8

โรคแม่พระ

การที่เจอกับรุ้งลดาเมื่อวันก่อนทำให้นพเก้าคิดหนักเรื่องของระพี เห็นได้ชัดว่าแผนการของเธอมันล้มเหลว นอกจากเขาจะไม่สนใจเธอแล้วก็ยังรังเกียจเธอมากกว่าเดิม ตอนนี้ในสายตาของเขา เธอกลายเป็นผู้หญิงมักมากที่หิ้วผู้ชายขึ้นคอนโดตั้งสองคน

“เกดกลับบ้านได้แล้วมั้งลูก ป่านนี้พี่พีเป็นห่วงแย่แล้ว” ชิดชนกบอกกับลูกสาว

“เกดขอเล่นกับหลานอีกหน่อยนะคะ” หญิงสาวว่าก่อนจะอุ้ม ‘มีนา’ หลานสาววัยขวบเศษ ลูกสาวของนพคุณกับจริญญาขึ้นมานั่งที่ตัก หากว่าเธอมีลูกสาวหน้าตาน่ารักแบบนี้บ้างก็คงดี แต่มันคงเป็นความฝันเท่านั้น 

ถึงได้แต่งงานกับระพีแล้ว แต่สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้นเลยสักนิด ยิ่งห่างไกลกันมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ไหนจะเรื่องของรุ้งลดาที่ยังกวนใจเธออยู่

เมื่อนพเก้ากลับมาถึงบ้านก็พบแต่ความว่างเปล่าเหมือนเดิม หลายวันที่ผ่านมาราวกับเธออยู่บ้านหลังนี้คนเดียว เขาทำตามที่บอกคือให้เธอทุกอย่างยกเว้นความสนใจของเขา หญิงสาวนั่งถอนหายใจอยู่ที่โต๊ะกินข้าวในความมืด ไม่นานเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เป็นพศธนโทร. มา

“เออนี่ฉันไปเอามอนิเตอร์มาแล้วนะ พรุ่งนี้เย็นๆ แกว่างไหม พวกฉันจะเอาไปไว้ที่ห้องแก” 

“ไปวันนี้แหละ พวกแกอยู่ไหน” พอได้คำตอบหญิงสาวก็รีบเก็บเสื้อผ้ากับของใช้ที่จำเป็นโดยเฉพาะเครื่องเกมของเธอลงกระเป๋า มีแต่สิ่งนี้แหละที่ทำให้ลืมเรื่องบ้าบอที่ตัวเองทำเอาไว้ 

เห็นได้ชัดว่าคำแนะนำของเพื่อนใช้ไม่ได้เลยกับระพี เธอน่าจะรู้แต่แรกแล้ว ระพีกับพวกบ้านั่นจะเหมือนกันได้ยังไง 

เธอนัดกับพศธนหน้าคอนโดหรูของตัวเอง ตอนแรกก็คิดว่าพศธนคงจะมาคนเดียว แต่พอมาถึงก็เจอกับพาที พิธาน พิพัฒน์ และรพัดยืนถือกล่องมอนิเตอร์กันคนละกล่อง 

“นี่จะอพยพย้ายถิ่นฐานกันหรือไง” นพเก้าทักขึ้น

เธอไม่ค่อยได้เจอกับรพัดบ่อยนัก เพราะเขาถือว่าเป็นเกมเมอร์วัยทำงานที่อายุสามสิบกลางๆ แม้จะยังไม่มีครอบครัว แต่ก็ดูจะมีความรับผิดชอบมากมายต่อหน้าที่การงาน จึงไม่ได้มีเวลาเล่นเกมบ่อยเท่าคนอื่น

“โอ้โห สามีน้องนพนี่รวยโคตรเลยอะ อย่างหรู พวกแกมาเร็วๆ ฉันจะรีบเข้าไปดูข้างใน” 

