย่างในกระเป๋าด้วยความหงุดหงิด เขาต้องรีบกลับไปส่งงานให้ลูกค้า แต่ไอ้เพื่อนตัวดีก็ทำตัวยึกยักน่ารำคาญ จะเดินก็ไม่เดิน จะหยุดก็ไม่หยุด

“หาอะไรวะ” เขาตัดสินใจถามในที่สุด

“ชิบหายแล้ว! ฉันลืมหนังโป๊ไว้ในห้องไอ้นพอะ”

“เดี๋ยวค่อยมาเอาก็ได้มั้ง”

“เนอะ มันคงไม่ว่าฉันหรอกเนอะ” พาทีว่าก่อนจะตัดสินใจรูดซิปกระเป๋าแล้วเดินต่อ ก็แค่ของชิ้นเล็กๆ คงไม่มีใครสังเกตเห็นหรอก อย่างไรคอนโดของนพเก้าก็เป็นสถานที่ส่วนบุคคล

ในขณะที่สองหนุ่มไม่ได้ใส่ใจกับของที่ลืมเอาไว้มากนัก แต่นพเก้ากลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกระพีมองอย่างอาฆาต 

มันไม่ใช่ของเธอสักหน่อย ทำไมเขาทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่าคนกันล่ะ เรื่องที่ควรจะอธิบายก็บอกไปหมดแล้ว 

“พี่ว่าพี่พูดกับเกดหลายครั้งแล้วนะเรื่องการวางตัวของเกด” ระพีเสียงเข้ม

“ค่ะ เกดทราบแล้ว”

“แล้วทำไมยังมีเรื่องแบบนี้ ถึงเราจะตกลงกันว่าจะเป็นสามีภรรยากันในนาม แต่เกดก็ต้องให้เกียรติพี่บ้าง อิสระน่ะมีได้ แต่ต้องมีขอบเขต แล้วเรื่องที่พาผู้ชายเข้ามาพร้อมกันสองคนแบบนี้พี่ไม่โอเค พี่แค่อยากจะเตือนในฐานะพี่ชาย หลังจากเราหย่ากันแล้วเกดอาจจะเจอผู้ชายที่อยากใช้ชีวิตด้วย ถ้าเขารู้ว่าเกดเคยทำตัวแบบนี้ เขาจะรับได้หรือเปล่า” ชายหนุ่มว่า

พูดมาเสียยืดยาวแต่นพเก้าเพิ่งมาเข้าใจประโยคหลังสุด นี่เขาคิดว่าเธอพาผู้ชายมานอนด้วยสองคนบนคอนโดที่เขาซื้อให้น่ะเหรอ... หญิงสาวพ่นลมหายใจออกอย่างเหนื่อยหน่าย สรุปว่าเธอแต่งงานเพื่อพยายามจะทำให้เขารัก หรือทำให้เขารังเกียจกันแน่ ยิ่งทำตามใจตัวเองมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเข้าใจผิด

“งั้น...พี่พีก็ทำให้เกดพอใจสิคะ เกดจะได้ไม่ต้องไปมีคนอื่น” 

นพเก้าอยากจะตบปากตัวเอง แต่เธอก็ไม่รู้จะแก้ตัวกับเขาอย่างไร สามีของเธอเชื่อแบบนั้นไปแล้วก็ป่วยการที่จะอธิบาย อย่างน้อยเขาก็เริ่มหันมาสนใจเธอบ้างหลังจากที่พยายามหลบหน้ามาตลอด

“เกดพูดอะไรอยู่รู้ตัวหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามเสียงเย็น เธอไม่สลดกับคำพูดของเขาเลยสักนิด ดูเหมือนว่านพเก้าจะเกินเยียวยาแล้วจริงๆ 

“ก็พูดตามความจริง ถ้าใครรู้เขาก็จะคิดว่าเพราะสามีไม่มีน้ำยา ภรรยาเลยต้องหาผู้ชายเอ๊าะๆ มานอนด้วย” เพราะหยุดปากตัวเองไม่ได้แล้ว เธอจึงพูดต่อไป

