5

ฝึก

Chapter 5

ฝึก

 

            ก๊อก ก๊อก ก๊อก

            เสียงเคาะประตูดังขึ้น

            ผ่านไปครู่หนึ่งประตูก็แง้มออกเล็กน้อย เผยให้เห็นร่างของฉีตงเพียงครึ่งเดียว

            “พวกนายล็อกประตูกันทำไมตอนกลางวันแสกๆ เนี่ย หัวหน้าห้องล่ะ” เพื่อนที่อยู่ด้านนอกถาม

            “ชู่...” ฉีตงยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก เป็นการบอกให้อีกฝ่ายเบาเสียงลง “ไม่สบายนิดหน่อย มันหลับอยู่”

            “อ๋อๆ” เพื่อนของเขาพูดเสียงเบา “งั้นฝากไอ้นี่วางไว้บนโต๊ะเขาทีนะ พอเขาตื่นมาเห็นเดี๋ยวก็รู้เอง”

            “เค”

            ฉีตงปิดประตู ก่อนจะโยนเอกสารลงบนเตียงของหลิงเต้าซี “เฮ้ย หัวหน้าห้อง นี่ของมึง”

            หลิงเต้าซีที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นช้าๆ ด้วยความตกใจจนหน้าซีดไม่ต่างจากศพ

            “ทำไม ไม่กล้าให้อื่นเห็นละสิ” ฉีตงดึงเชือกที่ผูกไว้บนคอของอีกฝ่ายเข้ามา และค่อยๆ คลายปมเชือกออก

            “คราวหลัง... ไม่ทำตอนกลางวันได้---”

            “มึงหรือกูที่ต้องเป็นคนพูด” ฉีตงตัดบทอย่างเย็นชา ก่อนโยนเชือกไปด้านข้างพร้อมกับสั่งอีกฝ่ายเสียงเข้ม “รองเท้า”

            หลิงเต้าซีคลานไปที่ข้างประตู แล้วคาบรองเท้ากีฬาของฉีตงมาให้ทีละข้าง เมื่อฉีตงนั่งลงข้างเตียง หลิงเต้าซีก็สวมรองเท้าให้อย่างระมัดระวัง ก่อนจะผูกเชือกรองเท้า ชายหนุ่มเงยหน้าสังเกตปฏิกิริยาของฉีตงเล็กน้อย หลิงเต้าซีไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ ท้ายที่สุดเขาก็ยังคงนั่งคุกเข่าต่อหน้าฉีตง

            ฉีตงใช้เท้าเหยียบเอวอีกฝ่ายแล้วผูกเชือกรองเท้า “เย็นนี้เฉินจิ้งจะมา ตอนกลับมาอย่าให้กูเห็นหน้ามึงนะ”

            “อื้อ”

            “อื้ออะไร”

            “ครับ”

            “ครับกับใคร”

            “ครับ นายท่าน”

            “ถ้าจำไม่ได้ก็คัด คัดสักร้อยรอบ”

            “ครับ นายท่าน” หลิงเต้าซีตอบอย่างจริงใจ

            ฉีตงยืนขึ้น หลิงเต้าซีนั้นเชื่องช้าจนโดนเขาเหยียบหลังมือ

            “กูสอนมึงมานานขนาดนี้ ทำไมตอนนี้ยังไม่รู้อีกว่าควรทำอะไร”

            หลิงเต้าซีรีบก้มหน้า “นายท่านเดินระวังนะครับ”

            “กูเลี้ยงหมาโง่ขนาดนี้ได้ไงวะเนี่ย” ฉีตงพูดจบก็เปิดประตูเดินออกจากห้อง

            

    เฉินจิ้งมาที่มหาวิทยาลัยเยียนซานตั้งแต่เช้า โดยนำติ่มซำที่เธอทำเองมาเซอร์ไพรส์ฉีตง ตั้งแต่โตเป็นสาวสวย เธอยังไม่เคยลดตัวลงมาทำอะไรแบบนี้ให้ผู้ชายคนไหนมาก่อน