ท่าทางของรพัดดูตื่นเต้นกว่าคนอื่น ถึงเขาจะอายุไม่มาก แต่นิสัยที่เหมือนตาแก่ใจดีทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนมีผู้สูงอายุอยู่ด้วยตลอดจึงรู้สึกอุ่นใจ ใครมีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็มักจะปรึกษาเขา

“พี่หนึ่งเหลืออีกสองกล่อง” พิพัฒน์ที่อยู่ข้างๆ รพัดพูดขึ้น

“เออ เดี๋ยวค่อยลงมาเอาก็ได้”

“โอเคครับ ทุกคนพี่หนึ่งจะยกสองกล่องนี้ขึ้นไปทีหลัง พวกเราขึ้นไปก่อน” 

หลังจากที่พิพัฒน์พูดจบคนที่ถูกอ้างชื่อก็อ้าปากค้าง ไอ้เด็กพวกนี้ชอบหลอกใช้เขา ในที่นี้เขาอายุมากที่สุด หลังก็ไม่ดี ยังจะมาเกี่ยงให้เขายกของขึ้นไปอีก

“พี่แก่แล้วนะเว้ย หลังก็ไม่ค่อยดี ถ้าหลังหักไปจะทำยังไง”

“แต่พวกผมยังเด็กนะครับ ถ้ายกของมากๆ หลังก็จะไม่ดีเหมือนพี่หนึ่ง ไหนๆ พี่หนึ่งก็หลังไม่ดีไปแล้ว ยกอีกกล่องสองกล่องไม่เป็นไรหรอกครับ” พิธานว่า

“ไอ้!!”

“เอ้าเร็วรีบยกของขึ้นไป พี่นพ เปิดประตูเลย” พิพัฒน์ตัดบทได้จังหวะพอดี พศธนกับพาทีหัวเราะแห้งๆ แค่ไม่ใช่พวกเขาต้องเป็นคนยกไปแล้ว ไม่ว่าใครจะเป็นผู้โชคร้ายก็ไม่เกี่ยวกับพวกเขา

รพัดไม่รู้จะโทษสังขารหรือโทษความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่เผลอมาคบหากับไอ้เด็กรู้มากพวกนี้ แต่ถึงอย่างนั้นในฐานะคนที่อายุมากสุดเขาก็ต้องจำใจกลับมายกสองกล่องที่เหลือขึ้นไปอีก 

เมื่อขึ้นมาถึงห้องอันหรูหราของนพเก้ารอบที่สอง เขาก็ไม่มีเวลามาชื่นชมสถานที่แบบที่คิดไว้ตอนแรก

“นพ ห้องแกมีอะไรทำกินได้มั่ง หิวว่ะ แล้วไอ้กัญถึงไหนแล้ว บอกว่าจะซื้อของกินมา รอนานแล้วนะ หิวจนไม่มีแรงแล้วเนี่ย” พูดจบรพัดก็ทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา 

นพเก้าส่ายหน้าไปมา เพราะชอบทำตัวเป็นตาแก่ขี้บ่นพวกผู้ชายเลยไม่เคารพรพัดนัก เทียบความน่าเชื่อถือกันแล้วอย่างไรนพเก้าที่เป็นผู้หญิงก็ยังมีความน่าเกรงขามกว่า

“ไอ้เฟลมโทร. หาพี่กัญดิ๊ว่าถึงไหนแล้ว” นพเก้าออกคำสั่ง

“ได้ครับพี่นพ” พิพัฒน์พยักหน้าก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า ในขณะที่รพัดเบ้ปากมองตามหนุ่มรุ่นน้องที่ทำตัวเหมือนลูกสุนัขเชื่อง ใช่สิ นพเก้าเล่นเกมเก่ง บ้านก็รวย ซื้อขนมเลี้ยงพวกมันได้บ่อยๆ คิดได้อย่างนั้นแล้วชายหนุ่มก็พลิกตัวนอนหันหน้าเข้าพนักพิงโซฟาทันที