ในขณะที่ระพีรู้สึกเดือดปุดๆ เหมือนว่าเรื่องที่เขาเคยพูดกับเธอก่อนหน้านี้เป็นเรื่องไร้สาระที่เขาคิดบ้าบอไปเองคนเดียว แม้จะรู้ว่าหญิงสาวชอบพอเขา แต่ก็ไม่คิดว่าผู้หญิงเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้อย่างนพเก้าจะลุกขึ้นมาทำอะไรเสื่อมเสียแบบนี้ 

“พี่ว่าเราคงตกลงกันดีๆ ไม่ได้ ไม่เป็นไร ในเมื่อเกดเลือกแบบนี้แล้วก็ตามใจ พี่มันโง่เองที่ยอมเลิกกับแฟนเพราะต้องการจะให้เกียรติเกด ในเมื่อเกดทำแบบนี้พี่ก็จะไม่สนใจเรื่องนั้นอีก ต่อไปนี้ต่างคนต่างอยู่ อยากจะเจอใครหรือนอนกับใครก็ตามสบาย” พูดจบเขาก็เดินหันหลังกลับไป ทิ้งให้นพเก้ายืนอ้าปากค้าง 

ก่อนหน้านี้เธอยังคิดว่าเขาจะดึงเธอเข้ามาปล้ำจูบเหมือนในละครเสียอีก ไหนไอ้พวกเพื่อนไร้ประโยชน์พวกนั้นบอกว่าผู้ชายชอบความท้าทายไงล่ะ!

 

ระพีมานั่งดื่มเหล้าที่บ้านของฌานหลังจากออกมาจากคอนโดของนพเก้าแล้ว เขาโมโห แต่ก็ไม่รู้จะเอาไปลงกับใคร จึงมาหาเพื่อนที่เอาแต่เล่นเกมไม่ได้ฟังเขาเลยสักนิด

“แกจะเล่นให้ได้โล่เลยไหม ลูกศิษย์ลูกหารู้ไหมเนี่ยว่าแกเป็นเกมเมอร์” ระพีที่ยังมีสติครบถ้วนดีบ่นกับเพื่อน ถึงจะดื่มแอลกอฮอล์ แต่เขาก็แทบไม่เคยเมาไม่ได้สติเลยสักครั้ง ทั้งที่ไม่ใช่คนดื่มเหล้าบ่อย แต่ก็ดันคอแข็งโดยไม่มีสาเหตุ

“ฉันก็เล่นกับลูกศิษย์เนี่ย” ฌานว่า

“ถามจริง”

“เออ ว่าแต่เมื่อกี้แกพูดอะไรนะ”

“ช่างมันเถอะ มีอะไรเล่นมั่ง” 

ระพีเดินไปนั่งข้างเพื่อน ตอนแรกเขาคิดจะโทร. ไปหารุ้งลดา แต่ก็ละอายใจ ตอนที่พูดกับนพเก้าไปอย่างนั้นเขาคิดเสียดายเรื่องที่ตนเองต้องยอมเลิกกับแฟนสาวไปจริงๆ แต่พอมองในมุมของรุ้งลดา เขาก็เป็นแค่ผู้ชายที่มีภรรยาแล้วที่กำลังนอกใจภรรยา ดีไม่ดีรุ้งลดาอาจจะเดือดร้อนโดนคนนินทาไปด้วย

ในเมื่อเขาเลือกไปแล้วก็ต้องยอมรับ...

“ลองเล่นไหมล่ะ ฉันบอกเพื่อนก่อน” 

“ก็ได้ เล่นยังไง”

สองชั่วโมงผ่านไป...

“ฉันว่าแกเลิกเล่นเหอะ แกไม่มีแววเลยอะ” ฌานว่า

“ทำไมไม่ได้ล่ะ เมื่อกี้ฉันก็ยิงแล้วนะ แต่มันไม่ตาย”

“แกยิงไม่โดนไง”

“โดนดิ”

“โดนมันก็ต้องตายแล้วสิ มานี่” ฌานแย่งคอนโทรลเลอร์จากมือของระพีมาแล้วเล่นให้เพื่อนดู มันเป็นเรื่องปกติที่คนที่ไม่เคยจับของพวกนี้มาก่อนจะยิงไม่โดนแล้วคิดว่าโดน 

‘เล่นได้น่านอนมากเลยครับ ผมขอตัวไปนอนก่อนดีกว่า’ 