            ในขณะที่เฉินจิ้งเดินอยู่บนถนน ใจก็เอาแต่คิดถึงท่าทางของฉีตงตอนที่จะได้รับของขวัญจากเธอ จนไม่ได้สนใจเสียงมอเตอร์ไซค์ที่กำลังพุ่งมา กว่าเฉินจิ้งจะรู้ตัว อีกฝ่ายก็ขี่รถมาใกล้เธอแล้ว

            เฉินจิ้งตกใจ รีบกระโดดหลบไปข้างทางโดยไม่ได้คำนึงถึงภาพลักษณ์ใดๆ มอเตอร์ไซค์ผ่านร่างของเธอไป และทิ้งควันดำจากท่อไอเสียจนเธอต้องไอออกมา

            “ในเขตมหา’ลัยยังจะแข่งรถอีก แกเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!” เธอรู้ดีแก่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ยิน แต่ก็อดที่จะตะโกนด่าออกไปไม่ได้

            “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” มีเสียงใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลัง

            ‘ไม่โอเค!’ เฉินจิ้งกรีดร้องในใจ ก่อนจะรีบปรับสีหน้าพร้อมกับเผยรอยยิ้มแล้วหันไปตอบ “ฉันไม่---”

            เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ข้างหลังตัวเองเป็นใคร คำสุดท้ายก็หายไปกับอากาศทันที

            หลิงเต้าซีชะงัก เขาจะเดินไปห้องสมุดพอดี เมื่อเห็นคนถูกมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวเลยเป็นห่วง ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเฉินจิ้ง

            เฉินจิ้งอับอายเป็นอย่างมากที่เขามาพบเธอในสภาพนี้

            หลิงเต้าซีก้มมองติ่มซำที่หล่นกระจัดกระจายบนพื้น จากนั้นก็นั่งลงเก็บใส่กล่องโดยไม่พูดอะไรสักคำ เมื่อเฉินจิ้งเห็นติ่มซำที่ตัวเองทำมาสกปรกแล้ว เธอก็พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

    “สกปรกหมดแล้ว เอาไปทิ้งเถอะ”

            หลิงเต้าซีพยักหน้า ก่อนจะยืนขึ้นและเดินไปที่ถังขยะ เมื่อทิ้งติ่มซำลงถังเรียบร้อยแล้วก็กลับมาถามเธอ “ลุกไหวไหม”

            เฉินจิ้งหยั่งเชิงเขามาสองรอบ เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะมาช่วยพยุง เธอก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆ จากนั้นจึงพบว่าชายกระโปรงฉีกขาด

            เป็นเพราะวันนี้ก่อนออกจากบ้านเธอไม่ได้ดูปฏิทินโหราศาสตร์หรือเปล่านะ ถึงได้ซวยขนาดนี้!

            หลิงเต้าซีเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าและหยิบกุญแจห้องออกมา “ในห้องไม่มีใครอยู่ เธอเอากุญแจติดไปด้วยสิ”

            เฉินจิ้งส่ายหน้า จะไปหาฉีตงด้วยสภาพเลวร้ายแบบนี้ได้ไง

            “โอเค” หลิงเต้าซีเก็บกุญแจเข้าที่เดิม ก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินจากไป แต่เฉินจิ้งเรียกเขาไว้

            “ดะ...เดี๋ยวสิ!”

            หลิงเต้าซีหันกลับไปมองเธอ

            “ฉัน... คือฉัน...” เฉินจิ้งจับชายกระโปรง เธอตกอยู่ในสภาพนี้ จะให้เดินไปได้อย่างไรเล่า

            หลิงเต้าซีก้มมองแล้วเข้าใจได้ในทันที จึงช่วยโบกรถสามล้อปั่น ภายในรั้วมหาวิทยาลัยเยียนซานนั้นกว้างใหญ่มาก การคมนาคมด้วยยานพาหนะแบบนี้จึงเห็นได้ทุกที่ทุกมุมในมหาวิทยาลัย

            เขาหยิบเงินออกมาส่งให้คนขับ “ช่วยไปส่งเธอที่ซีเหมินด้วยครับ” จากนั้นก็หันมาคุยกับเธอ “พอถึงซีเหมิน เธอก็เรียกรถกลับได้เลยนะ”