“แก่ปูนนี้แล้วเลิกขี้งอนได้แล้วพี่หนึ่ง นี่ไงถึงไม่มีเมีย” นพเก้าเหน็บใส่คนแก่สุดในห้อง

“ไม่ได้งอน ฉันพักสายตา”

เวลาผ่านไปไม่นานหลังจากที่ทุกคนจัดของในห้องเสร็จแล้ว กัญญาก็โทร. มาหานพเก้าบอกว่าถึงแล้ว หญิงสาวรีบหยิบคีย์การ์ดแล้วลงไปรับเพื่อน ส่วนพวกผู้ชายก็กำลังเปิดเครื่องเพื่อทดสอบว่าของที่ซื้อมานั้นใช้ได้ดีหรือเปล่า 

ในขณะที่กำลังช่วยกัญญาถือของกินขึ้นมาชั้นบน เสียงโทรศัพท์ของนพเก้าก็ดังขึ้น

“หนูเกดว่างไหมลูก เย็นนี้มาทานข้าวเย็นที่บ้านกับแม่หน่อยได้ไหม” คุณหญิงรำพึงพูดกับลูกสะใภ้เสียงหวาน

“อ่อค่ะคุณแม่ วันนี้เลยเหรอคะ เกดไม่แน่ใจว่าพี่พีเขาจะว่างหรือเปล่า” เรื่องนี้เธอไม่รู้จริงๆ เขาไม่ได้กลับบ้าน ท่าทางเหมือนไม่อยากจะเห็นหน้าเธอ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรจำเป็นจริงๆ นพเก้าก็ไม่ค่อยอยากรบกวนเขา

“ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอลูก”

“พี่พีเขาทำงานน่ะค่ะ เดี๋ยวมืดๆ ก็คงกลับ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวแม่โทร. ถามพี่เขาเอง เกดรออยู่ที่บ้านแล้วกันนะ” 

พูดจบคุณหญิงรำพึงก็วางสายไปทันที นึกว่าแต่งงานแล้วระพีจะมองเห็นความดีเพียบพร้อมในตัวนพเก้า แต่ที่ไหนได้...ยังเหมือนเดิม ไม่ต้องให้ลูกสะใภ้เล่ารายละเอียด เธอก็รู้แล้วว่าลูกชายจะต้องเอาแต่ทำงานไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง เมื่อนึกภาพนพเก้าต้องนั่งอยู่ในบ้านที่เงียบเหงาคนเดียว เธอก็ละอายใจ รีบโทร. หาลูกชายทันที

“ตาพีแกอยู่ไหน ทำไมไม่กลับบ้าน”

“ผมทำงานครับ” ระพีตอบ

“ทำงานบ้าอะไรทุกวัน แกแต่งงานแล้วนะ รีบกลับบ้านไปรับน้องมากินข้าวเย็นกับแม่เดี๋ยวนี้!!” พูดจบคุณหญิงรำพึงก็วางสายไป ไม่รอให้ลูกชายเถียงหรือปฏิเสธ

 

ชายหนุ่มออกมาจากบ้านของฌานตั้งแต่ตอนบ่ายก็ตรงมายังที่ทำงาน เพราะวิสาโทร. มาบอกว่ามีเอกสารสำคัญที่เขาต้องลงชื่อ พอเสร็จเรื่องแล้วเขาก็มานั่งอยู่ที่ล็อบบี ดื่มกาแฟพลางสังเกตการทำงานของพนักงานไปด้วย คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะถูกมารดาโทร. มาต่อว่าเรื่องนพเก้า

นอกจากมักมาก เอาแต่ใจ แล้วยังขี้ฟ้องอีก... ผู้หญิงคนนี้มีอะไรดีกัน ทำไมมารดาของเขาต้องชอบเธอขนาดนั้นด้วย จะบอกว่าเพราะเป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทก็ดูจะเป็นเหตุผลที่เบาไปหน่อย 

ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมา ป่วยการที่จะมานั่งถามหาเหตุผล อย่างไรเขาก็ติดอยู่กับเธอแล้ว แค่ต้องเล่นละครต่อไป แม้ว่าจะรู้สึกโมโหแค่ไหนเขาก็ต้องเก็บเอาไว้ จะให้มารดาเห็นว่าเขามีปัญหาตอนนี้ไม่ได้ ต้องทำให้เห็นว่าเขาได้พยายามแล้ว แต่มันไม่สำเร็จ ซึ่งก็คงต้องใช้เวลาหน่อย 

ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะโทร. หาภรรยาในนามของตน ยิงคำถามใส่ทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย

“อยู่ที่ไหน”

“คอนโดค่ะ”

“เดี๋ยวไปรับ รออยู่ที่นั่น” ชายหนุ่มพูดเสร็จก็วางสาย

 

นพเก้าขมวดคิ้วแน่น เมื่อครู่ก็คุณหญิงรำพึง ตอนนี้ก็คุณระพี พูดจบแล้วก็วางสายกันทันทีโดยที่ไม่ปล่อยให้เธอได้พูดอะไรต่อ หญิงสาวบอกให้เพื่อนๆ อยู่เล่นเกมกันไปก่อน ส่วนเธอมีธุระกับสามีนิดหน่อย อาจจะกลับมาตอนดึกอีกครั้ง หรือถ้าไม่กลับก็จะโทร. มาบอก จากนั้นเธอก็ฝากคีย์การ์ดไว้กับรพัดผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ที่สุด 

“ไว้ใจพี่ได้เลยไอ้นพ ฝากคีย์การ์ดไว้กับพี่ปลอดภัยแน่นอน”

“โอเคเลิกโม้ได้แล้วพี่หนึ่ง ดูพวกมันด้วย อย่าทำข้าวของเสียหาย”

“ครับ เชิญน้องไปทำธุระได้เลย” รพัดว่า

หลังจากนั้นนพเก้าก็ลงมารอระพีที่หน้าคอนโด เมื่อเห็นรถของชายหนุ่มมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้ว ร่างบางก็รีบเปิดประตูขึ้นมานั่งเบาะหน้าทันที

“ไปนั่งข้างหลัง” ระพีขัดหญิงสาว

นพเก้าถึงกับงง ข้างหน้าก็ไม่มีคนสักหน่อย ทำไมเขาต้องให้เธอไปนั่งข้างหลังด้วย...

“ทำไมล่ะคะ”

“พี่ไม่ชอบ” คำพูดเย็นเยียบของอีกฝ่ายทำให้หัวใจของหญิงสาวรู้สึกเหมือนถูกแช่แข็ง ถึงเขาไม่ชอบเธอก็ไม่เห็นต้องทำท่าทางรังเกียจแบบนี้เลย 

“ค่ะ เอาตามที่พี่พีสบายใจ” เธอว่าก่อนจะเปิดประตูรถอีกครั้ง แล้วเดินไปนั่งที่เบาะหลังแทน 

ทั้งที่ตอนแรกระพีเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำถึงขนาดนี้ แต่พอนึกถึงเรื่องที่หญิงสาวทำแล้วเขาก็รู้สึกรังเกียจ เขาไม่ห้ามถ้าเธอจะคบกับผู้ชายอื่น เพราะเข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ดูแล้วคนที่เขาเห็นไม่น่าจะใช่คนรักของหญิงสาว คงจะเป็นคู่ขาเสียมากกว่า ไหนจะชายหนุ่มอีกคนที่น่าจะมีฐานะไม่ต่างกัน 

ไม่รู้ว่าคนสมัยนี้คิดอะไรกันอยู่ โดยเฉพาะผู้หญิงแบบนพเก้า...