ข้อความจากหนึ่งในสองแฝดเด้งขึ้นมาที่หน้าจอทีวี ก่อนที่ทั้งสองคนจะปิดเครื่องไป ในขณะที่ระพีที่อารมณ์ไม่ดีมาจากเรื่องของนพเก้าอยู่แล้ว ยิ่งเห็นข้อความหยามเหยียดนั่นก็ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ จึงแย่งคอนโทรลเลอร์กลับคืนมาอีก

“แกเอามาไอ้ฌาน ฉันจะเล่นให้ได้”

ฌานเห็นเพื่อนลืมเรื่องเครียดได้ ก็เลยปล่อยให้เพื่อนยึดครองเครื่องเกมไป ส่วนตัวเขาก็ไปอาบน้ำนอน แต่เมื่อย่างเข้าเช้าวันใหม่ อาจารย์หนุ่มตื่นขึ้นมาอีกทีก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นว่าระพียังคงนั่งเล่นเกมอยู่

“แกไม่นอนเหรอวะไอ้พี”

“เออ ฉันรู้แล้วๆ ฉันฆ่าได้หลายตัวเลย” ระพีว่าขณะที่ยังจ้องมองจอทีวีอยู่

“เออ แต่ว่าแกไม่ไปทำงานหรือไง”

“ฉันหยุด”

“หยุดอะไรวะ ไหนบอกเป็นเจ้าของโรงแรมไม่มีวันหยุด” 

“ไม่ใช่ไม่มีวันหยุด แต่ฉันจะหยุดวันไหนก็ได้” 

ชายหนุ่มตอบโดยที่ไม่หันมามองคนที่สนทนาด้วย ตอนนี้เขาลืมเรื่องของนพเก้าไปเลย มิน่าล่ะคนถึงชอบเล่นเกมกัน

“ตามใจแกแล้วกัน ถ้าจะกลับบ้านไปง้อเมียก็ปิดเกมล็อกบ้านให้ด้วย”

“ฉันไม่มีเมีย ฉันโสด” 

เสียงของระพีเบามากจนฌานแทบไม่ได้ยิน และเขาก็รีบไปทำงานเกินกว่าที่จะสนใจว่าเพื่อนพูดอะไร อย่างไรบ้านหลังนี้เขาก็อยู่คนเดียวอยู่แล้ว ถึงระพีจะกินนอนอยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครว่าอะไร

 

นพเก้าโทร. หาวิสาเพื่อถามเรื่องระพีว่าเขาไปทำงานหรือยัง แต่เมื่อได้คำตอบจากเลขาฯ สาวแล้วเธอก็เป็นกังวลทันที เพราะเขาไม่ได้กลับบ้าน ถึงจะไปนอนที่โรงแรม แต่ตอนเช้าก็ต้องไปทำงาน ส่วนบ้านของชายหนุ่มนั้นไม่ต้องพูดถึง เขาคงไม่กลับไปตอบคำถามอันยืดยาวของมารดาตัวเองแน่

“ครูเกดคะ วันนี้จะไปที่โรงเรียนประถมไหมคะ” วนิดาที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามขึ้น

“อ่อ ว่าจะไปค่ะ” นพเก้าตอบกลับไป ผู้อำนวยการของโรงเรียนประถมข้างๆ เป็นเพื่อนสมัยเรียนของมารดาเธอ ถึงจะอยู่คนละรั้ว แต่ก็เป็นเครือเดียวกันกับโรงเรียนมัธยมที่เธอสอนอยู่ ส่วนวนิดาที่นั่งอยู่ข้างๆ กันก็เป็นหลานสาวของผู้อำนวยการคนนั้นนั่นแหละ

ถึงเวลาเลิกเรียนนพเก้าก็ไปรออยู่ที่โรงเรียนประถม เนื่องจากวันนี้ที่นี่จัดงานเลี้ยงครูโรงเรียนเกษียณ และมารดาของเธอจะมาร่วมงานด้วย ดังนั้นหญิงสาวจึงมาเดินเล่นอยู่ในโรงเรียนข้างๆ เพื่อรอมารดา ในระหว่างที่แกล้งอ่านหนังสือที่น่าเบื่ออยู่ สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นร่างบางที่คุ้นตากำลังจูงมือเด็กชายหน้าตาคล้ายลูกครึ่งคนหนึ่งมา 