            “แต่ว่าฉัน...” ที่นี่ไกลจากวิทยาลัยของเฉินจิ้งมาก และเธอก็ไม่ได้นำเงินติดตัวมามากมายขนาดนั้น ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ หลิงเต้าซีก็ยื่นเงินให้

            “เอาไปก่อนก็ได้”

            “ขอบคุณนะ” เฉินจิ้งรับเงินมาด้วยความประทับใจ

            รถสามล้อเคลื่อนห่างออกมาเรื่อยๆ เมื่อเฉินจิ้งหันกลับไปมอง เธอยังคงเห็นเงาของหลิงเต้าซี

            ‘หรือว่า... เขายังชอบฉันอยู่กันนะ’ เธอคิดในใจ

 

            หลังจากการฝึกซ้อมในช่วงบ่ายเสร็จสิ้น เพื่อนร่วมทีมก็เดินเข้ามาคุยกับฉีตง

    “ได้ข่าวว่าซ้อจะมาเหรอ”

            ฉีตงตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก “มึงเป็นนักสืบหรือไง”

            “แหะๆ ในมหา’ลัยเยียนมีใครบ้างไม่รู้เรื่องเฮียตงผู้ทรงเสน่ห์ ว่าแต่มึงนี่กล้าดีจริงๆ ล่อซะในหอเลยเหรอวะ”

            “มีปัญหาหรือไง”

            “หูย ใครจะกล้า... ว่าแต่เมตมึงทำไงอะ”

            “มึงนี่จู้จี้ฉิบหาย”

            “หรือว่าพวกมึงเล่น 3P”

            “3P ที่หน้ามึงสิ” ฉีตงล็อกคอเพื่อนร่วมทีม ใช้กำปั้นขยี้หัวอีกฝ่ายอย่างแรง จนเพื่อนคนนั้นถึงกับต้องร้องขอความเมตตา

 

            “อะไรนะ มาไม่ได้แล้วเหรอ”

            ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไร สีหน้าของฉีตงถึงได้ดูแย่ขนาดนี้

    “มาไม่ได้แล้วทำไมเพิ่งมาบอก”

            เฉินจิ้งอธิบายอีกสองประโยค ฉีตงก็ตัดสายไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

            “ยายบ้าเอ๊ย กล้าเทกูได้ไงวะ”

            พอมานั่งคิด ฉีตงก็ยิ่งไม่มีความสุข เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาอีกครั้ง ก่อนจะกดส่งข้อความสั้นๆ

            สองวินาทีถัดมา โทรศัพท์ของหลิงเต้าซีก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้า

 

ฉีตง : กลับมาภายในสิบนาที

 

            หลิงเต้าซีกลับห้องมาพร้อมกับอาการเหนื่อยหอบ

    ฉีตงหรี่ตามอง “สิบเอ็ดนาทีครึ่ง”

            “ผมไปห้องสมุดมา มันไกล...”

            ฉีตงจ้องอีกฝ่ายเงียบๆ หลิงเต้าซีตระหนักได้ว่าตัวเองพูดผิดไปเสียแล้ว เขาจึงเดินไปคุกเข่าตรงหน้าฉีตง

            “กูขี้เกียจขยับมือละ มึงทำเอง”

            หลิงเต้าซีตบหน้าตัวเองจนเกิดเสียงดัง ‘เผียะ!’

    “นายท่าน ผมผิดไปแล้วครับ”

            “ผิดตรงไหน”

            “มาสาย”

            “อะไรอีก”

            หลิงเต้าซีตบใบหน้าอีกข้าง “หาข้ออ้างครับ”

            “สิบที”

            จากนั้นภายในห้องก็มีเสียงตบและเสียงนับดังขึ้น

            “พอแล้ว” ฉีตงสะบัดมือ “มีคนให้โอกาสเธอมีความสุข แต่เธอไม่ต้องการ ก็คงต้องให้มึงแล้วละ ขึ้นมารับใช้ข้างบน” ฉีตงพูดพลางจุดบุหรี่สูบ