“แล้วทำไมถึงอยู่ที่นี่ นัดกับแฟนไว้เหรอ” ระพีถามขึ้น

“ค่ะ วันนี้มากัน หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ห้าคนค่ะ” 

นพเก้าพูดตามความจริง แต่ไม่คิดจะอธิบาย ตอนนี้เขาคงคิดว่าเธอเป็นพวกมีรสนิยมทางเพศแปลกๆ อยู่แน่ ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไร ให้บอกไปว่าผู้ชายพวกนั้นเป็นแค่เพื่อนเล่นเกม เขาคงไม่มีทางเชื่อ ความสัมพันธ์แบบเพื่อนต่างวัยต่างเพศที่เจอกัน สนิทกันเพราะมีความชอบที่เหมือนกัน คงจะทำให้คนภายนอกเข้าใจได้ยากสักหน่อย

“ช่างเถอะ พี่ไม่ถามดีกว่า ยังไงก็ขอบคุณที่อุตส่าห์ยังมาช่วยพี่สร้างภาพให้คุณแม่พี่สบายใจ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่พีจ่ายให้เกดตั้งเยอะ จะให้เกดตอบแทนมากกว่านี้ก็ได้นะคะ” 

หญิงสาวยื่นมือไปจับที่ต้นแขนของเขา ทันใดนั้นระพีก็เหยียบเบรกกะทันหันจนร่างบางเกือบกระเด็นไปข้างหน้า เธอแค่แหย่เขาเล่นหน่อยเดียวเอง สรุปว่าระพีเป็นคนหรือสังข์ทองกัน กลัวว่าทองที่ตัวจะติดมือเธอมาหรือไง

“เธอนี่มัน...”

“ขับรถระวังหน่อยสิคะ ถ้าอยากแวะข้างทางก็บอก ไม่เห็นต้องแกล้งตกใจเลย” นพเก้ายังเล่นต่อ บางทีเห็นสีหน้าระพีตื่นตระหนกแบบนี้ก็สร้างความสุขให้เธอได้เหมือนกัน ใบหน้ากับท่าทางของเขาเปลี่ยนไป ไม่ได้มีหน้าเดียวคือหน้าที่เป็นสุภาพบุรุษเหมือนก่อนหน้านี้ มันก็ดีที่เขามองเธอต่างไปจากเดิม แม้จะเป็นไปในทางที่แย่ลงก็ตาม

“หัดพูดจาให้ดีหน่อย พี่ไม่ใช่สามีของเธอจริงๆ ถ้าอยากพูดแบบนี้ก็ไปพูดกับผู้ชายพวกนั้น” เขาว่าก่อนจะขับรถไปต่อ 

นพเก้ายิ้มที่มุมปากก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง สักพักก็นึกถึงเรื่องของไรอันขึ้นมาได้แต่ก็ยังไม่กล้าถามเขา นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับเธอ แต่ถ้าเป็นเรื่องของรุ้งลดาก็อีกเรื่องหนึ่ง

“คุณรุ้งเขาเป็นแฟนพี่พีใช่ไหมคะ” 

หญิงสาวถามขึ้นมา คราวนี้เขาไม่ได้หยุดรถ แต่ขับต่อไปเรื่อยๆ อย่างใจเย็น เขาคิดว่านพเก้าคงรู้ตั้งแต่ตอนที่เจอกันคราวที่แล้ว

“ใช่”

“พี่พีรักเขามากหรือเปล่าคะ”

“จะให้ตอบว่ายังไงล่ะ ถ้าคบกันเป็นแฟนก็ต้องรักอยู่แล้ว พี่คบแค่คนเดียว” 

คำพูดของเขาดูเหมือนจะเป็นการด่าหญิงสาวทางอ้อม แน่ละสิ! เธอกลายเป็นผู้หญิงมักมากในสายตาเขาไปแล้ว

“แล้วถ้าถึงเวลาที่เราต้องหย่ากัน พี่พีจะกลับไปหาเขาหรือเปล่า”