นพเก้าจำได้แม่นว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนเดียวกับที่เธอและระพีเจอที่ร้านอาหาร คนที่ระพีเรียกว่า ‘รุ้ง’ ซึ่งท่าทางจะเป็นคนรักที่เขาบอกเลิกเพื่อจะมาแต่งงานกับเธอ แล้วดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ากำลังถูกมอง ถึงหันมาสบตากับเธอเข้าพอดี

“น้อง...ลูกเกดใช่ไหมคะ” รุ้งลดาถามขึ้น

“สวัสดีค่ะ มา...รับหลานเหรอคะ” เพราะไม่รู้ว่าเด็กชายที่รุ้งลดาจูงมาเป็นใคร นพเก้าจึงอนุมานเอาเองว่าเป็นหลานชายของอีกฝ่าย

“อ๋อ นี่น้องไรอัน ลูกชายของพี่ค่ะ สวัสดีพี่เขาสิลูก” รุ้งลดาบอกกับลูกชาย

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีค่ะ ชื่อไรอันเหรอครับ หล่อจังเลย” 

นพเก้าไม่มีเวลาอ้ำอึ้ง แม้ว่าจะตกใจที่รู้ว่ารุ้งลดามีลูกชายแล้วก็ตาม แต่อย่างหนึ่งที่เธอมั่นใจได้เลยคือ เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกชายของระพีแน่นอน 

“น้องลูกเกดมาทำอะไรที่นี่คะ มีธุระกับที่โรงเรียนเหรอ” รุ้งลดาถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร

“เกดสอนอยู่โรงเรียนมัธยมข้างๆ นี่ค่ะ ตอนนี้กำลังรอคุณแม่ วันนี้มีงานเลี้ยงส่งผู้อำนวยการ”

“อ๋อ ดีจังเลยค่ะ พี่ว่าถ้าไรอันโตก็จะให้เรียนต่อที่นี่แหละ”

“ส่วนใหญ่ก็เรียนต่อมัธยมที่นี่กันเกือบหมดค่ะ ถ้าน้องไม่ย้ายบ้านไปไหนก่อน เรียนต่อที่นี่ก็สะดวกและปลอดภัยดีนะคะ” นพเก้าพูดเหมือนฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน เพราะเธอไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไร จะตอบไปส่งๆ ก็ดูเหมือนจะเสียมารยาท อีกอย่างวันนั้นระพีก็ไม่ได้แนะนำว่าผู้หญิงตรงหน้าคือใคร

“เกือบลืมเลย พี่ชื่อรุ้งลดานะคะ เรียกพี่รุ้งก็ได้ เป็นเพื่อนของพี วันนั้นเห็นกำลังทานข้าวกันอยู่กลัวว่าจะรบกวน เลยไม่ได้แนะนำตัว” 

เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่จึงแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ รุ้งลดาดูมีมารยาทและเป็นมิตรมาก หากเธอเป็นผู้หญิงที่ถูกแฟนบอกเลิกมาแต่งงานกับผู้หญิงอีกคน คงไม่มีทางพูดจาดีกับมือที่สามแน่

“ค่ะ ส่วนเกดพี่พีก็แนะนำแล้วเนอะ เรียกเกดเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”

“ค่ะน้องเกด เดี๋ยวพี่ต้องรีบพาลูกกลับบ้าน เอาไว้เจอกันค่ะ” รุ้งลดาโบกมือให้ก่อนจะบอกให้ลูกชายยกมือไหว้นพเก้าอีกรอบ 

หลังจากที่สองแม่ลูกเดินจากไปแล้ว นพเก้าก็นั่งครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งที่เธอสงสัยคือระพีรู้หรือเปล่าว่ารุ้งลดามีลูกแล้ว จะว่าไม่รู้ก็คงไม่ใช่ ดูอีกฝ่ายก็น่าจะไม่ใช่คนประเภทที่จะปิดบังเรื่องแบบนี้ เพราะขนาดตอนที่เจอเธอยังไม่แสดงท่าทีตกใจอะไรเลย มีเหตุผลเดียวคือระพีรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว

ถึงจะพยายามไม่คิดอะไร แต่หญิงสาวก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย ที่ไปทำลายความสัมพันธ์ของคนอื่นแค่เพราะต้องการจะสนองความพอใจของตัวเอง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น