            นับตั้งแต่ทั้งสองคนเริ่มความสัมพันธ์ที่ผิดปกติขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่ฉีตงอนุญาตให้หลิงเต้าซีขึ้นไปบนเตียงของตน แต่ในตอนที่หลิงเต้าซีกำลังจะปีนขึ้นเตียง ฉีตงก็หยุดเขาไว้เสียก่อน

            “รอเดี๋ยว” ฉีตงสำรวจหลิงเต้าซี รู้สึกว่าอีกฝ่ายสวมชุดแบบนี้มันน่าเกลียด “ถอดเสื้อผ้าออก”

            หลิงเต้าซีชะงัก แต่เขาก็พยายามถอดเสื้อผ้าของตนออกทีละชิ้น จนกระทั่งเหลือเพียงกางเกงชั้นในเป็นชิ้นสุดท้าย มือของหลิงเต้าซีสั่นเล็กน้อย

            ฉีตงมองหลิงเต้าซีอย่างใจเย็น ความทะนงตนฝังอยู่ในกระดูกของอีกฝ่าย หลังจากฝึกมามากกว่าหนึ่งเดือน หลิงเต้าซียังคงหลงเหลือความเป็นตัวเองได้มากขนาดนี้หรือ

            แต่... แบบนี้แหละที่น่าสนใจ หากหลิงเต้าซียอมแพ้ตั้งแต่แรก อาจจะไม่สามารถกระตุ้นความสนใจของฉีตงได้แม้แต่นิดเดียว

            หลิงเต้าซีมองฉีตง เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองมาด้วยความเกียจคร้านและไม่มีทีท่าว่าจะสั่งให้เขาหยุด เขาจึงต้องกลั้นใจกัดฟันถอดกางเกงชั้นในออก

            ฉีตงพอใจ ก่อนจะงอขาขึ้น “ขึ้นมานี่”

            หนึ่งเดือนที่ผ่านมา ฝีมือของหลิงเต้าซีดีขึ้นมาก ปรนนิบัติฉีตงให้ถึงจุดสุดยอดได้ทุกครั้ง ฉีตงเอนกายพิงหัวเตียงพลางพ่นควันบุหรี่ออกมา พร้อมกับเสพสุขจากการบริการด้วยฝีมือของหลิงเต้าซี เขาถือโอกาสหยอกล้อกับช่วงใต้สะโพกของอีกฝ่ายจนท่อนเนื้อที่สงบกลับแข็งขืนขึ้นมา

   แม้เขารู้ตั้งแต่แรกว่าอีกฝ่ายจะได้รับความตื่นเต้นทางเพศจากเรื่องแบบนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ ซึ่งเขารู้สึกว่าน่าสนใจมาก

   เขาไม่เข้าใจความสุขของหลิงเต้าซีนัก และไม่อาจหาสาเหตุได้ว่าเพราะอะไรเวลาที่คนเลียเท้ากันถึงมีอารมณ์ แต่ความสุขที่หลิงเต้าซีทำให้เขานั้นส่งผลทั้งทางจิตใจและร่างกาย เหนือสิ่งอื่นใด ความรู้สึกนี้มันไม่น้อยไปกว่าการมีอะไรกับผู้หญิง

  ฉีตงขยับเท้าลงมาเรื่อยๆ ใช้นิ้วเท้าลูบไล้ผ่านคอ หน้าอก และท้องน้อยของหลิงเต้าซีอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ตรงจุดอ่อนไหวส่วนล่าง

  นี่เป็นครั้งแรกที่ฉีตงสัมผัสกับแก่นกายของหลิงเต้าซีโดยปราศจากเสื้อผ้า เห็นอีกฝ่ายทำราวกับว่าถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงในชั่วพริบตา หลิงเต้าซีหยุดชะงัก อดที่จะเงยหน้าขึ้นมองฉีตงไม่ได้ ดวงตาเขาพร่ามัวเต็มไปด้วยความโหยหาและวิงวอน ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อย ลมหายใจแปรเปลี่ยนเป็นหอบถี่