“ถ้าเขายังไม่มีใครและต้องการพี่อยู่ พี่ก็จะกลับไป” 

เขาตอบเสียงดังชัดเจนจนคนฟังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉารุ้งลดา แต่ถ้าหากเธอเป็นระพีก็คงทำแบบนั้นเหมือนกัน รุ้งลดาเป็นผู้หญิงสวย ดูทำงานเก่ง ซ้ำยังนิสัยดีอีกด้วย เรื่องมีลูกติดนั้นไม่ใช่ปัญหานัก เด็กน่ารักแบบนั้นรับเป็นลูกชายสักคนก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร

“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าเป็นคุณรุ้งพี่พีน่าจะมีความสุข” 

คำพูดแปลกๆ ของนพเก้าทำให้ระพีรู้สึกไม่ดีนัก เหมือนว่าเขากำลังใช้เธอเป็นเครื่องมือที่จะทำให้มารดาไม่กล้าขัดเขาเรื่องของรุ้งลดา ถึงเขาจะยังไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้นก็ตาม เพราะไม่มีอะไรจะมาการันตีได้เลยว่า พอเขาหย่าแล้วรุ้งลดาจะยังรอเขาอยู่หรือเปล่า 

ระพีไม่ได้ตอบและไม่ได้คุยอะไรต่อกับนพเก้า เขาขับรถเข้าซอยมาจนใกล้ถึงบ้านแล้วจึงจอดรถ

“มานั่งข้างหน้า” เขาว่า

“ฮะ?”

“เดี๋ยวคุณแม่เห็นเธอไปนั่งข้างหลังก็เป็นเรื่องอีก”

“ให้นั่งตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง เกดไม่เอาเชื้อโรคไปติดพี่พีหรอก”

“ลูกเกด!”

“โอเคๆ ไปแล้ว” หญิงสาวว่าก่อนจะย้ายที่นั่งอีกครั้ง 

เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินหน้าบูดลงไปแล้ว เขาก็อดที่จะหัวเราะเบาๆ คนเดียวไม่ได้ ชายหนุ่มไม่ได้แกล้งใครมานาน พอได้เจอเหยื่อที่คู่ควรกับการกลั่นแกล้งก็รู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง

 

ที่บ้านของระพีนั้นนอกจากจะมีคุณหญิงรำพึงผู้เป็นมารดาอยู่แล้ว ก็ยังมีตรีเทพ นลิน และซันนี่ลูกสาวของทั้งสองคนอยู่ด้วย นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่คุณหญิงรำพึงยอมอนุญาตให้ระพีกับนพเก้าออกไปอยู่ข้างนอกกันเองได้ เพราะอย่างไรก็ยังมีครอบครัวของตรีเทพอยู่ใกล้ๆ อีกอย่างก็กลัวนพเก้าจะอึดอัดเพราะคนเยอะเกินไป

“หนูเกดมาแล้วเหรอลูก หิวหรือยัง” เสียงหวานของมารดาทำให้ระพีแอบเบ้ปาก ขนาดพี่สะใภ้คนเก่งของเขาอย่างนลินที่สมบูรณ์แบบทุกด้าน มารดาของเขายังไม่ทำเสียงแบบนี้เลย

“นิดหน่อยค่ะคุณแม่” นพเก้าตอบ

“สวัสดีค่ะคุณอา” ซันนี่ที่นั่งอยู่ด้วยยกมือไหว้นพเก้ากับระพีโดยไม่ต้องมีใครบอก 

“สวัสดีค่ะ ซันนี่นี่นา ทำอะไรอยู่คะ” หญิงสาวหันมาทางหลานสาวของระพี ซันนี่เป็นเด็กน่ารักนิสัยดี โชคดีที่เกิดมาเป็นผู้หญิง เพราะถ้าเป็นผู้ชายแล้วนพคุณพี่ชายของเธอจะต้องจับคู่ให้ซันนี่กับมีนาแน่นอน 