  ฉีตงใช้เท้าถูหนังที่ห่อหุ้มแท่งเนื้อขึ้นลง ใช้นิ้วเท้าเขี่ยส่วนปลายอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็เหยียบแท่งเนื้อร้อน แล้วใช้ส้นเท้าหยอกล้อกับลูกบอลกลมกลึงด้านล่าง หลิงเต้าซีหลับตาลง ดูไม่ออกว่าทรมานหรือสุขสมกันแน่ อีกทั้งยังหายใจหอบจนตัวสั่น

  ฉีตงชอบมองสีหน้าของหลิงเต้าซี แล้วนึกเปรียบเทียบกับแฟนสาวคนก่อนๆ ที่เขาเคยมีอะไรด้วย ผู้หญิงเหล่านั้นมีสีหน้าที่บ้าคลั่งยามตกอยู่ใต้ร่างของเขา ตรงกันข้ามกับสีหน้าที่แสดงถึงความเข้มแข็งของหลิงเต้าซีอย่างสิ้นเชิง การมองหลิงเต้าซีจึงให้อารมณ์ที่ต่างออกไป

 เขาพอใจกับการแสดงออกของอีกฝ่ายมาก แต่ในใจก็รู้ดีว่ายังมีบางอย่างที่ขาดหายไป

 ฉีตงออกแรงบดขยี้จนหลิงเต้าซีเงยหน้าขึ้นมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ทำให้เขาเห็นว่าอีกฝ่ายกัดริมฝีปากเอาไว้ ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าอะไรขาดหายไป

 “อย่ากลั้น ครางออกมา”

 “อ๊า...” หลิงเต้าซีครางเสียงแหบพร่า ซึ่งต่างจากปกติที่เสียงของเขามักจะเรียบนิ่ง

 “มันเพราะกว่าตอนที่มึงกล่าวสุนทรพจน์บทเวทีซะอีก ร้องดังขึ้นหน่อยสิ” ฉีตงขยับเท้าเร็วขึ้น

 “อื้อ... อา... อ๊าาา” การขยับของฉีตงทำให้เสียงครางของหลิงเต้าซีดังขึ้นจมูก และทั้งห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศคาวโลกีย์

 หลังจากผ่านการเสียดสีอย่างหนักหน่วงไปสองสามครั้ง ลมหายใจของหลิงเต้าซีก็รัวเร็วขึ้นอย่างฉับพลัน เขาจ้องฉีตงเขม็ง รูม่านตาหดลง เสียงครวญครางราวกับจะขาดใจเล็ดลอดออกมาจากลำคอ หลังจากนั้นร่างของหลิงเต้าซีกระตุกอย่างรุนแรงก่อนจะหยุดนิ่ง ลมหายใจอันหนักหน่วงค่อยๆ กลับสู่สภาวะปกติ มีเพียงบางอย่างใต้เท้าของฉีตงเท่านั้นที่ยังกระตุกอยู่ และพ่นน้ำสีขาวขุ่นออกมาทุกครั้งที่มันขยับ

 หลังจากปลดปล่อยไปประมาณเจ็ดถึงแปดครั้ง หลิงเต้าซีก็สงบลงช้าๆ ก้มหน้าลงและห่อไหล่จนดูแฟบเหมือนลูกโป่งที่ลมรั่ว

 ฉีตงขยับนิ้วเท้า หลิงเต้าซีถึงได้สติ รีบก้มลงไปเลียน้ำสีขาวขุ่นที่เลอะอยู่บนเท้าของฉีตงจนสะอาด จากนั้นก็คุกเข่าเงียบๆ อยู่ข้างกายฉีตง

 “ต้องพูดว่ายังไง ยังจะต้องให้สอนอีกเหรอ”

 หลิงเต้าซีคำนับให้อีกฝ่ายอย่างว่าง่าย “ขอบคุณครับนายท่าน”

 “มีความสุขไหม”

 หลิงเต้าซีพยักหน้าด้วยความกระดากอาย

 ฉีตงทำเสียงจึ๊กจั๊กในลำคออย่างไม่พอใจ แล้วก้มลงมองเป้ากางเกงของตนที่พองนูนขึ้นมา “แล้วกูล่ะ”

 หลิงเต้าซีไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงลองถามหยั่งเชิง “ให้ผมจัดการให้ดีไหมครับ”

เมื่อเห็นว่าฉีตงไม่มีท่าทีปฏิเสธ หลิงเต้าซีก็ขยับขึ้นไปอยู่ข้างหน้าแล้วใช้ฟันปลดกระดุมกางเกงของฉีตงอย่างระมัดระวัง ก่อนจะใช้ปากครอบครองส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่ายเอาไว้

เรื่องหนึ่งที่ฉีตงไม่พอใจเฉินจิ้งที่สุดคือเธอไม่ยอมใช้ปากให้เขา เป็นเวลานานมากแล้วที่เขาไม่ได้รับการปรนนิบัติเช่นนี้ การเคลื่อนไหวของหลิงเต้าซีในตอนนี้ เป็นไปตามความต้องการของฉีตงอย่างไม่ต้องสงสัย

การใช้ปากของผู้ชายกับผู้หญิงนั้นแตกต่างกัน ลิ้นของพวกผู้หญิงนุ่มและยืดหยุ่น แต่ผู้ชายมีพลังมากกว่า ทั้งยังเข้าใจจุดอ่อนไหวและเรียนรู้ที่จะควบคุมความหนักเบาได้เป็นอย่างดี

ฉีตงยอมรับเรื่องที่ถูกผู้ชายด้วยกันปรนเปรอทางปากได้อย่างรวดเร็ว แค่คิดว่าคนที่เปลือยกายและทำกิจกรรมอยู่ตรงกลางหว่างขาของเขาคือหลิงเต้าซี ก็ทำให้ความรู้สึกเหนือกว่าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ

เขาอดที่จะพูดว่ามันดีมากจริงๆ ไม่ได้ เมื่อได้รับการปรนนิบัติจากปากหลิงเต้าซีอย่างสุดความสามารถ

หลิงเต้าซีเอาใจนายท่านของเขาอย่างถึงอกถึงใจ ตวัดลิ้นดูดดุนไปทั่วตัวตนของอีกฝ่าย

โต๊ะคอมพิวเตอร์ของฉีตงอยู่ข้างเตียง เขาหยิบแผ่นหนังเอวีออกมา ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องครวญครางของผู้หญิงดังขึ้นพร้อมกับเสียงสั่นของไวเบรเตอร์ ทั้งยังมีเสียงเนื้อกระทบกันและเสียงครางอย่างพอใจของหนุ่มญี่ปุ่นอีกด้วย

ความอดทนของฉีตงนั้นถือว่าน่าประหลาดใจมาก หลิงเต้าซีทำเป็นเวลานานจนกระทั่งปากเริ่มชา เมื่ออีกฝ่ายเริ่มมีทีท่าว่าจะปลดปล่อย เขาก็เพิ่มความเร็วขึ้นอีก และพยายามดูดอมแก่นกายให้ลึกที่สุด ในที่สุดฉีตงก็ฉีดพ่นออกมา ซึ่งเกือบจะทำให้หลิงเต้าซีสำลัก หลังจากฉีตงปลดปล่อยหมดทุกหยาดหยด หลิงเต้าซีก็ผละออกจากแก่นกายของอีกฝ่าย และเลียของเหลวสีน้ำนมที่เหลืออยู่ให้สะอาด

“ก็ไม่เลวนี่ ที่แท้ปากของมึงยังใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีก” ฉีตงชื่นชม แต่ก็แฝงไปด้วยการเย้ยหยัน “อร่อยไหมล่ะ”

หลิงเต้าซีก้มหน้าและตอบด้วยเสียงอู้อี้ “อื้อ”

         ฉีตงจนปัญญากับท่าทางไร้เดียงสาหลังจากปลดปล่อยของอีกฝ่าย แต่วันนี้เขาไม่มีแก่ใจที่จะสอนหลิงเต้าซี

         ฉีตงนอนลงบนเตียง หลิงเต้าซีก็นวดให้ทันที จนกระทั่งนายท่านของตนผล็อยหลับไป ชายหนุ่มห่มผ้าให้ฉีตง จากนั้นก็เดินไปปิดคอมพิวเตอร์และกลับไปที่เตียงของตัวเอง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น