ระหว่างที่รอจัดโต๊ะนพเก้าก็เล่นกับซันนี่และคุยกับคุณหญิงรำพึงไปด้วย แต่ก็เป็นเรื่องน่าเบื่อที่ระพีฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง เขาจึงปลีกตัวไปนั่งคุยกับตรีเทพที่โต๊ะอาหารแทน

“เป็นยังไงบ้างชีวิตแต่งงาน” ตรีเทพถามน้องชาย

“ก็ไม่ดีไม่เลวครับ”

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”

“จะให้ผมทำหน้าแบบไหน ผมไม่เหมือนพี่ตรีที่คบกับแฟนมาตั้งแต่มหาวิทยาลัย เรียนจบทำงานแล้วก็แต่งงานกัน พี่ได้สิทธิ์นั้นไปแล้ว กรรมก็เลยมาตกอยู่ที่ผมไงครับ” ระพีว่า

“นี่แกโทษฉันเหรอไอ้พี เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับที่ฉันนะ คุณแม่เล็งแกไว้ตั้งแต่เกิดแล้ว อีกอย่างฉันก็ถามท่านแล้วว่าจะให้ฉันเสียสละแต่งงานกับไอ้คุณไหมล่ะ คุณแม่ก็ไม่เอา จะให้ฉันทำยังไง” พูดจบตรีเทพก็หัวเราะ เขากับนพคุณพี่ชายของนพเก้าสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ไปเรียนต่างประเทศก็ไปดื่มไปเที่ยวด้วยกัน เสื้อผ้ายังขโมยกันใส่ด้วยซ้ำ พอเขาบอกมารดาไปแบบนั้นก็โดนด่ายกใหญ่ ขนาดเล่าให้นลินผู้เป็นภรรยาฟังก็ยังหัวเราะท้องแข็ง 

“พี่ไม่มาเป็นผมไม่รู้หรอก”

“ทำไมวะ ลูกเกดก็น่ารักจะตาย”

ระพีแค่นยิ้ม เขาไม่อยากจะทำตัวเป็นผู้ชายหน้าตัวเมียที่เอาเรื่องไม่ดีของผู้หญิงมาพูดต่อ จึงเงียบไม่ยอมพูดอะไร เอาเป็นว่าถึงเวลาเมื่อไหร่เขาก็จะหย่ากับเธอตามที่ตั้งใจเอาไว้

“กินข้าวกันดีกว่าครับ ผมหิวแล้ว” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง

            ปกตินลินจะเป็นคนตักข้าวให้ทุกคน แต่เมื่อนพเก้ามาเธอก็รับหน้าที่นี้แทน ทั้งมารดาและพี่สะใภ้ต่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คุยกับนพเก้าอย่างสนิทสนมและเป็นกันเอง เป็นภาพที่ขัดหูขัดตาระพีมาก

            “เมื่อก่อนคุณแม่เคยเอาขนมที่น้องเกดฝากมาให้พี่กินตอนท้อง ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าได้กินบ่อยๆ คงดี รสชาติดีมากเลยค่ะ เป็นพี่นะฝึกทำสามชาติก็ยังไม่ได้รสชาติแบบนั้น” นลินว่า 

            “ไม่หรอกค่ะ ที่จริงทำไม่ยาก เอาไว้พี่ลินว่างๆ เกดจะซื้อของมาสอนทำที่นี่ดีไหมคะ”

            “โอ้ยจะกินได้หรือเปล่า” ตรีเทพแซวภรรยา 

            เพียะ!! นลินตีแขนสามี

            “พูดน้อยๆ หน่อย เดี๋ยวก็เย็บปากเลยนี่”

            “ครับๆ คุณหมอ เค้าขอโทษ” 

ได้เห็นสองสามีภรรยาบ้านนี้หยอกล้อกันแล้ว นพเก้าก็หันมาดูคู่ของตัวเอง ระพีตั้งหน้าตั้งตากินข้าวโดยไม่ได้ใส่ใจเธอเลย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติของคนที่ถูกบังคับให้แต่งงาน 

            หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ นพเก้าก็นั่งเล่นกับซันนี่อยู่พักใหญ่ ก่อนที่ระพีจะบอกว่าให้เตรียมตัวกลับบ้านได้แล้ว หญิงสาวจึงลาทุกคนแล้วตามไปขึ้นรถก่อนชายหนุ่มจะขับออกไป 

ภาพที่ภรรยาจอมปลอมของเขาเล่นกับหลานสาวทำให้ระพีแปลกใจ ถ้าเป็นเรื่องก่อนหน้าที่จะรู้ว่าเธอเป็นคนอย่างไร เขาคงจะไม่สงสัย เพราะไอ้อาการรักเด็กนี่ก็เป็นหนึ่งในคุณสมบัติของภรรยาผู้เพียบพร้อมอย่างหนึ่ง

            “จะให้ไปส่งที่เดิมไหม” ระพีถาม

            “ค่ะ ส่งเกดที่คอนโด ไม่รู้จะกลับบ้านทำไม ไม่มีใครอยู่” นพเก้าเหน็บแนมสามีบ้าง

            เขาขับรถต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้ตอบโต้อะไร กระทั่งนพเก้าเห็นว่าทางที่กำลังมุ่งหน้าไปนั้นไม่ใช่ทางไปคอนโดของเธอ ก็รีบหันมามองคนขับรถ

            “พี่พีจะไปไหนคะ”

            “กลับบ้านไง”

            “เกดบอกให้ส่งที่คอนโด” 

            “โทร. บอกผู้ชายห้าคนนั้นให้กลับบ้านไปเถอะ ผู้หญิงหนึ่งผู้ชายห้า ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาเป็นข่าวก็อายกันทั้งบาง” 

ระพีพยายามพูดแบบไม่มีอคติ แต่ก็ทำไม่ได้ เขารู้สึกรังเกียจการกระทำของนพเก้าเหลือเกิน ถึงจะพยายามทำใจปล่อยวาง แต่ก็ทำไม่ได้ 

เขาเกลียดสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ นพเก้าก็เป็นหนึ่งในสิ่งเหล่านั้น จะให้เขาขับรถพาภรรยาในนามไปส่งให้ผู้ชายห้าคน ก็ดูจะเป็นเรื่องทุเรศเกินไป

            “อ้าว อย่างนี้เกดก็ไม่อิ่มสิคะ หรือพี่พีจะป้อนให้กิน” นพเก้าทำเสียงแหบพร่า

            “พูดจาน่าเกลียด”

            “เรื่องธรรมชาติ หรือว่าพี่พีไม่เคย”

            “ถ้าไม่หยุดพี่จะไล่เธอลงจากรถ”

            “ดีเลยจะได้เรียกแท็กซี่ออกไปหาซื้อกินข้างนอก ช่วงนี้เงินเยอะด้วยค่ะ” 

นพเก้าเองก็ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร ทำไมถึงต้องคอยพูดจาประชดประชันระพี เห็นเขาเดือดปุดๆ แล้วเธอก็มีความสุข 

แต่แทนที่ระพีจะโกรธ ใจของเขากลับเต้นเร็วผิดปกติ เหมือนว่าคำพูดท้าทายนั้นมันทำให้เขาตื่นเต้น

ชายหนุ่มพยายามไล่ความคิดของตัวเองออกไปแล้วรีบขับรถให้ถึงบ้านโดยเร็ว หากว่าอีกฝ่ายทำท่าจะลวนลามเขาเมื่อไหร่ เขาก็จะไล่เธอลงจากรถทันที แต่จนถึงบ้านหญิงสาวก็ยังเฉยไม่ได้พูดจาทำนองนั้นออกมาอีก นับว่ายังรู้จักฟังบ้าง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น